ซีรีย์เมีย-อัพ-เมียราคี
“เธอรู้หรือเปล่าว่าเธอทำให้ฉันเป็นทุกข์ขนาดไหน”
“เธอคงสะใจแล้วสินะ ที่เห็นฉันเป็นแบบนี้”
ร่างบางส่ายหน้าปฏิเสธ
“ฮึ่ม...งั้นเธอคงอยากให้ฉันมีความสุข”
“งั้นก็ถอดเสื้อผ้าของเธอออกให้หมดสิ ฉันจะได้เชื่อว่าเธออยากให้ฉันมีความสุข”
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ซีรีย์เมีย-เมียสุดสวาท-ตอนที่๓ แสงสะท้อนในกระจก

ตอนที่๓ แสงสะท้อนในกระจก


หลังจากกินก๋วยเตี๋ยวกันเสร็จ คริษฐ์ก็พาลูกกับเมียไปเที่ยวซื้อเสื้อผ้าจนดึก แล้วก็พาไปเดินตลาดนัดกลางคืน เดินดูโน้นดูนี่ ซื้อของกินไปเรื่อย กระทั่งลูกสาวตัวน้อยหลับคาอกตัวเอง จึงต้องพากันกลับบ้านด้วยความจำใจ

“วันนี้สนุกไหม” คริษฐ์พาลูกไปนอนแล้วค่อยกลับมาหาคนที่ยืนจ้องอยู่ที่หน้าประตูห้อง เขาเข้ามาใกล้พร้อมซักถามด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขที่เหือดหายมานาน

“แล้วคุณละคะ สนุกไหม” คาร่าไม่ตอบ แต่ย้อนเขาด้วยถ้วยคำแฝงนัย

“ฉันถามเธอ” รอยยิ้มปีติของคริษฐ์หุบลง นึกเคืองขึ้นมาเมื่อเธอย้อนแบบนั้น แต่ก็ยังทำใจเย็น เพราะเขาอยากแก้ไขอดีตของเขากับเธอ จึงต้องทวนไปด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล ไม่ตะคอกเหมือนแต่ก่อน

“ถ้าคุณว่าสนุกก็สนุกค่ะ ฉันยังไงก็ได้ ไม่มีความเห็นอยู่แล้วนี่คะ” เธอแดกดันอีก แล้วทำท่าหันหลังจะเดินจากไป แต่มือหนาก็รีบคว้าข้อมือเธอไว้ได้ก่อน

“ห้องของเราอยู่ด้านนู้น” เขาบอกแต่คาร่ากลับสลัดมือจนหลุด

“ฉันยังไม่บอกคุณเลยนะคะ ว่าฉันจะอยู่กับคุณที่นี่” เธอสบตาเขาด้วยความแข็งกร้าว จนคริษฐ์ต้องส่ายหน้า

“เราพูดกันรู้เรื่องแล้วนะคาร่า อย่างอแงแบบนี้สิ”

“รู้เรื่องกันตอนไหนไม่ทราบคะคุณคริษฐ์ เท่าที่ดิฉันทราบ คือเรายังไม่ได้พูด ไม่ได้คุย ไม่ได้ตกลงอะไรกันเลยค่ะ”

“ถึงยังไงเธอก็ต้องอยู่ที่นี่ เพราะนึงนึกอยู่ที่นี่ และเราก็เป็นสามีภรรยากัน”

“คุณจำได้ด้วยเหรอคะคุณคริษฐ์ จำได้เหรอคะ ว่าเราเป็นสามีภรรยากัน”

ความเงียบแล่นแทรกชั่วขณะ เมื่อเธอเสียงดังขึ้นมาทวนเขาแบบนั้น คนทั้งสองยืนจ้องกันเขม็ง คนหนึ่งรอคำตอบ ขณะที่อีกคนไม่มีคำตอบจะให้

“พอเถอะค่ะ ฉันไม่อยากเล่นเกมนี้ของคุณ เพราะยังไง สุดท้าย มันก็จบที่เดิม” คาร่าพยายามรอแล้ว แต่เขาก็เอาแต่เม้มปาก ไม่มีคำตอบจะให้ คาร่าจึงต้องทำลายความเงียบด้วยการพูดให้ปัญหาจบ แล้วอีกครั้งที่จะเดินไปอีก จนคริษฐ์ต้องรีบเกี่ยวรั้งเธอไว้อีกหน

“ถ้าเธอไม่ฟังที่ฉันพูด ฉันก็คงต้องบังคับเธอ” เขากล่าวคล้ายขู่ หากมันคือความจริง ในขณะที่เริ่มรัดมือเธอแน่น ทว่าคาร่าไม่แยแสอีกแล้ว เพราะมันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาบังคับเธอ

“พูดเหมือนไม่เคยบังคับฉัน คุณบังคับฉันตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ ไม่ใช่เหรอคะ” คาร่าแดกดันอีกครั้ง แล้วพยายามสลัดมือให้หลุด แต่มือแกร่งกลับรัดแน่นขึ้น จนเธอรู้สึกเจ็บข้อมือ

“แต่ทุกอย่างจะเปลี่ยนคาร่า ทุกอย่างจะเปลี่ยน...” ...เพราะฉันมีเงินแล้ว เงินที่เป็นของฉัน เราไม่ต้องพึ่งใครอีกแล้ว เขาอยากบอกเธอ อยากบอกถึงเหตุผลทุกอย่างในอดีต กับสิ่งมากมายที่เขาทำไป แต่ก็ไม่กล้า เพราะกลัวเธอจะมองมันเป็นแค่การแก้ตัว

