นิราศรักกรุงสยาม
ศักดิ์ศรีมีไว้ให้คนสรรเสริญมิใช่ทำลาย ความรักมีไว้เพื่อให้ได้รักในกันและกัน ปัญหาเดียวของความรักคือความไม่เข้าใจ

Tags: สู้ ไม่ยอม แพ้

ตอน: ตามรอยคนร้าย


ผิวไปในโรงครัว ถามหาคนขึ้นมะพร้าว ยายพุ่มกำลังนั่งหั่นเครื่องคาว เพื่อเตรียมอาหารมื้อกลางวัน เมื่อเห็นคนของคุณนายลงมา จึงอดถามด้วยความยินดีเสียไม่ได้ว่า
“คุณนายจะลงครัวอีกหรือผิว ดีเทียว ข้าเองหัวตันเสียแล้วไม่รู้จะทำอะไรดี”
“กลางวันนี้มีพวกจับเส้นอยู่หรือเปล่า หากมีก็ทำซาวน้ำเถิด อากาศร้อนอย่างนี้ทำกินดีไป ว่าแต่คนที่ขึ้นมะพร้าวนี้อยู่ที่ไหน คุณนายช้องเธอจะให้ไปขึ้นมะขาม”
“คุณนายท้องแล้วหรือจึงอยากเปรี้ยวอยากหวาน อุแหม่ได้ลูกเร็วทันใจ แต่งงานได้ไม่ถึงเจ็ดวัน เออ ใช่ไม่ถึงเจ็ดวันจะท้องได้เทียวหรือ”
“ยายพุ่มคงเป็นคนพิสดารมากนักคิดจนเลยเถิดไปยังได้อีก แต่ว่าคุณนายเธอไม่พิสดารท้องก่อนแต่งดอกยายพุ่ม แม้แต่วันหมั้นหม่อมยายยังไม่ให้คุณช้องออกมา หลังหมั้นก็ไม่ได้พบกันจนวันแต่ง คูณช้องของฉันเหมือนผ้าขาวรู้เอาไว้”
“จ้ะจ้ะ แม่ผิว แล้วนี่มีธุระอันใดกันเล่า”
“คุณช้อง เธอจะทำมะขามแช่อิ่มมาให้กินกัน เลยให้ฉันมาตามหาคนขึ้นมะพร้าวเมื่อวาน”
“อ้อ ไอ้เพลิน โน่น นอนเพลินใต้ต้นมะม่วงโน่น ไม่เรียกหา มันไม่ลุกทำงานดอก”
ผิวเดินไปหาคนหลังยาว ไปถึงได้เห็นคนหลังยาว ซึ่งยาวกว่าท่อนล่างจริงๆ คนอย่างนี้ต้องตำราคนขี้เกียจเพราะสันหลังยาวนัก
“เพลิน เพลิน”
“หือ” เจ้าเพลินครางรับ แล้วเปลี่ยนท่านอนใหม่”
“ท่านเจ้าคุณถือหวายมาโน่นแล้วสองเรียว” ผิวก้มลงไปกระซิบบอก
“หา” เจ้าเพลินลุกพรวดพลาดตื่นตาสว่าง ยกมือไหว้แต้ ผิวรีบดึงตัวเองขึ้นยืนตรง เพลินแก้ตัวว่า
“พระเดชพระคุณขอรับ กระผมไม่ได้ขี้เกียจดอกขอรับ แต่ว่างานได้ลุล่วงไปหมดแล้วจึงได้งีบเอาแรงไว้ปีต้นไม้เอาใหม่นะขอรับ”
“อ้อ อย่างนั้นมีแรงขึ้นต้นมะขามแล้วล่ะ” เสียงตอบของผิวเข้าหูทำให้นายเพลินเหลียวมองหา ท่านเจ้าคุณ แต่ไม่เห็น ผิวเอ่ยว่า
“คุณนายให้มาตามไปขึ้นมะขาม ท่านจะทำแช่อิ่มให้เจ้าคุณชักช้าจะโดนหวาย”
“จ้ะ จ้ะ ไปจ้ะ แต่ไปต้นไหนดีจ๊ะ ท้ายคลองก็ต้นใหญ่เอาการอยู่ ริมสวนก็ดี หน้าบ้านก็ใหญ่”
“นายข้ารอริมสวน”ผิวเอ่ยแล้วเดินย้อนไปในครัวเพื่อหากกระบุงใส่มะขาม ยายพุ่มเรียกให้เด็กตามไปช่วยคุณนาย ส่วนนางทำขนมจีน น้ำยา และขนมจีนซาวน้ำ ตามคำแนะนำของผิว ซึ่งไม่ยาก และไม่เปลืองแรงเท่าไหร่ ยายพุ่มยิ่งนึกชอบใจสองนายบ่าวผู้ที่นางเห็นฝีมือมาแล้วจากเมื่อวานนี้
ส่วนวันนี้ได้ตำราอาหารเข้าครัวมาอีก มะขามแช่อิ่ม คิดแล้วเปรี้ยวปาก แต่ขี้เกียจทำ!!!
