ป่าหนาวในเงารัก
หญิงสาวผู้ชอบหว่านเสน่ห์ ทั้งยังไม่เคยศรัทธาต่อคำว่ารักแท้ เมื่อมาพบกับหนุ่มที่ปราศจากความสนใจในตัวเธอ...อะไรจะเกิดขึ้น

Tags: กรยุพา , ยุพากร รักโรแมนติก

ตอน: 10 กรยุพา . ยุพากร

ความเดิมตอนที่แล้ว

ยองฮวากลับมาหาฐิตารีย์ ท่านผู้ว่าเรียกตัวให้ภูมิรพีเข้าพบโดยด่วน


10

จวนผู้ว่าที่ภูมิรพีมาถึงเงียบเชียบราวปราศจากผู้คน แต่หญิงสาวที่มาถึงก่อนหน้าทำให้ภูมิรพีใจชื้นอย่างบอกไม่ถูก
“เชิญค่ะภู คุณพ่อรอคุณอยู่ค่ะ”
โต๊ะอาหารอันกว้างขวางกลับทำให้แขกผู้มาเยือนอึดอัดได้อย่างไม่น่าเชื่อ อาจเป็นเพราะบุรุษสูงวัยตรงหน้าที่เอาแต่จ้องเขาด้วยดวงตาไม่กระพริบ


“คุณคงไม่ถือสา ที่ผมให้นิต้าเชิญคุณมาโดยไม่ได้นัด” กฤษดาเอ่ยทำลายความเงียบพร้อมรอยยิ้ม
“ลูกสาวผมไปรบกวนอะไรที่รีสอร์ตคุณหรือเปล่าครับ” ยังกล่าวต่ออย่างอารมณ์ดี
“คุณพ่อก็…นิต้าจะไปกวนอะไรภูเขาล่ะคะ แค่อยากไปแช่น้ำแร่เท่านั้นเอง” บอกอย่างกระเง้ากระงอด


“งั้นวันนี้ก็กลับมาอยู่เป็นเพื่อนพ่อได้แล้วสิ”
บุตรสาวได้แต่ยิ้มจืดๆ เพราะนั่นไม่ใช่ความต้องการของเธอแม้แต่น้อย
“แต่นิต้า…ไม่ได้เอาอะไรมาด้วยเลยนี่คะ”
“ไม่เป็นไรครับ ผมจะให้แม่บ้านจัดเก็บและส่งมาให้ที่นี่เอง” ภูมิรพีรีบบอก
“ดีเหมือนกัน เอาอย่างนั้นนะนิต้า ถ้าอยากไปแช่น้ำแร่ ก็ค่อยขับรถไปกลับ มาทั้งที…มาอยู่เป็นเพื่อนพ่อ ให้ได้ชื่นใจหน่อยเป็นไร”
เป็นอีกครั้งที่เธอพูดไม่ออก ทั้งที่อยากทำตามใจตัวเอง แต่เกรงจะโดนดุต่อหน้าภูมิรพี


หลังอาหารท่านผู้ว่าฯ ต้องการสนทนาเป็นการส่วนตัว โดยบุตรสาวถึงอยากรู้มากเพียงใดแต่กลับไม่อาจได้รับรู้
“ผมอยากถามเรื่องที่เกิดขึ้นในป่าเมื่อวันก่อน” กฤษดาเข้าเรื่องที่ต้องการ
ภูมิรพีอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ
“แต่…นายอำเภอเรียนให้ท่านทราบแล้ว...”
“คุณเคยได้ยินมั้ย ว่าเรื่องเดียวกันแต่หากคนละคนเล่า ก็แทบจะเป็นคนละเรื่องเลยทีเดียว”
นาทีนั้นภูมิรพีถึงกับจับต้นชนปลายไม่ถูก แท้จริงแล้วบุคคลที่อยู่ต่อหน้าเขานี้ต้องการฟังสิ่งใดกันแน่ ถึงกระนั้นเขาก็เริ่มเล่าการไล่ล่ามอดไม้ตั้งแต่ต้นจนจบ แต่ที่ละไว้คือเรื่องของเสือที่มาปรากฏกายเท่านั้น


“มีอีกเรื่อง คุณคงไม่ว่าหากผมจะพูดเรื่องที่คุณอาจฟังแล้วไม่พอใจ” กฤษดากล่าวเมื่อชายหนุ่มเล่าจบลง
“เชิญท่านเถอะครับ”
ทั้งสีหน้าและน้ำเสียงของผู้สูงอายุบอกให้รู้ว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่
“ผมขอพูดตรงๆ ว่าหากคุณยังคิดทำหน้าที่เป็นผู้พิทักษ์ผืนป่าผาห่มหมอกนี้ต่อไป ผมก็เห็นทีจะให้คบกับนิต้าไม่ได้” ผู้เอ่ยปากจ้องบุรุษหนุ่มตรงหน้าด้วยดวงตาไม่กระพริบ


