The Recapture ร้ายทวงรัก(สำนักพิมพ์ sugar beat)
ฉันจะทำให้คุณสยบแทบเท้า เพราะรักฉัน!
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 3

ตอนที่ 3

ยชญ์กลับมาจากห้องน้ำ ในสภาพที่ดูไม่จืด ผิวขาวบนดวงหน้ามีหยดน้ำเกาะพราว สูทสีขาวที่สวมก็เปื้อนคราบด่างเป็นวง แต่เขาก็ไม่อาจแก้ไขให้ดีกว่านี้ ทำได้เพียงแค่วักน้ำจากก๊อกล้างสิ่งสกปรกตามเนื้อตัวออกไปให้หมดเกลี้ยง

ความหัวเสียจากเหตุไม่คาดฝัน ยังไม่ทันเลือนหาย เมื่อกลับมาจุดเดิมที่หน้าลิฟต์ ไม่พบหญิงสาวผู้ไร้ฤทธิ์เดช ยิ่งทำให้เขาอารมณ์บูดขึ้นอีกเป็นหลายเท่า

เขามีอาการกระสับกระส่ายอย่างเห็นได้ชัด เหลียวซ้ายแลขวาไปยังกลุ่มคนใกล้ๆในละแวก เห็นผู้หญิงร่างเล็ก ใส่ชุดพนักงานของโรงแรมกำลังเดินผ่านมา จึงปรี่ไปถึงตัว

“คุณเห็นผู้หญิงที่นอนหลับ...เอ่อ...หมายถึงเมาน่ะ เห็นเธอแถวนี้บ้างไหม”

พนักงานสาวผู้นั้นเหลียวไปตามปลายนิ้ว ซึ่งชี้ไปยังจุดที่กล่าวอ้าง พลางตอบด้วยมารยาทอันดี “ดิฉันเพิ่งจะเดินมาทางนี้ ไม่เห็นจริงๆค่ะ ยังไงคุณลองสอบถามคนแถวนี้ดีกว่านะคะ แต่ถ้าไม่เจอตัวจริงๆ ลองไปติดต่อเจ้าหน้าที่ของโรงแรมที่เคาน์เตอร์ด้านล่าง ให้ช่วยติดตามก็ได้นะคะ”

เมื่อพูดจบ พนักงานผู้นั้นก็ผละไป ส่วนเขาก็บ่นพึมพำอย่างหงุดหงิด หันรีหันขวางอยู่ครู่ จึงตรงไปยังผู้หญิงอีกรายที่กำลังลุกจากโซฟามาทางลิฟต์พอดี

“คุณ...นั่งอยู่ตรงนั้น เห็นผู้หญิงใส่ชุดสีขาว ที่มาพร้อมกับผมบ้างไหม”

เธอผู้นั้นทำท่านึกตาม “เห็นเข้าไปในลิฟต์แล้วนี่คะ คุณเป็นแฟนเธอหรือเปล่าล่ะ”

ยชญ์เผลอตัวเข้าไปบีบต้นแขนอีกฝ่ายอย่างลืมตัว พร้อมตวาดเสียงขุ่น “ก็ใช่สิคุณ”

เมื่อไม่อาจระงับอารมณ์ได้ เสียงที่ถามออกไปจึงทั้งห้วน ทั้งกระด้าง ทำให้ผู้ถูกถามซึ่งไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ไม่สบอารมณ์ตามกัน สะบัดแขนอย่างแรง แล้วกระแทกเสียงกลับ

“พูดจาให้มันมีหางเสียงหน่อยสิคุณ ฉันเห็นอะไร ฉันก็บอก แต่ไม่ได้มานั่งเฝ้าแฟนของคุณซะหน่อย อยู่ดีๆก็มาตวาดฉันแบบนี้ได้ยังไง” เธอเม้มปากแน่น ก่อนจะเยาะ “แต่ถ้าคุณเป็นแฟนผู้หญิงคนนั้นล่ะก็ รีบๆตามตัวเลยค่ะ เพราะฉันเห็นมีผู้ชายตามแฟนคุณเข้าไปในลิฟต์ด้วย”

เขากำหมัดหลวมๆ กระทุ้งฝ่ามืออีกข้างอย่างรำคาญใจ สบถกับตัวเอง “ฉิบหายแล้วไหมล่ะ”

หญิงสาวผู้รู้เห็น กำลังจะเดินเลี่ยง แต่ไม่วายโดนชายหนุ่มรั้งแขนไว้อีกครั้ง “แล้วคุณทันเห็นไหม ว่าลิฟต์มันขึ้นหรือว่าลง แล้วมันไปหยุดอยู่ที่ชั้นเท่าไหร่”

“ฉันไม่รู้ ฉันไม่ได้เฝ้าแฟนคุณเอาไว้...เซ้าซี้ เสียเวลาจริงเชียว”

ยิ่งถาม ก็ยิ่งเพิ่มความหงุดหงิด จนหัวเสียจัด จึงฟาดงวงฟาดงาใส่ แม้แต่ผู้ที่หวังดี “อะไรวะ คนกำลังมีปัญหา นอกจากไม่เห็นอกเห็นใจ ยัง...”

