คุณทวดออนไลน์ (The Real of Life online)
เมื่อคุณทวดเข้าไปเล่นเกมออนไลน์ (เนื้อเรื่องนี้ไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่ เขียนเน้นฮาเพียงอย่างเดียวค่ะ)
Tags: เฮฮา บ้าบอ มาริโอ เกมออนไลน์ คุณทวด
ตอน: บทที่ 7
บทที่ 7 โดนรุม
เช้าวันต่อมาหลังจากที่ราตรีพิสุทธิ์ตื่นนอนแล้ว เธอก็พบว่าเมฆากำลังทำอาหารเช้าอยู่
“ล้างหน้าล้างตาก่อนนะน้องราตรี น้ำอยู่ตรงนั้นนะ พี่เตรียมไว้ให้หมดแล้ว”
เมฆาบอกพลางชี้นิ้วไปยังถังน้ำที่วางอยู่ข้างเต็นท์ ซึ่งราตรีก็คลานไปล้างหน้าตามที่ชายหนุ่มบอก หลังจากนั้นเธอก็คลานไปหาเห็ดมาริโอที่นอนอยู่ใต้ต้นไม้ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเต็นท์สักเท่าไหร่
ไม่ไหว สั่งสอนแล้วไม่เคยรู้จักจำเสียที
ราตรีคิดในใจทันทีที่เห็นท่านอนของเห็ดมาริโอ เมื่อคืนนี้เธออุตส่าห์ใจดีปล่อยเห็ดมาริโอออกจากเชือกพร้อมทั้งนำอาหารที่เหลือไปให้มันทานอีกด้วย แทนที่เห็ดมาริโอจะกลับใจเปลี่ยนนิสัยใหม่ แต่กลับยังคงทำต่อโดยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เฮ้อ เลี้ยงคนว่ายากแล้ว เลี้ยงมอนสเตอร์กลับยากกว่าอีก
แล้วเธอก็ปลุกเห็ดมาริโอให้ตื่นก่อนจะคลานกลับไปที่เมฆาอยู่โดยไม่สนใจท่าทางไม่พอใจของเห็ดมาริโอที่ถูกปลุกให้ตื่นแต่เช้า เมื่อราตรีกับเห็ดมาริโอมาถึงแล้ว เธอก็ก้มลงมองชามอาหารของตัวเองทันที
“อี้อันอะไออันอั๊บอั้นอี้? (นี่มันอะไรกันครับท่านพี่?)”
ราตรีเงยหน้าถามอย่างสงสัย เพราะเธอเห็นเนื้อสัตว์ชิ้นเล็กๆจมอยู่ในกองข้าวด้วย
“อ้อ นั่นตับบดละเอียดนะ” เมฆาตอบพลางยื่นเห็ดฟางให้เห็ดมาริโอ ซึ่งทำเอามันถึงกับน้ำตาร่วง “พี่เห็นว่าเราทานแต่กล้วย ก็เลยคิดเปลี่ยนเมนูให้ รับสารอาหารอื่นบ้างคงจะดีไม่น้อยใช่ไหมล่ะ...อย่ามาทำเป็นบีบน้ำตาเรียกความสงสารแถวนี้นะเจ้าเห็ดมาริโอ รีบๆกินเข้าซะ”
ดูเหมือนเมฆาจะรู้แกวทัน จึงพูดเสียงดุใส่มัน
“ทำไม...ทำไม...อาหารของหนู...ต้องเป็นเห็ด แง้!”
เห็ดมาริโอแผดเสียงร้องไห้จ้าเมื่อโดนดุ ซึ่งราตรีเห็นแล้วก็อดสงสารแทนมันมิได้ เพราะสิ่งที่เมฆาทำนั้นคือการลงโทษต่อจากเมื่อคืนวานนี้
“อ้าอ้าออแอ้อี้ไอ้แอ้วอั้งอั๊บ (ข้าว่าพอแค่นี้ได้แล้วมั้งครับ)” ราตรีไม่อยากเห็นเห็ดมาริโอถูกแกล้งไปมากกว่านี้ เธอจึงรีบใช้ช้อนตักอาหารของเธอออกครึ่งหนึ่งก่อนจะแบ่งใส่จานใบไม้ให้เห็ดมาริโออย่างรวดเร็ว “อ้าองอานไอ้อด เอ้าอ้ออ้วยอ้าอานอาอ๋านอ้วยแอ้วอัน (ข้าคงทานไม่หมด เจ้าก็ช่วยข้าทานอาหารด้วยแล้วกัน)”
ถึงแม้เมฆาจะฟังคำพูดแล้วจะแปลความหมายของราตรีพิสุทธิ์ไม่ทันก็ตาม แต่ชายหนุ่มกลับเข้าใจดีว่าราตรีพิสุทธิ์กำลังทำอะไรอยู่ ดังนั้นชายหนุ่มจึงเอาจานที่ราตรีแบ่งให้เห็ดมาริโอออกทันที
“ก็เพราะน้องใจดีแบบนี้ยังไงเล่า เจ้าเห็ดมาริโอก็เลยยิ่งได้ใจใหญ่นะสิ”
“อย่ามาเรียกหนูว่าเจ้าเห็ดมาริโอนะ หนูมีชื่อว่ามาริโอตั้งหาก” มาริโอพูดยอกย้อน ซึ่งทำให้เมฆาหันหน้ามาถลึงตาใส่ “ฮือๆ อย่าจ้องหนูอย่างนั้นสิ หนูยอมทานเห็ดฟางก็ได้”
มาริโอพูดจบก็รีบคว้าเห็ดฟางที่ตกอยู่กับพื้นขึ้นมาทานอย่างรวดเร็ว ซึ่งราตรีก็ได้แต่มองโดยที่ช่วยอะไรมาริโอไม่ได้เลยสักนิด
ขอโทษนะมาริโอ เพื่อตัวของเจ้าเอง อดทนหน่อยแล้วกัน
หลังจากที่ทั้งสามคนทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว พวกเขาก็เริ่มออกเดินทางต่อทันที โดยระหว่างทางที่เดินไปนั้นเมฆาจะเป็นคนอุ้มราตรีพร้อมกับเล่าวิธีการเล่นเกมนี้ให้เธอฟัง ส่วนมาริโอก็ได้เดินตามหลังพวกเขาต้อยๆ ไม่พูดไม่จาอะไรสักคำเดียว
“หนอนยักษ์สีเขียวระดับ 2 ปรากฏ”
เสียงระบบประกาศบอก ซึ่งทำเอาเมฆาถึงกับหยุดชะงัก ทำให้มาริโอที่เดินตามหลังมาเข้าชนขาของเมฆาก่อนจะล้มลงไปนั่งกับพื้น
“แปลกแหะ? ไม่ยักรู้ว่าที่นี่จะมีมอนสเตอร์อยู่ด้วย” เมฆาพูดพลางมองหนอนยักษ์สีเขียวระดับสองที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างเชื่องช้า “น้องราตรีไม่ต้องกลัว เดี๋ยวพี่จะเป็นคนจัดการให้เอง”
เมฆาบอกพลางชักดาบออกมา ส่วนราตรีก็ได้แต่พยักหน้าในทำนองว่าเชิญจัดการตามสบาย เพราะหลังจากที่เธอรู้เรื่องเกมมากพอแล้ว เมฆาก็ได้ยื่นขอเป็นเพื่อนพร้อมกับตั้งกลุ่มโดยแบ่งค่าประสบการณ์การต่อสู้ทั้งหมดให้กับราตรีแทน ซึ่งโชคดีที่เกมนี้ให้สิทธิแก่สมาชิกในกลุ่มที่มีอายุต่ำกว่าเจ็ดขวบนั้น สามารถดูดค่าประสบการณ์จากหัวหน้ากลุ่มได้ เหตุนี้จึงทำให้ราตรีสามารถดูดค่าประสบการณ์จากเมฆาได้อย่างสบายโดยไม่ต้องทำอะไรเลยสักอย่าง
ฉัวะ!