“เพราะคงไม่มีพ่อคนไหนอยากให้ลูกสาวของตัวเองต้องเป็นม่าย ไม่วันใดก็วันหนึ่ง คุณคงเข้าใจหัวอกของคนเป็นพ่ออย่างผมนะ”
ไม่น่าเชื่อว่าจากคำบอกเล่าของนายอำเภอเมื่อวันวาน กับคำชื่นชมของท่านผู้ว่าฯ ที่ฝากผ่านมายังเขา ช่างต่างกันราวฟ้ากับดินกับวันนี้ แม้จะบอกตัวเองว่าไม่ได้คิดอะไรกับสริตาเกินคำว่าเพื่อน ทว่ายังรู้สึกเจ็บลึกๆ อยู่ดี


ขณะภูมิรพีเร้นกายออกจากจวน กลับต้องคิดหนักอีกหลายเท่า เขาจะโทษใครได้ในเมื่อเขาเองเป็นผู้เลือกใช้ชีวิตที่ไม่ต่างอะไรกับแขวนไว้บนเส้นด้ายอย่างวันนี้
ชายหนุ่มไม่รู้เลยว่าระหว่างกลับยังชาเล่ต์นั้นมีใครคนหนึ่งสะกดรอยตามอย่างตั้งใจ
อีกด้านหนึ่งของฟาร์มเทพทัต…


ยองฮวาได้แต่ทอดถอนใจในอาการหมางเมินของผู้ที่เขาตั้งใจจะมาหา แต่เขายังคงเดินหน้าที่จะทำความเข้าใจกับเธออย่างมุ่งมั่น
“เราแต่งงานกันนะครับตา” ในที่สุดเขาก็ทิ้งไม้ตายจนได้
ทว่าคำพูดที่ออกจากปากของอดีตคนรักกลับไม่ได้สร้างความรู้สึกใดๆ ให้กับฐิตารีย์ได้ทั้งสิ้น ซ้ำเธอยังยิ้มขำๆ ระหว่างมองหน้าอ่อนเยาว์ของอีกฝ่าย
“เกิดอะไรขึ้นกับคุณกันแน่คะ ที่จู่ๆ คุณก็มาพูดแบบนี้กับตา”


ยองฮวาเองก็ไม่รู้เช่นกันว่าเพราะเหตุใดเขาถึงหลุดประโยคนั้นออกจากปาก เพราะแต่แรกเขาตั้งใจเพียงมาปรับความเข้าใจกับเธอเท่านั้น หรือจะเป็นเพราะชายหนุ่มทหารอากาศผู้นั้นกันแน่
“ตาขอพูดกับคุณตรงๆ ดีกว่านะคะ ว่าตาไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะใช้เวลา ‘เล่น’ กับชีวิตได้อีกต่อไป” กล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง


“ตามีภาระและหน้าที่ ที่จะต้องดูแลครอบครัว ดูแลฟาร์มแห่งนี้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่คุณต้องการ ตาจึงไม่อาจให้คุณได้อีกต่อไป” ตัดบัวอย่างไม่เหลือแม้เยื่อใย
“คุณรู้ได้ยังไงว่าผมต้องการอะไร” ถามอย่างเคร่งเครียด
“ที่ตาจะบอกคุณก็คือ ตาไม่อาจไปใช้ชีวิตกับคุณที่บ้านเกิดคุณได้” ดูเหมือนเธอไม่สนใจในสิ่งที่อีกฝ่ายพูดมาทั้งสิ้น
“เพราะครอบครัวคุณย่อมไม่เห็นด้วยแน่ ไม่อย่างนั้นเรื่องที่พี่ชายคุณอุตส่าห์มาสวมรอยเพื่อพบตาในวันนั้น มันคงไม่เกิดขึ้น”


“แล้วถ้าผมบอกคุณว่า ผมไม่แคร์ทางบ้านล่ะ” สวนกลับทันควัน
“คุณพูดเพราะต้องการเอาชนะตา หรือพูดเพราะหัวใจคุณกันแน่คะ” มองอีกฝ่ายตรงๆ อย่างตั้งใจ
“อย่าให้ตาต้องเป็นคนที่ทำให้คุณต้องพลอยลำบากไปด้วยเลยนะคะ” ครั้งนี้รู้สึกอย่างที่พูดจริงๆ
“ตาไม่อยากให้วันหนึ่ง คุณมาพูดว่า เป็นเพราะตาที่ทำให้ชีวิตคุณต้องพบกับ ‘จุดเปลี่ยน’ ที่คุณไม่ได้ตั้งใจเลือก ในเมื่อคุณมีทางที่ดีกว่าที่จะก้าวต่อไป คุณก็ควรที่จะเลือกทางนั้นไม่ใช่หรือคะ” ยังพยายามให้เหตุผล
“ครอบครัวคุณต้องการคุณนะคะ”