ถ้อยผรุสวาทจากปากผู้ชายหน้าตาดีหลุดออกมาเป็นชุด แม้ไม่ดังมาก แต่ก็ทำให้ผู้ที่เพิ่งก้าวผ่าน หันขวับมาค้อนควักใส่ และชูนิ้วกลางเป็นของแถม

เขาเกือบจะเผลอตัววิ่งไปตะบันหน้า ดีว่าคนๆนั้นเป็นผู้หญิง และเวลานี้อารมณ์เขากำลังแปรปรวนเกินกว่าจะคิดเรื่องอื่น นอกจากการหายตัวไปของ ‘เหยื่อ’ ทางอารมณ์

ถ้าตามตัวเธอไม่พบคืนนี้ นอกจากพลาดเป้า เสียโอกาสอันสำคัญสำหรับการ ‘เอาคืน’ ที่เขาเฝ้ารอมาเป็นปี ยังไม่รู้ว่าถ้าเธอตื่นขึ้นมาเป็นปกติ แล้วรื้อฟื้นความทรงจำ ปะติดปะต่อเรื่องราวได้ครบถ้วน เขาจะโดนข้อกล่าวหาแบบไหนบ้าง

ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด จึงตัดสินใจลงไปหน้าเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ของโรงแรม แจ้งชื่อกับนามสกุลของปีวรา เพื่อให้เขาค้นหาหมายเลขห้อง โดยอ้างเรื่องสมมติขึ้น

“เราสองคนเป็นแฟนกันครับ พอดีมางานแต่งที่จัดในโรงแรม แต่บังเอิญว่าเธอดื่มไปเยอะ คงจะเมามาก ทีนี้เธออ้วกใส่ ผมก็เลยเข้าไปล้างในห้องน้ำ แต่ออกมาอีกที เธอก็ไม่อยู่ตรงที่ผมให้คอยแล้วล่ะครับ ผมเป็นห่วง กลัวว่าจะ...”

เขาคงจะร่ายยาวกว่านี้ ถ้าไม่ถูกพนักงานงานสาวผู้นั้นชิงพูดขึ้นว่า “แล้วคุณลองติดต่อเธอทางโทรศัพท์หรือยังคะ”

เขาทำท่าเหมือนนึกออก เห็นทางสว่าง จึงล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกง ลองกดหมายเลขที่โทร.หาเมื่อช่วงบ่าย แต่ต่อสายไปไม่รู้กี่ครั้ง ก็ไม่มีใครรับ

จนครั้งล่าสุด เสียงโทรศัพท์นั้นก็เงียบหายไปดื้อๆ ราวกับถูกตัดสายทิ้ง!

ชายหนุ่มจึงแจ้งความจำนงกับทางพนักงานตามเดิม คราวนี้จึงได้หมายเลขห้องพักที่ปีวราจองไว้สมใจหมาย ไม่รอช้า เขาจึงรีบจ้ำเท้าผ่านไปขึ้นลิฟต์ กดหมายเลขชั้น และออกจากลิฟต์อย่างเร็ว ก้าวไปตามโถงทางเดิน สายตามัวแต่สอดส่ายมองหาหมายเลขห้อง

จนกระทั่ง ปลายรองเท้าไปสะดุดกับสิ่งของบางอย่าง ซึ่งตกอยู่กับพื้น!

เขาเกือบจะเตะมันทิ้ง แต่เมื่อก้มมอง พบว่ามันคือรองเท้าส้นสูงสีขาว เพียงเห็นแวบเดียว ก็จำได้ว่า มันคือรองเท้าคู่ที่ปีวราสวมเข้าไปในงานแต่ง

ไม่ผิดแน่...ปีต้องอยู่ที่ชั้นนี้แน่

เดินไปไม่กี่ก้าว เหลียวไปทางซ้าย พบหมายเลขห้องเป้าหมาย ‘1210’ จึงตรงแน่วเข้าไปทุบประตูรัวเร็ว ปากก็ตะโกนเรียกผู้ที่เขาคาดหวังว่าอยู่ข้างใน

“ปีครับ...ปีอยู่ในห้องหรือเปล่า นี่ผมยชญ์นะครับ”

เรียกอยู่อึดใจ ประตูบานนั้นก็เปิดแง้มๆไว้แค่พอที่ลำตัวของผู้เปิดจะยืนค้ำอยู่ตรงนั้น ทว่าผู้ที่ยืนค้ำอยู่ตรงประตู ไม่ใช่ปีวรา

.......................................................

