พร่างเสน่หา
ทุกอย่างเริ่มต้นในรุ่งสาววันหนึ่งกลางฤดูหนาวที่ซานเรโม เมื่อชายหนุ่มนักธุรกิจมือพนันระดับพระกาฬพบหญิงสาวลูกครึ่งหน้าตาขี้ริ้วรูปร่างอ้วนท้วนล้มลงนอนสลบขวางหน้าม้าตัวโปรดที่เขาควบขี่มากลางลู่ด้วยสภาพเปียกปอนปางตาย เหรียญทองนำโชคที่ติดตัวมาจึงถูกโยนขึ้นกลางอากาศเป็นการเดิมพันตัดสินชะตาชีวิตผู้หญิงแปลกหน้าคนนั้นให้อยู่รอดต่อไป หลังจากวันนั้นอเล็กซิสถึงรู้ว่า ภาพลักษณ์ของหญิงสาวความจำ
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ ๗

---- แวะคุยกันก่อน ----
สวัสดีค่ะ กลับมาลงล่ะ
ช่วงนี้พยายามรีไรท์จองจำดวงใจอยู่
ปรับอะไรไปเยอะ แต่มันยังดราม่าอยู่นะฮะ

ช่วงนี้คนเขียนทำฟันบ่อยมากค่ะ
ไม่อยากจะถอนฟันคุดเลย อ๊าก
อ่า ยังไงก็ขอบคุณทุกคนทุกคอมเม้นที่ให้กำลังใจ
ตอนนี้ไปแล้วนะคะ จะตายแล้ว


ปล. อีกเรื่องหนึ่งคือ จ้าวหัวใจยอดพยัคฆ์
ยังไม่ลงหรอกค่ะ แต่ฝากไว้ไม่เกี่ยวกับเจ้าพวกนี้นะคะ

ตามไปดูหน้าคนงานได้ที่เดิม ไปก่อนนะคะ คร่อก

-----------------------------------------
บทที่ ๗

ห้องซักล้างภายในฟาร์มตั้งอยู่ระหว่างโรงอาบน้ำและเรือนพักคนงานมีเครื่องซักผ้าตั้งเรียงรายติดกับหน้าต่างตรงผนังปิดทึบอีกฝั่งก่ออิฐทำเป็นชั้นวางของขนาดใหญ่ที่มีความยาวตั้งแต่ผนังใกล้บานประตูจรดถึงด้านในสุดของห้องแบ่งเป็นห้าชั้นและในแต่ละชั้นซอยเป็นช่องสี่เหลี่ยมไว้สำหรับเก็บเสื้อผ้าที่ซักรีดเรียบร้อยโดยในแต่ละช่องจะมีรหัสติดกำกับไว้ ส่วนผงซักฟอกและน้ำยาเกี่ยวกับผ้าทั้งหลายถูกเก็บไว้ในตู้ลอยเหนือเครื่องซักผ้า ด้านข้างยังมีตะกร้าทั้งพลาสติกและหวายต่างขนาดวางซ้อนกันอยู่

“ เสื้อผ้าของคนงานแต่ละคนจะมีรหัสติดอยู่ที่ชายเสื้อ เวลาแยกจะได้ไม่ปนกัน ความจริงเรื่องนี้เธอไม่ต้องรู้ก็ได้เพราะแขนเธอยังไม่หายพอจะรีดเสื้อ แต่รู้ไว้ก็ไม่เสียหลายเผื่อหายจะได้ไม่ต้องมานั่งอธิบาย ” อเล็กซิสบอกก่อนจะเดินนำทางหญิงสาวไปยังด้านหลังของเรือนพักซึ่งมีคนงานนั่งทานอาหารกลางวันตามโต๊ะยาวทั้งสามตัวกันแน่นขนัด

ฟาบิโอคีบปลาแซลมอนย่างลงในถาดอาหารโดยมีนาร์บาสช่วยตักสลัดอยู่ข้างๆ แต่เมื่อเห็นว่าคนที่ต่อแถวหลังเจ้านายเป็นคนก็ยิ้มร่ารีบตักอาหารฝีมือตนเองใส่ถาดเป็นการใหญ่พร้อมกับเอ่ยถามถึงหน้าที่การงาน

“ ทำงานวันแรกเป็นยังไง เหนื่อยมากไหม ”

“ ยังไม่ทันได้ทำอะไรเลยจะเหนื่อยได้ยังไงคะ ” หล่อนตอบเขาพลางยิ้มกว้างเช่นทุกคราทำให้หัวหน้าฟาร์มเลี้ยงม้าที่ได้ยินเพื่อนร่วมงานเล่าเรื่องการสนทนากับอีกฝ่ายถึงกับได้ยิ้มแก้มแทบปริตักเบคอนกรอบโรยบนสลัดซ้ำแล้วซ้ำอีก

“ อ่า นีนพูดได้จริงๆด้วยแฮะ นึกว่านารบาสมันแกล้งอำผมซะอีก ”

“ ก็พูดได้ตอนเขาชวนคุยนี้แหละคะ ว่าแต่คุณทำอาหารกลางวันให้คนงานอย่างนี้ทุกวันเลยเหรอคะ ”

“ เปล่าหรอกครับ ปกติพวกเราจะจัดตารางให้ทุกคนรับผิดชอบอาหารในแต่ละมื้อ พอดีมื้อเที่ยงวันนี้ผมเป็นเวรพอดีก็เลยต้องมาทำหน้าที่ ”

“ ถ้าคนงานทุกคนต้องทำอาหาร ฉันจะโดนจัดเวรกับพวกคุณด้วยหรือเปล่าคะ ”

“ นีนทำอาหารได้หรือเปล่าล่ะ ถ้าได้ก็อาจจะต้องทำ ”

“ แล้วถ้าฉันไม่อยากทำล่ะคะ ”

“ งั้นผมจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ ” ชายหนุ่มว่ายกนิ้ววางไว้บนริมฝีปากทำให้หญิงสาวอดไม่ได้ที่จะยิ้มหวาน แต่ผู้ที่ยืนถือถาดอาหารรออยู่ชักรำคาญจึงกระแอมไอใส่เป็นการยุติบทสนทนาของทั้งสองไปในทันที

กลุ่มคนงานหนุ่มที่นั่งพูดคุยสรวลเสเฮฮาอย่างสนุกสนานระหว่างทานอาหารเงียบเสียงลงแทบจะในทันทีที่เห็นหญิงสาวลูกครึ่งร่างแบบบางน่าทะนุถนอมคนหนึ่งเดินตามหลังเจ้านายใหญ่ หลายคนเขม่นมองดวงหน้านวลหวานนั้นแล้วจำได้ว่าเคยดวลหมากรุกและเล่นเกมกระดานอื่นด้วยกันหลังเลิกงานก็พากันโบกมือทักทายด้วยรอยยิ้มกว้าง

“ เธอชื่อ นีนนารา เป็นคนงานซักผ้า ถ้าพวกนายมีอะไรอยากให้ซักก็ส่งไปให้เธอจัดการได้ ” เจ้าของฟาร์มแนะนำหลังวางอาหารลงบนโต๊ะที่ว่างอยู่อย่างเฉยชา