“ก็ในเมื่อพี่ชายผมก็อยู่ที่นั่นทั้งคน แล้วทำไมผมต้องสนด้วย เขาทำได้ทุกอย่าง เป็นลูกรักของพ่อแม่ เป็นนักธุรกิจที่สานฝันของท่านทั้งสอง โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีผม”
ฐิตารีย์เพิ่งรู้สึกว่าแท้จริงแล้วยองฮวายังมีอีกด้านหนึ่งของความรู้สึกที่เก็บงำเอาไว้ จากน้ำเสียงที่เขาเปล่งออกมาเหมือนกำลังน้อยใจไม่มีผิด


วูบหนึ่งที่ยองฮวาคิดถึงคำพูดของพี่ชายก่อนที่เขาจะมาที่นี่
“หากนายอยากใช้ชีวิตอย่างที่ต้องการก็ทำเถอะ อย่างน้อยก็คงดีกว่าเห็นนายต้องอมทุกข์อยู่อย่างนี้ ใช้ชีวิตอย่างที่นายต้องการ สานความฝันที่ฉันไม่มีวันทำมันได้”
เพราะเหตุการณ์วันนั้นที่เกาหลีใต้…
เมื่อฐิตารีย์โทรฯ เข้าไปนัดเจอคนรัก แต่คนรับกลับเป็นมารดา เธอจึงให้บุตตรชายคนโตสวมรอยมาพบ วันนั้น…ผู้พี่เมื่อเผชิญหน้ากับฐิตารีย์จึงไม่มีคำพูดใดๆ ออกจากปากเลยสักคำ


และเพราะมารดาบังคับเขาให้หมั้นหมายกับบุตรสาวเจ้าพ่ออุปกรณ์อิเล็คโทรนิคผู้นั้น โดยเขาไม่เห็นด้วย ที่ตามมาจึงไม่พ้นการปะทะคารมระหว่างเขาและมารดา
“แกอย่าหวังว่าจะได้กลับไปคืนดีกับแม่นั่น ที่วิ่งโร่ตามแกมาจนถึงนี่ เพราะฉันไม่มีวันยอมเป็นอันขาด รู้มั้ยว่าฉันกำจัดแม่คนนั้นไปเรียบร้อยแล้ว”
ทั้งที่เวลาผ่านมาแล้วหลายเดือน วันนั้นเขาถึงรู้...ว่าเพราะเหตุใดหมายเลข
โทรศัพท์ที่ฐิตารีย์ใช้ถึงติดต่อไม่ได้ รวมถึงพชรก็ไม่ยอมรับสายเช่นกัน


“คุณอย่าคิดว่าคุณรู้ไปเสียทุกเรื่อง” เป็นอีกครั้งที่ยองฮวาเอ่ยออกมา
“แต่...คุณจะอยู่ที่นี่กับตาได้งั้นหรือคะ ผู้หญิงคนนี้ ที่หนี้สินท่วมตัว คุณอาจยังไม่รู้ ว่าฟาร์มนี่เป็นหนี้ธนาคารอยู่หลายล้านบาท” เธอบอกอย่างไม่อาย
“และตาก้ยังมีภาระต้องส่งเสียน้องชายที่ยังเรียนที่อังกฤษ ยังมีทั้งพ่อ ปู่ และอาต้องดูแล” เธอเหมือนกำลังชักแม่น้ำทั้งห้าไม่มีผิด
“แล้วถ้าผมบอกคุณว่า ผมอยู่ได้ล่ะ”
แท้จริงเมื่อยองฮวาโทรฯ ติดต่อก่อนที่จะมาถึง พชรได้เล่าเรื่องให้เขาได้รับรู้จนหมดสิ้นแล้ว


นาทีนั้นฐิตารีย์ถึงกับพูดไม่ออก เธอไม่คิดมาก่อนเลยว่าจะอึดอัดได้ถึงเพียงนี้
“ผมขอถามตรงๆ ว่าที่คุณตัดสินใจไม่ได้ และพยายามพูดให้ผมเปลี่ยนใจอยู่นี่ คงไม่ใช่เพราะมีที่หมายใหม่เป็นนายทหารอากาศคนนั้นอยู่หรอกนะ”
น้อยครั้งนักที่เธอจะได้ยินอดีตคนรักตัดพ้อเช่นนี้
“ตาไม่มีอะไรกับคนที่คุณว่ามาหรอกค่ะ แต่ที่ตาไม่อาจตัดสินใจอะไรได้ในเวลานี้ เพราะหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบต่างหากล่ะคะ แต่หากคุณยังยืนยันว่าจะอยู่ ตาก็คงห้ามไม่ได้”


