นิราศรักกรุงสยาม
ศักดิ์ศรีมีไว้ให้คนสรรเสริญมิใช่ทำลาย ความรักมีไว้เพื่อให้ได้รักในกันและกัน ปัญหาเดียวของความรักคือความไม่เข้าใจ

Tags: สู้ ไม่ยอม แพ้

ตอน: ต่างคนต่างคิด


กลิ่นอบร่ำส่งกรุ่นหอมไปทั้งห้อง หลวงไกรจงใจสูดกลิ่นนั้นเข้าปอดเต็มที่ ชายหนุ่มใจเต้นแรง ด้วยรู้ว่ากลิ่นนั้นมาจากที่ใด
ช้องนางนั่งพื้น วางแขนบนตั่งเตี้ย ซึ่งบนโต๊ะไม้มีเครื่องประทินผิววางอยู่หลายตลับ พร้อมทั้งคันฉ่องส่องโฉม ช้องนางหันข้างให้กับโต๊ะ เมื่อไกรก้าวเข้าไปในห้อง และขัดดานปิดแล้ว เขาเดินมาทำท่าเหมือนจะนั่งบนพื้นคล้ายมีเรื่องจะสนทนาด้วย แต่ช้องนางตัดบทไปเสียก่อนว่า
“คุณหลวงจะนอนหรือยังเจ้าคะ อิฉันจะได้จัดมุ้งให้เรียบร้อย”
สิ้นคำของช้องนางไกรอดรนทนไม่ได้ ด้วยคิดว่าอีกฝ่ายไล่ให้เขานอนตามลำพัง เพื่อเธอจะได้ฝันหวานถึงชายอื่น มือเรียวใหญ่ของไกรจับท่อนแขนช้องนางทั้งสองข้างบีบแรงถามเสียงกร้าว ใบหน้าแสดงออกชัดถึงความร้าวรานใจ
“นี่เป็นไร แม่ช้องจึงจงเกลียดจงชังฉันนัก หรือหล่อนทนไม่ไหวที่จะให้รอนานกว่านี้”
“คุณหลวงอิฉันเจ็บนะเจ้าคะ ปล่อยนะ”
“บอกฉันมาได้หรือไม่ว่าผู้ชายคนนั้นอยู่ที่ไหน ฉันจะไปตกลงกับเขา ว่าให้เขารออีกสักหน่อยให้เขาเห็นแก่ฉันบ้าง เพราะฉันแต่งงานกับหล่อนเพราะไม่รู้ว่าหล่อนมีใจให้แก่คนอื่น”
“คุณหลวงจะให้อิฉันตอบความที่อิฉันตอบไม่ได้ได้อย่างไรเจ้าคะ”
ไกรทิ้งแขนของช้องนาง ก่อนเดินไปที่เตียงของเขา ช้องนางผุดลุกไปทำหน้าที่ “ตื่นก่อน นอนที่หลัง” จัดแจงจะกลางมุ้งสายโยง แต่ไกรเอ่ยไม่มองหน้าว่า
“แม่ช้องไปนอนเสียเถิด ไม่ต้องมาทำหน้าที่ ที่แม่ช้องควรทำให้กับคนที่แม่ช้องคิดถึงเขามากกว่า เมื่อเรื่องสิ้นสุดลง แม่ช้องไปจากฉันแล้ว ฉันคงไม่ปล่อยให้หอนี้ร้างนานนักดอก”
ช้องนางสะอึกก้อนแข็งที่แล่นขึ้นจุกคอ เม้มริมฝีปากแน่น ก่อนเอ่ยเสียงแผ่ว
“แม่น้ำผึ้งจะรอคุณหลวงไหวหรือเจ้าคะ”
“แม่ช้องว่ากระไรนะ”ไกรหันมาถามขณะที่เลื่อนตัวเองเข้ามุ้ง ช้องนางเข้าไปเหน็บชายมุ้งสอดไว้ใต้ที่นอน ทำหน้าง้ำไม่ตอบคำชายหนุ่ม ซึ่งเขาหันหลังเบือนจากใบหน้างาม ห้ามใจไม่ให้ฉุดเข้าไปนอนเสียในมุ้งเดียวกัน
