ม่านพรหม
เมขลา น้องสาวคนเล็กของผู้การจิรวัติ เธอผู้มีซิกเซ้นส์ สัมผัสพิเศษ สามารถยั่งรู้อนาคตของคนอื่นได้บ้าง..เมขลา ต้องพบกับภัยคุกคามจาก กฤษณะ อดีตคนรักของลูกค้า เพราะเธอไปดูว่า กฤษณะไม่ใช่เนื้อคู่ของเธอคนนั้น...จากเรื่องสนุก ๆ ที่ได้รู้อนาคตคนอื่น เมขลา เริ่มเครียด และเขาก็ค่อย ๆ ทำให้เธอรู้ว่า..คนเราจะอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่าได้นั้น ไม่ได้เกิดจาก รู้ดวงชะตา..
Tags: นายรถไฟ กับยายซิกเซ้นส์

ตอน: 16.รัตนาเมขลา

16.

ก่อนจะออกจากบ้าน กฤษณะโทรศัพท์มาหาเมขลาเพราะต้องการบอกให้หญิงสาวรับทราบว่าเขาจะมาหาพร้อมด้วยเรื่องสำคัญ คือจะมาสารภาพผิดที่เอาพ่อแม่มาช่วยสานความสัมพันธ์ในครั้งนี้ แต่ว่าเมขลาปิดโทรศัพท์ทำให้เขาติดต่อไม่ได้ ดังนั้นกฤษณะจึงโทรหาน้องอ้อ..

“เห็นว่าปวดหัว ขึ้นนอนไปแล้ว คุณวิกลับมาแล้วพี่ อยู่ในครัว เช็คสต๊อกของสด..เอ หนูไม่รู้เหมือนกัน กลับมาอุสาก็บอกว่าขึ้นนอน..พี่ยังไม่ต้องแวะมาก็ได้ เดี๋ยวมีอะไรอ้อจะรายงานไปแล้วกัน” ตอนที่จอยมาร้านนางฟ้าคาเฟ่ น้องอ้อไม่ได้อยู่ในร้าน หญิงสาวจึงไม่รู้เรื่องเข้าใจผิดของเมขลาที่มีต่อกฤษณะ

กฤษณะกลับถึงห้องก็ต้องแปลกใจที่เห็นว่าจอยซึ่งอยู่ในชุดกางเกงยีนส์ขาสั้นเพียงคืบกับสวมเสื้อ กร้ามคอลึกเผยให้เห็นสัดส่วนของตัวเองอยู่คอยเขาอยู่หน้าห้อง

“พี่น้ามาแล้ว” จอยทักเขาด้วยเสียงตื่นเต้นดีใจ แต่ว่ากฤษณะไม่ยิ้มไม่แย้ม ทำเป็นไม่เห็นว่ามีจอยยืนอยู่ตรงนั้นด้วยซ้ำ

“เอ๊ะ จอยทักพี่แล้วนะ พี่นี่เสียมารยาท” กฤษณะไขประตูถอดรองเท้าแล้วก้าวเท้าเข้าไปข้างใน พอจะปิดประตูจอยก็รีบไปดันประตูไว้

“มีอะไร..” เขาดุเสียงดังพอให้ตกใจ และพอให้คนอื่น ๆ ได้ยินว่าเขาคุยกับจอยแบบพี่น้อง..

“จอยจะมาซื้อของ” ในที่สุดจอยก็มีเรื่องมาอ้างกับเขา

“ของอะไร ไม่ได้เป็นร้านขายของชำ”

“ก็สบู่กับโทนเนอร์อะไรนั่น เพื่อนจอยมันอยากได้บ้าง จอยไปบอกมันว่าใช้ดี มันอยากลอง”

“เงินสดนะ ถึงจะได้ของไป”

“รู้แล้วน่า เตรียมมาแล้ว”

“เอาอะไรบ้างละ”

“เข้าไปเลือกก่อน..จอยไม่ทำอะไรหรอกน่า”ว่าแล้วจอยก็เดินเบียดเข้าเขาไปในห้อง..



ขณะที่นั่งอยู่บนรถของนรบดีเพื่อเดินทางไปเที่ยวบ้านของเขาที่อำเภอสามชุกจังหวัดสุพรรณบุรี โทรศัพท์ในกระเป๋าสะพายของเมขลาก็ดังขึ้น หญิงสาวคว้าโทรศัพท์มาดูหน้าจอพอเห็นว่าเป็นชื่อ ของกฤษณะหญิงสาวก็กดปิดเสียง..

