นิราศรักกรุงสยาม
ศักดิ์ศรีมีไว้ให้คนสรรเสริญมิใช่ทำลาย ความรักมีไว้เพื่อให้ได้รักในกันและกัน ปัญหาเดียวของความรักคือความไม่เข้าใจ

Tags: สู้ ไม่ยอม แพ้

ตอน: ใช้พระเดช

ความเงียบของหญิงสาว ทำให้ไกรคิดเอาเองว่าช้องนางคิดถึงชายอื่น เขาอยากรัดร่างหล่อนเข้ามาไว้ในวงแขนแล้วเป็นเจ้าของหล่อนเสียให้สมใจ แต่ เขาจะขืนใจคนที่ไม่รักเขาได้อย่างไรกัน
คิดแล้วคุณหลวงคนดีจึงได้แต่เปลี่ยนเรื่องพูดให้บรรยากาศในห้องดีมากขึ้น
“คุณแม่เรียกไปพูดคุยกระไรอีกหรือไม่แม่ช้อง” เขาถามบังคับเสียงมิให้สั่นด้วยหวั่นไหว
“ท่านถามอิฉันเรียนจบกระไร อิฉันเรียนไปว่าไม่ทันจบคุณพ่อก็ให้ออกมาเสียก่อน”
“จากนี้ฉันจะถามอีกคำถามเดียว ขอให้แม่ช้องตอบตามความจริง”
ช้องนางช้อนตาคู่สวยซึ่งหล่อรื้นด้วยหยาดน้ำตา หลวงไกรมองด้วยดวงใจแทบขาด อยากเปลี่ยนเป็นจูบซับให้อีกฝ่ายหายเศร้ายิ่งนัก แต่แรงทิฐิมีมาก ทำให้เขาไม่อยากได้หญิงที่มีใจให้ชายอื่น เพราะรักเขาจึงต้องเสียสละ
“หล่อนไปรู้จักชอบพอกับคนที่หล่อนบอกว่ารักเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ แม่ช้อง”
ช้องนางกัดริมฝีปากล่าง บังคับตัวเองไม่ให้ร้องไห้ออกมามากกว่านี้ด้วยความอดสูใจ ผู้ชายสองคนเหมือนกันราวกับถอด คนหนึ่งชื่อไกร อีกคนเจอที่งานกฐินชื่ออะไรไม่รู้จัก แม้รู้จักชื่อจะให้เธอบอก ออกไปไปกระไรได้ คิดแล้วพานโกรธเจ้าบ่าว ซึ่ง ใคร ๆ พูดกรอกหูว่าหลวงไกรรักและเอ็นดูหล่อนอย่างเหลือเกิน หากคงมีเพียงผิวที่รู้ว่าแต่งงานแล้วเขากลับขอแยกเตียงนอน
แต่คนจัดห้องต้องรู้ว่าเตียงในห้องหอมีสองเตียง และบัดนี้บ่าวไพร่เรือนเจ้าคุณคงเก็บงำไปนินทาไม่ใช่น้อยแล้วกระมัง แต่ละคนจึงได้มีท่าทีกระด้างกระเดื่องต่อช้องนางไม่น้อย
รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั่น ผู้ชายเขารังเกียจจนถึงขนาดหวาดระแวงไปว่าเธอมีชายอื่นอีกคน แล้วมาคาดคั้นให้เธอตอบ แล้วเธอจะตอบได้อย่างไร ในเมื่อเธออดคิดไม่ได้ว่าชายคนนั้นอาจจะเป็นหลวงไกรจอมดุคนนี้ก็เป็นได้
หากตอบไปอย่างนี้ หลวงไกรคงตราหน้าว่าเธออยากร่วมเตียงนอนกับเขา จนไม่มีความละอายใจ คิดแล้วช้องนางจึงได้แต่เงียบงัน อดสูใจ ไม่อาจเอ่ยปากได้
“ถ้าคำพูดของฉันทำให้แม่ช้องต้องทุกข์ใจเพราะคิดถึงผู้ชายที่แม่ช้องรักมาก ฉันต้องขอโทษด้วย” เขากล่าวจบก็หันหลังให้ ไม่เห็นว่าช้องนางกรีดน้ำตาที่รินไหล
“ฉันจะหาทางออกที่ดีสำหรับแม่ช้องกับคู่รัก แต่ขณะนี้แม่ช้องต้องเห็นใจฉันบ้าง ฉันเป็นข้าราชการคงไม่งามหนักที่แต่งงานหม้อข้าวไม่ทันดำเมียก็เป็นของคนอื่น”
