เมืองริษยา
การหย่าร้าง...ไม่ใชจุดสิ้นสุดของความหายนะ ที่เกิดขึ้นกับชีวิตของ "นีรนาท"...
การได้อยู่เพียงลำพัง ยิ่งโหดร้ายเสียกว่าเป็นร้อยเท่าพันเท่า เมื่อกระแสลมแห่งความริษยา พัดผ่านไปทั่วทุกพื้นที่ที่หล่อนก้าวเดินไป!
Tags: รัก ริษยา

ตอน: บทที่ ๕ ผู้ต้องชะตา

*นวนิยายเรื่องผ่านพิจารณา สนพ.สถาพรบุคส์แล้วครับ*



บทที่ ๕ ผู้ต้องชะตา
----------------------


มื้อเย็นประกอบขึ้นง่ายๆ แต่ก็สร้างความพอใจให้แก่ผู้มาพักอยู่ชั่วคราวทีเดียว เพราะสิ่งที่นีรนาททำนั้น ล้วนแต่เป็นอาหารฝรั่งทั้งสิ้น ซีซาร์สลัดกับน้ำสลัดสูตรไขมันต่ำที่เธอนำสูตรมาจากโรงแรม เธอทำใส่โหลแก้วเก็บไว้ในตู้เย็น รสชาติอร่อย รวมถึงสเต๊กหมูเนื้อนุ่ม เหตุที่นีรนาทไม่ทานเนื้อ แต่ก็ถูกปากคนไข้บังเกิดเกล้าของนีรนาทเช่นเดียวกัน

“เธอทำอาหารพวกนี้อร่อยดีนะ รสชาติเหมือนยกจานออกมาจากห้องอาหารแพงๆเลยทีเดียว” ชายหนุ่มชมอย่างเปิดเผย เพราะสิ่งที่อยู่ตรงหน้า คือของกินที่เขาคิดว่า ‘ยาก’ เหลือเกินกว่าจะมีโอกาสได้ลิ้มรสพวกมัน

กระนั้น...นีรนาทก็ยังแขวะขึ้นได้อีก อย่างนึกหมั่นไส้

“คุณเคยทานอาหารในห้องอาหารราคาแพงด้วยหรือคะ?”

ทัตดรงค์กระแทกช้อนส้อมลงจานกระเบื้องตรงหน้าอย่างไม่พอใจ นัยน์ตาขุ่นเขียว แต่ก็ไม่ได้ต่อปากต่อคำกับหญิงสาว เพียงถอนฉุนแล้วยกช้อนส้อมตักสลัดเข้าปากอย่างหัวเสีย

“ถ้าอร่อยก็ดีค่ะ อย่างน้อย...มันก็เป็นความรู้สึกที่ดีอย่างเดียว ที่คุณมอบให้ฉัน...นั่นก็คือคำชม”

ยังไม่วายเหน็บแนมด้วยคำพูดดังกล่าวอีก ทัตดรงค์เหลือบมองหญิงสาว และทนไม่ได้ที่จะนั่งฟังเธอเสียดสีอารมณ์เขาต่อไป

“คนอย่างเธอ คงไม่ค่อยได้รับคำชมจากใครนักสินะ หึ...ก็แหงล่ะ”

“ก็แหงอะไร คุณหมายความว่ายังไง” นีรนาทเสียงขุ่น ถามกลับอย่างไม่พอใจนัก

“ช่างเถอะ อย่างน้อย...นี่มันก็เป็นแค่มื้ออาหารเริ่มต้นเท่านั้น เธอยังต้องทำให้ฉันอีกหลายมื้อ”

“นอนฝันไปเถอะค่ะ คนอย่างฉันไม่มีเวลาขนาดนั้น...ของสำเร็จรูปน่าจะเหมาะสมกับคุณที่สุด”

