The Recapture ร้ายทวงรัก(สำนักพิมพ์ sugar beat)
ฉันจะทำให้คุณสยบแทบเท้า เพราะรักฉัน!
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 2

ตอนที่ 2
“คอกเทลได้แล้วครับ”

เสียงของยชญ์ขัดจังหวะขึ้น ยื่นแก้วใสใส่เครื่องดื่มชนิดอ่อนๆให้เธอตามที่สั่ง เมื่อเอื้อมไปรับไว้เรียบร้อย จึงหันกลับไปยังจุดที่เห็นเขาผู้นั้นอีกครั้ง

แต่แล้วชายผู้คุ้นเคยอันเกิดปริศนาในใจให้ขบคิด ก็หายตัวไปจากที่ตรงนั้น ราวกับมีม่านกำบังตา...จึงได้แต่ถอนหายใจบางเบากับความคิดของตนเอง

“ดื่มสักหน่อยสิครับ”

ชายหนุ่มยื่นแก้วมาชนเสียงกระทบดังกริ๊ก และชวนคุยเรื่อยเปื่อย โดยไร้พิรุธ “ผมว่างานแต่งคืนนี้ต้องกลายเป็นที่กล่าวถึงตลอดอาทิตย์นี้แน่ครับ ดูจากแขกที่มาร่วมงาน หลายคนล้วนเป็นคนใหญ่คนโต มีหน้ามีตาอยู่ในแวดวงสังคม...อย่างคนโน้น เป็นนักการเมือง ตอนนี้กำลังเป็นที่สนใจ มีคนเข้าหาเรื่องที่ต้องวิ่งเต้นกันทั้งนั้น”

เขาอวดภูมิ เพื่อให้เธอเห็นความมักคุ้นต่อข่าวสารในตัวเขา และเล่าต่ออย่างหน้าตาเฉย ถึงบุคคลอีกหลายชีวิต ซึ่งมีทั้งนางแบบ ทั้งคุณหญิงคุณนาย

ส่วนเธอก็ฟังบ้าง ไม่ฟังบ้าง เพราะใจกลับไปจดจ่อ คอยกวาดตาหาชายผู้นั้น...แต่เมื่อเขาพูดถึงความโอ่อ่าหรูหราเกี่ยวกับสถานที่จัดงาน เธอก็มองโดยรอบอย่างคล้อยตาม

เพราะมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ...

ยชญ์กำลังจะชนแก้วในมือของปีวราอีกครั้ง แต่เหมือนแพรก้าวเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน “ทานอะไรรองท้องกันบ้างหรือยัง”

“ยังไม่ค่อยหิวเลย ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ปีดูแลตัวเองได้ แพรไม่ต้องเกรงใจปี”

ดังนั้นชายหนุ่มจึงส่งเสียงพึมพำในลำคอ และพูดเสริมว่า “คุณแพรไม่ต้องเป็นห่วงเราสองคนหรอกครับ”

ยชญ์ถอยห่างออกไปเกินหนึ่งช่วงตัว ขณะเดียวกับที่เจ้าบ่าวกลับเข้ามาในงาน ตรงมายังจุดที่ปีวรากำลังยืนสนทนาอยู่กับเหมือนแพร แต่ไม่ทันได้ทักทายเป็นกิจจะ เจ้าสาวก็เดินจับกระโปรงฟูฟ่องซึ่งยาวกรอมเท้า เดินลิ่วๆเข้ามาถึงตัว

“พี่รติ มาอยู่ที่นี่เอง พราวหาตัวแทบแย่...ออกไปข้างนอกเถอะค่ะ คุณแม่ให้มาตาม ท่านบอกว่ามีแขกผู้ใหญ่มา พราวไม่อยากยืนต้อนรับแขกอยู่คนเดียว”

เมื่อคู่บ่าวสาวผละไปแล้ว เหมือนแพรยังคงยืนนิ่งคล้ายคนใจลอย อาจเกิดจากความเหนื่อยล้าทางกาย ปีวราจึงร้องทักเพื่อนด้วยความเป็นห่วง “เป็นอะไรหรือเปล่า หน้าตาดูอิดโรยจังเลย”

