พร่างเสน่หา
ทุกอย่างเริ่มต้นในรุ่งสาววันหนึ่งกลางฤดูหนาวที่ซานเรโม เมื่อชายหนุ่มนักธุรกิจมือพนันระดับพระกาฬพบหญิงสาวลูกครึ่งหน้าตาขี้ริ้วรูปร่างอ้วนท้วนล้มลงนอนสลบขวางหน้าม้าตัวโปรดที่เขาควบขี่มากลางลู่ด้วยสภาพเปียกปอนปางตาย เหรียญทองนำโชคที่ติดตัวมาจึงถูกโยนขึ้นกลางอากาศเป็นการเดิมพันตัดสินชะตาชีวิตผู้หญิงแปลกหน้าคนนั้นให้อยู่รอดต่อไป หลังจากวันนั้นอเล็กซิสถึงรู้ว่า ภาพลักษณ์ของหญิงสาวความจำ
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ ๖

--- แวะคุยกันก่อน ---
สวัสดีค่ะนักอ่านทุกท่าน TT_TT
น่านกว่าจะมาช้าอีกแล้ว
เอิ่มคือแบบเขียนหลายวัน
เขียนแล้วแก้ เขียนแล้วแก้อะคะ
ขอบคุณที่ยังตามอ่านกันอยู่นะคะ
อยากเห็นหน้าตัวร้ายตัวแรกเชิญเด็กดีนะคะ

ปล.มีอ้างอิงข้างล่างนะคะ
ปล. 2 http://youtu.be/mIAUS1-FrEo เพลงประกอบ

********************************

บทที่ ๖

คนงานสี่ห้าคนช่วยกันขนปั๊มลมขนาดใหญ่จากในโรงจอดรถไปยังห้องทำงานในคฤหาสน์ตามคำสั่งของผู้เป็นนายได้ก่อความสงสัยกับพ่อบ้านในคฤหาสน์และคนงานในฟาร์มจนกลายเป็นหัวข้อสนทนาหลักในช่วงเช้าไปโดยปริยาย

แม้จะมีการยืนยันแน่ชัดแล้วว่าสองกลุ่มมาเฟียใหญ่ในมิลานจะเดินทางมาที่นี่แต่แทบทุกคนในฟาร์มกลับไม่รู้สึกทุกข์ร้อนอะไรเลยสักนิด ยิ่งในรายเจ้าของคฤหาสน์ยิ่งแล้วใหญ่เพราะนอกจากเจ้าตัวจะไม่วางแผนตั้งรับอะไรแล้วยังมัวแต่ทดสอบเครื่องยิงตะปูอยู่ในห้องทำงานอย่างสบายอารมณ์

“ อีกหนึ่งชั่วโมงพวกปาสซินี่กับดรันเกต้าจะมานะครับ จะให้ผมเปิดเครื่องรักษาความปลอดภัยกันพวกที่แฝงเข้ามาในคฤหาสน์เลยไหมครับ ” ฟาบิโอแจ้งเตือนเจ้านายที่ง่วนอยู่กับการเช็ดทำความสะอาดเครื่องยิงตะปูใหม่เอี่ยม

“ คนงานของบอสยิงปืนเป็นกันทุกคน บอสน่าจะให้คนงานพกอาวุธติดตัวไว้เลย เผื่อมีอะไรฉุกเฉินเราจะได้รับมือทัน ” ราฟาเอลเสนอความคิดเห็นอย่างกังวล ไม่ใช่เพราะกลัวการปะทะแต่ขึ้นชื่อว่ามาเฟียใช่ว่าทุกกลุ่มจะรักษาสัตย์จึงกลัวโดนลอบกัดเลยไม่อยากให้ประมาท

อเล็กซิสวางของเล่นชิ้นใหม่ลงบนโต๊ะก่อนจะหันมาให้ความสนใจกับตะปูม้วนขดใหญ่ตรวจความยาวและแหลมคมของตะปูเหล่านั้นด้วยรอยยิ้มกว้างอย่างพึงพอใจจากนั้นจึงเรียกฟาบิโอให้ขยับเข้ามาใกล้ๆ

“ นายเอาปลอกกระสุนที่ฉันฝากไว้มาให้หน่อยสิ ” เขาทวงถามของสำคัญจากมิลานพอได้รับคืนจึงยื่นแท็บเล็ตส่งไปให้พร้อมสั่งงานเสียงเรียบ “ นายช่วยเลือกชุดชั้นในผู้หญิงจากในเว็บนั้นมาสักแปดเก้าชุดสิ เอาแบบเป็นเซ็ตมีทั้งชิ้นบนชิ้นล่างเลยนะ อ้อ เวลาเลือกดูที่มีขนาดสามสิบสี่ซีนะ กดเลือกๆไว้เสร็จเมื่อไหร่ส่งมาให้ฉัน ”

“ คุณอเล็กซ์จะเอาไปทำอะไรครับ ”

“ เลือกไปเถอะน่า ” คนถูกถามตอบเท่านั้นก็กระดิกนิ้วเรียกราฟาเอลให้เข้ามาหาอีกคน “ ส่วนนาย เดี๋ยวสักเก้าโมงลงไปข้างล่างรับพวกนั้นพามาที่ห้องนี้หน่อยแล้วกัน ”

“ บอสจะให้ผมพามาเฟียพวกนั้นมาออกันอยู่ในห้องนี้กันหมดมันไม่เสี่ยงไปหน่อยเหรอครับ...ยังไงบอสให้ผมกับฟาบิโออยู่คุ้มกันดีไหมครับ ”

“ จะกังวลอะไรกันนักหนา...ถึงวันนี้พวกนั้นจะเปลี่ยนให้ลูกชายนำทีมมา แต่พวกนั้นคงไม่สมองกลวงขนาดกล้าหาเรื่องในถิ่นคนอื่นหรอกน่า แต่ถ้าเกิดมีอะไรขึ้นมาฉันคงไม่ยืนเป็นเป้านิ่งให้มันล่อหรอก ”

“ แล้วตกลงบอสทราบหรือยังครับว่าพวกนั้นเกิดยิงกันทำไม ”

“ ไม่ใช่เรื่องต้องรู้ก็อย่ารู้มันเลย ” เขาตอบทำเอาราฟาเอลสะอึก...ส่วนฟาบิโอเมื่อเลือกเสร็จก็ส่งคืนแท็บเล็ตให้แต่หลังจากได้เห็นรูปภาพชุดชั้นในที่อีกฝ่ายเลือกเขาก็ถึงกับหัวเราะเสียงดัง

“ ชุดที่ผมเลือกมันมีอะไรน่าขำนักเหรอครับ หรือว่ามันเซ็กซี่น้อยไปเลยไม่ถูกใจ ”

“ มันก็เซ็กซี่...เซ็กซี่มากจนฉันเห็นสีหน้าคนได้รับลอยขึ้นมาก็เลยขำนะ ” คนออกคำสั่งยังคงขำไม่หยุดทำให้ลูกน้องอีกคนต้องชะโงกหน้ามาร่วมวงดูด้วยอีกคน

“ ร้อยวันพันปีไม่เห็นบอสจะเคยสนใจซื้อของให้ผู้หญิงคนไหนสักคน แล้วนี้ไปถูกใจสาวที่ไหนมาถึงคิดจะซื้อของพวกนี้ให้ จะซื้อทั้งทีแทนที่จะพาไปเลือกถึงร้านกลับไม่ไปดันมาซื้อผ่านระบบออนไลน์อีก ”

อเล็กซิสเพียงยิ้มเล็กน้อยแทนคำตอบแล้วหยิบโทรศัพท์ต่อสายถึงแบรนด์ชุดชั้นในที่เลือกเมื่อครู่เพื่อบอกรหัสสินค้าพร้อมจะส่งคนไปรับของถึงร้านค้าเพื่อไม่ให้เสียเวลาจัดส่งแล้วส่งสัญญาณมือบอกลูกน้องทั้งสองให้กลับไปทำงานตามปกติแต่หัวหน้าฟาร์มเลี้ยงกลับขอเวลาสนทนาต่อ