หนอนยักษ์สีเขียวถูกคมดาบของเมฆาฟันจนตัวขาดครึ่ง ซึ่งดูเหมือนจริงเสียมากจนราตรีต้องรีบเบือนหน้าหนีด้วยความกลัว
“ผู้เล่นเมฆาฆ่าหนอนยักษ์สีเขียวระดับ 2 สำเร็จ”
ระบบประกาศบอกเมื่อหนอนยักษ์สีเขียวถูกฆ่าตาย ก่อนที่ระบบจะประกาศบอกการอัพค่าประสบการณ์ที่ได้มาให้ราตรีฟังอย่างต่อเนื่อง
“ท่านได้รับค่าประสบการณ์ 500”
“ท่านได้เลื่อนระดับพื้นฐานให้เป็นเด็กทารกระดับ 9”
“ท่านได้รับค่าประสบการณ์ 501”
“ท่านได้รับเนื้อหนอนยักษ์ 1 ชิ้น”
“อั้นอี้เอ่งอัง อ๋าอาดอ้าอ๋อนอั๊กอายไอ้อ้วย (ท่านพี่เก่งจัง สามารถฆ่าหนอนยักษ์ตายได้ด้วย)”
ราตรีกล่าวชมอย่างใจจริงโดยไม่ได้หันหน้ากลับไปดูศพหนอนยักษ์เพราะยังกลัวอยู่
“เก่งเกิ่งไรกัน อย่าชมพี่หน่อยเลยนะเรา” เมฆาบอกพลางเก็บดาบเข้าฝัก “ว่าแต่เราเถอะ กลัวขนาดจนหลับตาปี๋เลยรึ”
ราตรีถึงกับเบ้ปากเมื่อได้ยินที่เมฆาแซวเธอ
“ไอ้อำไอไอ้ อ้ออนอันไอ้เอยเอ๋นอี้ (ให้ทำไงได้ ก็คนมันไม่เคยเห็นนี่)”
“งั้นก็ทำใจให้มันชินซะ เพราะเรายังต้องเจออีก...” เมฆาชะงักพูดพลางหันซ้ายหันขวาจนราตรีนึกสงสัย “...ให้ตายสิ พูดยังไม่ทันขาดคำก็พากันแห่มาอีกแล้ว เฮ้อ ระบบเกมนี่ใช้การไม่ได้เลย ดูสิ ผู้เล่นอย่างพี่รู้ตัวทันก่อนมันจะประกาศอีกเสียนี่ อ้อ น้องราตรีขึ้นไปอยู่บนคอพี่เร็วเข้า ส่วนเจ้ามาริโอ...ระวังอย่าให้โดนจับเอาไปกินเชียวล่ะ”
เมฆาบอกพลางดันก้นร่างเล็กให้ขึ้นไปนั่งอยู่บนต้นคอตัวเองโดยไม่สนเสียงโวยของมาริโอเลยสักนิด แล้วชายหนุ่มชักดาบออกมาจากฝักอีกครั้ง ซึ่งประจวบเหมาะพอดีที่ระบบประกาศออกมาพร้อมกันอย่างบ้าคลั่ง
“บอสหนอนยักษ์สีเขียวระดับ10 ปรากฏ”
“หนอนยักษ์สีเขียวระดับ2 ปรากฏ”
“หนอนยักษ์สีเขียวระดับ3 ปรากฏ”
“หนอนยักษ์สีแดงระดับ8 ปรากฏ”
“หนอนยักษ์สีเขียวระดับ3 ปรากฏ”
“หนอนยักษ์สีแดงระดับ8 ปรากฏ”
และมันยังคงประกาศต่อโดยไม่สนใจผู้เล่นทั้งสองที่กำลังหน้าซีดเข้าไปทุกที
“ตายแน่ๆ แห่มาเยอะอย่างนี้คงไม่รอดแน่!” มาริโอแผดเสียงร้องดังลั่นพร้อมกับวิ่งวนรอบตัวเมฆาอย่างหวาดกลัว “ไม่รอดแน่ พระเจ้าช่วยกล้วย...”
“หุบปาก!”
เมฆาตะโกนเสียงดังลั่น ทำเอามาริโอรีบหุบปากอย่างเร็ว ซึ่งราตรีเข้าใจดีว่าเมฆาตวาดไปเพื่อต้องการทำสมาธิ
“อกอิอ้วกออนเอ้ออาอดเออะอะอาดอี้เอยอ๋ออั๊บอั้นอี้เออา (ปกติพวกมอนสเตอร์ปรากฏเยอะขนาดนี้เลยเหรอครับท่านพี่เมฆา)” ราตรีถามอย่างสงสัย เพราะถ้าเธออยู่คนเดียวแล้วต้องมาเจอแบบนี้เข้าล่ะก็คงแย่แน่ๆ
“ไม่เลยสักนิดเดียว” เมฆาพอเดาคำพูดของราตรีออก ก็เลยทำให้ชายหนุ่มตอบกลับไปได้โดยไม่ต้องคิดมาก “อย่างมากก็แค่ห้าตัว อย่างที่พี่เคยเล่าไป บนเกาะเริ่มต้นจะมีมอนสเตอร์น้อยมากเพราะกลัวผู้เล่นหน้าใหม่จะสู้ไม่ได้ แต่นี่มันผิดปกติเกินที่พี่เคยเจอมาก่อน เอาล่ะ เกาะพี่ให้แน่นๆนะน้องราตรี เพราะต่อจากนี้ไปพี่จะสู้กับพวกมอนสเตอร์แบบไม่หยุดพัก น้องราตรีไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้นนะ เดี๋ยวพี่จะคอยอยู่คุ้ม…”
จู่ๆ เมฆาก็เงียบเสียงไปหน้าตาเฉย ทำให้ราตรีนึกสงสัยว่าทำไมอีกฝ่ายถึงเงียบไป ไม่ทันที่ราตรีจะได้ก้มหน้ามองเมฆาอย่างสงสัย ระบบเกมก็ได้ประกาศบอกกับเธอเสียก่อน
“ผู้เล่นเมฆาถูกตัดออกจากเซิฟเวอร์ค่ะ”
“นั่นแกทำอะไรของแกนะไอ้ปริญ!”
ดนัยเทพร้องโวยวายเมื่อเห็นเพื่อนร่วมงานกดปุ่มคำสั่งให้ผู้เล่นเมฆาหลุดออกจากเซิฟเวอร์กะทันหัน ส่วนคนโดนโวยที่กำลังทำหน้าสะลึมสะลือเพราะง่วงนอนจัด ต้องกระเด้งออกจากเก้าอี้ราวกับถูกไฟช็อตใส่
“เอ๋? อะไรดนัย นายเรียกฉันเหรอ ฮ้าว! ง่วงวุ้ย” ถึงแม้จะตื่นแล้วแต่เสียงพูดยังคงงัวเงีย ซึ่งดนัยเทพทนไม่ได้ที่เห็นปริญทำท่าเหมือนไม่รู้เรื่องอะไรเลย เขาจึงจับไหล่อีกฝ่ายก่อนจะเขย่าไปมาอย่างเร็วๆ “เฮ้ยๆ อย่าเขย่าสิฟ่ะ! ปลุกกันดีๆก่อนก็ได้ ไม่เห็นต้องลงไม้ลงมือถึงขนาดนี้เลยนี่ไอ้ดนัย!!”
“นี่แกยังไม่รู้สึกตัวว่าทำอะไรลงไปอีกนะไอ้ปริญ!! ดูนู่น! ถ้าอยากรู้ก็หันไปดูหน้าจอของตัวเองซะ!”
ดนัยเทพแผดเสียงบอกอย่างสุดทนก่อนจะใช้มือดันศีรษะของเพื่อนร่วมงานให้หันไปดูหน้าจอ ซึ่งทำเอาปริญที่ยังไม่หายสะลืมสะลือดี กลับต้องเบิกกว้างด้วยความตกใจ
“อุ๊บส์!”