“ไม่มีอะไรเปลี่ยน เพราะสิ่งที่คุณทำกับฉัน มันไม่เปลี่ยน...” ...และฉันก็ไม่อยากให้มันเปลี่ยน... “ฉะนั้นขอให้คุณหยุด เพราะฉันไม่อยากเล่นเกมนี้ของคุณ”

“ฉันไม่มีเกมเล่นคาร่า ฉันไม่เคยเล่นเกมกับเธอ ไม่เคยเลยสักครั้ง”

“งั้นเหรอคะ แล้วที่คุณทำดีกับฉัน จนฉันตายใจ แล้วปีนขึ้นหน้าต่างฉัน ย่ำยีฉัน แล้วพอฉันท้อง ก็ปฏิเสธฉัน ด่าสารพัดจนฉันร้องไห้ กลัวไปหมด กว่าที่จะยอมมารับผิดชอบ แล้วก็กลับมาทำดีกับฉันอีกครั้ง ก่อนที่จะทำร้ายอีกครั้ง ด้วยการหนีจากฉันไปเป็นปีๆ แบบนี้เขาไม่เรียกว่าเล่นเกมงั้นเหรอคะ ไม่ใช่เล่นเกมหรอกเหรอคะ”

เธอจ้องเขาเขม็ง อยากรู้ว่าไม่ใช่เล่นเกมใช่ไหม แล้วมันเป็นอะไร แต่คริษฐ์ไม่มีอะไรจะบอก เม้มปากแล้วเงียบเหมือนเดิม จนคาร่าต้องสะบัดมือแรงๆ ให้เขายอมปล่อย ทว่าเมื่อมือหลุดจากพันธนาการของเขา ร่างบางของเธอ กลับลอยไม่ติดพื้นขึ้นมา และเมื่อรู้ตัว ก็ถูกเขานำมาโยนลงบนเตียงนุ่มๆ ในห้องหนึ่ง

“ห้องของเรา” คริษฐ์บอกเสียงเรียบเฉย ก่อนที่จะเดินตรงไปหยิบอะไรบางอย่างจากลิ้นชักตัวน้อยของโต๊ะตัวใหญ่ที่ดูแล้วน่าจะเป็นโต๊ะทำงานของเขา แล้วค่อยหันตรงกลับมาหาเธอ

“คุณจะทำอะไร!” คาร่าร้องเสียงหลงทันที เมื่อเขาเดินมาใกล้แล้วพบว่า สิ่งที่เขาถือมาด้วย คือกุญแจมือที่ตำรวจนิยมใช้กับผู้ต้องหา หากเธอก็ไม่ร่ำไรที่จะรอให้เขามาจับเธอใส่กุญแจมือ ตรงข้ามรีบลุกลงจากเตียง เมื่อสมองมันบอกว่า เขาจะใช้มันกับเธอแน่นอน

แต่มือที่ยาวกว่ากลับรีบรวบตัวเธอไว้ได้ก่อน เธอจึงได้แต่ดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอดของเขา และเมื่อรู้ตัว มือของเธอก็ถูกใส่กุญแจมือคู่กับมือของเขาแล้ว

“คุณคริษฐ์ คุณทำบ้าอะไรของคุณ ปล่อยฉันนะ!” มือน้อยบิดไปมา พร้อมกับปากเรียวร้องไปพลางๆ หวังให้สามีถอดกุญแจมือ แต่คริษฐ์ไม่สน เขาเตรียมการไว้แล้ว เพราะรู้อยู่แล้วว่า เธอไม่ให้อภัยเขาง่ายๆ แน่นอน และจนกว่าที่เธอจะยอมฟังแล้วให้อภัย เขาจะขอทำแบบนี้ เพื่อไม่ให้เธอหนีไปไหนได้

“นอนดีกว่านะคาร่า ดึกแล้ว พรุ่งนี้เราต้องตื่นแต่เช้าไปทำบุญ” เหมือนเขาจะไม่ได้ยินสิ่งใดๆ ที่เธอท้วง เปลี่ยนเรื่องไปเรื่อย แล้วก็ทำจริง ลากเธอกลับขึ้นเตียงทันทีที่พูดจบ

“คุณคริษฐ์! เรายังคุยกันไม่จบเลยนะ!” คาร่าขืนตัวไว้ พร้อมตะคอกทวนปาวๆ แต่คริษฐ์ไม่สน เขากระชากดึงจนเธอถลาขึ้นมานอนบนเตียง

“เธอไม่จบ แต่ฉันจบแล้ว” เขาพูดเอาแต่ใจ แล้วล้มตัวลงนอนข้างๆ เธอ ข่มตาทันที แสดงออกชัดเจนว่า ไม่ต้องการฟังอีก แต่คาร่าหรือจะสน ในเมือเขาเอาแต่ใจได้ เธอก็ทำได้เช่นกัน

คิดพร้อมกับเริ่มกระชากดึงมือตัวเอง ไม่ให้เขาได้นอน ทำหลายครั้ง จนร่างสูงต้องลืมตาขึ้นมามองอย่างขัดใจ

“อย่าพยายามยั่วน่ะคาร่า วันนี้ฉันเดินทางทั้งวัน ฉันเหนื่อย ไม่มีแรงปลุกปล้ำกับเธอหรอก” คริษฐ์กล่าวด้วยความเหนื่อยจริงๆ แล้วข่มตาอีกครั้ง แต่คาร่าไม่ปรานีเขา หากก็ใช่ว่าจะอยากยั่วให้เขาลุกขึ้นมาปลุกปล้ำ เธอไม่ได้พิศวาสเขาขนาดนั้น เพียงแต่ต้องการคุยให้รู้เรื่อง คุยให้เรื่องมันเคลียร์ สาวเจ้าจึงลุกขึ้นมานั่งแล้วพูด