“ ผมได้ยินว่า วันนี้คุณอเล็กซ์จะให้นีนเริ่มทำงาน ” เขาเปิดประเด็นถึงคนเจ็บ

“ ถ้านายคิดจะยกเหตุผลร้อยแปดมาค้านไม่ให้ผู้หญิงคนนั้นทำงานเหมือนโนอาร์อีกคนล่ะก็...เงียบไปได้เลย ”

“ แต่กระดูกของนีนเขาเพิ่งจะติด ถ้าเกิดไปกระแทกอะไรขึ้นมามันอาจจะหักอีกก็ได้นะครับ ”

“ ผู้หญิงคนนั้นแข็งแรงพอจะทำงานที่ฉันมอบหมายให้ แต่ถ้าพวกนายห่วงกันมาก ฉันจะให้นาร์บาสคอยดูไว้ เมื่อไหร่เธอเป็นลมขึ้นมาฉันจะส่งเธอไปสถานพยาบาลแล้วไม่ต้องทำงานอีก...ตกลงไหม ”

ฟาบิโอสบตาเจ้านายแม้จะหวั่นใจในสภาพร่างกายของหญิงสาวในสถานพยาบาล หากก็ทราบดีว่าอีกฝ่ายเป็นคนพูดคำไหนคำนั้นก็คลายใจยอมจากไปแต่โดยดี

อเล็กซิสก้าวเท้าไปที่ประตูกระจกทอดมองผ่านเฉลียงด้านนอกไปยังสถานพยาบาลที่ซ่อนตัวอยู่ในแนวต้นไม้แล้วยกมือกอดอก

...ผู้หญิงมักเป็นชนวนเหตุแห่งความวุ่นวายเสมอ...

*************************************

พยาบาลสูงวัยหยิบหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นและระดับประเทศฉบับใหม่ล่าสุดจากในห้องพักของแพทย์ประจำสถานพยาบาลมาสอดไว้ระหว่างเตียงกับเหล็กกั้นอย่างเบามือ พยายามไม่รบกวนการนอนหลับของหญิงสาวบนเตียง ทว่าระหว่างหันหลังกลับส้นรองเท้ากลับกระแทกพื้น แม้เสียงจะไม่ดังนักหากก็ปลุกให้คนเจ็บตื่นขึ้นมาจนได้

นีนนารากระพริบตาปรับตัวเองให้คุ้นชินกับแสงสว่างก่อนยันกายลุกขึ้นนั่งส่งยิ้มหวานแทนคำทักทายให้พยาบาลที่กุลีกุจอเข้ามาปรับหัวเตียงให้ตนเองเหมือนทุกวัน จากนั้นจึงหยิบหนังสือพิมพ์มาพลิกอ่านบนตักโดยเจาะจงหัวข้อข่าวที่เกี่ยวข้องกับการโจรกรรมและอาชญากรรม รองลงมาจึงเป็นเรื่องศิลปวัฒนธรรมและข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับการเดินเรือ

สิ่งที่หล่อนค้นหาเป็นหลักคือข่าวการเสียชีวิตของบุคคลที่อาจมีลักษณะตรงกับบิดาของตัวเอง และหาตัวของผู้บงการให้ชีวิตอันสงบสุขของพ่อและหล่อนระยำบัดซบ

แม้ในวันที่หล่อนกับพ่อถูกจับโยนจากท้ายรถบรรทุกกระแทกกับพื้นหินกรวดอย่างไม่ปราณีปราศรัยจะเป็นคืนเดือนมืด แต่แสงไฟวับแวมบนท่าเรือได้สาดส่องให้ตัวการใหญ่ผู้มีเหยี่ยวสีน้ำตาลตัวยักษ์เป็นสัตว์เลี้ยงมหาภัยที่โฉบมาจิกเนื้อแขนขาตลอดเวลาที่หล่อนถูกไอ้ยักษ์ผิวดำลากถูลู่ถูกังแม้ถูกถีบตกลงไปในเรือเร็วมันยังตามมาฝากรอยแผลฉกรรจ์จากจะงอยปากให้ดูต่างหน้า

ใบหน้าเรียวมีเหลี่ยมมุมและนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มคมกริบดูหล่อเหลาสมเชื้อชาติชายอิตาลี ทว่าความอำมหิตของสารเลวตนนั้นได้แปรสภาพมันให้กลายเป็นอสูรกายแสนอัปลักษณ์ที่หล่อนจะจารจำไปตลอดชีวิต

...ความคับแค้นใจดังเปลวเพลิงผลาญกองฟางให้ทุมสุมไหม้แล้วลุกลามต่อไปยังกองฟางอื่นเป็นทอดอย่างไม่มีวันจบสิ้น และมันยังวนเวียนอยู่ในห้วงนิทราในรูปแบบของความฝันให้รู้สึกเจ็บใจจนน้ำตาแห่งความเกลียดชังหลั่งไหล...

หญิงสาวอ่านเนื้อหาข่าวและสังเกตภาพบุคคลในหน้าหนังสือพิมพ์อย่างละเอียดถี่ถ้วนเมื่อไม่พบอะไรเช่นเคยก็ถอนหายใจเก็บมันไว้ดังเก่าก่อนจะได้ยินเสียงประตูเปิดจึงเงยหน้าไปมองก็เห็นแพทย์ประจำสถานพยาบาลเดินเข้ามาหาพร้อมกับเสมียนหนุ่ม

“ ต่อไปหมอจะงดให้ยาแก้อักเสบ แต่จะยังให้คุณทานยาบำรุงเลือดกับเสริมแคลเซียมให้กระดูกต่อ...แล้วเดี๋ยวพอคุณอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าทานข้าวอะไรเสร็จ ผมจะให้นาร์บาสพาคุณไปดูงานที่ต้องทำนะครับ ”

คนเจ็บพยักหน้ารับคำรู้สึกกระวนกระวายใจกับงานที่ได้รับมอบหมายอยู่ไม่น้อยแต่ก็แข็งใจยิ้มรับทุกสถานการณ์อย่างไม่มีทางเลือก ค่อยๆปีนลงจากเตียงเดินไปยังห้องน้ำให้พยาบาลช่วยอาบน้ำสระผมและแต่งตัวเหมือนทุกวันที่ลงจากเตียงเองได้

พยาบาลทั้งสองจัดแจงทำความสะอาดร่างบางของคนไข้จนสะอาดจึงหยิบชุดชั้นในและเสื้อผ้าจากในถุงผ้าที่เตรียมมาสวมให้อย่างระมัดระวัง

“ พวกป้าเพิ่งรู้ว่าหนูต้องไปทำงานให้คุณอเล็กซ์เลยไม่ได้ซื้อของใช้อะไรเตรียมไว้...เลยต้องเอาชุดชั้นในที่หนูใส่มาครั้งแรกซักมาให้ใส่ก่อน ส่วนเสื้อผ้าพวกนี้เป็นของหลานสาวป้าเห็นเขาใส่ไม่ได้แล้วเลยเอามาให้ใส่คงไม่เป็นไรนะ ” พวกนางแจงเพียงเห็นอีกฝ่ายยังยิ้มพอใจก็โล่งอก ช่วยกันติดกระดุมเดรสแขนสั้นสีดำลายจุดขาวประดับปกเสื้อและชายกระโปรงที่ยาวเลยเข่าด้วยผ้าลูกไม้ เมื่อสำรวจเสื้อผ้าว่าเรียบร้อยดีจึงจัดการถักเปียเก็บผมหน้าม้าและรวบผมยาวด้านหลังทั้งหมดเป็นหางม้าแล้วพากลับเข้ามาทานอาหารเช้าต่อในห้องพักฟื้น

โนอาร์เฝ้ามองคนไข้ของตนเองที่ดูแปลกตาจากเดิมด้วยความห่วงใยถึงจะทราบลักษณะงานและเห็นว่าไม่หนักหนาเกินไปสำหรับคนป่วยแต่ไม่รู้เหตุใดความกังวลถึงไม่คลายลงเสียที