แม่น้ำผึ้ง หญิงสาวที่ผู้ใหญ่ฝ่ายไกรพูดกรอกหูช้องนางมาหลายคำ แม่น้ำผึ้งหญิงชาววังผู้เพียบพร้อม เหมาะสมกับหลวงไกร คงจะเข้ามาแทรกทันทีที่หลวงไกรทิ้งร้างช้องนางด้วยเหตุผล...เธอมีคนอื่น
เธอมีใครเล่า ในเมื่อเธอเองยังตอบไม่ได้ ทำให้ไขว้เขว แต่ เธอกลับมาคิดมากหลังพบไกรเข้าแล้วอย่างเต็มตา
...หรือหลวงไกรคนนี้ที่พบในงานกฐินเป็นคนเดียวกันกับเจ้าบ่าว
แต่ที่ให้เจ็บใจนักคือ เจ้าบ่าวนั้นพร่ำแต่จะเลิกร้างกับเธอ คำพูดของเขา ยังดังอื้ออึงอยู่นาน ฉันคงไม่ปล่อยให้หอนี้ร้างนานนักดอก...
หญิงสาวปล่อยน้ำตารินไหลออกมาอย่างเงียบงัน แม้ราตรีนี้ไกรไม่มีหญิงอื่นมานอนเคียง แต่เขาก็เอ่ยปากให้เธอช้ำใจ เขาผลักไสไล่ส่งทั้งที่ช้องนางเป็นเจ้าสาวไม่ข้ามเดือน
ส่วนไกรนั้นร้อนในอกเหมือนไฟแผดเผาอยู่ตลอดเวลา หญิงที่เขาปรารถนาอยู่ใกล้เพียงมุ้งกั้น เขาอยากทำตามความเรียกร้องของหัวใจ แต่ช้องนางช่างกระไรเลยนอนนิ่งเงียบราวกับหลับฝันดีอยู่ได้เพียงเดียว!
สองหัวใจที่แอบผูกร้อยรัดรึงด้วยสายใยบางๆนั้นได้แต่อมทุกข์อยู่ตลอด กว่าจะข่มตาให้หลับลงได้เกือบ
ค่อนสว่าง โดยที่ต่างคนต่างทำเป็นหลับเงียบอย่างนั้นเอง
ช้องนาง ตื่นก่อน เธอค่อยลุกจากที่นอน โดยไม่ให้มีเสียงดังไปรบกวนหลวงไกร จากนั้นเธอจึงทำหน้าที่ของภรรยาที่ดี ด้วยการเตรียมขันล้างหน้า ผ้าซับหน้า ที่ถูฟัน และเครื่องแต่งกาย วันนี้หลวงไกรไปทำงาน ช้องนางเลือกผ้าสองชุด เพราะยังไม่ทราบว่าไกร จะใช้ชุดทันสมัย หรือว่านุ่งผ้าจูง
จากนั้นช้องนางจึงออกจากห้องหอ ผิวเตรียมของใส่บาตรไว้ให้เรียบร้อยแล้ว สองนายบ่าวจึงพากันไปที่ท่าน้ำเพื่อรอพระ จึงได้เห็นคุณหญิงใหญ่รอใส่บาตรอยู่ก่อน ช้องนางทักทายตามมารยาท
พระพายเรือมารับบาตร ช้องนางใส่บาตรพร้อมคุณหญิงใหญ่ หลังจากสนทนาเป็นครู่ทั้งสองจึงแยกไปเรือนตน
หลวงไกรตื่นมาอาบน้ำล้างหน้าด้วยความสะดวก ชายหนุ่มชะโงกหน้าผ่านช่องหน้าต่าง ดูบ่าวที่เคยทำหน้าที่กิจวัตรประจำวัน จึงเห็นว่าอีกฝ่ายทำงานง่วนอยู่ในสวน แต่เสื้อผ้าชุดทำงานจัดเตรียมเรียบร้อย ทำให้เขานึกถึงคนที่จัดแจงให้อีกคนด้วยความหวามไหวยินดี
ชายหนุ่มหยิบพวงมาลิร้อยในพานบนหัวเตียงขึ้นมาสูดดมโดยแรง
“แม่ช้องหล่อนปรนนิบัติฉันรึ หล่อนทำดีอย่างหน้าที่เมียอย่างนี้ ทำให้ฉันแทบทนไม่ไหวอยู่แล้วนะ แม่ช้อง จะให้ฉันรักฉันหลงหล่อนไปถึงไหนกัน ยิ่งทำเยี่ยงนี้ฉันยิ่งลำบากใจที่จะปล่อยหล่อนไปจากชีวิตของฉันไม่รู้รึ”