“ฉันต้องการหย่ากับคุณ ฉันรอมาสามปีแล้ว คุณกรุณาช่วยทำให้ฉันสมปรารถนาด้วย หย่ากันให้ขาด ให้ต่างคนต่างไป สบายใจกันทุกฝ่าย” คาร่าเอ่ยขอไปด้วยถ้วยคำเรียบๆ เหมือนจะไม่ทำร้ายตัวเองหรือใคร แต่ใครคนที่ถูกขอกลับลุกขึ้นมานั่งทั้งที่ยังไม่ลืมตา

“ฉันเคยคิดนะคาร่า ว่าถ้าเวลาผ่านไป เธอจะพอเข้าใจอะไรบ้าง แต่มันก็เปล่า ยิ่งนาน เธอยิ่งไม่รู้และไม่เข้าใจอะไร ซึ่งฉันจะบอกตามตรงเลยว่า ฉันก็เหนื่อยเหมือนกัน และถ้าเธอยังกล้าที่จะขอหย่ากับฉันอีกครั้ง ฉันรับรองได้เลยว่า...” เขานิ่งลงเล็กน้อย ก่อนลืมตาขึ้นมาแล้วกล่าวต่อให้จบ “...ฉันหย่ากับเธอแน่นอน”

คาร่าเหมือนจะเก่ง แต่พอได้ยินประโยคขึงขังของสามีเช่นนี้ เธอถึงกับใจหายวับ ต้องกัดริมฝีปากตัวเองแน่น แล้วหันมองหน้าเขา ขณะที่ร่างสูงเอนหลังลงอีกครั้ง

“นอนสิ ฉันง่วงแล้ว” เขาพูดอีก สำเสียงเฉยราวกับว่าก่อนหน้า เขาไม่ได้พูดอะไร แล้วก็ดึงมือตัวเองที่ใส่กุญแจมือกับมือของเธออยู่เบาๆ ให้เธอล้มลงมานอนทับบนอกกว้างของเขา

ครั้งนี้คาร่าไม่ขัดขืนอีก ยอมแนบศีรษะลงกับอกเขา แล้วฟังเสียงหัวใจของเขาเต้นไปอย่างเป็นจังหวะ โดยตัวเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า ทำไมต้องยอม ในเมื่อมันเป็นโอกาสที่ดีที่สุดที่จะได้เป็นอิสระจากเขา แต่ทำไม...เธอกลับยอมทิ้งโอกาส

ใจ...โปรดอย่าบอกกับเธอเลยว่า เธอยังรู้สึกแบบนั้นกับเขา โปรดอย่าบอกกับเธอเลยว่า เพราะเธอยัง...

ไม่...ไม่ใช่ เพราะลูกต่างหาก เพราะเธอห่วงลูก กลัวแกจะรับไม่ได้ที่เพิ่งจะได้เจอพ่อ แต่ก็ต้องพรากจากพ่ออีก เพราะเธอสงสารลูก ใช่...สงสารลูก เธอถึงต้องยอมอีกครั้ง ไว้ลูกโตกว่านี้ เข้าใจอะไรกว่านี้ เธอจะขอหย่ากับเขาอีกครั้ง ถึงตอนนั้น คงไม่มีอะไรให้กังวลอีก...ไม่มีอีก...

แล้ว...ทำไมต้องรู้สึกน้อยใจ เสียใจ เจ็บใจ น้ำตาไหล เมื่อสมองมันบอกว่า เขาไม่ได้สนใจเธอเลย ถึงจะยอมหย่าให้ง่ายขนาดนั้น แล้วถ้าเธอไม่หยุด พูดอีกให้เขาหย่า เขาก็จะหย่าให้เธอจริงๆ งั้นเหรอ...จริงๆ เหรอ...

“ฮือ” สะอื้นทันที น้ำตาค่อยๆ อาบแก้ม ทำให้ร่างสูงต้องยื่นมือที่ไม่ได้ใส่กุญแจมือคู่กับมือเธอมาโอบเอวเธอไว้หลวมๆ พร้อมกับหันศีรษะมาจุมพิตที่ซอกผมสลวยของเธอเบาๆ

“ฉันไม่หย่าหรอก แค่พูดไปอย่างนั้นเอง ให้ตายก็ไม่มีวันหย่า” เสียงแหลมเอ่ยอย่างง่วงเงีย เหมือนจะไม่จริงจัง แต่เธอก็รู้ว่ามันจริง



คาร่าตื่นแต่ยามตรู่ เพราะข่มตาต่อไม่ไหว ยังไงก็ไม่หลับ สมองมันไม่ยอมหลับ มันไม่ยอมเลิกคิด เธอจึงต้องลืมตาขึ้นมามองดูหน้าสามี มองให้นานๆ ดูให้ชัดๆ ว่าเขากลับมาจริง มาอยู่ตรงนี้จริงๆ ไม่ใช่เพ้อละเมอหรือฝันไป

แต่มองหน้าเขาแล้ว เธอก็จะร้องไห้อีก เพราะความโกรธ ความเคือง ความคิดถึงมากมาย ที่สุมในหัวใจ เริ่มอาละวาด อยากด่า อยากตบ อยากตี อยากทำหลายๆ อย่างให้สมกับความเจ็บปวดที่หัวใจได้รับ แต่...ก็ไม่อาจทำลง ไม่อาจทำได้ เพราะเขา...คือหัวใจ คือชีวิต คือทุกอย่าง แล้วเธอจะทำร้ายเขาได้อย่างไร

น้ำตาค่อยๆ อาบแก้มของเธอ ขณะที่ปากเม้มแน่น ตาจ้องหน้าเขามั่น และเมื่อรู้ตัว มือที่เป็นอิสระของตัวเองก็ค่อยๆ เอื้อมขึ้นลูบข้างแก้มสากระคายของสามีเบาๆ เขาไม่ได้แก่เลยสักนิด แต่ดูเหมือนจะเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ภูมิฐานมากขึ้น แต่ไม่ว่าเขาจะเป็นยังไง แบบไหน เขาก็คือคุณริดของเธอ ผู้ชายของเธอ ผู้ชายเพียงคนเดียวของเธอ คนคนเดียวของเธอตั้งแต่เธออายุสิบแปด จนตอนนี้ยี่สิบสี่ สามีคนเดียวของเธอ...แต่ทำไมเธอไม่ใช่เมียคนเดียวของเขา ทำไมเขาต้องมีผู้หญิงคนอื่นนอกจากเธอ!

