จับใจไว้ด้วยรัก
เรื่องราวของนักธุรกิจหนุ่มฉายา เจ้าชู้หลบใน กับหญิงสาวที่มีเป้าหมายอันยิ่งใหญ่ที่ไม่ใช่เรื่องแต่งงาน เรื่องราวความรักที่สุดแสนจะปั่นป่วนเริ่มขึ้นเมื่อฝ่ายหนึ่งตามตื้อ ส่วนอีกฝ่ายก็คอยวิ่งหนี เขาจะทำให้เธอหันมามองและเปลี่ยนเป้าหมายในชีวิตได้ไหม ติดตามได้ใน 'จับใจไว้ด้วยรัก'
Tags: หวาน,น่ารัก,โรแมนติก

ตอน: ตอนที่ 13

ตอนที่ 12

กรวีร์เดินออกจากลิฟต์ตรงไปยังห้องทำงานของตนอย่างสบายอารมณ์ นึกถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันนี้ก็ยิ่งรู้สึกสุขใจมากขึ้นไปอีก ชักอยากจะเห็นหน้าของเบญญาภายามที่อ่านข้อตกลงของฝ่ายเขาเร็วๆแล้วและก็อยากรู้ว่าเจ้าหล่อนจะคิดข้อตกลงแบบไหนขึ้นมาแลกเปลี่ยนกับเขากัน

ร่างสูงเดินผิวปากเป็นทำนองเพลงสากลที่ชื่นชอบ มือข้างหนึ่งล้วงกระเป๋ากางเกงสแล็คสีดำก่อนจะหยุดยืนที่หน้าโต๊ะทำงานของเลขาหนุ่มแว่นหน้าห้องทำงานของเขาซึ่งตอนนี้เจ้าของโต๊ะกำลังนั่งพิมพ์เอกสารบางอย่างหน้าเคร่ง ชายหนุ่มหยุดยืนเท้าแขนลงกับโต๊ะถามออกไปด้วยความกระตือรือร้น

“วีรพัชร น้องเบญของฉันมาหรือยัง” เลขาหนุ่มแว่นเงยหน้ามองเจ้านายของตนก่อนก้มลงทำงานต่อบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบหากแต่มีความกวนอวัยวะเบื้องล่างอยู่ในประโยคนั้น

“น้องเบญของเจ้านายน่ะมาหรือยังผมไม่ทราบ แต่ถ้าเป็นคุณเบญญาภาที่อดีตท่านประธานฝากมาทำงานล่ะก็นั่งรออยู่ในห้องนานแล้วครับ” กรวีร์แยกเขี้ยวใส่ลูกน้อง ค้อนตาคว่ำ บอกเสียงขุ่น

“ก็คนเดียวกันนั่นแหละโว้ย ไอ้แว่น! แกนี่กวน...ฉันแต่เช้า ตัดเงินเดือนเสียดีไหม”

“ถ้าจะให้ดีไล่ผมออกเลยก็ได้”

“ไม่!...เก็บแกไว้แล้วหางานยากๆให้ทำให้หัวหมุนสนุกกว่ากันเยอะ” เขาย้อนกวนๆ ก่อนจะถามเรื่องสำคัญ

“แล้วไอ้ที่ให้พิมพ์เสร็จยัง มัวแต่เม้าท์เป็นสาวๆ”

วีรพัชรมองตาขวางก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบเอกสารขนาดเอสี่ที่มีตัวอักษรเต็มพรืดทั้งหน้ามาจากเครื่องพิมพ์ ความร้อนน้อยบนกระดาษนั้นบ่งบอกได้ถึงความใหม่ของมัน หนุ่มแว่นยื่นส่งให้เจ้านายที่รับไปอ่านทวนเนื้อหาบนนั้นด้วยความชอบใจสังเกตได้จากรอยยิ้มสมใจถูกจุดขึ้นที่มุมปาก เขาโบกเอาสารไปมา

“ขอบใจมาก ถ้าสำเร็จเดี๋ยวมีโบนัสให้”

“ผมว่าเจ้านายเก็บเงินไว้เย็บแผลเถอะครับ ผมยังไม่ขัดสนอะไร” วีรพัชรกัดเจ้านายหนุ่มเจ็บๆ หนุ่มแว่นไม่สนใจสายตาอาฆาตของอีกฝ่าย เขายักไหล่บอกกับตัวเองว่าก็มันเป็นเรื่องจริง กรวีร์เริ่มรู้สึกคันไม้คันมืออยากทำร้ายร่างกายคนโดยเฉพาะเลขาหน้าตายของตน ติดที่ว่าเบญญาภากำลังรออยู่ร่างสูงเลยได้แต่ชี้นิ้วใส่หน้าอีกฝ่ายเป็นเชิงฝากไว้ก่อนแล้วผลุบเข้าห้องทำงานของตนไป