นีนนาราวางช้อนลงในชามดื่มน้ำเปล่าตามลงไปให้โล่งคอก็พร้อมจะออกไปทำงานที่ได้รับมอบหมายจึงคืนชามให้พยาบาลทั้งสองก่อนจะเดินไปหานาร์บาสที่นั่งรออยู่ตรงม้านั่งนอกห้อง

“ ปกติใส่ชุดคนป่วยนีนก็ดูสวยหรอกนะ แต่พอใส่ชุดแบบนี้แล้วกลายเป็นน่ารักไปเลยแฮะ ” ชายหนุ่มกล่าวชมพลางยิ้มอวดฟันขาวทำเอาชายหนุ่มอีกคนหน้าชักตึงอย่างไม่มีสาเหตุ

“ ถ้าคุณไปทำงานแล้วรู้สึกเหนื่อยหรือปวดหัวเมื่อไหร่ให้รีบบอกนาร์บาส เขาจะได้โทรมาบอกหมอให้ไปรับ ส่วนเรื่องเวลาทำงานหมอให้ลิมิตไม่เกินหกโมงครึ่ง ถ้าถึงเวลาแล้วคุณยังไม่กลับมาหมอจะไปรับเอง แล้วก็เดี๋ยวเอานี้ไปใส่ด้วยนะ ” บอกเสร็จก็ผละหายเข้าไปในครัวและกลับออกมาพร้อมกับรองเท้าหนังสีชมพูมุกน่ารักคู่หนึ่ง

แพทย์หนุ่มคุกเข่าลงกับพื้นข้างหนึ่งช่วยสวมรองเท้าให้หญิงสาวทีละข้างอย่างนุ่มนวลก่อนแหงนหน้าแลอีกฝ่าย แม้สีหน้าจะเฉยชาหากในดวงตากลับมีประกายละมุนชวนให้อุ่นใจ

“ พอดีหรือเปล่า ” เขาถามสั้นตามประสาคนไม่ชอบอารัมภบทอะไรยืดยาวยกเว้นแต่เวลารายงานอาการป่วย

หญิงสาวประสานสายตากับนายแพทย์หนุ่มหน้าหวานด้วยดวงตากลมโตพราวระยับ ในใจรู้สึกตื้นตันกับน้ำใจของผู้ชายหน้าตายตรงหน้าที่มีให้ก่อนยกชายกระโปรงขึ้นข้างหนึ่งพร้อมถอนสายบัวและแย้มยิ้มสดใสแทนคำขอบคุณ

“ แมกซี่ โบกู ” หล่อนขยับริมฝีปากฝากคำไร้เสียงพลางยื่นมือไปบีบแขนเขาครั้งหนึ่งราวกับจะสำทับความจริงใจแล้วหันหลังเดินตามชายหนุ่มชาวสเปนออกจากสถานพยาบาลไป

โนอาร์ลุกจากพื้นกระพริบตามองแผ่นหลังบางของคนไข้ที่หายลับไปหลังบานประตูแล้วเดินไปทรุดกายลงบนม้านั่งหน้าห้องพักฟื้นแล้วเอนศีรษะพิงผนัง ในช่วงเวลานั้นเขายกมือข้างหนึ่งวางลงบนอกจับจังหวะเสียงหัวใจอันเต้นรัว

“ ให้ตายเถอะ...ผู้หญิงคนนี้ ” เขาสบถพลางส่ายหน้าเหมือนเอือมระอา

...ทว่าริมฝีปากบางนั้นหนากลับเหยียดกว้างออกมาเต็มรักเสียอย่างนั้น...
*************************************

รถยุโรปคันหรูสีดำสี่คันเคลื่อนตัวตามหลังกันเป็นขบวนเข้ามาจอดเรียงกันตรงลานน้ำพุหน้าคฤหาสน์ตามเวลานัดหมาย จากนั้นมาเฟียทั้งสองกลุ่มต่างก็ทยอยลงจากรถโดยต่างฝ่ายต่างมีหัวหน้าเป็นมาเฟียหนุ่มที่เตรียมจะขึ้นรับตำแหน่งต่อจากบิดาผู้เป็นนายใหญ่

ราฟาเอลกวาดสายตานับจำนวนกลุ่มคนเหล่านั้นเพื่อประเมินสถานการณ์ก่อนจะเป็นฝ่ายนำทางทั้งหมดไปพบกับเจ้านายของตนเองที่ขลุกอยู่กับอุปกรณ์งานช่างชิ้นใหม่ในห้องทำงานมาตั้งแต่เช้า

อเล็กซิสชำเลืองมองชายหนุ่มตัวใหญ่ยักษ์หน้าตาถมึงทึงสวมสูทสีดำเนื้อดีวางท่ายโสเดินนำหน้าลูกน้องเข้ามายืนด้านซ้ายมือของเขา จากนั้นชายหนุ่มร่างสูงโปร่งผู้สวมแว่นสายตากรอบกลมกับสูทสีน้ำตาลอ่อนท่าทางสุขุมจะพาลูกน้องแยกมายืนอยู่ด้านขวามือ

ลูกชายมาเฟียทั้งสองยืนรอการทักทายแต่เจ้าของห้องไม่พูดอะไรมากไปกว่าเหยียดมุมปากแล้วชี้นิ้วเรียกให้ลูกน้องของทั้งคู่มารับเอกสารรายการค่าเสียหายทั้งหมดไปพิจารณา

“ ค่าเสียหายทั้งหมดพวกคุณต้องรับผิดชอบร่วมกันคนละครึ่ง...จะจ่ายเป็นเงินสดหรือเช็กก็ได้ แต่ถ้าเป็นเช็กขอที่ขึ้นเงินได้ภายในอาทิตย์นี้ล่ะ ” คำแรกที่หลุดจากปากเป็นการทวงความรับผิดชอบจากทั้งสองฝ่าย

“ อะไรกัน...มายังไม่ทันจะรู้เลยว่า ใครเป็นฝ่ายเริ่มก็จะให้จ่ายค่าเสียหายเลยแบบนี้ มันไม่เกินไปหน่อยเหรอไง ” เปโล่ ดรันเกต้า ชายหนุ่มร่างยักษ์ว่าที่ผู้สืบทอดตำแหน่งหัวหน้าใหญ่แห่งกลุ่มดรันเกต้าร้องถามเสียงห้วนส่งสายตาหยามหยันราวกับสนทนากับสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ

“ ผมไม่สนใจว่าฝ่ายไหนมันเริ่ม...สนแค่ว่าพวกมาเฟียอย่างคุณฝืนกฎของโรงแรมผมพกอาวุธเข้ามาสร้างภาระให้ผมกับพนักงานต้องเก็บกวาดมากกว่า ”

“ พูดอย่างนั้นก็ไม่ถูกนะ พวกที่สมควรชดใช้ทุกอย่างในครั้งนี้ต้องเป็นพวกที่เริ่มยิงก่อนต่างหาก ”

“ เรื่องมันเกิดเพราะพวกคุณนัดเจรจาเป็นพันธมิตรกัน แต่ไม่รู้จะเป็นมิตรกันแบบไหนถึงพกอาวุธซะครบมือ...ไอ้มาเฟียสมัยนี้ความอดทนต่ำ พอมีอะไรไม่พอใจหน่อยก็ชักปืนยิงใส่กัน พวกมาเฟียรุ่นเก่าที่ไปด้วยห้ามไม่ทันก็โดนลูกหลงตายกันหมดก็ไม่เห็นจะแปลกอะไร ” เจ้าของห้องพูดเรียบเรื่อยเอื้อมหยิบเอกสารรายชื่อพันธุ์ม้ามาพลิกอ่าน

“ ในเมื่อคุณทราบว่าพวกเรานัดเจรจากันด้วยเรื่องอะไรแสดงว่าคุณคงต้องกล้องวงจรปิดไว้ในห้องพัก และเมื่อเป็นแบบนั้นคุณก็น่าจะทราบถึงสาเหตุที่ทำให้ลูกน้องของเราขัดแย้งกันสินะครับ ”

เจ้าของฟาร์มเลี้ยงม้าแลใบหน้าอันเรียบเฉยและมาดเงียบขรึมของลูกชายมาเฟียใหญ่จากกลุ่มปาสซินี่แล้วหลุดหัวเราะเบาในลำคอ