ยชญ์ซึ่งยืนสังเกตการณ์ด้านหลังเอ่ยสำทับขึ้นบ้างว่า “นั่นสิครับ คุณแพรเหมือนคนอดนอน น่าจะไปพักผ่อนบ้าง”

ยชญ์อยากตัดบทโดยเร็ว จึงพูดเช่นนั้น แล้วก็สมใจ เมื่อเหมือนแพรขอตัวกลับออกไปต้อนรับแขกด้านนอก จึงสมหวังที่ได้คุยเป็นส่วนตัว ไม่มีก้างขวางคอหรือใครคอยกีดกันแผนการในหัวเขา

ชายหนุ่มรอจังหวะนี้ กระทำการ ‘บางสิ่ง’โดยคิดเอาว่า การอยู่ในกลุ่มคนที่หนาแน่น ปีวราคงจะไม่ทันระวังตัว และมีช่วงที่เธอเผอเรอ เปิดช่องว่างให้เขาได้สบโอกาส
จังหวะนั้น บริกรหนุ่มผู้เดินถือถาดเวียนส่งเครื่องดื่มให้ถึงมือแขกเหรื่อ ก้าวเข้ามาใกล้ ยชญ์วางแก้วเดิมของเขา และรับคอกเทลมาไว้ในมืออีกแก้ว โดยที่ปีวราไม่ทันเอะใจ เพราะมัวแต่ใจจดใจจ่อมองหาเขาผู้นั้น

ยชญ์จึงเริ่มแผนการที่เตรียมไว้ เบี่ยงตัวพอกำบังพฤติกรรมบางอย่าง มือล้วงไปยังกระเป๋าเสื้อ ใช้ปลายเล็บสะกิดฝาจุกขนาดจิ๋วออก และเทของเหลวในนั้นผสมลงในแก้วคอกเทล พอประมาณ

เขาใช้ความว่องไวเก็บหลอดขนาดเล็กใส่กระเป๋าเสื้อตามเดิม...หมุนแก้วในมือให้เครื่องดื่มผสมกัน และกวักมือเรียกบริกรที่เดินผ่านมาอีกหนึ่งครั้ง

“น้องๆ...ขอบรั่นดีให้แก้ว”

เมื่อในมือสองข้างมีเครื่องดื่มพรักพร้อม...ชายหนุ่มไม่รีรอ เอ่ยเรียกเป้าหมาย “ปีครับ...รับคอกเทลอีกสักแก้วนะครับ”

หญิงสาวหมุนตัวกลับมา ตั้งท่าจะปฏิเสธ ทว่าชายหนุ่มไวกว่า ยื่นแก้วคอกเทลให้ เธอจึงรับโดยอัตโนมัติ แล้วเสียงแก้วก็กระทบดังกริ๊กเช่นเดิม

“ปีไม่อยากดื่มมากค่ะ เกรงว่าจะมึน...แถมตอนนี้ ยังไม่ทันเริ่มงานอย่างเป็นพิธีทางการด้วยสิคะ”

ชายหนุ่มยิ้มเรียบ ขัดกับแววตาซึ่งมีแสงไฟล้อเป็นดวงพราววับ เขาบังคับน้ำเสียงให้เป็นปรกติ พูดเนิบนาบอย่างสุภาพว่า

“อีกแก้วเดียวก็พอครับ...ถือว่าให้เกียรติผม”

ปีวราชั่งใจครู่หนึ่ง จึงยกแก้วคอกเทลนั้นดื่มจนหมด ด้วยความชะล่าใจ!

...........................................................

