คุณทวดออนไลน์ (The Real of Life online)
เมื่อคุณทวดเข้าไปเล่นเกมออนไลน์ (เนื้อเรื่องนี้ไม่ค่อยสมเหตุสมผลเท่าไหร่ เขียนเน้นฮาเพียงอย่างเดียวค่ะ)
Tags: เฮฮา บ้าบอ มาริโอ เกมออนไลน์ คุณทวด
ตอน: บทที่ 9
บทที่ 9 หนึ่งขวบ
ทางด้านปฐพี ศาสตรา และพิภพนั้นเมื่อทั้งสามเสร็จธุระในเมืองเริ่มต้นแล้ว ก็พลันรีบออกจากเมืองเริ่มต้นก่อนจะมุ่งหน้าไปยังป่าเขาวงกตที่อยู่ตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะเริ่มต้น ซึ่งโชคร้ายที่พวกราตรีได้ออกจากป่าเขาวงกตไปเมื่อสามชั่วโมงก่อนหน้านี้แล้ว จึงทำให้ทั้งสามคนพลาดโอกาสที่จะได้เจอตามที่คาดคิดไว้ ทว่าการเข้ามาในป่าเขาวงกตนี้ไม่ง่ายเหมือนสมัยที่พวกปฐพีเคยเข้ามาก่อน เนื่องจากเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วปริญได้เป็นคนแก้ไขโปรแกรมตรงจุดนี้ให้มันยากยิ่งขึ้น จากเดิมที่เส้นทางภายในเป็นรูปแบบเก่าๆ ซึ่งไม่ว่าผู้เล่นคนใดที่เคยเข้ามาซ้ำเกินสองรอบแล้วย่อมจำได้ มาบัดนี้ได้เปลี่ยนเป็นรูปแบบใหม่จนไม่มีเค้าแบบเดิม โดยเส้นทางภายในจะถูกปรับเปลี่ยนเองอัตโนมัติอยู่ตลอดทุกๆสิบนาที ดังนั้นผู้รู้เส้นทางนี้ก็มีเพียงแต่ปริญหรือปริ๊นซ์เท่านั้น
ซึ่งแน่นอนว่าพวกปฐพีเดินเข้ามายังป่าเขาวงกตโดยไม่รู้เรื่องการปรับเปลี่ยนเส้นทางใหม่นี้ จึงทำให้พวกเขาเดินหลงทางตั้งแต่เข้ามาได้ไม่ถึงชั่วโมงดี
“มันอะไรกันวะเนี่ย ฉันจำได้ว่ามันต้องเป็นเส้นทางนี้สิ แล้วมันหายไปได้ยังไงล่ะ” ศาสตราร้องโวยวายเมื่อเห็นว่าเส้นทางที่ตนเคยเดินผ่านมาก่อนกลับหายไป
“ใจเย็นๆศาสตรา เส้นทางเดินมันคงไม่ได้หายไปไหน บางทีนายอาจจะหลงลืมจำผิดไปก็ได้นะ” พิภพรีบพูดปลอบเพื่อน แต่ศาสตรากลับแย้งว่า “จำผิดบ้าสิ เส้นทางนี้ฉันเคยเดินอยู่สิบรอบแล้ว ไม่มีทางลืมได้อย่างแน่นอน!”
“แต่ของแบบนี้มันก็ลืมได้เหมือนกันนะศาสตรา ดูอย่างปฐพีสิ เขายังไม่เห็นโวยวายเหมือนนายเลยสักนิด”
พิภพบอกก่อนจะเหลือบตาไปยังทางปฐพีที่กำลังยืนเหม่อมองไปข้างหน้าราวกับใช้ความคิดอย่างเงียบๆ ซึ่งคำพูดของพิภพเล่นเอาศาสตราถึงกับหน้าเจื่อนไปทันที แล้วทั้งคู่ต่างยืนรอเพื่อนสักพัก ก่อนที่ปฐพีจะรู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่
“อ๊ะ ขอโทษทีพวก มัวแต่เหม่อมากไปหน่อยนะ”
เขาพูดขอโทษเพื่อนทั้งสองคนอย่างเกรงใจ
“ไม่เป็นไร พวกฉันไม่ว่าอะไรนายหรอก” ศาสตราพูดตอบไปยิ้มไปพลาง เพราะพวกเขาต่างรู้ดีว่าปฐพีเหม่อลอยด้วยเรื่องอะไร “ว่าแต่จะเอายังไงกันดีต่อปฐพี จะให้พวกเราออกตามหาคุณยายในป่าเขาวงกตต่อเลยไหมหรือจะออกไปหาที่อื่นล่ะ”
ปฐพีได้ยินคำถามของศาสตราแล้วถึงกับขมวดคิ้วครุ่นคิด เพราะขืนพวกเขาออกเดินหาคุณยายในป่าเขาวงกตโดยที่ยังหลงทางแบบนี้ต่อไปแล้วล่ะก็ คงจะหาพบได้ยาก แถมเขาก็ไม่แน่ใจว่าคุณยายจะเดินอยู่แถวนี้ด้วย
“ฉันว่าพวกเราออกไปตามหาคุณยายที่อื่นดีกว่านะ”
แล้วจากนั้นทั้งสามหนุ่มก็พากันเดินหาทางออก โดยที่ยังไม่รู้แน่ชัดว่าพวกเขาจะใช้เวลานานซักเท่าไหร่ถึงจะสามารถออกไปจากที่แห่งนี้ได้
กลับมาทางด้านพวกราตรีพิสุทธิ์ หลังจากที่ปริ๊นซ์ได้พาราตรีกับมาริโอเดินออกมานอกเขตป่าเขาวงกตแล้ว ชายหนุ่มก็ได้ให้เต็นท์กับราตรีหนึ่งชุดฟรีเพราะเห็นว่าเธอเป็นเด็กทารก ซึ่งจำเป็นต้องมีที่นอนดีๆไว้นอนหาได้ใช่นอนตามพื้นดินพื้นทรายเหมือนแต่ก่อน และนอกจากนี้ปริ๊นซ์ยังให้ของกับมาริโอถึงสองชิ้นอีกด้วย
“นี่มันเสื้อผ้ากับรองเท้าไม่ใช่รึ เอามาให้ข้าทำไม”
มาริโอถามพลางก้มมองชุดเอี๊ยมยีนส์เสื้อแดงกับรองเท้าคู่ใหม่สีแดงเข้มที่ตัวมันเองกำลังใส่อยู่อย่างสงสัย ซึ่งปริ๊นซ์หาได้ตอบเดี๋ยวนั้นไม่ กลับทำหน้าอมยิ้มก่อนจะหัวเราะเสียงดังลั่น ส่วนราตรีได้แต่อ้าปากค้างมองมาริโอในมาดใหม่
เหมือน...
เหมือนมาริโอไม่มีผิด!
“น่าเสียดายจริงๆ ยังขาดตรงที่ไม่มีแขนกับหัวที่ยังเป็นเห็ดอยู่” ปริ๊นซ์พูดพลางมองมาริโอตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า “นี่ถ้าพัฒนาทักษะกับระดับอีกหน่อยก็คงจะเปลี่ยนร่างได้เหมือนแน่”
จะเหมือนหรือไม่เหมือนก็ช่าง เพียงแค่นี้ราตรีก็ไม่รู้จะตอบแทนชายหนุ่มคนนี้ยังไงดีแล้ว เพราะนอกจากเขาจะช่วยเธอกับมาริโอให้รอดเงื้อมมือฝูงหนอนยักษ์กับพาออกจากป่าเขาวงกตแล้ว ยังมอบของให้กับพวกเธอฟรีโดยไม่คิดเงินสักแดงเดียวด้วย
“ออบอุนงับอี้อาย ออบอุนอิงๆ (ขอบคุณครับพี่ชาย ขอบคุณจริงๆ)”
ราตรีได้แต่กล่าวขอบคุณพลางก้มหัวให้ ซึ่งทำเอาอีกฝ่ายถึงกับรีบเข้าไปพยุงเด็กทารกน้อยให้เงยหน้าขึ้น
“ไม่ต้องก้มหน้าขอบคุณพี่ขนาดนี้ก็ได้ พี่แค่ทำในสิ่งที่ผู้เล่นที่ดีควรพึงกระทำก็เท่านั้น”
ปริ๊นซ์พูดแต่ในใจคิดไปอีกอย่าง
โธ่คุณยายคร้าบ อย่าให้ผมอายุสั้นเลยคร้าบ!
