นิราศรักกรุงสยาม
ศักดิ์ศรีมีไว้ให้คนสรรเสริญมิใช่ทำลาย ความรักมีไว้เพื่อให้ได้รักในกันและกัน ปัญหาเดียวของความรักคือความไม่เข้าใจ

Tags: สู้ ไม่ยอม แพ้

ตอน: ผลของชายแรกที่โดนตัว

หลังจากโดนกีดกันไม่ให้ลงเรือน ทำให้ช้องนางอึดอัดเป็นอันมาก ในที่สุดเมื่อลับตานมเย็นและนางผิว บ่าวใช้ตัวโปรด ช้องนางจึงแอบลงจากเรือนอย่างสมใจ
หญิงสาววัยสิบหก เดินเที่ยวเล่นไปตามบริเวณบ้านของตน บ่าวไพร่ทำงานตัวเป็นเกลียว บ้างทำขนม บางขนผลไม้ มีบ้างเที่ยวจับปลาซึ่งไปจับกันได้ตามใจชอบ ไม่มีการผูกขาดไว้ให้ได้เป็นสมบัติส่วนตัวใครอีก
ไกลออกไปอีกนิดเป็นหมู่ดอกไม้มีทั้งขึ้นเองโดยธรรมชาติ และการจัดแต่ง ต้นช้องนาง เป็นไม้พุ่มสูงไม่เกินสอง-สามเมตรออกดอกสีม่วงบานสลอน ช้องนางแตะต้องดอกไม้ไร้กลิ่น ซึ่งออกดอกตลอดปี หญิงรุ่นอดคิดถึงตนเองเปรียบเทียบกับดอกไม้เสียไม่ได้
แม้ช้องนางออกดอกทั้งปี แต่เมื่อเด็ดออกจากต้น ดอกไม้กลีบบางนี้เหี่ยวเฉาเร็วยิ่งนัก เธอเองกำลังถูกปลิดออกจากเรือนคล้ายกัน สุดท้ายไม่วายเหี่ยวโรย
ความรู้สึกหนาวเยือกเมื่อคิดถึงอ้อมกอดของชายหนุ่มแปลกหน้า แต่งกายทันสมัยยิ่งทำให้ช้องนางหม่นหมอง เพ่งพิศดอกไม้ชื่อเดียวกับตัวแล้วนึกถึงคำกลอนของสุนทรภู่ เรื่อง ลิลิตพระลอ เปรียบตนเองบอกฝากดั่งพระลอรำลึกเองว่า
นางแย้มเหมือนแม่แย้ม ยวนสมร
ใบโบกกวักกร เรียกไท้
ช้องนางคลี่คลายร่ายขจร โบกเรียกพระลือ
เชิญราชมไม้ไล้ กิ่งก้มถวายกร...
ช้องนางอยากเลิกคิดถึงชายผู้นั้น หากคิดเลิกใฝ่ใจกับยิ่งฉุกใจนึกถึง เด็กสาวเดินเรื่อยไปจนถึงต้นไทร ยินต้นแตกแขนงม่านไทรย้อยระย้าให้ความร่มรื่น แม้อายุไทรนี้ไม่ถึงยี่สิบปี แต่เติบโตเร็ว ทุกวันจะมีลูกบ่าวมาวิ่งเล่น หากวันนี้รอบๆดูเหมือนไร้สิ่งมีชีวิตมาเยี่ยมเยือนอย่างน่ามหัศจรรย์ เพราะไม่มีแม้แต่นกสักตัวมาจิกกินลูกไทรเหลือง แดงบนต้นไม้ใหญ่ต้นนี้
เด็กรุ่นสาวแหงนเงยขึ้นมองบนยอดสูงของไทร แสงอาทิตย์แผดกล้า เด็กสาวรู้สึกร้อนจาร่างอาบเหงื่อ มีอาการหายใจขัด ดังนั้นจึงฝืนใจเดินเข้าพักในทีร่ม ก่อนเป็นลมหน้ามืดลงไป ก่อนล้มพับ ช้องนางรู้สึกถึงวงแขนอบอุ่นของใครบางคนประคองเธอไม่ให้ล้มลงกับพื้น นานเท่านานที่หญิงสาวไม่รู้สึกตัว
เมื่อเลยเวลาขึ้นเรือนมาแล้ว แต่ช้องนางยังไม่คืนกลับเรือนทำให้คนบนเรือนเริ่มเป็นห่วง พระเทิดถามได้ความว่าช้องนางลงจากเรือนไปเดินเล่นในสวน จากนั้นไม่มีใครเห็นช้องนางกลับมาขึ้นเรือน ทั้งนมเย็น และนางผิว ออกมาด้วยความตกใจ สิ่งที่เกรงที่สุดคือกลัวช้องนางหนีออกจากบ้าน
นางผิวค้นหาในสวนแทบจะทุกซอกทุกมุม แต่ไม่พบนายสาวนางจึงวิ่งทะเล่อทะล่าขึ้นมารายงาน คุณพระเทิดและท่านหญิงกุหลาบ น้ำตาคลอเบ้า รายงานเสียงสั่นหาก ทั้งคุณพระท่านหญิงกุหลาบ คุณพิกุล คุณปีบและสามีตื่นตกใจ
“ไม่เห็นคุณช้องเลยเจ้าค่ะ”