ความมึนชา ปวดหัวหนึบแล่นเข้ามาในช่วงเวลาไม่กี่นาที ทำให้ปีวรารู้สึกเหมือนโลกโคลงเคลงไปมา ภาพผู้คนที่มาร่วมงานพร่าเลือนจนเหมือนไอหมอกละลายยามเช้า แต่เธอก็พยายามทรงตัวไม่ให้ล้ม

ยชญ์ได้จังหวะ รีบเข้าไปประคอง ไต่ถามด้วยความเป็นห่วง “เป็นอะไรครับ ปีไม่สบายหรือเปล่า”

“ปีมึนหัวนิดหน่อย” เธอสูดหายใจเต็มแรง...รีบวางแก้วเปล่าในมือลงบนโต๊ะที่อยู่ไม่ไกลนัก ส่วนชายหนุ่มหันรีหันขวางเพียงครู่ ไม่อยากให้ผู้คนในบริเวณนั้นแตกตื่น เดี๋ยวจะเสียแผน จึงออกอุบายขึ้นว่า

“ผมว่าปีไปพักที่ห้องก่อนดีกว่าไหมครับ เดี๋ยวผมจะไปส่ง”

แม้จะไม่ไว้ใจเพื่อนชายผู้นี้ แต่ความมึนงง เนื้อตัวเริ่มเมื่อยขบ วิงเวียนเกินกว่าจะขบคิดจนหัวแตก จึงทำตามคำพูดของอีกฝ่ายอย่างว่าง่าย

ยชญ์โอบลำตัวหญิงสาวเดินฝ่าแขกเหรื่อในงาน ไม่สนใจสายตาหลายคู่ที่เหลียวมามองอย่างสนใจ และดูเหมือนทางด้านนอกจะสะดวกราบรื่นดี เมื่อคู่บ่าวสาวและญาติผู้ใหญ่ไม่มีใครอยู่บริเวณด้านหน้างาน

แต่แล้วเสียงกังวานใสของผู้หญิงคนหนึ่งก็ขัดจังหวะขึ้นทางด้านหลัง “มีใครเป็นอะไรกันคะ”

ชายหนุ่มหันขวับไปยังต้นเสียง ปรับสีหน้าไม่ให้แสดงพิรุธ ตอบคำถามแทนหญิงสาวในวงแขน “เพื่อนผมเหมือนว่าจะหน้ามืด เป็นลมมั้งครับ...ผมกำลังจะพาไปพักผ่อนที่ห้อง”

หญิงสาวผู้นั้นหน้าตื่น ด้วยความห่วงใย เห็นปีวรากำลังตาปรือคล้ายคนง่วงนอน จึงหวังดีเข้าไปช่วยพยุงแขนอีกข้าง และแนะนำขึ้นว่า

“ฉันว่าให้เพื่อนของคุณ ไปนั่งพักที่ห้องรับรองแขกด้านในก็ได้นะคะ เดี๋ยวฉันจะช่วยดูแลให้เอง”

ผู้วางแผนการ สะดุ้งเล็กน้อย รีบเบี่ยงเบนความสนใจของผู้หวังดี ด้วยวิธีสลับแผนการจาก ‘ช้าเป็นเร็ว’ โดยเอ่ยคล้ายออกคำสั่ง

“ผมว่าคงไม่ดีหรอกครับ ถ้าจะพาเข้าไปห้องส่วนตัวด้านหลังเวที วันนี้เป็นงานมงคล ผมเกรงว่าข้างในจะวุ่นวายกันเปล่าๆ...เอาอย่างนี้ดีกว่าครับ ผมรบกวนคุณช่วยหาน้ำเปล่าให้เพื่อนผมสักแก้ว เดี๋ยวเราสองคนจะนั่งคอยอยู่ตรงนี้”

ปีวราเริ่มคิดช้าลง เมื่อฤทธิ์ยานอนหลับค่อยๆซึมเข้าสู่ร่างกาย แต่เธอก็ยังฝืนตอบออกไป “ขอน้ำเปล่าสักแก้วก็ดีนะคะ”