สัญญาณจากเขาขาดหายไป อึดใจใหญ่ ๆ เขาก็โทรกลับมาอีก..แต่ครั้งนี้เป็นเพียงการสั่นเตือน เมขลาหันไปมองข้างทาง พลางฟังเรื่องเล่าจากปากของนรบดีถึงเรื่องสมัยที่เข้ากรุงเทพฯเพื่อเรียนต่อในระดับปริญญาตรี กระทั่งโทรศัพท์สั่นอีกครั้ง ด้วยไม่ใช่คนใจแข็งเมขลาจึงหยิบโทรศัพท์มาดูข้อความที่เพิ่งเข้ามา หญิงสาวเปิดด้วยใจเต้นเล็กน้อย

“..ทำไมไม่รับสายผม..มีอะไรหรือเปล่า..โกรธอะไรผมหรือเปล่า บอกผมด้วยนะ ผมไม่มีสมาธิ เรียนหนังสือไม่รู้เรื่องแล้ว”

พอเขาเอาเรื่องเรียนมาอ้าง เมขลาก็นึกสงสารเขาขึ้นมาแต่ว่า..คนเจ้าชู้อย่างเขา สมควรที่จะต้องได้รับบทเรียนเสียบ้าง กรณีเด็กเมื่อวานนี้ พอเล่าให้วิจิตรศราฟัง วิจิตรศราลงความเห็นว่า ทั้งที่เด็กแก๊งนั้นไม่เคยมาที่ร้าน แล้วจู่ ๆ ก็มาที่ร้าน แล้วมาพูดถึงกฤษณะ ดีไม่ดีก็น่าจะเป็นการส่งสัญญาณบอกให้เธอรู้ตัวก่อนว่า อย่าได้ไปยุ่งกับคนมีเจ้าของแล้ว ดังนั้นในเช้าวันนี้ วิจิตรศราจึงต้องปลุกเมขลาให้อาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดที่ดูสวยงามและสุภาพ เพราะการที่มาบ้านของนรบดีในครั้งนี้ ก็เท่ากับมาให้พ่อแม่เขาดูตัวกับส่วนหนึ่งเมขลาเองก็จะได้เห็นว่าเขามีหลักฐานมั่นคงเพียงใด..
เมขลาไม่ได้เชื่อวิจิตรศราทั้งหมด แต่ว่าถ้าอ้างไม่สบายแล้วอยู่ที่ร้าน วันนี้ กฤษณะจะต้องมาหา แน่ ๆ เพราะเขามีน้องอ้อเป็นสายสืบ และการที่ได้ออกมากับนรบดีแบบนี้โดยที่ไม่รับสายของเขา ก็จะทำให้เขาคลั่งได้เช่นกัน..


หลังเลิกเรียนกฤษณะรีบขี่มอเตอร์ไซด์มาที่ร้านนางฟ้าคาเฟ่ เพราะต้องการมานั่งรอเมขลากลับมาจากสามชุก กับส่วนหนึ่งเขาอยากเจอวิจิตรศรา อยากรู้ว่าเมขลาโกรธเคืองเขาด้วยเรื่องอะไร

“คุณวิจะกลับกี่โมงละเนี่ย” กฤษณะถามน้องอ้อที่พอว่างเว้นจากลูกค้าก็เดินมาทรุดนั่งลงที่โต๊ะตรงกันข้าม

“กลับค่ำ ๆ ซะมั้ง จะโทรหาพี่วิไหมละจะได้รู้ว่าพี่หนูนางอนพี่เรื่องอะไร”

อุสาที่ยืนทำความสะอาดเคาน์เตอร์อยู่เงยหน้าขึ้นมอง ชั่งใจอยู่ว่าจะบอกกับทั้งสองคนดีไหมว่า เมื่อวานนี้เกิดเรื่องอะไรขึ้นที่นี่..แต่ด้วยรู้สึกชอบกฤษณะซึ่งดูเป็นผู้ชายที่เข้าถึงได้ง่ายกว่ามากกว่าพี่นรบดี อุสาจึงกระแอมเบา ๆ แต่ด้วยเป็นคนตัวใหญ่เสียงกระแอมนั้นทำให้กฤษณะกับน้องอ้อหันไปหา..