ก่อนปริ๊นซ์จะขอตัวไปทำภารกิจ ราตรีไม่ลืมที่จะขอบันทึกชื่อปริ๊นซ์ไว้เป็นเพื่อนด้วย
“แล้วเจอกันนะน้องราตรี”
“ฮะ”
แล้วร่างสูงก็พลันหายวับไปทันที เมื่อปริ๊นซ์ได้จากไปแล้ว ราตรีก็หันมามองมาริโอในชุดเอี๊ยมสีแดงที่กำลังสำรวจเสื้อผ้าชุดใหม่ของตัวเองอยู่
“มะรีโอ้” มาริโอได้ยินก็เงยหน้าขึ้นมองผู้เรียก “เอ้าอู้อางอี้อะไอเอืองเอิ้มอ้นไอ๋ (เจ้ารู้ทางที่จะไปเมืองเริ่มต้นไหม)”
“ไม่รู้”
มาริโอตอบหน้าตาย ซึ่งทำเอาราตรีถึงกับผงะ
ช่างเป็นทาสรับใช้ที่ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย! ราตรีคิดอย่างปวดหัว แต่แล้วเธอก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามาริโอเป็นเพียงแค่มอนสเตอร์ แถมอยู่แต่ในป่ามาตลอด จะไปรู้เส้นทางข้างนอกป่าได้ยังไงกัน เอาเถิด คลำทางไปเรื่อยๆแล้วกัน ไว้เจอผู้เล่นคนอื่นกลางทางแล้วค่อยถามเอา
ราตรีคิดได้ดังนั้นก็ขึ้นขี่มาริโอก่อนจะสั่งให้มันออกเดินตามทางที่เธอบอก
แกรก!
เสียงแว่นตาอนาล็อกถูกถอดออก เผยให้เห็นนัยน์ตาสีดำอมน้ำตาลเมื่อยามต้องแสงไฟ
“ว่ายังไงพ่อวีรบุรุษ” เสียงของดนัยพูดออกมาอย่างห้วนๆ ทำให้ผู้ที่เพิ่งจะลืมตาขึ้นไม่นานต้องหันไปส่งยิ้มให้ “ไปช่วยเด็กทารกคงจะปลื้มมากสินะ ถึงกับให้เต็นท์หนึ่งหลัง เสื้อผ้าหนึ่งชุด กับรองเท้าอีกหนึ่งคู่ไปฟรีๆด้วย ให้ตายสิ คิดจะทำอะไรก็หัดปรึกษาคนอื่นเสียบ้างสิ”
คนถูกบ่นถอนหายใจเฮือกก่อนจะพูดกลับไปว่า
“ก็ให้ทำยังไงได้ ฉันทำผิดจนทำให้ไอดีแปดพันเกือบต้องตาย ของแบบนี้มันต้องหาอะไรให้ชดเชยเพื่อเป็นการปลอบใจแทน นายก็น่าจะรู้กฎข้อนี้ของจีเอ็มดีนะดนัย”
“ใช่ ฉันรู้” ดนัยตอบด้วยสีหน้าบูดบึ้ง “แต่แกช่วยพวกเขาให้รอดชีวิตกับพาออกจากป่าเขาวงกตก็น่าจะพอแล้วนี่ แล้วทำไมถึงต้องให้ของกันด้วยล่ะ”
“ก็…ผู้เล่นคนนั้นน่ารักดีนี่ แหม ดนัยเอ้ย ถ้าลองเป็นนายได้เห็นน้องราตรีแล้วล่ะก็”
ปริญพูดเสียงสูงราวกับเพ้อฝัน ซึ่งทำอาดนัยเทพอดส่ายหน้าไม่ได้
“เออๆ น่ารักก็น่ารัก” ดนัยพูดด้วยความเหนื่อยหน่ายก่อนจะหยิบกระดาษออกมาปึกหนึ่ง “เอานี่ไปทำซะ เรื่องรายงานฉันไม่ทำให้แกหรอกนะ เอ้อ ท่านประธานฝากมาบอกไว้ว่าอย่าให้มีแบบนี้อีกเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นนายเตรียมโดนซองขาวได้เลย”
“อือ รู้แล้วๆ ไม่ต้องย้ำหรอกน่าให้ตายสิ”
ปริญตอบก่อนจะหยิบกระดาษที่ดนัยให้มาเขียนรายงานอย่างรวดเร็ว
ตั้งแต่ราตรีได้เข้ามาเล่นเกมตามคำเชิญของนพหลานชายแล้ว วันเวลาก็ได้ผ่านไปสองอาทิตย์กับอีกสามวันเต็มๆ ซึ่งเธอไม่นึกเลยว่าจะเล่นมาได้ถึงขนาดนี้ ช่วงสองอาทิตย์แรกราตรีก็ได้สัมผัสกับการใช้ชีวิตเยี่ยงทารกนั้น ช่างเป็นประสบการณ์ประเสริฐที่สุด เพราะไม่มีมนุษย์คนใดที่เกิดมาแล้วสามารถจดจำในช่วงเป็นทารกได้กันสักคนเดียว
ป่านนี้แล้วท่านพ่อกับท่านแม่จะเป็นยังไงบ้างนะ
ราตรีคิดพลางเงยหน้าเหม่อมองท้องฟ้ายามมืดมิด มีเพียงแสงดาวกับแสงจันทร์ที่ยังคงทอแสงประกายสดใสในยามนี้
“ข้าวบดเนื้อหนอนยักษ์ผสมกล้วยหอมของเจ้าเดือดแล้วนะ”
เสียงเรียกขัดจังหวะความคิด ทำให้ราตรีต้องหันหน้ากลับไปมองมาริโอ ซึ่งมันกำลังนั่งมองข้าวในหม้อกะลาที่ตั้งอยู่บนกองไฟตรงหน้า
“อือ อะไอเอี๋ยวอี้แอะ (อือ จะไปเดี๋ยวนี้แหละ)”
ราตรีบอกก่อนจะคิดย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน ซึ่งหลังจากท้องฟ้าเริ่มมืดตัวลง เธอก็สั่งให้มาริโอตั้งเต็นท์ทันที ส่วนตัวเธอก็ควักเอากะลามะพร้าวเก่าๆที่เคยใช้แล้วออกมาจากกระเป๋าเป้เสื้อผ้าของตัวเองก่อนจะลงมือทำอาหารตามที่ตัวเองถนัด ซึ่งคราวนี้มาริโอได้ให้ช่วยเธอทำอาหารโดยเธอไม่จำเป็นต้องเอ่ยปากสั่งเลยด้วยซ้ำ
“ว่าแต่อาหารที่เจ้าทำมันจะกินได้เหรอ นี่มัน...” มาริโอพูดพลางก้มมองอาหารในหม้อด้วยสีหน้าฉงน ในขณะที่ราตรีกำลังตักอาหารใส่กะลามะพร้าวให้มาริโออยู่ “...เนื้อหนอนยักษ์ที่เคยคิดจะฆ่าพวกเราเชียวนะ”
“อือ อ้อไอ้อะอิ เอ้าอะอัวไออำไอเอื้ออ้วกอันอายไอแอ้ว อีไอ้อานอ้ออีอ๋มแอ้ไอ๋แอ้ว (อือ ก็ใช่นะสิ เจ้าจะกลัวไปทำไมเมื่อพวกมันตายไปแล้ว มีให้ทานก็ดีถมแค่ไหนแล้ว)”
ราตรีเห็นโอกาสดีก็เลยพูดสั่งสอนให้มันรู้ซึ้งถึงคุณค่าของอาหารซะเลย แต่แทนที่มาริโอจะเข้าใจ กลับทำสีหน้ารังเกียจอาหารที่เธอทำให้
“ไม่เอา ไม่ทาน ให้ตายยังไงก็ไม่กินเด็ดขาด!”