ระหว่างนั่งรอ มือข้างหนึ่งของเขาล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ ทำการปลดซองพลาสติกใสที่เตรียมมาอย่างชำนิชำนาญ นิ้วขยุกขยิกไม่กี่ครั้ง ก็ได้สิ่งที่ต้องการ คีบไว้ระหว่างนิ้ว

หญิงสาวผู้หวังดีหายเข้าไปข้างในงานไม่ถึงห้านาที รีบเดินเร็วจี๋กลับมายังจุดที่ทั้งสองคนนั่งอยู่ ในมือมีน้ำเปล่ามาหนึ่งแก้ว กำลังจะยื่นส่งให้ปีวราดื่ม แต่ถูกชายหนุ่มผู้มากเล่ห์คว้าแก้วน้ำมาถือไว้เสียเอง

“เดี๋ยวผมป้อนเองครับ”

ชายหนุ่มใจเย็นพอกับการถ่วงเวลา...และลุ้นในใจ ขอให้โชคดีเข้าข้างตัว...แล้วความคิดเขาก็สัมฤทธิ์ผล เมื่อผู้หญิงรูปร่างเล็ก วิ่งหน้าตื่นออกมาตาม

“พี่คะ...ทีมงานข้างในกำลังถามหาค่ะ”

หญิงสาวผู้นั้นลังเลใจ คงนึกเป็นห่วงคนเป็นลม แต่เขาก็ไม่รอให้เสียจังหวะไปกว่านี้ จึงเอ่ยตัดบทเป็นเชิงไล่ ‘ก้าง’ ตรงหน้า

“ไม่เป็นไรครับ เชิญคุณเข้าไปทำธุระข้างในก่อนก็ได้ ทางนี้ผมดูแลเอง เดี๋ยวทานน้ำเสร็จ ถ้าค่อยยังชั่ว ก็จะกลับเข้าไปในงาน แต่ถ้าไม่ไหว เดี๋ยวผมอาสาไปส่งที่ห้องพักเองครับ”

เธอผู้นั้นจึงเดินกลับเข้าไปข้างใน...

เวลาของยชญ์มาถึงแล้ว เขาไม่รอช้า คลี่นิ้ว สะกิดเกล็ดสีขาวที่หนีบค้างไว้ลงในแก้วน้ำเปล่าอย่างรวดเร็ว แล้วจึงประคองศีรษะของฝ่ายหญิงให้ดื่มจนเกลี้ยง

ปีวราเริ่มง่วง เปลือกตาหรี่ลง อันเป็นผลจากยานอนหลับชนิดอ่อน ซึ่งยชญ์หวังเพียงให้เธอแค่ต้องการพักผ่อน ส่วนเกล็ดสีขาวนั้น เป็นยาอีกชนิด เดิมทีเขาต้องการนำไปใช้เมื่อถึงห้องพักของเธอแล้ว แต่เมื่อกลัวจะผิดแผน เขาจึงเร่งช่วงเวลานั้นให้เร็วขึ้น
“กลับขึ้นห้องดีกว่าครับ ผมว่าปีน่าจะได้พักผ่อน”

ชายหนุ่มกระตุกยิ้มบางๆ...พลางนึกต่อประโยคหนึ่งในใจว่า ‘ก่อนที่ปีอยากจะสนุก จนอาจจะลืมความง่วงนอนไปเลย’

......................................................

“ปีไม่ไหวแล้ว ทำไมรู้สึกแปลกๆแบบนี้ก็ไม่รู้ ทั้งง่วงนอน ทั้งมึนหัว ตาลายไปหมด ทั้งที่ปีดื่มไม่กี่แก้ว...”