ยิ่งคิด น้ำตาก็ยิ่งไหล แต่มือที่ลูบแก้มสากของสามีกลับไม่ยอมผละห่าง กระทั่งรู้สึกว่ามีอะไรอุ่นๆ มาประกบหลังมือตัวเอง เธอจึงเหลือบตามองที่มือ แล้วก็พบว่า ความอุ่นนั้นคือมือของสามี ที่ขณะนี้ลืมตากว้างมามองเธอ

แต่เมื่อตาสบกัน ไม่มีสิ่งใดๆ ที่จะพูดอีก แต่เธอรู้ว่าร่างของเธอค่อยๆ ถูกพลิกหงายให้นอนราบลงอยู่ใต้เบื้องล่างร่างของสามี เฮ้อ...เธอได้ยินเขาถอนหายใจแผ่วเบา ก่อนจะสัมผัสถึงมือหนาอุ่นๆ ที่เอื้อมมาปาดที่แก้มเนียนของเธอ

“กี่โมงแล้ว” สายตาของเขาจ้องนิ่งซักถาม ลมหายใจอุ่นๆ อยู่เหนือดวงหน้างาม

คาร่ากะพริบตาไล่น้ำตาที่ขังในม่านตาให้แห้ง ก่อนจะเอียงหน้าหนี แล้วค่อยตอบ เพราะยังไม่ให้อภัยเขา ไม่ว่ายังไง เธอก็จะยังไม่ให้อภัยเขา “ไม่ทราบค่ะ” เสียงหวานห้วน แต่ร่างสูงไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองกิริยาของเธอ ตรงข้าม...

ใบหน้าคมก้มลงมาหอมแก้มนวลเบาๆ อ่อนโยนจนความเจ็บแปลบปลาบที่อกที่เธอฝังตายในใจ แผ่ซ่านไปทั่วเรือนกาย ทำให้น้ำตาเจ้ากรรม มันไหลพรากออกมา พร้อมกับร่างกายที่เริ่มสั่นคลอน

“คาร่า...” เขาเรียกเสียงค่อยๆ เธอจึงต้องหันกลับมามอง แล้วสะอื้นหนักๆ เมื่อได้เห็นสายตาอ่อนโยน อาทรมากมายของเขา

“คุณริด...ฮือ” น้ำตาพรั่งพรูออกมาทันที พร้อมกับมือน้อยรีบเอื้อมขึ้นกอดรัดหลังสามีแน่น ให้ร่างเขาเสียหลักทับลงมาบนตัวเธอ แล้วซุกหน้าร้องไห้หนักๆ กับอกเขา สะอื้นจนเสียงแหบเสียงแห้ง

แต่คริษฐ์กลับอมยิ้มกับกิริยาแบบนี้ของภรรยา เพราะรู้แล้วว่า เกราะน้ำแข็งที่เธอสร้างขึ้นเพื่อกันเขาออกห่างจากตัวเธอ มันได้ทลายลงแล้ว ต่อไปนี้จะมีแต่คาร่าคนเดิม คนอ่อนหวานของเขา

“ฉันกลับมาแล้วนะ” เขาอมยิ้มพูด แล้วพลิกตัวเธอขึ้นมาอยู่ข้างบนแทน เพื่อไม่ให้ตัวเองทับเธอมากไป

“อืม” คาร่าสะอื้นรับเบาๆ เท้ามือทรงตัว พร้อมกับยกใบหน้าเรียวสูงขึ้นมาดูเขาที่ตอนนี้อยู่ใต้ล่างตัวเอง จ้องหน้าเขา แล้วสะอื้นอีก ก่อนจะก้มลงกลับไปหาอกเสื้อเขา แล้วอ้าปากงับกล้ามเนื้อล่ำภายใต้อกเสื้อนั้นแรงๆ อยากทำให้เขาเจ็บเหมือนอย่างที่เธอเจ็บ ให้มันสมกับความปวดร้าวหลายปีที่เธอได้รับ

แต่คริษฐ์ไม่ได้โกรธ ไม่ได้โมโห เหมือนเขาจะใจเย็นมากกว่าเดิม เอาแต่หัวเราะเบาๆ แล้วเอื้อมมือขึ้นรัดเอวเธอ “พระนางโจแอนนาโกรธเคืองพระสวามีเป็นอย่างมาก ที่เขาเจ้าชู้ มีนางสนองมากมาย ทั้งนอกวังและในวัง บ่อยครั้งที่ทำร้ายร่างกายเขา แต่ไม่ว่าอย่างไรนางก็ยังให้อภัยเขา และยินดีต้อนรับเขากลับสู่อ้อมใจของนางเสมอ แม้เขาจะไม่เลิกเจ้าชู้ก็ตาม...”

