นิราศรักกรุงสยาม
ศักดิ์ศรีมีไว้ให้คนสรรเสริญมิใช่ทำลาย ความรักมีไว้เพื่อให้ได้รักในกันและกัน ปัญหาเดียวของความรักคือความไม่เข้าใจ

Tags: สู้ ไม่ยอม แพ้

ตอน: ดูตัว

เรือมีมีหลังคาเป็นประทุนและมีที่นั่ง เป็นเรือของท่านเจ้าใหญ่นายโต มาจอดเทียบท่าบ้านคูณพระเทิด ฝ่ายคุณพระดีใจจนเนื้อเต้นที่ได้เห็นท่านเจ้าคุณเทศา และคุณหญิงมาถึงเรือน คุณพระเห็นจะสมใจตามคำบอกเล่าของลูกสาวคนโตว่า ท่านเจ้าคุณบอกฝากมาก่อนว่าจะมาดูตัวแม่ช้อง
ดังนั้นคุณพระเทิดรีบให้การต้อนรับอย่างเต็มอกเต็มใจ คุณหญิงถามหา ช้องนางทันที เพราะว่าอยากเห็นว่าที่สะใภ้หลวง ละคิดตามประสาไม่ชอบใจว่า หากได้เห็นว่าช้องนางไม่มีคุณสมบัติเป็นผู้ดี หรือมาทำกิริยาปั่นปึ่งข้ามหัวผู้หลักผู้ใหญ่ นางจะได้กลับโดยที่ได้ทำหน้าที่แม่ให้ลูกชายที่อยากมีเมียแล้ว
ฝ่ายช้องนางนั้น ถูกตามตัวออกมาพบผู้ใหญ่ เธอเดินมาโดยมีนมเย็นและนางผิวคอยเป็นคนกำกับตามอย่างหญิงผู้มีสกุล
คุณหญิงเขม้นมองว่าที่สะใภ้ไม่วางตา เด็กสาวแรกรุ่นงามท่วงทีที่ก้าวเดินดูแช่มช้อยไม่ขัดเขิน กิริยาอ่อนหวานไปทั้งเรือนกาย แววตาคู่สวยหากมิได้แสดงความเป็นเด็กออกมาให้เห็นสักนิด
ฝ่ายช้องนางเดินมานั่งใกล้แล้วจึงได้ทรุดกายลงเดินเข่า พี่เลี้ยงทั้งสองหยุดนั่งในชั้นบ่าว ช้องนางเข้าไปกราบผู้ที่เธอแอบรู้ว่ามาดูตัว ซึ่งเธอจะชอบหรือไม่ เธอต้องมีมารยาทเพื่อหน้าตาของคุณพ่อคุณแม่เธอ
ความงามไร้ที่ติทำให้คุณหญิงอดรู้สึกเห็นใจลูกชายไม่ได้ว่า ไปพบไปเห็นเข้าเต็มสองตามาแล้ว จึงได้รีบบอกเจ้าคุณพ่อให้มาหมั้นหมาย ส่วนตัวเจ้าคุณพ่อนั้น ถูกคุณหญิงแสงชำเลืองดูกิริยาอาการ แล้วอดนึกไม่ได้ว่า เจ้าคุณผู้เปเนสามีคงอยากถอยอายุของตนลงไปแข่งกับลูกชาย เพราะแววตาระริกทอแสงออกมาฟ้องว่าพึงพอใจช้องนางยิ่งนัก
เจ้าคุณเทศาออกปากว่า
“แม่ช้องสมกับได้เป็นหลานชาววังเชียวนะคุณพระ กิริยามารยาทงามดังนี้ใครได้เป็นแม่ศรีเรือน ไม่ต้องอายคนสยามเลย แล้วนี่แม่ช้องมีคู่หมั้นหมายหรือยัง”
ช้องนางก้มหน้า แดงกล่ำ คุณพระออกปากบอกออกมาเองว่า