รอยยิ้มอย่างพอใจปรากฏขึ้นจนเต็มหน้าของชายหนุ่ม อย่างน้อยความสำเร็จของเขาก็มีแล้วขั้นหนึ่ง
“ผมมีเงินในบัญชี จะให้คุณไปใช้หนี้ จะคิดว่าเป็นเงินสินสอดก็ได้นะ” เขารุกอีกครั้ง
นาทีนั้นฐิตารีย์ถึงกับต้องนับหนึ่งถึงสิบอยู่ในใจ
“ตาว่าคุณควรเก็บเงินนั่นเอาไว้ และหากคุณยังอยากที่จะคุยกับตาก็อย่าพูดถึงเรื่องนี้อีกอย่างเด็ดขาด”


ไม่น่าเชื่อว่าเธอเดินจากมาเสียเฉยๆ เพราะไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้ได้อีกต่อไป ทำไมเธอต้องโกรธด้วย หรือแท้จริงแล้วความเข้มแข็งที่พยายามสร้างขึ้นเป็นเพียงเกราะกำบังความอ่อนแอไว้กันแน่
เธอควรดีใจไม่ใช่หรือที่...ในที่สุด คนที่เคยรักเธอก็กลับมายืนเคียงข้าง
แท้จริงแล้วหัวใจของเธอต้องการสิ่งใดกัน หรือเพียงต้องการเอาชนะ เธอรักเขาจริงหรือไม่ คำถามที่ตัวเธอเองก็ไม่อาจตอบได้ในเวลานี้


ห้วงเวลาเดียวกัน ณ ภูมิรพี ชาเล่ต์ ฮิลล์
“หนูนิต้าไปแล้วอย่างนั้นหรือ มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า มีอย่างที่ไหนไม่คิดมาร่ำลา”
ภูมิรพีไม่รู้เลยว่ามารดาตกอยู่ในอารมณ์ไหนกันแน่
“เขาคงมีเหตุจำเป็นอะไรล่ะมั้งครับ ไม่งั้นก็คงกลัว ‘ลูกหลง’ อย่างที่แม่ว่า ผู้หญิงเขาก็ย่อมต้องการความมั่นคงในชีวิต ใครเขาอยากจะมาเสี่ยงกับคนอย่างผมกันล่ะครับ”
เป็นครั้งแรกในรอบหลายปี ที่แสงดาวรู้สึกว่าบุตรชายเหมือนกำลังประชดบางอย่าง


“เกิดอะไรขึ้นกันแน่ มีอะไรก็คุยกับแม่ได้ทุกเรื่องนะจ๊ะ”
บุตรชายได้แต่ส่ายหน้า ไม่เข้าใจตัวเองเช่นกันว่าเหตุใดยังเก็บเรื่องนี้มาเป็นอารมณ์
“ไม่มีอะไรหรอกครับ แม่อย่าสนใจเลย”
แม้มารดาอยากรู้เพียงใดแต่เมื่ออีกฝ่ายไม่อยากเล่า เธอจึงไม่เซ้าซี้ต่อ
“จริงสิ เห็นข้าวปุ้นว่าพักนี้ลูกไปที่ฟาร์มนั่นบ่อยๆ มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ ไม่ใช่ว่าไปติดใจหนูตาเข้าหรอกนะ”


ครั้งนี้ผู้รับฟังกลับหัวเราะอย่างขบขัน ทั้งแต่แรกไม่พอใจที่คนสนิทเอาเรื่องเขามาพูด
“คุณแม่คิดยังไงครับถึงเลิกสนใจนิต้า แล้วหันมาที่คุณตาแทน”
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกจ้ะ เพียงแต่หากลูกจะชอบใคร แม่ก็เห็นดีด้วยทั้งนั้น” ที่เธอไม่ได้พูดออกมาก็คือเพราะมีบางอย่างเกิดขึ้นต่างหาก คำพูดของสริตาที่เธอคิดไม่ถึง
“หากนิต้าแต่งงานกับภู จะให้เขาย้ายเข้าไปอยู่กรุงเทพฯ ค่ะ เพราะนิต้ามีกิจการหลายอย่างอยู่ที่นั่น”


“คุณแม่รู้จักทางเทพทัตมากน้อยแค่ไหนกันครับ” เขาเปลี่ยนเรื่องเสีย เพราะที่ผ่านมา เขาไปใช้ชีวิตยังเมืองหลวงกระทั่งเมื่อตัดสินใจกลับมาช่วยธุรกิจครอบครัว นับจากนั้นจึงได้รับรู้เรื่องราวของเทพทัตจากคำบอกเล่าของบุญกรองอยู่บ่อยๆ
เป็นคำถามที่แสงดาวไม่คิดมาก่อน
“ภูหมายถึง…”
“คุณปู่น่ะครับ”
มารดาเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ
“คุณแม่ทราบมั้ยครับ ว่าคุณปู่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการดูพระตั้งแต่เมื่อไหร่” ทั้งที่ในใจเขาอยากพูดถึงเรื่องเสือสมิงที่ผู้สูงอายุเอ่ยถึง แต่กลับไม่อาจพูดออกมา