ช้องนางเจ็บจนไม่อาจกลืนน้ำตาได้อีก เธอจึงปล่อยให้มันรินไหลออกมาไม่ขาดสาย
หญิงสาวร่างอรชรใจสั่นพลิ้ว หากเธอยังขืนใจตนเองฟังคำของฝ่ายชาย ที่เตรียมการไว้ล่วงหน้าว่า หากเวลาผ่านไปได้พอควร เขาจะส่งเธอกลับบ้าน
กลับไปให้คนที่เธอรัก คนคนนั้นคือใคร ถ้าไม่ใช่คนนี้!
ข้ารักหลวงไกรหรอกหรือ ข้ารักเขาได้อย่างไรกัน เขาออกจงชังข้าได้ขนาดนี้ข้ามีหน้ารักเขาได้หรือ!
“ไม่ต้องร้องไห้ไปหรอกแม่ช้อง”หลวงไกรปลอบ
เอื้อมมือจะแตะบ่า ช้องนางถอยกายออกห่าง ชายหนุ่มจึงได้แต่รู้สึกร้อนในใจเหมือนไฟกองใหญ่เข้าไปสุมอยู่ตลอดเวลา
ความเงียบจึงเป็นใหญ่เหนือหนุ่มสาวทั้งสองคน หลวงไกรหาเรื่องออกจากห้องไม่ได้ ช้องนางเอง ไม่ทราบจะไปที่ใดดี
กระทั่ง บ่ายโมงกว่า
ผิวยังนั่งรออยู่หน้าห้องหอ พับเดินย้ายเอวผ่านหน้าอย่างจงใจค้ำหัวอีกฝ่าย ผิวรีบดึงตัวเองนั่งหลังตรงไม่ให้อีกฝ่ายข้ามหัวได้ จากนั้นจึงเงยถามอีกฝ่าย ซึ่งยังยืนคอแข็งวางท่ามากทีเดียว
“มาด้วยธุระอันใดอีกรึแม่คุณ”
“เรื่องของนายขี้ข้าไม่เกี่ยว”พับชายตาตอบผิว ผู้ซึ่งตัวเองเห็นว่ามีฐานะต่ำกว่า เพราะถือว่าตนเองเป็นคนสนิทคุณหญิง
ผิวอดปากไม่อยู่จึงได้ตอกกลับไปความแข็งกระด้างไม่เป็นมิตรของอีกฝ่าย
“อุแหม่ มึงก็ขี้ข้า กูก็ขี้ข้ายังมาทำหัวสูง หรือมึงนี้เห็นกูเป็นขี้ข้าสะใภ้ส่วนตัวเองเป็นขี้ข้าคุณหญิง”
พับเชิดหน้าทำจองหองไม่ต่อปากคำด้วย ราวกับว่าตนนั้นมีฐานะอยู่เหนือผิว ผิวคันปาก ใคร่ด่าให้อีกฝ่ายจำกำพรืดตนเองใส่สมอง
แต่ว่า ผิวเพิ่งย่างกรายมาที่นี่เพียงวันเดียวจึงระงับอกระงับระใจไว้ก่อน แต่มาดหมายเอาไว้ว่า สักวันจะสั่งสอนเด็กรุ่นน้องคนนี้ให้ก้มหน้าเข้ามาให้ได้เลยทีเดียว
พับเดินไปหน้าประตูห้องหอ บ่าวตัวดีเคาะประตูดังสอง-สามครั้ง หลวงไกรย่นคิ้วเข้าหากัน อย่างสงสัย ก่อนตะโกนถามออกไป
“ใครกัน”
“พับเจ้าค่ะ”พับตอบเสียงเบา หลวงไกรนึกถึงมารดาทันที ด้วยพับเป็นต้นห้องคุณหญิงใหญ่ เสียงบ่าวคนสวยรายงานต่อไปว่า
“ คุณหญิงให้มาเชิญคุณช้องไปดูงานครัวเจ้าค่ะ เธอว่าได้เวลาแล้ว”
หลวงไกรหันกลับไปมองช้องนาง ซึ่งหญิงสาวร่างอรชรรีบเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ซ่อนหน้าไม่ให้เห็นน้ำตาที่หล่อรื้นขึ้นมาอย่างเจ็บใจที่ยังโดนรังแกไม่เลิก
หลวงไกรไม่พอใจเมื่อฟังคำบอกเล่าผ่านเข้ามา เขาก้าวยาว ๆ ไปที่ประตูเปิดออกไปแต่เพียงเอาตัวรอด ไม่ให้พับได้มองเห็นเข้ามาถึงข้างใน