ไกรครวญครางด้วยความยินดี ปนความอาดูรด้วยความรักอีกฝ่ายอย่างท่วมท้น
รถม้ารอคอยรับหลวงไกรไปทำงาน ช้องนางยืนส่งจากที่ไกล ๆ ชายหนุ่มเหลือบสายตามาเห็นยิ่งรู้สึกรัญจวนใจ
ดังนั้นทั้งวันเหม่อลอยเอาแต่คิดถึงบ้านจนถูกเพื่อน ๆ ล้อเลียนกันอย่างสนุก
“เข้าหอใหม่ ๆ ก็อย่างนี้แหละคุณหลวง ไม่เป็นอันทำอะไร วัน ๆ คิดถึงแต่ผ้าปูนอน” ขุนเสกว่า
“จุย์” เพื่อนคนหนึ่งทำเสียงทัก ก่อนเอ่ยต่อ
“ท่านขุนกล่าวอะไรอย่างนั้น ลองดูผิวขาว ๆ ของเพื่อนเราแดงดังดอกชบา แน่ะอย่างนี้ต้องคว้าตัวไว้ไม่ให้กลับบ้านเสียแล้ว”
“อย่าพึ่งแกล้งกักตัวคุณหลวงเข้าสโมสรเลย เพราะผมรู้ว่าการเข้าหอใหม่มันทรมานขนาดไหนรอสักปีค่อยว่ากัน”
เพื่อนล้อเลียนกันสนุก หลวงไกรยิ้มแห้งไปมา เขาก็ได้แต่คิดถึง เขาสัญญากับหล่อนจะคืนหล่อนให้ชายคนรัก มันเป็นใครเขาอยากรู้จักนักดีกว่าเขาแค่ไหนจึงคว้าหัวใจของหล่อนไปได้ !!
คุณเหมไม่คลายใจในเรื่องท่านเจ้าคุณส่งสายตาให้กับแผ้ว ดังนั้นนางจึงตามหลานสาวมาแก้ข้อกล่าวหาตามลำพังในห้องส่วนตัว
แผ้วรู้ตัวว่าโดนหึง ดังนั้นจึงเตรียมคำกล่าวแก้มามากทีเดียว ดังนั้นหญิงสาวจึงเดินมาพบผู้เป็นป้าด้วยความมั่นใจเกินร้อย
นังฉิมคนสนิทของคุณเหมส่งเสียงบอกเจ้านายของตนว่า
“คุณแผ้วมาแล้วเจ้าค่ะคุณท่าน”
“เปิดประตูให้มันเข้ามา”
แผ้วได้ยินเต็มสองหูที่ป้าเรียกว่ามัน เธอถอนในระบายความขุ่นออกไปอย่างรวดเร็ว ฉิมลุกจากท่านั่ง ผลักบานประตู ซึ่งไม่ได้ขัดดานไว้ ประตูเปิดออก แผ้วเดินผ่านบ่าวตัวเอ้ เธอทำแสร้งกระทบไหล่อีกฝ่ายนิดนึง ฉิมเซไปเล็กน้อย แผ้วเหยียดยิ้มมุมปากอย่างสะใจ
“คุณป้าให้หาหรือเจ้าคะ แผ้วกำลังลงครัวไปทำลอยแก้วใส่น้ำแข็งไว้ช่วงของว่างพอดีเชียวเจ้าค่ะ”
“อย่าโอ้ เอ้ นังแผ้ว เอ็งพูดมาตามตรง” คุณเหมจิกเรียก ไม่อ่อนหวานกับหลานสาวดังแต่ก่อน “มื้อเย็นวันวานนี้เจ้าคุณพี่ส่งสายตาให้เอ็ง แล้วเอ็งทำสะดิ้งเอียงอายให้ท่าท่านทำไม”
“อุแม่จ้าว คุณป้าเจ้าขา เจ้าคุณลุงมามองอิฉันด้วยหรือเจ้าคะ”
“มึงอย่างเลี่ยงไปนักนะอีแผ้ว กูเป็นป้าจักไม่รู้สันดานอยากมีผัวจนตัวสั่นของมึงไปหรือ นี่มึงคอยคุณไกรไม่ไหว คิดจะให้โคแก่มาเคี้ยวหญ้าอ่อนของมึงทีเดียวใช่หรือไม่”