ช้องนางระมัดระวังตัวขณะรอผิวกลับมา เธอลูบคมมีดในมือ ในใจคิดหาเจ้าของให้เจอ มีดนี้ไม่ได้ปลิวลมมาอย่างที่ใครบางคนต้องการให้คิด ซึ่งคิดได้ชั่วร้ายยิ่งนัก คิดขนาดฆ่าแกงกัน ไม่ใช่เรื่องที่ช้องนางจะไม่ระวังตัว แต่เธอจะตีโพยตีพายไปไม่ได้เด็ดขาด หาไม่ ความรักความเมตตาที่ท่านเจ้าคุณมีต่อเธอจะทำให้คนในเรือน ซึ่งไม่รู้อีโหน่อีเหน่เดือดร้อนไปด้วย
ใครกันนะที่อยากเอาเลือดหัวเธอออก!
“มาแล้วเจ้าค่ะคุณช้อง “ ผิวส่งเสียงนำมาก่อนตัว ช้องนางถอนใจเบาๆ ค่อยโล่งใจที่ไม่ต้องเผชิญภัยมืดตามลำพัง
“อ้าวนั่นเอามีดขอที่ใดมาถือเล่นเจ้าค่ะ”
“ข้าเห็นว่าน่าจะลานกิ่งมะขามที่ฝักดกลงเสียทีเดียว เลือกเก็บฝีกเปราะ(ฝักแก่จัด)กับฝักสวยไว้คนละทีกันนะ ดีเหมือนกันมาหลายคนจะได้ช่วยกัน เก็บเสร็จจะได้ไปโรงครัวกัน ทำเสียให้ทันก่อนเที่ยง ตอนเที่ยงข้าไม่ให้ใครขึ้นต้นไม้ หม่อมยายข้าสอนไว้ เกรงผิดสำแดงเป็นลมจักเป็นอันตรายไป”
เพลินขึ้นต้นทะขาม ความเป็นคนไม่ขยันมากอยู่แล้ว จึงถนัดในทางลนกิ่ง หรือตัดกิ่ง หนักเข้า กิ่งที่ไม่มีฝักน้อย คนขี้เกียจก็ไม่เก็บจ้องแต่จะฟัน ผิวจึงเอ็ด
“นี่เจ้าเพลิน หากมักง่ายจะลานเสียทุกกิ่งไปละก็ มิสู้ลงมาโค่นต้นเลยเล่า”
นายเพลินแสยะยิ้ม ค่อนขยันขึ้นมาอีกครา
ผิวและคนงานอีกสองคนช่วยกันเด็ดฝักมะขามออกจากกิ่ง ช่วยกันเลือกดูฝักแก่จัด ซึ่งช้องนางเลือกด้วยมือตนเอง เวลานั้นก้อนหินก้อนหนึ่งถูกขว้างมากจากที่มืด โดยไม่เห็นทิศทางมา แต่โดนช้องนางที่ท้ายทอยอย่างถนัดถนี่ ก้อนดินแตกกระเซ็นเต็มท้ายทอย
“โอ๊ย...”ช้องนางร้องด้วยความเจ็บ แม้ไม่มาก แต่หญิงสาวไว้วางใจไม่ได้อีกแล้วเธอสั่งสาวใช้ทั้งหมดทันที
“ผิวเร็ว พวกเอ็งด้วย ไปเที่ยวหาดูทีใครมันรังแกข้าสองครั้งเข้านี่แล้ว” เธอปัดเศษดินซึ่งมีความชื้นอยู่มากออกจากท้ายทอย
ผิวได้ยินเต็มสองหู เธอรีบเข้าไปหานายสาว มองรอบทิศ เห็นพุ่มไม้ใบหนา ผิวคว้ามีดในมือนาย วิ่งไปทางทิศนั้นทันที สองบ่าวรีบตามไป นายเพลินร้องถามลงมาจากบนต้นไม้ใหญ่
“พอแล้วหรือขอรับคุณนาย”
“ได้มากโข เอ็งรีบลงมาทางนี้ มาช่วยกันตามหาอ้ายคนขี้ขลาดที่จ้องทำร้ายข้า”
“อะไรนะขอรับ”นายเพลิน ได้ยินไม่ชัด เสียงแต่ว่าทำร้าย ทำอันตราย มันรีบไต่ต้นไม้ลงมา ความเร่งร้อนทำให้พลาดจากกิ่งลงมาอีกกิ่งแต่ความเร็วทำให้คว้าอีกกิ่งไว้ได้ ช้องนางเงยขึ้นมองบ่าวมือไวราวกับลิง