“อ่าเอื้องอ้ากไอ้ไอ๋มะรีโอ้ อี๊บอานๆเอ้าไออ๊ะ เอาะอังไออันอ้อเอื๋อนเอื้ออั้วไออี้เอ้าเอยอานอั้นแอะ (อย่าเรื่องมากได้ไหมมาริโอ รีบทานๆเข้าไปซะ เพราะยังไงมันก็เหมือนเนื้อทั่วไปที่เจ้าเคยทานนั่นแหละ)” ราตรีพูดเสียงดุ ก่อนจะวางกะลามะพร้าวที่เต็มไปด้วยอาหารลงบนพื้นอย่างแรงจนทำให้น้ำซุปกระฉอก “อานอ๊ะ เอี๋ยวอะอาไออ๋าเอ็ดอ่าอั๊กๆ (ทานซะ เดี๋ยวจะพาไปหาเห็ดน่ารักๆ)”
“ทะลึ่งละไอ้เด็กเปรต เป็นเด็กเป็นเล็กทำรู้มาก เดี๋ยวปัด...”
มาริโอเถียงพลางทำท่าจะเตะราตรี แต่พอมันเห็นใบหน้าของเจ้านายแล้วเกิดชะงักค้าง
“ขอโทษ”
แล้วมาริโอก็รีบทานอาหารที่ราตรีวางให้อย่างเร็วโดยไม่เถียงอีกเลย หลังจากที่ทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว มาริโอก็เอากะลามะพร้าวไปล้างน้ำให้ราตรีทันที ซึ่งทำเอาราตรีถึงกับแปลกใจ
อะไรของมัน? แล้วเวลาก็ผ่านไปสิบนาทีได้ มาริโอก็กลับมาที่เต็นท์อีกครั้งพร้อมกะลามะพร้าวในปากที่ถูกล้างสะอาดเอี่ยมอ่อง ไปล้างด้วยน้ำเปล่าหรือน้ำลายกันแน่นะ?
ราตรีคิดพลางมองกะลามะพร้าวในปากของมาริโออย่างสงสัย แต่แล้วเธอก็พอเข้าใจได้ทันทีว่าทำไมมาริโอถึงทำแบบนี้
ไม่เสียแรงที่อุตส่าห์สั่งสอนมัน
ราตรีคิดได้ดังนั้นก็คลานเข้าไปหามาริโอ ก่อนจะใช้มือน้อยขาวๆนี้ลูบหัวมาริโอแผ่วเบา
“อำไอ้อี อ๋อไอ้เอ้าเอ็นแอบอี้อะออดไออะมะรีโอ้ (ทำได้ดี ขอให้เจ้าเป็นแบบนี้ตลอดไปนะมาริโอ)”
“ค่ามิตรภาพของท่านเพิ่มขึ้นเป็นระดับ 2”
ส่วนมาริโอเมื่อได้รับคำชมจากราตรีแล้ว ถึงกับหน้าแดงด้วยความเขินอาย
“ขะ...ข้าไปนอนก่อนนะ!”
มาริโอตะโกนบอกแล้ววิ่งเข้าไปในเต็นท์อย่างรวดเร็ว ซึ่งท่าทางของมันทำให้ราตรีอดยิ้มเสียมิได้ แล้วหลังจากนั้นราตรีค่อยเติมฟืนเข้าไปเพื่อมิให้ไฟดับก่อนจะคลานกลับเข้าไปนอนในเต็นท์ตามทีหลัง พอรุ่งเช้าต่อมาราตรีก็ลุกขึ้นคลานออกไปนอกเต็นท์เพื่อทำอาหาร
“ตื่นแล้วเหรอไอ้เด็กเปรต”
เสียงมาริโอพูดทักทายสวัสดี ทำเอาราตรีแทบขมวดคิ้ว
นี่มันตื่นนอนก่อนเธออีกรึ พอราตรีหันไปมองมาริโอ เธอก็เห็นอีกฝ่ายนั่งขัดสมาธิฉีกยิ้มให้อย่างแปลกๆ และนอกจากนั้นเธอก็ได้เห็นว่าที่บนพื้นข้างมาริโอนั้น ได้มีผลไม้ที่แกะเปลือกแล้ววางอยู่บนใบตองอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยดี อย่าบอกนะว่าที่ตื่นแต่เช้าตรู่นี่ก็เพื่อ...หาผลไม้นี้ให้เธอกิน
“อือ”
ว่าแต่มาริโอแกะเปลือกได้ยังไงนะ ก็ในเมื่อมันไม่มีมือเลยสักนิด?
ราตรีครุ่นคิดอย่างหนักก่อนจะหันไปมองรอบๆอย่างสงสัย แล้วสายตาของเธอก็พลันไปเห็นเปลือกผลไม้ที่ชุ่มด้วยน้ำวางอยู่หลังต้นไม้เข้าโดยบังเอิญ
กะแล้วเชียวว่ามันต้องเป็นแบบนี้
ราตรียิ้มพลางส่ายหน้าเมื่อเห็นความพยายามในการแกะเปลือกผลไม้ของมาริโอ เมื่อมันไม่มีมือช่วยแกะ ก็คงจะใช้ปากกับเท้าในการช่วยแกะผลไม้อย่างแน่นอน แต่ถึงกระนั้นเธอก็ไม่เคยคิดที่จะรังเกียจมาริโอเลยสักนิด
“จะอาบน้ำก่อนหรือจะทานผลไม้ก่อนล่ะไอ้เด็กเปรต” มาริโอถามพลางเตรียมท่าลุกขึ้นยืน “ถ้าอาบน้ำก่อน ข้าจะพาเจ้าไปอาบให้”
เพี๊ยะ!
“โอ้ย นี่เจ้าเฆี่ยนข้าทำไม!!” มาริโอร้องครางด้วยความเจ็บปวด และทำท่าจะพูดต่อแต่ก็ต้องหุบปากลงเมื่อเห็นร่างเล็กมองมันด้วยสีหน้าดุดัน “เอื้องอ้วกอี้อ้าอัดอานเองไอ้ เอ้าไอ้อ้องอาอุ่ง อั้งองไออ๊ะ เอี๊ยวอ้าอา! (เรื่องพวกนี้ข้าจัดการเองได้ เจ้าไม่ต้องมายุ่ง นั่งลงไปซะ เดี๋ยวข้ามา!)”
พอราตรีพูดจบ เธอก็รีบคลานไปยังทิศที่มีลำธารอยู่ด้วยความฉุนเฉียว
ขอเปลี่ยนความคิดจากไม่รังเกียจเป็นรังเกียจมาริโอ คงจะไม่สายไปหรอกนะ!
เมื่อราตรีอาบน้ำเสร็จแล้วเธอก็คลานกลับมายังเต็นท์เพื่อทานผลไม้เป็นอาหารเช้า
“อ้าว มะรีโอ้อ๋ายไอไอ๋แอ้วอี้ (อ้าว มาริโอหายไปไหนแล้วนี่)”
ราตรีพูดเมื่อเธอไม่เห็นมาริโอนั่งอยู่ที่เดิม
พลั่ก! พลั่ก!
เสียงการต่อสู้แว่วดังเข้ามาจากไม่ใกล้ไม่ไกลตรงที่ราตรีอยู่ ซึ่งทำเอาเธอนึกสงสัยจึงรีบคลานไปดูต้นเสียง เมื่อเธอคลานไปถึงแล้ว ก็ได้เห็นว่ามาริโอกำลังต่อสู้กับหมูป่าตัวเล็กตัวหนึ่งอยู่
“อย่าเข้ามาใกล้นะไอ้เด็กเปรต ประเดี๋ยวจะโดนลูกหลง!”
