จับใจไว้ด้วยรัก
เรื่องราวของนักธุรกิจหนุ่มฉายา เจ้าชู้หลบใน กับหญิงสาวที่มีเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ที่ไม่ใช่เรื่องแต่งงาน เรื่องราวความรักที่สุดแสนจะปั่นป่วนเริ่มขึ้นเมื่อฝ่ายหนึ่งตามตื้อ ส่วนอีกฝ่ายก็คอยวิ่งหนี เขาจะทำให้เธอหันมามองและเปลี่ยนเป้าหมายในชีวิตได้ไหม ติดตามได้ใน 'จับใจไว้ด้วยรัก'
Tags: หวาน,น่ารัก,โรแมนติก

ตอน: ตอนที่ 12

ตอนที่ 11

บุญญฤทธิ์กำลังวิ่งจ็อกกิ้งไปตามถนนในซอยบ้านตามปกติเช่นทุกเช้า ยกเว้นบางวันที่ต้องทำงานหนัก(ในหลายๆความหมาย) เขาก็เลือกที่จะเข้าฟิตเนสที่ตนเองเป็นสมาชิกอยู่ การออกกำลังกายทุกรูปแบบเป็นกิจกรรมที่โปรดปรานพอๆกับการจีบสาวเลยทีเดียว ร่างสูงวิ่งมาหยุดที่หน้าบ้านของตนบิดเอวไปมาคลายกล้ามเนื้อหลังจากวิ่งมานานเกือบครึ่งชั่วโมง เสียงเปิดประตูรั้วของบ้านข้างเคียงดังขึ้นทำให้คนที่กำลังแตะสลับอยู่เงยหน้ามองแล้วส่งเสียงทักทาย

“อ้าวเฮ้ย...เสือหิวตัวพ่อตื่นมาออกกำลังกายแต่เช้าเป็นเหมือนกันเหรอวะ”

กรวีร์หัวเราะหึหึ กระชับผ้าขนหนูผืนเล็กที่พาดบนคอเล็กน้อย เดินเข้ามายืดกล้ามเนื้อเช่นเดียวกัน “ก็นะ...กะจะมาส่องสาวแถวๆนี้ ได้ข่าวว่าชอบตื่นมาวิ่งออกกำลังกาย”

“หืม...ถามพี่เขายังวะว่าอนุญาตเปล่า” บุญญฤทธิ์แกล้งเหล่ แต่คนโดนเหล่ไม่สนใจยักไหล่แล้วตอบอย่างยียวน

“ไม่จำเป็นว่ะ...แม่แกอนุญาตเท่านั้นก็พอ”

“ร้ายว่ะ เข้าทางแม่ แต่ระวังหน่อยนา ไอ้เบญมันไม่เหมือนสาวอื่น มันเกลียดผู้ชายเจ้าชู้มาก...” เขาลากเสียง “ขนาดฉันยังโดนมันเขม่น สมัยก่อนมันแกล้งให้ฉันรถไฟชนกัน โดนแจกันของแม่เบอร์หนึ่งฟาดเข้าให้นี่...” ชี้ไปที่เหนือคิ้ว ซึ่งกรวีร์พอจะมองเห็นรอยแผลเป็นเส้นยาวจางๆ

“...คิ้วแตกต้องเย็บไปหลายเข็ม หมดหล่อไปเป็นเดือน” บุญญฤทธิ์นึกถึงเรื่องนี้ทีไรแล้วต้องสะบัดร้อนสะบัดหนาวทุกที รู้เลยว่าไม่ควรแนะนำให้พวกสาวๆรู้จักกับเบญญาภา

กรวีร์มองเพื่อนอย่างไม่ค่อยอยากจะเชื่อ แต่พอนึกถึงเรื่องเมื่อคืนแล้วก็ต้องยอมรับ คงจะเอาเรื่องอยู่เหมือนกันยิ่งผสมโรงด้วยอีกกสองหน่อเพื่อนซี้คงจะแรงจนฉุดไม่อยู่ ต้องหาทางแยกทั้งสามให้ออกจากกัน แผนที่เขาคิดเอาไว้น่าจะดี ติดแต่ต้องเข้าใจถึงสาเหตุของความเกลียดของหญิงสาวที่หมายปอง ชายหนุ่มออกตัววิ่งพร้อมกับเพื่อนข้างบ้านปากก็ถาม

“ทำไมน้องเบญไม่ชอบคนเจ้าชู้วะ ถ้าฉันเป็นผู้หญิงนะ ฉันจะเลือกผู้ชายเจ้าชู้อันดับแรก มันดูท้าทายดีถ้าเราปราบเขาได้อยู่หมัด”

“ก็เคยถามมันเหมือนกันนะ มันตอบว่าไงรู้ไหม”

เขาส่ายหน้า อีกฝ่ายเลยเฉลย“มันตอบว่าเพราะพี่นั่นแหละ เห็นสาวที่ต้องอกหักเพราะฉันแล้ว มันกลัวว่ากรรมจะมาลงที่มัน”

“ขนาดนั้น?”