“เอ็งหาทั่วแล้วรึอีผิว”
“เจ้าค่ะทั่วแล้ว”
ทุกคนต่างรุ่มร้อนดั่งมีไฟเข้าไปสุม ระหว่างที่คนในเรือนพระเทิดตามหาช้องนางกันให้วุ่นอยู่นั้น ปรากฏ เรือยนต์ลำหนึ่งจอดท่าน้ำชายแต่งกายด้วยเสื้อคอเต่ากางเกงขายาว สวมหมวกใบตาล กำลังสั่งคนติดตามให้ขนของขึ้นจากท่า เพื่อเป็นของกำนัลแด่คุณพระเทิดและครอบครัว
เขาได้เห็นความวุ่นวาย จึงเอ่ยถามอกไปว่า
“มีอะไรเกิดขึ้นรึ”
“คุณช้องนางหายไปขอรับ กำลังตามหากันอยู่”
“หาย”
ชายผู้นั้นตกใจเป็นอันมาก เขารีบสาวเท้าไปบนเรือนพระเทิดทันที ฝ่ายคุณพระเทิด เมื่อเห็นผู้มาเยือนถึงกับถอดสีหน้า เพราะท่านจำได้ว่าเป็นทนายคนสนิทของคุณหลวงไกร นายเพิ่มยกมือไหว้พระเทิด
“กระผมไหว้ขอรับคุณพระ”
“ไหว้พระเถิด นายเพิ่ม” คุณพระทักนายเพิ่มพร้อมรับไหว้ พลางทำทีท่าให้เป็นปกติ พร้อมกันราวกับนัดไว้ ส่วนนายเพิ่มถามร้อนรน
“ทราบว่าคุณช้องนางหายไปหรือขอรับ”
“เปล่า เปล่าหรอกนายเพิ่ม ไปฟังความใดไม่แจ้งดังนี้เล่า แม่ช้องไปเที่ยวเล่น ในสวนเท่านั้น อ้ายพวกบ่าวก็เกรงกันเสียหนักอยู่ ว่าแต่นายเพิ่มมีธุระอะไรจากหลวงไกรมาบอกรึ”
“อ้อขอรับ กระผมฟังความแล้วใจหายไปเทียวขอรับ นึกว่าคู่หมั้นหมายของคุณหลวงของกระผมจะหายไปเสียอีกขอรับ”
“เปล่าดอก นายเพิ่ม แม่ช้องอยู่ในเรือนแล้ว ตามธรรมเนียม ใกล้แต่งงานแล้วไม่ให้ออกนอกเรือนไปไหน เกรงจะมีเคราะห์”
“ขอรับ อ้อกระผม ได้นำของที่คุณหลวงส่งมาขอรับ เป็นแพรพรรณมาจากฝรั่งเศสเป็นผ้าลูกไม้เป็นที่นิยมตัดใส่กันในระดับสูงขอรับ คุณหลวงเธอเกรงคุณช้องนางจะน้อยหน้าคนอื่นขอรับจึงรีบจัดมาให้ เผื่อว่าจะใช้ประโยชน์ในวันแต่งงานได้”
นายเพิ่มบอกทางนี้แล้ว หันไปสั่งบ่าวให้ยกหีบขึ้นมาให้ คุณพระให้บ่าวใช้รับไว้ นายเพิ่มคุยอีกสองคำจึงลากลับ
ก่อนลงเรือจึงหันไปมองความวุ่นวาย เขาเองทำปกปิดกิริยาการอยากรู้อยากเห็นและความสงสัยเสียสนิทแต่แท้ที่จริงเขาเชื่อว่าช้องนางจะหายตัวจริง ๆ ดังนั้นเขาจึงต้องไปรายงานนายให้ทราบ
เมื่อลับร่างนายเพิ่มไปแล้ว คุณพระเทิดโกรธจนหนวดกระดิก เสียงสั่งดังลั่นไปทั้งคลองว่า
“ไปตามอ้ายคนที่ปากสว่างบอกนายเพิ่มว่าลูกกูหายมาทีรึ กูจักตบให้ปากคอเลือดไปเทียว”
ไม่มีใครอวดตัวเป็นผู้ซื่อสัตย์ ออกมารับรางวัล ที่คุณพระจะตบปาก ดังนั้นคุณพระจึงไม่รู้ว่าใครปากสว่าง
ท่านได้แต่คิดเรื่องร้อน ไม่อยากให้เรื่องช้องนางหายตัวไปรู้ถึงหูเจ้าบ่าว หาไม่คงจะเดือดร้อน เพราะไม่ดูแลว่าที่เจ้าว่าสาว ซึ่งได้ถูกหมั้นหมาย เป็นของคุณหลวงไกรไปแล้วครึ่งหนึ่ง หลวงไกรพึงพอใจช้องนางมากเพียงใดนั้นดุได้จาก ของกำนัลมีมาไม่ขาดสาย
“ไปหาลูกกูให้พบ ไปตามให้ถึงโรงเรียนกุลสตรี (วังหลัง) ไปหาให้ทั่ว บางทีช้องนางอาจจักไปที่นั่น”
ที่บ้านพระเทิดร้อนใจในเรื่องการตามหาช้องนาง ส่วนอีกเรือนนั้นนั่งรอฟังข่าวอย่างใจจดใจจ่อในการส่งนายเพิ่มไปฟังความ!!