นีนนาราก้มศีรษะเล็กน้อยเป็นเชิงทักทายก่อนเหลือบมองไปยังกลุ่มชายคนหนุ่มตรงหน้าซึ่งมีหลายเชื้อชาติต่างสีผิว แต่สิ่งที่ทุกคนมีร่วมกัน คือ เรือนร่างที่กำยำล่ำสันและใบหน้าที่คมคายทำให้หล่อนรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นโมเดลลิ่งมาคัดนายแบบไปถ่ายโฆษณาลงนิตยสารแฟชั่นอะไรเถือกนั้น

“ ซักผ้าแล้วมีบริการอาบน้ำนวดตัวให้พวกเราด้วยหรือเปล่า ” คำถามนั้นดังมาจากกลุ่มคนงานรุ่นหนุ่มที่สุดในฟาร์ม ทำให้ฟาบิโอที่ตามมาสมทบไม่พอใจจะเข้าไปเอาเรื่อง หากต้องชะงักไปเมื่อเห็นคนถูกแซวเปิดฉากเดินไปหาคนพูดเอง

“ คุณเป็นคนที่ไหน ” หล่อนยื่นหน้าเข้าไปถามชายหนุ่มชาวเอเชียผมสีดำสวมเสื้อกล้ามสีน้ำตาลกับกางเกงยีนส์ผู้มีรอยสักเป็นมังกรพาดเต็มท่อนแขนด้านซ้าย ท่ามกลางวงล้อมของผู้ชายที่ต่างมองมายังหล่อนด้วยความสนใจ

“ ญี่ปุ่น...ผมเกิดที่นางาซากิ ”

“ แล้วคุณอายุเท่าไหร่ ”

“ ยี่สิบสอง ”

“ อายุตั้งยี่สิบสอง แม่คุณยังไม่เคยสอนให้อาบน้ำเองอีกเหรอคะ แล้วทุกวันนี้เวลาอาบน้ำคุณทำยังไง จ้างเพื่อนช่วยอาบน้ำให้หรือคะ โห อย่างนั้นไม่ไหว เอาเป็นว่าเดี๋ยวฉันวาดรูปแสดงวิธีการอาบน้ำอย่างถูกสุขลักษณะอนามัยมาให้คุณสักใบ คุณจะได้ใช้เป็นคู่มือดีไหม ”

ถ้อยคำแสนซื่อที่เปลี่ยนจากภาษาอังกฤษเป็นญี่ปุ่นในตอนท้ายนั้นมาพร้อมกับดวงตากลมโตและรอยยิ้มสดใสชวนให้รู้สึกถึงความน่ารักน่าเอ็นดูเปรียบเหมือนธนูดอกใหญ่ที่แล่นมาปักกลางใจคนปากไม่ดีที่ไม่เคยคุ้นกับการตอบโต้ลักษณะนี้หลุดหัวเราะออกมาทันที

“ คุณนี่ใช่เล่นนะ ” เขาว่าแกมยิ้มขำอย่างเป็นมิตรมากกว่าเดิม

“ ฉันเป็นคนใจดีนะคะ ถึงพวกคุณจะร้ายฉันก็ไม่ว่าอะไร แต่อย่าร้ายมากเกินไปเพราะถ้าฉันทนไม่ไหว พวกคุณไม่ได้นั่งกินข้าวสบายๆแบบนี้แน่นอนค่ะ ”

หญิงสาวประกาศกวาดสายตามองผู้ชายรอบข้างด้วยแววตาวาววับแต่ริมฝีปากอิ่มกลับแย้มกว้างทำให้พวกที่ไม่รู้จักหล่อนมาก่อนหัวเราะชอบใจเป็นการใหญ่ ทว่ากลุ่มคนงานจากตะวันออกกลางผิวคร้ามแดดไว้หนวดเคราประดับใบหน้าให้ยิ่งคมคายกลับจ้องเขม็ง

คนตัวเล็กลอบมองพวกที่ทำให้รู้สึกเย็นวาบทั้งหลังด้วยความสงสัยแล้วเดินกลับมานั่งหยิบมีดกับส้อมตัดปลาแซลมอนเข้าปากอย่างเอร็ดอร่อยเลยไม่ทันได้สังเกตอาการของคนที่นั่งร่วมวง

“ วันหลังถ้ามีใครพูดจาไม่ดีหรือทำตัวหยาบคายใส่ นีนรีบมาบอกผม ผมจะจัดการให้แต่อย่าเดินเข้าไปท้าทายพวกนั้นเหมือนวันนี้อีก เป็นผู้หญิงทำแบบนั้นมันไม่ดีรู้ไหม ” ฟาบิโอดุเสียงเข้มก่อนที่นาร์บาสจะผสมโรง

“ พวกนั้นน่ะไม่ทำร้ายผู้หญิงก็จริง แต่ก็ไม่ใช่พวกหงิมๆ ถ้านีนผลีผลามเข้าไปหาอีก พวกนั้นอาจจะคิดว่านีนให้ท่าเลยล่วงเกินนีนเข้าก็ได้ ยังไงคราวหน้านีนมีอะไรมาบอกผมหรือฟาบิโอก็ได้ แล้วเราสองคนจะจัดการให้นีนทุกอย่าง ”

อเล็กซิสเหลือบตาจากผักสลัดจ้องสองลูกน้องหนุ่มที่ออกโรงปกป้องเหมือนเป็นอัศวินพิทักษ์เจ้าหญิงแล้วเอ่ยบางสิ่งขึ้นมาลอยๆ

“ เป็นแมวจรนี้ดีนะมีแต่คนอยากจะเลี้ยง ”

คนเข้าใจคำหยอกปรายตามองผู้พูดที่ตักสลัดเข้าปากไม่รู้ร้อนรู้หนาวเลยแสร้งไม่ได้ยินหันมาชวนคนอื่นคุยต่อ

“ เมื่อกี้ตอนที่นีนเดินกลับมา นีนเห็นคนงานเขามีรอยสักกันด้วย ไอ้รอยสักนี่มันเป็นแฟชั่นของคนที่นี่หรือคะ ”

“ ไม่ใช่ของที่นี่แต่เป็นของที่อื่น ”

“ แล้วไอ้ที่อื่นมันคือที่ไหนเหรอคะ ”

“ จะคุยหรือจะกิน ถ้าไม่กินกลับไปทำงาน ” คราวนี้เจ้าของฟาร์มเป็นฝ่ายพูดพร้อมยกมือผายขึ้นส่งสัญญาณไล่กลายๆด้วยใบหน้าเฉยชาราวหนังสือที่ไม่มีตัวอักษรอันใดให้อ่านทำเอาสองลูกน้องหนุ่มรีบก้มหน้าก้มตาทานอาหารกลางวันเงียบๆ ขณะที่หญิงสาวคนเดียวในโต๊ะเม้มริมฝีปากชำเลืองมองคนตรงข้ามไว้ไม่วางตา

...คนอะไรนอกจากนิสัยประหลาดยังเหยียดเพศแถมเผด็จการอีกต่างหาก...