มาริโอตะโกนบอกเจ้านายเมื่อเห็นเธอคลานเข้ามาหา
“ไอ้ อ้าอะอ้วยเอ้าอ้วย (ไม่ ข้าจะช่วยเจ้าด้วย)” ราตรีพูดแย้งกลับไปทันทีที่มาริโอพูดจบ ก่อนจะหยิบแส้กำราบสัตว์ขึ้นมาเตรียมพร้อมจะสู้ด้วยอีกคน “อ้าเอ็นอายอองเอ้าอ๊ะ อะไอ้อ้าอืนอูเอ้าอู้อนเอียวไอ้อังไอเอ้า! (ข้าเป็นนายของเจ้านะ จะให้ข้ายืนดูเจ้าสู้คนเดียวได้ยังไงกันเล่า!)”
ว่าแล้วราตรีก็ใช้แส้กำราบสัตว์ฟาดเข้าไปที่หมูป่าสีน้ำตาลตัวเล็กที่ยืนหันหลังให้ทันที
เพี๊ยะ!
1,000
“อู๊ด!”
หมูป่าร้องด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่มันจะหันกลับมามองราตรีด้วยความโมโห
“เวรแล้ว! หนีไปไอ้เด็กเปรต!”
มาริโอร้องเตือนเสียงดังลั่น แต่ทว่าราตรีไม่คิดจะหนี เพราะว่าต่อให้เธอคลานหนีก็คงหนีไม่พ้นอยู่ดี แล้วหมูป่าตัวเล็กก็วิ่งเข้าหาราตรีซึ่งเธอก็เตรียมตั้งท่าถือแส้สองมือรอหมูป่าอย่างสงบนิ่ง จนกระทั่งหมูป่าตัวเล็กวิ่งมาถึงระยะประชิดตัว
ปึก!
“อู๊ดๆ!”
จู่ๆ ก็มีก้อนหินลอยมากระทบที่ใบหน้าของหมูป่า ทำให้มันถึงกับหยุดชะงักวิ่งไปชั่วขณะ ซึ่งราตรีได้จังหวะ เธอก็รีบฟาดแส้ใส่หมูป่ารัวทันที
ขวับ! เพี๊ยะ! ขวับ! เพี๊ยะ!
1,000
989
990
1,000
ค่าตัวเลขที่ราตรีโจมตีหมูป่าได้ปรากฏขึ้นมาหลังจากที่ราตรีฟาดแส้ลงไปด้วยเช่นกัน
“ขอร่วมด้วยคน!” มาริโอตะโกนร้องพลางวิ่งเข้ามากระทืบหมูป่าด้วยคนบ้าง ซึ่งราตรีก็ยอมให้มันโจมตีแต่โดยดี เพราะขืนปล่อยให้เธอโจมตีหมูป่าเพียงคนเดียวก็คงไม่สำเร็จแน่ ดีไม่ดีเธออาจจะโดนหมูป่าฆ่าตายก็เป็นได้ “บังอาจรุกล้ำพื้นที่ส่วนบุคคล ตายซะเถอะไอ้หมูป่า!”
ซึ่งเวลาผ่านไปได้ไม่ถึงนาที จากการรุมโจมตีของราตรีกับมาริโอ ทำให้หมูป่าตายไปอย่างรวดเร็ว
“ผู้เล่นราตรีพิสุทธิ์ฆ่าหมูป่าระดับ1 สำเร็จ”
“ท่านได้รับค่าประสบการณ์ 1500”
“ท่านได้รับเนื้อหมูป่าจำนวน 1 ชิ้น”
“ท่านได้รับเขี้ยวหมูป่าจำนวน 2 ชิ้น”
“ท่านได้เลื่อนระดับพื้นฐานจากเด็กทารกระดับ9 เป็นเด็กอายุ 1 ขวบ”
“ท่านได้พัฒนาทักษะการพูดระดับ10”
“ท่านได้รับทักษะการเดินระดับ1”
เสียงของระบบประกาศบอกก่อนที่แสงสีทองจะปรากฏขึ้นในตัวของราตรี จากร่างกายที่เล็กจิ๋วก็ได้ใหญ่ขึ้นมาสองสามเซนติเมตร ซึ่งรวมถึงเสื้อผ้าทารกที่ราตรีสวมใส่ก็เริ่มคับมากขึ้น
“เจ้า…เจ้าตัวใหญ่ขึ้นไอ้เด็กเปรต!”
มาริโอร้องอย่างตกตะลึงเมื่อเห็นนายของตนตัวใหญ่ขึ้นมา แต่ถึงกระนั้นราตรีก็ยังเตี้ยตัวเล็กกว่ามาริโออยู่ดี
“อือ หญ่ายขึ้น” ราตรีพูดพลางมองมือทั้งสองข้างของตัวเอง ก่อนจะขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ “จากี้ข้าพูดชาด อ๋า พูดเริ่มเป็งผู้เป็งคนแย้วอ่ะมะรีโอ้”
มาริโอยังไม่ตอบคำถามของเจ้านาย ได้แต่เบิกตามองร่างเล็กอย่างตะลึง
“ดีจายหมายที่ข้าเริ่มพูดชาดขึ้น”
ราตรีถามอีกครั้งซึ่งมาริโอก็รีบพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับเจ้านาย แต่ทว่าเมื่อครู่นี้ราตรีได้ยินระบบประกาศว่าเธอได้รับทักษะการเดินด้วย เธอจึงรีบใช้มือทั้งสองข้างจับพื้นดินก่อนจะยันตัวให้ลุกขึ้นยืน
“นั่นเจ้าจะยืนรึไงไอ้เด็กเปรต อ๊ะ ระวังๆ” มาริโอพูดก่อนจะรีบเข้าไปช่วยร่างเล็กประคองเมื่อเห็นเจ้านายยืนโซซัดโซเซ “ให้ข้าช่วยรึเปล่าไอ้เด็กเปรต”
“มะจ้อง ข้าจะจองหาดยืนเอง”
ราตรีบอกในขณะที่พยายามยืนให้คงที่ หากแต่เท้าไม่ยอมทำตามความคิดของเธอจึงทำให้เธอล้มหน้าคว่ำไปอีกครั้ง
“เนื่องจากผู้เล่นราตรีพิสุทธิ์หกล้ม ทำให้ค่าพลังลด 1”
ดูมัน ขนาดหกล้มก็ยังหักลบพลังกันได้นะ!
ราตรีคิดในใจก่อนจะใช้มือยันตัวลุกขึ้นอีกครั้ง
“อ๊ะ ระวังๆ สู้เข้านะไอ้เด็กเปรต อย่ายอมแพ้เด็ดขาด”
มาริโอพูดลุ้นจนตัวโก่ง ซึ่งไม่นานนักราตรีก็สามารถยืนได้โดยไม่ล้ม
“ถอยปายมะรีโอ้ ข้าจะยองเดินดู” ราตรีบอกมาริโอ ซึ่งมันก็เขยิบถอยออกข้างทันที เมื่อราตรีเห็นทางว่างแล้ว เธอก็ลองยกขาขวาก้าวเดินดู ซึ่งก้าวแรกก็ผ่านพ้นไปด้วยดี ไม่มีหกล้ม แต่ทว่าพอราตรียกเท้าซ้ายขึ้น มีอันต้องเซซ้ายจนมาริโอรีบเข้ามาช่วยดันไว้ “เอ ข้าบอกแย้วงายว่าอย่ามาจ้วย”
ราตรีบอกพลางใช้มือผลักมาริโอให้ถอยห่าง ก่อนจะหันมาเดินต่อ ซึ่งคราวนี้ราตรีสามารถก้าวเท้าเดินได้อย่างมั่นคงไม่มีเดินเซเหมือนทีแรก
“เย้! ในที่ฉุดก็ฉำเย็จ ข้าเดินด้ายแย้ว!”
พลั่ก! โครม!