“เออดิ หลังจากฉันก็ไม่คิดจะถามมันอีกเลย กลัวมันจะเอามีดมาแทงจุดตายอีก”

กรวีร์มีสีหน้าครุ่นคิด ไม่ถามอะไรอีก พอจะรู้แล้วว่ามันไม่ใช่ปมที่ใหญ่โตเท่าไหร่นัก สองหนุ่มเจ้าเสน่ห์วิ่งไปตามทางพอเห็นสาวสวยหุ่นดีเดินผ่านมา เพื่อนข้างบ้านก็ส่งยิ้มละลายใจไปให้จนสาวๆเหล่านั้นไม่มีสมาธิเดินชนโน่นชนนี่ไปทั่ว กรวีร์ส่ายหน้ายิ้มกับตัวเอง เขาว่าเขาก็เจ้าชู้พอตัวนะ แต่ยังแพ้บุญญฤทธิ์หลุดลุ่ย

“ชักเริ่มจะเห็นด้วยกับน้องเบญแล้วสิ”

“แกว่าไงนะ” บุญญฤทธิ์ละสายตาจากสะโพกกลมกลึงของหญิงสาวคนล่าสุดที่เพิ่งเดินผ่านไปมามองหน้าเพื่อนงงๆ

“ก็แค่เริ่มเห็นด้วยกับน้องเบญแล้วว่ากลัวกรรมสนอง แกนี่นะเห็นสาวสวยเป็นไม่ได้”

“ว่ากระผมนี่ ดูตัวเองหรือยังครับ คุณกรวีร์...” บุญญฤทธิ์แขวะ “...มันก็พอกันละวะ เวลาแกไปงานแฟชั่นการกุศล เห็นนางแบบคนไหนสวยเข้าหน่อย ก็สั่งให้ไอ้สามทหารเสือไปยื่นนามบัตร เลิกงานก็เห็นควงกันไปปร๋อที่คอนโด”

“แต่ฉันไม่ได้ให้ความหวังไปทั่วอย่างแกนี่...”เขายักไหล่อย่างไม่ยี่หระ “...นางแบบพวกนั้นรู้ดี เราต่างฝ่ายต่างก็มีความพอใจในสิ่งเดียวกัน เช้ามาก็ต่างคนต่างไป ไม่เห็นผิด”

“ฉันก็ไม่ผิดโว้ย...แค่มองคนสวยๆ ผู้หญิงก็เหมือนดอกไม้งาม ไอ้ฉันมันก็ชอบอะไรสวยๆสบายตา เห็นเข้าก็อยากมองก็เท่านั้น ใครเล่นด้วยก็จัดหนัก ใครไม่เล่นด้วยก็ไม่แคร์” บุญญฤทธิ์บอกก่อนจะหยุดวิ่งเมื่อทั้งคู่กลับมาถึงหน้าบ้าน ร่างสูงเริ่มต้นคลายกล้ามเนื้ออีกครั้งเช่นเดียวกรวีร์ กรวีร์ยกผ้าขนหนูซับเหงื่อบนหน้าหันไปทางเพื่อนแล้วบอก

“ฉันจะจีบน้องแก แกจะว่าไง”

“เอาจริงอ่ะ ฉันเตือนแกไปแล้วนะว่าไอ้เบญมันไม่ชอบผู้ชายอย่างเราๆ”

“จริง น้องเบญมีอะไรบางอย่างที่บอกไม่ถูกเหมือนกัน รู้แต่ว่ามันถูกใจ ท้าทายดี” เขาบอกเมื่อนึกภาพแววตาถือดีของเบญญาภา เท่านั้นเลือดในกายก็เดือดพล่านเหมือนเสือที่กำลังหมอบซ่อนรอจังหวะตะครุบเหยื่ออันแสนโอชะ

บุญญฤทธ์เอาลิ้นดันกระพุ้งแก้มเล่น มองเพื่อนอย่างครุ่นคิด ถึงเขาจะเล่นๆกับผู้หญิงไปทั่ว แต่ก็ไม่ต้องการให้ใครมาเล่นๆกับน้องสาวหนึ่งเดียวของตน ตอนแรกก็แค่คิดว่าอีกฝ่ายล้อเล่น พอมาได้ยินคำขอของเพื่อนแบบนี้มันก็อดที่จะหวงไม่ได้ ก็แหม...ไอ้วีร์มันก็มีความคิดเรื่องผู้หญิงเหมือนกับเขานี่หว่า..

“ไอ้วีร์...เบญมันเป็นน้องสาวฉันนะ ยอมรับเลยว่าหวง ใครก็ตามที่คิดจะมาเล่นๆกับมัน ฉันไม่เอาไว้แน่ ยิ่งถ้าทำให้มันเสียใจไอ้หมอนั่นก็เตรียมลงนรกได้เลย ไม่เว้นแม้แต่แก” เขาพูดเสียงราบเรียบ แววตาที่มองตรงมานั้นดูเฉยชา น่ากลัวสำหรับคนขวัญอ่อน เพราะมันมาพร้อมกับจิตสังหาร แต่นั่นไม่ใช่กับกรวีร์ เขาเองก็อยู่บนจุดสูงสุในการทำงานของธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงมากเช่นเดียวกับอีกฝ่ายจะมีเขี้ยวเล็บบ้างก็คงไม่แปลก ไอ้เรื่องจะมาข่มให้เขากลัวด้วยสายตาแค่นี้...อย่าหวัง!