เลขาหนุ่มชะเง้อคอมอง คิ้วขมวดเข้าหาอย่างกำลังใช้ความคิด สมองกำลังชั่งน้ำหนักระหว่างเดินตามเข้าไปยืนรอเก็บซากเจ้านายดีหรือปล่อยไปตามยถากรรมดี สุดท้ายก็ตัดสินใจนั่งลงตามเดิม โดยให้เหตุผลกับตัวเองว่า

‘ก็แหม....คุณวีร์อยากหาเรื่องเจ็บตัวเองนี่นา’ ยิ่งพอนึกถึงเนื้อความในหนังสือสัญญาที่เพิ่งพิมพ์เสร็จเมื่อครู่แล้วก็ยิ่งให้สงสารเบญญาภา ไม่รู้ว่าหญิงสาวทำบุญ (หรือกรรม) มาด้วยอะไรถึงต้องมาติดบ่วงแร้วของพรานล่าสาวมือฉมังอย่างกรวีร์ สิทธิวัติ เจ้านายผู้มากด้วยเสน่ห์ของเขาอย่างนี้ เฮ้อ...


เบญญาภานั่งหน้าตูมรอเจ้าของห้องที่กำลังเดินมานั่งที่เก้าอี้ช้าๆราวกับจะถ่วงเวลาออกไปอีก และคงจะแกล้งเดินช้าๆต่อไปถ้าไม่ใช่ว่าเห็นเธอลุกขึ้นพร้อมหยิบกระเป๋าสะพายขึ้นมาพาดไหล่เตรียมตัวกลับ กรวีร์นั่งลงมองคนขี้โมโหยิ้ม เอ่ยทัก

“น้องเบญนี่ท่าจะขาดแคลเซียมนะครับ ดูสิหน้างอตลอดเวลา ระวังนะครับเขาว่ายิ่งทำหน้างอบ่อยๆ ไอ้ริ้วรอยมันจะขึ้นก่อนวัยอันควร”

เบญญาภาถลึงตาดุๆมองคนปากเสีย แต่ไม่พูดอะไร มือเรียวเลื่อนเอกสารสองแผ่นที่ถูกเย็บติดกันไปตรงหน้าเขาซึ่งเลิกคิ้วมองมันอย่างงงๆ

“อะไรครับ”

“หนังสือสัญญาการว่างจ้างของฉันพร้อมเงื่อนไขที่คุณต้องปฏิบัติตาม เชิญอ่านค่ะ”

“น้องเบญจะบอกว่าไอ้สองแผ่นนี่...” ใช้นิ้วชี้กับนิ้วโป้งหนีบเอากระดาษที่วางขึ้นมาชูให้เธอดูด้วยใบหน้าแหยง “...คือเงื่อนไขที่น้องเบญจะให้พี่ทำตามงั้นเหรอ”

“ค่ะ ทำไมคะ หรือว่ามันน้อยไป”

“เปล่าครับพี่แค่สงสัยว่าตกลงแล้วเรากำลังจะทำสัญญาซื้อขายกันหรือไง เงื่อนไขเยอะมาก” เขาประชดเข้าให้ ร่างสูงเอนตัวพิงเบาะเริ่มอ่านเอกสารในมือ ผ่านไปสองนาทีคิ้วหนาที่ยกขึ้นอย่าสบายๆเริ่มขมวดเข้าหากัน ริมฝีปากกระตุกกึกๆ สุดท้ายก็ร่อนเอกสารลงบนโต๊ะ สูดหายใจเข้าลึกระงับอารมณ์ คลี่ยิ้ม

“น้องเบญนี่ไม่ไว้ใจพี่เลยนะครับ เล่นดักคอพี่ไว้แบบนี้ พี่น้อยใจนะเนี่ย” เขาแสร้งตีหน้าเศร้า แต่คนอย่างเบญญาภาที่เจอลูกเล่นจากเสือผู้หญิงคนอื่นมาจนมีภูมิต้านทานแล้วนั้นหาได้สนใจ