คำพูดของเขา ทำให้คาร่าต้องเงยหน้าขึ้นมองอย่างไม่พอใจ หญิงสาวจึงรีบดันอกเขา เพื่อจะลุก แต่คริษฐ์กลับไม่ยอม เขาตึงรัดเอวเธอแน่นขึ้น

“คาร่า...” เขาอ้อนเสียงอ่อน จ้องด้วยสายตาวิงวอน เธอจึงต้องหยุดที่จะพยายามลุก แต่ก็เมินหน้าหนี เพราะยังไม่หายเคืองใจกับคำพูดเหล่านั้น แต่มันก็ทำให้เขาอมยิ้ม พึงพอใจในกิริยาของเธอ รีบยกใบหน้าคมสากขึ้นหอมแก้มเธอ แต่ก็ไม่หอมเฉยๆ เลื่อนไปเรื่อยๆ จนถึงมุมปากงาม ก่อนจูบตรงนั้นเบาๆ เรื่อยๆ ไม่ยอมละ ทำคล้ายรอให้เธอตอบรับจูบเขา

ทว่าผิดคาด คาร่าไม่ใช่ผู้หญิงไร้ราคาแบบนั้น และไม่ใช่พระนางโจแอนนา ที่จะยอมอ้าขาให้สามีทุกครั้งที่เขาต้องการ แม้เขาจะทำให้เจ็บช้ำน้ำใจเพียงใด เธอไม่ได้โง่แบบนั้น ฉะนั้น...อย่าคิดว่าเธอจะยอม เขาทิ้งเธอไป เขาเคยสนใจไหม ว่าเธอเจ็บแค่ไหน เสียใจเพียงใด คิดถึงเขาเท่าไร...แล้ววันนี้ จะกลับมาทำเหมือนไม่มีอะไร มันไม่ง่ายดายขนาดนั้น

คาร่าไม่หันมา แต่เอื้อมมือตัวเองที่ใช้ดันอกเขาอยู่มาผลักหน้าเขาให้ถอยห่างจากมุมปากงามของเธอ แล้วรีบดิ้นให้เขาปล่อย

“คุณจะไปทำบุญไม่ใช่เหรอคะ งั้นก็ลุกสิคะ จะได้ไปเตรียมตัว” เธอบอกเขาแล้วดิ้นอีก

“อืมใช่ ต้องเตรียมตัว” คริษฐ์เห็นด้วยจึงยอมปล่อย แล้วลุกไปทันที ลากแรงจนคาร่าต้องลุกตามไปด้วย เพราะเจ็บข้อมือที่ถูกใส่กุญแจมือคู่กับมือเขา



“คุณช้าๆ หน่อยได้ไหม ฉันเจ็บข้อมือนะ” คาร่าดึงมือตัวเองกลับเบาๆ เรียกร้องความสนใจให้เขาชะลอฝีเท้าลง เสียงใสคล้ายจะเจ็บปวด คริษฐ์จึงยอมหยุดรอ

“ไหน” เขาดึงมือตัวเองไปแล้วดูข้อมือแดงๆ ของเธออย่างพิจารณา ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างร่าเริง “จริงด้วย” เขาอุทานเหมือนไม่เดือดร้อน แต่ก็พาเธอกลับมาที่ห้อง แล้วเอาลูกกุญแจมาไขกุญแจมือตัวเองกับเธอออก

“เจ็บมากไหม” หลังปล่อยเธอเป็นอิสระ เขาก็ซักถามทันทีด้วยความห่วงใย แต่คาร่าไม่ตอบ ตรงข้ามรีบเดินหนีเขาไปยังห้องของลูก เพราะเพิ่งฉุกคิดได้ว่า ป่านนี้ลูกคงตื่นแล้ว

แต่เมื่อมาถึงเด็กหญิงตัวน้อยยังนอนนิ่งอยู่ แกอมยิ้มกริ่มหลับตามธรรมดาของแกทุกครั้งที่ได้คุยกับคุณพ่อทางโทรศัพท์ก่อนนอนทุกคืน

“ถามว่าเจ็บไหม” แต่คุณพ่อของหนูน้อย ยังไม่ละความพยายาม ยังตามมาถามอีก เดินมายืนชิดอยู่ทางด้านหลังเซ้าซี้

คาร่าหมั่นไส้จึงหันมาค้อนให้ “ไม่มากหรอกค่ะ” ประชดแล้วก็เดินออกจากห้องลูก ตรงไปที่ครัว กะจะไปดูว่ามีอะไรให้ทำเป็นอาหารเช้าไหม แต่ร่างสูงกลับกลัวเธอหนี จึงรีบตามมาขวางไว้

“จะไปไหน” เขาถามเสียงเริ่มกร้าน ความหยอกเย้าที่มีเมื่อครู่หายไป เพราะคิดว่าเธอจะไม่อยู่กับตัวเอง

“ถ้าจะบอกว่าจะเข้าห้องน้ำ จะได้ไหมคะคุณคริษฐ์” เธอเริ่มหมั่นไส้มากขึ้นที่เขาตามติดทุกฝีก้าว “ฉันไม่ใช่นักโทษของคุณนะคะ ที่คุณจะต้องเฝ้าเอาไว้...” ...แต่คุณต่างหาก คือนักโทษของฉัน เพราะคุณผิด คุณทำผิดต่อฉัน ทิ้งฉันไปตั้งหลายปี!