“ใครมันอยู่ทางโน้น นั่นอีสองคนนั้นวิ่งไปทางโน้น” เจ้าเพลินมองจากที่สูงเห็นสองหญิงคลุมผ้าวิ่งไม่ระวังนัก จึงหกล้มครูดไปตามทางลาดชัน มันร้องบอกคนข้างล่าง ก่อนลงมานั่งยอง รายงานช้องนาง
“กระผมเห็นผู้หญิงสองคนวิ่งตามกันไปหกล้มหกลุก ท่าทางไม่ได้วิ่งเล่นกันดอกขอรับ”
“เอ็งกล่าวกระไรนะ เอ็งเห็นใคร”
“ผู้หญิง เห็นหลังไวๆขอรับ ท่าทางเหมือนนังฉิมบ่าวคุณเหม กับอีกคนคลุมหัวด้วยผ้ามองไม่ใคร่ถนัดขอรับ ว่าแต่ นังฉิมจะวิ่งลับล่ออะไรแถวนี้หรือขอรับ”
“ มันวิ่งไปทางไหน เอ็งพอคะเนทิศทางได้หรือไม่”
“เห็นจะเป็นทางครัวมากกว่าขอรับ เพราะถ้าวิ่งไปทางอื่นจะเป็นป่าหมามุ่ยขอรับ อีกทางก็เรือนคุณเหมเห็นจะไกลออกไปอีกหน่อย แต่ต้นหมามุ่ย คุณท่านสั่งให้ตัดอยู่แต่ยังขยาดกัน ขอรับคุณนาย”
ช้องนางมองหน้าเจ้าคนรายงาน ซึ่งดูซื่อ เซ่อ จากคำพูดไม่มีท่าทียุแยง หรือว่าคิดร้ายต่อใคร เห็นอย่างไรคิดอย่างไรเขารายงานไปตามนั้น แต่คำว่านังฉิม บ่าวคุณเหมทำให้ช้องนางกัดเน้นริมฝีปากด้านใน ด้วยความเจ็บใจต่อคนลอบกัดดังนี้
ผิวและสองบ่าววิ่งแหวกหญ้าตามหาคนลอบทำร้ายช้องนาง แต่ว่าไปไม่ทัน หาร่องรอยกันสักพักจึงได้กลับมาที่ช้องนาง
หญิงสาวมีท่าทีเคร่งเครียด ผิวเข้าไปใกล้ ถามด้วยความห่วงใย
“คุณช้องเป็นอะไรมากหรือเปล่าเจ้าคะ”
“อย่าได้อึงไป เร่งมือเก็บมะขามเถอะ ข้าจะไปโรงครัวเสียหน่อย อ้อ นังเล็กๆคนนั้นไปรายงานคุณแม่ด้วยนะว่าข้าอยู่โรงครัวไม่ขึ้นไปรับอาหารกลางวัน”
“เจ้าค่ะ”
“แล้วลงช่วยข้าที่โรงครัว ข้าจะให้ช่วยกันแกะมะขามทำมะขามเปียกแล้วจะทำเป็นมะขามแก้วไว้กินเล่นกัน เจ้าเพลิน เอ็งช่วยเร่งมือเก็บมะขามเสียให้ทันกัน แล้วตามข้าไปเสียด้วย”
หญิงสาวสั่งความแล้วเร่งฝีเท้าเพื่อไปยังโรงครัว เพื่อตามรอยคนร้ายด้วยอยากดูหน้าให้ถนัด เพราะเพียงคำกล่าวของเพลิน ไม่อาจนำมาเป็นหลักฐานได้ว่าเธอโดนทำร้ายโดยคนของคุณเหม
ในโรงครัวนั้นมีการลำเลียงอาหารเพื่อขึ้นไปส่งบนเรือน วันนี้แยกเป็นสองสำรับ ฉิมมีเหงื่อโทรมกาย ประคองถาดไว้ในมือทั้งสอง ช้องนางตามไปดักหน้า ฉิมเอ่ยอย่างคนปากกล้า ไม่เกรงกลัวอีกฝ่ายว่า
“คุณช้องมาขวางทางอิฉันทำไมเจ้าคะ”
ช้องนางตวัดสายตาคมมองเหงื่อไหลย้อย ซึ่งไม่ใช่มาจากอากาศร้อน แต่เธอเดาได้ว่า เพราะอีกฝ่ายออกกำลังมามาก ฉิมแน่แล้วที่ทำร้ายเธอ แต่ขาดหลักฐาน ช้องนางเชิดหน้า เอ่ยเสียงแข้ง เหน็บแนมว่า