“ไม่ต้องมาอุ๊บส์เลยไอ้ปริญ แกรู้ตัวรึเปล่าว่าทำอะไรลงไป! ดีนะที่คนอื่นๆพักงานครึ่งชั่วโมง ไม่งั้นคงแย่กว่านี้แน่” ดนัยเทพบอกพลางปล่อยมือออกจากศีรษะของปริญ “มีอย่างที่ไหนง่วงนอนจนเผลอกดปุ่มไล่ไอดีผู้เล่นเมฆาให้หลุดออกจากเซิฟเวอร์ในขณะตอนหน้าสิวหน้าขวานแบบนี้กันด้วยเล่า ฮึ! งานนี้เราคงได้เห็นไอดีแปดพันถูกมอนสเตอร์ฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยมต่อหน้าต่อตาซะแล้วมั้งไอ้ปริญ!”
แล้วปริญก็เงียบไปราวกับใช้ความคิด ก่อนจะพูดต่อ
“งั้นก็ส่งผู้ช่วยไปสิ จะได้ไม่ต้องทนเห็นไอดีแปดพันถูกฆ่าไง”
“ไอ้บ้า!” ดนัยเทพด่าทันทีที่ได้ยินคำตอบของอีกฝ่าย “คิดจะแก้ปัญหาด้วยวิธีนั้นได้รึไง แกอย่าลืมสิว่าพวกเราเป็นใคร จะไปช่วยผู้เล่นตลอดแบบนั้นมันไม่ดีหรอกนะ”
“แล้วนายจะให้ฉันทำยังไงล่ะ” ปริญถามย้อน ซึ่งทำเอาดนัยเทพถึงกับสะอึก
“ก็…ก็…”
“เห็นไหม แม้กระทั่งนายก็ยังคิดไม่ได้” ปริญพูดพลางส่ายหน้า “ช่างเถอะ ถือว่างานนี้ฉันผิดเอง เอ้อ ถ้านายจะส่งรายงานท่านประธานคราวหน้าแล้วล่ะก็ ช่วยเขียนรายงานลงไปด้วยว่าฉันเป็นคนทำให้ไอดีแปดพันต้องเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์นับร้อยตัวจนถึงแก่ความตายแล้วกัน”
“ปริญ นี่แก…”
ดนัยเทพพูดไม่ออกเมื่อเห็นปริญยอมแพ้อย่างง่ายๆแบบนี้ เพราะเจ้าตัวเป็นคนมีไอคิวสูงผิดกว่าคนปกติ ดังนั้นไม่ว่าเรื่องจะยากมากแค่ไหน ปริญก็มักจะแก้ไขได้อยู่ตลอดเสมอ
“อ้อ แล้วก็ฝากแจ้งท่านประธานให้ด้วยว่า ฉันขอลาพักครึ่งชั่วโมง”
จู่ๆ ปริญก็พูดขึ้นมาอย่างหน้าตาเฉย ทำเอาดนัยเทพถึงกับงง
“นั่นแกจะไปไหนของแกน่ะไอ้ปริญ” ดนัยเทพถามอย่างสงสัย ซึ่งปริญยังไม่ตอบคำถามของดนัยเทพเดี๋ยวนั้น ชายหนุ่มกลับรีบหยิบแว่นตาอนาล็อกเกมขึ้นมาก่อนจะตอบกลับมาด้วยหน้าตาเจ้าเล่ห์ว่า
“ก็ไปช่วยเด็กทารกน่ารักในเกมไง…ถึงจะกฎระบุว่าห้ามจีเอ็มทำการยื่นมือเข้าแทรกแซงการดำเนินเกมของผู้เล่น แต่ก็ไม่ได้ระบุว่าห้ามผู้เล่นช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้นี่หว่า”
ย้อนมาทางด้านใครบางคนที่ถูกตัดเซิฟเวอร์โดยไม่รู้ตัวนั้น ก็พลันสะดุ้งตื่นขึ้นท่ามกลางความมืดไร้แสงสว่างในห้องนอนของคฤหาสน์อันใหญ่โตแห่งหนึ่งในประเทศจีน ทีแรกเจ้าตัวออกจะงุนงงสักเล็กน้อยเนื่องจากเมื่อครู่นี้ตนกำลังยืนคุยกับเพื่อนในเกมอยู่เลย แต่ไฉนถึงได้โดนตัดออกจากเกมอย่างกะทันหันทั้งๆที่คฤหาสน์ของเขาไม่เคยมีปัญหาเกี่ยวกับอินเตอร์เน็ตเลยสักนิด
หรือว่าไฟตก?
เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงถอดแว่นตาอนาล็อกออก เผยให้เห็นนัยน์ตาสีน้ำตาลส่องประกายสดใสท่ามกลางความมืดมิด ครั้นคิดจะผุดลุกขึ้นจากที่นอน ก็รู้สึกปวดเอวกะทันหันจึงโน้มตัวลงสักครู่ก่อนจะผุดลุกขึ้นนั่งอีกครั้ง
ไม่ไหว นอนเล่นเกมนานเกินไปหน่อยมั้งเรา
เจ้าตัวคิดพลางส่ายหน้ากับความบ้าเกมของตัวเอง แล้วจากนั้นจึงหันไปกดสวิตซ์ไฟที่หัวเตียง ก่อนที่แสงสว่างจะปรากฏขึ้นทั่วห้อง เผยให้เห็นร่างสูงในวัยชราราวเจ็ดสิบปลายผมสั้นระต้นคอสีดำในชุดคลุมสีฟ้าครามลายมังกรนั่งอยู่บนเตียงหลังใหญ่ท่ามกลางห้องนอนที่หรูหราระดับโรงแรมห้าดาว
“นี่มีใครอยู่ข้างนอกบ้าง”
เจ้าตัวบอกพลางกดปุ่มเรียกให้ใครสักคนเดินเข้ามา ซึ่งไม่นานนักประตูสีทองของห้องก็ถูกเปิด ซึ่งเผยให้เห็นชายหนุ่มลูกครึ่งจีนร่างสูงผมดำสั้นในชุดสูทสีดำเดินย่างกรายเข้ามาในห้องก่อนจะหยุดเดินพร้อมกับโค้งคำนับผู้ที่อยู่บนเตียงด้วยความนอบน้อม
“มีเรื่องอะไรหรือครับ บอส”
“ไม่มีอะไรมากหรอก แค่จะวานให้ช่วยอะไรนิดหน่อย”
“ครับบอส”
ที่แท้ชายชราวัยเจ็ดสิบผู้นี้คือเมฆาที่เพิ่งถูกปริญกดปุ่มไล่ออกจากเกมเมื่อครู่นี้เอง!
นี่ถ้าคนในเกมได้รู้ถึงฐานะแท้จริงของผู้เล่นเมฆานี่แล้วล่ะก็ มีหวังตกใจจนช็อกหมดสติแน่ ซึ่งไม่เว้นแต่ราตรี ดนัยเทพ หรือแม้กระทั่งปริญก็ตามที เพราะเขาคือไป่เส้าอวิ๋น อดีตตำนานมาเฟียผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยมีอิทธิพลครอบงำกึ่งหนึ่งของแผ่นดินใหญ่ แม้รัฐบาลยังต้องเกรงใจ
“นี่กี่โมงแล้วรึอาเฟย” เขาเรียกอีกฝ่ายอย่างสนิทสนม “อยากให้นายโทรไปถามองค์การไฟฟ้าหน่อย”
อาเฟยหรือบอดี้การ์ดของเขารับฟังก่อนจะพูดตอบกลับไปว่า
“บ่ายสองสี่สิบครับบอส เอ่อ องค์การไฟฟ้ามีปัญหาอะไรกับบอสหรือครับ”
“ก็เรื่องเกมที่เรากำลังเล่นอยู่นี่ไงล่ะอาเฟย” ชายชราพูดพลางถอนหายใจ “อยู่ดีๆ เราก็ถูกตัดออกจากเซิฟเวอร์ทั้งที่เราไม่ได้ต้องการออฟไลน์ออกจากเกมเลยแม้สักนิดเดียว”
ถึงแม้ร่างกายจะแก่ชราไปมากแล้ว แต่อวิ๋นหรือเมฆาก็ยังมีนิสัยที่ชื่นชอบเล่นเกมเหมือนเด็กเสมอ ส่วนอาเฟยก็ได้แต่ทำหน้าขมวดคิ้วมองผู้เป็นนายของตนอย่างไม่เข้าใจ ว่าทำไมมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ถึงได้ติดเกมยิ่งนัก และนอกจากนั้นเขายังบังคับให้ตนร่วมเล่นเกมเรียลออฟไลฟ์นี้เป็นเพื่อนโดยห้ามนำไปบอกใครเป็นอันขาดอีกด้วย
“แปลกนะครับ ถ้าเป็นเรื่องไฟฟ้าแล้ว ไม่น่าจะเป็นแบบนั้นได้ เพราะเมื่อครู่นี้ผมเองก็กำลังดูข่าวทางโทรทัศน์อยู่พอดี หรือว่ามีคนปองร้าย! จริงสิ!! มันต้องเป็นพวกแฮคเกอร์! มันต้องใช่ฝีมือพวกแฮคเกอร์แน่ๆ ครับบอส!!”