คาร่าจ้องเขาด้วยความไม่พอใจ แต่คริษฐ์กลับคลี่ยิ้มนิดๆ เหมือนจะรู้สึกผิดที่ตามเธอติดไป ก่อนจะเอื้อมมือลงจับมือเธอแล้วเปลี่ยนเรื่อง “อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม เดี๋ยวฉันจะพาออกไปกินข้างนอก”

ทั้งแววตา รวมกิริยาและวาจา ทำให้คาร่าไม่คุ้น เพราะเขาเริ่มไม่เหมือนปีศาจตนเก่า ไม่ทำรุนแรงและไม่บังคับเธอเหมือนเมื่อก่อนนี้อีก ไม่เหมือนคนที่เธอ... ต่าง เขาต่างไป คล้ายจะดีกว่าเก่า ยิ้มให้เธอมากขึ้น แต่เธอไม่ชอบ ไม่ใช่...ไม่ใช่ไม่ชอบ เธอชอบให้เขาดีด้วย แต่นี่มันแปลกๆ มันไม่คุ้น เขาต้องการอะไรจากเธอหรือเปล่า ถึงต้องทำแบบนี้ หรือคิดจะหลอกเธออีก

ความแคลงใจทำให้เรียวปากเล็กเม้มแน่นเป็นเส้นตรง ก่อนสายตาคมงามจะเหลือบขึ้นมองหน้าสามี “คุณทำแบบนี้ คุณต้องการอะไรคะ” กว่าจะรู้ตัวว่าพลั้งปากเอ่ยอะไรไป มันก็สายเกินจะเรียกคืน คาร่าจึงนิ่งรอให้เขาตอบ

หากแต่นั่นกลับทำให้รอยยิ้มนิดๆ ของคริษฐ์เหือดหายไป พร้อมกับสายตาแวววาวขึ้นมาด้วยความขัดใจอะไรบางอย่าง ทว่าไม่คิดตอบเธอ และไม่พูดความรู้สึกของตัวเองออกมา ตรงข้าม...ค่อยๆ คลายมือจากมือบาง แล้วข่มใจเปลี่ยนเรื่อง เนื่องจากไม่ต้องการพูดถึงเรื่องในอดีตอีก หากต้องพูดอะไรเกี่ยวกับตัวเขา และสิ่งมากมายที่ทำให้เขาเปลี่ยน มันก็จะย้อนกลับไปโยงกับเรื่องในอดีต ซึ่งเป็นสิ่งต้องห้าม ที่เขาไม่ต้องการให้รื้อฟื้น

“ถ้าเธอไม่มีอะไรที่อยากจะกินเป็นพิเศษ ฉันก็จะเจียวไข่และเสิร์ฟแค่ขนมปัง” อีกครั้งที่คริษฐ์ทำเป็นไม่สนใจคำพูดของเธอ ทำคล้ายไม่ได้ยินสิ่งที่เธอถาม เมื่อกล่าวจบ ก็หันหนีแล้วเดินจากไป ทำให้คาร่าต้องเม้มปากแน่น จ้องตามด้วยความไม่พอใจ

แต่ครั้งนี้ เขาจะทำตามใจตัวเองไม่ได้อีก เขาจะไม่แยแสความต้องการของเธอไม่ได้อีก เธอจะไม่ยอมให้เขาทำเช่นนั้นอีก!

“คุณคริษฐ์!” เสียงหวานตะคอกลั่นเรียกเขา โดยไม่นึกเกรงว่าเสียงตัวเองจะดังไปปลุกลูกที่ยังนอนอยู่ในห้องนอนของแก พร้อมกับรีบเดินตามไปฉุดแขนเขา “ฉันถามคุณต้องตอบ!” ครั้งแรกในชีวิตที่เธอแสดงความเผด็จการ และออกคำสั่งกับคนที่เธอไม่เคยคิดว่าจะสั่งได้

“แล้วทำไมฉันต้องตอบ” เสียงเย็นเยือกของเขาย้อนมาให้ ขณะที่ร่างสูงค่อยๆ หันกลับมาประจันหน้ากับเธอ จ้องเธอนิ่ง ด้วยสายตาเฉยชา ว่างเปล่า ของปีศาจตนนั้น กิริยาไม่เป็นเดือดเป็นร้อนอะไร

คาร่ากัดริมฝีปากของตัวเอง เงยหน้าขึ้นสบตาท้าทายกับเขา เธอไม่แปลกใจที่เขาตอบมาแบบนี้ เพราะรู้อยู่ว่าเขาไม่ชอบให้ใครบังคับ แล้วเธอล่ะ...เธอชอบหรือไง!

คาร่าคิดในใจด้วยความขุ่นเคือง แต่ไม่ได้พูดไป ทำแค่นิ่งจ้องโต้เขา อยากรู้นักว่าเขาจะตอบเธอไหม หรือจะทำเหมือนเมื่อก่อนนี้ที่บังคับให้เธอยอมรับคำตอบที่เขาต้องการให้เท่านั้น โดยไม่สนว่ามันจะนอกประเด็น และไม่ตรงตามคำถามของเธอ

แต่คาร่าต้องผิดหวัง เมื่อเขาไม่คิดตอบ หนำซ้ำยังแกะมือเธอออกจากแขนเขา แล้วเดินจากไปทันที เร่งฝีเท้าว่องไว โดยหวังไม่ให้เธอตามทัน

“คุณ...” คาร่าเบิกตากว้างมองตาม เมื่อก่อนนี้ มีอะไร ถ้าเธอถามแล้วเขาไม่ต้องการตอบ เขาจะโวยวายอาละวาด ให้คำตอบที่ไม่ตรงคำถาม แต่เดี๋ยวนี้...เขาหนี! เขาเลี่ยงที่จะตอบด้วยการหนี!