“ห้องนี้ไม่มีคนที่คุณกำลังตามหา ผมต้องการพักผ่อน แล้วอย่ามาตะโกนเรียกแบบนี้อีกนะครับ...ผมรำคาญ”

เจ้าของเสียงผู้ยืนค้ำประตู จงใจพูดให้หนักแน่น ด้วยอารมณ์ขุ่นมัว เพื่อข่มผู้ยืนอยู่นอกห้องให้เกรงใจ เลิกพล่ามอะไรต่อมิอะไรอยู่นอกห้องอย่างน่ารำคาญ

เขาทำเช่นนี้ เจตนาเพื่อต้องการช่วยเหลือเธอ...ก็เท่านั้น

“แต่ทางโรงแรมแจ้งว่าเธอพักอยู่ห้องนี้ ไม่ผิดแน่ แล้วนี่ก็รองเท้าของเธอ ตกอยู่ไม่ไกลจากหน้าห้อง” ยชญ์ชูรองเท้าสีขาวในมือ

“จะไปตามหาคนที่ไหนก็เรื่องของคุณ แต่ไม่ใช่ธุระของผม” เขาตัดบทอย่างไม่ใยดี พลันถอนเท้าออก ตั้งใจงับประตู แต่มือข้างหนึ่งของยชญ์ยื่นมาขวางไว้อย่างรวดเร็ว

“คุณอยู่คนเดียวหรือไง”

ผู้อยู่นอกห้องพยายามมองฝ่าความมืด จากช่องว่างที่พอมีหลงเหลือ หวังจะสำรวจด้วยสายตารุกคืบ และเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงขุ่นเขียว แต่ผู้ยืนค้ำประตู ก็ไม่ยอมอ่อนข้อ ขึงตาใส่อย่างไม่กริ่งเกรงเช่นกัน

“นี่มันห้องพักของผม คุณกำลังล่วงล้ำสิทธิ์...เชิญ!!”

สิ้นคำ ผู้พูดจึงงับประตูอย่างแรง โดยไม่สนใจว่าจะหนีบมืออีกฝ่ายหรือไม่ เพราะรู้ว่าอย่างไร ฝ่ายนั้นก็ต้องชักมือกลับ แล้วก็เป็นไปตามคาด เมื่อมองผ่านรูตาแมว เห็นสีหน้าของผู้ไม่สบอารมณ์กำลังยืนฉุนเฉียว หันรีหันขวาง ปากขยับมุบมิบ คงกำลังด่าสาดโครมใส่

ยชญ์หงุดหงิดไม่ถึงห้านาที มองรองเท้าในมือ จึงทุ่มทิ้งลงกับพื้นอย่างแรง และเตะมันซ้ำจนกระดอนไปกระแทกข้างฝา แล้วเจ้าตัวก็เดินจ้ำอ้าวหายลับไปจากทางเดิน

ชายหนุ่มผู้อยู่ในห้องจึงถอนใจอย่างหวุดหวิด...เพราะเขารู้เห็นมาตลอดว่า ยชญ์กระทำการใดบ้างต่อผู้หญิงที่กำลังเหยียดกายกึ่งนอนกึ่งนั่งอยู่บนเตียง ฤทธิ์มึนซึมบวกกับอาการซู่ซ่าในตัวเธอ เป็นผลจากยาบางชนิดแน่

เขาไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าเหตุใดถึงต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเธอ!
แต่เมื่อคิดจะช่วยแล้ว เขาจึงคิดเอาเองว่า จะต้องช่วยให้เธอรอดพ้นจากความคิดชั่ว สกปรกของคนผู้นั้น โดยไม่ทันเฉลียวใจคิดเลยว่า ความหวังดีของเขาเช่นนี้ มันมีโอกาสที่ลูกศรจะย้อนเข้ามาปักตัว ก็ในเมื่อฤทธิ์ยาในตัวเธอ มันเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น

ซึ่งผลจากฤทธิ์ยา ก็ทำให้เขาเห็นถึงอาการของมันได้เป็นอย่างดี เมื่อไม่กี่นาทีก่อน...เขาถูกเธอโน้มรอบคอกด ลงต่ำ จนริมฝีปากประกบแนบชิด ครั้นจะขืนตัว ด้วยความรู้สึกผิดชอบชั่วดี แต่ใครเล่าจะหักห้ามความเคลิบเคลิ้มลงได้

จนกระทั่งเสียงโทรศัพท์มือถือของปีวราดังขึ้น ถี่เสียจนเขาได้สติ รีบถอนริมฝีปากออกจากเธอ ‘ผมไม่ควรทำแบบนี้กับคุณ...คุณรับสายเถอะ มีคนโทร.หาคุณ’