“ตอนนี้ฉันก็บอกกับแกไว้เลยว่ายังไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเองนัก เพราะไม่เคยเจอใครแบบน้องเบญมาก่อน ขอเวลาหน่อย หากพบว่าฉันไม่สามารถคิดกับน้องเบญเกินไปกว่านี้ได้ จะถอยทันทีโดยที่ไม่ทำให้น้องแกเสียหายหรือเสียใจเลย”

ร่างสูงบอกอย่างจริงจัง เขารู้ดีว่าทั้งสองครอบครัวมีความสัมพันธ์ที่ดีกันมานาน อีกทั้งแม่เขายังเอ็นดูเบญญาภามาก หากในอนาคตเขาและเบญญาภาไปกันไม่ได้จริงๆก็อยากจะให้เป็นเพื่อน เป็นพี่ที่ดีต่อกันไปได้ ไม่ใช่กลายเป็นศัตรูกัน แม้ธุรกิจโรงแรมของอีกฝ่ายจะเป็นพันธมิตรแต่หากเกิดเรื่องเลวร้ายกับหญิงสาวที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจโดยมีสาเหตุมาจากเขาล่ะก็ เห็นทีจากมิตรที่แสนดีคงจะกลายมาเป็นศัตรูที่น่ากลัวก็เป็นได้ และเขาก็ไม่โง่พอจะหาเรื่องให้หัวมีรูหรอกนะ

บุญญฤทธิ์มองเพื่อนนิ่ง ถือเอาว่าที่เพื่อนพูดออกมาคือคำสัญญา หากวันใดที่น้องเขาต้องเสียใจเพราะโดนกรวีร์ทิ้งล่ะก็ เขาจะจัดการให้กรวีร์หายไปจากโลกอย่างเงียบๆเลยทีเดียว แล้วก็พยักหน้าเป็นเชิงอนุญาตแต่ไม่วายสำทับเสียงเข้ม

“ก็ได้...แต่แกอย่าลืมสิ่งที่พูดต่อหน้าฉันวันนี้ หากยายเบญต้องเสียใจเพราะแกล่ะก็ รับรองว่าแกได้ไปสำนึกผิดในนรกแน่”

“เอาเกียรติของประธานเครือสิทธิวัติเป็นประกัน หากมีวันนั้นจริงฉันจะยอมให้แกทำตามใจชอบ”

สองหนุ่มมองตาแล้วยิ้มให้แก่กัน ก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อเสียงหวานของเบญญาภาตะโกนดังมาแต่ไกล “พี่บุญแม่เรียกให้ไปช่วยยกโต๊ะมาหน้าบ้าน แม่จะใส่บาตร” ร่างบางเดินถือกับข้าวใส่บาตรออกมาหาพี่ชายแล้วก็ชะงักเมื่อเห็นว่าไม่ได้มีแค่พี่ของตนอยู่ กรวีร์เปลี่ยนจากท่าทางจริงจังเมื่อครู่เป็นทำหน้าระรื่น ส่งสายตาหวานหยดย้อยให้เจ้าของบ้านสาวที่ทำหน้าบึ้ง

บุญญฤทธิ์มองหน้าเพื่อนสลับกันน้องสาวก่อนจะยิ้มกริ่ม เอื้อมมือไปตบไหล่กรวีร์หนักๆขยิบตาส่งสัญญาณที่ทำให้กรวีร์นึกขอบคุณอยู่ในใจ

“วีร์ฝากนายอยู่เป็นเพื่อนยายเบญแป๊บ ฉันจะไปยกโต๊ะออกมาก่อน”

“ด้วยความเต็มใจเลยวะบุญ”

“พี่บุญยกมาเร็วๆนะ เบญหนัก” หญิงสาวตะโกนไล่หลังพี่ชายจอมกะล่อนไป บุญญฤทธิ์ยกมือโลกไปมาเป็นเชิงว่ารับรู้ แต่ความเร็วของการก้างขากลับช้ายิ่งกว่าเต่าเดินเสียอีก เบญญาภาเห็นแล้วก็หน้างอรู้ทันทีว่าพี่ชายแปรพักต์ หันกลับมาก็เห็นคุณเจ้านายตัวดีของเธอกำลังเดินเข้ามาใกล้ หญิงสาวเขยิบออกห่าง เชิดหน้าถาม

“ไม่กลับบ้านกลับช่องซะทีล่ะคะ พี่บุญไม่อยู่แล้ว”

“ก็บุญฝากให้พี่อยู่เป็นเพื่อนน้องเบญนี่คะ”

“ไม่จำเป็นค่ะ ดิฉันยืนคนเดียวได้ เชิญท่านประธานกลับไปเถอะค่ะ”

“พี่บอกแล้วไงครับว่าไม่ต้องพี่แบบนั้น น้องเบญนี่ดื้อจริงๆ แต่รู้ไหมพี่ชอบปราบเด็กดื้อ” เขาบอกยิ้ม ส่งสายตาท้าทายไปให้ร่างบางที่ยืนหน้าคว่ำ ตาขุ่นอยากให้ตัวเองมีพลังเหนือธรรมชาติซักหน่อยจะได้สาปเอาผู้ชายพรรค์แมลงสาบอย่างกรวีร์หรือไม่พี่ชายเธอเองหายลงท่อน้ำทิ้งไปเสียที อยู่ไปก็รกโลก เป็นอันตรายต่อความบริสุทธิ์ของสุภาพสตรีอีกต่างหาก