“เนื่องจากผู้เล่นราตรีพิสุทธิ์หกล้ม ทำให้ค่าพลังลด 1”
“อ้าว เดินได้แค่สองสามก้าวก็ล้มซะแล้วไอ้เด็กเปรต”
ทางด้านปฐพี ศาสตรา และพิภพนั้นเมื่อทั้งสามเสร็จธุระในเมืองเริ่มต้นแล้ว ก็พลันรีบออกจากเมืองเริ่มต้นก่อนจะมุ่งหน้าไปยังป่าเขาวงกตที่อยู่ตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะเริ่มต้น ซึ่งโชคร้ายที่พวกราตรีได้ออกจากป่าเขาวงกตไปเมื่อสามชั่วโมงก่อนหน้านี้แล้ว จึงทำให้ทั้งสามคนพลาดโอกาสที่จะได้เจอตามที่คาดคิดไว้ ทว่าการเข้ามาในป่าเขาวงกตนี้ไม่ง่ายเหมือนสมัยที่พวกปฐพีเคยเข้ามาก่อน เนื่องจากเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้วปริญได้เป็นคนแก้ไขโปรแกรมตรงจุดนี้ให้มันยากยิ่งขึ้น จากเดิมที่เส้นทางภายในเป็นรูปแบบเก่าๆ ซึ่งไม่ว่าผู้เล่นคนใดที่เคยเข้ามาซ้ำเกินสองรอบแล้วย่อมจำได้ มาบัดนี้ได้เปลี่ยนเป็นรูปแบบใหม่จนไม่มีเค้าแบบเดิม โดยเส้นทางภายในจะถูกปรับเปลี่ยนเองอัตโนมัติอยู่ตลอดทุกๆสิบนาที ดังนั้นผู้รู้เส้นทางนี้ก็มีเพียงแต่ปริญหรือปริ๊นซ์เท่านั้น
ซึ่งแน่นอนว่าพวกปฐพีเดินเข้ามายังป่าเขาวงกตโดยไม่รู้เรื่องการปรับเปลี่ยนเส้นทางใหม่นี้ จึงทำให้พวกเขาเดินหลงทางตั้งแต่เข้ามาได้ไม่ถึงชั่วโมงดี
“มันอะไรกันวะเนี่ย ฉันจำได้ว่ามันต้องเป็นเส้นทางนี้สิ แล้วมันหายไปได้ยังไงล่ะ” ศาสตราร้องโวยวายเมื่อเห็นว่าเส้นทางที่ตนเคยเดินผ่านมาก่อนกลับหายไป
“ใจเย็นๆศาสตรา เส้นทางเดินมันคงไม่ได้หายไปไหน บางทีนายอาจจะหลงลืมจำผิดไปก็ได้นะ” พิภพรีบพูดปลอบเพื่อน แต่ศาสตรากลับแย้งว่า “จำผิดบ้าสิ เส้นทางนี้ฉันเคยเดินอยู่สิบรอบแล้ว ไม่มีทางลืมได้อย่างแน่นอน!”
“แต่ของแบบนี้มันก็ลืมได้เหมือนกันนะศาสตรา ดูอย่างปฐพีสิ เขายังไม่เห็นโวยวายเหมือนนายเลยสักนิด”
พิภพบอกก่อนจะเหลือบตาไปยังทางปฐพีที่กำลังยืนเหม่อมองไปข้างหน้าราวกับใช้ความคิดอย่างเงียบๆ ซึ่งคำพูดของพิภพเล่นเอาศาสตราถึงกับหน้าเจื่อนไปทันที แล้วทั้งคู่ต่างยืนรอเพื่อนสักพัก ก่อนที่ปฐพีจะรู้สึกตัวว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่
“อ๊ะ ขอโทษทีพวก มัวแต่เหม่อมากไปหน่อยนะ”
เขาพูดขอโทษเพื่อนทั้งสองคนอย่างเกรงใจ
“ไม่เป็นไร พวกฉันไม่ว่าอะไรนายหรอก” ศาสตราพูดตอบไปยิ้มไปพลาง เพราะพวกเขาต่างรู้ดีว่าปฐพีเหม่อลอยด้วยเรื่องอะไร “ว่าแต่จะเอายังไงกันดีต่อปฐพี จะให้พวกเราออกตามหาคุณยายในป่าเขาวงกตต่อเลยไหมหรือจะออกไปหาที่อื่นล่ะ”
ปฐพีได้ยินคำถามของศาสตราแล้วถึงกับขมวดคิ้วครุ่นคิด เพราะขืนพวกเขาออกเดินหาคุณยายในป่าเขาวงกตโดยที่ยังหลงทางแบบนี้ต่อไปแล้วล่ะก็ คงจะหาพบได้ยาก แถมเขาก็ไม่แน่ใจว่าคุณยายจะเดินอยู่แถวนี้ด้วย
“ฉันว่าพวกเราออกไปตามหาคุณยายที่อื่นดีกว่านะ”
แล้วจากนั้นทั้งสามหนุ่มก็พากันเดินหาทางออก โดยที่ยังไม่รู้แน่ชัดว่าพวกเขาจะใช้เวลานานซักเท่าไหร่ถึงจะสามารถออกไปจากที่แห่งนี้ได้
กลับมาทางด้านพวกราตรีพิสุทธิ์ หลังจากที่ปริ๊นซ์ได้พาราตรีกับมาริโอเดินออกมานอกเขตป่าเขาวงกตแล้ว ชายหนุ่มก็ได้ให้เต็นท์กับราตรีหนึ่งชุดฟรีเพราะเห็นว่าเธอเป็นเด็กทารก ซึ่งจำเป็นต้องมีที่นอนดีๆไว้นอนหาได้ใช่นอนตามพื้นดินพื้นทรายเหมือนแต่ก่อน และนอกจากนี้ปริ๊นซ์ยังให้ของกับมาริโอถึงสองชิ้นอีกด้วย
“นี่มันเสื้อผ้ากับรองเท้าไม่ใช่รึ เอามาให้ข้าทำไม”
มาริโอถามพลางก้มมองชุดเอี๊ยมยีนส์เสื้อแดงกับรองเท้าคู่ใหม่สีแดงเข้มที่ตัวมันเองกำลังใส่อยู่อย่างสงสัย ซึ่งปริ๊นซ์หาได้ตอบเดี๋ยวนั้นไม่ กลับทำหน้าอมยิ้มก่อนจะหัวเราะเสียงดังลั่น ส่วนราตรีได้แต่อ้าปากค้างมองมาริโอในมาดใหม่
เหมือน...
เหมือนมาริโอไม่มีผิด!
“น่าเสียดายจริงๆ ยังขาดตรงที่ไม่มีแขนกับหัวที่ยังเป็นเห็ดอยู่” ปริ๊นซ์พูดพลางมองมาริโอตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า “นี่ถ้าพัฒนาทักษะกับระดับอีกหน่อยก็คงจะเปลี่ยนร่างได้เหมือนแน่”
จะเหมือนหรือไม่เหมือนก็ช่าง เพียงแค่นี้ราตรีก็ไม่รู้จะตอบแทนชายหนุ่มคนนี้ยังไงดีแล้ว เพราะนอกจากเขาจะช่วยเธอกับมาริโอให้รอดเงื้อมมือฝูงหนอนยักษ์กับพาออกจากป่าเขาวงกตแล้ว ยังมอบของให้กับพวกเธอฟรีโดยไม่คิดเงินสักแดงเดียวด้วย
“ออบอุนงับอี้อาย ออบอุนอิงๆ (ขอบคุณครับพี่ชาย ขอบคุณจริงๆ)”
ราตรีได้แต่กล่าวขอบคุณพลางก้มหัวให้ ซึ่งทำเอาอีกฝ่ายถึงกับรีบเข้าไปพยุงเด็กทารกน้อยให้เงยหน้าขึ้น
“ไม่ต้องก้มหน้าขอบคุณพี่ขนาดนี้ก็ได้ พี่แค่ทำในสิ่งที่ผู้เล่นที่ดีควรพึงกระทำก็เท่านั้น”
ปริ๊นซ์พูดแต่ในใจคิดไปอีกอย่าง
โธ่คุณยายคร้าบ อย่าให้ผมอายุสั้นเลยคร้าบ!