“พฤติกรรมก่อนหน้านี้ของคุณไม่ได้ทำให้ดิฉันรู้สึกปลอดภัยเลยถ้าต้องอยู่ใกล้เจ้านายมือไวกว่าสมองอย่างคุณ เงื่อนไขพวกนั้นก็พอจะเป็นหลักประกันให้ดิฉันได้บ้างไม่มากก็น้อย มีอยู่ไม่กี่ข้อที่ดิฉันต้องขอย้ำว่าคุณต้องปฏิบัติตาม นอกนั้นก็ตามสะดวก”

เขาเลิกคิ้ว ก้มลงมองเอกสารอีกครั้ง เบญญาภารีบบอกข้อที่เธอคิดว่ามันจะทำให้เธอรอดจากปากเหยี่ยวอย่างเขาได้ทันที “ข้อหนึ่ง...คุณต้องทำตามที่บอก ต้องช่วยฉันทำให้วิชญ์กับอันย่ารักกันให้ได้”

“อันนี้พี่ก็ได้ประโยชน์ เพราะฉะนั้นไม่ต้องห่วงครับ ข้อไหนอีกเอ่ย”

“ข้อที่สอง...ห้ามเข้าใกล้ดิฉันเกินสามเมตร หรือระยะเอื้อมแขนถึง ข้อที่สาม...ห้ามถูกเนื้อต้องตัวเด็ดขาด ย้ำ!..”หญิงสาวลงเสียงหนัก “...ห้ามเด็ดขาด ข้อที่สี่...ที่ทำงานของฉันต้องอยู่ข้างนอกห้องนี้ ข้างๆคุณวีรพัชร เพราะฉันมาเป็นผู้ช่วยเขา แล้วก็กรุณาสั่งงานผ่านคุณวีรพัชรค่ะ หรือไม่ก็หากจะสั่งฉันโดยตรงก็สั่งผ่านโทรศัพท์เท่านั้น”

นาทีนี้กรวีร์คิดอะไรไม่ออกแล้ว หัวสมองเขาขาวโพลนตั้งแต่ได้ยินข้อที่สอง แม้จะอ่านมาแล้วก็ตามแต่เขาไม่นึกว่าข้อเน้นย้ำที่หญิงสาวต้องการจะเป็นข้อพวกนี้ สั่งงานผ่านโทรศัพท์ให้ตายเถอะ! ยายน้องหนูนี่...จะมากไปแล้วนะ ชายหนุ่มกำลังจะอ้าปากแย้งแต่ก็โดนอีกฝ่ายยกมือห้ามเอาไว้ก่อน พร้อมกับเสียงหวานบอกมาว่า “...อย่าเพิ่งขัดค่ะ ยังไม่หมด”

“เชิญต่อครับ” แล้วเขาจะทำอะไรได้นอกจากอดทนฟังให้มันจบๆ เบญญายิ้มกว้าง

“ข้อสุดท้าย...ไม่มีการทำโอทีแล้วก็ห้ามเลิกงานเกินหกโมงเย็นค่ะ”

กรวีร์ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เดินมายืนข้างๆเก้าอี้ของหญิงสาวที่พยายามจะเขยิบไปให้ติดกับที่เท้าแขนอีกด้านด้วยไม่ใจเขา แต่ชายหนุ่มแค่ยืนกอดอกเฉยๆ

“เอาล่ะครับ ทีนี้ตาพี่บ้างล่ะนะ...ก่อนอื่นเลย งานผู้ช่วยเลขาที่น้องเบญต้องทำเนี่ย คือการช่วยเหลืองานจุกจิกของพี่แทนวีรพัชรที่ต้องทุ่มเวลาให้กับงานหลัก ก็อย่างเช่นเรื่องตอบรับงานเลี้ยงต่างๆ งานการกุศล ส่งดอกไม้เยี่ยม ดอกไม้งานศพ ไม่ก็แปลและพิมพ์เอกสาร แค่นี้ล่ะครับ พอจะทำได้ไหม” เขาพูดเป็นการเป็นงานผิดไปจากปกติจนหญิงสาวคิดว่าหากตัดเรื่องความเจ้าชู้และกระล่อนออกไป กรวีร์ก็ถือว่าเป็นผู้ชายที่ได้เรื่อง ขยันทำงานเป็นหลักพึ่งพิงให้ครอบครัวได้เหมือนกัน