หญิงสาวเมินหน้าหนีไม่ต่อล้อต่อเถียงกับเขาอีก พอบุญญฤทธิ์กลับมาพร้อมกับโต๊ะก็รีบวางของที่ถืออยู่แล้วเดินลิ่วเข้าบ้านไป กรวีร์มองตามไปอย่างขบขันกับนิสัยที่เหมือนเด็กเอาแต่ใจของเจ้าหล่อน ยิ้มมุมปากส่งให้เพื่อนที่ยืนยิ้ม

“ไงล่ะเอ็ง โดนไปกี่ดอกล่ะ แต่ฉันว่าไอ้ที่โดนน่ะยายเบญมากกว่า เดินสวนกันเมื่อกี้หน้าตานี่ตะขอยังอาย” เขาบอกกลั้วหัวเราะ เพราะตอนที่เดินสวนกันแอบเห็นว่าน้องสาวของเขานั้นทำหน้าราวกับอยากจะฆ่าคน และคนคนนั้นก็คงเป็นคนตรงหน้าที่เพิ่งจะมาขอจีบน้องเขาเมื่อครู่ กรวีร์ยิ้มไม่ว่าอะไร แต่ตั้งใจแล้วว่ากลับบ้านไปแล้วจะรีบแต่งตัวออกไปทำงานเลยจะได้เริ่มแผนการที่วางเอาไว้ทันที อยากจะรู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายจะโต้กลับแผนของเขาอย่างไร

ข้างฝ่ายบุญญฤทธิ์มองรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเพื่อนแล้วก็กลัวแทนน้องสาว ดูจากรอยยิ้มแล้วเสือหิวตัวพ่อคงมีแผนอะไรเป็นแน่ แล้วอย่างนี้น้องเขาจะรอดจากอุ้งตีนเสือหรือเปล่าน้า...


เบญญาภามาถึงที่ทำงานแล้วก็เข้าไปยังห้องพักพนักงานแผนกของตนเพื่อไปเก็บกระเป๋าและเปลี่ยนเสื้อผ้าตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติก็คือทำไมเธอถึงเปิดล็อกเกอร์ของตัวเองไม่ออกล่ะ! หญิงสาวกองทุกอย่างไว้บนพื้นคว้าเอาแม่กุญแจตัวใหญ่มาพิจารณาดูแล้วก็พบว่ามันไม่ใช่อันที่เธอเอามา ร่างบางหันขวับไปมองด้านหลังเผื่อจะมีใครสักคนรู้ว่าใครเป็นคนเอาแม่กุญแจมาเปลี่ยน

“ขอโทษนะคะ ใครเอาแม่กุญแจเบญไปแล้วเอาอันนี้มาใส่แทน”

“ดิฉันเองค่ะ” หัวหน้างานเดินผ่าหน้าเธอไปยังโต๊ะทำงานบอกขึ้นเสียงเรียบตามนิสัย เบญญาภานิ่วหน้า

“หัวหน้าทำทำไมคะ”

“คุณไม่ใช่พนักงานแผนกนี้แล้วนี่คะ ก็ต้องยกล็อกเกอร์ให้คนใหม่ที่จะเข้ามาแทน”

“อะไรนะ!” หญิงสาวร้องออกมาหน้าซีด มั่นใจว่าเธอไม่ได้ทำอะไรผิด ท่ามกลางเสียงซุบซิบของพนักงานคนอื่นๆ บัวตองที่อยู่ด้วยแอบยิ้มสะใจ คิดเอาเองว่าอีกฝ่ายคงจะโดนท่านประธานเฉดหัวทิ้งแล้วสิท่า

“ดิฉันทำอะไรผิดคะ ถึงต้องไล่ออก”

หัวหน้างานขยับแว่นตาเล็กน้อย มองเธออย่างแปลกใจก่อนจะบอกช้าๆชัดๆ “ยังไม่มีใครไล่คุณออกค่ะ แค่เปลี่ยนตำแหน่งงาน”

เบญญาภาชะงักอีกรอบ คราวนี้ใจเริ่มชื้นขึ้นเมื่อรู้ว่าตนเองยังได้ทำงานต่อไป แต่เริ่มสงสัย ‘เปลี่ยนตำแหน่งงานงั้นเหรอ ใครสั่งกัน หรือจะเป็นวิชญ์’

“แล้วดิฉันต้องไปทำตำแหน่งไหนคะ”

“ผู้ช่วยเลขาท่านประธาน...คุณวีรพัชรน่ะค่ะ”

เท่านั้นเองไม่ต้องถามต่อแล้วว่าใครเป็นคนสั่ง เบญญาภาก็รู้ได้ทันที นี่เธอกำลังโดนนายกรวีร์เอาคืนอยู่สินะ หมัดน้อยกำแน่น ดวงตาวาวโรจน์ราวกับจะแผดเผาคนที่กำลังนึกถึงให้ไหม้เป็นจุณ หญิงสาวยกมือไหว้หัวหน้างานก่อนจะก้าวฉับๆออกไป ทิ้งให้คนที่เหลือนินทากันอย่างสนุกปาก บัวตองนั้นอยากจะกระอักเป็นเลือดเลยทีเดียวที่ศัตรูนั้นก้าวหน้าถึงขนาดนี้