พับรีบทรุดกายนั่ง ขณะที่ผิวชะเง้อมองเข้ามาในห้อง แต่เห็นนายไม่ถนัดนัก
“ไปเรียนคุณแม่เดี๋ยวนี้ว่า คุณช้องไม่สบาย”
“เดี๋ยวก่อน” ช้องนางกล่าวแทรกเข้ามา ก่อนผุดลุกจากเก้าอี้นั่ง เดินไปซ้อนหลังคุณหลวง ร่างเธอดูเล็กลงไปถนัดใจ ซ้อนทับกับร่างของสามีในนาม
หญิงสาวเอ่ยอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า
“พาข้าไปเรือนครัว”
“แม่ช้อง” หลวงไกรหันมาเอ่ยเสียงอ่อนด้วยความเห็นใจต่ออีกฝ่าย ชายหนุ่มนึกรู้แล้วว่า คุณแม่ของเขา กลั่นแกล้งช้องนาง เขาจึงขัดขวางไว้
“ไม่ต้องไปดอกแม่ช้อง หล่อนตามฉันไปหาคุณแม่จะดีกว่า”
“อิฉันมีคนชังมากพอแล้วเจ้าค่ะคุณหลวง”
“แม่ช้อง”
หลวงไกรเอื้อมมือมากุมไหล่อีกฝ่ายปลอบโยน หากช้องนางปัดมืออีกฝ่ายออกเต็มแรง ราวกับคนโกรธกันมาสักสิบปี จากนั้นจึงเดินลิ่วตามบ่าวของคุณหญิงใหญ่ไป ผิวรีบตามนายอย่างประชิดตัว ไม่ยอมห่าง
หลวงไกรเดินไปที่เรือนใหญ่ของเจ้าคุณทันที
ในเวลาไม่นานเขาได้มานั่งพื้นเดียวกับคุณหญิงใหญ่ และ คุณส้มลิ้ม คุณเหม และแผ้ว ชายหนุ่มอดถามมารดาไม่ได้ถึงหญิงสาวที่ช้องนางอ้างขึ้นมาให้มีปากเสียงกัน
“น้ำผึ้งไปอยู่หนหรือขอรับไม่เห็นมานั่งอยู่ที่นี่”
“เอ้า นี่เป็นไร เข้าหอสามวันแล้วมาถามหาน้อง หรือว่าลางเนื้อไม่ชอบลางยาเสียแล้ว...”
“เอ่อไม่ใช่ขอรับคุณแม่”
คุณยินได้ยินคำตอบทันควันจึงทำให้เสียอารมณ์ไปมาก ดังนั้นจึงเอ่ยย้อนไปว่า
“แล้วมาถามหาน้ำผึ้งทำไม แม่แผ้วก็นั่งอยู่ เรียกใช้เรียกหาไปก็ได้”
หลวงไกรเหลือบสายตามองแผ้ว ซึ่งทำชม้ายอาย ชายหนุ่มละสายตาไม่มอง พลางกล่าวว่า
“กระผมไม่มีเรื่องใดเรียกใช้ใครดอกขอรับ แต่...” หลวงไกรได้คิดทันทีว่า ช้องนางคงเห็นแผ้วเป็นน้ำผึ้งจึงเข้าใจผิด ดังนั้นชายหนุ่มจึงเปลี่ยนเรื่องไปว่า
“เรื่องงานครัวขอรับ”
คุณหญิงจึงได้เอ็ดลูกชายออกมาเสียทันทีว่า
“เห็นจะมาด้วยเรื่องเมียของพ่อไกรดอกกระมัง”
“คุณแม่ไม่ชอบแม่ช้องมากมายเทียวหรือขอรับ”
“เอ๊ะพ่อไกร เหตุใดมาใส่ไคล้แม่ตัวขนาดนี้เล่า หรือว่านอนทูลมีอิทธิพลแผลงศรมาปักเป้าแม่ได้”
“คุณแม่ขอรับ กระผมไม่ใช่เด็กนะขอรับ จะได้แยกไม่ออกว่าคุณแม่อยู่เหนือชีวิต ส่วนแม่ช้องเป็นเมียกระผม”
“เป็นเมียลูก แล้วเป็นไร หรือพ่อไกรจะอัญเชิญหล่อนมาขี่คอแม่”
หลวงไกรยิ่งฟังมารดาโต้กลับมา ยิ่งเห็นว่าไปกันใหญ่ แทนที่จะมาขอร้องไม่ให้คุณหญิงแกล้งช้องนาง กลับเป็นว่า ยิ่งทำให้ท่านไม่ชอบช้องนางมากขึ้น