อาเฟยพูดด้วยความเดือดดาล เพราะเขาไม่นึกเลยว่าจะมีคนกล้ากระตุกหนวดมังกร ด้วยการไล่เมฆาที่เป็นผู้เล่นระดับท็อปซึ่งกำลังเป็นที่โด่งดังของเกมเรียลออฟไลฟ์ให้ออกจากเกมอย่างกะทันหัน
“ใจเย็นๆ อาเฟย เรื่องนี้ไม่น่าจะเกี่ยวกับแฮคเกอร์หรอก” ไป่เส้าอวิ๋น รีบพูดกล่อมเพราะกลัวว่าอาเฟยจะทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ “ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นเพราะสัญญาณอินเตอร์เน็ตไม่ค่อยจะดีก็เป็นได้ แล้วอีกอย่างเราก็แค่ถูกตัดออกจากเซิฟเวอร์เกมเท่านั้น”
“แต่ผมเกรงว่า…”
“ไม่มีแต่ จัดการทำให้เรากลับเข้าไปในเกมด่วน เพราะตอนนี้เราต้องรีบกลับไปช่วยชีวิตเด็กทารก ไม่สิ เพื่อนตัวน้อยให้ทันก่อนที่จะสายเกินแก้”
เขาพูดตัดบทเพราะเขาเริ่มเป็นกังวลว่าราตรีจะตายไปเสียก่อนที่เขาจะได้เข้าไปช่วย
“ครับ”
อาเฟยตกปากรับคำก่อนจะรีบวิ่งออกไปจากห้องนอนเพื่อทำตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว ซึ่งกว่าที่อวิ๋นจะได้กลับเข้าไปสวมบทบาทของผู้เล่นเมฆาอีกครั้ง เวลาในเกมก็ผ่านไปราวห้าถึงหกวันแล้ว
วกกลับมาทางด้านเกม หลังจากเมฆาได้หายตัวไปต่อหน้าแล้ว ราตรีก็ได้ขึ้นขี่คอมาริโอราวกับขี่ม้า ก่อนจะสั่งให้มันออกวิ่งหนีฝูงหนอนนับร้อยชีวิตที่ติดตามหลังอย่างน่ากลัว
“ฮู้ๆ อ้าไอ้อากอายอ้ออิ้งเอ็วเอ้าอาอิโอ้! (วู้ๆ ถ้าไม่อยากตายก็วิ่งเร็วเข้ามาริโอ!)”
ส่วนมาริโอที่ถูกสั่งให้วิ่งหนีก็ได้แต่ร้องเหนื่อยหอบจะเป็นจะตาย เพราะมันได้พาเจ้านายออกวิ่งมาเกือบสองชั่วโมงแล้ว
“แฮ่กๆ ฮือๆ ทำไมหนูต้องมาวิ่งแบบนี้ด้วย”
โป๊ก!
เสียงราตรีทุบหัวมาริโอด้วยความหมั่นไส้
“อิ้งอ่อไอ อ้ามอ่น (วิ่งต่อไป ห้ามบ่น)” ราตรีพูดเสียงดุ ถ้าให้เลือกได้ราตรีคงไม่ใช้มาริโอให้วิ่งหนีจนเหนื่อยขนาดนี้หรอก แต่เธอจำเป็นต้องทำเพราะคนที่เคยเอ่ยปากว่าจะปกป้องกลับหายไปเสียแล้ว “อ้าออดอาย ไอ้อ้าอาด (ถ้ารอดตาย ให้ห้าบาท)”
ส่วนมาริโอเมื่อได้ยินที่อีกฝ่ายบอก ก็แทบมึนงงเพราะไม่รู้จักคำว่าห้าบาทเลยสักนิดเดียว แต่ด้วยสถานการณ์หน้าสิวหน้าขวานแบบนี้ มาริโอจึงตัดใจไม่ถามเจ้านายของมันอีก เพราะถึงถามไปก็มีแต่จะโดนทุบหัวเอาได้ง่าย
กึก!
เนื่องจากมาริโอวิ่งแบบไม่ลืมหูลืมตาทำให้สะดุดรากไม้จนล้มลงไป ส่วนราตรีที่ขี่คอมันอยู่ก็กระเด็นกลิ้งไปข้างหน้ามาริโอซะจนหลายตลบ
“อูย เอ็บๆ (อูย เจ็บๆ)” ราตรีร้องครางอย่างแผ่วเบาเมื่อร่างของเธอได้หยุดกลิ้งแล้ว พอตั้งตัวได้เธอก็เงยหน้าขึ้นมองหาทาสรับใช้ของตัวเอง ก่อนจะตกใจเมื่อได้เห็นมอนสเตอร์นับร้อยกำลังคลานมาจวนใกล้จะถึงพวกเธอแล้ว “อาอิโอ้! อุ๊กเอ็วเอ้า อวกอันอาแอ้ว! (มาริโอ! ลุกเร็วเข้า พวกมันมาแล้ว!)”
มาริโอได้ยินที่เจ้านายมันบอก ก็รีบผุดลุกขึ้นยืนพลางหันกลับไปมองก่อนจะเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อเห็นฝูงหนอนยักษ์กำลังคลานตามมาอย่างรวดเร็ว
“ว้าก! พวกมันมาแล้วจริงๆด้วย!”
มาริโอร้องอย่างเสียขวัญก่อนจะวิ่งมาทางเจ้านาย แต่แทนที่มันจะคาบเธอวิ่งหนีไปด้วยพร้อมกัน มันกลับวิ่งกระโดดข้ามตัวเธอไปอย่างหน้าตาเฉย
“อ้าวเอ้ย! อั้นอะอี๋ไอไอ๋! อาอับอ้าไออ้วยอิ! (อ้าวเฮ้ย! นั่นจะหนีไปไหน! มารับข้าไปด้วยสิ!)” ราตรีร้องเรียกให้มาริโอวิ่งกลับมารับตัวเธอด้วย แต่มันกลับตะโกนบอกกับเธอว่า “เรื่องอะไรที่ข้าจะต้องรับแกไปด้วยเล่าไอ้เด็กเปรต! ตัวใครตัวมันล่ะเฟ้ย!!”
แล้วมาริโอก็วิ่งหนีหายเข้าไปในป่าลึกโดยไม่ย้อนกลับมารับราตรีเลยสักนิด ซึ่งการกระทำของมาริโอทำเอาราตรีถึงกับอ้าปากค้าง
ทั้งที่เราอุตส่าห์ใจดีกับมันแล้วแท้ๆ…
แต่มันกลับเลือกที่จะทิ้งเรา…
พอราตรีคิดได้ดังนั้น น้ำตาก็พลันไหลอาบแก้มด้วยความน้อยอกน้อยใจที่ใครๆต่างพากันทิ้งเธอไปกันจนหมด
สูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง...
ไม่มีใครเลยที่จะอยู่ข้างกายเราได้ตลอดเวลา...