เธอรู้ดีเลยว่าแม้กรวิชญ์จะเที่ยวเอาเรื่องความเจ้าชู้ของพี่ชายมาบ่นให้เธอฟัง แต่ลึกๆแล้วเขาก็ชื่มชมกรวีร์อยู่มาก ไม่ใช่เรื่องการสับรางขั้นเทพแต่เป็นเรื่องการบริหารงานโรงแรมที่ทำต่อจากมารดาและขยายธุรกิจออกไปยังต่างจังหวัดมากมาย สังเกตได้จากแววที่ทอประกายชื่นชม เคารพยกย่องยามที่เล่าว่าเดือนนี้พี่ไปเปิดโรงแรมที่ไหนบ้างควบคู่ไปกับว่าเดือนนี้พี่ควงสาวมากี่คน และนั่นก็เป็นเหตุผลที่กรวิชญ์เลือกเรียนต่อคณะบริหารธุรกิจในระดับมหาวิทยาลัยเพื่อมาช่วยงานพี่ชาย ชมจนบางครั้งเธอเบื่อที่จะฟังเลยถามไปว่าทำไมไม่ชมกรวีร์ไปตรงๆเลย เพื่อนรักก็ตอบกลับมาทันใจ

‘ไม่ได้หรอก เดี๋ยวเหลิง’ ช่างเป็นพี่น้องที่ท่ามากพอกัน คนตรงหน้าเธอนี่ก็อีกคน ห่วงน้องก็ห่วงแต่ก็ยังไม่วายต้องทำอะไรให้มันยุ่งยาก

ความจริงเรื่องของอนัญญากับกรวิชญ์หากเขาวางแผนให้ทั้งสองคนรักกันเองด้วยตัวคนเดียวทำไมเขาจะทำไม่ได้ กุนซือเขาก็มีตั้งมากทั้งวีรพัชรและคนสนิทอีกสองคนที่เธอเห็นว่ามักจะโผล่แวบมาแล้วหายไปตามแต่ชายหนุ่มจะเรียกใช้นั่นก็ด้วย แต่นี่คงอยากจะเอาคืนเรื่องค่าอาหารนั่นก็เลยต้องเอามาเป็นเงื่อนไข รู้อยู่แล้วว่าเธอต้องรับ คนอะไรเจ้าเล่ห์ได้ถ้วย! หญิงสาวถอนหายใจน้อยๆก่อนจะเชิดหน้ารับคำ

“แน่นอนค่ะ ดิฉันทำได้”

“น้องเบญพูดเองนะครับว่าทำได้ อย่าเปลี่ยนใจซะล่ะ” ชายหนุ่มยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งมาให้ซะจนเธออยากจะเปลี่ยนใจ แต่ก็เสถามเรื่องสัญญาของเขา

“รีบๆว่าสัญญาของคุณมาซะที จะได้เริ่มงาน”

กรวีร์ยิ้มกริ่ม เดินผิวปากกลับไปที่โต๊ะ เอื้อมไปเปิดลิ้นชักชั้นใส่ของด้านล่างของโต๊ะทำล่างออกแล้วหยิบกระดาษเอสี่แบบเดียวกับเธอออกมาจะต่างก็ตรงที่
จำนวนแผ่นของมันซึ่งมีเพียงแผ่นเดียวส่งมาให้

เบญญาภาเอื้อมไปหยิบแต่ชายหนุ่มเล่นแง่ดึงกลับหมายจะให้เธอขยับเข้าไปใกล้ หญิงสาวเลยนั่งนิ่งหันหน้าหนีไม่ยอมมองเอาความเงียบเข้าข่ม สุดท้ายกรวีร์เลยแกล้งถอนหายใจวางกระดาษให้ตรงหน้าโดยดี มือเรียวรีบคว้าเอามาอ่านรายละเอียดอย่างรวดเร็วเพราะกลัวเขามีลูกเล่นอื่นอีก ร่างบางก้มลงกวาดสายตาอ่านเนื้อหาเรื่องการว่าจ้าง

‘อืม...เนื้อหาส่วนใหญ่ก็เหมือนกับของเราแฮะ แล้วเงื่อนไขของเขาล่ะ’ หญิงสาวเลื่อนสายตาลงมาที่ย่อหน้าที่สองซึ่งบอกถึงเงื่อนไขที่เธอต้องทำเอาไว้ ตัวเลขที่เรียงกันลงไปบอกจำนวนข้อนั้นก็มีเพียงแค่สามแต่ที่ทำให้เธอต้องถลึงตามองเขาก็คือตัวเงื่อนไขเองต่างหาก!

“นี่มันอะไรกันคะคุณกรวีร์!?”