“หม่อมยายหวงให้อยู่เรือน เห็นว่าเด็กอยู่ขอรับ ท่านเจ้าคุณ”
“ไม่เด็กแล้วนะฉันว่า นี่ถ้าไม่รังเกียจกันนักเห็นจะต้องออกปากให้ลูกชายเสียแล้วล่ะ คุณพระรู้จักใช่มั้ยว่าลูกของฉันคือหลวงไกร ทำงานอยู่การทูต”
“เคยได้เห็นขอรับท่านเจ้าคุณ”
“แล้วเป็นอย่างไร ลูกฉันมีความน่ารังเกียจหรือไม่”
“ไม่เห็นสิ่งใดขัดขวางเลยขอรับ คนหนุ่มสมัยใหม่ที่มีกิริยามารยาทอ่อนน้อมต่อผู้ใหญ่ หากว่าเข้มแข็งนักยามรับราชการกระผมเห็นว่าคุณหลวงจะช่วยบ้านเมืองได้อีกนานขอรับ”
“ถ้าเช่นนั้นเห็นจะต้องบอกตามตรงนะ อย่าว่ากันไปเลยละว่ามาพูดพล่ามไม่ดูคน เพราะต้องบอกกันตามตรงทีเดียวว่าเห็นหน้าลูกสาวคุณพระแล้วใจร้อนแทนลูกชาย”
“เอ่อ...”คุณพระได้แต่อ้อมแอ้ม
“เอาล่ะฉันจะกลับละนะ พรุ่งนี้จะมาใหม่อีกครั้ง ทางนี้จะว่าอย่างไรก็ว่าเลย ฉันก็ตามใจลูกชายมากเพราะเห็นว่าเขาชอบพอทางนี้อยู่อักโข ส่งข่าวไปบอกฉันนะ อ้อขอเป็นข่าวดีนะคุณพระ”ท้ายประโยคท่านย้ำ
“อยากให้พ่อไกรมาเป็นทองแผ่นเดียวกับคุณพระ”
พระเทิดได้แต่ยิ้มรับ ท่าทางยินดีไม่ขัดข้อง คุณหญิงแสงอึดอัด แต่ขัดสิ่งใดไม่ได้ เจ้าคุณนั่งสนทนาพอควร คุณหญิงจึงชวนให้อยู่รับประทานข้าวด้วยกันโดยออกปากให้ช้องนางไปทำกับข้าว เพื่อเป็นการอวดว่า ลูกสาวมีเสน่ห์ปลายจวัก ไม่ใช่เป็นแต่ลูกผู้ดีนั่งเชิดคอสวยเท่านั้น
เจ้าคุณพอใจจึงรับคำ ในเวลาต่อมา ช้องนางได้เข้ามากำกับการวางสำรับต้อนรับคนมาดูตัว ซึ่งผู้ใหญ่ร่วมสำรับกันสี่คน เธอคอยตัดอาหารส่งให้เพิ่มเติม
เจ้าคุณออกปากชมถึงรสชาติอาหาร แม้แต่คุณหญิงยังต้องแอบยอมรับว่าช้องนางทำกับข้าวเก่ง และฝีมือดีกว่าแม่ครัวที่บ้านของท่านเสียอีก
ท่านเจ้าคุณเทศากำกับเรื่องการส่งข่าวว่าตอบรับการมาหมั้นอีกครั้งก่อนกลับ พระเทิดก็รับปากดังเดิมว่าจะส่งข่าวไป ไม่ยอมตกปากรับคำในเวลานั้น
เจ้าคุณเทศากลับจากบ้านคุณพระทางเรือ ระหว่างนั้นเอาแต่ยิ้มกริ่มอยู่ไปมา คุณหญิงท้วงขึ้นมาว่า
“เจ้าคุณพี่เจ้าขา จะสู่ขอกันเลยนั้นทำไมไม่ถามไถ่สินสอดเสียก่อนหรือเจ้าคะ นี่ไปเอ่ยว่าอยากได้ ทางนั้นจะเรียกค่าตัวไม่อั้นกันละ”