เขาบอกเธอ และเตือนสติตัวเองให้ยับยั้งชั่งใจ แต่ก็ไม่คิดว่านอกจากเธอจะไม่ดูเสียด้วยซ้ำ ว่าสายเรียกเข้าเป็นใคร เธอยังกดตัดสายนั้นทิ้งโดยไม่ให้ความสนใจสักนิดเดียว

แล้วคำพูดของเธอ ก็ทำให้เขาแทบอึ้ง ‘คุณรังเกียจฉันหรือคะ’

เขายันหัวเข่าให้เด้งออกจากเตียงนอน ยืนมองเธอในความมืด...รู้สึกสับสนปนเปไปหมด ว่าควรจะปล่อยเลยตามเลยไปกับพฤติกามที่เกิดจากการ ‘มอมยา’ หรือไม่ แต่ในความรุ่มร้อนในเลือดหนุ่มกลับเรียกร้อง ให้เขาผ่อนปรนความคิด แล้วสนองตอบต่อการกระทำนั้น

ทว่าความคิดนั้นก็ถูกตัดฉับ ด้วยเสียงเคาะประตูของยชญ์ นั่นจึงทำให้เขารีบปราดมาหน้าประตู ส่องรู้เล็กลอดผ่านไปนอกห้อง เมื่อเห็นว่าคนผู้นั้นเป็นใคร เขาจึงหันไปทางเธอ และส่งสัญญาณจุปากให้เธอเงียบเสียงลง ด้วยรู้ว่าผู้ชายที่อยู่นอกห้องนั้นตามขึ้นมาด้วยเจตนารมณ์ใด

เรื่องของยชญ์จบลงแค่นั้น...แต่เรื่องของเขานี่ปะไร มันกำลังจะเริ่มต้นอีกครั้ง เมื่อหมุนตัวกลับมา พบว่าโคมไฟที่หัวเตียงเปิดสลัว ส่องให้เห็นชัดถึงสรีระของผู้หญิงบนเตียง

ปีวราถอดชุดกระโปรงสีขาวพ้นตัวไปแล้ว เหลือแต่ชุดชั้นในตัวกะจิ๋วหลิว ซึ่งห่อหุ้มความงดงามในกายสตรีทั้งส่วนบนและส่วนล่างไว้อย่างมิดชิด

แต่มันกำลังจะเปิดเผยในช่วงนาทีแค่อึดใจข้างหน้า เมื่อมือข้างหนึ่งของเธอ กำลังปลดตะขอบราสีบานเย็นประดับลูกไม้สีดำอันชวนเซ็กซี่

เขาได้แต่ยืนตะลึง ขณะที่หน่วยตาของเธอพราวไปด้วยความเร่าร้อน!

.............................................

สูรย์กำลังต้องมนต์สะกด!

เมื่อหญิงสาวผู้งดงามราวกับดอกกุหลาบแดง เฉี่ยว เบ่งบานส่งกลิ่นหอมระรวยกำลัง ‘ล่อตา’ ให้เขากลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก

ปีวราผู้อยู่ในฤทธิ์ยา สามารถกระตุ้นต่อม ‘กระสัน’ ของเขาได้ แม้เพียงแค่กำลังดึงบราตัวจิ๋วสีสันฉูดฉาดหลุดพ้นจากการห่อหุ้มทรวงอกคู่นั้น

ความเนียนละเอียด เต่งตึงของผิวเนื้อ ทำให้เขาไม่อาจละสายตาไปจากตรงส่วนนั้นได้ ยิ่งมอง เขาก็ยิ่งหายใจติดขัด หัวใจเต้นแรงพร้อมจะทะลวงออกมานอกโพรงอก

มารู้ตัวอีกที เธอก็โผเข้ามาถึงตัว แนบกายเข้าชิด เบียดเสียดจนความอวบอิ่มนั้นอัดแน่นไร้ช่องว่างแนบลำตัว

เขาไม่เคยประหม่า รู้สึกว่าตัวเอง ‘อ่อน’ ต่อโลกเท่าครั้งนี้เลย!

ผู้อยู่ในฤทธิ์ยา วาดวงแขนโอบรอบลำคอเขาอีกครั้ง โดยที่ปลายนิ้วนั้นเขี่ยวนอยู่ด้านหลังท้ายทอย จนขนลุกซู่ แล้วแรงดึงดูดระหว่างริมฝีปากก็ประกบเข้าหากันอีกครั้ง

เข้าโน้มใบหน้าลงไปเสมอระดับเดียวกัน มือเขาตอบรับเธอ ด้วยการกอดเอวบางนั้นไว้หลวมๆ โดยที่มือข้างหนึ่งลูบแผ่นหลังเนียนขึ้นลงไปมา ปล่อยให้ความความเคลิบเคลิ้มในส่วนลึกกำลังชักนำให้เขาล่องลอย ยอมแพ้ต่อความลังเลใจทีแรก ตอบสนองต่อกิเลส ตัณหา

รสรักในโพรงปากช่างหวานละมุน เมื่อต่างฝ่ายต่างควานหาความหอมหวานด้วยกัน...แล้วความหวานลึกล้ำนั้น ก็เกิดพลังขับให้เธอส่งเสียงครางอยู่ในลำคอ

เสียงนี้เป็นปฏิกิริยาเร่งเร้า ให้เขาไม่อาจทานอารมณ์กำหนัดที่เก็บกดไว้ได้อีกแล้ว!