แต่เขาไม่อาจทนนิ่งอยู่ได้เช่นกัน เพราะช้องนางไม่ใช่เมียทาส เขาจึงจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นได้ ชายหนุ่มจึงเอ่ยปกป้องไปด้วยเหตุผลที่คิดว่าผู้ให้กำเนิดต้องเข้าใจ
“หน้าที่การงานของกระผมนั้น เมียต้องออกหน้าออกตา หากเพื่อนกระผมคนใดคนหนึ่งมาเห็นแม่ช้องของกระผมนั่งหน้าดำอยู่ในครัว พวกเขาจักว่าหลวงไกรคนนี้กดขี่เมียอย่างทาส ซึ่งอาณาอารยะชนไม่ทำกัน”
“อุแหม่ แก้ไปน้ำขุ่นน้ำใสได้เชียวพ่อไกร แม่พึ่งรู้บัดเดี๋ยวนี้เองว่าพ่อไกรหลงเมียไม่น้อย”
“กระผมทำเพราะงานขอรับ เพื่อนกระผมมาเยือนเรือนออกบ่อย คุณแม่ก็ต้อนรับอยู่ แม้คุณแม่สนทนากับเขาไม่ได้ แต่ก็ทราบว่า เขาดูถูกผู้ชายไทยมากเพียงใด คุณแม่อยากให้ลูกชายคุณแม่ถูกติฉินจนเสียงานหรือขอรับ”
“เอ้า แตะไม่ได้ก็ไม่แตะ ไปบอกแม่ช้อง กลับไปนั่งพอกกระแจะจันทร์เสียให้หอม ให้หล่อนรับฝรั่งถ่ายเดียวเถิดพ่อไกร ไม่ต้องมานั่งหลังแอ่นทำกับข้าวกับปลาให้แม่ผัวได้ชิมรสมือ”
ไกรถอนใจยาว นึกถึงคำของช้องนางที่ว่า คนชังหล่อนไม่น้อย เขาเห็นจริงในคราวนี้เอง และที่เขาเข้ามามาแก้แทนให้คนเป็นเมียในนาม ดูเหมือนจะยิ่งทำให้ยุ่งไปกว่าเดิม เพราะมารดาหันมาเล่นงานว่าเขาหลงเมียเข้าไปอีกเรื่องหนึ่ง คิดแล้วเห็นใจช้องนางยิ่งนัก
ยิ่งเห็นใจยิ่งรักมาก...ห่วงมาก
ใครหนอคนที่ช้องนางรัก เขาอยากรู้จักเหลือเกิน อยากรู้ว่าดีกว่าหลวงไกรคนนี้มากเพียงใด ช้องนางจึงกล้าให้แตะต้องเนื้อตัวได้อย่างไม่ห้ามหวง
“เอ้า ไม่พอใจสิ่งที่แม่ทำไม่ใช่รึพ่อไกร ทำไมไม่รีบไปเชิญเมียพ่อไกรไปไว้บนเรือนอีกเล่า”
“คุณแม่ขอรับ กระผมรักแม่ช้องก็เป็นความรักอย่างรักเมีย แต่ที่รักสูงสุดในชีวิตก็รักคุณแม่นะขอรับ ทำไมจึงไม่เข้าใจลูกชายของคุณแม่เล่าขอรับ”ชายหนุ่มตัดพ้อมารดา
“แล้วแม่อยากดูงานบ้านงานเรือนของสะใภ้ แม่มีผิดตรงไหนพ่อไกร หรือพ่อไกรจะคิดลามว่าแม่แกล้งสะใภ้เล่น”
ไกรเข้าตาจนเสียแล้วเมื่อมารดาเปิดออกไปอีกทางไม่ให้เขาได้มีทางแก้ไข เพราะเรื่องเมียกับแม่เป็นของแสลงอย่างที่ผู้ชายทุกคนไม่อยากให้เกิดขึ้นกับชีวิตแต่งงาน
แม่ย่อมสำคัญ แม้จะรักเมียมาก ไกรจึงจำต้องปล่อยให้ผ่านไปก่อน หากว่า วันหลังเขาคงไม่มีทางยอมแน่ เขาจะเก็บช้องนางไว้ แล้วบอกว่ามีงานสำคัญกว่างานครัว คอยดูเถอะ!!
ช้องนางเดินตามพับ ซึ่งแกล้งเดินเร็วรี่ ช้องนางขยับตาม แต่ผิวดึงแขนนายเอาไว้ ให้เดินทอดน่องเล่น ไม่ให้เร่งร้อนตามสาวใช้ตัวแสบ
พับเดินเร็วมาก และผิดสังเกตว่าช้องนางไม่ตามมา เธอจึงเหลียวมามอง จึงได้เห็นช้องนางชมนกชมไม้อยู่กับผิวอย่างไม่ใส่ใจว่าต้องรีบตามคำสั่ง