“ก็เงื่อนไขของทางพี่ไงคะน้องเบญ มีแค่สามข้อเองนะ น้อยกว่าน้องเบญต้องเยอะ” เขาหน้าซื่อเสียงใส แบมือออกทั้งสองข้างยกขึ้นระดับไหล่เป็นเชิงบอกว่ามันเป็นอะไรที่ธรรมดามาก

“ดิฉันไม่ได้มีปัญหากับจำนวนข้อหรอกค่ะ แต่ไอ้ตัวเงื่อนไขต่างหากที่เป็นปัญหา”

“หือ?...” เขาทำเสียงสูง เลิกคิ้วหนา “...ตรงไหนครับ พี่ว่าพี่คิดเอาแบบไม่ให้พี่ขาดทุน เอ๊ย น้องเบญเสียหายแล้วนะครับ”

“ทุกข้อเลยค่ะ”

“ไม่เห็นจะมีอะไรมากเลยครับ ข้อหนึ่ง น้องเบญต้องออกงานกับพี่ทุกงานที่มี สอง น้องเบญต้องคอยช่วยกันท่าสาวๆทั้งหลาย ทั้งในงาน นอกงานให้พี่ ข้อสาม ไปทำงานกับพี่ทุกที่ ดูงานที่ต่างจังหวัดหรือไปต่างประเทศ อ้อ...ขอคืนก่อนครับ” เขาแบมือขอเอกสารจากเบญญาภาที่กำลังงงๆ ชายหนุ่มขีดเขียนอะไรอีกนิดหน่อยก่อนจะส่งกลับคืนให้เธอ บอกยิ้มๆ

“ข้อที่สี่...เวลาพี่อยากจะช้อปปิ้ง ไปฟิตเนส ตีกอล์ฟหรือไปเที่ยวที่ไหนน้องเบญก็ต้องไปกับพี่ทุกครั้ง”

“จะบ้าเหรอ...เกิดคุณอยากจะไปนู่นมานี่ทุกวันฉันก็ต้องไปด้วยทุกวันงั้นเหรอ”

“เข้าใจอะไรง่ายแบบนี้นี่น่ารักจริงจังนะเนี่ยคุณว่าที่แฟน เกือบลืม รวมวันเสาร์อาทิตย์ด้วยนะครับ”

“แล้วอย่างนี้วันหยุดฉันอยู่ตรงไหนไม่ทราบ ดิฉันเป็นมนุษย์นะคะไม่ใช่หุ่นเหล็กที่จะได้ไม่ต้องการวันพักผ่อน” หญิงสาวเถียงหน้าง้ำ คนบ้าที่อื่นเขายังมีวันหยุดให้นี่อะไรให้ทำงานตลอดเจ็ดวันจะได้ก่อนปะไร กรวีร์หัวเราะเบากับใบหน้าน่าเอ็นดูนั่น ก่อนจะรีบแก้

“มีวันหยุดสิครับ พี่ไม่ใจร้ายอย่างนั้นหรอก ในหนึ่งสัปดาห์มีวันหยุดให้หนึ่งวัน แล้วแต่น้องเบญครับว่าจะหยุดวันไหน เงินเดือนของน้องเบญก็มากกว่าเดิมแต่น้อยกว่าวีรพัชร น้องเบญคงจะไม่ว่ากันเพราะรายนั้นทำงานมานาน ประสบการณ์ก็มาก...” กรวีร์บอกสวัสดิการที่หญิงสาวจะได้หากรับตำแหน่งนี้ตามความเป็นจริงไม่ได้เอาใจแต่ประการใด เขามีคติที่ว่าคนที่ทำงานกับเขาจะต้องได้ในสิ่งที่ดีที่สุด แต่ก็ต้องทำงานให้เขาอย่างดีด้วยเช่นกันเป็นการตอบแทน

“...แต่จะมีพิเศษให้น้องเบญสำหรับเป็นค่าแต่งตัวเวลาที่ต้องออกงานกับพี่ เรื่องค่าตั๋วโดยสารไม่ว่าจะเป็นเครื่องบิน รถไฟ รถทัวร์ เรือเวลาต้องไปทำงานที่ต่างประเทศหรือต่างจังหวัดพี่ออกให้ ว่าไงครับโอเคไหม ถ้ายังไม่พอใจเดี๋ยวพี่เพิ่มให้ก็ได้นะ”

“ไม่ต้องหรอกค่ะ แค่นี้ก็มากแล้ว ดิฉันตกลงก็ได้แต่ข้อเพิ่มเงื่อนไขอีกข้อ” ว่าแล้วก็หยิบเอกสารของตนตรงหน้าเขามาคว้าปากกาใกล้ๆกันเติมความต้องการลงไปอีกข้อแล้วส่งกลับไปให้ กรวีร์หยิบมาดูแล้วก็กระตุกยิ้มชอบใจ ‘แหม...ปลอดภัยไว้ก่อนจริงๆนะ...น้องเบญของพี่วีร์’