“เอ๊ะนี่...” ทัตดรงค์ย่นคิ้ว เกิดความไม่สบอารมณ์มากขึ้นไปอีก “คงจะลืมความผิดของตัวเองแล้วสินะ ถึงได้มาพูดต่อปากต่อคำกับฉัน... หึ ตอนที่อยู่โรงพยาบาล เห็นทำซีด...หน้าเหลืองหน้าเขียว อย่าลืมนะว่าเธอต้องรับผิดชอบฉันจนกว่าขาฉันจะหายดี”

ได้ยินว่า ‘จนกว่าขาจะหายดี’ แล้ว... นีรนาทเกิดความไม่พอใจขึ้นมาบ้างเช่นกัน

“แต่คุณทัตดรงค์คะ คุณเองก็ควรจะต้องทำใจยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้น! ฉันบอกคุณแล้ว ว่าฉันไม่ได้มีเจตนาให้คุณต้องมาเป็นแบบนี้ คุณเองก็เหมือนกัน... ทำไมคุณถึงไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องสุดวิสัย หรือเป็นเวรเป็นกรรม...อย่างรู้จักปลงเสียบ้างล่ะคะ? ขืนถ้าคุณมัวแต่คิดจะพึ่งฉันฝ่ายเดียวอยู่อย่างนี้... ถ้าขาคุณเกิดไม่หายขึ้นมาจริงๆ ฉันไม่ต้องดูแลคุณไปตลอดชีวิตของฉันเลยหรือยังไง”

“ก็ใช่น่ะสิ!”

บรรยากาศมื้อค่ำเริ่มไม่สุนทรีย์มากขึ้นแล้ว... และนีรนาทเองก็จำต้องเป็นฝ่ายถอยตัวออกมาจากแวดล้อมอันคุกรุ่นเช่นนี้ แทบจะทุกครั้งไป

ทัตดรงค์มองตามแผ่นหลังที่หายกลับเข้าไปในห้องครัว เขายิ้มตามหญิงสาวอย่างไม่รู้สึกผิด และไม่เคยคิดว่าตนเองเป็นฝ่ายเห็นแก่ตัวมากเกินไปด้วย...

แน่สิ...ชีวิตเขาควรจะรุ่งโรจน์มากกว่านี้ หากเขาได้ไปคัดเลือกเป็นนายแบบบนเวทีชื่อดัง หน่วยก้านเขามั่นใจว่าตนเองมีพร้อม และค่อนข้างเป็นที่ต้องการของเวทีเสียด้วย... ทัตดรงค์เชื่อว่าตนเองจะต้องได้แจ้งเกิดในวงการนายแบบ มีค่าตัวมหาศาล...สัมผัสเครื่องหนังและอาภรณ์ราคาแพง ที่เขาคิดมาตลอดว่าสิ่งของเหล่านั้น เกิดขึ้นมาเพื่อให้คนอย่างเขาได้ใช้อย่างเหมาะสมที่สุด

เมื่อลองนั่งขบคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนเองในวันนี้... นี่มันอะไรกัน? ชีวิตที่น่าจะรุ่งโรจน์มากกว่าที่เป็นอยู่...เพราะเหตุใดจึงมาหยุดชะงักลงด้วยเหตุการณ์บ้าๆนี่

ยิ่งอาวรณ์ก็ยิ่งรู้สึกขุ่นใจ...ผู้หญิงคนนี้แท้ๆ ที่เป็นต้นเหตุของความวิบัติหายนะในอนาคตของเขา...

‘แต่เดี๋ยวก่อนสิ...’ ในความเจ็บใจ ซ่อนความรู้สึกตะขิดตะขวงในความคิด เขาสงสัยอะไรบางอย่างเกี่ยวกับนีรนาทมาพอสมควรแล้ว... ‘ผู้หญิงคนนี้...เหมือนเราเคยเห็นเธอมาก่อน ไม่...ไม่ใช่แค่เคยเห็น แต่เราเคยเห็นเธอบ่อยครั้งเสียด้วย เดี๋ยว...เธอเป็นใครกันแน่นะ’

++++++++++++++++++++++

ทัตดรงค์รู้สึกได้ว่าตนเองหลับสนิทจนถึงเช้า...และเป็นราตรีกาลที่สบายกว่าทุกคืน ที่เขาเคยหลับนอน ณ สถานที่ใดใด

เครื่องปรับอากาศกล่อมให้เขาหลับฝันจนลืมอาการเจ็บปวดที่บริเวณขาไปหมดสิ้น กระทั่งตื่นมาอีกครั้ง จึงรู้สึกเจ็บแปลบแต่ก็เพียงเล็กน้อย...