ริมฝีปากที่บดคลึงจากละมุนละม่อม จึงเร่งเร้าให้หนักหน่วงขึ้นตามลำดับ จนสาแก่ใจ จึงต่อยอดถือโอกาสสูดดมความหอมให้ทั่วเรือนกาย...ด้วยการซุกหน้าเข้าที่ซอกคอ ไซ้ขึ้นลง ได้ยินเสียงครางกระเส่าออกมาจากกลีบปากบางของเธอเป็นระยะ

รสสิเน่หาเริ่มร้อนแรงขึ้นตามลำดับ เมื่อเขารุนร่างของเธอให้ขยับไปนอนราบอยู่บนเตียง โดยที่ตัวเขายังคงสูดกลิ่นหอมบนเรือนผมยาวสยายเคลียไหล่ ไล่เรียงความหอมทั่วสรรพางค์ จนร่างของผู้อยู่ด้านล่างถึงกับบิดรวน

ไม่รอช้า เขารีบถอดอาภรณ์คลุมกายตนเอง เผยให้เห็นความกำยำ ได้สัดส่วนของร่างกายที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามแน่นหนั่น ประหนึ่งประติมากรรมชิ้นเอกถูกวางทาบไว้ซ้อนกัน

ชายหนุ่มถือเอาช่วง ‘เวลาทอง’ เริ่มปรนเปรอความสุขให้กับเธอ ด้วยการทาบกายทั้งสองกลมเกลียวซึ่งกัน เริ่มต้นที่ความเนิบนาบ ลากอารมณ์ไปสู่ห้วงสวรรค์ เมื่อกิริยาแปรเปลี่ยนเป็นความหนักหน่วง

เสียงหายใจหอบถี่ดังขึ้น ขณะที่เนื้อตัวเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อชุ่มโชก เช่นเดียวกับฝ่ายหญิง ที่หลับตาพริ้ม กัดริมฝีปากแน่น เต็มไปด้วยความสุขสันต์ในทรวง โดยที่ปลายเล็บทั้งสองข้าง จิกเข้าไปที่แผ่นหลังของเขา

ในที่สุด...รสกามาก็วางวาย เมื่อหนุ่มสาวต่างกระโดดลอยตัวจากผืนดิน พุ่งพรวดไปสู่เวิ้งแดนสรวง ราวกับติดปีกสีขาวโจนทะยานขึ้นปะทะแรงลมบน

ชายหนุ่มทิ้งตัวนอนหงายแผ่หลา ไม่คิดว่ามันจะเป็นความรื่นรมย์อย่างถึงที่สุดเช่นนี้ เขาหอบหายใจเหนื่อยอ่อนไม่ถึงสิบนาที เอี้ยวหน้าไปยังผู้หญิงที่อยู่ด้านข้าง เห็นแววตาของเธอยังเป็นประกายซุกซน

ดวงตาของเธอมันฟ้องความปรารถนาเฉกเดิมอีกครั้ง!

มันจะหยุดความเร่าร้อนในกายสาวนั้นได้อย่างไร ก็ในเมื่อฤทธิ์ของยาปลุกเซ็กส์ เพียงแค่เกล็ดสีขาวไม่กี่ชิ้น มันยังปลุกกระตุ้นให้เธอ ‘ต้องการ’

กว่าที่บทระเริงรักจะผ่อนคลายลง ราตรีนั้นก็จวนหมดเวลา!

................................................................