ส่วนช้องนางถูกอุ้มราวกับเป็นของเบามายังกระท่อมหลังเล็กอยู่ห่างถึงปลายนา ร่างกำยำล่ำสันของชายผ็ทำหน้าที่อุ้มค่อยวางอีกฝ่ายลงกับพื้น จากนั้นคนในกระท่อมเอ่ยเสียงออกมาว่า
“ไปถึงเรือนคุณพระหรือเปล่าไอ้ทิด”
คนเอ่ยออกมาถึงแล้วจึงได้พบร่างอรชอรนอนเหยียดยาว หายใจระรวย ใบหน้าขาวซีดราวกลีบดอกไม้ หญิงสาวผู้มีใบหน้าแถบหนึ่งเป็นรอยแผลเป็นจากฝีดาษ ทำให้ดูน่าเกลียดอุทนอย่างตกใจเมื่อพบว่าเป็นช้องนาง
“อุแม่จ้าว นี่เอ็งลักพาคุณหนูช้องนางมาเทียวรึทิดแถม ข้าแค่ให้เอ็งไปขอความช่วยเหลือจากคุณพระผ่อนผันเรื่องเงินกู้ที่คืนไม่ได้เพราะนาล่มเท่านั้น”
“ข้าก็ได้ไปตามที่พี่บอก แต่ไปเห็นคุณหนูเดินเล่นมาถึงท้ายบ้านเสียก่อน เธอเป็นลม ข้าทำอะไรไม่ถูก จะอุ้มไปที่เรือนก็เกรงว่าจะไม่มีใครฟังข้า ข้าจะโดนกระทืบเสียก่อน”
“นั่นสิ เธอกำลังจะแต่งงานด้วยสินะ หากมีผู้ชายไปโดนเนื้อตัวเข้าล่ะก็เสียน้ำเสียนวลไป พี่อาจจะโดนกระทืบตายก็เป็นได้ แก้ไขเสียให้ฟื้นเถอะ แดดมันนายเพียงนี้ใครมันจะไปทนได้”
หญิงหน้าอัปลักษณ์เคลื่อนตัวมาดูแลช้องนาง แล้วไล่ให้น้องชายไปทางอื่นไม่ให้เข้าใกล้ เพราะอีกฝ่ายเป็นหนุ่มแน่น ไม่มีลูกเมียทำให้ทิดแถมไม่พอใจ จึงได้โต้แย้ง
“จะไล่ฉันไปให้ไกลสิบโยชน์ พี่ก็ห้ามสายตาฉันไม่ได้ ฉันอุ้มเธอมาจนถึงบ้านนะพี่”
“เอ๊ะไอ้ทิด เอ็งไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำหรือไร คุณหนูเธอเป็นลูกสาวคุณพระ เอ็งจะเที่ยวโพนทะนาว่าไปสะเออะแตะตัวเธอได้หรือ ไปไป ข้าไม่ให้ใกล้ ข้าจะคลายเสื้อผ้าเธอออก จะได้หายใจสะดวก”
ช้องนางเหมือนหุ่นมีชีวิตที่นอนหลับไม่รู้เรื่อง นางแย้ม เข้าปฐมพยาบาล อยู่ครู่ใหญ่ ช้องนางหายใจสะดวก อาการวิงเวียนทุเลาลง หญิงสาวได้กลิ่นหอมของผิวส้มอบร่ำ เธอค่อยรู้สึกสบาย หายใจคล่องขึ้น จากนั้นจึงค่อยลืมตา แย้มรีบเอาผ้าปิดแก้มข้างที่อัปลักษณ์ ส่งยิ้มทักทายช้องนาง
“ฟื้นแล้วหรือเจ้าคะคุณหนู” สองพี่น้องหันมามองหน้าแล้วยิ้มยินดียิ่งนัก
ช้องนางรู้สึกตัวได้เต็มที่แล้ว เธอจึงลืมตาตื่น เมื่อลืมตามาพบแย้ม และเหลียวไปมองทิดแถมด้วยความตกใจ เพราะในสติที่เลือนรางเธอมองด้วยสายตาพร่าเลือนว่าเห็นชยผู้นี้ พาเธอมา โดยที่เธอพยายามบอกว่าให้พากลับ แต่ไม่อาจเปล่งเสียงหรือแม้แต่ดิ้นรนได้ ดังนั้นเมื่อเห็นอีกฝ่าย ช้องนางจึงผวาหนีอย่างตกใจยิ่งนัก
“นายแถม นี่นายคิดทำมิดีมิร้ายกับข้าเทียงรึ”
“คุณหนูเจ้าขา อย่าเพ่อตัดพ้อต่อว่าน้องชายอิฉันไปเลยเจ้าค่ะ”
“จักไม่ให้ข้าต่อว่าไปเยี่ยงไรแม่แย้ม นี่ข้าไม่สบายไยจึงพาข้ามาไกลเพียงนี้”
“เอ่อ อ้ายทิดมันเกรงเรื่องจะอึงไปจึงได้พาคุณหนูมาที่นี่ คุณหนูเป็นลมไปจำได้มั้ยเจ้าคะ”
ช้องนางนิ่งอึ้งไปอย่างค่อยๆนึกทบทวนเธอร้อนแดดมาก หายใจไม่ออก เธอยังคิดว่าเมื่อคืนนี้นอนน้อยจึงทำให้ไม่สบาย แต่ไม่คิดว่า จะโดนอุ้ม
“ผู้ใดเห็นหรือไม่ว่าข้ามานี่ เอ่อข้าโดนทิดแถมพามาที่นี่”
ทิดแถมผู้ที่ทำคุณคนแล้วกำลังเห็นบาปรำไรรีบยำมือไหว้ท่วมหัว กล่าวขอโทษขอโพยต่อหญิงสาวมากยศศักดิ์กว่า
“ยกโทษให้กระผมเถิดขอรับคุณหนู จะไม่อุ้มมา ก็เกรงว่าคุณหนูจักเป็นอันตราย จะปล่อยไว้แล้วเรียกคนอื่น หากคุณหนูไม่ฟื้นมาแก้ข้อความ กระผมก็จะตกทุกข์เอาได้อีก กระผมจึงได้คิดตามอำเภอใจว่าอุ้มมาที่นี่อย่างน้อยได้พี่สาวเป็นประจักษ์พยานความซื่อก็พอรอดได้ขอรับ”