“แหม…เรียกซะ แม่ก็ไม่รู้อะไรมาหหรอกจ้ะ รู้แต่ว่าครอบครัวนั้นย้ายมาหลังเรามาอยู่ที่ฟาร์มนี่หลายปี ทำไมภูสงสัยอะไรหรือจ๊ะ”
บุตรชายได้แต่ส่ายหน้า
“เปล่าหรอกครับ ผมคุยกับท่านนายอำเภอ ท่านว่าคุณปู่มีพระดีๆ อยู่นับไม่ถ้วน ผมก็เลยสนใจเท่านั้นเอง”
มารดามองด้วยความประหลาดใจ เพราะแต่ไหนแต่ไรบุตรชายไม่เคยสนใจเรื่องเครื่องลางของขลัง


“ก็ถ้าภูอยากรู้ทำไมไม่ถามหนูตาดูล่ะจ๊ะ”
ภาพของหญิงสาวในชุดกระโปรงเอี๊ยมแวบเข้ามาชั่วขณะ ก่อนที่เจ้าตัวจะรีบสลัดความคิดนั้นออกไปอย่างรวดเร็ว


ในเวลาเดียวกัน ณ ฟาร์มเทพทัต…
กลิ่นพิกุลที่ออกดอกเต็มต้นหอมตลบไปจนทั่ว ถึงดึกดื่นเพียงใดแต่บุคคลที่สองแม่ลูกปรารภถึงยังไม่อาจข่มตาให้หลับ และอาจเพราะคำพูดของชายหนุ่มผู้นั้นด้วยก็ได้ยิ่งพาให้เทพทัตหวลลำลึกถึงบางอย่าง
บางเรื่องที่ยังคงอยู่ในใจ โดยไม่อาจเอ่ยให้ใครได้รับรู้...


กรุงศรีอยุธยาครึ่งปีก่อนพุทธศักราช 2310
ท่ามกลางค่ำคืนอันเงียบสงัด ยามที่ฆ่าศึกเข้ามาประชิดอยู่รอบด้าน นานๆ ทีจะมีเสียงนกละเมอร้องออกมาให้ได้ยิน แต่กลับเพิ่มความวังเวงอีกหลายเท่า กระทั่งเสียงของจักจั่นเรไรยังไม่มีให้ได้ยิน จะมีก็เพียงควันไฟที่ลอยอวลส่งกลิ่นเป็นระยะจากการสุมไฟเพื่อไล่ยุง
ใบหนาดซึ่งเหน็บไว้ตามประตูหน้าต่างบ่งบอกถึงการป้องกันเด็กที่กำลังจะเกิดใหม่


ก่อนหน้านั้นเพียงสองเดือน…
ท่ามกลางดงมะขามเงียบเชียบไร้ผู้คน ทว่าด้านหลังเรือนไทยกลับมีการเคลื่อนไหวบางอย่าง
‘พระยาทองทัต’ กำลังคุมบ่าวไพร่เพื่อขุดหลุมลึกกว่าแปดศอก เพื่อฝังสมบัติอย่างเครียดเคร่ง พร้อมกับร่ายคาถาปิดตายอย่างถาวร


“ดิฉันขอสาบาน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ดิฉันก็จะอยู่เฝ้าเรือนนี้จนกว่าท่านจะกลับมา” คมแก้วภรรยาผู้จงรักพักดีท่านเจ้าคุณลั่นสัจจะวาจาด้วยน้ำตานองหน้า
“เจ้าคงไม่เสียใจที่ไม่ได้อพยพตามพี่น้องกลับไปยังพัทลุง” พระยาทองทัตเอ่ยถึงหัวเมืองชั้นตรี
คมแก้วได้แต่ส่ายหน้า


“ท่านเจ้าคุณอย่าได้พูดเช่นนั้น ถึงดิฉันจะเดินทางได้ ก็ไม่คิดกลับไปอย่างเด็ดขาด” เพราะครรภ์ที่ใหญ่เกินกว่าจะสมบุกสมบัน แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือความรักที่มีต่อท่านเจ้าคุณ
“เพียงได้เห็นท่านได้ทำหน้าที่อย่างชายชาติทหาร ได้ปกป้องบ้านเมือง เพียงเท่านี้ดิฉันก็ถือเป็นบุญและวาสนาที่สุดแล้ว” บอกน้ำเสียงแผ่ว
“ฉันจะกลับมา…รับเจ้าและลูก ฉันสัญญา”