“คุณน้าผู้หญิงไม่ถือเลยหรือว่าบ่าวไพร่ข้างตัวเอง จะมีหยาดเหงื่อหยดไหลปนไปในถ้วยชามจนเสียรสฝีมือยายพุ่ม หรือว่าเอ็งนี้มันเป็นคนสกปรกจนได้ชื่อแล้ว คนใกล้จึงมิได้ถือสา”
“คุณช้อง จะมาตู่ หาความอิฉันไปถึงไหน” ฉิมกระแทก เสียงดังเรียกร้องความสนใจ ซึ่งคนในบริเวณนั้นพากันมองเป็นตาเดียว ช้องนางเหยียดหยันมุมปาดเล็กน้อย แล้วกล่าวกลับ
“ความจริงแล้วหม่อมยายของข้า ได้สอนมานักว่าอย่าเอาทองมาลู่กระเบื้อง เพราะความมากค่ามันต่างกัน แต่เมื่อเอ็งมันเป็นกระเบื้องชั้นดี ข้าจึงอดถูไถเสียไม่ได้ อ้อทองของข้าไม่ติดไปนะ ถ้าติด คงจะเป็นก้อนดินเท่านั้น เพราะว่าคนอย่างเอ็งมันไม่เห็นค่าทองดอก”
หลายคนสงสัยแล้วว่า เหตุใดช้องนางจึงได้ดุด่าฉิม คนของคุณเหม ซึ่งหลายคนเกรงฝีปาก และการกล่าวฟ้องนาย จนโดนเฆี่ยนเพราะการไม่มีเหตุผลของคุณเหมมาแล้ว แต่เมื่อคุณนายมาด่าปาวๆอย่างนี้จึงเป็นที่จับตามองยิ่งนัก หลายคนต่างนึกในใจ ขิงก็รา ข่าก็แรงมาเจอกัน จึงเข้ากันไม่ได้
ช้องนางสั่งปนเหน็บแนมอย่างรุนแรงว่า
“ ไปเถอะ หาไม่ข้าอาจจะใส่ไคล้เอ็งว่า เอาแต่วิ่งเล่นตามป่าจนใบไม้ใบไร่ติดผ้าไม่พอ ยังเสียเวลาขึ้นเรือนอีก ไปเถิด ข้าไม่ได้ตู่เอ็ง ตีนเอ็งก็ยังมีดินโคลนเปื้อนอยู่เลยนี่ เพื่อนเอ็งอีกคนไม่ช่วยมองก่อนเอาถาดสินะอีฉิม”
ถ้อยคำจิกกัด ทั้งยังเหน็บแนมอย่างคนรู้ทัน ทำให้คนใจร้ายอย่างนางฉิมแทบอดอารมณ์ไม่อยู่ อยากเหวี่ยงถาดใส่หน้าคนปากดี แต่ว่าสติทำให้ต้องเห็นแก่ความตายไว้ก่อน เพราะหากนางโต้ตอบออกไป ช้องนางจะเพียงเจ็บตัว แต่นางอาจจะถึงปางตายเพราะการลงโทษเอาได้
เมื่อความอัดอั้นตันใจขึ้นมาก เพราะไม่มีทางต่อปากคำกับคนของนายน้อยเรือนนี้ ทำให้ฉิมน้ำตาเอ่อท้นขอบตาด้วยความคับแค้นใจบ่าวตัวรายของคุณเหม เดินกระแทกเท้า ประคองถาดจากไปอย่างเจ็บแค้นแน่นอก
ช้องนางเดินเชิดเข้าไปในครัว รอคนที่ช่วยเก็บมะขามกลับมา จากนั้นจึงได้ให้แกะเปลือกฝักที่เปราะออกใส่กะละมัง ส่วนฝักแก่ แกะเปลือกง่ายแยกต่างหาก เธอสั่งให้ทำให้สะอาด แล้วจะกลับมาทำมะขามแช่อิ่มและมะขามแก้วเก็บไว้กินเล่นกันต่อไป