ก่อนปริ๊นซ์จะขอตัวไปทำภารกิจ ราตรีไม่ลืมที่จะขอบันทึกชื่อปริ๊นซ์ไว้เป็นเพื่อนด้วย
“แล้วเจอกันนะน้องราตรี”
“ฮะ”
แล้วร่างสูงก็พลันหายวับไปทันที เมื่อปริ๊นซ์ได้จากไปแล้ว ราตรีก็หันมามองมาริโอในชุดเอี๊ยมสีแดงที่กำลังสำรวจเสื้อผ้าชุดใหม่ของตัวเองอยู่
“มะรีโอ้” มาริโอได้ยินก็เงยหน้าขึ้นมองผู้เรียก “เอ้าอู้อางอี้อะไอเอืองเอิ้มอ้นไอ๋ (เจ้ารู้ทางที่จะไปเมืองเริ่มต้นไหม)”
“ไม่รู้”
มาริโอตอบหน้าตาย ซึ่งทำเอาราตรีถึงกับผงะ
ช่างเป็นทาสรับใช้ที่ไม่ได้เรื่องเอาเสียเลย! ราตรีคิดอย่างปวดหัว แต่แล้วเธอก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามาริโอเป็นเพียงแค่มอนสเตอร์ แถมอยู่แต่ในป่ามาตลอด จะไปรู้เส้นทางข้างนอกป่าได้ยังไงกัน เอาเถิด คลำทางไปเรื่อยๆแล้วกัน ไว้เจอผู้เล่นคนอื่นกลางทางแล้วค่อยถามเอา
ราตรีคิดได้ดังนั้นก็ขึ้นขี่มาริโอก่อนจะสั่งให้มันออกเดินตามทางที่เธอบอก
แกรก!
เสียงแว่นตาอนาล็อกถูกถอดออก เผยให้เห็นนัยน์ตาสีดำอมน้ำตาลเมื่อยามต้องแสงไฟ
“ว่ายังไงพ่อวีรบุรุษ” เสียงของดนัยพูดออกมาอย่างห้วนๆ ทำให้ผู้ที่เพิ่งจะลืมตาขึ้นไม่นานต้องหันไปส่งยิ้มให้ “ไปช่วยเด็กทารกคงจะปลื้มมากสินะ ถึงกับให้เต็นท์หนึ่งหลัง เสื้อผ้าหนึ่งชุด กับรองเท้าอีกหนึ่งคู่ไปฟรีๆด้วย ให้ตายสิ คิดจะทำอะไรก็หัดปรึกษาคนอื่นเสียบ้างสิ”
คนถูกบ่นถอนหายใจเฮือกก่อนจะพูดกลับไปว่า
“ก็ให้ทำยังไงได้ ฉันทำผิดจนทำให้ไอดีแปดพันเกือบต้องตาย ของแบบนี้มันต้องหาอะไรให้ชดเชยเพื่อเป็นการปลอบใจแทน นายก็น่าจะรู้กฎข้อนี้ของจีเอ็มดีนะดนัย”
“ใช่ ฉันรู้” ดนัยตอบด้วยสีหน้าบูดบึ้ง “แต่แกช่วยพวกเขาให้รอดชีวิตกับพาออกจากป่าเขาวงกตก็น่าจะพอแล้วนี่ แล้วทำไมถึงต้องให้ของกันด้วยล่ะ”
“ก็…ผู้เล่นคนนั้นน่ารักดีนี่ แหม ดนัยเอ้ย ถ้าลองเป็นนายได้เห็นน้องราตรีแล้วล่ะก็”
ปริญพูดเสียงสูงราวกับเพ้อฝัน ซึ่งทำอาดนัยเทพอดส่ายหน้าไม่ได้
“เออๆ น่ารักก็น่ารัก” ดนัยพูดด้วยความเหนื่อยหน่ายก่อนจะหยิบกระดาษออกมาปึกหนึ่ง “เอานี่ไปทำซะ เรื่องรายงานฉันไม่ทำให้แกหรอกนะ เอ้อ ท่านประธานฝากมาบอกไว้ว่าอย่าให้มีแบบนี้อีกเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นนายเตรียมโดนซองขาวได้เลย”
“อือ รู้แล้วๆ ไม่ต้องย้ำหรอกน่าให้ตายสิ”
ปริญตอบก่อนจะหยิบกระดาษที่ดนัยให้มาเขียนรายงานอย่างรวดเร็ว
ตั้งแต่ราตรีได้เข้ามาเล่นเกมตามคำเชิญของนพหลานชายแล้ว วันเวลาก็ได้ผ่านไปสองอาทิตย์กับอีกสามวันเต็มๆ ซึ่งเธอไม่นึกเลยว่าจะเล่นมาได้ถึงขนาดนี้ ช่วงสองอาทิตย์แรกราตรีก็ได้สัมผัสกับการใช้ชีวิตเยี่ยงทารกนั้น ช่างเป็นประสบการณ์ประเสริฐที่สุด เพราะไม่มีมนุษย์คนใดที่เกิดมาแล้วสามารถจดจำในช่วงเป็นทารกได้กันสักคนเดียว
ป่านนี้แล้วท่านพ่อกับท่านแม่จะเป็นยังไงบ้างนะ
ราตรีคิดพลางเงยหน้าเหม่อมองท้องฟ้ายามมืดมิด มีเพียงแสงดาวกับแสงจันทร์ที่ยังคงทอแสงประกายสดใสในยามนี้
“ข้าวบดเนื้อหนอนยักษ์ผสมกล้วยหอมของเจ้าเดือดแล้วนะ”
เสียงเรียกขัดจังหวะความคิด ทำให้ราตรีต้องหันหน้ากลับไปมองมาริโอ ซึ่งมันกำลังนั่งมองข้าวในหม้อกะลาที่ตั้งอยู่บนกองไฟตรงหน้า
“อือ อะไอเอี๋ยวอี้แอะ (อือ จะไปเดี๋ยวนี้แหละ)”
ราตรีบอกก่อนจะคิดย้อนกลับไปเมื่อหนึ่งชั่วโมงก่อน ซึ่งหลังจากท้องฟ้าเริ่มมืดตัวลง เธอก็สั่งให้มาริโอตั้งเต็นท์ทันที ส่วนตัวเธอก็ควักเอากะลามะพร้าวเก่าๆที่เคยใช้แล้วออกมาจากกระเป๋าเป้เสื้อผ้าของตัวเองก่อนจะลงมือทำอาหารตามที่ตัวเองถนัด ซึ่งคราวนี้มาริโอได้ให้ช่วยเธอทำอาหารโดยเธอไม่จำเป็นต้องเอ่ยปากสั่งเลยด้วยซ้ำ
“ว่าแต่อาหารที่เจ้าทำมันจะกินได้เหรอ นี่มัน...” มาริโอพูดพลางก้มมองอาหารในหม้อด้วยสีหน้าฉงน ในขณะที่ราตรีกำลังตักอาหารใส่กะลามะพร้าวให้มาริโออยู่ “...เนื้อหนอนยักษ์ที่เคยคิดจะฆ่าพวกเราเชียวนะ”
“อือ อ้อไอ้อะอิ เอ้าอะอัวไออำไอเอื้ออ้วกอันอายไอแอ้ว อีไอ้อานอ้ออีอ๋มแอ้ไอ๋แอ้ว (อือ ก็ใช่นะสิ เจ้าจะกลัวไปทำไมเมื่อพวกมันตายไปแล้ว มีให้ทานก็ดีถมแค่ไหนแล้ว)”
ราตรีเห็นโอกาสดีก็เลยพูดสั่งสอนให้มันรู้ซึ้งถึงคุณค่าของอาหารซะเลย แต่แทนที่มาริโอจะเข้าใจ กลับทำสีหน้ารังเกียจอาหารที่เธอทำให้
“ไม่เอา ไม่ทาน ให้ตายยังไงก็ไม่กินเด็ดขาด!”