“นี่คุณหญิง แม่ช้องไม่ใช่สินค้านะจะได้ตำหนิของถูกของแพง หล่อนมีค่ามากพ่อแม่จึงเรียกตามนี้ เมียลูกคนเดียวฉันจะไม่มีปัญญาขอให้เชียวหรือ”ท่านดุเสียงดัง เพราะใจไปเข้าข้างลูกหมดสิ้นแล้ว
“แต่ก็น่าจะเอ่อถามเรื่องสินสอดเสียบ้าง”
“แม่ยายฉันเรียกเท่าไหร่ คุณพ่อฉันยังไม่ต่อสักคำ ท่านบอกฉันว่าอย่างไรแม่แสงรู้มั้ย”
ครานี้เรื่องเข้าตัว คุณหญิงจึงนั่งคอแข็งแต่จะไม่ถาม คงไม่ได้คำตอบ เพราะรู้นิสัยเอาแต่ใจตัวเองอย่างที่สุดของสามีได้ว่า ท่านชอบให้คนตามใจ และท่านตามใจคนตามเหตุผลที่ท่านเห็นสมควรเท่านั้น
“แล้วท่านว่าอย่างไรเล่าเจ้าคะ”
“ท่านว่า พ่อแม่คิดเอาสินสอดเพราะปลดหนี้ ก็เห็นจะเป็นพ่อแม่ที่ไร้หัวใจ เงินสินสอดจึงหมายถึงความมีค่าของลูกมากกว่าความมีราคา คุณพ่อฉันไม่ตำหนิคุณพ่อหล่อนสักนิดเดียวทีเรียกสินสอดพอสมน้ำสมเนื้อกัน”
คุณหญิงนึกขึ้นมาในเวลานั้นเองว่า แม้ต้องขนทองไปท่วมตัวช้องนางเจ้าคุณคงยอม เพราะเห็นว่าสมน้ำสมเนื้อกับความพอใจของท่านแล้ว
ต่อมา ทางบ้านคุณพระส่งเถ้าแก่มาบอกข่าวว่า ยินดีเป็นทองแผ่นเดียวกัน โดยเรียกสินสอดมาด้วย
คุณหญิงสะดุ้งแล้วสะดุ้งอีก ต่อค่าสินสอดที่เถ้าแก่มาบอก เรือนหอเก้าฝาเรือน เงินพันชั่ง ทองสิบบาท แหวนทับทิม สร้อยข้อมือทับทิม และสร้อยคอทับทิมสยาม ให้หมั้นหมายแต่ของก่อน ส่วนให้เห็นคนนั้นทางเจ้าสาวยังไม่ให้ จนกว่าจะถึงวันแต่งงาน เรื่องมากเพียงนี้แล้ว แต่เจ้าคุณรับคำไม่มีตกสักคำเดียว เมื่อเถ้าแก่ไปแล้ว คุณหญิงบ่นกับสามีไม่ได้ เพราะท่านตัดสินใจคนเดียว ดังนั้งคุณหญิงเก็บอารมณ์เสีย มา ลงอารมณ์กับเมียรองที่หอนั่ง ซึ่งทั้งสองก็บูดบึ้งรับไปด้วยว่า
“ลูกสาวสองคนออกเรือนไปไม่ได้สินสอดสักเสี้ยวของเมียพ่อไกรเพียงคนเดียว”
“ฟังว่าเรียกเป็นพันชั่งเชียวหรือเจ้าคะคุณพี่”
“แค่นั้นจะไม่ว่าดอก เพราะว่าพอไหวอยู่ แต่นี่มาขอทับทิมเก่าทำแหวนลอยเป็นของหมั้นหมายอีก ฉันงี้แทบคลั่ง ทำท่าจะปฏิเสธ แต่ไม่ทันเจ้าคุณพี่ เพราะเจ้าคุณออกปากว่าจะเพิ่มมรกตล้อมให้อีกชั้นหนึ่ง เหอะ! อีกฝ่ายขอ อีกฝ่ายข่มกันเข้า ฉันจึงเสียกับเสีย”