********************************************
รถยุโรปหรูสีขาวแล่นบนถนนเลียบชายฝั่งบนเกาะซิซิลีด้วยความเร็วสูงก่อนที่มันจะเลี้ยวหายเข้าไปในลานจอดรถที่ปลูกไม้พุ่มรายเป็นแนวยาว จากนั้นชายวัยกลางคนชาวรัสเซียสวมเสื้อผ้าแบบลำลองสีน้ำตาลจะก้าวลงมาแล้วมุ่งหน้าเดินไปยังระเบียงกว้างที่ยื่นออกไปสู่ท้องทะเลงดงามของร้านอาหารทะเลแห่งหนึ่ง

เหยี่ยวสีน้ำตาลตัวใหญ่สยายปีกกว้างน่าเกรงขามทะยานจากไหล่กว้างขึ้นไปบนท้องฟ้าคราม...มันบินฉวัดเฉวียนรวดเร็วโอ้อวดความเป็นหนึ่งในน่านฟ้าให้ผู้เป็นนายที่นั่งไขว่ห้างพิงหลังอยู่บนเก้าอี้ไม้สีขาวได้เห็น

ชายหนุ่มผมหยักศกสีน้ำตาลเข้มทอดดวงตาสีอำพันคมกริบเฉกเดียวกับสัตว์เลี้ยงไปยังแนวแผ่นดินไกลลิบเรือนกายสูงใหญ่ใต้เสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินแทบไม่ขยับเขยื้อนดูราวกับภาพเสมือน มีเพียงชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเกือบดำหน้าตาคมคายอีกคนเท่านั้นที่เป็นฝ่ายรับหน้า

ซองเอกสารสีดำประทับรูปหมีคำรามนั้นเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกถึงองค์กรเดนิสกีซึ่งเป็นองค์กรลับที่รวบรวมอดีตสายลับของสหภาพโซเวียตในอดีตและอดีตสายลับรัสเซียในปัจจุบันมาปฏิบัติภารกิจตามที่ลูกค้ากระเป๋าหนาต้องการทุกอย่างให้ลุล่วงถูกส่งต่อมาถึงมือของผู้ว่าจ้างแต่ไม่ทำให้ความเย็นชาที่เคลือบบนใบหน้าละลายลง

“ เราส่งคนดักที่สถานทูตทั้งไทยและอิตาลี ค้นหาทุกโรงพยาบาล ทุกสถานีตำรวจ ทุกเรือนจำและทุกเส้นทางคมนาคมในเจนัว และเรายังส่งมือดีไปประจำทุกเมืองที่อยู่บนแนวชายฝั่งทะเลในเจนัว แต่เราไม่ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีใครพบผู้หญิงคนที่คุณตามหา พวกเราเชื่อว่าเธออาจจะปลอมตัวหรือศัลยกรรมเปลี่ยนแปลงใบหน้าเลยนำรูปสเก๊ตช์ของเธอมาเทียบกับผู้หญิงที่เดินไปมาบนถนนเพื่อเทียบลักษณะโครงสร้างจนได้คนที่ใกล้เคียงมาประมาณสามสิบคนแต่ละคนมีที่อยู่เรียบร้อย ขอแค่ชี้ว่าคนไหนเราจะจับเธอให้คุณทันที ”

“ แน่ใจแล้วเหรอว่าค้นทั่วหมดแล้ว ” คนรับเรื่องเอ่ยถามทิ้งเอกสารทั้งซองลงบนหน้าตักของผู้ที่นั่งอยู่

“ เราส่งคนไปประจำทั้งฝั่งริเวียร่า ดิ โปเนนเตและฝั่งริเวียร่า ดิ เลวันเต ค้นหาผู้หญิงคนนั้นทุกซอกทุกมุมในแต่ละเมืองเกือบสามเดือน ถ้าเธอไม่ตายก็อย่างที่ว่าคือพรางตัวอยู่ในสภาพใหม่เรียบร้อยแล้ว ”

“ ที่ว่าทั่วแล้วนี้รวมอาณาเขตของอเล็กซิส ครอมเวลในซานเรโม่ไว้ด้วยหรือเปล่า ”

“ พื้นที่นั่นเป็นเขตหวงห้าม คุณเองก็ทราบว่า เจ้าของไม่อนุญาตให้คนภายนอกเข้าโดยพละการ การที่จะไปค้นหาใครที่นั่นในทางลับคงเป็นไปไม่ได้ ”

“ นี่พวกคุณกลัวหมอนั่นถึงขนาดไม่กล้าเข้าไปหาเลยเหรอ โอ้ ไม่อยากจะเชื่อว่าอดีตสายลับเป็นโขยงจะกลัวกบฏแห่งครอมเวลกับเขาด้วย ”

“ ขอประทานโทษแต่มันเป็นกฎของเราที่จะไม่ยุ่งกับผู้ชายคนนั้นโดยเด็ดขาด ”

“ เพราะอะไรหรือว่าหมอนั่นมันเคยเป็นสายลับแล้วมาทำงานในองค์กรนี้ด้วย ”

“ เรื่องนี้เป็นความลับในองค์กร แต่ผมบอกได้แค่ว่า เขาไม่เคยทำงานให้ใครนอกจากตัวเอง ”

“ แล้วถ้าเกิดผู้หญิงคนนั้นซ่อนตัวที่นั่นพวกนายจะทำยังไง...จะขี้ขลาดไม่เข้าไปค้นเพราะกลัวอิทธิพลของหมอนั่นแค่นั้นนะเหรอ ถ้าเป็นอย่างนั่นก็น่าสมเพชนะที่องค์กรระดับนี้มาตกม้าตายเพราะผู้ชายตัวคนเดียว ” สุ้มเสียงของคนตรงข้ามหยามเหยียดชัดแต่คู่สนทนายังเก็บอารมณ์มิดเม้น

“ เราไม่ได้นิ่งนอนใจกับเรื่องนี้หรอกครับ เพราะตอนนี้เราก็กำลังหาทางส่งคนที่รู้จักกับเขาเข้าไปสืบหาตัวผู้หญิงคนนั้นอยู่ ”

“ คนรู้จัก...ใคร ”

“ เธอชื่อ เวเลนติน่า คาเรนิน่า เป็นอดีตสายลับรัสเซีย ปัจจุบันนี้เธอเป็นนางแบบ แต่บางครั้งเธอก็รับงานสายลับ โจรกรรมหรือลอบสังหารบ้าง ถ้างานนั้นท้าทายหรือมีค่าใช้จ่ายให้เธอคุ้มค่า ”

“ แล้วเธอคนนี้เคยเกี่ยวข้องกับหมอนั่นยังไง ”

“ เธอเคยคบหากับเขาพักหนึ่ง ”

“ งั้นก็ตามเธอมาเลย เรื่องเงินไม่ต้องห่วงเราจ่ายได้ ”

“ ครับ ” ชายทั้งสองรับคำก้มศีรษะให้เล็กน้อยแทนคำอำลาแล้วหันหลังออกจากร้านอาหารร้างคนไปพร้อมกับแฟ้มเอกสารที่ถูกโยนลงบนโต๊ะเหล็กดัดอย่างไม่ไยดี

“ ไม่มีใครที่ใช่เลยเหรอ ” อีกฝ่ายเอ่ยถามพลางหยิบแฟ้มมาพลิกดูภาพถ่ายของหญิงสาวทั้งหลายโดยละเอียด

ผู้ถูกถามปรายตามาทางคนด้านหลังเล็กน้อยก่อนจะยกแขนที่สวมปลอกหนังยื่นออกไปข้างกายให้สัตว์เลี้ยงตัวประจำตัวกางกรงเล็บโฉบลงมาเกาะพัก