“ ผมไม่มีนโยบายติดกล้องวงจรปิดในห้องพักเพราะมันเป็นการละเมิดสิทธิ์ของลูกค้ามากเกินไป ”

“ แล้วการติดเครื่องดักฟังมีอยู่ในนโยบายของคุณหรือเปล่าครับ ” เขาถามสวนอย่างสุภาพแต่แววตาแข็งกร้าวนัก

“ อย่าเอานโยบายติดกล้องวงจรปิดกับเครื่องดักฟังในโรงแรมคุณมาเปรียบเทียบกับนโยบายของโรงแรมผมเพราะผมไม่ใช่คนขี้ขลาด กลัวตัวเองจะไม่ได้สืบทอดอำนาจถึงขนาดต้องหาวิธีรู้ความเคลื่อนไหวของทุกคนแม้แต่พ่อตัวเองหรอก ” คำตอบโต้จากคนที่จดจ่ออยู่กับเอกสารกระทบใจลูกชายมาเฟียใหญ่ทั้งสอง แต่ฝ่ายปาสซินี่ยังคุมตัวเองให้ยืนนิ่งแตกต่างจากฝ่ายดรันเกต้าที่เดือดดาลถึงขั้นกระโจนมาหาแล้วชักปืนจ่อขมับผู้พูดถึงที่

“ สวะปากดีอย่างมึงกูยิงสมองกระจุยมานักต่อนักแล้วรู้ไหม ” เปโล่คำรามน่าเกรงขาม ทว่าคนที่ตกเป็นเบี้ยล่างดันหัวเราะหยันเสียงดังเหมือนขบขันในการกระทำของอีกฝ่ายเป็นอย่างมาก

“ มึงหัวเราะอะไรหนักหนา...หุบปากซะ ไม่อย่างนั้นกูระเบิดสมองมึงแน่ ” เขาตะคอกสำทับหวังข่มขวัญ

อเล็กซิสไม่แยแสต่อถ้อยคำหรือแม้แต่ปลายกระบอกปืนจากลูกสมุนแก๊งค์ดรันเกต้าที่เล็งตรงมาทางตน ค่อยๆวางแฟ้มเอกสารลงบนโต๊ะปล่อยให้เปโล่วางนิ้วเตรียมเหนี่ยวไกเหมือนจำนนให้ความตายย่างเหยียบสู่ชีวิต หากในเสี้ยววินาทีที่ปลายนิ้วใหญ่กดลงบนไกเขากลับฉวยปากกาหมึกซึมด้ามทองที่เสียบคั่นหน้าเอกสารแล้วลุกพรวดจากเก้าอี้ใช้ศีรษะกระแทกข้อมือจนเจ้าของปืนเสียจังหวะจึงฉวยโอกาสนั้นกระชากแขนให้เข้ามาใกล้ใช้ปากกาจ้วงแทงท่อนแขนเต็มแรงแล้วใช้สันมือฟันเข้าใต้คางตามด้วยการฟันศอกใส่กรามเต็มแรงก่อนดึงแขนอีกข้างไขว้มาไว้ด้านหลังอย่างเร็วส่งผลให้มีเสียงกระดูกหักลั่นขึ้นมา เท่านั้นยังไม่พอคนตัวเล็กกว่ายังกระชากคอเสื้อให้กายปานยักษ์ปักหลั่นล้มลงนั่งบนเก้าอี้เอื้อมมือหยิบเครื่องยิงตะปูที่ต่อสายปั๊มลมพร้อมใช้งานกดลงบนขมับ

“ ก่อนจะมาที่นี่ไม่มีใครเตือนแกให้ระวังฉันบ้างเลยหรือยังไง ” เขากระซิบถามดึงปืนมาวางบนโต๊ะ ค่อยๆบรรจงกดปลายนิ้วแข็งลงบนจุดสำคัญบนลำคอ ขณะกวาดมองบรรดามาเฟียตรงหน้าทีละคนอย่างถี่ถ้วนด้วยแววตาเหี้ยมเกรียมพลางแสยะยิ้มเย็นเยือกดุจปีศาจร้ายทำเอาคนถูกมองชักหายใจไม่ทั่วท้อง

“ เมื่อกี้แกกล้าเอาปืนจ่อหัวฉัน งั้นคราวนี้ฉันจะเอาตะปูตอกใส่กะโหลกแก...ถึงมันจะทำสมองแกกระจุยเหมือนปืนไม่ได้ แต่เชื่อเถอะว่า แกจะทรมานกับตะปูที่ฉันฝังในกะโหลกของแกไปอีกนาน ”

“ เฮ้ย...พวกแกยืนบื้ออะไร ไม่เห็นเหรอว่ามันจะฆ่าฉัน ทำไมไม่ยิงมันว่ะ ” ถึงจะตกเป็นรองแต่เปโล่ยังไม่เลิกถือดีตะโกนเรียกลูกน้องให้ช่วยเหลือตัวเองเป็นการใหญ่

“ ลูกพี่บอกขนาดนี้จะไม่ยิงหน่อยเหรอ จะยิงตรงไหนก็ได้แต่ถ้าฉันไม่ตาย พวกนายได้มีเรื่องใหญ่แน่ ” เขาว่าพลางหัวเราะร่วนใช้ปลายนิ้วเช็ดเลือดที่กระเซ็นติดข้างแก้มแล้วลิ้มรสมันอย่างเอร็ดอร่อย

พวกดรันเกต้ากลืนน้ำลายเฮือกเช่นเดียวกับพวกปาสซินี่ชักไม่แน่ใจว่า กำลังเผชิญหน้ากับนักธุรกิจเจ้าของโรงแรมคาสิโนในมิลานหรือฆาตกรโรคจิตเลยไม่มีใครกล้าขยับตัว แต่แล้วเสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นก็ทำให้ทุกคนสะดุ้ง

อเล็กซิสล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อสูทของเปโล่หยิบโทรศัพท์มือถือมากดรับสายแล้วสนทนากันสักครู่ก็เปิดลำโพงปล่อยเสียงดุดันของปลายสายที่ตำหนิการกระทำของลูกชายและลูกน้องตัวเองให้ได้ยินโดยทั่วกัน

“ ผมต้องขอโทษแทนลูกชายด้วยที่ทำอะไรบุ่มบ่าม...ยังไงผมจะหาเวลาไปพบคุณเพื่อคุยถึงเรื่องที่เกิดขึ้นใหม่ ส่วนเรื่องค่าเสียหายผมจะให้ลูกน้องนำเงินสดไปให้คุณที่ซานเรโม่ ”

“ ที่จริงเรื่องนี้ก็ไม่ค่อยเกี่ยวอะไรกับพวกคุณหรอก แต่ผมอยากให้มารับทราบรายการค่าเสียหาย ส่วนเรื่องลูกชายคุณเนี่ย เก่งกล้าขนาดนี้เห็นทีผมคงต้องคุยกับเขาแบบลูกผู้ชายสักหน่อย หวังว่าคุณจะไม่ถือสา ” เขาว่าพลางแสยะยิ้มพลางทำเอาคนในห้องร้อนๆหนาวๆไปตามๆกัน

“ เรามาเล่นกันต่อเถอะนะ ” เสียงแหบต่ำเอ่ยให้ฟังอย่างเนิบช้า

“ ใครเขาเล่นกับมึงวะ ” คนตัวใหญ่สบถไม่ยอมให้ข่มโดยง่ายเลยได้เจออีกฝ่ายยิงตะปูห่างจากหน้าผากของเขาไปเพียงเส้นด้ายคั่น

เปโล่เหลือบมองตะปูตัวเขื่องที่อยู่ตรงหน้าผากเริ่มรู้สึกถึงอันตรายที่กำลังจะเกิดขึ้นและในเสี้ยววินาทีนั้นเองที่ตะปูก็ถูกรัวยิงออกมาเป็นเส้นคดโค้ง หลายครั้งที่มันเฉี่ยวเอาเนื้อบนใบหน้าเรียกเลือดสีแดงสดให้รินออกมาตามรอยถลอก แต่ที่ทำให้ลูกชายมาเฟียถึงขั้นสลบคงเป็นตอนที่เขาทำท่าจะกดเครื่องยิงตะปูใส่ลูกตา