“ฟังแล้วน่าอึดอัดแทนคุณพี่จริงๆนะเจ้าคะที่ต้องร้อนใจกับสินสอดทองหมั้นมากขนาดนี้”
“แล้วแม่ช้องคนนี้ งามสักแค่ไหนกันเชียว”
คุณเหม เมียคนที่สองกระแทกเสียงตามเมียใหญ่ เพราะนางโดนอ้างเรื่องลูกสาวตัวแต่งงานพอเป็นพิธี และท่านเจ้าคุณผู้เป็นสามีแทบยกให้เจ้าบ่าวไปเสียเปล่าๆด้วยซ้ำ เนื่องจากพอใจฝ่ายลูกเขย เห็นว่าซื่อสัตย์และขยัน ส่วนฐานะยากจนกว่าอย่างเทียบไม่ได้เท่าฝาเรือน* ตามคำอวดอ้างอย่างเก่าจะเทียบฐานะกันจะดูเรือนหอว่าใหญ่มากน้อยกันกี่เรือน กี่ฝาเรือน*
“ลือกันว่ามีคนไปขอตั้งแต่อายุสิบสอง คงจะ เอ่อชมดชม้อยเล่นหูเล่นตาเก่งมากกระมัง”
คุณหญิงใหญ่พูดอะไรไม่ออก แม้แต่จะนินทายังกระดากใจ เพราะได้เห็นมากับตาว่าช้องนางออกสำรวมกิริยาด้วยซ้ำไป เด็กสาวมีความสวยมาก
ท่านหญิงกุหลาบโอ้อวดอวดสรรพคุณแม่บ้านแม่เรือนของลูกสาว ด้วยการรับอาหารกลางวัน ออกปากให้ช้องนางทำกับข้าวรับรอ
หลังรับประทานอาหารกันแล้ว ต่างออกปากเรื่องรสชาติเทียมชั้นคนในทีเดียว ท่านเจ้าคุณเอ่ยปาก
“แม่ช้องนี้สำคัญเห็นทีเจ้าไกรลูกฉันจะหลงเสน่ห์ปลายจวักเสียเป็นแน่”
คุณเหมสะกิดคุณหญิงใหญ่เมื่อเห็นตกอยู่ในภวังค์
“อย่างไรแม่ช้องก็คงต้องเป็นเมียแต่งคุณไกรใช่มั้ยเจ้าคะคุณพี่”
“ใครลองไปขวางเจ้าคุณแทนฉันที” คุณหญิงประชดให้
ทุกคนเงียบเพราะเจ้าคุณคุมอยู่หมด ทั้งหลวงทั้งน้อย ดังนั้นสามเมียจึงต้องยอมรับช้องนางได้หมั้นหมายกับไกรอย่างสมบูรณ์
ที่บ้านของน้องชายคุณเหม ซึ่งมีอาชีพเป็นนายประกัน รับเงินปากถุงเมื่อยามประกันหนี้ให้กับคนที่เขาไว้ใจ แม้บางครั้งจะมีการโกง แต่นายผ่องเป็นนักเลงหัวไม้ จึงตามเก็บทรัพย์กลับมาได้ไม่ยากนัก อาชีพนายประกันสำหรับนายผ่องจึงไม่มีปัญหาอะไร ส่งส่วยให้เจ้าพนักงานในเรื่องการทำร้ายคนโกง เองก็เงียบไม่เคยขึ้นถึงคุกตาราง
ใบบอกของคุณเหมมาถึงมือนายผ่องจากคนบ้านเจ้าคุณ ซึ่งรอรับแผ้วไปพร้อมกับคำสั่ง นายผ่องอ่านจดหมายคร่าวๆ บ้วนน้ำหมากลงบนพื้น ไม่สนใจว่าจะกระเด็นโดนผู้ใด ก่อนจะพูดเมื่อปากว่างว่า