“ ตาผู้หญิงพวกนี้ไม่เหมือนผู้หญิงคนนั้น ” เสียงเข้มดุดันพูดขึ้นอย่างเนิบช้าฝ่ามือใหญ่ลูบบนปีกขนของเหยี่ยวอย่างอ้อยอิ่ง

“ ตา ” อีกฝ่ายทวนคำพลางเลิกคิ้วสูง

“ เวลาที่คนเรารู้ตัวว่าจะตาย แววตาจะฉายความหวาดกลัวออกมาให้เห็น แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับมองฉันอย่างเกลียดชังเหมือนฉันเป็นสัตว์ชั้นต่ำจากนรก เธอไม่ร้องขอชีวิต ไม่มีแม้แต่น้ำตาสักหยด จนถึงตอนนั้นดวงตาสีน้ำตาลแสนสวยคู่นั้นก็ยังอยู่ติดตาฉันอยู่ไม่มีลืม ”

“ ฉันคิดว่านายให้เวลาผู้หญิงคนนั้นพักเหนื่อยมาพอแล้ว แถมไอ้แก่นั่นก็โดนทรมานใกล้ตายอยู่ร่อมร่อแต่ก็ไม่ยอมพูดอะไรซะที ฉันว่าตอนนี้เราคงต้องปล่อยข่าวการตายของไอ้แก่นี่และทิ้งร่องรอยของเราให้พอสืบหาได้ ถ้าผู้หญิงคนนั้นยังไม่ตายและโง่พอจะที่จะไม่รู้จักกับดักง่ายๆนี้ หล่อนจะวิ่งมาหาเราก่อนพวกเดนิสกีเจอตัวซะอีก ”

เจ้าของเหยี่ยวสบสายตากับชายหนุ่มผู้มีสายเลือดเดียวกันตรงหน้าขณะระลึกถึงหญิงสาวผู้ซ่อนตัวใต้รูปลักษณ์อัปลักษณ์ที่สู้กับผู้ชายอกสามศอกอย่างไม่กลัวตายและสูญหายไปอย่างไร้ร่องรอยในท้องทะเลก่อนที่คนยิ้มยากจะแยกริมฝีปากออกจากกัน

“ ไม่ต้องโง่แค่บ้าบิ่นมากพอ หล่อนก็จะมาหาเรา ” เขาทิ้งถ้อยคำเจือแววหยามหยันให้อีกฝ่ายได้ฟังแล้วผินหน้าสู่ท้องทะเลอันเวิ้งว้างปล่อยมือที่ลูบนกกลับมาวางที่ต้นคอใช้ปลายนิ้วสัมผัสแผ่วไปตามรอยนูนบนผิวหนังที่มิใช่รอยแผลหรือได้มาจากการสักแต่เป็นรอยประทับของแผ่นเหล็กเผาไฟโดยรูปสัญลักษณ์ที่ปรากฏอยู่นั้น คือ เหยี่ยวตัวใหญ่ที่สยายปีกอวดศักดาความยิ่งใหญ่

...สัญลักษณ์นั้นบ่งบอกถึงการเป็นหนึ่งในกลุ่มมาเฟียที่ส่งอิทธิพลมากเป็นอันดับหนึ่งในซิซิลีและเป็นหนึ่งในสามของทั้งอิตาลีซึ่งผู้คนทั่วไปโดยเฉพาะในน่านน้ำเมดิเตอร์เรเนียนรู้จักเป็นอย่างดี และ สองชายหนุ่มที่ยืนสนทนากันท่ามกลางเสียงคลื่นซัดสาดนั้นล้วนเป็นทายาทคนสำคัญแห่งกลุ่มที่ถูกเรียกขานในนามว่า โบรุชชี่
**********************************
นีนนาราเฝ้ามองคนงานที่ทยอยกลับไปยังคอกม้าจะมีก็เพียงไม่กี่คนที่เป็นเวรล้างจานช่วยกันหิ้วถังไม้ใส่ถาดอาหารจำนวนมากขนไปล้างทำความสะอาดกันที่ห้องครัวในเรือนพักคนงาน จากนั้นจึงหยิบผ้าชุบน้ำมาช่วยนาร์บาสที่ขะมักเขม้นกับการกวาดเศษอาหารและเช็ดโต๊ะอยู่คนเดียวอีกแรงหนึ่งระหว่างนั้นหล่อนก็หาเรื่องสัพเพเหระมาคุยด้วยมากมายตามประสาคนเก็บกดที่ไม่เคยได้มีโอกาสพูดตามใจอยากมาเนิ่นนาน

“ คนงานที่นี่แต่ละคนหน้าตารูปร่างดูดีจนฉันนึกว่าหลงมางานประกวดนายแบบซะอีก ”

“ นีนเห็นหน้าตาอย่างนั้นอย่านึกว่าไม่มีอะไรนะ...พวกนั้นน่ะน่ากลัวกันทั้งนั้น ”

“ น่ากลัวยังไงบ้างเหรอคะ ”

“ จะบอกว่ายังไงดีล่ะ ก็คนที่นี่ถนัดการต่อสู้และยิงปืน หลายคนเป็นพวกอดีตนักโทษหรือมีคดีติดตัว บางคนเคยเป็นมือลอบสังหาร นักวางระเบิด อดีตยากูซ่า บางคนเคยเป็นหัวหน้าในแก็งค์มาเฟีย ทหาร ตำรวจ มีแทบจะทุกอาชีพ ”

“ เคยติดคุกกันหมดเลยหรือคะ ”

“ ก็ไม่ทุกคนหรอก แต่ถึงพวกเราจะเคยติดคุกหรือฆ่าคนมาก่อนก็ไม่ได้หมายความเราจะเลวทรามต่ำช้าอะไรนักหรอก อย่างน้อยพวกเราก็อ่อนให้คนดีและความดีเสมอแหละ ”

“ แล้วคุณมาทำงานที่นี่ได้ยังไง ”

“ คนที่มาทำงานที่นี่ส่วนใหญ่คุณอเล็กซ์ชวนมาเองทั้งนั้น อย่างผมนี้ตอนที่ออกจากคุกมาก็ไปทำงานมินิมาร์ทอยู่พักหนึ่งพอเจ้าของเขารู้ว่าผมเคยติดคุกเขาก็เลยไล่ออก แล้ววันนั้นพอดีผมไล่กวดพวกที่มาล้วงกระเป๋าผมเลยได้เจอคุณอเล็กซ์เข้า เขาก็ถามผมว่านอกจากวิ่งเร็วแล้วทำอะไรได้บ้าง หลังจากนั้นผมก็มาทำงานกับเขา ”

“ คุณติดคุกข้อหาอะไรคะ ”

“ ข้อหาฆ่าคนตาย ไอ้พวกที่ผมฆ่าน่ะมันรุมโทรมพี่สาวผมจนตาย ไอ้ตำรวจก็ไม่จัดการอะไรซะทีเพราะมันเป็นพวกค้ายาขาใหญ่ ผมก็เลยปาดคอพวกนั่นแก้แค้นซะเลย ”

“ นีนรู้แบบนี้แล้ว รู้สึกกลัวผมไหม ” นาร์บาสเอ่ยถามเงยหน้าจากโต๊ะมาสบสายตากับคนตรงข้าม

“ ไม่กลัวหรอกค่ะ ฉันเข้าใจดีค่ะว่าเวลาคนที่รักโดนกระทำมันเป็นยังไง มันเจ็บขนาดไหน และมันก็ไม่ผิดถ้าเราจะตอบโต้หรือสู้กับคนที่ทำร้ายคนที่เรารัก ” หล่อนตอบ ในวินาทีนั้นดวงตาคู่งามกลับเป็นประกายจากความแค้นที่กลัดแน่นอยู่ภายใน

...สักวันเธอจะฆ่าไอ้เจ้าของเหยี่ยวนั้นให้ตายตกตามกัน...