“อ่าเอื้องอ้ากไอ้ไอ๋มะรีโอ้ อี๊บอานๆเอ้าไออ๊ะ เอาะอังไออันอ้อเอื๋อนเอื้ออั้วไออี้เอ้าเอยอานอั้นแอะ (อย่าเรื่องมากได้ไหมมาริโอ รีบทานๆเข้าไปซะ เพราะยังไงมันก็เหมือนเนื้อทั่วไปที่เจ้าเคยทานนั่นแหละ)” ราตรีพูดเสียงดุ ก่อนจะวางกะลามะพร้าวที่เต็มไปด้วยอาหารลงบนพื้นอย่างแรงจนทำให้น้ำซุปกระฉอก “อานอ๊ะ เอี๋ยวอะอาไออ๋าเอ็ดอ่าอั๊กๆ (ทานซะ เดี๋ยวจะพาไปหาเห็ดน่ารักๆ)”
“ทะลึ่งละไอ้เด็กเปรต เป็นเด็กเป็นเล็กทำรู้มาก เดี๋ยวปัด...”
มาริโอเถียงพลางทำท่าจะเตะราตรี แต่พอมันเห็นใบหน้าของเจ้านายแล้วเกิดชะงักค้าง
“ขอโทษ”
แล้วมาริโอก็รีบทานอาหารที่ราตรีวางให้อย่างเร็วโดยไม่เถียงอีกเลย หลังจากที่ทานอาหารเสร็จเรียบร้อยแล้ว มาริโอก็เอากะลามะพร้าวไปล้างน้ำให้ราตรีทันที ซึ่งทำเอาราตรีถึงกับแปลกใจ
อะไรของมัน? แล้วเวลาก็ผ่านไปสิบนาทีได้ มาริโอก็กลับมาที่เต็นท์อีกครั้งพร้อมกะลามะพร้าวในปากที่ถูกล้างสะอาดเอี่ยมอ่อง ไปล้างด้วยน้ำเปล่าหรือน้ำลายกันแน่นะ?
ราตรีคิดพลางมองกะลามะพร้าวในปากของมาริโออย่างสงสัย แต่แล้วเธอก็พอเข้าใจได้ทันทีว่าทำไมมาริโอถึงทำแบบนี้
ไม่เสียแรงที่อุตส่าห์สั่งสอนมัน
ราตรีคิดได้ดังนั้นก็คลานเข้าไปหามาริโอ ก่อนจะใช้มือน้อยขาวๆนี้ลูบหัวมาริโอแผ่วเบา
“อำไอ้อี อ๋อไอ้เอ้าเอ็นแอบอี้อะออดไออะมะรีโอ้ (ทำได้ดี ขอให้เจ้าเป็นแบบนี้ตลอดไปนะมาริโอ)”
“ค่ามิตรภาพของท่านเพิ่มขึ้นเป็นระดับ 2”
ส่วนมาริโอเมื่อได้รับคำชมจากราตรีแล้ว ถึงกับหน้าแดงด้วยความเขินอาย
“ขะ...ข้าไปนอนก่อนนะ!”
มาริโอตะโกนบอกแล้ววิ่งเข้าไปในเต็นท์อย่างรวดเร็ว ซึ่งท่าทางของมันทำให้ราตรีอดยิ้มเสียมิได้ แล้วหลังจากนั้นราตรีค่อยเติมฟืนเข้าไปเพื่อมิให้ไฟดับก่อนจะคลานกลับเข้าไปนอนในเต็นท์ตามทีหลัง พอรุ่งเช้าต่อมาราตรีก็ลุกขึ้นคลานออกไปนอกเต็นท์เพื่อทำอาหาร
“ตื่นแล้วเหรอไอ้เด็กเปรต”
เสียงมาริโอพูดทักทายสวัสดี ทำเอาราตรีแทบขมวดคิ้ว
นี่มันตื่นนอนก่อนเธออีกรึ พอราตรีหันไปมองมาริโอ เธอก็เห็นอีกฝ่ายนั่งขัดสมาธิฉีกยิ้มให้อย่างแปลกๆ และนอกจากนั้นเธอก็ได้เห็นว่าที่บนพื้นข้างมาริโอนั้น ได้มีผลไม้ที่แกะเปลือกแล้ววางอยู่บนใบตองอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยดี อย่าบอกนะว่าที่ตื่นแต่เช้าตรู่นี่ก็เพื่อ...หาผลไม้นี้ให้เธอกิน
“อือ”
ว่าแต่มาริโอแกะเปลือกได้ยังไงนะ ก็ในเมื่อมันไม่มีมือเลยสักนิด?
ราตรีครุ่นคิดอย่างหนักก่อนจะหันไปมองรอบๆอย่างสงสัย แล้วสายตาของเธอก็พลันไปเห็นเปลือกผลไม้ที่ชุ่มด้วยน้ำวางอยู่หลังต้นไม้เข้าโดยบังเอิญ
กะแล้วเชียวว่ามันต้องเป็นแบบนี้
ราตรียิ้มพลางส่ายหน้าเมื่อเห็นความพยายามในการแกะเปลือกผลไม้ของมาริโอ เมื่อมันไม่มีมือช่วยแกะ ก็คงจะใช้ปากกับเท้าในการช่วยแกะผลไม้อย่างแน่นอน แต่ถึงกระนั้นเธอก็ไม่เคยคิดที่จะรังเกียจมาริโอเลยสักนิด
“จะอาบน้ำก่อนหรือจะทานผลไม้ก่อนล่ะไอ้เด็กเปรต” มาริโอถามพลางเตรียมท่าลุกขึ้นยืน “ถ้าอาบน้ำก่อน ข้าจะพาเจ้าไปอาบให้”
เพี๊ยะ!
“โอ้ย นี่เจ้าเฆี่ยนข้าทำไม!!” มาริโอร้องครางด้วยความเจ็บปวด และทำท่าจะพูดต่อแต่ก็ต้องหุบปากลงเมื่อเห็นร่างเล็กมองมันด้วยสีหน้าดุดัน “เอื้องอ้วกอี้อ้าอัดอานเองไอ้ เอ้าไอ้อ้องอาอุ่ง อั้งองไออ๊ะ เอี๊ยวอ้าอา! (เรื่องพวกนี้ข้าจัดการเองได้ เจ้าไม่ต้องมายุ่ง นั่งลงไปซะ เดี๋ยวข้ามา!)”
พอราตรีพูดจบ เธอก็รีบคลานไปยังทิศที่มีลำธารอยู่ด้วยความฉุนเฉียว
ขอเปลี่ยนความคิดจากไม่รังเกียจเป็นรังเกียจมาริโอ คงจะไม่สายไปหรอกนะ!
เมื่อราตรีอาบน้ำเสร็จแล้วเธอก็คลานกลับมายังเต็นท์เพื่อทานผลไม้เป็นอาหารเช้า
“อ้าว มะรีโอ้อ๋ายไอไอ๋แอ้วอี้ (อ้าว มาริโอหายไปไหนแล้วนี่)”
ราตรีพูดเมื่อเธอไม่เห็นมาริโอนั่งอยู่ที่เดิม
พลั่ก! พลั่ก!
เสียงการต่อสู้แว่วดังเข้ามาจากไม่ใกล้ไม่ไกลตรงที่ราตรีอยู่ ซึ่งทำเอาเธอนึกสงสัยจึงรีบคลานไปดูต้นเสียง เมื่อเธอคลานไปถึงแล้ว ก็ได้เห็นว่ามาริโอกำลังต่อสู้กับหมูป่าตัวเล็กตัวหนึ่งอยู่
“อย่าเข้ามาใกล้นะไอ้เด็กเปรต ประเดี๋ยวจะโดนลูกหลง!”