“พี่สาวกูจ้องให้หลานเดินตามตัว เห็นจะเก็บเงินได้มากอยู่กระมังจึงจะเอาลูกกูไปชุบตัวอีก”บ่นแล้ว นายผ่องไม่ขัดข้องอันใด สั่งให้บ่าวในเรือนไปตามลูกสาว คือแผ้ว
เวลานั้น แผ้วกำลังแตะกระแจะจันทร์หอมกรุ่นจนสาวใช้อดชมไม่ได้
“หอมนักหนาเชียวเจ้าค่ะคุณแผ้ว”
“มีเรื่องอันใดรึ ถึงเข้ามาในห้องข้าแต่วัน”
“คุณป้าที่เรือนเจ้าคุณส่งใบบอกให้มารับคุณแผ้วไปอยู่ที่นั่นเจ้าค่ะ”
“จริงรึ” แผ้วออกอาการดีใจ เมื่อได้ยินสาวใช้เอ่ยเรื่องที่เธอรอมานานว่า เมื่อไหร่จะได้ไปใกล้ชิดไกรอีก เธอจากมานานมากแล้ว นับแต่คุณน้อยมาเรือน คุณป้าเธอก็ส่งเธอกลับบ้านอย่างที่เธอไม่สบใจเอาเสียเลย
การแข่งขันกันในเรื่องหน้าตา แผ้วไม่ห่วงสักนิด เพราะได้เห็นตัววางอันดับเจ้าสาวหลวงไกรแล้วว่าเป็นหญิงงามแสนธรรมดา ไม่สะดุดตาอันใด มองย้อนมาที่ตัวเธอ แผ้วยังเห็นว่าทั้งรูปทรง และหน้าตา สวยกว่าน้ำผึ้ง แต่ครั้งนั้นคุณน้อยไปพูดอันใดกับคุณหญิงไม่ทราบได้ แผ้วจึงต้องกลับเรือนทั้งที่ไม่อยากกลับสักนิดเดียว เพราะที่บ้านของเธอเต็มไปด้วยนักเลงหัวไม้ ดังนั้นแผ้วรีบสั่งให้สาวใช้เก็บของลงตะกร้าหวายมีฝาปิด เลือกแต่ผ้าใหม่ชั้นดีไปทั้งสิ้น
“ท่าทางคุณป้าจะเห็นช่องทางดีนะเจ้าคะ”
“เห็นช่องอันใด พูดไปให้ดีนะ อีคนนี้”
“เอ่อท่านคงไม่ต้องการให้คุณแผ้วของบ่าวต้องนั่งหลบนักเลงหัวไม้อยู่แต่ในห้องนะเจ้าค่ะ จึงได้มารับตัวไปดังนี้”สาวใช้แก้ตัวไปได้อย่าน่าพอใจ
แผ้วจึงยิ้มเต็มที่ ฟันแดงสลับขาวเพราะขัดด้วยเปลือกหมากได้ดีเท่าที่เห็นนั้นเอง เธอกินหมากแต่เด็ก ดังนั้น คราบปูนแดงและยางหมากจึงจับหนาในฟันบางซี่ หากว่าไม่ใช่เรื่องแปลกที่ชาวสยามจะยิ้มโชว์ฟันแดงกันถ้วนหน้า
ข่าวลือเรื่องเจ้าคุณเทศาส่งของหมั้นหมายไปยังเรือนพระเทิด ด้วยของมีค่ามากมาย สำหรับค่าตัวช้องนาง ทำให้หลายคนทั้งหญิงชายเก็บงำไปพูดต่อๆกัน จนถึงวังของพระองค์เจ้าหญิง ซึ่งคุณน้อยมาสนองงานอยู่ คุณเถ้าแก่ ซึ่งกำกับงานของข้าหลวงเอ่ยกับคุณน้อยอย่างตรงไปตรงมาโดยที่น้ำผึ้ง สาวสวยรูปร่างอวบอิ่ม ตามสมัยนิยม ห่มผ้าแพรทับเสื้อแขนยาวคอปิดอีกที หญิงสาวเรียงร้อยดอกไม้บนพานพุ่ม ซึ่งจะออกงานได้สวย เรียบ ไม่มีดอกไม้สักดอกที่โดด หรือสะดุดตาให้คนมาต่อว่าช่างทำไม่มีฝีมือ