“ เดี๋ยวผมต้องกลับคฤหาสน์ไปทำบัญชีรายรับรายจ่ายแล้วนะ ส่วนนีนเองก็ได้เวลาเก็บผ้าแล้ว ยังไงก็สู้ๆนะ ถ้าไม่ไหวยังไงก็บอกผมได้ อย่าฝืนเดี๋ยวเจ็บตัวขึ้นมาโนอาร์กินหัวผมแน่ ”

หญิงสาวพยักหน้าพลางยิ้มกว้างเป็นการขอบคุณในความปรารถนาดีก่อนจะแยกตัวกลับไปที่โรงอาบน้ำทยอยขนผ้าที่กองสุมอยู่ในตะกร้าหน้าตู้ล็อกเกอร์ขนาดใหญ่ที่เหล่าคนงานใช้เก็บผ้าเช็ดตัว เสื้อผ้าและข้าวของส่วนตัวอื่นๆ ไปไว้ที่ห้องซักล้าซึ่งในระหว่างการขนย้ายกลับมีเสียงน้ำไหลแรงดังมาจากหลังประตูกระจกขุ่น

ตอนแรกหล่อนไม่ได้สนใจคิดว่าหูแว่วแต่เมื่อเดินเข้าออกหลายรอบเข้าเสียงน้ำกลับไม่หายไปเสียทีก็เกรงว่า อาจมีใครลืมปิดน้ำจึงเปิดประตูเข้าไปในส่วนอาบน้ำที่ซอยเป็นห้องสี่เหลี่ยมโดยแบ่งเป็นสองฝั่งฝั่งล่ะสิบห้าห้องโดยเว้นทางเดินตรงกลางไว้

ราฟาเอลปล่อยน้ำจากฝักบัวให้ชำระล้างคราบไคลออกร่างเปลือยเปล่าที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของตัวเองจนมั่นใจว่าสะอาดจึงหมุนก็อกปิดน้ำ ทำให้เขาได้ยินเสียงเท้าเปล่าย่ำบนน้ำก็คิดว่า นาร์บาสคงจะเข้ามาเก็บผ้าเลยเปิดประตูพรวดออกไปขอผ้าเช็ดตัวมาคลุมกายสักผืน

ทว่าคนที่ก้มเก็บผ้าเช็ดตัวเงยหามาเห็นความเป็นชายของเขาเต็มตากลับไม่ใช่คนที่คิดถึง และเมื่อนัยน์ตาสีฟ้าอ่อนของเข้าประสานเข้ากับนัยน์ตากลมโตสีน้ำตาลเข้าต่างฝ่ายต่างก็นิ่งงันด้วยอารามตกใจไปพักหนึ่ง จากนั้นผ้าเช็ดตัวสีขาวก็ลอยละลิ่วใส่หน้าคนตัวสูงทันที

นีนนาราเตะเข้าไปกลางหว่างขาหวังจะทำลายจุดยุทธศาสตร์จะได้หาจังหวะหนีทันแต่เขากลับหนีบขาไว้ทัน หล่อนเลยใช้สันมือฟาดไปใต้คางของอีกฝ่ายเต็มแรงจนหลุดออกมาได้ก็กระทืบใส่หน้าแข้งเป็นการใหญ่ตามด้วยหยิบตะกร้ากระหนำฟาดลงไปไม่ยั้งแล้วหันหลังวิ่งพรวดออกจากโรงอาบน้ำหนีไปทางคอกม้าหวังให้คนหมู่มากช่วยเหลือ

“ เฮ้ย ” อีกฝ่ายร้องลั่นนั้นไล่หลังมาแต่หล่อนไม่สนใจกลับไปมองยังคงวิ่งทะลุช่องว่างของเรือนพักคนงานต่อไป

เสียงเอะอะโวยวายที่สนั่นมาจากด้านหลังคอกม้าทำให้คนงานผละไปมองหาต้นสายปลายเหตุแห่งเสียงก็เห็นหญิงสาวลูกครึ่งผมสีน้ำตาลแดงวิ่งอย่างไม่คิดชีวิตเตลิดเข้ามาโดยมีชายหนุ่มนุ่งผ้าเช็ดตัวปิดท่อนล่างกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามมาด้วยสีหน้าโกรธจัด

เจ้าของฟาร์มควบม้ากระโดดข้ามรั้วทดสอบสมรรถภาพของม้าแข่งพันธุ์ดีที่เตรียมส่งไปให้เศรษฐีตะวันออกกลางที่มาพำนักพักร้อนในอิตาลีชั่วคราวกระทั่งหางตาเหลือบเห็นบางสิ่งเคลื่อนไหวจึงหยุดม้าแล้วเอี้ยวตัวกลับไปมองเพียงเห็นว่าเป็นใครมือใหญ่ก็กระตุกสายบังเหียนควบม้ากลับมาอีกทางเช่นเดียวกับฟาบิโอที่ปีนรั้ววิ่งตัดสนามเข้าไปหา

คนตัวเล็กวิ่งไม่มองทางเท้าเลยสะดุดเข้ากับกองไม้ด้วยความเร็วบวกกับความแรงทำให้ร่างบางเซถลาหน้าแทบคะมำด้วยสัญชาตญาณทำให้หล่อนหลับตาเอาแขนอีกข้างกอดแขนข้างที่ใส่เฝือกไว้ หากในจังหวะนั้นเองที่มีร่างใหญ่กระโจนเข้ามากอดก่อนที่ทั้งสองร่างจะไถลไปกับพื้น

นีนนาราซบหน้าอยู่บนอกแกร่งในอ้อมแขนอุ่นสูดกลิ่นหอมกรุ่นของใครคนหนึ่งไว้อย่างตระหนก ท่ามกลางสายตาของคนงานที่หยุดงานยืนมองเหตุการณ์อย่างสนใจใคร่รู้

“ ชู่ เงียบซะแมวน้อย เงียบซะ ไม่มีอะไรแล้ว ”

อเล็กซิสกระซิบปลอบข้างหูคอยลูบประโลมไว้ให้คนตัวสั่นหายกลัวพร้อมใช้ศอกดันกายทั้งคู่ให้ลุกจากพื้นขึ้นมานั่ง ขณะที่ฟาบิโอนั้นยังคงนิ่งอึ้งที่เห็นเจ้านายกระโดดลงจากหลังม้าเพื่อช่วยหญิงสาวต่อหน้าต่อตา

“ จับยัยตัวแสบได้แล้วเหรอ ” คู่กรณีที่ตามติดกระชากเสียงถามพยายามจะเข้ามาดึงแขนแม่วายร้ายแต่เพื่อนร่วมงานที่มีสถานะหัวหน้าเช่นกันเข้ามาขวาง