ความอ่อนเพลีย ความมึนงง ผสมผสานกับความเหนื่อยอ่อนจากร่างกายที่ ‘โหม’ ด้วยฤทธิ์ยา ทำให้ปีวรานอนหลับใหลไม่รู้สติ จนกระทั่งแสงตะวันแรกของวัน ส่องฟ้าไปจนแปดนาฬิกา

หญิงสาวรู้สึกเมื่อยขบ กระดูกกระเดี้ยวคล้ายถูกของแข็งทุบ จะขยับกายก็ไม่ถนัดอย่างใจนึก หนังตาก็หนักเสียจนไม่อยากเปิดเปลือกตามอง อาการเหล่านั้นที่กำลังเกิดขึ้น จึงทำให้เธอนึกอยากจะซุกตัวซ่อนอยู่ในผ้าห่มสีขาวผืนหนาต่ออีกสักหน่อย

จึงขยับกายคุดคู้หวังจะควานหาหมอนข้างอย่างเคยชิน แต่ขณะที่ยังหลับตา ความรู้สึกครึ่งหลับครึ่งตื่น บอกให้เธอรู้ว่า ตอนนี้ตัวเองกำลังอุ่นสบาย เมื่อดวงหน้าขยับเข้าไปซุกอยู่บนแผงอกกว้างของเขา อีกทั้งลำตัวเธอซึ่งแนบชิดติดเนื้อของฝ่ายนั้น ความนุ่มกึ่งความแข็งแรงยามคว้าแขนกอด ทำให้เธอรู้สึกสุขกาย

แต่ความสุขกายที่เธอกำลังเคลิ้มนั้น มิใช่หยุ่นนุ่มอย่างหมอนข้างเหมือนในภวังค์ กลับกลายเป็นว่ามี ‘บางส่วน’ ที่กำลังชูชัน แสดงความแข็งแกร่งสมชายชาตรี ผงาดรับอรุณตรงเวลาเคารพธงชาติ

ปีวราลืมตาโพลงอย่างเร็วปรื๋อ...เธอสะดุ้งสุดตัว!

สิ่งที่เห็นตรงหน้า คือผู้ชายที่อยู่ในร่างเปลือยเปล่า ไม่สวมสิ่งใดทั้งท่อนบนหรือท่อนล่าง ชายผ้าห่มที่คลุมช่วงสะโพกของเขาก็ช่างหมิ่นเหม่เสียจนอะไรต่อมิอะไรของฝ่ายนั้น มันเกือบจะโผล่ออกมาล่อนจ้อน

เธอมัวแต่ตะลึงงัน ได้แต่ห่อปาก เสียงขาดหายไปจากลำคอ...กะพริบตาปริบๆไม่กี่นาที เมื่อเรียกสติกลับมาได้ จึงเลิกชายผ้าห่มที่ขยุ้มอยู่ในกำมือตัวเอง เปิดออกดู จึงเห็นเรือนร่างของเธอ ก็เปลือยเปล่า ไม่สวมอาภรณ์สักชิ้น ไม่ต่างจากเขา

บนดวงหน้าเธอมีสีเลือดซับขึ้นจนเรื่อ หนึ่งเต็มไปด้วยความขวยเขิน แต่มันก็เป็นเพียงเสี้ยวเดียวของความเดือดดาลที่ขณะนี้ กำลังก่อตัวเป็นไอระอุพร้อมจะระเบิดใส่

“กรี๊ดดด!!!”

เสียงกรีดร้องของปีวราดังจนแสบแก้วหู สามารถปลุกให้ชายหนุ่มผู้เหนื่อยล้าลืมตาขึ้น จ้องมองเธออย่างฉงนฉงายไปชั่วอึดใจ ก่อนจะยกมือสองข้างขึ้นอุดหู แล้วลุกพรวดขึ้นนั่ง ทั้งที่ยังคงงัวเงีย

“คุณจะร้องเสียงดังทำไมแต่เช้า”

หญิงสาวเบิกตากว้าง ไม่คิดว่าการส่งเสียงร้องดังลั่นของเธอ จะได้คำตอบจากปากเขา ด้วยสีหน้าที่ไม่สะทกสะเทิ้นต่อพฤติกรรมที่เขาเป็นฝ่ายกระทำย่ำยีตัวเธอเลย

“คุณเป็นใคร...แล้วมาอยู่ในห้องของฉันได้ยังไง”

ปีวรากระถดตัวออกห่างจากขอบเตียงมากขึ้น และกระชากผ้าห่มทั้งผืนดึงมาห่อพันกายเอาไว้ ดังนั้นจึงเห็นความโจ่งแจ้ง ‘ของสงวน’ เขาเต็มสองตา จนเธอเผลอตัวยกมือขึ้นปิดปาก ปิดตาตัวเอง

อย่ากระนั้นเลย...ผ้าห่มผืนหน้าที่พันกายเธอ จึงร่วงลงสู่พื้นห้อง เผยให้เห็นเรือนร่างอวบอิ่มของตัว จะเจนเต็มสองตาชายหนุ่มเช่นกัน

“คุณ...โป๊!!” เขาอุทานเสียงหลง

เมื่อรู้ตัว เธอจึงก้มลงคว้าผ้าห่มผืนนั้นขึ้นมาคลุมไว้เหนือเนินอกอย่างลวกๆ เช่นเดียวกับเขาที่ดึงหมอนหนุนศีรษะมากดทับส่วนสำคัญ มิให้อุจาดตา