“ทำไมมันเช้าไวจังวะ...” ถามลมฟ้าอากาศไปเรื่อยเปื่อยเพราะไม่มีคนตอบ เขาลุกตัวอย่างระวังอาการปวดจะกำเริบ เหลียวซ้ายแลขวา จะทำอย่างไรถึงจะลุกออกไปจากตรงนี้ได้

และเมื่อมองไม่เห็นทางว่าจะทำอย่างไร... ให้เจ้าของบ้านเดินเข้ามาภายในห้องของเขา ชายหนุ่มจึงตะโกนเสียลั่นบ้าน ร้องเรียกนีรนาทราวกับตัวเองเป็นเด็ก

นีรนาทก็รีบเข้ามาดูภายในห้อง... ภาพของเธอที่ทัตดรงค์เห็น เธออยู่ในเดรสกระโปรงสั้น เกาะอกสีดำมันเลื่อมสะท้อนแสง ทรวดทรงองค์เอวสมนางแบบในหนังสืออย่างไร้ที่ติ... บุรุษนั่งมองหล่อนด้วยแววตานิ่งสนิทไร้ประกายใดใดให้เห็นว่าไหวติง กระทั่งนีรนาทก้าวเข้ามาใกล้ชายหนุ่มมากขึ้น ภวังค์นั้นจึงถูกผลักออกไปจากความคิด แล้วเปล่งเสียงร้องโอดขึ้นมาอีกอย่างนึกปวด

“คุณเป็นอะไร...เรียกฉันเสียตกอกตกใจหมด”

“ก็แทนที่เธอจะเข้ามาดูฉันบ้าง!” ทัตดรงค์แสดงอาการฉุนเฉียว แต่หลายครั้งทีเดียว...ที่สายตาเหลือบไปที่หน้าอกภูเขาไฟของฝ่ายสตรีเพศ แต่ปากก็ขยับว่าฉอดๆไม่มียั้ง “ฉันอยากจะเข้าห้องน้ำ อาบน้ำ! แต่มันลุกไม่ได้”

“ก็ไหนเมื่อคืนคุณยังเดินเข้าห้องเองได้เลย”

“ก็คนเพิ่งตื่น เส้นสายมันยังแข็งอยู่นี่” เขาเถียงโดยใช้หลักการทางวิทยาศาสตร์ ยกมาเป็นข้ออ้าง “ขาข้างที่ดียังขยับไม่ได้เลย...เหน็บกินไปหมดแล้ว”

ปัญหาแรกของวันมาเยือนตั้งแต่เช้าตรู่ นีรนาทอดไม่ได้ที่จะต้องถอนใจ เธอลุกก้าวเดินออกไป หยิบยานวดหลอดหนึ่งแล้วกลับมายื่นให้เขา

“เอานี่นวด แล้วเดี๋ยวจะหายปวด...” เธอยื่นให้อย่างไม่ใส่ใจนัก เบือนหน้าไปทางอื่นด้วยความรำคาญสายตาของคนตรงหน้าเต็มทน

ทัตดรงค์รับยามาถือไว้ บีบลงที่ต้นขาทั้งสองข้าง... เบามือบริเวณข้างที่บาดเจ็บ และสายตาคมก็ยังสนใจอยู่กับสรรพางค์ของสตรีตรงหน้า

“นี่เธอจะออกไปไหน” เขาถามเสียงเครือ หาววอดแถมให้อีกหนึ่งครั้ง “แต่งชุด...อย่างกับผู้หญิงกลางคืน”