“อืม...เวลาไปต่างประเทศหรือไปต่างจังหวัดให้พักคนละโรงแรมงั้นเหรอ แบบนี้ค่าใช้จ่ายพี่ก็เยอะขึ้นนา...” เอามือหนาลูบคางอย่างใช้ความคิด เบญญาภารีบบอก

“เรื่องค่าห้องพักเดี๋ยวดิฉันออกเองก็ได้ค่ะ คุณแค่ออกค่าตั๋วก็มากพอแล้ว”
“แต่หากพี่มีธุระเร่งด่วนจะคุยด้วยล่ะ ก็ต้องต่อรถไปอีกลำบากจะตาย บางทีต้องอยู่ดึกดื่น กว่าจะกลับที่พักพี่ได้ก็หมดแรง หากวันไหนพี่เกิดซวยโดนโจรดักปล้นขึ้นมาล่ะครับ ดีไม่ดีอาจจะถึงตาย แบบนั้นน้องเบญจะหาทายาทที่ไหนมาให้แม่พี่สืบสกุลล่ะ ”เขาแกล้งทำท่าลำบากใจ ทั้งทีปกติเวลาไปต่างประเทศทีไรเขาก็วิ่งรอกระหว่างโรงแรมที่พักกับคอนโดของสาวๆที่โน่นเป็นประจำอยู่แล้ว

เรื่องเรี่ยวแรงหายห่วงได้เลย เขาฟิตปั๋งอยู่ตลอดเวลา แต่เรื่องอะไรจะบอกไปให้เสียเรตติ้งล่ะ อีกอย่างมีเนื้อกวางสาวรุ่นหวานๆอย่างเบญญาภามาเดินไปมาให้เห็นคาตาอย่างนั้นขืนปล่อยให้หลุดปากไปก็เสียเหลี่ยมแย่ อย่างน้อยเอาแค่ได้อยู่ใกล้กว่านี้อีกหน่อยก็ได้ ขืนบอกว่าให้อยู่ห้องเดียวกันเลยเหยื่อจะได้ตื่นปะไร

เบญญาภาเม้มปากแน่น คิ้วเรียวที่ผ่านการตัดแต่งมาอย่างดีขมวดเข้าหากัน ร่างบางกำลังใช้ความคิดอย่างหนัก หากว่าอยู่คนละโรงแรมเธอจะสบายใจกว่ามาก แต่พอคิดถึงที่เขาพูดมันก็จริงต่อให้โรงแรมอยู่ใกล้กันแค่ไหนแต่ก็ไม่ได้ห่างกันขนาดเดินข้ามถนนไปได้ทุกที่ หากต้องเดินกลับกลางคืนจริงๆก็อันตรายอยู่ไม่น้อย แต่จะให้อยู่โรงแรมเดี๋ยวเธอก็ห่วงสวัสดิภาพของตัวเองอยู่ไม่น้อย เอาไงดี...

สุดท้ายก็ตัดสินใจได้ หญิงสาวมองหน้าคนเจ้าเล่ห์ที่ตอนนี้นั่งนิ่งรอคำตอบจากเธอ ก่อนจะถอนหายใจบอกอย่างทำใจ

“เอาเป็นว่าพักรีงแรมเดียวกัน แต่คนละชั้น แบบนี้คงไม่ต้องเดินไกล ไม่ต้องกลัวใครดักปล้นดีไหมคะ พบกันครึ่งทาง”

เขาเอามือมาประสานกันเหนือริมฝีปากหนาปิดบังรอยยิ้มสมใจ แล้วบอกออกไปด้วยน้ำเสียงที่พยายามบังคับไม่ให้มันร่าเริงนัก “วินวินทั้งคู่ ตกลงตามนั้นครับ” มือหนาจรดปากกาเซ็นชื่อลงไปอย่างรวดเร็ว ส่งต่อให้เธอตรวจสอบความเรียบร้อย เบญญาภามองลายเซ็นของเขาก่อนจะหยิบปากกาขึ้นมาเซ็นชื่อของตนลงไปบนเอกสารของเขาบ้าง คืนกลับไปให้เช่นเดียวกัน