ปีวราหายใจอย่างเหนื่อยหอบ พยายามควบคุมสติ ไม่ให้เลื่อนลอยจนล้มพับ แต่ดูเหมือนยิ่งฝืน หล่อนก็ยิ่งทรมาน มันเป็นอาการร้อนรุ่มตะครั่นตะครอ ไม่เหมือนพิษไข้ หรือมึนเมาจากแอลกอฮอล์

ทว่ามันกลับเหมือน ‘ความกระหาย’ ในรสสวาท

ครั้นจะประคับประคองให้ร่างกายทรงตัว ก้าวขาตามทางได้ตรง ไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด ยิ่งเดิน ยิ่งเหมือนก้าวขาไม่ออก จนอยากจะทิ้งตัวแล้วทรุดกองลงกับพื้น
ในที่สุดก็ฝืนอาการพะอืดพะอมมาจนสุดแรงกลั้น เมื่อยชญ์โอบเอวเธอมาถึงหน้าลิฟต์ เธอหันไปมองหน้าเขา แม้จะพร่ามัวในยามมอง แต่กลับรู้สึกว่าใบหน้าขาวสะอาด เกลี้ยงเกลานั้นช่างวิเศษ ราวกับเทพบุตร จนอยากจะดึงเข้ามาซุกไว้แนบลำตัว

“ใจเย็นๆนะครับ...รออีกแค่แป๊บเดียว เราก็จะไปถึงห้องพร้อมๆกัน”

เสียงเขาแม้เบาราวกระซิบ แต่ปีวรากลับรู้สึกว่าน้ำเสียงนั้นช่างเหมือนเกลียวคลื่นขนาดใหญ่ ม้วนตัวสูงโถมซัดเข้าหาฝั่ง ซึ่งเธอกำลังยืนโงนเงน ทรงตัวไม่อยู่
อาการอึดอัดในอก วิงเวียน คลื่นไส้ จึงเกิดขึ้นฉับพลัน!

เธอสำรอกเอาสิ่งที่ตกค้างอยู่ในกระเพาะอาหาร พุ่งใส่หน้าเขาเต็มรัก สิ่งสกปรกเหล่านั้นกระจายเลอะเทอะ เปื้อนเป็นคราบไล่ตั้งแต่คิ้วเข้มทั้งสองข้าง ไม่เว้นแม้แต่บนริมฝีปากหยักได้รูปของเขา จนผู้ที่รับเอาของเหลวสกปรกถึงกับทำหน้าสะอิดสะเอียน อยากจะสำรอกตามกัน

ชายหนุ่มระงับความโกรธ อยากจะด่าเอาคำหยาบคายตะโกนใส่ผู้ที่สติเริ่มรางเลือน แต่เมื่อเห็นผู้คนในละแวกนั้นกำลังมองมา เขาจึงทำได้เพียงแค่ดึงร่างของปีวราให้กระเถิบมาด้านข้างลิฟต์ แล้วกำชับเสียงขุ่นเขียว

“ปีรอผมอยู่ตรงนี้...ห้ามไปไหนเด็ดขาดนะ”

ยชญ์สาวเท้าอย่างเร็ว คงทั้งอายทั้งเหม็นคราบสกปรก ที่ยามนี้ไหลเปื้อนจากวงหน้าไปสู่เสื้อผ้าจนหมดสภาพ

ส่วนปีวราเมื่ออยู่ตามลำพัง เธอแข็งใจฮึดเฮือกสุดท้าย ขยับตัวลุกขึ้นยืนอย่างทุลักทุเล มองตัวเลขที่มีไฟสีแดงวิ่งขึ้นลงตรงหน้าลิฟต์ ก่อนจะกดหมายเลขชั้น ที่เธอพักอยู่

เมื่อประตูหน้าลิฟต์เปิดออก ก้าวขาไปเพียงข้างเดียว ได้แต่ยืนค้ำอยู่กับที่ ไม่ไปไหน...ประตูก็ตั้งท่าจะปิดลงให้ได้ จนกระทั่งร่างกายเริ่มทานฤทธิ์ของยาในร่างกายไม่ไหว เข่าอ่อนทรุดลงไปกองที่ประตู

ฉันเป็นอะไร...ทำไมทั้งง่วง แล้วก็...