คนในครัวแม้มีงานมากขึ้น แต่มีของอร่อยตามเป็นรางวัลจึงได้พลอยสนุก รอคุณนายไปอาบน้ำเพื่อกลับมาทำ บางคนสู่รู้ก็แจงว่ามะขามแช่อิ่มทำอย่างไร บางคนนึกไม่ออกว่ามะขามแก้วของคุณนายจะออกมาในรูปมะขามกวนหรือไร ต่างคนต่างจับหัวข้อสนทนากัน เว้นแต่เรือนคุณเหม ซึ่งแผ้วอาบน้ำแล้วมานั่งเชิดหน้าอยู่กับคุณเหม รอบ่าวตัวดีมาส่งข่าว
ผิวตามนายสาวไปทีเรือน มีดขอเล่มเจ้ากรรม ช้องนางให้ผิวนำไปเก็บยังห้องนอน ให้ซุกไว้ให้ดี จากนั้นสาวใช้คนโปรดช่วยช้องนางอาบน้ำและดูเรื่องความสะอาด บ่าวตัวโปรดเห็นดินติดที่เส้นผมบนท้ายทอยจึงแค้นใจไม่น้อย
“ดูรึนังนั่น มันคืออีฉิมใช่หรือหาไม่เจ้าคะคุณของบ่าว ถ้าใช่ บ่าวจะไปตบมันให้ถึงเรือนเลยดีไหม หรือว่าจะให้บ่าวดักเอาไม้คมแฝกตีกะบาลมันให้ปางตายเสียเลยเจ้าคะคุณช้อง”
“ข้าไปกวนน้ำให้ขุ่นแล้วผิว คนร้ายมันต้องร้ายกลับมาอีก มันคงจะเกลียดที่ข้ามาแย่งผัวของมัน”
“ อ้า...คุณหลวงคงไม่เอาอีฉิมดอกเจ้าค่ะ”
“เอ็งไม่เห็น หรือแกล้งมาทำจำอวดให้ข้าขำเล่น”
ผิวไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายขำ แต่นึกไม่ออกว่าจะมีใครที่เป็นเมียเก็บของหลวงไกร ครู่เดียวจึงนึกถึงแผ้วขึ้นมาอีก เธอจึงกระซิบว่า
“เห็นจะไม่ใช่ดอกเจ้าค่ะคุณของบ่าว เพราะถ้าใช่ คุณเหมคงไม่หึง จนเมินหน้าหลานไปเมื่อคืนดอกเจ้าค่ะ ดูทีเจ้าคุณท่านยังไล่จับตั๊กแตนไหวนะเจ้าคะ”
ช้องนางผุดลุกจากเก้าอี้ไม้นั่ง ผิวหยิบผ้ามาผลัดให้นาย และส่งอีกผืนให้คลุมร่าง จากนั้นจึงเดินตามไปถึงหน้าห้อง ช้องนางเข้าไปแต่งตัว แล้วคิดถึงแผ้ว
หญิงสาวมากวัยกว่าตน มีท่าทีอย่างที่หม่อมยายเธอสอนนักว่า อย่าทำสะดีดสะดิ้งต่อหน้าคน เขาจะด่าได้ว่าเป็นนังละครฟ้อนรำ ทำมารยา
ผิวยืนรอนายสาวออกจากห้อง ระหว่างที่รออยู่นั้นเธอเหลือบไปเห็นพับเดินมาทางนี้ ผิวจึงทำยืนเท้าเอวหันหลังให้ทางเดินเสียอย่างนั้น
พับเดินมาถึงเรือน เมื่อเห็นบ่าวเจ้าของเรือนยืนหันหลังให้ เธอแอบบดเขี้ยว เคี้ยวฟันด้วยความไม่พอใจ เพราะว่าต้องเรียกอีกฝ่าย
“นี่หล่อน” ผิวทำยักย้ายไหล่ หูทวนลม ทำให้พับยิ่งขุ่นเคืองเพราะรู้ว่าอีกฝ่ายต้องมาไม้นี้ หญิงสาวคนสวยกลัวเสียงานและเสียเวลา จึงได้ลดเสียงลงมาเรียกอีกฝ่ายว่า
“คุณหญิงท่านให้มาเรียนเชิญคุณช้อง ให้ไปที่เรือนกลาง”
ผิวหันมาทำท่ายวนใจ
“อ้อ พับ คนของคุณหญิงท่านหรอกหรื เมื่อครู่นี้เอ็งกล่าวกระไรนะ ข้าไม่ทันแจ้ง”