พับไม่กล้าเอ่ยอันใด นอกจากหยุดรอ กิริยาท่าทีของพับ ทำให้สองนายบ่าวยิ้มหัวแก่กัน ดังนั้นเมื่อเดินมาถึงที่พับยืนรอ พับต่อว่าไม่เต็มเสียงนักว่า
“คุณช้องเดินช้ามากเลยนะเจ้าคะ”
“คุณของข้าไม่ใช่ไพร่อย่างเอ็งจะได้เดินไปเหมือนวิ่งไปดับไฟไหม้บ้าน”ผิวได้ทีด่าสวนทันควัน
“แต่นี่จวนได้เวลาทำอาหารแล้วนะเจ้าคะ”
“ไม่มีนายข้า ที่นี่คงกินข้าวเย็นได้ดอกกระมังอีพับ”
“แต่คุณหญิงสั่ง”
“นั่นสั่งมากับเอ็ง ไม่ได้สั่งมากับนายข้า ลางทีนายข้าจะขึ้นไปถามอีกสักสองชั่วยามว่าคุณหญิงท่านสั่งมาจริงหรือไม่”
พับเจ็บแสบที่โดนผิวกระแนะกระแหนย้อนเกล็ดคืนไปบ้าง
ช้องนางยิ้มในสีหน้า รู้สึกคลายเศร้าลงไปจากเรื่องหลวงไกรกับสองเตียง เธอจึงเอ่ยว่า
“เอาล่ะอย่าเถียงกันมาก ข้ารำคาญหู เรือนครัวอยู่ข้างไหน พาข้าไป แต่อย่าเดินเร็วไปนัก ข้าเดินตามไม่ทัน”
พับจึงต้องรับฟัง เด็กสาวพาช้องนางไปถึงเรือนครัวอย่างไม่อาจแกล้งได้อีก
ภาพที่ช้องนางได้เห็นคือ แม่ครัวร่างอ้วนผิวคมขำอายุห้าสิบปี นางไม่มีท่าทีเชื่อถือนายคนใหม่ ซึ่งข่าวแจ้งมาว่าจะคุมโรงครัวแทนนาง ดังนั้นแม่ครัวจึงมีความไม่พอใจซ่อนอยู่มากทีเดียว นางเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงแข็งว่า
“เชิญคุณนายสั่งมาเจ้าค่ะ ว่าจะให้อิฉันทำเช่นไรบ้าง”
“ข้าเป็นคนใหม่ไม่ค่อยรู้ว่าคนบ้านนี้ชอบหวานเค็มอย่างไร แม่ครัวเรียกกันว่ากระไรจ๊ะ”
หล่อนใช้ความหวานอ่อนเข้าลูบความแข็งกระด้างของแม่ครัว ทั้งนี้เพราะโรงครัวเป็นเรื่องสำคัญ และยังเป็นสถานที่แกล้งคนได้ชะงัดนัก เธอไม่อยากให้อาหารฝีมือเธอโดนแอบโรยพริก โรยเกลือ จึงผูกมิตรแม่ครัวไว้ก่อน
“เรียกอิฉันว่าอีพุ่มก็ได้เจ้าค่ะ อิฉันเป็นขี้ข้าอยู่บ้านนี้มาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย โตมากับก้นครัวนี้เจ้าค่ะคุณนาย”
“ยายพุ่มก็ดูเป็นคนมีฝีมือจัดจ้านดีอยู่ ยายพุ่มสั่งการไปตามปกติเถิด ส่วนการจัดสำรับขึ้นในเย็นนี้ข้าจะลงมือเอง เพราะคุณแม่ท่านอยากทดสอบข้าดูเท่านั้น ไหนยายพุ่มจัดเตรียมเครื่องเคียงมากน้อยเพียงใด”
“มิได้เตรียมมากเจ้าค่ะ เพราะจะพิถีพิถันเวลามีแขกเหรื่อเท่านั้นเจ้าค่ะ”
“ต่อไปถึงไม่มีแขกก็พิถีพิถัน” ช้องนางกล่าวเรียบเรื่อย ก่อนเรียกหาข้าวของเครื่องใช้ คนของนางพุ่มลองดีไม่ช่วยจับทำ ช้องนางจึงว่าเสียงเรียบเย็นข่มอีกฝ่ายไปทันทีว่า