“เอ่อ ฉันเห็นจะต้องเป็นฝ่ายขอโทษเสียแล้วที่เอาโทษทิดแถม แล้วไปพบข้าได้เยี่ยงไรกันเล่าทิดแถม”
นางแย้มเป็นคนบอกเสียเอง
“อิฉันบอกให้น้องชายไปขอผัดผ่อนเรื่องเงินกู้ยืมคุณพระเรื่องนาล่มเจ้าค่ะคุณหนู”
“ขอรับ กระผมจึงได้ไปพบคุณหนูโดยบังเอิญขอรับ”
ช้องนางรีบคิดด้วยปัญญาไว เธอจากเรือนมาจวนได้สุมไปแล้ว ไม่เป็นการควรสักนิดที่จะอยู่นานเพียงนี้ ดังนั้นจึงได้เอ่ยกับนางแย้มไปว่า
“ฉันคงไม่สบายนานอยู่ จะกลับไปแต่ลำพังเห็นจะไม่สะดวก จะให้ทิดแถมไปด้วยก็ไม่ดีนัก แย้มไปกับฉันหน่อยเถิด ให้ทิดแถมรอแต่กลางทางไม่ให้คนเห็นได้ เรื่องอัฐเบี้ยนั้นฉันจะเป็นธุระให้ อย่าว่ามาซ้อความให้ปิดงำกันไปเลยนะ เพราะเปิดปากไปก็มีแต่เสียเท่านั้น”
“หามิได้เจ้าค่ะคุณหนู อิฉันกับน้องมิได้คิดถึงเรื่องจะนำเรื่องนี้ไปพูดต่อความกันเลย คุณหนูก็จะออกเรือนแล้ว ไม่ใช่เรื่องจริงๆเจ้าค่ะ มิรบกวนเรื่องอัฐดอกเจ้าค่ะ เพียงแต่ต้องไปบอกคุณพระ”
“ไม่เป็นไร มิได้เหลือบ่ากว่าแรงฉันดอกแย้ม ฉันพกไถ้มาด้วย” (ไถ้-คือถุงผ้าใส่เงินร้อยเส้นผ้าเหน็บเข้มขัด) ช้องนางเอ่ยแล้วปลดไถ้สีเขียวเย็บด้วยฝีมือดี ออกมาเทเงินเหรียญที่ใช้ในยุคนั้นส่งให้นางแย้ม จนหมดถุง นางแย้มรีบก้มหน้า ยกมือไหว้แต่ไม่รับของพลางเอ่ย
“ให้มากดังอิฉันไปปล้นคุณหนูดังนี้ อิฉันรับไม่ได้เจ้าค่ะรับไม่ได้จริงๆ”
“เช่นนั้นก็รับไว้กึ่งหนึ่ง อย่ากล่าวท้วงอีกเลย ฉันอยากกลับบ้านเต็มทีแล้ว”
สองพี่น้องได้แต่มองหน้ากันไปมาอีกครั้ง แม้จะเป็นเงินครึ่งเดียว แต่มากพอที่จะส่งให้คุณพระ ซึ่งสองพี่น้องตื้นตันใจมากกว่าทีแรกที่ช้องนางฟื้นแล้วอดคิดไม่ได้ว่า ทำคุณคนไม่ขึ้น หากยามนี้ ได้รู้ซึ้งถึงน้ำใจคนว่า ให้ใครไปไม่มีคำว่าไม่ได้รับคืนกลับ หากว่าน้ำใจนั้นไม่หวังสิ่งใดตอบแทนแต่แรกมี!!
ตอนที่ 5 ร้อนใจ
ย้อนไปที่นายเพิ่มซึ่งกลับมาจากเรือนคุณพระเทิดแล้ว เขาได้มาหาเจ้านาย เพื่อบอกข่าวไม่สู้เป็นมงคลสำหรับเจ้าบ่าวนัก หลังจากขึ้นเรือนแล้ว หลวงไกรกวักมือเรียกคนสนิทเข้าไปหา
“ไงนายเพิ่ม ที่ฉันสั่งให้ทำเรียบร้อยดีมั้ย แล้วนายเพิ่มได้พบหน้าเจ้าสาวของฉันบ้างหรือเปล่า”
นายเพิ่มหลบตาลงต่ำนิด ก่อนกลืนน้ำลายเหนียวลงคอพูดลำบากอึดอัดเต็มที
“เอ่อ คือ”
“อะไรมาติดอ่างขณะนี้เสียได้”
“กระผมไปถึงบ้านคุณพระกำลังชุลมุนอยู่ทีเดียวขอรับคุณหลวง”
ชายหนุ่มเปิดยิ้มสว่างดวงตายาวพราวระยับด้วยความสุข เข้าใจว่าใกล้วันวิวาห์แล้ว ทางบ้านเจ้าสาวคงเตรียมการงานมากกว่าทางบ้านเจ้าบ่าว คุณหญิงยิ่งคิดหวานไปไกลว่า นี่ดีที่เป็นรศ.110 หากเป็น สมัยก่อนเก่านั้นเจ้าบ่าวเจ้าสาวผ่านการวิวาห์แล้วเจ้าบ่าวยังไม่ได้เข้าหอกันง่ายนัก ต้องรองานไปอีกสามวันทีเดียว
สามวันปัจจุบันสำหรับเขาคืองานแห่งความสุข เขาจะได้เป็นเจ้าบ่าวที่มีความสุขที่สุด เพราะได้สมรสกับหญิงที่เขารักล้นหัวใจ
เจ้านายกำลังนึกฝัน ส่วนเพิ่มกล่าวต่อ
“มิใช่วุ่นจัดงานอย่างเดียวดอกขอรับคุณหลวง แต่กระผมคิดว่า เป็นด้วยเรื่องวุ่นหาคุณช้องนางขอรับ”
“หาคุณช้อง ทำไมเล่าหล่อนหนีหายไปรึ”
“กระผมก็ไม่ทราบเรื่องมากนักขอรับ ได้ความจากพวกไพร่บ้านคุณพระมันคงตอบตามซื่อออกมาอย่างไม่ตั้งใจ แต่เมื่อกระผมไปถามกับคุณพระ ท่านกลับบอกปัดไปทางอื่น เป็นที่น่าสงสัยเทียวขอรับคุณหลวง”