ในกายหญิงสาวร้อนรุ่มระอุไปด้วย ‘ไฟเสน่หา’ นึกอยากจะรับรสสัมผัส ด้วยความปรารถนาบางอย่าง...แต่เธอก็พยายามสะกดกลั้นมันจนถึงที่สุด ถอยร่นตัวเองขยับเข้าด้านใน แม้จะอยู่ในท่านั่งกับพื้น จนสภาพชุดสีขาวสะอาดดูเปรอะเปื้อน
แต่ขณะเมื่อประตูลิฟต์กำลังปิด มือข้างหนึ่งของใครบางคนก็ยื่นเข้ามาขวางลิฟต์ไว้

...................................................................

“เป็นยังไงบ้างครับคุณ”

ปีวราหมดสภาพ นั่งเหยียดขาทั้งสองข้างตรง รองเท้าถูกถอดไว้ระเกะระกะ ส่วนกระเป๋าสะพายตกอยู่ข้างลำตัว ตาปรือจวนจะปิด อาการสะลึมสะลืออย่างเห็นได้ชัด
เธอฝืนข่มความง่วงที่รุนแรงทุกขณะ ลืมตามองเจ้าของเสียงตรงหน้า...แม้มันจะพร่ามัว แต่ความคมคายบนใบหน้าซึ่งคุ้นเคยในความทรงจำ ทำให้เธอเผลอตัวรำพึงชื่อของบุคคลผู้อยู่ในความคิดเบาๆ

“พี่สูรย์...”

คิ้วของผู้ถูกเรียกชื่อขมวดมุ่นเป็นวง “คุณเรียกผมว่าอะไรนะครับ”

เขาลงนั่งยองๆ เขย่าตัวเธอเบาๆ...แต่เธอก็ไม่สนองรับ ไม่อาจทานฤทธิ์ยานั้นได้แล้ว ศีรษะซึ่งพิงผนังจึงเอียงซบลงบนไหล่ตัวเอง จังหวะเดียวกับที่ลิฟต์เปิดออก
ชายหนุ่มจึงตัดสินใจกดลิฟต์ค้างไว้ชั่วคราว แล้วย่อตัวลงไปพยุงร่าง ‘นกปีกหัก’ ขึ้นอย่างทุลักทุเล มืออีกข้างยังไม่ลืมหิ้วรองเท้าส้นสูงปลายแหลมสีขาวติดมือออกมาด้วย

สภาพการลากสังขารฝ่ายผู้สลบเหมือด ดูไม่จืด ชายหนุ่มผู้มีใบหน้าขรึม จึงเปลี่ยนวิธีการประคองเป็นการช้อนร่างระหงนั้นไว้เหนือท่อนแขนอันแข็งแกร่ง

ฝ่ายหญิงสาวพึมพำขึ้น ขณะอยู่ในอ้อมแขน “รองเท้าฉันไปไหน...รองเท้าของฉัน”

ชายหนุ่มจึงจับรองเท้าทั้งสองข้างยัดใส่มือเธอ แต่การณ์กลับเป็นว่า เมื่อรับรองเท้าไว้ในมือแล้ว เจ้าตัวกลับวาดแขนทั้งสองข้างขึ้นไปคล้องรอบลำคอ โดยรองเท้าคู่นั้นห้อยต่องแต่งกระทบแผ่นหลังเขา

“ตกลงคุณเป็นอะไรกันแน่”

ชายหนุ่มผู้เปรียบเสมือนคนแปลกหน้า รำพึงอย่างสงสัย ทว่าเธอไม่ตอบคำถามใด เปิดเปลือกตาขึ้นมองหน้าเขา ดวงตาฉ่ำหวานไปด้วยสิเน่หา

แล้วรองเท้าสีขาวข้างหนึ่งก็ร่วงกระทบพื้น โดยที่เขาเองก็ไม่ทันรู้!