“คุณป้าเจ้าขา เจ้าคุณลุงใกล้เกษียรแล้วนะเจ้าคะ แผ้วจะเอ่อ...เอาอายุที่เหลือไปเป็นหม้ายทำไมเจ้าคะ”
“นี่มึง มึง” คุณเหมโกรธเป็นอันมาก ชี้หน้าหลานสาวด้วยมือสั่นเทา แผ้วโต้ไปอีกว่า
“คุณหลวงอายุอ่อนกว่าเกินครึ่ง แก่กว่าอิฉันไม่เท่าไหร่ อิฉันควรฝากชีวิตไว้มากกว่า แล้วเรื่องอันใด คุณป้าจึงมาตู่ว่าอิฉันให้ท่าเจ้าคุณลุงเล่าเจ้าคะ”
“หลายหูหลายตาได้เห็นกันทั้งนั้น”
“ใครเห็นเรื่องของสายตาใคร หัวใจของแผ้ว ไม่ได้คิดตามคนที่เข้าใจก็พอแล้วเจ้าค่ะ”
คุณเหมคลายโกรธลงไปเป็นอันมาก เมื่อแผ้วแก้ตัวได้อย่างแนบเนียนที่สุด แผ้วเห็นว่าผู้เป็นป้ามีอารมณ์หึงหวงเหือดหายไปแล้วจึงได้เอ่ยต่อไปว่า
“เมียคุณหลวงไม่เกรงใจคุณป้าเอาเสียเลย คุณป้าจะให้แผ้วจัดการเลยดีหรือไม่เจ้าคะ”
“เรื่องนี้เป็นหนามแทงใจป้า อยากเรียกพ่อเอ็งมาจัดการให้รู้แล้วกันไป แต่เจ้าคุณพี่เห็นจะเอาเรื่องถอนต้นยันโคนเป็นแน่ เอ็งจะมีวิธีอันใดถอนหนามยอกใจให้ป้าได้บ้างเล่าแผ้ว”สำเนียงการสนทนาเปลี่ยนเป็นเอ็นดูหลานดังเคย
แผ้วกระหยิ่มใจ ตอบเอาดีเข้าตัวไปก่อนว่า
“แผ้วจะทำทุกอย่างเพื่อให้คุณป้าได้สะใจเล่นเจ้าค่ะ แผ้วได้เห็นแล้วว่า มันคนนั้นเจ้าทิฐินัก เห็นจะมือไม้ไม่แข็ง แผ้วจะให้ได้เลือดเล่นสักสามสี่หยดเจ้าค่ะคุณป้า”
“จริงรึ”คุณเหมตาลุก วาว กับการเอ่ยอ้างมากมีความสามารถของหลานสาวสานเลือดนักเลงใหญ่ “จะเล่นงานมันด้วยวิธีใด”
“คุณป้าอย่าร้อนใจเรื่องนี้เลยเจ้าค่ะ แผ้วจะสะกดรอยตามมันทุกก้าวว่ามันจะทำอันใดบ้าง คนอย่างมันย่อมไม่ให้ใครนินทาว่าเป็นนางห้อง มันต้องขวนขวายทำงานเอาหน้าจนได้ แผ้วจะหาทางตีสนิทเองเจ้าค่ะ”
“มันฉลาดเป็นกรด”
“คนฉลาดและมากทิฐิ ไม่ผิดกับม้าศึกที่คึกคะนองจะเล่นงานคนอื่น ม้าตัวนั้นมันทำกำเริบมากจะไม่ดูบังเหียนว่าว่างหรือไม่ว่างดอกเจ้าค่ะ คนคุมบังเหียนไม่มี แผ้วก็จะคุมเอง”
คุณเหมฟังคำคุยเขื่องมากของแผ้วจึงมองค้อนให้ แผ้วยิ้มในสีหน้า ขอตัวจากผู้เป็นป้าออกมา คุณเหมเรียกฉิมเข้าไปสั่งความบางประการ ฉิมรีบรับคำสั่ง เพราะนางชอบเรื่องการสอดรู้สอดเห็น และการทำให้คนอื่นเดือดร้อนเป็นที่สุดอยู่แล้ว!!