“คะคะเมื่อกี้คุยเรื่องอะไรกันเหรอ”

“พี่นะเขาสงสัยว่าทำไมพี่หนูนาถึงได้งอนเขา โทรไปหาก็ไม่รับสาย”

อุสาถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเล่าเรื่องเด็กผู้หญิงกลุ่มใหญ่เข้ามาในร้านแล้วหนึ่งในนั้นก็เอ่ยถึงพี่น้าพร้อมกับพูดถึงเรื่องสบู่กับโทนเนอร์..

พอรู้เรื่องแล้วกฤษณะก็ประติดประต่อเรื่องราวได้ทันที เมื่อวานนี้จอยไปหาเขา บอกว่าเพื่อนอยากได้สบู่กับโทนเนอร์ไปใช้บ้าง เพราะดมกลิ่นแล้วหอมติดจมูก..เมื่อวานจอยตั้งใจมาปั่นป่วนที่นี่อย่างนั้นหรือ

กฤษณะลุกขึ้นแล้วเดินออกไปนอกร้าน เขากดโทรศัพท์หาจอย ทั้งที่ร้อยวันพันปีเขาไม่เคยคิดจะโทรหา และพอจอยรับสายหญิงสาวก็มีน้ำเสียงดีใจเป็นอย่างมาก..

“พี่น้า..โทรหาจอยด้วยมีอะไรเหรอ”

“เมื่อวานเรามาก่อเรื่องอะไร”

“ที่ไหน..” จอยเริ่มขมวดคิ้วเข้าหากัน..เมื่อวานร้านกาแฟที่ดอนเมือง สบู่จันทร์เจ้าฉาย แล้วจอยก็นึกถึงตอนที่ถามเมขลาแล้วเมขลาไม่ยอมตอบ..แสดงว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นแฟนคนใหม่ของพี่น้าอย่างนั้นเหรอ

“ดอนเมือง”

“จอยไม่ได้ทำอะไรเลยนะ”

“มาพูดอะไร ทำไมเขาถึงโกรธพี่ งอนพี่”

“เขาเป็นอะไรกับพี่เหรอ”

“บอกไว้ก่อนนะ ไม่ต้องมาวุ่นวายอะไรที่นี่อีก..”

ปากของจอยกระตุกอย่างท้าทาย แต่ว่ากฤษณะไม่มีทางได้เห็น

“อยากไปตายละ”

“ไม่มาก็ดี บอกไว้แค่นี้แหละ”

กฤษณะกดวางสาย โดยหารู้ไม่ว่า จากที่คิดว่า ปัญหาจะจบ ปัญหายิ่งลุกลามใหญ่โตขึ้นไปอีก..เพราะคนอย่างจอยเมื่อไม่ได้ คนอื่นก็อย่าหวังจะได้ไปง่าย ๆ เช่นกัน..


วิจิตรศรากลับมาถึงบ้านก่อนเมขลา พอลงจากรถของศุภนิมิตหญิงสาวก็เดินอารมณ์ดีเข้ามาในร้าน และเมื่อเห็นกฤษณะนั่งหน้าบึ้งตึง วิจิตรศราก็ยิ้มที่มุมปาก เพราะรู้จากการโทรศัพท์กลับมาถามอุสาว่าทางร้านเป็นอย่างไรบ้าง อุสาก็เลยรายงานเรื่องของกฤษณะที่มานั่งรอเมขลาให้ได้รับรู้..

“ร้านจะปิดแล้วค่ะ” วิจิตรศราแกล้งยั่วประสาทของเขา เขาหันไปค้อนให้แล้วก็เมินหน้ากลับมาเชิดขึ้นพอให้จมูกที่โด่งเป็นสันเหมือนจมูกของแขกนั้นดูสะดุดตา..เขาหายใจแรง ๆ อีกครั้ง

“นั่งคุยกันหน่อยครับ” น้ำเสียงของเขาบ่งบอกถึงอารมณ์กรุ่น วิจิตรศราก็เลยทรุดตัวลงนั่ง เพราะลึก ๆ วิจิตรศราก็ยังรู้จักกับกฤษณะไม่ดีพอ ครั้นจะยั่วเขามาก ๆ เกิดเขาอาละวาดขึ้นมาเธอขี้เกียจตามแก้ไขปัญหา