พับฉุนอย่างที่อยากวิ่งกลับไปฟ้องคุณหญิงยิ่งนัก แต่ว่า คุณช้องเธอเข้าข้างคนของเธออย่างที่เห็นฝีปาก ฝีมือกันมาแล้ว พับจึงระวังตัวด้วยการ เรียงคำพูดกับอีกฝ่ายราวกับท่องว่า
“คุณ หญิง ให้มาเรียนเชิญ คุณนาย ไปที่ เรือน ท่าน จะ ถาม บาง อย่าง ข้า ไม่ รู้ ดอก ว่าเรื่องใด”
“ท่องเป็นนกแก้วเชียว” ผิวทำมือหยิบๆล้อเลียนอีกฝ่ายว่าเหมือนปากนก ช้องนางเปิดประตูออกมา พับจึงฟ้องร้องเอาว่า
“คุณนาย ดูคนของคุณนายนะเจ้าคะ พับมาธุระกะการงานของคุณหญิงท่าน แต่คนของคุณนายมาทำเป็นเล่นเสีย อย่างนี้พับจะโดนเรียวหวายได้นะเจ้าคะ ที่ทำงานชักช้าไม่ได้ความ”
“เอาเถอะ เอาเถอะ ผิว บ่าวข้าหูไม่ดี แต่ข้าได้ยินจึงได้ออกมานี่แล้ว เอ็งนำไปก็แล้วกัน อ้อผิวลงครัวไปก่อน ไม่ช้านักข้าจะตามไป”
“เจ้าค่ะ”
ผิวยอมแยกไปตามคำสั่ง ทั้งที่อยากเย้ายั่วพับอีกสักสองสามที ส่วนพับเหลืบสายตามองคุณนาย ก่อนเดินถอยหลัง ให้อีกฝ่ายเดินนำ ช้องนางพอใจกิริยาเปลี่ยนไปของพับเป็นอันมาก และคิดเอาไว้อย่างมาดหมายในใจว่า คนของคุณหญิงต้องเอามาเป็นคนของเธอให้ได้!!
หอนั่งเป็นหอกว้าง สำหรับรับแขก และสำหรับรับประทานอาหาร คุณหญิงนอนเอนให้บ่าวอีกคนบีบนวดคุณเหมนั่งสนทนาและคุณส้มลิ้มมาช่วยกันกระพือไฟเรื่องช้องนางไม่มาร่วมสำรับกลางวัน
คุณหญิงเป็นคนมีนิสัยแปลกนัก ใครพูดให้ร้ายสะใภ้ทีใด ท่านก็โกรธอีกฝ่ายได้ทีนั้น
เมื่อลูกสะใภ้เดินเข่าเข้าไปหา และนั่งเรียบร้อยแล้วจึงเอ่ยปากว่า
“เป็นเยี่ยงไรไม่กินข้าวกินปลา หรือคิดการประท้วงหน่วงเหนี่ยวอันใด”
“หามิได้เจ้าค่ะคุณแม่เจ้าขา”ช้องนางรีบกล่าวแก้
“แล้วไม่หิวรึ นี่อย่ามาทำพิเรนทร์คิดเล่นละครให้เป็นลมล้มพับ จนลูกชายข้าต้องพะวักพะวนว่าข้ากลั่นแกล้งเชียวนะแม่ช้อง”
“ช้องมิได้คิดร้ายกาจดังนั้นเลยเจ้าค่ะ คุณแม่ ช้องไม่หิวเอ่อขอประทานโทษเจ้าค่ะที่มิได้มาเรียนบอกคุณแม่ ทำให้คุณแม่เข้าใจช้องผิดไป”
“เอาล่ะ แล้วนี่หายจากเรือนไปที่ไหน”
“พาบ่าวไปเก็บมะขามเจ้าค่ะคุณแม่ เห็นฝักดก แก่ห่ามต่างๆกัน ช้อง นึกอยากทำแช่อิ่มให้คุณแม่ได้ลิ้มรสเปรี้ยวรสหวาน พอได้ฝักเปราะก็นึกอยากทำมะขามแก้วขึ้นมาอีก คิดถึงแต่คุณแม่ เอาไว้เคี้ยวเล่นแทนหมากบ้างเจ้าค่ะ”
“เราก็อยู่ไม่สุขนี่นะ เออคิดการทำกินอย่างนี้ก็ดี แล้วไปเอ็ดอะไรนังฉิมมันเล่า”