แล้วราตรีก็ก้มหน้าฟุบกับอ้อมแขนน้อยๆของตัวเองท่ามกลางวงล้อมของมอนสเตอร์นับร้อยที่จ้องจะฆ่าเธออยู่ในเร็วๆนี้
เช้าวันต่อมาหลังจากที่ราตรีพิสุทธิ์ตื่นนอนแล้ว เธอก็พบว่าเมฆากำลังทำอาหารเช้าอยู่
“ล้างหน้าล้างตาก่อนนะน้องราตรี น้ำอยู่ตรงนั้นนะ พี่เตรียมไว้ให้หมดแล้ว”
เมฆาบอกพลางชี้นิ้วไปยังถังน้ำที่วางอยู่ข้างเต็นท์ ซึ่งราตรีก็คลานไปล้างหน้าตามที่ชายหนุ่มบอก หลังจากนั้นเธอก็คลานไปหาเห็ดมาริโอที่นอนอยู่ใต้ต้นไม้ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเต็นท์สักเท่าไหร่
ไม่ไหว สั่งสอนแล้วไม่เคยรู้จักจำเสียที
ราตรีคิดในใจทันทีที่เห็นท่านอนของเห็ดมาริโอ เมื่อคืนนี้เธออุตส่าห์ใจดีปล่อยเห็ดมาริโอออกจากเชือกพร้อมทั้งนำอาหารที่เหลือไปให้มันทานอีกด้วย แทนที่เห็ดมาริโอจะกลับใจเปลี่ยนนิสัยใหม่ แต่กลับยังคงทำต่อโดยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เฮ้อ เลี้ยงคนว่ายากแล้ว เลี้ยงมอนสเตอร์กลับยากกว่าอีก
แล้วเธอก็ปลุกเห็ดมาริโอให้ตื่นก่อนจะคลานกลับไปที่เมฆาอยู่โดยไม่สนใจท่าทางไม่พอใจของเห็ดมาริโอที่ถูกปลุกให้ตื่นแต่เช้า เมื่อราตรีกับเห็ดมาริโอมาถึงแล้ว เธอก็ก้มลงมองชามอาหารของตัวเองทันที
“อี้อันอะไออันอั๊บอั้นอี้? (นี่มันอะไรกันครับท่านพี่?)”
ราตรีเงยหน้าถามอย่างสงสัย เพราะเธอเห็นเนื้อสัตว์ชิ้นเล็กๆจมอยู่ในกองข้าวด้วย
“อ้อ นั่นตับบดละเอียดนะ” เมฆาตอบพลางยื่นเห็ดฟางให้เห็ดมาริโอ ซึ่งทำเอามันถึงกับน้ำตาร่วง “พี่เห็นว่าเราทานแต่กล้วย ก็เลยคิดเปลี่ยนเมนูให้ รับสารอาหารอื่นบ้างคงจะดีไม่น้อยใช่ไหมล่ะ...อย่ามาทำเป็นบีบน้ำตาเรียกความสงสารแถวนี้นะเจ้าเห็ดมาริโอ รีบๆกินเข้าซะ”
ดูเหมือนเมฆาจะรู้แกวทัน จึงพูดเสียงดุใส่มัน
“ทำไม...ทำไม...อาหารของหนู...ต้องเป็นเห็ด แง้!”
เห็ดมาริโอแผดเสียงร้องไห้จ้าเมื่อโดนดุ ซึ่งราตรีเห็นแล้วก็อดสงสารแทนมันมิได้ เพราะสิ่งที่เมฆาทำนั้นคือการลงโทษต่อจากเมื่อคืนวานนี้
“อ้าอ้าออแอ้อี้ไอ้แอ้วอั้งอั๊บ (ข้าว่าพอแค่นี้ได้แล้วมั้งครับ)” ราตรีไม่อยากเห็นเห็ดมาริโอถูกแกล้งไปมากกว่านี้ เธอจึงรีบใช้ช้อนตักอาหารของเธอออกครึ่งหนึ่งก่อนจะแบ่งใส่จานใบไม้ให้เห็ดมาริโออย่างรวดเร็ว “อ้าองอานไอ้อด เอ้าอ้ออ้วยอ้าอานอาอ๋านอ้วยแอ้วอัน (ข้าคงทานไม่หมด เจ้าก็ช่วยข้าทานอาหารด้วยแล้วกัน)”
ถึงแม้เมฆาจะฟังคำพูดแล้วจะแปลความหมายของราตรีพิสุทธิ์ไม่ทันก็ตาม แต่ชายหนุ่มกลับเข้าใจดีว่าราตรีพิสุทธิ์กำลังทำอะไรอยู่ ดังนั้นชายหนุ่มจึงเอาจานที่ราตรีแบ่งให้เห็ดมาริโอออกทันที
“ก็เพราะน้องใจดีแบบนี้ยังไงเล่า เจ้าเห็ดมาริโอก็เลยยิ่งได้ใจใหญ่นะสิ”
“อย่ามาเรียกหนูว่าเจ้าเห็ดมาริโอนะ หนูมีชื่อว่ามาริโอตั้งหาก” มาริโอพูดยอกย้อน ซึ่งทำให้เมฆาหันหน้ามาถลึงตาใส่ “ฮือๆ อย่าจ้องหนูอย่างนั้นสิ หนูยอมทานเห็ดฟางก็ได้”
มาริโอพูดจบก็รีบคว้าเห็ดฟางที่ตกอยู่กับพื้นขึ้นมาทานอย่างรวดเร็ว ซึ่งราตรีก็ได้แต่มองโดยที่ช่วยอะไรมาริโอไม่ได้เลยสักนิด
ขอโทษนะมาริโอ เพื่อตัวของเจ้าเอง อดทนหน่อยแล้วกัน
หลังจากที่ทั้งสามคนทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว พวกเขาก็เริ่มออกเดินทางต่อทันที โดยระหว่างทางที่เดินไปนั้นเมฆาจะเป็นคนอุ้มราตรีพร้อมกับเล่าวิธีการเล่นเกมนี้ให้เธอฟัง ส่วนมาริโอก็ได้เดินตามหลังพวกเขาต้อยๆ ไม่พูดไม่จาอะไรสักคำเดียว
“หนอนยักษ์สีเขียวระดับ 2 ปรากฏ”
เสียงระบบประกาศบอก ซึ่งทำเอาเมฆาถึงกับหยุดชะงัก ทำให้มาริโอที่เดินตามหลังมาเข้าชนขาของเมฆาก่อนจะล้มลงไปนั่งกับพื้น
“แปลกแหะ? ไม่ยักรู้ว่าที่นี่จะมีมอนสเตอร์อยู่ด้วย” เมฆาพูดพลางมองหนอนยักษ์สีเขียวระดับสองที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างเชื่องช้า “น้องราตรีไม่ต้องกลัว เดี๋ยวพี่จะเป็นคนจัดการให้เอง”
เมฆาบอกพลางชักดาบออกมา ส่วนราตรีก็ได้แต่พยักหน้าในทำนองว่าเชิญจัดการตามสบาย เพราะหลังจากที่เธอรู้เรื่องเกมมากพอแล้ว เมฆาก็ได้ยื่นขอเป็นเพื่อนพร้อมกับตั้งกลุ่มโดยแบ่งค่าประสบการณ์การต่อสู้ทั้งหมดให้กับราตรีแทน ซึ่งโชคดีที่เกมนี้ให้สิทธิแก่สมาชิกในกลุ่มที่มีอายุต่ำกว่าเจ็ดขวบนั้น สามารถดูดค่าประสบการณ์จากหัวหน้ากลุ่มได้ เหตุนี้จึงทำให้ราตรีสามารถดูดค่าประสบการณ์จากเมฆาได้อย่างสบายโดยไม่ต้องทำอะไรเลยสักอย่าง
ฉัวะ!