“เรื่องเด็กจอย ผมเคลียร์ตัวเองได้” กฤษณะตัดสินใจไม่อ้อมค้อมเพราะมั่นใจว่า คนทั้งคู่คงไม่มีอะไรปิดบังกัน

“มาบอกอะไรฉัน รอบอกเมเอง”

“คุณอยู่ตรงนี้ ผมก็อยากบอกคุณไว้ก่อน คุณต้องคุยกับคุณหนูนาช่วยผม..ผมไม่มีอะไรกับจอยเด็กใจแตกที่อยู่ตึกเดียวกัน เขาชอบผม แต่ผมไม่ได้ชอบเขา และไม่เคยคิดจะชอบ”

“เสน่ห์แรงอย่างไม่น่าเชื่อ”

“ไม่รู้ ถ้าเข้าตามตรอกออกตามประตูแล้วไม่ได้ ผมก็ว่าจะฉุด” กฤษณะพูดขรึม ๆ วิจิตรศราขมุบขมิบปากไปมาก่อนจะบอกว่า

“ดูจำเลยรักมาหรือไง”

“ด้วย”

“ถามจริง นายชอบหนูนาจริง ๆ หรือแค่อยากเอาชนะ”

“ถ้าไม่จริงใจ ผมไม่มาเหยียบที่นี่หรอก หน้าก็สวยอยู่หรอก แต่ใจดำผิดใบหน้า มาเห็นทีไรละเจ็บจี๊ด ๆ”

“นี่นายว่าใคร”

“คนแถวนี้แหละ” ตอนนั้นน้องอ้อกับอุสาที่ยืนสังเกตการณ์อย่างต่างแอบขำคู่ปรับที่เจอครั้งใดจะต้องมีเรื่องปะทะคารมกันได้ตลอด

“ปากดี แบบนี้ได้กินแห้วแน่นอน”

“ไม่มีทาง ผมไม่มีทางแพ้ไอ้หมอนั่นอย่างเด็ดขาด”

“ฟ้ากับเหว”

“คอยดูไปก็แล้วกัน”

“เหรอ..” ยั่วโมโหเขาทิ้งไว้แล้ววิจิตรศราก็ลุกขึ้นเดินขึ้นชั้นบนไป กฤษณะกระฟัดกระเฟียดเดินออกไปที่หน้าร้าน มองนาฬิกาที่ข้อมือ ชะเง้อไปที่ต้นทาง อึดใจใหญ่รถของนรบดีก็แล่นเข้ามาจอด เมขลาลงจากและพอเหลือบตามองเห็นกฤษณะ หญิงสาวก็ก้มหน้าลง ยิ้มให้คนขับก่อนจะโบกมือลา และพอรถของนรบดีเคลื่อนไปแล้ว เมขลาก็เดินผ่านร้านก๋วยเตี๋ยวเข้ามาในร้านด้วยสีหน้าเรียบเฉย..กฤษณะที่ยืนมองอยู่จ้องหน้าหญิงสาว เมขลามองเขาแว่บหนึ่งก่อนจะเมินหน้าไปอีกทาง เท้านั้นก็ก้าวเนิบ ๆ แต่ว่ากฤษณะก็กรากเข้าขวาง..

“ผมมีเรื่องจะคุยด้วย”

“เรื่องอะไร”

“เรื่องพ่อแม่ผม” กฤษณะตัดสินใจไม่อ้อมค้อม เมขลาขมวดคิ้วเพราะคิดไม่ถึงว่า พ่อแม่เขากับเธอจะมีเรื่องอะไรต่อกัน หรือแม่ของเขาชวนให้เธอไปกินน้ำพริกที่บ้าน...

“แม่กับพ่อฝากมาขอโทษด้วย”

“เรื่องอะไร”

“แม่ผมชื่อกุหลาบ พ่อผมชื่อวินัย แม่กลัวคุณจะโกรธ ที่ไม่ได้บอกความจริงว่าเป็นพ่อแม่ผม..หวังว่าคุณคงไม่โกรธพ่อแม่ผมนะ แต่ถ้าคุณจะโกรธ ก็โกรธผมได้ ผมเป็นคนวางแผนให้พ่อแม่ผมมาหลอกคุณเอง แต่ที่ผมทำไป ก็เพราะว่าผมจริงใจ..”