“ จะทำอะไร ”

“ ยัยผู้หญิงคนนี้แอบดูของลับฉันแถมยังทำร้ายร่างกายฉันอีกแบบนี้ จะให้ทำยังไงถ้าไม่เอาเรื่อง ”

“ นีนเป็นคนงานที่นี่ ถ้านายจะเอาเรื่องเขาก็มาเอาที่ฉัน ”

“ ผู้หญิงคนนี้นะเหรอทำงานที่นี่...อำฉันเล่นหรือยังไง บอสเคยรับผู้หญิงทำงานที่ไหนกัน ”

“ คนนี้กรณีพิเศษ ” ผู้เป็นนายประกาศแทรกกลางการสนทนาทำเอาหัวหน้าดูแลกิจการเรือนำเที่ยวที่หน้าแดงจัดจากอารมณ์เดือดดาลเมื่อครู่ถึงกับตะลึง

...ถึงจะทราบดีว่า เจ้านายแม้จะเป็นคนแปลกแต่ก็มีน้ำใจ ทว่าไม่เคยเห็นอ่อนโยนกับใครโดยเฉพาะผู้หญิง...

“ ฟาบิโอฝากตรงนี้หน่อย เดี๋ยวฉันมา ส่วนนายถ้าเจ็บนัก ไปห้องพยาบาลให้โนอาร์ทำแผลซะ ” เจ้าของฟาร์มสั่งการพร้อมอุ้มคนเจ็บลอยสูงจากพื้นเดินออกจากสนามและคอกม้าทิ้งลูกน้องใกล้ชิดให้รับผิดชอบดูแลคนงานให้กลับเข้าทำงาน ส่วนราฟาเอลยังคงมองตามด้วยความสงสัย

ชายหนุ่มวางร่างเบาหวิวบนเก้าอี้โยกตรงมุมนั่งเล่นหน้าโทรทัศน์จอยักษ์ภายในกระท่อมส่วนตัว ถอดเสื้อที่เปื้อนเปรอะด้วยฝุ่นดินออกจากกายอวดให้คนที่หายตื่นกลัวได้เห็นรอยสักอสุรกายรูปงูยักษ์น่าเกรงขามขดตัวโค้งเป็นวงอมปลายหางของตัวมันไว้ในปากปรากฏบนแผ่นหลังกว้างที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามแข็งแรง

“ ไอ้โรคจิต ” หล่อนอุทานลั่นเป็นผลให้คนตัวใหญ่เหลียวหลังเดินกลับมาหาวางมือทั้งสองข้างเท้าลงบนขอบพนักเก้าอี้ที่อีกฝ่ายพิงศีรษะพลางชะโงกเข้ามาประจันหน้าในระยะใกล้ ดวงตาสีเขียวอ่อนคมสวยทั้งคู่ที่จดนิ่งอยู่บนดวงตาสีน้ำตาลมีประกายร้อนเร่าจากแรงปรารถนาบางประการที่แฝงเร้นใต้ความเรียบเย็นนั้น

“ หยุดสติแตกได้แล้ว ” เสียงแหบต่ำแข็งกร้าวและปลายนิ้วแข็งดังคีมเหล็กที่จับคางเรียวตรึงไว้กับที่ทำให้คนเจ็บสะดุ้งกลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่ “ เธอนี่มันยังไงน่ะ ตอนอยู่สถานพยาบาลล่ะทำตัวอ่อนแอเสียเหลือเกิน แต่พอออกมาข้างนอกแค่วันเดียวกลับก่อเรื่องวุ่นวายทำชาวบ้านแตกตื่นไม่พอยังมีแรงทำร้ายคนงานของฉันหัวเกือบแตกได้อีก...สรุปแล้วที่ผ่านมาเธอแกล้งเจ็บแทบเป็นแทบตายเพื่อออมแรงมาทำร้ายคนงานของฉันใช่ไหม ”

“ คนงาน...ไอ้โรคจิตนั้นคนงานของคุณหรอกเหรอ ”

“ ใช่ ผู้ชายที่เธอฟาดไม่ยั้งแถมเรียกว่า โรคจิตคนนั้นเป็นหัวหน้าดูแลกิจการเรือนำเที่ยวของฉันเอง ”

“ แล้วฉันจะไปรู้ได้ยังไงว่าใครเป็นใครในเมื่อฉันเพิ่งออกมาเห็นคนงานในฟาร์มคุณวันนี้วันแรก ”

“ แต่ฉันสั่งให้เธอเก็บผ้าของคนงานแค่ตรงล็อกเกอร์ แล้วเธอเข้าไปในส่วนอาบน้ำทำไม ”

“ ก็ไม่ได้อยากเข้าไปอะไรนักหรอก แต่ฉันได้ยินเสียงน้ำไหลอยู่ตั้งนานแล้วตอนนั้นก็ได้เวลาเข้างานไปแล้ว ฉันก็นึกว่ามีคนเปิดน้ำทิ้งไว้เลยจะเข้าไปปิดให้ ใครจะไปรู้ล่ะว่า ไอ้โรค...เอ๊ย คนงานของคุณจะอาบน้ำอยู่ในนั้น ”

หญิงสาวเถียงกลับเสียงดังคอยแต่จะเอนหลังหนีการคุกคามของคนตัวใหญ่ที่เปิดเผยแผงอกกำยำอยู่ตรงหน้า

“ ใหญ่ไหมล่ะ ” อยู่ๆ คำถามนั้นก็ดังขึ้นมาทำเอาคนเจ็บกระพริบตาปริบด้วยความงุนงง

“ อะไรใหญ่ ”

“ ก็ของลับของราฟาเอล ไอ้โรคจิตที่เธอเรียกนะ เธอเห็นแล้วไม่ใช่เหรอ มันเป็นยังไง ใหญ่ไหม ”

“ โอ๊ย ฉันมัวแต่ตกใจไม่ได้สนใจมองอะไรทั้งนั้นแหละ แต่ถ้าคุณอยากรู้นักว่าขนาดของเขาเป็นยังไงก็ไปถามเจ้าตัว อย่ามาถามฉัน...ฉันไม่รู้ ”

“ อ้อ...มัวแต่กลัวเลยไม่ทันได้ดูสินะ ไม่ทันได้ดูก็ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันถอดให้เธอดูใหม่ เผื่อเห็นของผู้ชายคนอื่นเข้าจะจำอะไรได้บ้าง ”

เพียงเขาเริ่มถอดเข็มขัดนีนนาราที่ตระหนกจากเหตุการณ์เมื่อครู่มาเลยรีบยกมือข้างเดียวปิดตาพลางกรีดร้องใส่เรียกเสียงหัวเราะเสียงดังจากคนตัวใหญ่ได้เป็นอย่างดี

“ จะร้องทำไมเล่า ผู้หญิงคนอื่นเขาอยากเห็นของฉันถึงขนาดยอมนอนด้วยเชียวนะ แต่ฉันให้สิทธิ์เธอดูความเป็นชายของฉันฟรีๆ ไม่ต้องแลกเปลี่ยนอะไร เธอน่าจะดีใจถึงจะถูก ” เขากระเซ้า ยิ่งเห็นแม่ตัวเล็กส่ายหน้าสั่นศีรษะปฏิเสธแข็งขันความเรียบตึงบนใบหน้าก็ระบายไปด้วยรอยยิ้มหยอกเย้า