ชายหนุ่มดึงคอเสื้อสูทลากร่างใหญ่ยักษ์โยนใส่กลุ่มมาเฟียดรันเกต้าไม่พูดพล่ามอะไรเพียงแค่ชี้นิ้วไปที่ประตูทั้งหมดก็ลนลานลากลูกพี่ตัวเองออกไปแทบไม่ทัน

“ คุณบอกลูกน้องให้ออกไปก่อนได้ไหม ” เจ้าของห้องเลิกคิ้วถามกับลูกชายมาเฟียที่เหลืออยู่ในห้อง อีกฝ่ายก็ไม่มีท่าทีอิดออดโบกมือให้ลูกน้องออกไปตามความประสงค์

“ รู้ไหมว่า วันที่เกิดเรื่องมีผู้ชายคนหนึ่งพักอยู่ห้อง 809 ช่วงก่อนจะเกิดเรื่องประมาณหนึ่งชั่วโมงมีมือดีเอาสีสเปรย์มาพ่นหน้ากล้องวงจรปิดทุกตัวที่อยู่ตรงทางเดินของชั้นสิบห้า และหลังจากที่เกิดเรื่องมีปลอกกระสุนไรเฟิลประทับตรายี่ห้อปาสซินี่ตกอยู่ในห้อง ”

“ แล้วยังไงครับ ” เขาถามอีกแต่อีกฝ่ายกลับล้วงกระเป๋าหยิบปลอกกระสุนและซีดีแผ่นหนึ่งส่งให้

“ ผมถือหุ้นในแกรนด์มิลาโน่ ผมเป็นคนเสนอให้เขาซ่อนกล้องวงจรไว้อย่างลับๆ เพราะอย่างนั้นถึงคนร้ายจะปิดกล้องวงจรปิดหลักไปมีกล้องพวกนี้สำรองภาพอยู่ ซึ่งผมไม่รู้หรอกว่าไอ้คนที่อยู่ในเทปเป็นใครหรือมาจากแก๊งค์ไหน แต่รู้ว่ากระสุนนัดนี้เป็นชนวนให้ปะทะและปลอกกระสุนกลับนัดนี้มีลายนิ้วมือคุณเต็มไปหมด ”

“ คุณกำลังจะบอกว่าผมเป็นคนทำใช่ไหม ”

“ ผมแค่จะบอกคุณว่า พวกคุณจ่ายค่าเสียหาย ลูกน้องของคุณที่พกอาวุธเข้ามาตายแค่นี้ผมก็หมดเรื่องกับพวกคุณแล้ว เพราะฉะนั้นการตามหาตัวคนที่ใส่ร้ายคุณเป็นหน้าที่ของพวกคุณไม่ใช่หน้าที่ผม พ่อคุณไม่มีสิทธิ์เซ้าซี้ให้ผมสืบหาคนร้าย ถ้าเตือนแล้วยังไม่หยุด แก๊งค์ปาสซินี่จะไม่เหลืออะไรแม้แต่ชื่อ...จบเรื่อง เชิญคุณออกไปได้ ” อเล็กซิสเตือนน้ำเสียงแข็งกร้าวแล้วผายมือไปทางประตู

รอสโซ่ ปาสซินี่จ้องหน้าเจ้าของคฤหาสน์ที่กอดอกส่งสายตาท้าทายราวกับอำนาจมาเฟียไม่มีความหมายกับชีวิตเลยสักนิดก็หัวเราะชอบใจเป็นการใหญ่

“ คุณเป็นคนน่าสนใจจริงๆ ” เขากล่าวชมทิ้งท้ายเก็บหลักฐานที่ได้รับมาใส่กระเป๋าเสื้อสูทแล้วเดินไปเปิดประตูเดินหายออกจากห้องไป

**************************************************

นาร์บาสเดินออกจากสถานพยาบาลไปตามทางเดินอย่างไม่เร่งร้อนคอยหยุดก้าวเป็นระยะเพื่อไม่ให้หญิงสาวที่เดินเคียงมาด้วยกันเหนื่อย โดยระหว่างนั้นเขาก็อธิบายลักษณะงานคนเจ็บต้องรับผิดชอบให้ฟัง

“ เราจะแยกเวลาซักเสื้อผ้าออกเป็นสามรอบ...รอบแรกตอนเก้าโมงเช้านีนต้องเก็บเสื้อผ้าใช้แล้วของทุกคนในคฤหาสน์ไปซักก่อน แล้วตอนสี่โมงเย็นนีนก็ทยอยเก็บเสื้อผ้าใช้แล้วที่คนงานใส่ตะกร้าไว้หน้าห้องไปซักก่อน แล้วตอนหกโมงนีนก็ไปเก็บผ้าที่โรงอาบน้ำมาซัก แต่นีนไม่ต้องเข้าไปในห้องอาบน้ำชายหรอกนะ เพราะปกติพวกนั้นจะเอาผ้าขนหนูกับเสื้อผ้าถอดกองไว้ในตะกร้าใหญ่ตรงล็อกเกอร์หน้าประตูอยู่แล้ว ”

นีนนาราพยักหน้าเป็นเชิงรับทราบงานของตนเองอย่างแข็งขันก่อนจะละสายตาจากดอกหญ้าข้างทางไปตามเสียงเครื่องยนต์ที่ดังเข้ามาใกล้จึงได้เห็นรถยนต์หรูสีดำสองคันแล่นผ่านหน้าตัวเองไป ภายในนั้นมีชายฉกรรจ์สวมสูทและแว่นตาดำท่าทางคล้ายผู้มีอิทธิพลที่หล่อนเคยเห็นในภาพยนตร์

“ มาเฟียพวกนั้นกลับเร็วแฮะ ” เสมียนหนุ่มผู้รับหน้าที่เป็นหัวหน้าพ่อบ้านไปในตัวด้วยรำพึง...คำว่ามาเฟียจากปากเขาทำให้หญิงสาวชะงักงันเหลียวหลังกลับไปมองรถคันนั้นไม่วางตา

...ไอ้เลวนั่นก็เป็นมาเฟียที่หล่อนไม่รู้ชื่อเสียงเรียงนาม ทราบแค่เพียงว่ามันคุ้นเคยกับทะเลและเรือเป็นอย่างดี...

“ มีอะไรหรือเปล่านีน ” เขาร้องถาม หากคนเจ็บได้ยินเข้าก็เพียงส่ายหน้าแค่นยิ้มอย่างยากลำบากออกมาเพื่อยืนยันว่าไม่เป็นอะไรแล้วก้าวต่อไปข้างหน้าทั้งที่ในใจยังคุกรุ่นครุ่นแค้น หากทุกอารมณ์ก็เลือนหายไปในวินาทีที่หล่อนมีโอกาสเห็นคฤหาสน์หลังงามตระการตา

ชายหนุ่มพาเดินขึ้นบันไดหินอ่อนผ่านซุ้มประตูโค้งอันชดช้อยลอดโถงทางเดินเพดานทรงโดมที่มีภาพเขียนสีของเหล่านางฟ้าตัวน้อยโบกโบยเป็นวงกลมตามรูปทรงหลังคา ผนังทั้งสองด้านประดับด้วยภาพวาดสีน้ำมันขนาดใหญ่

หญิงสาวตื่นตากับสถาปัตยกรรมกระทั่งศิลปกรรมภายใน ทุกคราที่เดินเฉียดข้าวของโบราณที่ประดับตบแต่งอย่างลงตัวก็แทบจะกระโดดโลดเต้นจึงไม่ทันสังเกตว่าตัวเองกำลังกลายตกเป็นเป้าสายของใครคนหนึ่งที่ยืนเกาะราวระเบียงบนชั้นสองมองอยู่