เมขลาสั่นหน้าเบา ๆ อย่างง ๆ เขาพยักหน้านิด ๆ แล้วก็เดินออกจากร้านไปยังมอเตอร์ไซด์ที่จอดอยู่หน้าร้านเสริมสวย แล้วก็ขับออกไปอย่างเร็ว..เมขลากลอกตาไปมา งุนงงว่า ตลอดวันที่ผ่านมานั้น เธองอนเขาด้วยเรื่องอะไร และเขาจะได้รู้บ้างไหมว่า เธองอนเขาเรื่อง เด็กนมโตคนนั้น..


เช้าวันจันทร์เมขลายอมนั่งรถของนรบดีไปทำงาน แต่ว่ายิ่งอยู่ใกล้ ๆ กันเมขลากับยิ่งรู้สึกว่า เธอไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไรกับพี่เขา เคยมองเขาเป็นพี่ชาย เป็นรุ่นพี่พอไว้ใจได้เช่นไร มันก็เป็นอยู่อย่างนั้น และเขาเองก็ดูเหมือนจะรู้ระยะห่างที่เมขลามีให้เขา ดังนั้นเรื่องที่คุยกันระหว่างการเดินทางจึงเป็นเรื่อง ทั่ว ๆ ไป

เมขลาถึงที่ทำงานเร็วกว่าปกติ แต่ที่ผิดปกติคือ ทุกคนเดินเข้ามาหามีเรื่องรบกวนให้เมขลาช่วยเหลือ แต่ว่าเมขลาก็ปฏิเสธไปเสียสิ้น

“เมตัดสินใจว่าจะเลิกดูดวงแล้วค่ะ ทุกสิ่งทุกอย่างปล่อยให้มันไปตามครรลองของกรรมดีกว่าค่ะ เมเหนื่อย ไม่มีพลังแล้วค่ะ” เมขลาต้องใจพยายามทำใจแข็งเป็นอย่างมาก แต่ว่าก่อนจะพักเที่ยงเลขาท่านประธานก็มาตามเมขลาไปยังห้องท่านประธานที่วันนี้ไม่ได้เข้ามาทำงานเพราะต้องไปเซ็นสัญญาซื้อขายสินค้าที่ต่างประเทศ พอเข้าไปในห้องที่อากาศเย็นกว่าบรรยายข้างนอก เมขลาก็พบหญิงวัยกลางคน ภรรยาเอกของท่านประธานบริษัทซึ่งนาน ๆ ทีจะมาที่นี่สักครั้ง และพอรู้ว่า คุณนายต้องการให้เธอช่วยดูว่า ลูกชายที่มีถึงสี่คนนั้นช่วยส่งไปดูงานตรงไหนของบริษัท เมขลาก็ถึงกับกลืนน้ำลายลงคอได้อย่างยากลำบาก แต่ว่าเคสแบบนี้เธอไม่เคยทำนาย..และไม่คิดว่าจะสามารถหยั่งรู้ได้ด้วย

“ดิฉันไม่เคยดูเรื่องแบบนี้หรอกค่ะ”

“งั้นก็ต้องลองดู” ว่าแล้วคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ของท่านประธานก็ยื่นมือขวามาไว้บนโต๊ะเหมือนรู้อยู่แล้วว่าขั้นตอนการดูจะต้องทำอย่างไรบ้าง

“ดิฉันขอไม่ดูได้ไหมคะ ดิฉัน..คิดว่า มันน่าจะดูที่ความสามารถของคนนั้น” เมขลาพยายามตั้งสติ คิดคำพูดปฏิเสธ อย่างไม่ให้ตะกุกตะกักหรือประหม่าจนฝ่ายนั้นต้อนให้จนมุมได้

“ฉันอยากตัดสินใจอะไรได้ง่ายขึ้น ช่วยคอนเฟิร์มสิ่งที่ฉันคิดให้หน่อย”

“แต่ดิฉันไม่เคยคอนเฟิร์มคำทำนาย”

“กิตติศัพท์ของเธอ ฉันได้ยินมานานแล้ว แล้วคราวนี้ ฉันมีของขวัญสมนาคุณให้เธออย่างงามเลยนะ” ว่าแล้วคุณนายของท่านประธานก็ดึงเช็คออกมาจากกระเป๋าถือซึ่งดูก็รู้ว่ามีราคาแพงลิบลิ่ว

พอเห็นจำนวนเงินถึงหนึ่งแสนบาท เมขลาตาค้างทีเดียว แต่ว่าความลำบากใจมันก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น หากเธอดู ก็เท่าว่าเธอเห็นกับเงิน แต่ถ้าไม่ดู หน้าที่การงานที่นี่ละ..