ความยินดีของหลวงไกรเหือดหายไปจนสิ้น มีแต่ความหวาดระแวง ใคร่รู้ความจริง ช้องนางหายไปจริงหรือไม่ หรือว่า หล่อนคิดหนีเขาไม่อยากแต่งงาน
“ฉันจะไปดูเหตุในวันนี้ให้รู้กันไป”
“แต่ จะดีหรือขอรับอีกสามวันก็จะแต่งงาน”
“ฉันอยากรู้คู่หมั้นหมายของฉันเขาอยู่ดีหรือหายไปจริง”
นายเพิ่มลอบมองนายแล้วส่ายหน้าไปมา ข่าวลือที่ช้องนางงามนักหนาตนก็ยังไม่เคยเห็น ถามนายนายก็บอกว่าเห็นมาสองครั้งทั้งก่อนและหลังหมั้นหมายแล้ว คุณพระมิได้ไปหาพร่ำเพรื่อ เพราะไม่ได้เจอกันโดยง่าย
นายเพิ่มเคยถามเจ้านายว่า
“ไหนเขาว่าคุณช้องถูกเก็บตัว คุณหลวงไปพบเธอตอนไหนขอรับ”
“เธอไปงานกฐิน” คนเล่าหยุดแค่นั้นไม่เล่าต่อว่า ตามเด็กสาวทุกฝีก้าวไม่ให้รู้ตัวจนกระทั่งได้โอกาส กอดไว้ไม่ยอมปล่อย
ดูหล่อนไร้เดียงสายืนตะลึงงันทำอะไรไม่ถูก เขาต้องเก็บมาฝันถึงวันวิวาห์ แล้วคิดตามประสาหนุ่มไปว่า ยามได้กอดเมื่อช้องของเขาในคืนวันสมโภชกฐิน หลวง แม่ช้องมีอาการกายสั่นด้วยความประหม่าอาย...เขาอยากกอดหล่อนอีกครั้งแล้วจะทำให้นางหายกลัวไปทีเดียว ขณะคิดหลวงไกรหน้าแดงจัด
“คุณหลวงจะไปบ้านคุณพระจริงหรือขอรับ”
“เหตุให้ไปมีแล้วจักไม่ไปได้หรือ เจ้าสาวหายไปทั้งคน จะให้เขามาลวงเล่นอยู่ทำไมว่าช่องนางสบายดี”
“กระผมไปด้วยขอรับ”
“อย่างเพ่อ นายเพิ่ม เพราะหากทางเขาเฉลียวใจระแวงว่านายเพิ่มมาบอกฉันเรื่องเกี่ยวกับเรือนของเขา อีกหน่อยนายเพิ่มไปธุระ การงานอย่างอื่นจักพลอยไม่ได้รับความสะดวก”
“ขอรับ”
คุณหลวงไกรแบกความร้อนใจไปบ้านช้องนางในทันที ว่าที่เจ้าบ่าวคนใดจะทำใจให้เย็นอยู่ได้เล่า ในเมื่อข่าวร้อนมาถึงแล้วว่า...ว่าที่เจ้าสาวหายไป!!!
แต่เขานั่งใจเย็นอยู่ที่บ้านเห็นจะไม่มีทางทำได้แน่ คิดแล้วชายหนุ่มผุดลุกขึ้นจากที่นั่งทันที
หลวงไกรลอบมาฟังความไม่ให้คุณพระได้รู้ตัว ชายหนุ่มได้เห็นบ่าวไพร่จุดคบเพลิง เรียงหน้าหาช้องนาง บ้างลงคลองงมหาช้องนางในน้ำ สาวใช้ซุบซิบให้หลวงไกรได้ยินโดยไม่รู้อีกฝ่ายอยู่หลังต้นไทร
“ข้าได้ยินเธอปรับทุกข์กับแม่นมเธอไม่อยากแต่งงานกับหลวงไกร”
“ฮ้า” คู่หูทั้งสองฟังความแล้วทำตาค้างเช่นเดียวกับคนที่แอบฟังอยู่อย่างใจจดใจจ่อ
“เธอมีผู้ชายอื่นอยู่แล้วถึงกับเคยกอดจูบกัน”
คุณหลวงยังหนุ่มเย็นเยียบไปทั้งกายราวกับเลือดในร่างเป็นน้ำแข็งไปเสียแล้วกลับสิ่งที่ได้ยินชัดถนัดหูอย่างนี้
“คุณช้องเธออาจจะหนีตามผู้ชายไปแล้วก็ได้ เธอถูกผู้ใหญ่บังคับให้แต่งงานอย่างไม่เต็มใจเสียด้วย”
ไกรนิ่งคิดด้วยหัวใจแหว่งวิ่น
หากหล่อนหนีไป จะตามที่ใดเจอ เขาเอามาทำไมสตรีที่ใฝ่ปองชายอื่น แต่ถ้าหล่อนมิได้หนี แต่เกิดอันตรายเล่า ชายหนุ่มคิดไปอีกทางแล้วไม่อาจนิ่งเฉยอยู่ได้ เขาต้องไปบนเรือนถามเอาความจากคุณพระเทิดเรื่องบังคับใจช้องนาง
ฝ่ายหญิงสาวได้ถึงเวลาแก้คราวเคราะห์ของตนเอง เธอรีบเดินกลับมาให้ทันเวลา แต่ไม่อาจทันอาทิตย์ลับฟ้าไปได้ หญิงสาวได้เห็นผู้คนตามหาตัวเองกันอลหม่าน ครั้นจะไปปรากฏตัวในยามนี้แม้จะมากับแย้มยังไม่เหมาะ เพราะทุกคนรู้จักแย้ม และรู้ว่าแย้มมีน้องชายไม่ออกเรือน แย้มทำท่าเหมือนจะร้องบอกคน แต่ช้องนางให้อีกฝ่ายเงียบ และกลับไปเสียก่อน แย้มไม่เข้าใจ แต่เมื่อช้องนางผละเดินกึ่งวิ่งหลบซ่อนตามพุ่มไม้ให้ลับตาคนไปแล้ว แย้มจึงได้แต่เดินก้มหน้ากลับไปด้วยความไม่เข้าใจ