คมแก้วได้แต่มองตามร่างหน้าหิ้งพระที่บรรจงนำ ‘เชือกคาด’ ขึ้นอาราทนาอึดใจใหญ่ ตามด้วยบรรจงคาดเชือกนั้นลงยังบั้นเอว
“เชือกคาดจากผ้าเหลืองพระซึ่งได้จากการบังสกุล หรือจากผ้าขาวห่อศพที่นำมาฉีกเป็นเส้นๆ จากนั้นจึงลงอักขระให้ครบทุกเส้น แล้วจึงนำเชือกมาถักหุ้มอีกที เชือกคาดเส้นนี้ปลุกเสกจากพระเกจิพลังฌาณกล้าแกร่ง ขณะปลุกเสกเส้นเชือกจึงบิดตัวได้จนเหมือนงู...”
ถึงคำบอกเล่าของท่านเจ้าคุณเธอจะจดจำได้ดี แต่ยามศึกสงครามที่ความตายมาเยือนจนถึงหน้าประตูบ้านเช่นนี้ เธอจึงไม่อาจทำใจแม้จะมีของขลังอันทรงอานุภาพก็ตามที


คมแก้วได้แต่มองท่านเจ้าคุณจากไปจนลับตา รู้สึกหนาวเหน็บจนถึงก้นบึ้งของหัวใจ
ไม่น่าเชื่อว่าการจากกันครั้งนั้นจะกลับกลายเป็นการจากกันจนชั่วชีวิต…
จู่ๆ ใบไม้ก็ต่างกรูเกรียวด้วยสายลมที่กระโชกแรง พร้อมๆ กับกลิ่นแป้งร่ำที่กำจายไปจนทั่ว ที่ตามมาคือกลุ่มหมอกควันได้รวมตัวกันอย่างรวดเร็ว ก่อนที่ร่างหนึ่งจะปรากฏอยู่ไม่ห่าง
เส้นผมอันดำขลับกับริมฝีปากซึ่งเคลือบด้วยสีผึ้งยังเปล่งปลั่งด้วยเลือดฝาด ความงดงามนั้นยังคงตรึงตาตรึงใจได้จนบัดนี้

ฝนหนาเม็ดเพราะพายุฤดูร้อนที่โหมกระหน่ำทำให้ภูมิรพีเกือบไม่เห็น รถกระบะเชฟโลเลต บราซิลเลี่ยน บิลท์ ปิคอัพ รุ่นปี60 ที่จอดข้างทางสายเข้าไร่
“รถเป็นอะไรไปครับ” ชายหนุ่มเปิดกระจกตะโกนถามเมื่อนำรถมาเทียบ
“ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ อยู่ๆ ก็ดับไปเฉยๆ” เจ้าของรถตะโกนฝ่าสายฝนหน้ามุ่ย
สุดท้ายชายหนุ่มจึงต้องลงไปดูท่ามกลางความทุลักทุเลอยู่ไม่น้อย
“คุณจะไปไหนล่ะครับ ผมจะไปส่ง” เขาขันอาสา เมื่อขึ้นมานั่งคู่กับเธอและพบว่ารถสตาร์ทไม่ติด


“รบกวนเปล่าๆ ค่ะ เอ่อ…รบกวนขอยืมโทรศัพท์โทรฯ ตามลุงจ่าดีกว่าค่ะ”
เป็นเพราะหลงคุยกับพชรเรื่องยองฮวาจนไม่รู้ว่าแบตเตอรรี่ใกล้หมด แต่กว่าจะรู้ก็สายเกินแก้เสียแล้ว
ชายหนุ่มส่งโทรศัพท์ให้ แต่จากที่เขาได้ยินดูเหมือนเธอกำลังประสบปัญหา
“มีอะไรหรือเปล่าครับ” เขาถามเมื่อเธอส่งโทรศัพท์คืนให้
“ลุงจ่าไม่อยู่ที่ฟาร์มน่ะค่ะ ยังติดฝนอยู่ที่โรงพยาบาล” ที่เธอไม่ได้บอกต่อก็คือพชรไปกับยองฮวา อาสาวยังคุมงานที่ร้านกาแฟ จึงไม่มีใครพอจะช่วยเหลือเธอได้


“มีใครเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” วูบหนึ่งที่เขานึกเป็นห่วงคุณปู่ และบิดาของหญิงสาว
“เปล่าหรอกค่ะ พาคุณพ่อไปเช็คร่างกายเท่านั้นเอง” บอกสีหน้ากังวล
“งั้นคุณจะไปทางไหนล่ะครับ ผมจะไปส่ง” บอกอย่างมีน้ำใจ
“คุณจะไปทางไหนล่ะคะ ขอติดรถคุณไปลงดีกว่าค่ะ” กล่าวอย่างเกรงใจ
“ก็ถ้า…ผมจะไปหน่วยพิทักษ์ป่า คงไม่ใช่ทางที่คุณจะไปไหนต่อได้แน่ๆ ใช่มั้ยครับ” จู่ๆ เขาก็ตีรวนเสียเฉยๆ