“สงสัยคงเอาเต้าไต่อย่างที่พี่บัวตองว่าจริงๆนั่นแหละ”

“ใช่ๆ ไม่งั้นจะได้มีวาสนาขึ้นไปเป็นผู้ช่วยเลขาเหรอ ทั้งที่เป็นแม่บ้านเหมือนกันกับเรา”

“แต่ถ้าพวกเธอไม่หยุดนินทาคนอื่นล่ะก็ ฉันจะทำเรื่องส่งให้ไปอยู่แผนกวิจัยฝุ่นดีไหม” หัวหน้างานเดินตรงเข้ามาหากลุ่มช่างเม้าท์ หนึ่งในนั้นยังไม่เข้าใจกับคำว่า ‘วิจัยฝุ่น’ เลยถามพาซื่อ ในขณะที่คนอื่นนั้หน้าซีดลุกเดินไปยังอุปกรณ์ประจำของตน

“แผนกใหม่เหรอคะหัวหน้า”

หัวหน้าสาวใหญ่ยิ้มเย็น ขณะเอ่ยตอบ “ก็คือไล่ออกให้ไปเดินหางานใหม่ไงจ๊ะ อยากไปอยู่เป็นคนแรกไหมล่ะ”

“ไม่...ไม่ล่ะคะหัวหน้า”

“งั้นก็รีบไปทำงานกันซะสิ มัวรออะไรอยู่”


เบญญาภาก้าวออกจากลิฟต์หน้าตาถมึงทึงจนวีรพัชรต้องลอบกลืนน้ำลายขณะลุกขึ้นมายืนต้อนรับตามที่กรวีร์สั่งไว้ล่วงหน้าว่าเบญญาภาต้องมาหาเขาแน่ หนุ่มแว่นพยายามทำใจดีสู้แมวป่า ส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจไปให้ แต่ในใจแอบคิดว่า ‘ตายแน่ เจ้านาย’

“สวัสดีครับคุณเบญ...ท่านประธานกำลังรออยู่พอดี”

“อ้อ...คิดว่าเบญต้องมาแน่ใช่ไหมคะ งั้นก็ขอบอกตรงนี้เลยว่าเบญไม่ทำ!” เธอส่งสายตาขุ่นขวางไปให้ กล่าวปฏิเสธอย่างชัดเจน วีรพัชรขยับแว่นอย่างลำบากใจ

“เชิญข้างในดีกว่าครับ เรื่องนี้คุณเบญต้องคุยกับท่านเอาเอง”

“คุยแน่ค่ะ” แล้วก็ผลักประตูเข้าไปยืนจังก้าอยู่กลางห้อง ดวงตกลมโตจ้องคนที่นั่งอ่านเอกสารอยู่อย่างเอาเรื่อง กรวีรืที่รับร็ได้ถึงจิตสังหารเงยหน้าขึ้นมามองอย่างสงสัย ก่อนจะยิ้มกว้างปิดแฟ้มในมือลงเอาสองมือประสานกันรองไว้ใต้คางมองมาทางเธอ

“สวัสดีค่ะน้องเบญ ทำไมมาไวจัง พี่คิดว่าน้องเบญต้องไปฟ้องนายวิชญืก่อนจะมานะนี่”

เบญญาภามองคนหน้าเป็นตาขวาง เดินเข้ามาหยุดตรงหน้าโต๊ะทำงานอีกฝ่ายแล้วโวยออกมาอย่างที่ใจคิด ยังไงวันนี้เธอก็จะไม่ยอมอีกต่อไป เป็นไงเป็นกัน!

“คุณกรวีร์ ทำไมคุณถึงทำอย่างนี้ ทำแบบนี้ใครๆเขาจะคิดยังไงกับดิฉันไม่ทราบ มาทำงานได้สองสัปดาห์ก็ได้เลื่อนขั้นมาเป็นผู้ช่วยเลขา เขาจะไม่คิดว่าดิฉันใช้ทางลัดหรืออย่างไร ตอนออกคำสั่งไม่ทราบว่ากำลังเมายาอยู่รึไงคะ” พูดรวดเดียวจบไม่เว้นวรรคทำให้ต้องมาหอบหายใจอยู่อย่างนี้ กรวีร์เอนตัวพิงเก้าอี้มองจ้องไปที่แก้มเนียนซึ่งบัดนี้แดงระเรื่อด้วยอารมณ์ของผู้พูดอย่างชอบใจ อยากจะจับมาฟัดแก้มเล่นจริงจัง

“เปล่าครับ ตอนนั้นพี่มีสติครบถ้วน อ่อ อาจจะมีแปลกนิดๆตรงที่คิดถึงแต่หน้าน้องเบญ”

“ดิฉันไม่ขำ.. กรุณาย้ายดิฉันไปทำงานเดิม ดิฉันอยากจะเริ่มตั้งแต่ศูนย์ไม่ใช่ร้อย นี่คุณแค้นเรื่องเมื่อวานมากนักหรือไง”