ช้องนางยิ้มในสีหน้า วางท่านั่งหลังตรง เอ่ยด้วยการปรายหางตาไปที่ฉิม ซึ่งนั่งหมอบอยู่กับพื้นหลั่นกันลงไปหญิงสาวคนกล้า คิดว่าดีที่ตนเองสั่งให้ผิวไปครัวเสียก่อน หาไม่ผิวอาจจะข้ามหน้านายทำร้ายฉิม ถึงขั้นลงมือต่อกันก็เป็นได้ เพราะผิวมือไว ส่วนฉิมนั้นช้องนางแน่ใจว่า ใจคอดุร้ายไม่แพ้นาย
“เสียงอิฉันสั่งสอนบ่าวดังมาถึงบนเรือนทีเดียวนะเจ้าคะคุณแม่”
“หล่อนจะด่าใครก็ควรดูว่ามันเป็นบ่าวใคร”
“อ้อ”ช้องนางเอ่ยเพียงนั้นแล้วเงียบ ทำให้คุณเหมระงับอารมณ์ไม่อยู่จึงได้ เอ่ยว่า
“หล่อนมาทำกร่างเป็นนักเลงข้างถนน เห็นจะเอาไว้ยากเสียแล้วนะ อย่างนี้บ่าวไพร่ของคนอื่นไม่ต้องหมอบกราบหล่อนทุกคนไปหรือ”
“ที่อิฉันร้องอ้อเพราะเข้าใจคำว่า นายว่าขี้ข้าพลอย แต่นี่นายไม่ได้ว่า แต่ขี้ข้ามันมาพลอยจึงได้เห็นเป็นธุระต้องสอนสั่ง อิฉันไม่ยอมเป็นนายพลอยไปกับบ่าวดอกเจ้าค่ะ บ่าวมาบอกเรื่องอันใดก็เชื่อทุกเรื่องราว”
คุณหญิงพยักหน้า เรอเอิ้ก คุณเหมจะเอ่ย แต่ไม่ทันช้องนาง ซึ่งกล่าวแทรกว่า
“นังฉิมมันถือถาดอาหารมาให้คุณน้า แต่มือมันมีคราบดิน ตัวมันก็เหงื่อตกให้ซก ตีนมันรึยังเปื้อนโคลน อย่างนี้หากคุณน้าทานอาหารแล้วเสาะท้อง(ท้องเสีย)คนครัวซึ่งทำตามที่อิฉันแนะนำมิโดนเฆี่ยนยับไปหรือเจ้าคะ ขี้ข้าเพียงคนเดียวจะทำให้นายตนเองต้องเจ็บป่วย แล้วยังพาให้บ่าวในเรือนพลอยเจ็บตัว เรื่องนี้หากช้องไม่จัดการมีหรือใครจะจัดการให้คุณน้า ในเมื่อเรื่องจริงเป็นดังนี้ไม่ทราบว่าบิดเบือนอันใดกันไปกลับกรายข้างชั่วจึงมาเป้นของอิฉัน ฉิม เอ็งมากล่าวเกินข้าทำไปถึงไหนรึ ข้าจะได้แก้ไปตามจริง ไม่ใช่กล่าแต่ดีดีเข้าตัว ดุรึซอกตีนยังมีโคลนฟ้องทนโท่” ช้องนางกล่าวแล้วสะบัดหน้าเชิด ชำเลืองมองอีกฝ่ายเพียงหางตา ราวกับมองของไร้ค่า
คุณเหมอยากแล่นไปจับบ่าวตัวเองที่ทำการได้ไม่แนบเนียน แล้วยังมาโดนสายตาคมกริบของช้องนางตรวจนิดเดียวเห็นหลักฐานเสียอีก
คุณหญิงเอนข้างลูกสะใภ้ปากดี เอ่ยตำหนิทางคุณเหมไปว่า
“เห็นจะจริงของแม่ช้องล่ะกระมัง นังฉิมจึงไม่กล้าเถียงสักคำ นี่แน่ะแม่เหม ตัวเป็นนายก็อย่าโง่เขลา บ่าวมันจะไม่เกรงใจ โบราณก็สอนอยู่นี่”
“คุณพี่เจ้าขา ไฉนจึงเอนไปตามลมเล่า”