นีรนาทถลึงตาใส่บุรุษอย่างไม่พอใจ แล้วตอกกลับเสียงแข็ง

“ปากเสีย!” อุบัติคำพูดนั้น แล้วจึงเริ่มแน่ใจว่าที่เขามองมาทางเธออยู่บ่อยครั้ง เพราะกำลังมีความคิดวิตถารอยู่นั่นเอง “กรุณาอย่าประเมิณคนอื่น เพียงแค่เครื่องแต่งกายจะได้ไหม”

“ก็ดูชุดที่คุณใส่ มีผู้หญิงสองประเภทเท่านั้นล่ะ ที่กล้าใส่เสื้อผ้าแบบนี้... ไม่คุณตัว ก็นางแบ..” เสียงของบุรุษหายไปขณะที่ยังพูดไม่สุดความ เขาเอะใจและนึกขึ้นได้ว่าผู้หญิงตรงหน้า คือบุคคลที่เขาเคยประสบพบเห็นมาก่อน ในสถานที่สาธารณะทั่วไป และบ่อยครั้งเสียด้วย

“นี่...หรือว่าเธอเป็น...”

“ใช่ ฉันเป็นนางแบบ” นีรนาทยกมือสอดอก รู้สึกภาคภูมิใจกับการได้เอ่ยถึงอาชีพของตนเอง ให้ผู้อื่นรับรู้ “ไม่ทราบว่า...ที่พำนักของคุณตั้งอยู่บริเวณไหนของประเทศไทย แหม คิดจะเข้าวงการนายแบบ แต่ไม่ยักรู้จักคนในวงการอย่างฉัน”

ไม่ใช่คำพูดสรรเสริญเยิรยอตัวเอง แต่เป็นเรื่องจริงที่นีรนาทพูดออกมาทั้งหมด คนที่คิดจะเข้าสู่วงการ หรือไม่ก็เพียงแค่สนใจวงการแฟชั่นเมืองไทยอย่างเขา ควรที่จะรู้จักเธอไม่มากก็น้อย อย่างดีก็น่าจะรู้เพียงแค่ชื่อ หรือจำได้แค่เห็นหน้าค่าตากันมาก่อน

แต่นี่อะไร...ประสบเคราะห์ร่วมกันมาถึงสามวันแล้ว เขาเพิ่งจะนึกขึ้นได้

“ฉันสนใจวงการนี้ก็จริง แต่ก็ไม่อยากจะรับรู้ว่าใครเป็นใคร” เขาแสดงให้รู้ว่าตนเป็นคน ‘ไม่เอาใคร’ ทั้งสิ้น... และนั่นก็เป็นสิ่งที่เขาภาคภูมิเหลือเกิน “รู้จักคนเยอะ ปัญหาก็เยอะ ฉันเติบโตมาด้วยตัวเอง ไม่จำเป็นต้องพึ่งใคร”

“แต่อย่างน้อยที่สุด คุณก็ต้องพึ่งฉัน...เช่นตอนนี้ไง” นีรนาทผุดยิ้มอย่างคิดว่า ‘แน่’ กว่า และเป็นผลให้ชายหนุ่มหัวเราะแค่นออกมา

“แน่ล่ะ... ก็เพราะว่าเธอทำให้ฉันต้องมาเป็นแบบนี้”

นีรนาทเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ เห็นว่าหมดเวลาที่จะเสวนาอย่างไร้สาระกับผู้ชายคนนี้แล้ว

“ฉันต้องไปทำงานแล้ว ฉันจะวางนามบัตรไว้ตามที่ต่างๆในบ้าน เผื่อคุณจะได้ไม่ต้องเดินหาให้ลำบาก แต่กรุณาติดต่อเฉพาะเรื่องที่เป็นสาระเท่านั้น ฉันไปละ”

“เดี๋ยว”

“อะไรอีก!”