“อ๋อ...เรื่องที่น้องเบญกับเพื่อนรวมหัวกันแกล้งถลุงเงินพี่น่ะเหรอ...”เขาถามยิ้มๆแทงใจดำ ทำเอาคนมีชนักปักหลังหน้าเสียไปนิดหนึ่งที่โดนจับได้แล้วกลับมาเป็นปกติ กรวีร์เลยพูดต่อ “...พี่ไม่ถือหรอกครับ อันที่จริงจะให้จ่ายมากกว่านี้ก็ได้ เพื่อน้องเบญของพี่เป็นแสนเป็นล้านพี่ก็ยินดี”

“รู้แล้วค่ะว่ารวย แต่ไม่ต้องเอามาอวดกับดิฉัน ไม่ว่ายังไงคุณก็ต้องย้ายดิฉันกลับไปทำงานเดิม ไม่งั้นดิฉันจะฟ้องคุณป้า” หญิงสาวงัดไม้ตายออกมาใช้ มั่นใจว่าต้องได้ผลเพราะเขาคงจะกลัวมารดาเป็นแน่ แต่อีกฝ่ายไม่สนคำขู่บอกอย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่า

“พี่มีข้อเสนอนา” เขายิ้มเจ้าเล่ห์ อย่างที่เบญญาภาเห็นแล้วไม่ไว้วางใจรีบปฏิเสธ

“จะอะไรดิฉันก็มะ..”

“พี่จะช่วยให้อันย่ากับวิชญ์ลงเอยกัน ดีไหมเอ่ย”

หญิงสาวชะงักไปนิดหลังจากได้ยิน เธอรู้ว่ากรวีร์ไม่ได้โง่เมื่อวานพวกเธอคุยกันเรื่องของกรวิชญ์มากเกินไปเขาเลยจับสังเกตได้ คงคิดจะเอาเรื่องนี้มาบังคับเธอให้ทำตามสินะ เบญญาภาเม้มริมฝีปากน้อยๆเข้าหากัน ความคิดตีกันยุ่งเหยิงอยากให้เพื่อนมีความสุขรึก็อยาก เธอคงจะทำด้วยตัวคนเดียวไม่ได้แน่หากมีคนช่วยมันก็ดี แต่ต้องให้ตัวเองมาติดแหง็กกับผู้ชายหน้าทนอย่างกรวีร์ ก็เป็นการเสี่ยงต่อความตั้งใจและสวัสดิภาพของตน หากเมื่อเอาความคิดทั้งสองมาลองชั่งน้ำหนักดูแล้วก็...

“ตกลงก็ได้แต่...” เน้นคำหลังเสียงหนักเป็นการกำราบคนที่กำลังดีใจจนออกนอกหน้า “...ดิฉันมีข้อแม้ หากคุณไม่ทำตามก็ลาก่อน”

“ก็ได้ครับว่ามาเลย”หญิงสาวชะงักไป เนื่องจากเธอไม่ได้เตรียมตัวมาก่อนว่าเจอกับเรื่องแบบนี้ คงต้องหาทางเลี่ยงไปก่อน เบญญาภาเชิดหน้าบอก

“ดิฉันไม่ได้คิดมา ขอกลับไปร่างสัญญาก่อนแล้วจะเอามาให้เซ็น”

กรวีร์ลุกจากเก้าอี้ มือล้วงกระเป๋าเดินตรงมาหาเบญญาภาที่ถอยหลังออกไปติดผนัง ร่างสูงยกแขนทั้งสองข้างยันผนังไว้ ทำให้ร่างบางตกอยู่ในคอกมนุษย์ เขาโน้มตัวลงมาใกล้จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ

“งั้นเรามาแลกสัญญากัน พี่เองก็มีข้อแลกเปลี่ยนของพี่เหมือนกัน เอาเป็นว่าวันนี้พี่ให้ลางานไปนั่งคิดก่อน ส่วนพรุ่งนี้เราเอามาแลกกันอ่าน ตกลงนะครับ” แล้วเขาก็กดจมูกโด่งลงบนแก้มนุ่มอย่างที่ใจอยาก เบญญาภาตาโตผิวหน้าร้อนซู่ หันขวับมามองคนที่ฉวยโอกาสที่ยันตัวออกห่างแต่ยังคงยกสองแขนค้างกั้นเธอเอาไว้ ดวงตาวิบวับจับจ้องใบหน้าของเธออย่างหมายจะฝากรักอีกสักที หญิงสาวรีบยกมือบางขึ้นกุมแก้มข้างที่โดนเสือหิว(ผู้หญิง)ลวนลามอ้าปากด่าเสียงตะกุกตะกัก

“คะ...คนบ้า...คนลามก” จัดการผลักกรวีร์ให้พ้นทางด้วยความโมโหแล้วหันขวับจะออกจากห้องแต่...