“ ถ้านีนสังเกตดีๆจะเห็นว่า นอกจากสถานพยาบาลแล้วก็ไม่เห็นคนงานผู้หญิงเลย...ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะบอสไม่ชอบทำงานกับผู้หญิง บอสบอกว่าผู้หญิงถึงจะฉลาด ทำงานเก่งยังไงก็มีนิสัยจุกจิกแถมแปรปรวนง่ายขืนทำงานด้วยปวดหัวตายก็เลยรับแต่คนงานชาย ” นาร์บาสพูดไปเรื่อยแทบไม่ได้สนใจหันมามองคนข้างหลังที่แม้จะหลงใหลกับการลูบคลำเชิงเทียนโบราณแต่ก็ตั้งใจฟังทุกคำ

“ ฉันคิดว่าเจ้านายคุณคงจะมีรสนิยมชอบผู้ชายด้วยกัน แต่ไม่อยากให้ลูกน้องรู้ก็เลยทำเป็นหาเหตุผลมาปกปิดเพศที่แท้จริงของตัวเองก็ได้นะคะ ” เมื่อได้ยินอีกฝ่ายกล่าวถึงทัศนคติที่เจ้านายเขามีต่อผู้หญิงก็เผลอหลุดปากกล่าวสิ่งที่คิดในใจออกมา

“ ถ้าบอสเป็นเกย์ ที่นี่ก็ไม่มีผู้ชายแล้วล่ะครับ ” เขาตอบพลางหัวเราะเสียงใส หากสักพักเขากลับย่นหน้าผากหันมองหน้าคู่สนทนาพลางกระพริบตาปริบ “ เอ๊ะ...เมื่อกี้ เมื่อกี้คุณพูดกับผมเหรอ ”

เพียงเขาจับได้และย้อนถามทำเอาคนลืมตัวยกมือจับลำคอตัวเองด้วยความตกใจ ครั้นจะแกล้งพูดไม่ได้อีกก็ออกจะด้านเกินไปจำต้องกลบเกลื่อนสถานการณ์แสร้งทำเป็นประหลาดใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น

“ โอ๊ะ...จริงด้วย ในที่สุดฉันก็พูดออกจนได้ ”

“ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า ตัวเองจะเป็นคนแรกที่คุณพูดด้วย ผมดีใจมากเลยนะครับที่ได้ยินเสียงคุณ ”

“ ที่ฉันพูดออกมาได้คงเพราะคุณชวนคุยอยู่ตลอด ต้องขอบคุณมากนะคะ ” หล่อนก้มศีรษะขอบคุณเขาเป็นการใหญ่ หากในทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเราะดังแทรกขึ้นมา

หญิงสาวเงยหน้าไปทางต้นเสียงพอเห็นเจ้าของคฤหาสน์เกาะราวระเบียงชั้นสองชะโงกหน้าลงมายังคนข้างล่างอย่างขบขันชวนให้รู้สึกเหมือนถูกเย้ยหยันทำให้ดวงหน้าหวานนั้นเจื่อนสนิท

“ อ้าว บอสมายืนทำอะไรตรงนั้นครับ แล้วนี่บอสเคลียร์กับพวกนั้นเรียบร้อยดีไม่มีลงไม้ลงมือกันใช่ไหมครับ ”

“ อืม ” ผู้เป็นนายส่งเสียงตอบรับในลำคอชำเลืองมองหญิงสาวที่ก้มหน้ามองพื้นครู่หนึ่งจึงพูดต่อ “ นายกลับไปเตรียมมื้อเที่ยงให้คนงานเถอะไป เดี๋ยวฉันแนะนำงานให้เขาเอง ”

เมื่อเจ้านายออกปากนาร์บาสก็ไม่ขัดข้องยกมือแตะบ่าบางของอีกฝ่ายเบาๆด้วยรอยยิ้มกว้างแล้วหันหลังเตรียมเดินไปคอกม้ากลับถูกมือนุ่มดึงชายเสื้อไว้

“ มีอะไรเหรอ ” เขาร้องถามแต่คนรั้งไม่รู้จะอธิบายถึงความไม่ไว้วางใจที่มีต่อเจ้านายของเขาอย่างไรเลยได้แต่จำใจส่ายหน้ายอมปล่อยมือให้เขาจากไป

“ ขึ้นมาสิ ” ชายหนุ่มเรียก หากอีกฝ่ายก็เพียงชายตามองเขาที่ผละจากราวระเบียงเดินลงมายืนกอดอกรอตรงชานพักบันไดไม่ยอมขยับเขยื้อนไปไหน

“ จะขึ้นมาเองหรือจะให้ฉันอุ้มขึ้นมา ” เสียงแหบต่ำคำรามถามอย่างดุดันบังคับให้หญิงสาวต้องย่ำเท้าเดินขึ้นบันไดไปหาเขาแต่โดยดี

อเล็กซิสแลนีนนาราตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าแม้วันนี้ความสวยบอบบางประหนึ่งตุ๊กตากระเบื้องเคลือบชั้นดีของหล่อนจะสั่นคลอนหัวใจอันแข็งกระด้างของแพทย์หนุ่มหน้าหวานได้ หากสำหรับพ่อเทพบุตรรูปงามกลับวางท่าเย็นชาไม่รู้สึกรู้สาร่ำไป

คนตัวใหญ่หมุนกายเดินนำทางไปรู้จักห้องหับบนชั้นสองคฤหาสน์พร้อมอธิบายรูปแบบสถาปัตยกรรมในแต่ละห้องได้อย่างละเอียดและคล่องแคล่วโดยเขาพยายามรักษาระยะห่างวางมาดสมเป็นเจ้านายอยู่ตลอด ทำให้ความหวาดระแวงในใจของหล่อนเบาบางลงไปมากกว่าครึ่ง

“ เจ้าของเดิมเป็นขุนนางในราชสำนักฝรั่งเศส...เขาสร้างที่นี่เพื่อใช้เป็นบ้านพักตากอากาศ การออกแบบตบแต่งเป็นการผสมผสานกันระหว่างศิลปะแบบบาโรกกับแบบโรโคโค ลักษณะเด่นของมันคือการใช้ลวดลายเส้นสายคดโค้งชดช้อยอ่อนหวานเหมือนแมกไม้ในธรรมชาติรวมเข้ากับความโอ่อ่าหรูหรา ถ้าเปรียบเป็นผู้หญิงก็คงเป็นพวกสตรีชั้นสูงลูกหลานขุนนางหรือเชื้อพระวงศ์ ”

“ ภาพพระแม่มารีกับกระต่ายนี่เป็นผลงานของทิเชียนใช่ไหมคะ ” หล่อนร้องถามทอดสายตายังภาพเขียนสีน้ำมันที่แขวนอยู่เหนือเตาผิงหินอ่อนตบแต่งโดยรอบด้วยไม้แกะสลักเป็นเส้นโค้งเว้าดุจเกลียวคลื่น

“ ใช่ เป็นผลงานของทิเชียนที่เขียนขึ้นช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 1530 แต่ภาพนี้เป็นงานจำลอง ถ้าอยากเห็นของจริงต้องไปดูที่ลูฟร์ ”

“ ถ้าอย่างนั้นภาพวาดผลงานคาราวัจโจกับจอร์โจเนที่ฉันเห็นตรงโถงทางเดินกับที่แขวนตรงชานพักบันไดก็เป็นงานจำลองหมดเลยสินะคะ ”

“ พวกผลงานของคาราวัจโจกับจอร์โจเนนะไม่มีของจริงหรอก แต่ถ้าเป็นผลงานของจิตรกรยุคบาโรกอย่าง โอราซิโอ เจ็นทิเลสชิ หรือ งานของโยฮันส์ เวร์เมร์ ก็พอจะมีที่เป็นของจริงบ้าง ” เขาตอบแล้วยื่นตะกร้าหวายส่งให้ “ ถึงเวลาที่เธอต้องทำงานแล้ว อ้อ เก็บผ้าเสร็จอย่าเพิ่งไปไหนล่ะ เดี๋ยวฉันจะพาไปที่เรือนคนงาน ”