“ ไม่เป็นไรค่ะ ฉันเกรงใจ ฉันไม่อยากได้สิทธิ์อะไรแบบนั้น ” หล่อนละล่ำละลักบอกปัดเป็นการใหญ่แล้วมีอันต้องสะดุ้งด้วยความตกใจเมื่อมีบางสิ่งคล้ายถุงกระดาษวางลงบนหน้าตัก

“ เอ้า...เลิกปิดตาแล้วดูของใช้ส่วนตัวของเธอสิว่าเป็นยังไงบ้าง ” เสียงแหบต่ำสั่งกำชับ ทว่าคนหวาดระแวงกลับไม่ยอมทำตามเลยถูกเขาดึงมือออก

คนเจ็บเหลือบมองผู้ชายหลายบุคลิกตาขวางแล้วจึงก้มลงมองถุงกระดาษหลายใบบนหน้าตักหยิบซึ่งส่วนใหญ่เป็นเสื้อผ้าและเดรสสไตล์วินเทจเน้นสีพาลเทลประดับลูกไม้ดูอ่อนหวานน่ารักทำให้คนได้รับแย้มริมฝีปากกว้างพอใจ หากพอเห็นข้าวของสองถุงสุดท้ายมือก็กำแน่นเงยหน้าถามใส่เสียงแข็ง

“ คุณ...คุณรู้ว่าฉันใส่ชุดชั้นในขนาดเท่าไหร่ได้ยังไง ”

“ ก็วันนั้น วันที่ฉันเห็นเธอหัดเดินในสถานพยาบาลน่ะ ชุดนอนที่เธอใส่มันบางถึงจะบางไม่มากแต่เวลาที่แสงไฟมันส่องลงมาก็เห็นไปถึงไหนต่อไหน ฉันก็เลยคะเนไซส์ให้เธอถูกไง ” เขาพูดหน้าตายเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรทำเอาคนถามยิ่งอายใหญ่หน้าร้อนแทบไหม้

“ คุณนี่มันเลวมาก นอกจากจะแอบดูร่างกายคนอื่นเขาแล้วยังจงใจเลือกชุดชั้นในสมองตัณหาความลามกของตัวเองอีก คุณคิดเหรอว่าฉันจะยอมใส่ไอ้ชั้นยั่วสวาทพวกนี้ ฝันไปเถอะ ”

เจ้าหล่อนกัดฟันแน่นด้วยความโกรธที่ถูกหยามหยิบชุดชั้นในลูกไม้และชุดนอนบางเบาเหล่านั้นจะปาใส่หน้า หากเจ้าของฟาร์มไวกว่าคว้าข้อมือเล็กนั้นมาบีบแน่น

“ อย่าอวดดีปาอะไรใส่ฉัน ” คราวนี้สุ้มเสียงและแววตาที่เคยเย้าแหย่กลับแปรเป็นเยียบเย็นชวนขนลุก

นีนนารากระพริบตาแลดวงหน้ากร้าวกระด้างราวรูปปั้นไร้อารมณ์ใดให้อ่านก็รู้สึกเสียวสันหลังจนหนาวสั่นไปทั่วสรรพางค์กาย ยิ่งกายล่ำสันชะโงกลงมาแทบจะทาบทับกันริมฝีปากอิ่มยิ่งสะท้านไหว

“ ฉันกรุณากับเธอมากเกินไป เธอเลยลามปามใช่ไหม ได้...ถ้าเธอไม่ใส่ก็ไม่เป็นไร ฉันจะได้เอาชุดชั้นในพวกนี้ไปเผา แล้วก็อย่าหวังเลยนะว่าจะมีใครซื้อชุดชั้นในให้ใหม่ เพราะฉันไม่มีวันยอมให้คนอวดดีอย่างเธอใส่อะไรไว้ข้างใน แม้แต่แพนตี้สักตัวฉันก็ไม่ให้ เข้าใจไหม ” เขาประกาศตาวาวโรจน์ดึงชุดชั้นในทั้งหมดในมือเรียวเล็กยัดใส่ถุงกระดาษแล้วโยนมันทิ้งไปอย่างไม่ไยดีทำให้คนเจ็บโพล่งออกไปด้วยความคับแค้นใจ

“ ฉันเกลียดคุณ เกลียดผู้ชายหยาบกระด้างที่เอาแต่รังแกคนเจ็บไม่เว้นแต่ละวันแบบคุณที่สุด...คุณคิดหรือว่าช่วยชีวิตฉันแล้วจะได้เป็นเจ้าของชีวิตฉันด้วย ถ้าคิดอย่างนั้นก็จับฉันโยนลงทะเลไปใหม่ ฉันจะได้ตายสมใจคุณเลยดีไหม ”

หญิงสาวประชดประชันเตรียมใจจะได้เห็นตาเขาลุกเป็นไฟ หากมันไม่ได้เป็นไปอย่างที่คาดไว้เพราะเขาได้ส่งยิ้มละไมกลับมาให้เสียอย่างนั้น

“ เกลียดฉันนักก็ซัดฉันเลยสิ ซัดฉันเหมือนที่เธอทำกับราฟาเอลเลย เธอสู้เป็นไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่ซัดฉันสักเปรี้ยงตอนนี้เลยล่ะ ” เขาเอ่ยถามแกมยิ้มกว้างอย่างขบขันทำให้อีกฝ่ายตะลึงงัน...ไม่รู้จะตอบโต้กับผู้ชายประหลาดที่น่ากลัวและอ่อนโยนได้ในคราวเดียวกันคนนี้ยังไงจึงมีเพียงน้ำตาจากความไม่เข้าใจที่พรากไหล

...พ่อเคยสอนวิธีอ่านคนประเภทต่างๆ แต่พ่อไม่เคยบอกเลยว่า วิธีอ่านใจผู้ชายแปรปรวนตรงหน้านั้นจะจับสังเกตได้จากอะไร...

อเล็กซิสแลใบหน้าหน้าอาบน้ำตาของหญิงสาวตรงหน้าบรรจงพรมจูบเบาบนปลายริมฝีปากอิ่มก่อนทาบหลังมือไล้พวงแก้มนวลอย่างอ้อยอิ่งแล้วใช้ปลายนิ้วปราดหยาดน้ำออกจากดวงตาคู่งามให้

“ อย่าขี้แยทำตัวแหยนักสิแมวน้อย เดี๋ยวพ่อทูนหัวแต่ละคนของเธอมาเห็นเข้า เขาจะเศร้าเอานะ ” เสียงแหบทรงเสน่ห์นั้นกลับมานุ่มนวลเช่นเดียวกับฝ่ามืออุ่นที่ลูบประคองดวงหน้าทำให้คนเจ้าน้ำตายิ่งสับสนในใจหยุดสะอื้นไห้ไปโดยไม่รู้ตัว

“ พ่อทูนหัว...พ่อทูนหัวอะไรคะ ”

“ ก็คนที่เขาอยากเป็นเจ้าของแมวจรอย่างเธอไง ” เขาตอบอย่างอารมณ์ดี “ ว่าแต่ตกลงจะใส่ชุดที่ฉันซื้อมาไหม บอกไว้ก่อนนะว่าฉันไม่ได้เป็นคนเลือก เพราะฉะนั้นอย่ามากล่าวหาฉันอีก เข้าใจไหม ”