“มื้อเช้ากับมื้อกลางวันฉันล่ะ”

ปัญหาก็ยังเป็นเรื่องของเขาอีกอยู่ดี นีรนาทกลั้นใจตอบเสมือนอารมณ์ยังเป็นปกติ

“อยู่ข้างล่าง แต่เดี๋ยวฉันจะยกขึ้นมาให้คุณที่ห้องนี้”

“ขอบใจ” บุรุษหนุ่มเอนหลังพิงลงไปกับหมอนหนุนใบใหญ่ที่ตั้งขึ้นกับหัวเตียงอีกครั้ง คำขอบใจมิได้ออกมาจากความรู้สึกจริง แต่เป็นเพียงคำพูดที่ยั่วให้หญิงสาวก้าวออกไปจากห้อง ด้วยความเบื่อหน่ายในตัวเขาเท่านั้นเอง “เอ้อ...ขึ้นมาแล้วก็ช่วยเปิดโทรทัศน์ในห้องนี้ให้ทีนะ รู้สึกยังปวดขาอยู่ ไม่อยากจะลงจากเตียงเลยน่ะ”

นีรนาทออกมาจากห้อง ริมฝีปากแดงสดขมุบขมิบอย่างไม่สบอารมณ์นัก... คนอะไร ไม่รู้จักที่มาที่ไปของตัวเองเสียเลย เป็นเชื้อพระวงศ์มาจากที่ไหนก็เปล่า! ทำตัวประหนึ่งว่าราวเป็นราชาเสียอย่างนั้น

++++++++++++++++++++

พ้นจากความวุ่นวายใจภายในบ้าน เมอร์ซิเดสสีนิลจึงพาเธอมาสู่ที่ทำงานแห่งใหม่อีกครั้ง และวันนี้จะเป็นวันที่เธอต้องทำงานวันแรก อย่างเป็นทางการ

เจ้าหน้าที่ผู้รักษาความปลอดภัยที่ลานจอดรถ ยื่นบัตรจอดสำหรับบรรณาธิการให้กับเธอเป็นวันแรก และเธอจะต้องพกมันไว้กับตัวทุกครั้งเพื่อใช้สิทธิ ที่จะมอบความสะดวกสบายให้กับเธอ ต่างจากพนักงานระดับล่างๆลงไป

นีรนาทก้าวเดินไปพร้อมกับอาภรณ์หนังสีดำมันระยับจับแสงโดยรอบ มันส่งให้เธอดูเปล่งปลั่งไปทั่วทั้งเรือนร่าง ขณะที่สายตาภายใต้แว่นกันแดดสีดำ กวาดมองไปตามผนังลานจอดรถที่ประดับด้วยรูปภาพแฟชั่นหลากหลาย สร้างความเพลินตาและบรรยากาศที่ดี จนหญิงสาวมิอาจสังเกตเห็น ว่าใครบางคนกำลังเดินตรงมา และจุดมุ่งหมายของเขาก็คือเธอ!

“นาท”

เสียงนั้นแฝงไปด้วยสำเนียงวิงวอนอ่อนไหว กระทั่งผู้เป็นเจ้าของชื่อสะดุดฝีเท้าตัวเอง ยืนนิ่งราวกับถูกมนต์สะกดเมื่อได้เห็นอดีตสามี ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า

“คุณอินทัช!” ตาคมภายใต้แว่นกันแดดเบิกกว้างอย่างตกใจ ขณะที่อีกฝ่าย รีบแสดงเจตนาของตนเองทันที

“อย่าตกใจไปนะนาท ผมไม่ได้ต้องการที่จะมาทำไม่ดีกับคุณอีก”

นีรนาทเหลือบมองไปทั่วอาณาบริเวณ เมื่อมั่นใจว่ามีเจ้าหน้าที่ผู้รักษาความปลอดภัย ยืนมองมาทางนี้ เธอจึงไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลในเรื่องใด
“ทำไมคุณถึงยังไม่ยอมออกไปจากชีวิตของฉันเสียที!”