หนอนยักษ์สีเขียวถูกคมดาบของเมฆาฟันจนตัวขาดครึ่ง ซึ่งดูเหมือนจริงเสียมากจนราตรีต้องรีบเบือนหน้าหนีด้วยความกลัว
“ผู้เล่นเมฆาฆ่าหนอนยักษ์สีเขียวระดับ 2 สำเร็จ”
ระบบประกาศบอกเมื่อหนอนยักษ์สีเขียวถูกฆ่าตาย ก่อนที่ระบบจะประกาศบอกการอัพค่าประสบการณ์ที่ได้มาให้ราตรีฟังอย่างต่อเนื่อง
“ท่านได้รับค่าประสบการณ์ 500”
“ท่านได้เลื่อนระดับพื้นฐานให้เป็นเด็กทารกระดับ 9”
“ท่านได้รับค่าประสบการณ์ 501”
“ท่านได้รับเนื้อหนอนยักษ์ 1 ชิ้น”
“อั้นอี้เอ่งอัง อ๋าอาดอ้าอ๋อนอั๊กอายไอ้อ้วย (ท่านพี่เก่งจัง สามารถฆ่าหนอนยักษ์ตายได้ด้วย)”
ราตรีกล่าวชมอย่างใจจริงโดยไม่ได้หันหน้ากลับไปดูศพหนอนยักษ์เพราะยังกลัวอยู่
“เก่งเกิ่งไรกัน อย่าชมพี่หน่อยเลยนะเรา” เมฆาบอกพลางเก็บดาบเข้าฝัก “ว่าแต่เราเถอะ กลัวขนาดจนหลับตาปี๋เลยรึ”
ราตรีถึงกับเบ้ปากเมื่อได้ยินที่เมฆาแซวเธอ
“ไอ้อำไอไอ้ อ้ออนอันไอ้เอยเอ๋นอี้ (ให้ทำไงได้ ก็คนมันไม่เคยเห็นนี่)”
“งั้นก็ทำใจให้มันชินซะ เพราะเรายังต้องเจออีก...” เมฆาชะงักพูดพลางหันซ้ายหันขวาจนราตรีนึกสงสัย “...ให้ตายสิ พูดยังไม่ทันขาดคำก็พากันแห่มาอีกแล้ว เฮ้อ ระบบเกมนี่ใช้การไม่ได้เลย ดูสิ ผู้เล่นอย่างพี่รู้ตัวทันก่อนมันจะประกาศอีกเสียนี่ อ้อ น้องราตรีขึ้นไปอยู่บนคอพี่เร็วเข้า ส่วนเจ้ามาริโอ...ระวังอย่าให้โดนจับเอาไปกินเชียวล่ะ”
เมฆาบอกพลางดันก้นร่างเล็กให้ขึ้นไปนั่งอยู่บนต้นคอตัวเองโดยไม่สนเสียงโวยของมาริโอเลยสักนิด แล้วชายหนุ่มชักดาบออกมาจากฝักอีกครั้ง ซึ่งประจวบเหมาะพอดีที่ระบบประกาศออกมาพร้อมกันอย่างบ้าคลั่ง
“บอสหนอนยักษ์สีเขียวระดับ10 ปรากฏ”
“หนอนยักษ์สีเขียวระดับ2 ปรากฏ”
“หนอนยักษ์สีเขียวระดับ3 ปรากฏ”
“หนอนยักษ์สีแดงระดับ8 ปรากฏ”
“หนอนยักษ์สีเขียวระดับ3 ปรากฏ”
“หนอนยักษ์สีแดงระดับ8 ปรากฏ”
และมันยังคงประกาศต่อโดยไม่สนใจผู้เล่นทั้งสองที่กำลังหน้าซีดเข้าไปทุกที
“ตายแน่ๆ แห่มาเยอะอย่างนี้คงไม่รอดแน่!” มาริโอแผดเสียงร้องดังลั่นพร้อมกับวิ่งวนรอบตัวเมฆาอย่างหวาดกลัว “ไม่รอดแน่ พระเจ้าช่วยกล้วย...”
“หุบปาก!”
เมฆาตะโกนเสียงดังลั่น ทำเอามาริโอรีบหุบปากอย่างเร็ว ซึ่งราตรีเข้าใจดีว่าเมฆาตวาดไปเพื่อต้องการทำสมาธิ
“อกอิอ้วกออนเอ้ออาอดเออะอะอาดอี้เอยอ๋ออั๊บอั้นอี้เออา (ปกติพวกมอนสเตอร์ปรากฏเยอะขนาดนี้เลยเหรอครับท่านพี่เมฆา)” ราตรีถามอย่างสงสัย เพราะถ้าเธออยู่คนเดียวแล้วต้องมาเจอแบบนี้เข้าล่ะก็คงแย่แน่ๆ
“ไม่เลยสักนิดเดียว” เมฆาพอเดาคำพูดของราตรีออก ก็เลยทำให้ชายหนุ่มตอบกลับไปได้โดยไม่ต้องคิดมาก “อย่างมากก็แค่ห้าตัว อย่างที่พี่เคยเล่าไป บนเกาะเริ่มต้นจะมีมอนสเตอร์น้อยมากเพราะกลัวผู้เล่นหน้าใหม่จะสู้ไม่ได้ แต่นี่มันผิดปกติเกินที่พี่เคยเจอมาก่อน เอาล่ะ เกาะพี่ให้แน่นๆนะน้องราตรี เพราะต่อจากนี้ไปพี่จะสู้กับพวกมอนสเตอร์แบบไม่หยุดพัก น้องราตรีไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้นนะ เดี๋ยวพี่จะคอยอยู่คุ้ม…”
จู่ๆ เมฆาก็เงียบเสียงไปหน้าตาเฉย ทำให้ราตรีนึกสงสัยว่าทำไมอีกฝ่ายถึงเงียบไป ไม่ทันที่ราตรีจะได้ก้มหน้ามองเมฆาอย่างสงสัย ระบบเกมก็ได้ประกาศบอกกับเธอเสียก่อน
“ผู้เล่นเมฆาถูกตัดออกจากเซิฟเวอร์ค่ะ”
“นั่นแกทำอะไรของแกนะไอ้ปริญ!”
ดนัยเทพร้องโวยวายเมื่อเห็นเพื่อนร่วมงานกดปุ่มคำสั่งให้ผู้เล่นเมฆาหลุดออกจากเซิฟเวอร์กะทันหัน ส่วนคนโดนโวยที่กำลังทำหน้าสะลึมสะลือเพราะง่วงนอนจัด ต้องกระเด้งออกจากเก้าอี้ราวกับถูกไฟช็อตใส่
“เอ๋? อะไรดนัย นายเรียกฉันเหรอ ฮ้าว! ง่วงวุ้ย” ถึงแม้จะตื่นแล้วแต่เสียงพูดยังคงงัวเงีย ซึ่งดนัยเทพทนไม่ได้ที่เห็นปริญทำท่าเหมือนไม่รู้เรื่องอะไรเลย เขาจึงจับไหล่อีกฝ่ายก่อนจะเขย่าไปมาอย่างเร็วๆ “เฮ้ยๆ อย่าเขย่าสิฟ่ะ! ปลุกกันดีๆก่อนก็ได้ ไม่เห็นต้องลงไม้ลงมือถึงขนาดนี้เลยนี่ไอ้ดนัย!!”
“นี่แกยังไม่รู้สึกตัวว่าทำอะไรลงไปอีกนะไอ้ปริญ!! ดูนู่น! ถ้าอยากรู้ก็หันไปดูหน้าจอของตัวเองซะ!”
ดนัยเทพแผดเสียงบอกอย่างสุดทนก่อนจะใช้มือดันศีรษะของเพื่อนร่วมงานให้หันไปดูหน้าจอ ซึ่งทำเอาปริญที่ยังไม่หายสะลืมสะลือดี กลับต้องเบิกกว้างด้วยความตกใจ
“อุ๊บส์!”
“ไม่ต้องมาอุ๊บส์เลยไอ้ปริญ แกรู้ตัวรึเปล่าว่าทำอะไรลงไป! ดีนะที่คนอื่นๆพักงานครึ่งชั่วโมง ไม่งั้นคงแย่กว่านี้แน่” ดนัยเทพบอกพลางปล่อยมือออกจากศีรษะของปริญ “มีอย่างที่ไหนง่วงนอนจนเผลอกดปุ่มไล่ไอดีผู้เล่นเมฆาให้หลุดออกจากเซิฟเวอร์ในขณะตอนหน้าสิวหน้าขวานแบบนี้กันด้วยเล่า ฮึ! งานนี้เราคงได้เห็นไอดีแปดพันถูกมอนสเตอร์ฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยมต่อหน้าต่อตาซะแล้วมั้งไอ้ปริญ!”