เสียงคุณเถ้าแก่ออกสั่นตามอายุขัยมากโขเอ่ยว่า
“ข่าวเขาลือมาถึงนี่ไม่ได้ยินเลยหรือแม่น้อย”
“เรื่องอันใดเจ้าคะคุณน้า”
“เรื่องคุณหลวงทูติ ได้ขนของหมในหมายเป็นลำเรือน่ะสิ”
“ขา เจ้าคะ”คุณน้อยหูเฝื่อน น้ำผึ้งถึงกับชะงักมือในการทำพานพุ่มพานใหม่ คุณเถ้าแก่เอ่ยต่อไปว่า
“นี่ท่าทางจะไม่ได้ยินกันจริงเสียด้วยสินะ”
“หลวงทูติมีหลายหลวงอยู่ คุณน้าคงไม่ได้หมายถึงหลวงทูติลูกเจ้าคุณพี่เขยของอิฉันดอกกระมัง”
คุณเถ้าแก่อดมองค้อนคุณน้อยเสียไม่ได้ คุณน้อยเห็นอาการค้อนประหลับประเหลือกของคุณเถ้าแก่ ท่านถึงกับใจหายวะวับ น้ำผึ้งมีอาการใจลอยคว้าง ราวกับว่ามันไม่ได้อยู่ในอกของเธอเสียแล้วเวลานี้
หลวงไกร หรือคุณพี่ ที่น้ำผึ้งหญิงสาวร่างอวบอิ่มเคยเรียกมาแต่เล็กแต่น้อย เธอรักญาติผู้พี่คนนี้อย่างไม่เคยมองชายใดว่าดีเท่า คุณแม่และคุณป้าของเธอสำทับกันมานักว่าเธอจะเป็นเจ้าสาวพี่ไกร
หากวันนี้เธอกำลังฟังข่าวเรื่องเจ้าสาวคนนั้นไม่ใช่เธอ
“เป็นลูกสาวคุณพระทำงานกรมพระคลัง เป็นคนตรง ลูกเขยหม่อมบุหงา ซึ่งเป็นหม่อมสมเด็จในพระโกศ”
“เอ่อแล้วลูกสาวเขาเป็นชาววังด้วยหรือเจ้าคะคุณน้า”
“ไม่เลยสักคน หลานสาวหม่อมบุหงามีสามคน แต่งงานเร็วทั้งหมด คนใหญ่ ได้กับข้าราชการติดต่อกันกับการทูติ อีกคนแต่งงานกับพ่อค้า ผูกการค้ากับต่างบ้านต่างเมือง คนเล็กอายุเพิ่งรุ่นสาว แต่ลือกันว่าสวยมาก ขนาดเจ้านายในวังไปเยี่ยมหม่อมบุหงาถึงเรือน ยังมีข่าวลือว่าหม่อมบุหงาเอาหลานคนนี้ไปซ่อนไม่ให้ได้พบหน้าเสียอย่างนั้น”
“หม่อมช่างกล้ากับเจ้านายเพียงนั้นเลยคือเจ้าคะ”