“นาท ผมขอโทษสำหรับทุกสิ่งที่ผมเคยทำไว้กับคุณ” เสียงออดอ้อน หมายให้อดีตภรรยาเห็นใจ อินทัชเล่นบทนี้เต็มพิกัด “ผมอยากให้เราสองคนกลับมาเริ่มต้นใหม่ นะนาทนะ...ผมสัญญา ว่าผมจะไม่นอกใจคุณอีก”

“มาพูดตอนที่เห็นใบหย่า...มันไม่ช้าไปหน่อยหรือไงคะ?” ในขณะที่ถาม นีรนาทก็มิได้มองมาที่เขา... นึกแขยงลูกในตา จนพาลต้องทอดมองไปทางอื่น

“ไม่ช้าหรอกนาท ผมพร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่กับคุณได้เสมอ ทุกเวลา... เพียงแต่ขอให้คุณให้โอกาสผม”

“ขอโทษนะคุณอินทัช” นีรนาทกระแทกเสียงเพื่อหยุดคนตรงหน้า ให้เลิกพล่ามเรื่องไร้สาระ “ฉันต้องรีบเข้าทำงาน บ่ายนี้ฉันมีประชุม!”

“เดี๋ยวสินาท!” เขาดึงศอกนุ่มของเธอไว้ ทว่าหญิงสาวกลับสะบัดหนีราวกับรังเกียจ เห็นเขาเป็นตัวประหลาด มิใช่มนุษย์ร่วมชาติอย่างไรอย่างนั้น

“ออกไปจากชีวิตของฉัน!”

“ไม่!” เขาดื้อดึงในสิ่งที่มันเป็นไปไม่ได้ “ผมไม่ยอมให้คุณไปจากผม! ผมรักคุณมากนะนาท”

สองอดีตสามีภรรยาดื้อดึงกันอยู่ในภาพนั้น เจ้าหน้าที่ผู้รักษาความปลอดภัย ยืนเก้ๆกังๆอยู่แต่ไกล ไม่แน่ใจว่าฝ่ายหญิงจะปรารถนาให้เขาเข้าไปร่วมด้วยช่วยแก้หรือไม่...จึงได้มองอย่างสนใจไปก่อน

“ปล่อยนะคุณอินทัช ไม่อย่างนั้นฉันจะร้องให้คนช่วย!”

“คุณไม่ทำอย่างนั้นหรอกนาท!” อินทัชยิ้มอย่างลำพองตัว และมั่นใจเหลือเกินกับสิ่งที่ตัวเองพูด “เพราะคุณไม่อยากจะฉาวโฉ่เรื่องนี้อีกแล้ว จริงไหมล่ะ... คุณกำลังได้งานใหม่ เริ่มต้นชีวิตใหม่!”

“คุณก็รู้อยู่แก่ใจ แล้วยังจะมาวุ่นวายกับฉันอีกทำไม! ปล่อยฉันนะคุณอินทัช!”

“ไม่!”

“บอกให้ปล่อย!”

‘ปี๊นนน--!!’

สองชายหญิงราวกับจะผลักตัวของใครของมัน ออกจากกันโดยมิได้นัดหมาย... เมื่อแสงไฟจากรถยนต์คันหนึ่งสว่างวาบ พร้อมทั้งการเคลื่อนตัวมาอย่างเร็ว และมุ่งตรงมาทางนี้!

นีรนาทล้มลง หลังกระทบผนังตึก ซึ่งเหนือขึ้นไปคือรูปนางแบบขนาดใหญ่ ฉายไฟสว่างไสวอยู่เหนือศีรษะของเธอ... หญิงสาวรู้สึกเจ็บแปลบที่ข้อเท้าทั้งสองข้าง ทั้งชา...ทั้งปวด ขยับเพียงนิดเดียวก็แสบขึ้นถึงห้วงแห่งความรู้สึก

เมอร์ซิเดสคันใหญ่ยุติการหมุนของล้อลงแล้วในบัดนี้... สารถีหนุ่มวัยกลางคน มองบุคคลภายนอกทั้งสองอย่างเลิ่กลั่ก พลางขยับกระจกมองหลัง ทอดสายตาผ่านกรอบแว่นดำ ถามบุรุษในชุดสูทภูมิฐาน ผู้เป็นนายซึ่งนั่งอยู่บริเวณเบาะหลัง ด้วยท่าทีวิตกกังวลพอกัน