เจ้าของห้องออกคำสั่งแล้วหายเข้าห้องน้ำ ฝ่ายคนเจ็บเมื่อเก็บผ้าเสร็จก็ไม่เห็นเขาออกมาก็วางตะกร้าลงบนพื้น เดินระเรื่อยสำรวจเครื่องเรือนและการตบแต่งในห้องนอนแห่งนี้ใหม่ ทว่าสิ่งที่หยุดเท้าหล่อนไว้คงหนีไม่พ้นหน้าต่างโค้งที่สูงเทียมเพดานขนาดใหญ่ซึ่งทอดไกลไปถึงชายฝั่งฝรั่งเศส

นีนนาราไล้ฝ่ามือรับไอความเย็นบนกระจกใสนัยน์ตาสีน้ำตาลกลมใหญ่แลทิวทัศน์งามจับใจประดุจงานศิลป์ชั้นเลิศไว้อย่างหลงใหลพาตัวเองดำดิ่งลงไปในภวังค์อันฟุ้งฝันกว่าจะหลุดจากอำนาจความงามของธรรมชาติมาพบว่าตัวเองถูกกายกำยำซ้อนทับอยู่เบื้องหลังก็สายเกินกว่าจะหลีกหนีไปไหนเสียแล้ว

“ ชอบวิวตรงนี้มากเหรอ ” เสียงแหบต่ำกระซิบแผ่วข้างหู

“ ตรงนี้วิวดีค่ะ มองเห็นทุกอย่างในฟาร์มได้หมดเลย ”

“ ถ้าชอบมากนักก็ย้ายจากสถานพยาบาลมานอนกับฉันที่นี่สิ เธอจะได้ตื่นเห็นวิวตรงนี้ทุกวันไง ” เขาเชิญชวนแล้ววางคางคลึงลงบนไหล่นุ่มเคลียแก้มสากระคายจากไรหนวดกับพวงแก้มนวลสูดกลิ่นหอมหวนของผิวสาวและเรือนผมนุ่มสลวยนั้นอย่างรื่นรมย์ แต่ทำให้หัวใจใครอีกคนเต้นโครมคราม

“ ฉันว่าเราน่าจะออกไปเก็บผ้าที่ห้องอื่นกันได้แล้วนะคะ ” หล่อนเปลี่ยนประเด็นสัมผัสความเย็นจากเส้นผมสีน้ำตาลอมทองเปียกชื้นตรงลำคอขาวเนียนแล้วร่างบางยิ่งสั่นเทาไม่กล้าแม้แต่จะปรายหางตามองเขา

“ ในคฤหาสน์นี้มีแค่เสื้อผ้าฉันที่เธอต้องเก็บ ส่วนของอีกสองคนนั้นไม่ต้องเพราะเขาให้โรงแรมซัก ”

“ ถ้าไม่มีเสื้อผ้าต้องเก็บที่นี่แล้ว...ฉันก็ขอตัวเอาผ้าไปซักก่อนนะคะ ” คนตัวเล็กว่าอาศัยช่องว่างที่พอจะมีขยับตัวดิ้นไปด้านข้างแต่เขากลับแนบลำตัวแข็งแกร่งดันแผ่นหลังตอกตรึงหล่อนไว้กับแผ่นกระจกใสจนขยับไปไหนไม่ได้

“ เวลาอยู่สถานพยาบาลมีคนคอยเอาใจ เลยแกล้งทำเป็นคนใบ้ไม่พูดไม่จากับใครได้ แต่พอออกมาทำงานข้างนอกวันแรกก็ลืมตัวว่าเป็นใบ้พูดกับคนอื่นได้ซะแล้วแบบนี้...ถ้าทำงานต่อไปอีกสองสามวันเธออาจจะลืมว่าตัวเองแกล้งความจำเสื่อมก็ได้นะ ” เขาเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชาและเนิบช้า หักอารมณ์คนฟังจากที่สะท้านอายจนหน้าแดงให้เครียดเคร่ง

หญิงสาวเม้มริมฝีปากเอี้ยวคอมองเสี้ยวหน้าเรียบเฉยที่วางบนไหล่ตัวเองก็กลืนน้ำลายแล้วหันกลับมามองสถานพยาบาลที่ซ่อนตัวใต้เงาไม้ใหญ่

“ ถ้าเกิดวันหนึ่งมีคนจับได้ว่าเธอแกล้งความจำเสื่อม ถึงตอนนั้นเธอจะทำยังไง จะแกล้งดีอกดีใจขอบคุณเหมือนที่ทำกับนาร์บาสวันนี้หรือเปล่านะ ”

“ คุณพูดเรื่องอะไรของคุณ...ฉันไม่เห็นจะเข้าใจเลย ” ทั้งที่ถูกเขาพูดแทงใจดำแต่หล่อนก็ยังทำเป็นไม่รู้อะไรทั้งสิ้น

“ รู้ไหมว่าเธอเหมือนแมว...เธอเป็นแมวน้อยหลงทางท่าทางไม่มีพิษภัยที่ใครเห็นก็รักก็เอ็นดูอยากจะอุ้มอยากจะกอด แมวมันก็ฉลาดทำเคล้าแข้งเคล้าขาออดอ้อนซะจนคนต้องเอามาเลี้ยง แต่สันดานแมวมันดื้อไม่เหมือนสุนัข ขนาดเป็นคนเลี้ยงบางทียังถูกมันทั้งตะปบทั้งกัดสารพัด ” ชายหนุ่มเงียบเสียงเหลือบแลแพขนตาหนาของคนใกล้ตัวที่หลุบขึ้นลงเป็นจังหวะกระชั้นจากการกระพริบตาก่อนจะเอ่ยต่อ “ ที่นี่มีแต่พวกเสือพวกจระเข้ ถ้าแมวอย่างเธอไม่ระวังตัวยังเข้าไปยั่วทำออดอ้อนน่ารักไปทั่วคงได้โดนพวกนั้นงาบเข้าสักวัน ”

“ ฉันไม่ใช่แมว แล้วก็ไม่เคยไปอ้อนอะไรใครอย่างนั้นสักหน่อย ” คนตัวเล็กแย้งเสียงแข็ง

อเล็กซิสเห็นแรงโทสะปรากฏบนดวงหน้าหวานหลุดหัวเราะเบาในลำคอแล้วเหยียดตัวตรงถอยห่างจากร่างบางไปยืนกอดอกอยู่ด้านหลัง ทำให้นีนนาราที่อึดอัดเพราะถูกเขายึดตัวติดกับหน้าต่างได้โอกาสพลิกตัวกลับตั้งใจจะหนีไปให้พ้นจากเขา แต่พอหันมาจริงๆ หล่อนกลับเห็นเขาเท้าแขนอยู่บนหน้าต่างเหนือศีรษะอยู่ห่างกันเพียงฝ่ามือกั้น

“ พวกแมวเวลามันทำอะไรก็น่ารักไปหมด แม้แต่ตอนโกรธมันก็ยังดูน่ารักขี้อ้อนในสายตาเจ้าของเลย ” ชายหนุ่มโน้มกายลงมาเสียใกล้

“ ฉันไม่ใช่แมว ” อีกฝ่ายว่าแล้วห่อไหล่พยายามย่อตัวลงเพื่อรักษาระยะห่างระหว่างกันจนหลังครูดกับแผ่นกระจกได้แต่ชำเลืองมองเขาอย่างหวาดกลัวกว่าเก่า

“ กลัวเหรอ...จะกลัวทำไม เกย์อย่างฉันปล้ำผู้หญิงไม่เป็นหรอกน่า ”

“ คนไม่มีมารยาทแอบฟังชาวบ้านเขาคุยกันได้ยังไง ”

“ แล้วทีเธอกล่าวหาว่าฉันเป็นเกย์ในบ้านฉัน...ต่อหน้าลูกน้องฉันมันมีมารยาทนักนี่ ”

“ ฉันก็เดาไปตามที่ได้ยินคุณนาร์บาสพูด แต่ถ้าคุณไม่พอใจฉันก็ต้องขอโทษคุณด้วยแล้วกันนะคะ ”

“ มันช้าไปแล้วจ๊ะ...แมวน้อย ” เขากระซิบสองมือเรียวใหญ่คว้าหมับเข้าที่เอวบาง ออกแรงเพียงเล็กน้อยก็ยกคนตัวเล็กลอยสูงจากพื้น