กรวีร์รับเอกสารไปแล้วโยนลงในลิ้นชักอย่างไม่ใส่ใจแม้แต่จะเหลือบดูว่าเธอเซ็นจริงหรือเปล่า ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเดินตรงมาหาเธอ มือหนาถูกยื่นออกมาข้างหน้าพร้อมรอยยิ้มเพื่อเช็กแฮนด์ เบญญาภามองอย่างชั่งใจก่อนจะยื่นมือของตนออกไปสัมผัสตามมารยาทก่อนจะดึงกลับอย่างรวดเร็วแต่ก็ช้ากว่าพ่อเสือปืนไวที่กุมฉับ ยกมือนุ่มของเธอขึ้นจรดริมฝีปากลงไปไม่สนใจอาการขนลุกขนชันจากเจ้าของมือแม้แต่น้อย

หญิงสาวอ้าปากพะงาบๆ แก้มแดงระเรื่อด้วยความอายและขนลุกผสมกัน เธอพยายามสะบัดมือให้หลุดอยู่สองสามครั้งก็สำเร็จแล้วสะบัดมือเข้าให้ที่ใบหน้าของเขาอย่างเร็วจนร้องโหยหวนจนวีรพัชรต้องรีบเปิดประตูเข้ามาหน้าตื่นเพราะได้ยินเสียงร้องราวกับควายถูกเชือดของเจ้านาย ร้องถาม

“เกิดอะไรขึ้นครับ”

“วีรพัชรช่วยฉันด้วย...” วิ่งรี่เข้าไปหาอีกฝ่าย “...น้องเบญจะฆ่าฉันแล้ว” เขาฟ้องเลขาหนุ่มเสียงสั่น

เบญญาภาย่างสามขุมเข้าไปใกล้เจ้านายและลูกน้อง วีรพัชรยืนตัวแข็งกลัวตัวเองจะโดนลูกหลงจากเจ้านายที่สรรหาแต่เรื่อง ร่างบางยกเท้าที่สวมรองเท้าส้นเข็มขึ้นแล้วจัดการจิกลงไปบนเท้าของกรวีร์ช้าๆหนักๆ บอกเขาด้วยรอยยิ้มหวานปานน้ำผึ้ง

“ยินดีที่ได้ร่วมงานกันนะคะ ท่านประธาน” ก่อนจะหันไปหาวีรพัชร บอกเสียงใสไม่สนใจเจ้าของห้องที่เอามือกุมเท้ากระโดดไปมา “สวัสดีค่ะพี่วีรพัชร ขอเรียกพี่นะคะ เหมาะสมจะให้เรียกกว่าใครบางคนเป็นไหน เราจะเริ่มงานกันรึยังคะ เบญอยากทำงานแล้ว”

“เอ่อ...คือ” หนุ่มแว่นพูดได้แต่อ้ำอึ้ง ไม่รู้จะตอบว่าอะไรดีเพราะคนที่จะออกคำสั่งตัวจริงยังคงไม่อยู่นิ่ง สุดท้ายเป็นหญิงสาวตรงหน้าเขาที่ทนไม่ได้เอ่ยตัดบทแทน

“ถ้ายังไงเบญออกไปรอข้างนอกนะคะ ไม่อยากจะใช้อากาศหายใจร่วมกับคนที่ไม่เคยคิดอะไรสูงไปกว่าเรื่องใต้สะดือ ปรึกษากันเสร็จแล้วก็เรียกนะคะ นั่งรออยู่ที่โซฟา” แล้วก็เดินออกไป วีรพัชรมองตามก่อนจะหันกลับมามองเจ้านายที่เลิกกระโดดไปมาแล้วมายืนหัวเราะอย่างบ้าคลั่งแทน เลิกคิ้วขึ้นน้อยๆ อย่างสงสัย นี่เจ้านายเขาประสาทกลับไปแล้วหรือไง?

“เดี๋ยวนายเอาเอกสารเรื่องการดำเนินงานสร้างโรงแรมที่หัวหินไปให้น้องเบญพิมพ์นะ แล้วก็ให้ตรวจบัญชีย้อนหลังสองปีให้ด้วย วันนี้แค่นั้นพอ” กรวีร์หยุดหัวเราะ หันมาสั่งงานเลขาหนุ่ม วีรพัชรค้อมศีรษะรับ เตรียมจะเดินออกไปทำตามที่สั่ง แต่ก็หันกลับมาถามบางอย่าง

“แล้วเรื่องงานเลี้ยงเย็นนี้ล่ะครับ ท่านจะไปไหม” กรวีร์นิ่วหน้านึกไม่ออกว่างานเลี้ยงอะไร ก่อนจะร้องอ้อในเวลาต่อมา ใบหน้าคมคายนั้นเริ่มหงิกขณะตอบเสียงห้วน