“โอ๊ย!” เธอร้องลั่นเอามือกุมหน้าผากตรงที่ชนกับกำแพง ดวงตารื้นน้ำมองค้อนกำแพงและชายหนุ่มทั้งสองในห้องที่หัวเราะเยาะเธอ อันที่จริงมีแค่เจ้าของห้องคนเดียวเท่านั้นทีหัวเราะเสียงดังไม่เกรงใจ เพราะวีรพัชรนั้นแค่อมยิ้ม ใบหน้านวลแดงก่ำด้วยความอับอาย ก่อนจะเปิดประตูแล้ววิ่งออกไปจากห้อง ทิ้งให้กรวีร์มองตามไปอย่างขบขันแกมเอ็นดู หลังจากนั้นเขาก็ดึงแขนเข้าหาตัวแล้วร้อง ‘เยส’ ดังลั่น

วีรพัชรที่ยืนอยู่ในห้องด้วยแต่ทำตัวเองให้เหมือนอากาศธาตุขณะมองเจ้านายโอ้โลมว่าที่นายหญิง พอหญิงสาวจากไปแล้วเขาก็ย้ายตัวเองจากมุมห้องมายืนด้านหลังแล้วเอ่ยเตือนเจ้านายที่กำลังลั่นล้าเกินเหตุด้วยความหวังดี?

“ท่านประธานครับ ตอนจะเซ็นสัญญาก็ช่วยกรุณาอ่านให้ดีก่อนครับ ไม่งั้นคนที่ขาดทุนคือเจ้านาย” กรวีร์ที่กำลังอารมณ์ดีเดินผิวปากกลับไปนั่งที่โต๊ะ เปิดเอกสารไปยังหน้าที่อ่านค้างไว้ก่อนเบญญาภาจะเข้ามา ไม่ใส่ใจต่อคำเตือนนั้นหากแต่พอเงยขึ้นเห็นวีรพัชรยืนมองนิ่งจึงตอบรับคำเตือนของเลขาหนุ่มส่งๆ

“เออน่ะ นายไม่ต้องห่วงฉันจะจับน้องเบญเซ็นสัญญารักให้ได้”

“ส่วนตัวเจ้านายก็ระวังต้องเซ็นสัญญาทาส”

“วีรพัชร!”

เขาตะโกนชื่อของเลขาหนุ่มจอมขัดคออย่างขัดใจ มือหนาคว้าที่ทับกระดาษขึ้นมาถือไว้เตรียมจะขว้างใส่หน้านิ่งกวนอวัยวะเบื้องล่างนั้น แต่วีรพัชรที่อยู่กันมานานเพ่นออกจากห้องกลับไปทำงานด้วยความเร็วแสง กรวีร์กระแทกที่ทับกระดาษลงอย่างแรงหมายมาดในใจซักวันต้องหาทางเอาคืนไอ้แว่นหน้าตายนี่ให้ได้ คอยดู๊!!!!

ข้างฝ่ายเบญญาภาที่หลังจากออกมาแล้วก็ตรงไปยังรถของตนด้วยความเร็ว พอขึ้นไปนั่งได้ก็คว้าเอากระดาษทิชชู่ด้านหลังมาทั้งกล่อง จัดการดึงออกมาเช็ดแก้มข้างที่โดนปากของกรวีร์แตะอย่างแรงโดยไม่กลัวว่ามันจะช้ำหรือเป็นรอยใดๆทั้งสิ้น พร้อมทั้งสาปแช่งตัวการไปด้วย

“คนบ้า ทุเรศที่สุดกล้าเอาปากสกปรกๆมาแตะแก้มฉัน สาธุ...ขอให้สิวขึ้นกลางปากอ้าปากกินอะไรไม่ได้ ขอให้เป็นปากนกกระจอก ขอให้เป็นร้อนใน ขอให้...ขอให้...มีอะไรอีกเนี่ย!” ยกมือขึ้นท่วมหัว ก่อนจะกลับมานั่งเช็ดแก้มต่อ

“คอยดูนะ ฉันจะทำให้คุณพ่ายแพ้ยับเยิน ถึงขั้นต้องเอาปี๊บมาคลุมเลย ให้มันรู้ซะบ้างว่าอย่ามาแหย่เจ้าแม่เบญญาภา!”สาบานกับตัวเองด้วยสายตามุ่งมั่น มือเรียวโยนกล่องทิชชู่กลับไปด้านหลัง แล้วออกรถเพื่อกลับไปยังบ้านเพื่อใช้เวลาว่างที่ได้มาให้คุ้มกับการร่างสัญญาที่จะทำให้เจ้าชู้ตัวพ่อได้รับรู้ว่าโลกนี้ไม่ได้มีแต่เขาที่เท่านั้นที่เจ้าเล่ห์ เธอเองก็เจ้าเล่ห์ไม่แพ้กัน


วีรพัชรนั่งทำงานของตนตามปกติ จัดการเอกสารเรียงตามความสำคัญก่อนจะยกเข้าไปให้เจ้านายเจ้าอารมณ์เซ็น เขากวาดสายตาอ่านแฟ้มที่เพิ่งมาใหม่ เรียวคิ้วหนาขมวดเข้าหากันปิดแฟ้มฉับ ผุดลุกแล้วก้าวเข้าไปในห้องของเจ้านายอย่างรีบเร่ง

“ท่านประธานครับ...เรื่องใหญ่ครับ” ยื่นแฟ้มที่ถือมาไปให้ กรวีร์รับมาพร้อมกับมองใบหน้าเคร่งเครียดของเลขาหนุ่มอย่างงงๆ แต่พอสายตาคมกวาดไล่จนครบทุกตัวอักษร ร่างทั้งร่างก็สั่มเทิ้มก่อนที่เสียงกราดเกรี้ยวราวสายฟ้าจะฟาดเปรี้ยงไปทั้งห้อง

“เรียกกรณ์มาพบฉันเดี๋ยวนี้!”