“หม่อมบุหงาท่านเป็นคนจริง ท่านก็เป็นหม่อมของสมเด็จ แม้จะอยู่ในพระโกศแล้ว หม่อมก็ไม่ได้เกรงน้ำใจใครจะมาข่มเหงดอก เพราะลูกเขยก็ได้ดีเป็นที่โปรดเกล้า ว่าแต่เรื่องของหม่อมบุหงายังกล่าวขานกันอยู่มาก คราวที่สมเด็จท่านมีอาการประชวรโจษจันกันว่าท่านโดนทำของ เพราะมีคนพบเส้นผมในสำรับของเสวย เรื่องคราวนั้นมีการไต่สวนมากมาย หม่อมท่านเป็นคนคุมเครื่องเสวย จึงโดนก่อน ยิ่งเป็นที่รักของสมเด็จยิ่งโดนมาก เป็นคดีเอาตัวเฆี่ยนให้สารภาพ หม่อมท่านได้ขอเข้ากราบทูลเอาความจริง สมเด็จท่านมีพระเมตตาไม่ได้ฟั่นเฟือน เมื่อให้เข้าเฝ้าแล้ว หม่อมท่านทูลความจริงว่าน่าที่จะเป็นเรื่องอิจฉากันของบรรดาหม่อม สมเด็จท่านรับฟัง มีพระเมตตาให้ปล่อยตัว และให้ไปอยู่นอกวัง เรื่องจึงเงียบ และหม่อมท่านไม่ส่งลูกหลานเข้ามาในวัง อย่าว่าแต่ในวังนี้เลย แม้แต่งงานท่านหญิง ท่านยังให้แต่งงานกับสามัญชนด้วยซ้ำ”
คุณเถ้าแก่เล่าเรื่องหม่อมบุหงายาวยืด แต่น้ำผึ้งฟังหูซ้ายทะลุหูขวา คุณน้อยกัดปากนิ่ง ข่มน้ำคำที่จะพรั่งพรูออกมาจากปากของตน เรื่องนี้กล่าวกับคนนอกไม่ได้ ต้องไปกล่าวกับคนที่รับปากนางต่างหาก คนเป็นป้าที่ทำให้หลานต้องรอห้องหอค้างเติ่งอย่างนี้!!
คุณน้อยโกรธพี่สาวอย่างไม่มีอะไรมาทำให้หายได้เลยในขณะนี้ ครั้นจะไปต่อว่าในขณะนี้ คุณน้อยเกรงว่าจะกลั้นโทสะไม่อยู่ สายใยของพี่น้องจะขาดจากกัน ซึ่งนางไม่อยากให้เป็นเช่นนั้นไปได้ เพราะคุณหญิงมีเมตตาต่อน้องสาวคนนี้มาตลอด นับแต่พ่อแม่ได้สิ้นไปแล้ว และน้องชายคนสุดท้องโดนเมียคุมสมบัติได้อยู่หมด โกรธได้ แต่ไม่อาจแค้น!!!



นางแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 16 พ.ค. 2555, 19:31:51 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 16 พ.ค. 2555, 19:31:51 น.

จำนวนการเข้าชม : 2825





<< แม่สื่อ   ว่าที่คู่หมั้นหมาย >>
tookta 17 พ.ค. 2555, 09:46:30 น.
รีไรท์ใหม่หมดเลยหรือคะไรเตอร์ ส่งกำลังใจมาค่ะ


นางแก้ว 17 พ.ค. 2555, 10:19:56 น.
ค่ะพี่ตา รีไรท์ทั้งเรื่องเลยค่ะ รับประกันว่าสนุกอย่างไม่มีหมกเลยค่ะ


tookta 17 พ.ค. 2555, 14:28:35 น.
ขอบคุณค่ะ รออ่านจ้า


Zephyr 17 พ.ค. 2555, 17:34:38 น.
อ่าว พาลนี่นาคุณน้อย


องุ่น 27 พ.ค. 2555, 02:28:10 น.
น่าสงสารเหมือนกัน


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account