“เอ๊ะแม่เหมมาว่าข้าได้เยี่ยงนี้เห็นว่าข้าเป็นผู้ใหญ่ไม่มีเหตุผลหรือไร ก็แม่ช้องไปทำกิน แม่ส้มลิ้ม แม่เหม ยังมาบอกข้าว่าแม่ช้องจะหาเรื่องให้ลูกชายข้าเข้าใจผิด แท้ที่จริงแม่ช้องนึกถึงแต่แม่ผัว อยากให้กินของดีดี จะให้ข้าไปตำหนิคนดีได้รึ ไป ไปแม่ช้อง หล่อนนี่ก็ปากเบานักเชียว จะไปทำทะขามมะยามอะไรก็ไป ไป” คุณหญิงเอ่ยให้ช้องนางไปให้พ้นเสียก่อน
ช้องนางขยับกายออกมาห่างพอควรจากนั้นจึงได้เดินลงเรือน นังฉิม ขยับปากจะพูด คุณเหมรีบถลึงตาให้สงบลง เพราะคุณหญิงไปเข้าข้างช้องนางเสียแล้ว พูดอะไรไปตอนนี้คงฟังไม่ขึ้น ช้องนางเอาเรื่องกินขึ้นมาเอาใจแม่ผัว เข้าทางเสียด้วย คุณเหม และคุณส้มลิ้มได้แต่มองตากัน ทั้งคู่อยากเป็นเมียรักของเจ้าคุณ แต่ยังไงเจ้าคุณก็ยังให้อยู่ใต้ใบบุญคุณหญิงมาตลอด ดังนั้นหากว่าทั้งสองปล่อยให้ช้องนางมีอำนาจต่อไปภายหน้าตนเองคิดว่าคงลำบากแน่นอน ตอนนี้สองเมียรองคิดแต่ว่า ทำอย่างไรจะให้หลวงไกรหันมามองทางแผ้ว หลานสาวคุณเหมให้ได้เท่านั้น เพื่อที่จะพึ่งใบบุญของแผ้วต่อไป!!!




นางแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 พ.ค. 2555, 08:09:18 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 พ.ค. 2555, 08:09:18 น.

จำนวนการเข้าชม : 2298





<< ต่างคนต่างคิด   ปากคน >>
Pampam 23 พ.ค. 2555, 08:38:00 น.
ชอบช้องนางสู้คนดี คุณแม่ก็เริ่มเอียงแล้ว แต่หลวงไกรไม่ออกตอนนี้ตอนหน้าจะมาไหมคะ แล้วเมื่อไหร่ช้องนางกับหลวงไกรจะพูดกันดีๆน๊า


คิมหันตุ์ 23 พ.ค. 2555, 10:22:56 น.
คุณหลวงไม่มาเลยตอนนี้ อิอิ


Pat 23 พ.ค. 2555, 10:33:23 น.
อายุเท่านี้เก่งเกินวัยเลยนะหนูช้อง


Kwanza 23 พ.ค. 2555, 15:13:07 น.
หน้าแหกหมอไม่รับเย็บเลยคุณเหม


Zephyr 23 พ.ค. 2555, 18:20:38 น.
สมน้ำหน้าคนคิดไม่ดีกับคนอื่น อิอิ


นางแก้ว 23 พ.ค. 2555, 21:44:05 น.
สตรีสมัยก่อนนั้นเก่วล้นเกินตัวจริงๆค่ะ ออกเรือนแต่เด็ก ต้อวรับผิดชอบหลายอย่าง เจ้าหญฺงบางพระองค์ออกทัพจับศึกตั้งแต่พระชนมายุ14 และท่านเจ้าจอมบางท่านถวายตัวตั้งแต่11-13ปี การแข่งขันกันในทุกวันนี้แทบไม่แตกต่างจากวันวานเลยค่ะ สตรีจึงต้องแกร่งมาแต่โบราณ ส่วนสตรีสมัยนี้ บางคนยี่สิบแล้วยังเด๋อด๋าขอเงินพ่อแม่อยู่เลย


จิงโกะ 24 พ.ค. 2555, 08:09:14 น.
^
อายุยี่สิบยังขอเงินพ่อแม่อยู่ ส่วนหนึ่งก็มาจากการเลี้ยงดูด้วยล่ะนะ ใช้เงินเป็น แต่หาไม่เป็น


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account