คำสุภาษิตไทยสอนให้คนรู้ความกตัญญู เช่นคำว่า อยู่บ้านท่านอย่านิ่งดูดาย ปั้นวัวปั้นควานให้ลูกท่านเล่น ช้องนางเป็นคนมือไว ปากไว เธอจึงอยู่นิ่งเฉยรอท่าสามีกลับจากราชการงานประจำไม่ได้ ดังนั้นในสมองจึงคิดเอาใจแม่สามี เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องคดีแม่ผัวลูกสะใภ้เข้ากันไม่ได้
หญิงสาวชวนสาวใช้คนสนิทเข้าไปเดินในสวน ซึ่งมีผลไม้หลากชนิด แต่ที่ติดใจอยู่ คือมะขามฝักยาว เนื้อในกำลังดี จึงได้เรียกผิวมาใกล้ๆพลางสั่งว่า
“ไปเรียกเจ้าคนที่ขึ้นมะพร้าวมาขึ้นมะขามสักหน่อยเถิดผิว ข้าคิดอยากทำมะขามแช่อิ่มให้คุณแม่ได้ลองทานเล่นดู”
“เจ้าค่ะ บ่าวจะรีบไปตาม คุณช้องรออยู่ที่นี่ อย่าพานขึ้นเองเสียก่อนล่ะเจ้าคะ”
“เอ้า ผิว เรื่องใดมาจิกกัดข้ากันเล่า” ผิวปิดปากหัวเราะเบาๆ ก่อนเดินไปตามหาคนขึ้นมะพร้าวเมื่อวานนี้ ช้องนางอดยิ้มอย่างมีความสุขตามสาวใช้ไม่ได้
หญิงสาวแหงนเงยมองขึ้นบนต้นมะขามใหญ่ ออกฝักเต็มต้น ดูเหมือนไม่มีใครในเรือนสนใจเก็บงำไปทำประโยชน์กันเลย เธอไม่นึกแปลกใจกับแม่ครัวที่เอ่ยแล้วว่า ไม่มีปลาแห้งปลาตตากไว้กิน อาจบางทีคนบนเรือนไม่ได้ลิ้มรส เพราะความไม่เรื่องมาก คนครัวจึงสบายไม่ต้องขวนขวายจัดหา คิดแล้วสงสารคุณหญิงเช่นกัน ที่ได้ลิ้มรสกับข้าวของสะใภ้แล้วชอบใจ
หญิงสาวนึกถึงคุณหญิงเป็นแม่คนหนึ่ง เหตุเป็นอย่างนี้ ช้องนางเห็นใจท่านไม่น้อยเลย ดังนั้นจึงไม่วางเฉยต่อการปรนนิบัติ ระหว่างที่รอให้ผิวกลับมา ช้องนางเดินเก็บฝักแก่ที่หล่นร่วงลงมาตามอายุกาล เธอหักออกดูเนื้อใน แห้ง และมีเยื่อขาวของเชื้อราเกือบเต็มฝัก ยิ่งนักเสียดาย พานอยากทำมะขามแก้วขึ้นมาอีกอย่าง ดังนั้นจึงคิดเก็บทั้งฝักอ่อนฝักแก่ทั้งหมดทีเดียว ขณะคิดเพลินๆอยู่นั้น เสียงดัง ควิ้ว เหมือนไม้ฝ่าลมตัดกิ่งพวงมะขาม และกิ่งแห้งร่วงกราวลงมาใส่ช้องนาง
ตุ้บ
ช้องนางกระโดดหลบมีดขอไร้ด้าม มีความคมกริบ ซึ่งร่วงมาจากต้นมะขามใหญ่ตามแรงโน้มถ่วง ปักกับพื้นดิน หลบคมมีด แต่ไปเจอทั้งฝักทั้งกิ่งหล่นใส่ตัวเอง จึงยกแขนกันหน้าและศีรษะตามสัญชาตญาณ
“ใคร ใครแกล้งข้า” ช้องนางเอ่ยปาก หันขวับไปมองรอบข้าง แต่ไม่เห็นใครสักคน เธอกัดริมฝีปากแน่น เริ่มรู้ตัวแล้วว่าโดนปองร้าย เพียงแต่ไม่รู้ว่าฝีมือใคร
หญิงสาวเขม้นมองมีดขอ แล้วเดินไปหยิบไว้ในมือพลางคิด เอ็งคะเนน้ำใจข้าผิดไปแล้ว!!!



นางแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 พ.ค. 2555, 08:33:18 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 พ.ค. 2555, 08:33:18 น.

จำนวนการเข้าชม : 2316





<< ให้พระคุณ   ตามรอยคนร้าย >>
Kwanza 22 พ.ค. 2555, 09:12:09 น.
เล่นแรงน่ะนี่ ไม่ว่าสมัยไหนนางร้ายก็อิจฉานางเองอยู่วันยังค่ำ


คิมหันตุ์ 22 พ.ค. 2555, 09:54:41 น.
โหย! พลาดไปตายได้นะเนี่ย


tookta 22 พ.ค. 2555, 10:05:19 น.
กะให้ตายเลยเหรอคะ หลวงไกรเจ้าขาทิ้งทิฐิได้แล้ว เมียถูกปองร้ายนะ


Pampam 22 พ.ค. 2555, 13:27:00 น.
เหมือนชื่อตอนเลยต่างคนต่างคิด เฮ้อคงต้องลุ้นกันอีกนาน


Zephyr 22 พ.ค. 2555, 19:32:06 น.
เมื่อไรจะเป็นชื่อตอน ช่วยกันคิดคะ
ยายแผ้ว ระวังเถอะ เธอน่ะ ไม่ตายดีแน่


องุ่น 27 พ.ค. 2555, 03:26:47 น.
ชอบความเห็นข้างบน นางแก้วขา...ตอนช่วยกันคิดล่ะคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account