คาร่ากัดริมฝีปากของตัวเองอีกครั้ง มองตามไปด้วยความโกรธที่เพิ่มพูน แต่เธอหรือจะยอม หมดแล้วผู้หญิงคนนั้น คนที่เอาแต่ร้องไห้ทุกครั้งที่ถูกกระทำ ไม่มีอีกแล้วคนที่รักเขาจนหมดหัวใจ ยอมง่ายดายกับทุกเรื่องที่เขาทำ

“ถ้าคุณกล้าเดินหนีฉันไปอีกก้าว ฉันก็จะกลับบ้านคุณหญิง” คิดว่าเขาเดินไปไกลแล้ว เกือบจะถึงที่หน้าบันไดลงไปข้างล่างแล้ว และเขาคงไม่ได้ยินประโยคสบถเหล่านี้ของเธอ ทว่าเขากลับได้ยินเต็มสองรูหู จึงลอยกลับมาสถิตอยู่ตรงหน้าเธอภายในพริบตาเดียว

“อย่าแข็งข้อกับฉันคาร่า” สองมือใหญ่จับข้อมือเล็กทั้งสองข้างแน่น กระชากดึงเธอมาชิด แล้วจ้องอย่างจะกินเลือดกินเนื้อที่เธอบังอาจมาขู่เขา

“งั้นคุณก็ตอบคำถามฉัน ตอบทุกอย่างที่ฉันต้องการรู้ ห้ามเดินหนี ห้ามเปลี่ยนเรื่อง ห้ามเพิกเฉย” ประโยคคำสั่งที่เธอไม่เคยใช้กับใครมาก่อน โดยเฉพาะกับสามีของเธอ บัดนี้มันหลุดออกมาจนหมด หมดทุกอย่าง เพราะเธอจะไม่ยอมเป็นฝ่ายเจ็บอีก หากครั้งนี้เขาทำให้เธอเจ็บอีก ทิ้งเธอไปอีก เธอก็จะขอปฏิญาณ ทำทุกอย่างให้เขาเจ็บเท่าๆ กัน

“คาร่า...มันเป็นสิทธิ์ของฉันที่จะไม่ตอบอะไรก็ได้ และอย่ามาออกคำสั่งกับฉัน เธอก็รู้ ฉันไม่ชอบ” สายตาคมมองร่างบางตรงหน้าอย่างเคืองจัด ทั้งโกรธ ทั้งโมโห ที่เธอพยายามรื้อเรื่องในอดีตมาพูด หนำซ้ำนิสัยแบบนี้ เขาไม่ชอบ ไม่ชอบเลย เขาชอบคาร่าคนขี้แย คนเก่าของเขา

“แล้วคุณคิดว่าฉันชอบหรือไงคุณคริษฐ์ ฉันก็ไม่ชอบเหมือนกัน แต่คุณก็ไม่เคยสน ไม่ใช่เหรอคะ สั่งฉัน บังคับฉันตามแต่ใจคุณต้องการ ไม่ใช่เหรอคะ แล้วทำไมคะ ทำไมฉันจะเอาอย่างบ้างไม่ได้”

“ฉันไม่อยากทะเลาะกับเธอคาร่า เราควรที่จะพูดกันดีๆ เราไม่ได้เจอกันมาสามปีเต็มนะคาร่า มันนานมาก ทำไมเธอไม่เข้าใจ”

คำพูดของเขาทำให้คาร่านิ่งลง เหลือบตามองหน้าเขาแล้วกัดฟันแน่น ทำไมเธอจะไม่เข้าใจ เธอเข้าใจ เข้าใจดีว่าตัวเองคิดถึงเขามากเท่าไร และ...รักเขามากเพียงใด ระยะเวลาสามปีนั้น มันทำให้เธอได้รู้อะไรหลายๆ อย่างเกี่ยวกับตัวเองและความรู้สึกที่มีให้เขา จึงทำให้เธอโตขึ้น เข้มแข็งขึ้น แม้อีกใจมันจะโกรธ มันจะแค้น ไม่อยากให้เขากลับมา ไม่ต้องการให้เขาเอาความเจ็บมาให้อีก แต่...มีเหรอ ความรู้สึกแบบนั้น จะชนะความรู้สึกในส่วนลึกของหัวใจเธอได้ เธอจึงเฝ้ารอ มองหาทุกวัน คอยวันที่เขาจะกลับมา จนผ่านไปวันแล้ววันเล่า แต่เขาก็ไม่กลับมา ไม่เคยกลับมา มีแค่โทรศัพท์ โทรศัพท์ที่โทรหาลูก ถามถึงลูกเท่านั้น ไม่เคยสนเธอเลยสักนิด แม้แต่ตอนนี้...ก็ยังไม่สน!

“ไปอาบน้ำแต่งตัวไป เดี๋ยวนึงนึกตื่น ฉันจะพาออกไปหาอะไรกินข้างนอก ก่อนที่เราจะไปทำบุญกันที่วัด” คริษฐ์ถอนหายใจเฮือกยาว มองหน้าภรรยาตัวเองอย่างอ่อนใจ ก่อนปล่อยสองมือเธอเป็นอิสระ ทว่าคาร่ากลับรีบฉวยมือเขาไว้ ไม่ยอมให้เขาจากไป แล้วให้เรื่องจบแค่นี้ เพราะเธอต้องการคำตอบให้คำถามของเธอ

“ฉันจะไม่ไปไหนจนกว่าจะได้คำตอบจากปากคุณ” คาร่าสบตาเขามั่น ยืนยันความต้องการเดิมจนคริษฐ์ท้อ

“ฉันไม่มีคำตอบอะไรให้เธอหรอกนะ ไม่ว่าคำถามของเธอในตอนนี้ หรือจะเรื่องเมื่อสามปีก่อน ฉันก็ไม่มีอะไรจะตอบ เราไม่พูดถึงเรื่องพวกนี้อีกได้ไหม” สายตาดุดันของเขาอ่อนลง มองเธอคล้ายจะวิงวอน เปลี่ยนไปอีกแล้ว ทำให้คาร่านิ่งลงอีกครั้ง เมื่อเห็นเขามาไม้นี้ เพราะเธอตามคนอารมณ์ปรวนแปรเช่นเขาไม่ทัน

“ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าดีกว่านะ เมื่อคืนฉันบังคับเธอให้นอน จนไม่ได้อาบน้ำ ไม่ใช่เหรอ” มือใหญ่แกะมือบางออกจากมือตัวเองอีก พร้อมกับพูดพลางให้เธอเห็นด้วย ทำสีหน้าเหน็ดเหนื่อย คล้ายเธอเอาหินก้อนโตมาวางไว้บนบ่าทั้งสองข้างของเขา

แต่คาร่าไม่ยอมคลายมือออกง่ายๆ ตรงข้ามรัดแน่นขึ้น กัดฟันแล้วจ้องตาเขา เธอพอจะเข้าใจเขา เข้าใจว่าไม่อยากพูดถึงเรื่องในอดีตอีก และถ้าตัวเองยังดึงดันที่จะรู้ว่าอะไรทำให้เขาเปลี่ยนไป มันก็คงจะต้องโยงไปเกี่ยวกับเรื่องในอดีต เขาจึงพยายามหลีกเลี่ยงไม่ให้พูดถึง แต่มีสิ่งหนึ่งที่เธอไม่เข้าใจ ถ้าเขาไม่อยากพูดถึงอดีตขนาดนั้น เกลียดอดีตขนาดนั้น แล้วเขาจะกลับมาทำไม กลับมาหาเธอกับลูกอีกทำไม กลับมาซื้อพื้นที่นี้แล้วปลูกบ้านหลังนี้ขึ้นมาทำไม!

“ไม่ให้พูดถึง พยายามหลีกเลี่ยงทุกวิถีทาง เพราะมันไม่สำคัญ มันน่าเบื่อ น่าเหนื่อย ถ้าอย่างนั้นคุณจะกลับมาทำไม กลับมาสานต่อชีวิตแต่งงานที่คุณสุดแสนจะเกลียดนี้ทำไม กลับมาซื้อบ้านหลังนี้ทำไม พื้นที่นี้ทำไม ทำไมไม่อยู่ที่อเมริกาตลอดไป แล้วแต่งงานกับผู้หญิงฝรั่งที่นั่นสักคน ตามแบบที่คุณชอบ ไม่ต้องกลับมา!” คาร่าแค่คิด แต่ไม่เคยคิดที่จะเปล่งข้อสงสัยของตัวเองออกมา ทว่าครั้งนี้ทนอีกไม่ไหว จนต้องพลั้งปากพูดมันให้เขารู้ พูดทุกอย่างที่ตัวเองสงสัย รวมถึงบ้านหลังนี้และพื้นที่นี้ เริ่มต้นมาอีก รื้อฟื้นขึ้นเรื่อยๆ เหมือนจะไม่ยอมจบง่ายๆ จนคริษฐ์เริ่มโมโหขึ้นมาเช่นกัน และแทนที่จะเป็นเธอจับมือเขาแน่น คราวนี้กลับเป็นเขาที่ตึงรัดต้นแขนเรียวของเธอแน่นแทน

“อย่าทำให้เรื่องไม่เป็นเรื่อง เป็นเรื่องขึ้นมาเลยนะคาร่า ฉันไม่อยากทะเลาะกับเธอจริงๆ” แม้จะมีกิริยาโมโห แต่เสียงเข้มก็ยังนุ่ม มันไม่ห้วนกร้าวคล้ายก่อนหน้า หรือครั้งไหนๆ ในอดีต

คาร่าอ้าปาก อยากจะเถียงอีก แต่เมื่อเห็นสายตาอ่อนใจของสามี และท่าทางไม่อยากมีเรื่องจริงๆ ของเขา ก็ทำให้เธอต้องห้ามตัวเอง หยุดซักถามแดกดัน แต่ก็สะบัดแขนแรงๆ ให้หลุดจากการจับรัดของเขา ก่อนที่จะมองหน้าเขาเป็นครั้งสุดท้าย แล้วตัดสินใจไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าตามที่เขาแนะนำก่อนหน้า

คริษฐ์ถอนหายใจ มองตามเมียตัวเองจากไป พร้อมส่ายหน้าไปด้วย เพราะเขาไม่ชอบเลยที่เธอกลายเป็นคนดื้อ ไม่ฟังเหตุผลเช่นนี้ ทำไมเวลาแค่สามปีเธอถึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ ปีกกล้าขาแข็ง เถียงฉอดๆ แทบไม่เหมือนคนคนเดิมที่เขารู้จัก หรือเพราะเธอแอบมีใคร มีคนอื่น เธอจึงเปลี่ยนไปแบบนี้ ถึงขนาดกล้าขอหย่ากับเขาเมื่อคืน แล้วถ้าเขาหย่าให้จริงๆ เธอจะไปแต่งงานกับใครต่อ ลูกผู้พี่ของเขาเหรอ หรือภูผา...





เทียมทราย
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 พ.ค. 2555, 12:26:46 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ก.ย. 2555, 12:35:30 น.

จำนวนการเข้าชม : 1552





<< ซีรีย์เมีย-เมียสุดสวาท-ตอนที่๒ อีกด้านของกระจก   ซีรีย์เมีย-เมียสุดสวาท-ตอนที่๔ กระจกที่แฝงเงา >>
nutcha 30 พ.ค. 2555, 16:29:18 น.
คาร่าก็ปากหนัก คริษฐ์ก็ปากหนักกว่าจะเข้าใจกันคงต้องมีลูกอีกสักคนมั้ง


Zephyr 30 พ.ค. 2555, 22:17:54 น.
อ่านแล้วแบบ หน่วงจังเลย ปากหนักทั้งคู่ แต่แอบสงสารนางเอกมากกว่า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account