เขาก้าวไปตามโถงทางเดิน พอจำได้คลับคล้ายคลับคลา ถึงหมายเลขห้องพักหญิงสาว ซึ่งเขาบันทึกจดจำไว้ในดวงความคิดตั้งแต่เมื่อช่วงเย็น

เมื่อถึงประตูหน้าห้องพักที่เขาคิดว่าถูกต้อง จึงถามหญิงสาวผู้ตกอยู่ในภวังค์ “ห้องคุณ ใช่หมายเลข 1210 ใช่ไหมครับ”

เธอยิ้มระรวย ตกอยู่ในวังวนของ ‘ยาปลุกเซ็กส์’

เมื่อไม่ตอบ เขาจึงค่อยๆวางร่างของเธอลงกับพื้น “ถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวผมขอค้นการ์ดเข้าห้องในกระเป๋าสะพายคุณนะครับ”

เขาได้แต่สั่นศีรษะ ด้วยคิดว่าหญิงสาวผู้อยู่ในอาการป้อแป้ คงไม่สามารถตอบสนองต่อคำถามของเขาได้แม้แต่ครั้งเดียว

เขาจำใจค้นกระเป๋าสะพายข้างกายเธอ หยิบคีย์การ์ดรูดที่ประตู แล้วผลักบานให้กว้าง แต่ปัญหาใหม่ติดอยู่ที่ว่า เธอไม่ยอมลุกขึ้นยืนให้ประคองร่าง คล้ายถ่วงตัวจนหนักอย่างกับหิน จึงตัดสินใจช้อนร่างของเธออีกครั้ง

แล้วเธอก็แสดงอาการเช่นเดิม ด้วยการคล้องรอบคอเขาไว้แน่น เมื่อร่างของเธออยู่ในวงแขนอีกครั้ง กำลังเบี่ยงตัวเพื่อให้เธอไม่ขวางประตู แต่แล้วปลายเท้าเจ้ากรรมของเธอก็เกี่ยวประตูที่เปิดอ้าไว้ จนประตูนั้นเลื่อนมาตามแรงแม่เหล็กดึงดูดจนปิดสนิท

ความมืดภายในห้อง ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกถึงความไม่เหมาะสม เมื่อต้องอยู่กันสองต่อสองกับผู้หญิงคนหนึ่งที่สติไม่ครบสมบูรณ์เหมือนช่วงเวลาปกติ

เขาเห็นทุกขั้นตอนที่ยชญ์ปฏิบัติกับปีวรา จึงมั่นใจร้อยเปอร์เซ็นต์ ว่าผู้หญิงคนนี้ถูกชายหนุ่มผู้ยืนข้างกาย ‘มอมยา’

แต่อาการที่เธอกำลังแสดงออก ทำให้เขาชักไม่แน่ใจเสียแล้วว่ามันคือฤทธิ์ของยานอนหลับอย่างเดียว เพราะมือเธอไม่ยอมปล่อยจากรอบคอ แม้ว่าเขาจะวางร่างของเธอไว้บนเตียงแล้วก็ตาม มิหนำซ้ำเธอกลับรั้งคอของเขาให้โน้มตัวลงต่ำ อยู่ในระยะใกล้ชิด

แม้เขาจะลังเลว่าเกิดสิ่งใดขึ้น เพราะเขาไม่เคยคิดจะฉกฉวยโอกาสกับผู้หญิงที่ไหน แต่เหมือนว่าปฏิกิริยาเร่งเร้าของยาปลุกเซ็กส์ในตัวหญิงสาว กำลังกระตุ้น ‘ความต้องการ’

ปราการแรกที่เธอเชื้อเชิญ คือ...จูบ

...........................................................




พู่ไหมบุรามฉัตร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 17 พ.ค. 2555, 14:31:08 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 พ.ย. 2555, 19:07:08 น.

จำนวนการเข้าชม : 1398





<< ตอนที่ 1...100 %   ตอนที่ 3 >>
Edelweiss 21 พ.ค. 2555, 16:48:52 น.
น่าลุ้นค่ะ


พู่ไหมบุรามฉัตร 28 พ.ค. 2555, 13:28:20 น.
ขอบคุณครับ คุณ edelweiss


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account