ปีวรากรีดร้องอีกครั้ง พลางชี้นิ้วไปตรงหน้าบุคคลแปลกหน้าอย่างคาดคั้น “ฉันจะไปแจ้งตำรวจ ที่คุณบังอาจมาล่วงเกินฉัน”

เขามีท่าทีแค่ถอนหายใจ ขณะสีหน้ายังเรียบเฉย “ถ้าคุณไปแจ้งความ คนที่อายก็ไม่ใช่ใคร ตัวคุณเองนั่นล่ะ”

“ทำไมฉันจะต้องอาย ก็ในเมื่อฉันเป็นฝ่ายเสียหาย ฉันถูกคุณปู้ยี่ปู้ยำ”

คราวนี้ชายหนุ่มแปลกหน้าสำหรับเธอ ยกมุมปากขึ้นเยาะเล็กน้อย ดวงตาคมจับจ้องมาที่เธออย่างมีนัย “ถ้าผมพูดความจริง ว่าผมไม่ได้ขืนใจคุณแม้แต่น้อย แต่ผมตอบสนองคุณ อย่างที่คุณเป็นฝ่ายต้องการล่ะ”

“ไอ้บ้า!! คนอย่างฉันไม่มีวันไปให้ท่าหรือว่าอ่อยผู้ชายที่ไหน อย่างที่กำลังกล่าวหาฉันลอยๆแบบนี้ คุณมันคนสกปรก พูดออกมาได้ ว่าฉันเป็นฝ่ายเรียกร้องต้องการคุณ”

เขาห่อปาก พ่นลมหายใจพรู “ผมอยากมีเวลาอธิบายให้คุณรู้ความจริง”

“ความจริงอะไร”

คิ้วของผู้อยากบอกความจริงขมวดเข้าหากัน มีแววตริตรองเล็กน้อย จึงเปิดปาก “ความจริงที่ว่า เมื่อคืนนี้ คุณโดนมอมยาน่ะสิครับ...มันเป็นยาปลุกเซ็กส์ ทีนี้คุณคิดว่ายังไงล่ะ ถ้าผมจะบอกว่า เพราะยาตัวนั้นนั่นล่ะ ที่ทำให้เกิดเรื่องเมื่อคืน ระหว่างผมกับคุณ”

ปีวราหันไปคว้าสิ่งของใกล้มือ ที่พอฉวยได้เป็นกระเป๋า เป็นแผ่นเมนูอาหาร แล้วขว้างใส่ผู้ชายตรงหน้าไม่ยั้ง ขณะปากก็ด่าออกไปเป็นชุด

“นี่แกมอมยาฉันหรือ...ไอ้เลว ไอ้คนชั่ว”

สรรพนามที่เรียกฝ่ายตรงข้าม เปลี่ยนจาก ‘คุณ’ เป็น ‘แก’ ได้อย่างฉับพลัน เมื่อเธอรู้สึกโกรธถึงขีดสุด โดยที่เข้าใจไปเต็มประตูว่าผู้ชายตรงหน้าล่วงเกินเรือนกายของเธอ ด้วยวิธีการต่ำช้า โดยการใส่ยาให้เธอกิน

ส่วนชายหนุ่มได้แต่เอามือปัดป้อง ลุกขึ้นกระโจนหลบซ้ายหลีกขวา รับมือกับ ‘อุปกรณ์เสริม’ ที่ฝ่ายหญิงคว้าได้ก็ปาใส่ไม่ยั้ง ไม่เว้นแม้แต่ที่เขี่ยบุหรี่ หรือแจกัน เธอก็คว้ามาปาใส่เขาไม่ยั้ง เมื่อชิ้นไหนหลบไม่ได้ สิ่งของที่เป็นแก้วใสจึงตกแตกเสียงดังเพล้งกระจายเต็มพื้น

“นี่คุณผมฟังก่อนสิครับ”

“ฉันไม่ฟัง...ไอ้สารเลว ฉันไม่รู้จักแกสักนิด” เมื่อพูดถึงตรงนี้ มือข้างที่กำรีโมทโทรทัศน์ก็หยุดกึก พร้อมกับเหมือนมีกระแสแห่งความทรงจำบางอย่างเลื่อนไหลเข้ามาแทรกกลาง

นี่เธอรู้จักหรือว่าไม่รู้จักเขากันแน่!