“ ถ้าคุณไม่ได้เลือกแล้วใครเป็นคนเลือก ”

“ คนที่เป็นสุภาพบุรุษมากๆ แล้วก็ให้ดอกไม้แทบทุกวันไง ”

“ อะไรนะ คุณฟาบิโอเป็นคนเลือกชุดพวกนี้เหรอ ไม่จริงอะ...คุณฟาบิโอไม่น่าจะใช่คนแบบนี้ ”

“ โถ ลูกแมวน้อยช่างอ่อนต่อโลกเหลือเกิน ฉันจะบอกอะไรให้นะ ขึ้นชื่อว่าผู้ชายมันไม่ทิ้งลายผู้ชายหรอก ต่อให้เป็นสุภาพบุรุษแค่ไหนแต่สันดานดิบข้างในมันไม่ได้หายไปหรอกนะ อย่างฟาบิโอเนี่ยเขาก็มีเสน่ห์กับสาวทรงโตร้อนแรงก็คงไม่แปลกอะไรถ้าจะเลือกอะไรแบบนี้มา แล้วตกลงว่ายังไง จะใส่หรือไม่ใส่ ถ้าไม่ใส่ฉันเผาจริงๆนะ ”

“ ฉัน...ฉันจะใส่ ” หล่อนอ้อมแอ้มตอบแม้จะไม่ชอบการบังคับขืนใจรวมทั้งชุดเหล่านั้นแต่ก็ยังดีกว่าสวมเสื้อผ้าโดยปราศจากปราการปกป้องชั้นใน

“ ก็เท่านั้นแหละ ” เขาปิดฉากกรณีพิพาทระหว่างกันเดินไปหยิบชุดชั้นในที่ขว้างออกไปมาคืนให้ดังเดิม หลังจากนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา

ทันทีที่ได้ยินคำอนุญาตฝากที่อยู่ด้านนอกก็เยี่ยมหน้าเข้ามาให้เจ้าของกระท่อมจึงทราบว่า พ่อทูนหัวคนแรกมารับตัวแมวจรจัดตัวน้อยนี้กลับเสียแล้ว

“ ผมได้ยินว่านีนเขาหกล้ม เลยจะพาเขากลับไปทำแผล ” โนอาร์บอกผู้เป็นนายขณะก้าวเข้ามาใกล้หญิงสาวที่นั่งบนเก้าอี้โยกพร้อมสำรวจตรวจตรารอยแผลรวมถึงถามไถ่อาการของแขนข้างที่หักเป็นการใหญ่

“ นีนไม่ได้เป็นอะไรค่ะหมอ ” เพราะความห่วงใยเหลือเกินของผู้รักษาทำให้หล่อนอยากพูดบางอย่างให้คลายกังวลแต่กลับทำให้เขาหน้าเครียดเปลี่ยนมาถามคาดคั้นถึงการพูดแทน

“ คุณพูดได้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ”

“ ก็พูดออกมาตอนเที่ยงนะคะ พอดีคุยคุณนาร์บาสแล้วก็พูดขึ้นมาได้เอง ”

“ แล้วทำไมไม่กลับไปหาผม ผมเป็นหมอนะจะรู้เรื่องที่คุณพูดได้เป็นคนสุดท้ายได้ยังไง แล้วอย่างนี้ผมจะหาข้อสรุปอาการของคุณถูกต้องได้ยังไง ”

“ นีนขอโทษคะที่ไม่ได้รีบกลับไปหาหมอ เอาเป็นต่อไปนี้เวลามีอะไรนีนจะบอกหมอเป็นคนแรกนะคะ ”

นายแพทย์หนุ่มส่ายศีรษะพลางถอนหายใจโดยไม่พูดอะไรมากไปกว่าคว้าข้อมือของคนไข้ให้เดินตามตนเองกลับไปยังสถานพยาบาล

“ เป็นเจ้าของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ถึงได้ห่วงใยขนาดนี้ ” ถ้อยคำภาษาฝรั่งเศสจากเจ้านายนั้นลอยมากระทบใจทำให้ลูกน้องหนุ่มหันกลับไปสบสายตาด้วย

“ นายน่ะบอกคนไข้ให้เลิกหว่านเสน่ห์ซะบ้าง เดี๋ยวคนอยากจะเป็นเจ้าของแมวแบบนายจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ”

“ ฉันไม่เคยหว่านเสน่ห์ใส่ใครเสียหน่อย ” นีนนาราตอบโต้แทนแพทย์หนุ่มผู้ดูแลตัวเองมาตลอดแล้วเป็นฝ่ายลากหมอเดินออกจากกระท่อมไปเอง

อเล็กซิสกอดอกมองบานประตูที่เคลื่อนปิดลงกับขอบอย่างเชื่องช้า ริมฝีปากหยักบางเหยียดแสยะเยี่ยงปีศาจยามจับได้ว่าผู้ที่เคยทำพันธะสัญญามอบวิญญาณให้หากกระทำผิดเงื่อนไขพลาดพลั้งละเมิดกฎระหว่างกัน

...เป็นคนสมองปราดเปรื่องแต่ไม่ได้เรื่องการใช้ชีวิต แค่วันเดียวยังเผยความลับออกมาขนาดนี้ แล้ววันอื่นๆต่อจากนี้ล่ะจะเหลืออะไรให้หา...

“ แมวน้อยที่ไหน นี่มันลูกแมวชัดๆ ” เขารำพึงแผ่วเบาแล้วผินหน้าไปหาหน้าต่างทอดมองออกไปยังร่างบางที่ดูเหมือนลูกแมวอ่อนเดียงสาก็ไม่ปานด้วยแววตาที่ยากจะอ่านว่าเกิดจากความเอ็นดูตามประสาผู้ใหญ่หรือเกิดจากความเคลือบแคลงใจที่อยากค้นให้ลึกถึงความลับทั้งหมดที่อีกฝ่ายซ่อนไว้เช่นตำรวจสอบสวนกันแน่



ปาณณิศา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 มิ.ย. 2555, 17:52:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 มิ.ย. 2555, 17:53:24 น.

จำนวนการเข้าชม : 1721





<< บทที่ ๖   บทที่ ๘ >>
คิมหันตุ์ 2 มิ.ย. 2555, 00:04:54 น.
ลูกแมวฉลาดจัง แต่ว่าที่เจ้าของลูกแมวท่าทางจะฉลาดและร้ายกว่ามาก 555


lovemuay 2 มิ.ย. 2555, 11:42:51 น.
นางเอกของเราคิดถูกอย่างแรงที่มากซ่อนตัวที่นี่ อิอิ


anOO 2 มิ.ย. 2555, 15:31:54 น.
เวลาโมโหลูกน้อยเก็บอาการไม่ค่อยอยู่เลยนะ


Zephyr 2 มิ.ย. 2555, 18:09:18 น.
โห นีนเอ้ย เผยไต๋มากไปละ เจ้าของแมวตัวจริงในอนาคตจับได้หมดเลย


วนัน 5 มิ.ย. 2555, 14:35:10 น.
มาคอยคะ


ling 6 มิ.ย. 2555, 15:51:52 น.
สนุกมากค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account