หญิงสาวฉุนขึ้นมากะทันหัน ตาบ้าเอ้ย…พูดด้วยดีๆ มากวนกันซะอย่างนั้น
“ว่าไงล่ะครับ ตกลงคุณจะไปทางไหน” เขากลับเข้าเรื่อง
“จะกลับฟาร์มน่ะค่ะ” ในที่สุดก็บอกออกมาจนได้
“ถ้าอย่างนั้น ผมขอไปทำธุระเดี๋ยวเดียว แล้วจะไปส่งคุณ”
หากหญิงสาวมีญาณรู้เหตุการณ์ล่วงหน้า และแม้หนทางจะเปลี่ยวขนาดไหน เธอคงไม่คิดก้าวขึ้นรถขับเคลื่อนสี่ล้อคันนี้เป็นแน่...


เมื่อรถพ้นทางสายหลักเธอกลับรู้สึกเสมือนคนละโลกกับภายนอก ไม้น้อยใหญ่ที่พากันแตกกิ่งก้านสาขาพาให้หนทางมืดสลัว ทั้งที่ปัดน้ำฝนยังทำงานไม่ยอมหยุด ทว่ากลับเหมือนเดินทางฝ่าสายน้ำตกไม่มีผิด
“คุณเคยเข้ามาเส้นทางสายนี้หรือเปล่า”
ภูมิรพีเหมือนไม่รู้จะคุยอะไรมากกว่าเพราะอีกฝ่ายเงียบกริบ ราวกับเขามาเพียงลำพัง
“ไม่ค่ะ”
อาการพูดน้อยของหญิงสาวทำให้เขาต้องหันมามอง


“ทางสายนี้จะไปบรรจบกับเส้นจากผาห่มหมอก แต่ไม่ค่อยมีคนใช้ เพราะอ้อมกว่ามาก คุณไม่ต้องกังวลนะ ผมชินเส้นนี้เป็นอย่างดี”
จะไม่ให้กลัวยังไงไหว ก็ในเมื่อรถเริ่มไต่ระดับขึ้นพื้นที่สูงทุกขณะ ซ้ำเส้นทางแสนแคบก็เป็นเพียงทางลูกลังที่ด้านหนึ่งติดเขาส่วนอีกด้านกลับเป็นหน้าผาที่ปราศจากสิ่งกีดขวาง
เธอไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเพราะเหตุใดคนเคียงข้างถึงต้องลำบากขนาดนี้กับการเข้ามาที่นี่ด้วย ที่สำคัญจุดหมายเขาคือที่ไหนกัน
นาทีนี้เธอจึงไม่รู้เลยว่าระหว่างนั่งรอในรถบนเส้นทางสายเปลี่ยว กับการที่ต้องมากับหมอนี่ อย่างไหนจะดีกว่ากันแน่


วูบหนึ่งที่รอยยิ้มปรากฏขึ้นยังริมฝีปากของชายหนุ่ม เห็นเก่งกล้าขนาดสมุนคนสำคัญของเขายังขยาด กับแค่ต้องนั่งรถมากับเขาท่ามกลางบรรยากาศไม่เป็นใจนี่ เธอก็ทำท่าจะถอดใจเสียแล้วหรือ เป็นไปได้อย่างไรกัน
“ผมได้ยินมาว่าทางกำนันจะส่งผู้ใหญ่มาทาบทามคุณ ให้คุณพาคร” เขาเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ทั้งไม่น่าจะใช่เวลานำเรื่องนี้ขึ้นมาพูดเลยสักนิด
คำบอกเล่านั้นดูเหมือนจะได้ผล เพราะผู้รับฟังหันขวับมาทันที
“คุณเอาอะไรมาพูด” เธอตกใจจริงๆ


“อ้าว…คุณยังไม่รู้หรอกหรือ ผมนึกว่าคุณรู้แล้วเสียอีก ป่านนี้ผมว่า…เขารู้กันค่อนจังหวัดแล้วด้วยซ้ำ” บอกหน้าตาย
“…คุณก็รู้แล้ว ทีนี้จะตัดสินใจยังไงดีล่ะครับ ในเมื่อเพื่อนชาวเกาหลีของคุณ เขาก็บอกว่าเป็นแฟนคุณด้วยเหมือนกัน”
ทั้งที่ไม่รู้ว่ายองฮวาพูดอะไรให้หมอนี่ฟังบ้าง แต่เธอก็อดไม่ได้ที่จะหมั่นไส้
“แล้วคุณล่ะคะ คุณสริตาก็น่ารัก คุณไหมก็แสนจะสวย ไม่ทราบว่าเป็นกรณีเดียวกันด้วยหรือเปล่าคะ”
ที่ตามมากลับเป็นเสียงหัวเราะอย่างขบขันจากชายหนุ่ม โดยไม่มีคำอธิบายใดๆ ผิดกับฐิตารีย์ที่ได้แต่เข็ดเคี่ยวเคี้ยวฟัน ได้แต่นึกว่าไม่น่าหลวมตัวนั่งรถมากับหมอนี่เลยจริงๆ