แล้วปริญก็เงียบไปราวกับใช้ความคิด ก่อนจะพูดต่อ
“งั้นก็ส่งผู้ช่วยไปสิ จะได้ไม่ต้องทนเห็นไอดีแปดพันถูกฆ่าไง”
“ไอ้บ้า!” ดนัยเทพด่าทันทีที่ได้ยินคำตอบของอีกฝ่าย “คิดจะแก้ปัญหาด้วยวิธีนั้นได้รึไง แกอย่าลืมสิว่าพวกเราเป็นใคร จะไปช่วยผู้เล่นตลอดแบบนั้นมันไม่ดีหรอกนะ”
“แล้วนายจะให้ฉันทำยังไงล่ะ” ปริญถามย้อน ซึ่งทำเอาดนัยเทพถึงกับสะอึก
“ก็…ก็…”
“เห็นไหม แม้กระทั่งนายก็ยังคิดไม่ได้” ปริญพูดพลางส่ายหน้า “ช่างเถอะ ถือว่างานนี้ฉันผิดเอง เอ้อ ถ้านายจะส่งรายงานท่านประธานคราวหน้าแล้วล่ะก็ ช่วยเขียนรายงานลงไปด้วยว่าฉันเป็นคนทำให้ไอดีแปดพันต้องเผชิญหน้ากับมอนสเตอร์นับร้อยตัวจนถึงแก่ความตายแล้วกัน”
“ปริญ นี่แก…”
ดนัยเทพพูดไม่ออกเมื่อเห็นปริญยอมแพ้อย่างง่ายๆแบบนี้ เพราะเจ้าตัวเป็นคนมีไอคิวสูงผิดกว่าคนปกติ ดังนั้นไม่ว่าเรื่องจะยากมากแค่ไหน ปริญก็มักจะแก้ไขได้อยู่ตลอดเสมอ
“อ้อ แล้วก็ฝากแจ้งท่านประธานให้ด้วยว่า ฉันขอลาพักครึ่งชั่วโมง”
จู่ๆ ปริญก็พูดขึ้นมาอย่างหน้าตาเฉย ทำเอาดนัยเทพถึงกับงง
“นั่นแกจะไปไหนของแกน่ะไอ้ปริญ” ดนัยเทพถามอย่างสงสัย ซึ่งปริญยังไม่ตอบคำถามของดนัยเทพเดี๋ยวนั้น ชายหนุ่มกลับรีบหยิบแว่นตาอนาล็อกเกมขึ้นมาก่อนจะตอบกลับมาด้วยหน้าตาเจ้าเล่ห์ว่า
“ก็ไปช่วยเด็กทารกน่ารักในเกมไง…ถึงจะกฎระบุว่าห้ามจีเอ็มทำการยื่นมือเข้าแทรกแซงการดำเนินเกมของผู้เล่น แต่ก็ไม่ได้ระบุว่าห้ามผู้เล่นช่วยเหลือซึ่งกันและกันได้นี่หว่า”
ย้อนมาทางด้านใครบางคนที่ถูกตัดเซิฟเวอร์โดยไม่รู้ตัวนั้น ก็พลันสะดุ้งตื่นขึ้นท่ามกลางความมืดไร้แสงสว่างในห้องนอนของคฤหาสน์อันใหญ่โตแห่งหนึ่งในประเทศจีน ทีแรกเจ้าตัวออกจะงุนงงสักเล็กน้อยเนื่องจากเมื่อครู่นี้ตนกำลังยืนคุยกับเพื่อนในเกมอยู่เลย แต่ไฉนถึงได้โดนตัดออกจากเกมอย่างกะทันหันทั้งๆที่คฤหาสน์ของเขาไม่เคยมีปัญหาเกี่ยวกับอินเตอร์เน็ตเลยสักนิด
หรือว่าไฟตก?
เมื่อคิดได้ดังนั้นจึงถอดแว่นตาอนาล็อกออก เผยให้เห็นนัยน์ตาสีน้ำตาลส่องประกายสดใสท่ามกลางความมืดมิด ครั้นคิดจะผุดลุกขึ้นจากที่นอน ก็รู้สึกปวดเอวกะทันหันจึงโน้มตัวลงสักครู่ก่อนจะผุดลุกขึ้นนั่งอีกครั้ง
ไม่ไหว นอนเล่นเกมนานเกินไปหน่อยมั้งเรา
เจ้าตัวคิดพลางส่ายหน้ากับความบ้าเกมของตัวเอง แล้วจากนั้นจึงหันไปกดสวิตซ์ไฟที่หัวเตียง ก่อนที่แสงสว่างจะปรากฏขึ้นทั่วห้อง เผยให้เห็นร่างสูงในวัยชราราวเจ็ดสิบปลายผมสั้นระต้นคอสีดำในชุดคลุมสีฟ้าครามลายมังกรนั่งอยู่บนเตียงหลังใหญ่ท่ามกลางห้องนอนที่หรูหราระดับโรงแรมห้าดาว
“นี่มีใครอยู่ข้างนอกบ้าง”
เจ้าตัวบอกพลางกดปุ่มเรียกให้ใครสักคนเดินเข้ามา ซึ่งไม่นานนักประตูสีทองของห้องก็ถูกเปิด ซึ่งเผยให้เห็นชายหนุ่มลูกครึ่งจีนร่างสูงผมดำสั้นในชุดสูทสีดำเดินย่างกรายเข้ามาในห้องก่อนจะหยุดเดินพร้อมกับโค้งคำนับผู้ที่อยู่บนเตียงด้วยความนอบน้อม
“มีเรื่องอะไรหรือครับ บอส”
“ไม่มีอะไรมากหรอก แค่จะวานให้ช่วยอะไรนิดหน่อย”
“ครับบอส”
ที่แท้ชายชราวัยเจ็ดสิบผู้นี้คือเมฆาที่เพิ่งถูกปริญกดปุ่มไล่ออกจากเกมเมื่อครู่นี้เอง!
นี่ถ้าคนในเกมได้รู้ถึงฐานะแท้จริงของผู้เล่นเมฆานี่แล้วล่ะก็ มีหวังตกใจจนช็อกหมดสติแน่ ซึ่งไม่เว้นแต่ราตรี ดนัยเทพ หรือแม้กระทั่งปริญก็ตามที เพราะเขาคือไป่เส้าอวิ๋น อดีตตำนานมาเฟียผู้ที่ครั้งหนึ่งเคยมีอิทธิพลครอบงำกึ่งหนึ่งของแผ่นดินใหญ่ แม้รัฐบาลยังต้องเกรงใจ
“นี่กี่โมงแล้วรึอาเฟย” เขาเรียกอีกฝ่ายอย่างสนิทสนม “อยากให้นายโทรไปถามองค์การไฟฟ้าหน่อย”
อาเฟยหรือบอดี้การ์ดของเขารับฟังก่อนจะพูดตอบกลับไปว่า
“บ่ายสองสี่สิบครับบอส เอ่อ องค์การไฟฟ้ามีปัญหาอะไรกับบอสหรือครับ”
“ก็เรื่องเกมที่เรากำลังเล่นอยู่นี่ไงล่ะอาเฟย” ชายชราพูดพลางถอนหายใจ “อยู่ดีๆ เราก็ถูกตัดออกจากเซิฟเวอร์ทั้งที่เราไม่ได้ต้องการออฟไลน์ออกจากเกมเลยแม้สักนิดเดียว”
ถึงแม้ร่างกายจะแก่ชราไปมากแล้ว แต่อวิ๋นหรือเมฆาก็ยังมีนิสัยที่ชื่นชอบเล่นเกมเหมือนเด็กเสมอ ส่วนอาเฟยก็ได้แต่ทำหน้าขมวดคิ้วมองผู้เป็นนายของตนอย่างไม่เข้าใจ ว่าทำไมมาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ขนาดนี้ถึงได้ติดเกมยิ่งนัก และนอกจากนั้นเขายังบังคับให้ตนร่วมเล่นเกมเรียลออฟไลฟ์นี้เป็นเพื่อนโดยห้ามนำไปบอกใครเป็นอันขาดอีกด้วย
“แปลกนะครับ ถ้าเป็นเรื่องไฟฟ้าแล้ว ไม่น่าจะเป็นแบบนั้นได้ เพราะเมื่อครู่นี้ผมเองก็กำลังดูข่าวทางโทรทัศน์อยู่พอดี หรือว่ามีคนปองร้าย! จริงสิ!! มันต้องเป็นพวกแฮคเกอร์! มันต้องใช่ฝีมือพวกแฮคเกอร์แน่ๆ ครับบอส!!”