“ไม่ไปโว้ย! ไปให้มันเยาะเย้ยเรอะ เอ๊ะ!...แต่เดี๋ยวก่อนนะ ตอนนี้มันคั่วอยู่กับใคร”
วีรพัชรดันแว่นเล็กน้อย “คุณจีน่าครับ”

“อะฮ้า...”ชายหนุ่มยิ้มย่อง ก่อนจะเปลี่ยนใจ “...งั้นฉันไป มันกะจะเย้ยฉันเรื่องที่ดิน เดี๋ยวฉันจะทำให้มันคลั่งตายไปเลย”

“สรุปว่าไปนะครับ ผมจะได้บันทึกเอาไว้ งานเริ่มหนึ่งทุ่มตรง ที่โรงแรมของนายดนัย เจ้านายจะขับรถเองหรือว่าให้ใครขับครับ” เขาถามต่อเพราะปกติหากไม่มีใครไปด้วยเจ้านายมักจะขี้เกียจขับรถเอง ครั้งนี้ก็คงจะเหมือนกัน กรวีร์ชะงักมือที่กำลังเซ็นเอกสาร ริมฝีปากหยักได้รูปคลี่ออก เขาลุกจากที่นั่งเดินฉับๆออกไปด้านนอกโดยมีเลขาหนุ่มวิ่งตามไปอย่างงงๆ

กรวีร์เดินมาหยุดยืนด้านหน้าของผู้ช่วยเลขาสาวคนใหม่แกะกล่องที่ตอนนี้กำลังนั่งอ่านนิตยสารฆ่าเวลารอให้วีรพัชรมาสอนงาน เบญญาภาเงยหน้ามองคนที่มายืนค้ำหัวเธออย่างสงสัยในรอยยิ้มของเขา แต่ก็เลือกที่จะมองเงียบๆ

“น้องเบญคะ...เย็นนี้น้องเบญต้องไปงานเลี้ยงกับพี่ เดี๋ยวพี่ไปรับที่บ้านตอนหกโมงตรงนะคะ สำหรับวันนี้น้องเบญเลิกงานได้สี่โมง แต่งตัวสวยๆนะคนดี” เขาบอกก่อนจะเดินกลับเข้าห้องไปพร้อมล็อกประตูเรียบร้อยกันคนที่กำลังนั่งอึ้งเข้าไปเล่นงานหลังจากคืนสติ วีรพัชรมองอาการตาค้างของผู้ช่วยคนใหม่ของตนกับท่าทางดีใจของเจ้านายอย่างปลงตก เห็นทีคงต้องรีบลาออกเสียล่ะมั้งนี่ เฮ้อ!

-------------------------------------------------------------------------------------
มาแล้วค่ะ ร้อนๆออกจากเตา มาพร้อมกับความงงของไรเตอร์ แต่งแบบงงๆ แต่

คนอ่านอย่างอ่านกันแบบงงๆนะจ๊ะ สำหรับตอนนี้มีแต่ความเจ้าเล่ห์ของตาพี่วีร์

แล้งก็อาการมือไวใจเร็วของพ่อเจ้าประคุณ แต่น้องเบญก็เล่นงานกลับไปแบบ

เจ็บๆคันๆ สำหรับยกนี้ถือว่าชนะทั้งคู่แล้วก็แพ้ทั้งคู่แล้วกันเนอะ

ตอนหน้ามาพบกับความปาก...หมานของพี่วีร์กันแบบจังๆดีกว่า เจอกันตอนหน้า

ค่ะ ติชมได้จ้า บาย



ไอจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 พ.ค. 2555, 15:46:18 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 พ.ค. 2555, 15:46:18 น.

จำนวนการเข้าชม : 1787





<< ตอนที่ 12   ตอนที่ 14 >>
anOO 29 พ.ค. 2555, 19:32:58 น.
พี่วีร์ ยังคงร้ายอย่างต่อเนื่อง
ที่โดนๆ ไป ไม่มีเข็ดเลยนะ


ปอปลาตากลม 29 พ.ค. 2555, 20:48:02 น.
^^


Pat 30 พ.ค. 2555, 19:13:43 น.
555 ถึงกับลงนามทำสัญญาเลยหรือ น้องเบญจะทันเล่่ห์พี่วีร์ไหมนี่


Setia 31 พ.ค. 2555, 21:27:09 น.
นิสัยไม่ดีอ่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account