“มีคนได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า?” แผงคิ้วเข้มเช่นเดียวกับสีผิวแทนละเอียดของเขาขมวดเข้าหากัน แววตาคมรับกรอบตาเรียวเล็ก ทอดมองผ่านกระจกติดฟิล์มรถยนต์ แต่ก็มองบุคคลภายนอกอย่างไม่ถนัดสายตานัก บุรุษหนุ่มผู้เป็นนายไม่รอฟังคำตอบจากคนขับรถ เขาเปิดประตูก้าวลงมาก่อน เห็นเจ้าหน้าที่ผู้รักษาความปลอดภัย วิ่งปรี่เข้ามาพอดี และยกมือตะเบ๊ะทำความเคารพเขา... ชายหนุ่มยกมือไหว้รับพอเป็นพิธี ก่อนจะหันกลับไปให้ความสนใจทางผู้ประสบเหตุอีกครั้ง

บุรุษหนุ่มร่างสูงใหญ่ ก้าวเข้าไปที่หญิงสาวผู้นั่งพับเพียบ หันหลังให้กับเขา... เธอพยายามจะลุกขึ้นแต่ก็ทำได้ยากเหลือเกิน

“ขอโทษนะครับ คุณเจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่า...”

สิ้นเสียงถาม นีรนาทจึงผินมองมาทางด้านหลัง... ในสายตาจึงปรากฏร่างสูงที่ลดตัวลงนั่งพับเข่า ทอดมองมาทางเธอด้วยสายตาเป็นกังวล ที่ซ่อนไว้ด้วยความตะลึง...

“ฉันเจ็บเท้าน่ะค่ะ ลุกไม่ขึ้นเลย”

“นาท!” เสียงอินทัชดังขึ้น ทำให้หญิงสาวรู้สึกได้อีกครั้ง ว่าชายคนนี้ยังไม่ยอมเลี่ยงออกไปไหน “คุณเป็นอะไรหรือเปล่า เฮ้ย! หลีกหน่อยซิ!”

บุรุษร่างสูงจึงลุกยืนแล้วถอยเท้าออกห่าง แต่สายตาก็ยังมองเพียงผู้หญิงตรงหน้า ที่ค่อยๆถูกประคองขึ้นโดยผู้ชายอีกคน

นีรนาทไหวตัวออกห่างจากอินทัชเมื่อลุกยืนขึ้นได้ แต่หญิงสาวก็ยืนโคลงอยู่จนชั่วขณะหนึ่ง จึงเอ่ยปากไล่อินทัชผู้เป็นตัวการของปัญหา

“ออกไปจากชีวิตของฉันได้แล้ว! และอย่ากลับมาให้ฉันเห็นหน้าคุณอีก!”

“นะ...นาท!”

“ฉันบอกให้ออกไปให้พ้น... ไป!!”

อินทัชพยายามเก็บกลั้นความแค้นที่มีอยู่ในอก... แล้วเดินจากมาด้วยท่าทีเย็นเยือก ราวกับเขามิได้รู้สึกอย่างไร...ทั้งที่ภายในใจมันเปี่ยมไปด้วยเปลวไฟแห่งความชิงชัง!

---------------------------------------------------
ขอบคุณที่ติดตามครับ ติชมได้ครับ ^^



สุริยาทิศ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 พ.ค. 2555, 10:44:55 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 17 พ.ค. 2555, 10:44:55 น.

จำนวนการเข้าชม : 1286





<< บทที่ ๔ ภาระที่ไม่อาจหลีกพ้น   บทที่ ๖ คู่แข่งอันตราย >>
Edelweiss 17 พ.ค. 2555, 14:06:55 น.
อยากให้นีรนาทเจอคนดี ๆ จัง


สุริยาทิศ 17 พ.ค. 2555, 18:49:37 น.
กำลังจะเจอเร็วๆนี้ค่ะ ^^ แต่.....อุปสรรคย่อมมีมากหน่อย อิอิ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account