อาเฟยพูดด้วยความเดือดดาล เพราะเขาไม่นึกเลยว่าจะมีคนกล้ากระตุกหนวดมังกร ด้วยการไล่เมฆาที่เป็นผู้เล่นระดับท็อปซึ่งกำลังเป็นที่โด่งดังของเกมเรียลออฟไลฟ์ให้ออกจากเกมอย่างกะทันหัน
“ใจเย็นๆ อาเฟย เรื่องนี้ไม่น่าจะเกี่ยวกับแฮคเกอร์หรอก” ไป่เส้าอวิ๋น รีบพูดกล่อมเพราะกลัวว่าอาเฟยจะทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่ “ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นเพราะสัญญาณอินเตอร์เน็ตไม่ค่อยจะดีก็เป็นได้ แล้วอีกอย่างเราก็แค่ถูกตัดออกจากเซิฟเวอร์เกมเท่านั้น”
“แต่ผมเกรงว่า…”
“ไม่มีแต่ จัดการทำให้เรากลับเข้าไปในเกมด่วน เพราะตอนนี้เราต้องรีบกลับไปช่วยชีวิตเด็กทารก ไม่สิ เพื่อนตัวน้อยให้ทันก่อนที่จะสายเกินแก้”
เขาพูดตัดบทเพราะเขาเริ่มเป็นกังวลว่าราตรีจะตายไปเสียก่อนที่เขาจะได้เข้าไปช่วย
“ครับ”
อาเฟยตกปากรับคำก่อนจะรีบวิ่งออกไปจากห้องนอนเพื่อทำตามคำสั่งอย่างรวดเร็ว ซึ่งกว่าที่อวิ๋นจะได้กลับเข้าไปสวมบทบาทของผู้เล่นเมฆาอีกครั้ง เวลาในเกมก็ผ่านไปราวห้าถึงหกวันแล้ว
วกกลับมาทางด้านเกม หลังจากเมฆาได้หายตัวไปต่อหน้าแล้ว ราตรีก็ได้ขึ้นขี่คอมาริโอราวกับขี่ม้า ก่อนจะสั่งให้มันออกวิ่งหนีฝูงหนอนนับร้อยชีวิตที่ติดตามหลังอย่างน่ากลัว
“ฮู้ๆ อ้าไอ้อากอายอ้ออิ้งเอ็วเอ้าอาอิโอ้! (วู้ๆ ถ้าไม่อยากตายก็วิ่งเร็วเข้ามาริโอ!)”
ส่วนมาริโอที่ถูกสั่งให้วิ่งหนีก็ได้แต่ร้องเหนื่อยหอบจะเป็นจะตาย เพราะมันได้พาเจ้านายออกวิ่งมาเกือบสองชั่วโมงแล้ว
“แฮ่กๆ ฮือๆ ทำไมหนูต้องมาวิ่งแบบนี้ด้วย”
โป๊ก!
เสียงราตรีทุบหัวมาริโอด้วยความหมั่นไส้
“อิ้งอ่อไอ อ้ามอ่น (วิ่งต่อไป ห้ามบ่น)” ราตรีพูดเสียงดุ ถ้าให้เลือกได้ราตรีคงไม่ใช้มาริโอให้วิ่งหนีจนเหนื่อยขนาดนี้หรอก แต่เธอจำเป็นต้องทำเพราะคนที่เคยเอ่ยปากว่าจะปกป้องกลับหายไปเสียแล้ว “อ้าออดอาย ไอ้อ้าอาด (ถ้ารอดตาย ให้ห้าบาท)”
ส่วนมาริโอเมื่อได้ยินที่อีกฝ่ายบอก ก็แทบมึนงงเพราะไม่รู้จักคำว่าห้าบาทเลยสักนิดเดียว แต่ด้วยสถานการณ์หน้าสิวหน้าขวานแบบนี้ มาริโอจึงตัดใจไม่ถามเจ้านายของมันอีก เพราะถึงถามไปก็มีแต่จะโดนทุบหัวเอาได้ง่าย
กึก!
เนื่องจากมาริโอวิ่งแบบไม่ลืมหูลืมตาทำให้สะดุดรากไม้จนล้มลงไป ส่วนราตรีที่ขี่คอมันอยู่ก็กระเด็นกลิ้งไปข้างหน้ามาริโอซะจนหลายตลบ
“อูย เอ็บๆ (อูย เจ็บๆ)” ราตรีร้องครางอย่างแผ่วเบาเมื่อร่างของเธอได้หยุดกลิ้งแล้ว พอตั้งตัวได้เธอก็เงยหน้าขึ้นมองหาทาสรับใช้ของตัวเอง ก่อนจะตกใจเมื่อได้เห็นมอนสเตอร์นับร้อยกำลังคลานมาจวนใกล้จะถึงพวกเธอแล้ว “อาอิโอ้! อุ๊กเอ็วเอ้า อวกอันอาแอ้ว! (มาริโอ! ลุกเร็วเข้า พวกมันมาแล้ว!)”
มาริโอได้ยินที่เจ้านายมันบอก ก็รีบผุดลุกขึ้นยืนพลางหันกลับไปมองก่อนจะเบิกตากว้างอย่างตกใจเมื่อเห็นฝูงหนอนยักษ์กำลังคลานตามมาอย่างรวดเร็ว
“ว้าก! พวกมันมาแล้วจริงๆด้วย!”
มาริโอร้องอย่างเสียขวัญก่อนจะวิ่งมาทางเจ้านาย แต่แทนที่มันจะคาบเธอวิ่งหนีไปด้วยพร้อมกัน มันกลับวิ่งกระโดดข้ามตัวเธอไปอย่างหน้าตาเฉย
“อ้าวเอ้ย! อั้นอะอี๋ไอไอ๋! อาอับอ้าไออ้วยอิ! (อ้าวเฮ้ย! นั่นจะหนีไปไหน! มารับข้าไปด้วยสิ!)” ราตรีร้องเรียกให้มาริโอวิ่งกลับมารับตัวเธอด้วย แต่มันกลับตะโกนบอกกับเธอว่า “เรื่องอะไรที่ข้าจะต้องรับแกไปด้วยเล่าไอ้เด็กเปรต! ตัวใครตัวมันล่ะเฟ้ย!!”
แล้วมาริโอก็วิ่งหนีหายเข้าไปในป่าลึกโดยไม่ย้อนกลับมารับราตรีเลยสักนิด ซึ่งการกระทำของมาริโอทำเอาราตรีถึงกับอ้าปากค้าง
ทั้งที่เราอุตส่าห์ใจดีกับมันแล้วแท้ๆ…
แต่มันกลับเลือกที่จะทิ้งเรา…
พอราตรีคิดได้ดังนั้น น้ำตาก็พลันไหลอาบแก้มด้วยความน้อยอกน้อยใจที่ใครๆต่างพากันทิ้งเธอไปกันจนหมด
สูญสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง...
ไม่มีใครเลยที่จะอยู่ข้างกายเราได้ตลอดเวลา...
แล้วราตรีก็ก้มหน้าฟุบกับอ้อมแขนน้อยๆของตัวเองท่ามกลางวงล้อมของมอนสเตอร์นับร้อยที่จ้องจะฆ่าเธออยู่ในเร็วๆนี้

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 พ.ค. 2555, 10:50:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 พ.ค. 2555, 10:50:11 น.
จำนวนการเข้าชม : 1348
<< บทที่ 6 | บทที่ 8 >> |