“หากไม่หยิบจับงานช่วยข้า เพราะทำไม่เป็น ข้าไม่ว่าเยี่ยงไรดอก แต่หากจะไม่ช่วยข้าเพราะสันหลังยาว ก็ให้พวกเอ็งนึกไว้ว่า คุณหญิงแม่ท่านเลี้ยงมาเสียข้าวสุกเปล่า เอาล่ะเมื่อทำไม่เป็นก็ดูไว้ข้าจะสอนให้ นี่นังผิวคนของข้า มันทำเป็นทุกอย่าง พวกเอ็งอย่าให้มันเอาไปพูดได้เชียวว่าลูกน้องยายพุ่ม แกะสลักอะไรไม่เป็นสักอย่าง หยิบมีดมาคอยดูไปก่อน ถ้าทำยังไม่ถนัดนักก็อย่าเพ่อทำ จะเสียของ”
คุณนายวัยอ่อนสั่งงานอย่างคนเป็นงาน และวางตัวเป็นนายทุกกระเบียด นางพุ่มเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยเห็นฤทธิ์ร้าย ซึ่งก่อนหน้านี้พับคาบข่าวมาบอกว่าช้องนางกล้าเถียงคุณเหม เถียงคำไม่ตกฟากไม่เกรงใจใคร เพราะเห็นว่าเป็นที่โปรดปรานของคุณหลวง
นางหัวหน้าแม่ครัวมาเห็นท่าผู้ดีจัด และมือเรียวงามหยิบจับของใช้อย่างแคล่วคล่อง ทำให้นางเริ่มเห็นแล้วว่า ไม่ใช่คุณหญิงเป็นแต่แกล้งเท่านั้น แต่คุณนายทำงานตามคำสั่งอย่างที่ไม่มีใครเดาได้ว่าจริงใจ หรือว่า ประชด
คนในครัวเห็นแม่นายตัวเอ้ ทำท่าไม่กล้ากร่าง จึงขมุบขมิบปากว่าร้ายยายแม่ครัว เมื่อยายพุ่มเห็นว่าจะหมดความศรัทธาในการปกครองคน นางจึงต้องออกโรงเสียบ้าง!
ช้องนางลอบสบสายตากับผิวสาวใช้คนสนิท ซึ่งเห็นท่าทีจะเอาเรื่องของยายพุ่ม สองนายและบ่าวจึงตั้งรับในที ยายพุ่มเอ่ยกระแนะกระแหนไปยังคุณนายวัยสาวว่า
“ที่คุณนายสั่งความเป็นเด็ดขาดว่าให้ทำอย่างผู้ดี อิฉันไม่ทราบว่า คุณนายจะให้สลักเป็นรูปลักษณ์อะไรหรือเจ้าคะ จะให้สลักอย่างแม่พระสังข์ทองเห็นจะทำกันไม่ได้ขนาดนั้น อภินิหารของอิฉันคงยังไม่พอเจ้าค่ะ”
“ฉันมิได้บ้ายี่เกละครนอก ดังแม่พุ่มที่เก็บงำมากล่าวเสียน่าจะขึ้นใจ แต่ฉันอยากจะให้ทำตามอย่างของฉันเพราะคุณหญิงแม่ท่านสั่งลงมา ถ้าคนของยายพุ่มมาทำผักปลาฉันเสียหาย ฉันไม่ต้องนั่งกำราบว่าแกล้งฉันรึ”
“เอ๊ะ คุณนาย เรื่องใดจึงจะมากล่าวว่าพวกอิฉันจะหัวแข็งกล้ากำเริบกับคุณนายเล่าเจ้าคะ”
“ฉันไม่ได้ว่าสักคำ เพียงแต่เตือนเอาไว้ก่อนว่า บ้านของฉันนั้นเขาทำกับข้าวกันอย่างประดิบประดอยทำ เมื่อตกเป็นหน้าที่ฉันก็ต้องทำอย่างนั้น เมื่อฉันพ้นหน้าที่ไปแล้วยายพุ่มจะทำอย่างไรฉันไม่มาจ้ำจี้จ้ำไชให้ยายพุ่มพื้นเสียไปดอก”
“อิฉันไม่กล้าเสนอหน้าไปเทียบคุณนายดอกเจ้าค่ะ”
“ดีแล้วที่รู้ตัวเสียได้ เพราะคุณพี่ของฉันคงไม่ให้ฉันลดตัวลงมาให้ยายพุ่มตราหน้าได้เช่นกัน”
ยายพุ่มเจ็บคันเหมือนโดนหมามุ่ยแกว่งใส่ แต่นางไม่อาจจะประชดประชัน หรือทำกำเริบอะไรออกไปได้มากกว่านี้ เพราะท่าทีคุณนาย...ร้าย...อย่าบอกใคร
คุณนายช้องนางออกเสียงสั่งงานบ่าวไพร่ไม่เว้นคน



นางแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 พ.ค. 2555, 08:58:40 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 พ.ค. 2555, 08:58:50 น.

จำนวนการเข้าชม : 2260





<< ตัดไม้ข่มนาม(ข่มใคร)   ให้พระคุณ >>
Zephyr 20 พ.ค. 2555, 10:03:37 น.
อ่าว ไหนว่าจะอ่อนหวานเข้าหา ไปหาเรื่องซะแล้ว ช้องนาง
อิอิ แต่สะใจดี เอาอีกค่ะ ป่วนเรือนนี้ไปเลย 5555


นางแก้ว 20 พ.ค. 2555, 10:14:07 น.
ขอบคุณคอมเม้นนะคะ เรื่องเล่า ในวังที่ว่าหม่อมบุหงาเป้นคนกล้า ช้องนางเธอถอดแบบออกมาเลยค่ะตอนต่อไปเหี้ยมโหด เอ๊ยสนุกกว่าค่ะมใันเป้นอะไรที่ยิ่งแก้ยิ่งสะใจค่ะ555ท่าทางจะเก็๋บกดมาจากน้องวา


kitty2007 20 พ.ค. 2555, 10:39:54 น.
เรื่องนี้สนุกมากค่ะ ยิ่งอ่านยิ่งชอบ ขอบคุณนักเขียนที่เขียนเรื่องสนุกๆๆให้ได้อ่านนะค่ะ จะเป็นกำลังใจให้นะค่ะ


Pat 20 พ.ค. 2555, 13:02:20 น.
ฉะกันมันส์


ณจรร 20 พ.ค. 2555, 13:33:51 น.
เพิ่งเข้ามาแต่ก็จะติดตามจ้า


คิมหันตุ์ 20 พ.ค. 2555, 14:52:10 น.
สนุกดีจ้า


tookta 20 พ.ค. 2555, 16:33:21 น.
หลวงไกรจ๋า คิดเอง เออเองไปแล้ว


นางแก้ว 20 พ.ค. 2555, 17:15:32 น.
ขอบคุณมากค่ะ ที่เป้นกำลังใจให้นะคะ ขอบคุณที่อ่าน นักเขียนคนนี้ชอบสร้างพล็อตใหม่ๆค่ะบางทีอาจจะไม่คุ้นเคย แต่ว่า แนวพีเรียดเป็นอีกแนวที่ชอบมาก เพราะคิดว่าคงพอเขียนได้น่ะค่ะ


องุ่น 27 พ.ค. 2555, 03:23:54 น.
ช้องนางเยี่ยม


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account