ท่ามกลางเส้นทางที่ฐิตารีย์ต้องลุ้นระทึก เพราะโค้งหักข้อศอกนับไม่ถ้วนนั้น มาสิ้นสุดลงยังหน้าบ้านหลังเล็กท่ามกลางหุบเขา
ไม่น่าเชื่อว่าที่นี่จะงดงามได้ถึงเพียงนี้ เพราะด้านหนึ่งคือธารสายน้ำเล็กๆ ที่คดเคี้ยว
“คุณรอในรถนะ ผมจะขนของนี่เข้าไปข้างในเดี๋ยวเดียวเท่านั้น” เขาบอกระหว่างปลดเข็มขัดนิรภัย
เธอเพิ่งสังเกตเดี๋ยวนี้เองว่าเบาะหลังเต็มไปด้วยของเด็กอ่อน หนึ่งในนั้นคือกระป๋องนมผง
หรือว่าหมอนี่มีลูกเมียมาเก็บไว้กลางป่ากันแน่


ท่ามกลางความสงสัยของหญิงสาวนั้นชายหนุ่มฝ่าสายฝนเข้าไปยังบ้านหลังเล็กอย่างรวดเร็ว
มากกว่า เส้นทางสายเก่าที่รถแล่นกลับออกมายังคงเต็มไปด้วยความไม่น่าไว้วางใจ แม้เข็มนาฬิกาจะบอกเวลาเพิ่งสี่โมงเย็น ทว่าฟ้าคลึ้มฝนกลับเหมือนหกโมงเย็น ซ้ำสายฝนก็ตกหนักกว่าเก่าอีกหลายเท่า สายฟ้าที่ปราบแปรบตามด้วยเสียงฟ้าฝ่า บ่งบอกถึงพลังอำนาจของธรรมชาติอันมหาศาลที่มนุษย์ต้องยำเกรง
“คุณว่าเราควรลงเขาไปตอนนี้หรือคะ”


คำถามนั้นกลับปราศจากคำตอบใดๆ เพราะอีกฝ่ายเพียงเหลือบดูนาฬิกาข้อมือก่อนจะสตาร์ดเครื่องเสียงสนั่น
รถค่อยๆ คลานลงมาจากไหล่เขาโดยปราศจากการพูดคุยใดๆ ฐิตารีย์ได้แต่ภาวนาอยู่ในใจ ขอให้เธอถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ แต่ทุกอย่างหาเป็นเช่นนั้นไม่ เพราะเมื่อมาถึงยังไม่ครึ่งทางก็พบกับสิ่งที่ไม่คาดฝันจนได้
หินขนาดมหึมาและดินจากภูเขาถล่มลงมาปิดเส้นทางจนหมดสิ้น


สวัสดีค่ะ

พบกันอีกครั้งนะคะ หวังว่าจะสนุกกับตอนที่10 นี้นะคะ ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยค่ะ หวังว่าเพื่อนๆ นักอ่านทุกท่านจะสบายดีนะคะ
รักษาสุขภาพด้วยนะคะ ช่วงนี้ฝนตกลงมาบ้างแล้ว คงจะคลายร้อนกันได้บ้าง

เร็วๆ นี้ จะมีผลงานออกใหม่ ภายใต้นางปากกา 'ดารัณ' กับเรื่อง บูงาฆารัก อย่าลืมติดตามกันให้ได้นะคะ

ด้วยรักจากใจค่ะ
ยุพากร



ยุพากร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 พ.ค. 2555, 16:09:32 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 ต.ค. 2555, 16:46:00 น.

จำนวนการเข้าชม : 1475





<< 9 กรยุพา . ยุพากร   11 . กรยุพา . ยุพากร >>
nako 22 พ.ค. 2555, 07:54:41 น.
รอลุ้นตอนต่อไปจ้า


ยุพากร 22 พ.ค. 2555, 10:07:36 น.
ขอบคุณค่ะ คุณnako


อัปสรา 22 พ.ค. 2555, 15:09:58 น.
มาแล้วเหรอคะรอตอนต่อไปจ้า


ยุพากร 23 พ.ค. 2555, 09:46:42 น.
ขอบคุณ คุณอัปสรามากค่ะ


nuchababluesky 16 ส.ค. 2555, 21:43:47 น.
เด๋ว ตามเก็บนะค่า จอแจ
คิดถึงจ้า


ยุพากร 23 ส.ค. 2555, 22:04:25 น.
ขอบคุณพี่นุชล่วงหน้านะคะ รักษาสุขภาพด้วยนะคะ จุ๊บ จุ๊บ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account