มาริโอตะโกนบอกเจ้านายเมื่อเห็นเธอคลานเข้ามาหา
“ไอ้ อ้าอะอ้วยเอ้าอ้วย (ไม่ ข้าจะช่วยเจ้าด้วย)” ราตรีพูดแย้งกลับไปทันทีที่มาริโอพูดจบ ก่อนจะหยิบแส้กำราบสัตว์ขึ้นมาเตรียมพร้อมจะสู้ด้วยอีกคน “อ้าเอ็นอายอองเอ้าอ๊ะ อะไอ้อ้าอืนอูเอ้าอู้อนเอียวไอ้อังไอเอ้า! (ข้าเป็นนายของเจ้านะ จะให้ข้ายืนดูเจ้าสู้คนเดียวได้ยังไงกันเล่า!)”
ว่าแล้วราตรีก็ใช้แส้กำราบสัตว์ฟาดเข้าไปที่หมูป่าสีน้ำตาลตัวเล็กที่ยืนหันหลังให้ทันที
เพี๊ยะ!
1,000
“อู๊ด!”
หมูป่าร้องด้วยความเจ็บปวด ก่อนที่มันจะหันกลับมามองราตรีด้วยความโมโห
“เวรแล้ว! หนีไปไอ้เด็กเปรต!”
มาริโอร้องเตือนเสียงดังลั่น แต่ทว่าราตรีไม่คิดจะหนี เพราะว่าต่อให้เธอคลานหนีก็คงหนีไม่พ้นอยู่ดี แล้วหมูป่าตัวเล็กก็วิ่งเข้าหาราตรีซึ่งเธอก็เตรียมตั้งท่าถือแส้สองมือรอหมูป่าอย่างสงบนิ่ง จนกระทั่งหมูป่าตัวเล็กวิ่งมาถึงระยะประชิดตัว
ปึก!
“อู๊ดๆ!”
จู่ๆ ก็มีก้อนหินลอยมากระทบที่ใบหน้าของหมูป่า ทำให้มันถึงกับหยุดชะงักวิ่งไปชั่วขณะ ซึ่งราตรีได้จังหวะ เธอก็รีบฟาดแส้ใส่หมูป่ารัวทันที
ขวับ! เพี๊ยะ! ขวับ! เพี๊ยะ!
1,000
989
990
1,000
ค่าตัวเลขที่ราตรีโจมตีหมูป่าได้ปรากฏขึ้นมาหลังจากที่ราตรีฟาดแส้ลงไปด้วยเช่นกัน
“ขอร่วมด้วยคน!” มาริโอตะโกนร้องพลางวิ่งเข้ามากระทืบหมูป่าด้วยคนบ้าง ซึ่งราตรีก็ยอมให้มันโจมตีแต่โดยดี เพราะขืนปล่อยให้เธอโจมตีหมูป่าเพียงคนเดียวก็คงไม่สำเร็จแน่ ดีไม่ดีเธออาจจะโดนหมูป่าฆ่าตายก็เป็นได้ “บังอาจรุกล้ำพื้นที่ส่วนบุคคล ตายซะเถอะไอ้หมูป่า!”
ซึ่งเวลาผ่านไปได้ไม่ถึงนาที จากการรุมโจมตีของราตรีกับมาริโอ ทำให้หมูป่าตายไปอย่างรวดเร็ว
“ผู้เล่นราตรีพิสุทธิ์ฆ่าหมูป่าระดับ1 สำเร็จ”
“ท่านได้รับค่าประสบการณ์ 1500”
“ท่านได้รับเนื้อหมูป่าจำนวน 1 ชิ้น”
“ท่านได้รับเขี้ยวหมูป่าจำนวน 2 ชิ้น”
“ท่านได้เลื่อนระดับพื้นฐานจากเด็กทารกระดับ9 เป็นเด็กอายุ 1 ขวบ”
“ท่านได้พัฒนาทักษะการพูดระดับ10”
“ท่านได้รับทักษะการเดินระดับ1”
เสียงของระบบประกาศบอกก่อนที่แสงสีทองจะปรากฏขึ้นในตัวของราตรี จากร่างกายที่เล็กจิ๋วก็ได้ใหญ่ขึ้นมาสองสามเซนติเมตร ซึ่งรวมถึงเสื้อผ้าทารกที่ราตรีสวมใส่ก็เริ่มคับมากขึ้น
“เจ้า…เจ้าตัวใหญ่ขึ้นไอ้เด็กเปรต!”
มาริโอร้องอย่างตกตะลึงเมื่อเห็นนายของตนตัวใหญ่ขึ้นมา แต่ถึงกระนั้นราตรีก็ยังเตี้ยตัวเล็กกว่ามาริโออยู่ดี
“อือ หญ่ายขึ้น” ราตรีพูดพลางมองมือทั้งสองข้างของตัวเอง ก่อนจะขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ “จากี้ข้าพูดชาด อ๋า พูดเริ่มเป็งผู้เป็งคนแย้วอ่ะมะรีโอ้”
มาริโอยังไม่ตอบคำถามของเจ้านาย ได้แต่เบิกตามองร่างเล็กอย่างตะลึง
“ดีจายหมายที่ข้าเริ่มพูดชาดขึ้น”
ราตรีถามอีกครั้งซึ่งมาริโอก็รีบพยักหน้าอย่างเห็นด้วยกับเจ้านาย แต่ทว่าเมื่อครู่นี้ราตรีได้ยินระบบประกาศว่าเธอได้รับทักษะการเดินด้วย เธอจึงรีบใช้มือทั้งสองข้างจับพื้นดินก่อนจะยันตัวให้ลุกขึ้นยืน
“นั่นเจ้าจะยืนรึไงไอ้เด็กเปรต อ๊ะ ระวังๆ” มาริโอพูดก่อนจะรีบเข้าไปช่วยร่างเล็กประคองเมื่อเห็นเจ้านายยืนโซซัดโซเซ “ให้ข้าช่วยรึเปล่าไอ้เด็กเปรต”
“มะจ้อง ข้าจะจองหาดยืนเอง”
ราตรีบอกในขณะที่พยายามยืนให้คงที่ หากแต่เท้าไม่ยอมทำตามความคิดของเธอจึงทำให้เธอล้มหน้าคว่ำไปอีกครั้ง
“เนื่องจากผู้เล่นราตรีพิสุทธิ์หกล้ม ทำให้ค่าพลังลด 1”
ดูมัน ขนาดหกล้มก็ยังหักลบพลังกันได้นะ!
ราตรีคิดในใจก่อนจะใช้มือยันตัวลุกขึ้นอีกครั้ง
“อ๊ะ ระวังๆ สู้เข้านะไอ้เด็กเปรต อย่ายอมแพ้เด็ดขาด”
มาริโอพูดลุ้นจนตัวโก่ง ซึ่งไม่นานนักราตรีก็สามารถยืนได้โดยไม่ล้ม
“ถอยปายมะรีโอ้ ข้าจะยองเดินดู” ราตรีบอกมาริโอ ซึ่งมันก็เขยิบถอยออกข้างทันที เมื่อราตรีเห็นทางว่างแล้ว เธอก็ลองยกขาขวาก้าวเดินดู ซึ่งก้าวแรกก็ผ่านพ้นไปด้วยดี ไม่มีหกล้ม แต่ทว่าพอราตรียกเท้าซ้ายขึ้น มีอันต้องเซซ้ายจนมาริโอรีบเข้ามาช่วยดันไว้ “เอ ข้าบอกแย้วงายว่าอย่ามาจ้วย”
ราตรีบอกพลางใช้มือผลักมาริโอให้ถอยห่าง ก่อนจะหันมาเดินต่อ ซึ่งคราวนี้ราตรีสามารถก้าวเท้าเดินได้อย่างมั่นคงไม่มีเดินเซเหมือนทีแรก
“เย้! ในที่ฉุดก็ฉำเย็จ ข้าเดินด้ายแย้ว!”
พลั่ก! โครม!
“เนื่องจากผู้เล่นราตรีพิสุทธิ์หกล้ม ทำให้ค่าพลังลด 1”
“อ้าว เดินได้แค่สองสามก้าวก็ล้มซะแล้วไอ้เด็กเปรต”

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 พ.ค. 2555, 10:53:29 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 พ.ค. 2555, 10:53:29 น.
จำนวนการเข้าชม : 1282
<< บทที่ 8 | บทที่ 10 >> |