ไม่นานหลังจากนั้น วีรพัชรก็เดินนำหน้ากรณ์มาที่ห้อง กรวีร์โยนแฟ้มลงบนโต๊ะดังโครม ดวงตาเอาเรื่องจับจ้องไปที่ใบหน้าซีดเผือดของกรณ์

“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน...กรณ์!”เขาแค่นเสียงถาม ชี้นิ้วมาที่แฟ้มนั้น “...ทำไมบริษัทไอ้ดนัยได้ที่ดินที่ควรจะเป็นของฉันไป”

กรณ์กลืนน้ำลาย นึกสวดภาวนาในใจให้ตนเองรอดไปจากกรงเล็บเสือคลั่งวันนี้ แล้วจะถวายไข่ต้มร้อยฟอง ก่อนจะตอบโดยไม่ยอมสบตาคู่ดุนั่น

“ผมประมาทเองครับท่าน ไม่คิดว่าทางโน้นจะกล้าให้ราคาสูงกว่า เพราะที่เราเสนอไปสูงมากอยู่แล้ว”

“ให้ตายชักสิ!” กรวีร์สบถ สองมือเท้าเอวมองออกไปนอกหน้าต่างเพื่อสงบสติอารมณ์ “งานนี้ไอ้ดนัยมันต้องปิดโรงแรมเลี้ยงแน่ๆที่ตัดหน้าฉันได้ คุณทำให้ผมผิดหวังจริงๆคราวนี้”

“ผมขอโทษอีกครั้งครับนาย” กรณ์ก้มหน้าสำนึกผิด กรวีร์หันกลับมาทิ้งตัวลงนั่ง

“เอาเถอะ...มันพลาดไปแล้วนี่ ใช่ว่าจะไม่มีที่อื่น เอาเป็นว่าผมจะให้คุณแก้ตัว คราวหน้าที่ดินที่เชียงใหม่เราต้องได้!” เขาสั่ง กรณ์เงยหน้ามองสบตาบอกเสียงหยักแน่น

“แน่นอนครับท่าน คราวหน้าท่านจะชนะแน่” ก่อนจะลุกขึ้นยืนบอกลากรวีร์แล้วเดินกลับออกไป สวนกับวีรพัชรที่เดินถือซองจดหมายบางอย่างมาด้วย หน้าตาบอกบุญไม่รับเท่าไหร่

“คราวนี้อะไรอีกล่ะ”

“ท่านประธานเปิดดูเองดีกว่าครับ...รับรองว่าไม่ใช่เรื่องดี”

กรวีร์รับมาดูพบว่ามันเปิดการ์ดเชิญบางอย่าง เมื่ออ่านจนครบทุกตัวอักษรแล้วเขาก็ถลึงตามองของในมือราวกับว่ามันเป็นระเบิดน้อยหน่าที่ถูกดึงสลักออกแล้ว มือหนาค่อยๆบีบมันเข้าหากันจนยับยู่ ปาออกไปเฉียดหน้าวีรพัชรที่เอียงหัวหลบนิ่มๆ ตะโกนลั่น

“โว้ย!! นี่มันหยามน้ำหน้ากันชัดๆ แกนะแก...ไอ้ดนัย!!!”

บนการ์ดที่ถูกขยำนั้นมีข้อความว่า ‘เชิญร่วมงานฉลองการชนะประมูลที่ดิน....ดนัย’

---------------------------------------------------------------------------------------
มาแล้วจ้าตอนนี้ พี่วีร์จัดเต็ม ถึงเนื้อถึงตัวกันเลยทีเดียว น้องเบญเลยต้องถอยร่นไปตั้ง

หลัก ตอนหน้านี่มาลุ้นกับสัญญาของแต่ละฝ่ายดีกว่าว่าใครจะซาบซ่ากว่ากัน แล้วตอน

หน้าก็เป็นการปรากฎตัวของวายร้ายหมายเลขหนึ่งแล้ว มาดูกันสิว่าพระเอกของเราจะ

แก้เกมอย่างไร เจอกันตอนหน้าค่ะ ตอนนี้ไปนั่งดูความเจ้าเล่ห์ของพี่วีร์ก่อนนะ จุ๊บ จุ๊บ

ติชมได้ค่ะ



ไอจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 พ.ค. 2555, 10:59:03 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 พ.ค. 2555, 10:59:03 น.

จำนวนการเข้าชม : 1698





<< ตอนที่ 11   ตอนที่ 13 >>
Setia 19 พ.ค. 2555, 16:06:23 น.
อะอ้าววว น้องเบญเสียทีโดนพี่วีร์ชิงหอมแก้มไปซะก่อนแล้ว


anOO 20 พ.ค. 2555, 19:17:19 น.
โชคดีทีน้องเบญโดนเอาคืนแค่เล็กน้อย
มารอดูสัญญาของทั้งฝ่าย ว่ามันจะโหด มันส์ ฮา แค่ไหน


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account