แต่ผู้ที่วางแผนให้ตัวเองรอดพ้นให้ได้นั้น พยายามมองหาบ่าวตัวดีที่จะเดินผ่านมาพบ เมื่อเห็นคบไต้ส่องนำ เธอคะเนได้ว่าน่าจะมาที่ต้นไทร ดังนั้นจึงได้แฝงตัวเข้าไปนอนพับอยู่ที่โคนไทรแห่งนั้น อย่างน้อยนิทาน หรือคำเล่าขานของคนเฒ่าคนแก่อาจช่วยได้ว่า เธอถูกผีจับซ่อน
ว่าที่เจ้าบ่าวหนุ่มเดินหน้าจะขึ้นเรือนไปถามเอาความจริงจากพระเทิดตามประสาคนอยากรู้แจ้งเห็นจริง แต่ยังไม่ทันได้ขึ้นเรือนไป ชายหนุ่มได้ยินเสียงร้องขานกันเป็นทอดๆดังมา
“คุณช้องนาง อยู่ที่นี่เร็ว คุณช้องเป็นลมทางนี้”
บ่าวผู้หญิงตระโกนเรียกพวกพ้อง หลวงไกรสะดุดเท้าที่กำลังทางเดินหนี ให้หมุนกายวิ่งไปตามเสียงตื่นเต้นของบ่าวไพร่ที่พากันเอ่ยด้วยความยินดี ว่าพบช้องนางแล้ว
ที่ใต้ต้นไทรผิวประคองร่างไร้สติของเจ้านาย ร่างสูงของหลวงไกรเข้าไปใกล้ช้อนร่างอรชรไว้ในวงแขน บ่าวไพร่ไม่กล้าพูดนอกจากผิวโกรธ เพราะจำชายผู้นี้ได้เหตุเกิดเมื่องานกฐิน หากไม่ทันด่าว่าหลวงไกรก็อุ้มช้องนางเดินลิ่วพลางสั่งนางผิวเสียอีกว่า
“รีบไปเตรียมยาเถิดนางบ่าว ข้าจะพาคุณช้องไปเอง”
หม่อมบุหงาคุณพระ คุณหญิง คุณปีบ คุณพิกุล พร้อมด้วยสามี ทั้งสองนั่งรอข่าวอย่างกระวนกระวายใจ นมเย็นร้องไห้จนตาบวมแทบปิด
ผิววิ่งนำขึ้นเรือน นั่งพับเพียบก้มหน้าเกือบจดพื้น
“พบคุณช้องแล้วเจ้าค่ะ เป็นลมที่ต้นไทร คุณหลวงกำลังอุ้มมาเดียวนี้แล้วเจ้าค่ะ”
“โอ้คุณพระคุณเจ้า”
หลวงไกรอุ้มร่างไร้สติของคู่หมั้นขึ้นมาโดยความไม่รู้ว่าอีกฝ่ายต้องเสแสร้งหลับตาให้เหมือนจริง แม้จะรู้สึกประดักประเดอกต่อการโดนอุ้มจากวาที่เจ้าบ่าว วงแขนอบอุ่นที่อุ้มเธออย่างทะนุถนอมนั้นทำให้ช้องนางอยากเห็นหน้าอีกฝ่ายให้ชัด หากว่า หากตื่นจากการเป็นลมเสียยามนี้ เธอจะต้องแก้ตัวอีกเท่าไหร่จึงจะพอ ดังนั้นหญิงสาวจึงเห็นควรที่จะหลับต่อไปอย่างไม่สบายใจเอาเสียเลย
คุณปีบรีบให้พาไปในห้องหม่อมยายและคุณหญิงรีบแก้ไข หลวงไกรเดินออกมาตามมารยาทอันควร เขาออกมาคุยกับคุณพระเทิดว่าที่พ่อตาหากเขายังไม่ทันได้เอ่ยในสิ่งที่ต้องการ คุณพระกลับถามออกมาเสียก่อนว่า
“คุณหลวงไปอย่างไรมาอย่างไรจึงพบแม่ช้อง”
“เอ่อ กระผมมาดูงานขอรับคุณพระ”
“โธ่” คุณหลวงนักขัตสามีคุณปีบถึงกับหัวเราะ เอ่ยออกมาอย่างเห็นใจอกผู้ชายที่รอวันแต่งงานอย่างกระวนกระวายด้วยกันทั้งนั้น เพราะรุ่นนั้นมิได้ใจเร็วด่วนได้ การแต่งงานจึงเต็มไปด้วยการรอคอยอย่างมีความหวังความสุข และหวาดระแวงได้อีก
“ช่างเหมือนกับผมเมื่อสิบกว่าปีก่อนไม่ผิดกันเชียว กระทั่งมาสู่ขอแล้วยังระแวงว่าคุณพ่อจะเปลี่ยนใจไม่ยอมยกให้”
คุณพระเทิดยิ้มในสีหน้าเมื่อเลี้ยงดูลูกได้ดีตั้งแต่ลูกคนโตยันคนเล็ก
“ถ้าพ่อไม่ยกให้ แม่ปีบเขาคงหอบผ้าหนีตามพ่อนักขัตไปเป็นแน่ เพราะหล่อนแอบมาบอกเองว่า คุณพ่อเจ้าขาอย่าเรียกสินสอดแพงนัก”
“จริงรึขอรับคุณพ่อ”
“จริงสิ เขากลัวเจ้าบ่าวไม่มีสินสอดมาขอและเขาไม่ได้แต่ง แม่ปีบอาจหนีตามพ่อนักขัตไป”
คุณสมพรสามีคุณพิกุล ซึ่งทำงานค้าขายมีความพึงพอใจไม่ต่างกันจึงได้สมรสกันอย่างเต็มใจ
ไกรคิดถึงตัวเอง
...เขาล่ะ เขาซึ่งรักช้องนางเต็มหัวใจ แต่หญิงสาวไม่เหมือนพวกพี่ของเธอ เพราะช้องนางไม่อยากแต่งงานจนถึงขนาดหนี แต่คงถูกนางบ่าวปากจัดคนเมื่อครู่จับตัวได้เสียก่อน ช้องนางจึงหนีไม่ได้…ช้องนางไม่เต็มใจแต่งงานถึงขนาดจะหนี จะหนีไปไหนถ้าไม่ใช่ไปกับผู้ชายคนที่เธอรัก!!