แต่ช่วงวินาทีถัดไป เธอก็ปาสิ่งที่อยู่ในมือ กระแทกเข้าหน้าผากของเขาเต็มเปา จนเจาะเป็นรูเล็ก มีเลือดไหลซึมออกมาเป็นทาง

นั่นล่ะ ถึงทำให้เธอชะงักกลางคัน

แต่ผู้หญิงอย่างปีวรา ผู้ไม่เคยลิ้มลองรสรักจากชายใด แล้วต้องมาสูญสิ้นสิ่งที่หวงแหนมานาน ก็ไม่อาจทานความเสียใจนั้นได้ จึงหันไปหาข้าวของในห้องปาใส่ไม่หยุด วินาทีนั้นเอง ชายหนุ่มจึงตัดสินใจ กระโดดตัวลอยเข้ามาถึงกายเธอ หวังจะสยบม้าพยศให้สงบ

เขารวบแขนเธอตรึงไว้ทั้งสองข้าง ดันร่างจนชิดขอบตู้วางโทรทัศน์ ผ้าห่มผืนหนาที่พันกายถึงกับร่วงจนเกือบหลุดลุ่ย แต่ก็มาติดค้างไว้ช่วงกลางลำตัว เมื่อฝ่ายชายใช้ความแข็งแกร่งเข้าประกบ ตรึงร่างของเธอจนแนบแน่น

แล้วจังหวะนั้น เขาก็ประกบริมฝีปากซ้ำอย่างรุกคืบ คงหมายจะ ‘ปิดปาก’ เพื่อรื้อฟื้นความปรารถนาเช่นเมื่อคืน

ปีวราแน่นิ่งคล้ายลูกไก่ในกำมือ มีเสียงสะอื้นอยู่ในลำคอ ขณะที่ขอบตาสองข้างมีน้ำเอ่อใสรื้นขึ้นอย่างไม่อาจทานไหว

นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นกับฉัน!

รสหวานละมุนของจูบยามสาย ไม่อาจช่วยทบทวนบทพิศวาสเมื่อคืนได้ และมันก็ไม่อิ่มเอม สุขสมอารมณ์หมายอีกแล้ว เธอจึงขืนตัวเฮือกสุดท้าย สะบัดหน้าหลบ แล้วดันร่างของฝ่ายชายจนผงะหลังถอยห่างออกไป

เธอก้าวไปเปิดประตูห้อง โดยที่ตัวเองยังยืนอล่างฉ่าง ก้มลงไปคว้าเสื้อกับกางเกงของฝ่ายชาย ขว้างไปนอกห้องอย่างสุดจะทน แล้วชี้นิ้วเอ่ยปากขับไล่ ด้วยน้ำเสียงเอาจริง ขึ้งเครียด

“ออกไป! แกออกไปให้พ้น!”

แวบหนึ่ง ดวงตาของฝ่ายชายมีแววสำนึกผิดซ่อนอยู่ แต่เขาก็ไม่ได้เอ่ยคำใด ยอมก้าวออกไปจากห้อง ก้มลงเก็บเสื้อกับกางเกงขึ้นกุมไว้ ทั้งที่เรือนกายนั้นยังโทงเทงเช่นกัน

ส่วนเธอ ปิดประตูห้องลงได้ ก็หมดเรี่ยวแรง ทรุดกายลงกับพื้น เอนหน้าซวนซบลงบนขอบเตียง น้ำตาที่เอ่อท้นเมื่อครู่ จึงไหลทะลักออกมาไม่ขาดสาย

แต่น้ำตานั้นก็ต้องถูกกักไว้แค่นั้น เมื่อปรายตาเหลือบไปเห็น กางเกงในชายสีขาวกองอยู่ปลายเตียง เธอเอื้อมไปคว้ามันขึ้นมา อยากจะกรีดร้องเสียงดังๆอีกครั้ง ความรู้สึกสับสนปนเปจนไม่อาจจับต้นชนปลายได้ถูก

เธอออกแรงฉีกทึ้งกางเกงในของเขาจนสุดแรง เสียงขาดดังแควกยังไม่สาแก่ใจ เท่ากับความรู้สึกคั่งแค้นในอก

ฉันเกลียดแก...ไอ้ผู้ชายเฮงซวย

ความเกลียดของเธอ มันเหมือนหนองกลัดใน ร้าวระบมอยู่ตรงนั้นตลอดทั้งวัน โดยที่ไม่รู้ว่า นี่เป็นเพียงการเริ่มต้น!

เธอจะได้พบหน้าเขาอีกครั้ง ในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า ในฐานะคนที่เธอคุ้นเคย!

...............................................................






พู่ไหมบุรามฉัตร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 พ.ค. 2555, 15:23:12 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 พ.ย. 2555, 19:10:38 น.

จำนวนการเข้าชม : 1472





<< ตอนที่ 2    ตอนที่ 4...100% >>
แคลร์ 29 พ.ค. 2555, 19:06:00 น.
เลือดลมกระฉูดเลยคุณสูรย์


พู่ไหมบุรามฉัตร 29 พ.ค. 2555, 21:35:29 น.
ขอเลือดกำเดาไหล 1 ตอน แค่เซ็กซี่เบาๆนะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account