“ท่านค่ะ เห็นใจดิฉันเถอะค่ะ..ดิฉันไม่อยากดูดวงให้ใครอีกแล้ว..”

“ขอให้ดูให้ฉันเป็นคนสุดท้ายได้ไหม ฉันอยากให้พวกเขา เข้างานได้ถูกช่อง บริษัทจะได้เจริญก้าวหน้า ถ้าบริษัทเจริญรุ่งเรืองเธอก็พลอยได้ดีไปด้วยนะ..”

“ท่านค่ะ แต่ดิฉันตั้งใจไว้แล้วว่าจะไม่..”

“ขอฉันดูเป็นคนสุดท้ายแล้วกันนะ..ช่วยฉันหน่อยฉันอยากรู้..”

แล้วในที่สุดเมขลาก็จำต้องรวบรวมสมาธิจับมือของท่าน แต่เสียงที่เมขลาได้ยินคราวนี้กลับเป็นเสียงของผู้หญิงที่ดูจะเป็นน้ำเสียงของคนขี้เล่นคือพูดไปหัวเราะกรุ้งกริ้ง ๆ ราวเสียงของกระดิ่งไปด้วย..

“ใจอ่อนแบบนี้ วันข้างหน้าจะลำบากนะ..ตั้งใจอะไรไว้แล้วก็ทำให้ได้ซิ เสียสัตย์บ่อย ๆ ความขลังของเธอจะลดลง”

คราวนี้เมขลาลืมตาไม่ขึ้น.. แต่ในห้วงความรู้สึกเมขลากล้าที่จะถามกลับไปว่า

“แล้วฉันจะต้องทำอย่างไร”

“เธอต้องตกลงกับฉันก่อน ว่าเธอจะเอาอย่างไรกับชีวิตของเธอกันแน่ เธออยากดูหมอช่วยเหลือคนต่อไปไหม หรืออยากเป็นคนธรรมดา ทุกอย่างแล้วแต่เธอ ฉันไม่อยากให้เธอเสียสัตย์ คิดให้ดีก่อนตอบ”

“แล้วเธอเป็นใคร?”

“เป็นนางฟ้า เพื่อนสนิทของเธอ..ก่อนที่เธอจะลงไป เธอบอกกับฉันว่าเธออยากเป็นคนพิเศษของโลก ฉันสัญญากับเธอไว้ว่า ฉันจะช่วยเธอเอง..แต่ฉันไม่ชอบที่เธอเป็นคนโลเลแบบนี้”

“แล้วฉันมีขอบเขตในการดูได้แค่ไหน”

“ดูได้หมด หากเรื่องนั้น มันเป็นเรื่องไม่ทำให้คนมาถามผิดศีลธรรม”

“แล้วฉันจะรู้อดีตรู้อนาคตได้แค่ไหน”

“ตรงนั้นมันขึ้นอยู่กับฉันจะช่วยเธอหรือไม่ ถ้าฉันไม่อยากช่วยเธอก็ไม่เห็น ฉันจะพิจารณาเรื่องเหล่านั้นเอง องค์ประกอบมันเยอะ”

“อย่างเรื่องขโมยกับเรื่องคนป่วยนี่ และเรื่องที่ทางนั่นล่ะ”

“มันเป็นเรื่องสำคัญ ฉันถึงต้องช่วย ฉันอยากให้เธอรู้ว่า ญาณของเธอน่ะไม่ธรรมดาหรอก”

“แล้วฉันจะสามารถดูดวงต่อไปได้นานแค่ไหน”

“จนกว่าฉันจะจุติ แต่ว่าอายุขัยของเธอบนโลกมนุษย์นะสั้นนิดเดียวสำหรับชาวสวรรค์ ตรงนั้นเธอไม่ต้องกังวล”

“แล้วฉันจะสามารถรับอามิสสินจ้างอะไรพวกนี้ได้ไหม”