ชายหนุ่มหนาวยะเยือกในอก ช้องนางมีชายอื่นอยู่แล้วในดวงใจ หลวงไกรตัดใจว่าช้องนางฟื้นแล้ว จึงลากลับโดยไม่อยู่รอมองหน้าเจ้าสาวก่อน
ฝ่ายคุณปีบเห็นว่าที่เขยกลับไปแล้ว นางอดใจไม่อยู่จึงเดินไปในห้องน้องสาว ภาพที่คุณปีบเห็นคือช้องนางเอาแต่นั่งเซื่องซึม ก้มหน้า หลบตาผู้คน แม้ว่าจะมีนมเย็น และผิว คอยปลอบใจอยู่ไม่ห่าง แต่หญิงสาวยังทำท่าราวกับว่าสำนึกผิดอยู่ตลอดเวลา
คุณปีบดุว่าน้องสาวตามความเข้าใจของตนเองว่า ไม่รู้หน้าที่ว่าใกล้แต่งงานแล้วยังเที่ยวตะลอนให้คนอื่นต้องวิตกกังวลกันอย่างถ้วนหน้าน้ำเสียงคุณปีบทั้งสั่น และดุนักหนา
“ดูรึเจ้า ทำงามน้อยอยู่เมื่อไหร่กันนี่ ช่างมีแก่ใจหนีเที่ยวให้คนอื่นเดือดเนื้อร้อนใจกันได้ทั่วหน้าเพียงนี้เทียว เรื่องนี้แม่ช้องทำได้ไม่เกรงใจใครจริงๆเลยนะ เอาแต่ใจไม่มีใครเปรียบ ไม่เห็นอกเห็นใจว่าการกระทำของแม่ช้องจะทำให้คุณพ่อคุณพี่ หรือแม้แต่คู่หมั้นหมายของตัวเองจะเดือดร้อนใจได้”
“คุณพี่เจ้าขา ช้องเอ่อ ไม่ได้...ไม่ได้หนี”
“ยังมีหน้ามาเจรจาความได้ไม่อายใจ นี่กี่โมงกี่ยามแล้วแม่ช้อง ข่าวการหายตัวไปของแม่ช้องคงเข้าหูหลวงไกรเข้าให้แล้ว เขาถึงรีบมาที่เรือน นี่ดีดอกนะที่หล่อนกลับมาให้เขาเห็น หากไม่กลับมาแล้วล่ะก็ คุณพ่อจะต้องโทษหนักเพียงใดแม่ช้องต้องรู้สินะว่าเจ้าคุณเทศาไม่ปล่อยให้เรื่องเลวๆอย่างนี้ผ่านมือท่านไปได้แน่ แม่ช้องทำเลวมากทีเดียวพี่ขอประณามเสียตรงนี้”
“คุณพี่เจ้าขา ถึงจะจับน้องตีอย่างคราวเป็นเด็ก น้องก็ต้องเจ็บตัวเสียเปล่า เพราะข้อกล่าวหาของคุณพี่ไม่มีความจริงสักนิด”
“แหม แหม แม่ช้อง ใจคอยังจืดยังดำมากล้าเถียงอีกนะเจ้า”
“ช้องไม่ได้คิดหนีการแต่งงานนี่เจ้าคะคุณพี่”หญิงสาวเอาความจริงเข้างัดข้อ กับข้อกล่าวหาว่าทำตัวเลวทราม คุณปีบกำมือแน่นทั้งโกรธ ทั้งรักน้องคนเล็ก แต่คราวนี้โกรธมากกว่าจึงไม่ฟังช้องนาง ซึ่งคุณปีบเห็นว่าแก้ตัวไปข้างๆคูๆ
“จะเจรจาความใดไม่มีใครเขารับรู้ความในใจที่แม่ช้องคิดอย่างแท้จริง จะว่าไม่หนี ก็เห็นอยู่ว่าตามหากันแทบไม่เจอ แต่ขืนมาทุ่มเถียงพี่อยู่อย่างนี้ เรื่องความในจะใส่หูบ่าวไพร่ไปเสียเปล่า หากมันเก็บงำไปเจรจาแต่ความดี ก็เข้าตัวแม่ช้องดีไป แต่ถ้ามันมีปากละชั่วไม่ได้ แม่ช้องนั่นเองที่จะเสียผู้คน ครานี้จะยอมรับรู้ ฟังคำของพี่โดยไม่เถียงหรือไม่แม่ช้อง”
ช้องนางนิ่งงันไปในทันใด เพราะเป็นความจริงอย่างที่คุณปีบบอก ไม่ว่าจะแก้ตัวอย่างไร แต่ความจริงที่เกิดขึ้นคือเธอหายตัวไปและกลับมาถึงบ้านค่ำมืด สิ่งที่เกิดขึ้นเธอเองไม่อาจบอกใครได้
คุณปีบเห็นน้องเอาแต่ก้มหน้า จึงได้สำทับกลับมาอีกครั้ง
“แม่ช้องอย่าได้ทำเป็นละครเป็นยี่เกเหมือนตัวพระ-นาง เที่ยวหนีตามกัน จนพวกตามมาเผาบ้านเผาเมืองเสียราบคาบแม่ช้องต้องใส่ใจให้มากกว่านี้ว่า ความเห็นแก่ตัวของคน คนเดียวจะทำให้คนเดือดร้อนทั้งหมด พี่เอ่ยความมาดังนี้ หล่อนจักเห็นสมควรที่จะทำตามใจตัวเองต่อหรือไม่”
“ช้องขอโทษเจ้าค่ะคุณพี่”
“ยังรู้ผิดชอบอย่างนี้ก็ดี จะได้ไม่ต้องนั่งด่านั่งสอนยันสว่าง”กล่าวแล้วคุณปีบจึงได้ออกจากห้องไป โดยที่นมเย็น ผิว และช้องนางยกมือไหว้แทบไม่ทัน
ผิวกระซิบกับนมเย็นว่า
“คุณปีปเหมือนพายุเลยนะเจ้าคะคุณนม มาเร็วไปเร็ว แต่ทำความเสียหายราบคาบเลยเจ้าค่ะ”
“ใครเสียหายกันนังผิว”