“ นี่คุณจะทำอะไรน่ะ ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ” อารามตกใจทำให้หล่อนกรีดร้องเสียงหลงพยายามดิ้นรนทั้งเตะทั้งทุบถ่อง ทว่าอีกฝ่ายไม่สะทกสะท้านยังอุ้มคนตัวเล็กมาถึงเตียงจนได้

“ เธอทำให้ฉันไม่แน่ใจว่าตัวเองเป็นเกย์หรือเปล่า ก็เลยอยากพิสูจน์เพศตัวเองให้แน่ใจ ยังไงเธอช่วยร่วมมือพิสูจน์เพศกับฉันหน่อยแล้วกันนะ ” สิ้นคำกายใหญ่ก็โน้มมาหาทำให้คนเจ็บกลัวลานเหวี่ยงหมัดใส่หน้าเขาอย่างไม่รู้ตัว

คนตัวใหญ่จับข้อมือเล็กที่พุ่งมาหาไว้แน่นแล้วเหยียดริมฝีปากกว้าง นัยน์ตาคมกล้าสีเขียวอมเทาคู่สวยทอประกายสุกสกาวราวดาราที่จับนิ่งบนดวงตาสีน้ำตาลกลมใหญ่ฉายแววอ่อนละไม หน้าผากอุ่นของเขาทาบเบาบนหน้าผากชื้นเหงื่อก่อนที่มืออีกข้างจะดึงเอาหนังยางรัดผมออก

“ ชอบกินปลาหรือเปล่า ” เสียงแหบต่ำทรงเสน่ห์ถามขณะไล้ปลายนิ้วไปตามไรผมของคนตรงหน้าเห็นอีกฝ่ายพยักหน้าแทนคำตอบก็พูดต่อ “ เที่ยงนี้มีปลาแซลมอนย่างกับมันฝรั่งทอดและผักสลัดฝีมือฟาบิโอเขาคงกินได้ใช่ไหม ”

“ ค่ะ ”

“ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันจะพาเธอไปดูห้องซักผ้า...นาร์บาสบอกหรือยังว่าต้องเก็บผ้าจากที่ไหนบ้าง ”

“ บอกแล้วค่ะ คุณนาร์บาสยังบอกรอบเวลาซักผ้าแล้วด้วย ”

“ งั้นก็อย่าเสียเวลารีบไปทำงานกันดีกว่า ” เขากล่าวสอดประสานนิ้วเรียวใหญ่ที่หยาบกร้านจากการทำงานไว้กับนิ้วเรียวนุ่มฉุดให้ลุกจากเตียงตามตัวเองมาก่อนจะคว้าตะกร้าใส่ผ้าจากพื้นมากอดไว้ในอ้อมแขนอีกข้าง

“ ไม่ต้องจูงมือฉันหรอกค่ะ...ฉันเดินเองได้ ” เสียงหวานร้องประท้วงทันทีที่เขาจับจูงหล่อนเดินลงบันไดมาท่ามกลางสายตาของพ่อบ้านที่มองทั้งคู่อย่างสนใจใคร่รู้

“ แมวเป็นสัตว์รักอิสระจะตาย ขืนปล่อยมือให้หนีไปง่ายๆ กว่าจะไล่จับกลับมาได้เหนื่อยตายพอดี ” เสียงแหบต่ำทรงเสน่ห์มีแววหยอกล้อตอบกลับ มือใหญ่ยิ่งกระชับฝ่ามือคนเจ็บไว้แนบแน่น

นีนนาราชายตาจ้องดวงหน้าปานเทพบุตรจากสรวงสวรรค์สูดกลิ่นหอมเย็นจากโคโลญผู้ชายที่โชยจากร่างกายสูงใหญ่ล่ำสันของชายหนุ่มที่เดินเคียงข้างกันด้วยรอยยิ้มเป็นสุข...ความอุ่นละมุนจากเขาแทรกลึกลงกลางใจให้หวั่นไหว

...เขาเป็นคนอย่างไรกันแน่นั้นยังเป็นคำถามที่หล่อนและใครหลายคนต้องการคำตอบ...
_________________________________________

อ้างอิง

* ทิเชียน เป็นจิตรกรยุคฟื้นฟูศิลปวิทยาคนสำคัญของประเทศอิตาลีในคริสต์ศตวรรษที่ 16
มีความสำคัญทางการเขียนภาพสีน้ำมัน ทิเชียนเป็นจิตรกรผู้นำของศิลปะเรอเนซองส์

** ภาพ พระแม่มารีกับกระต่าย (Madonna of the Rabbit)ผลงานภาพเขียนสีน้ำมัน
ของทิเชียน http://en.wikipedia.org/wiki/File:Tizian_018.jpg

*** คาราวัจโจ เป็นจิตรกรสมัยบาโรกคนสำค้ญของประเทศอิตาลีในคริสต์ศตวรรษที่ 17
มีความสำคัญในการเขียนภาพสีน้ำมัน

**** จอร์โจเน เป็นจิตรกรสมัยศิลปะเรอเนซองส์คนสำคัญของเวนิสในคริสต์ศตวรรษที่ 15 ถึง 16

***** โอราซิโอ เจ็นทิเลสชิ เป็นจิตรกรสมัยบาโรกชาวอิตาลีคริสต์ศตวรรษที่ 16 และ 17
ผู้มีความเชี่ยวชาญทางการเขียนศิลปะคริสต์ศาสนา

****** โยฮันส์ เวร์เมร์ เป็นจิตรกรชาวเนเธอร์แลนด์ มีผลงานในด้านศิลปะบาโรก
มักวาดภาพที่แสดงถึงชีวิตประจำวันธรรมดาของคน เขาใช้ชีวิตอยู่ในเมืองเดลฟท์



ปาณณิศา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 พ.ค. 2555, 23:18:20 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 พ.ค. 2555, 23:18:20 น.

จำนวนการเข้าชม : 1641





<< บทที่ ๕   บทที่ ๗ >>
violette 16 พ.ค. 2555, 00:05:19 น.
กรี๊ดดดดดดดดดดดด โอยใจเต้นตามนีนไปด้วย
เฮ้อ พระเอกประชิดตัวหล่อบาดจิตแบบนี้ หวั่นไหวตายไปข้าง T__T


น้ำแอปเปิ้ล 16 พ.ค. 2555, 01:59:11 น.
น่ารักมากๆ อ่ะ ไม่ไหวแล้ว แต่พระเอกพี่แกโหดอ่ะ แล้วก็ชอบทำแปลกๆ กะนางเอก แต่เราชอบมาก เดาไม่ถูกดี พี่แกชอบหักมุมเองทุกที อิอิ


คิมหันตุ์ 16 พ.ค. 2555, 02:47:31 น.
แมวน้อย


อริสา 16 พ.ค. 2555, 03:18:55 น.
แมวน้อยกะราชสีห์หนุ่ม หนูนีนจะไปไหนรอดเนี่ย


วนัน 16 พ.ค. 2555, 06:17:35 น.
มาตามต่อคะ


lovemuay 16 พ.ค. 2555, 06:25:36 น.
พระเอกเราท่าทางจะจับน้องแมวใส่ปลอกคอแล้วมั้งเนี่ย ^^


Pat 16 พ.ค. 2555, 09:50:55 น.
ช่างหยอกจริงๆนะพ่อคุณ


ling 16 พ.ค. 2555, 11:54:26 น.
แอบมีมุมหวานตลอดเลยนะค่ะ


anOO 16 พ.ค. 2555, 19:41:16 น.
ยิ่งอ่านยิ่งชอบอีตานี่นะ ทำเป็นเก๊กเป็นดุ แต่แอบหวานตลอดเลย
นีนเลยเดาใจกันไม่ถูกเลย


Zephyr 17 พ.ค. 2555, 23:02:29 น.
กรี๊ดดดดดด อเลกซิส หยอดตลอดๆ
โอ๊ยยย แนบเนื้ออ่ะ เขิน น่ารักจังเลย
นีนก็ยังซึนต่อไป ตาอเลกซ์ก็มึนกลับ
แต่แหม โนอาร์หวั่นไหวซะแล้ว น่าสงสารดีมั้ยนะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account