“ได้ รับได้เลย แต่เขาต้องเต็มใจให้นะ อย่าได้เรียกร้องว่าต้องเท่านี้เท่านั้น แล้วเธอก็ต้องพิจารณาตอนใช้ด้วย ถ้าใช้เพื่อการบำรุงเลี้ยงขันธ์ห้ามันก็ไม่ผิด แต่เอาไปใช้อย่างมัวเมา เพิ่มพูนกิเลส แบบนั้นฉันก็ไม่ชอบ”

“ฉันควรเอาไปทำบุญใช่ไหม”

“แบ่งไว้ใช้ได้บ้าง ทำบุญน่ะดีที่สุด..ช่วยเหลือคน ทำบุญกับผู้มีศีล มีธรรม ทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา วิมานของฉันจะได้พลอยสว่างไสวไปด้วย”

“ทำไมประโยชน์ไปตกอยู่กับเธอ”

“เพราะฉันช่วยเธอนี่..”

“แล้วมีข้อแลกเปลี่ยนอะไรอีกไหม”

“ญาณของเธอ ‘มณีมเขลา’ โดยมีฉัน ‘รัตนาเมขลา’ ผู้คอยช่วยเหลือจะแจ่มชัดมีพลังช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ได้ตลอดการถือเพศพรหมจรรย์ของเธอ”

“ฉันแต่งงานไม่ได้งั้นสิ”

“แต่งได้ แต่ฉัน ...ไม่ชอบ... ไม่ชอบฉันก็ไม่ช่วย แค่นี้แหละ”

“แล้วทำไม ฉันไม่สามารถรู้อนาคตตัวเอง”

“คนส่วนใหญ่ก็ไม่มีใครรู้อนาคตตัวเองหรอก ทำดีย่อมได้ดี ทำชั่วย่อมได้ชั่ว กฏแห่งกรรม ถูกต้องอยู่เสมอ..เธอไม่รู้อนาคตของเธอก็ดีอยู่แล้วเธอจะได้มีสติตลอดเวลา..ฉันหมดธุระของฉันแล้ว”

“แล้วฉันจะติดต่อกับเธอได้อีกไหม”

“ทุกอย่างแล้วแต่ฉัน ตัดสินใจให้ดีแล้วกัน อย่างไรเสีย มนุษย์ก็คือผู้ลิขิตชีวิตของตนเอง...”

เมขลารู้สึกว่าตรงหน้าของเธอนั้นไม่มีรัตนาเมขลาอยู่แล้ว แต่ว่าเธอยังมีคำถามคาใจอยู่หนึ่งคำถาม นั่น ก็คือ ทำไมเธอไม่สามารถมองเห็นเนื้อคู่ของนายกฤษณะ และทำไมเธอถึงได้เห็นเลือดที่ศีรษะของกฤษณะเพียงแค่นั้น ทำไมไม่มีความกระจ่างให้เธอได้ช่วยเหลือเขา..




จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 พ.ค. 2555, 09:16:07 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 พ.ค. 2555, 09:16:07 น.

จำนวนการเข้าชม : 2271





<< 15.“ชาตินี้ถ้ากูไม่ได้เขาทำผัวกู ไม่ถอยหรอก”   17."ก็คะน้ากับหนูนาไง เข้ากันออก นะนะ" >>
คิมหันตุ์ 21 พ.ค. 2555, 10:04:53 น.
เอ้า. สู้ๆหนูเม ตัดสินใจดีดีเน้อ


sai 21 พ.ค. 2555, 10:51:11 น.
หนูนา ต้องเลือกซะแล้ววว


nutcha 21 พ.ค. 2555, 11:20:23 น.
สงสัยคะน้าจะมีเรื่องยุ่งยากเพราะจอยหรือเปล่าน้า


Orathai 21 พ.ค. 2555, 13:25:22 น.
ห่ามแฮะ...เข้าตามตรอกออกประตูไม่ได้ก็จะฉุด


แว่นใส 21 พ.ค. 2555, 16:17:45 น.
ไม่ชอบให้มีคู่ซะงั้นล่ะ


anOO 21 พ.ค. 2555, 17:40:06 น.
ยัยเมจะตัดสินใจยังไงต่อนะ


Zephyr 21 พ.ค. 2555, 19:37:16 น.
อ่าว แหม พอแต่งงาน ญาณหายปั๊บ ยังงั้นรึป่าว
แง่มๆ ฮ่าๆ พี่น้าจะเป็นคนทำให้หนูนาดูดวงไม่ได้สินะ
ว้าว อดีต นางฟ้านี่เอง โห เลิศ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account