“ก็คุณช้องน่ะสิ โดนด่ายับอยู่คนเดียว”
ช้องนางกัดเน้นริมฝีปากฝืนข่มอารมณ์ไม่ให้หวั่นไหวต่อคนที่สมองวนเวียนเรียกชื่อซ้ำซาก คนที่ชื่อก้อง ความรัก กับหน้าที่ ช้องนางต้องเลือกทำในสิ่งที่ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใคร โดยที่เธอต้องแบกรับความรู้สึกยากลำบากไว้แต่เพียงลำพัง
นมเย็นเอื้อมมือมาลูบไหล่ ลูบแขนนายสาวอย่างปลอบใจ ช้องนางจึงเอนกายเข้าซบอกคนที่รักเธอจากนั้นไม่อาจกล้ำกลืนฝืนข่มความอ่อนแอไว้ได้อีก จึงร้องไห้ออกมาอย่างเงียบๆ ผิวและนมเย็นพลอยสะเทือนอารมณ์ตามนายสาวไปเช่นกัน
“นมเจ้าขาช้องทุกข์เหลือเกิน ”
“คุณช้อง นี่แอบไปพบกันอีกรึ โธ่แม่คุณจะหาเรื่องใส่ตัวไปทำไม กันเล่าเจ้าค่ะทูนหัว”
“มิได้เจ้าขาแม่นม แต่เอ่อ ช้องช่างน่าแสยงตัวเองไม่น้อยที่เอ่อถูกมือสองชาย อยากเอาน้ำมะขามมาขัดให้หนังถกเสียเดี๋ยวนี้”
“โธ่คุณของบ่าว ไม่ต้องเจรจาความใดแล้ว วันพรุ่งเอาใบมะขามป่อยมาปัดเสนียดรังควานเสียให้สิ้นไป”
ช้องนางหันกายให้พี่เลี้ยง น้ำตาเอ่อคลอ
คุณปีบไปบอกลาคุณพระผู้เป็นบิดา ท่านถามถึงช้องนางด้วยความเป็นห่วง
“น้องเป็นเยี่ยงไรแม่ปีบ เจ็บไข้อันใดไหม หรือว่ามีเรื่องอื่น”
“ไม่เป็นอันใดเจ้าค่ะคุณพ่อ เที่ยวเล่นในสวน คงเล่นเจ้าล่อเอาเถิดแอบแฝงไม่ให้บ่าวได้เห็นตามประสาเด็กนะเจ้าค่ะ”
“เออแม่ช้องนี่ช่างกระไร ตัวจนจะออกเรือนแล้วมาเล่นซ่อนหาได้เสียนี่” กล่าวแล้วคุณพระค่อยหัวร่อออกมาได้ ส่วนคุณปีบนักแก้สถานการณ์ เห็นว่าผู้ให้กำเนิดสบายใจแล้วจึงชวนสามีกลับเรือนซึ่งอยู่ไกลออกไปอีกตำบลหนึ่ง
ส่วนว่าที่เจ้าบ่าว หลวงไกรสวมกางเกงแพรเสื้อคอป้านทอดสายตานิ่งไปบนท้องฟ้าขณะยืนพิงขอบหน้าต่าง หัวใจที่ชุ่มชื้น แห้งแล้งราวดินโคลนต้องแดดกล้า เขาคิดถึงชายอื่นได้กอดจูบหล่อน มันคนนั้นมาทับรอยเขา หรือเขาไปทับรอยจูบแก้มช้องนางกันเล่า
หากเขาแต่งงานกับหญิงสาวได้แต่ตัวไม่ได้ใจ จะมีประโยชน์อันใดกันเล่าอย่างนี้มิสู้ไปหาเรื่องพูดคุยกันอย่างเปิดอกไปเลยไม่ดีกว่าหรือ ไม่เต็มใจแต่งก็ไม่ต้องแต่ง หลวงไกรคิดมาก หากคิดว่าไม่แต่งงานกับช้องนางเขาเจ็บหัวใจจนหายใจไม่ออกเลยทีเดียว!!
ชายหนุ่มผู้มีความรัก และความทุกข์ ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะทำอย่างไรดีระหว่าง ไปเจรจายกเลิก หรือปล่อยเวลาให้ผ่านไป
เขารักช้องนาง แล้วช้องนางเล่า เธอไม่รักเขาเลยละหรือ!!
ขณะที่หลวงไกร ซึ่งยังคงมีทั้งรักและทุกข์รุมเร้าอยู่ในอก ยังคงปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยไม่ได้มาเจรจายกเลิกการแต่งงาน
...เขาทำไม่ได้ ไม่ว่าจะตกลงใจปล่อยเธอ...แต่จะไม่ขืนใจหญิงที่ไม่ได้รักเขาอย่างเด็ดขาด



นางแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 พ.ค. 2555, 10:29:09 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 พ.ค. 2555, 10:29:09 น.

จำนวนการเข้าชม : 2235





<< ว่าที่คู่หมั้นหมาย   ญาติ >>
tookta 17 พ.ค. 2555, 14:44:15 น.
ซาบซึ้งกับความรักของหลวงไกรจังเลยค่ะ


Zephyr 17 พ.ค. 2555, 18:05:01 น.
คุยๆกันซะจะได้รู้ว่า คือกันและกันนั่นแหละที่คิดถึงน่ะนะ


องุ่น 27 พ.ค. 2555, 02:57:36 น.
นางแก้วใจร้าย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account