เจ้าสาวสีเลือด
เป็นเรื่องแรกที่ได้รับการตีพิมพ์ ยังไม่ค่อยดี สมบูรณ์แบบเท่าไหร่
ยังไงฝากด้วยนะคะ

เมื่อสองหัวใจเจ็บ ๆ มาเจอกัน เปลี่ยนความกลัว ความเสียใจและแผนลวงเป็นความรัก แต่สุดท้ายรู้ว่ารักแท้ของเขาที่มีให้ แท้จริงแล้วเริ่มต้นจากความจอมปลอมทั้งหมด แบบนี้...เธอจะยอมรับมันได้หรือ !
Tags: ดราม่า หวานแหวว

ตอน: เจ้าสาวสีเลือดตอนที่สอง

ตอนที่ 2

“เอาดื่มเข้าไป” เสียงขวดแก้ววางลงบนโต๊ะ ปรายปรางค์ที่นั่งหน้าฟุบค่อยๆ ผงกศีรษะขึ้นช้าๆ บนใบหน้ายังคงมีคราบน้ำตาเปื้อนเป็นทาง วริษานั่งลงข้างกายคนที่ยังมีเสียงสะอื้นเบาๆ ดวงตาที่แดงก่ำฉ่ำด้วยน้ำไม่สามารถปิดบังความเจ็บปวดข้างในลึกที่แสดงผ่านออกมาจากแววตาเศร้าๆ นั้นได้เลย

“ขอโทษนะปรางที่ฉันพาแกไปเจอความจริงแบบนี้ แต่ถึงแกจะไม่รู้วันนี้ พรุ่งนี้ มะรืนนี้แกก็ต้องรู้มันอยู่ดี” คนพูดใช้สองแขนกอดเพื่อนที่นั่งไหล่สั่น “สู้ให้แกรู้วันนี้แล้วพรุ่งนี้จะได้เริ่มรักษาแผลมันจะได้หายเร็วขึ้นจะดีกว่านะ” คราวนี้คนที่อยู่ในอ้อมกอดสะอึกสะอื้นดังขึ้นร่างบางสั่นสะท้านทั่ว

“เอาน่าคนสวยๆ อย่างแก จะหาผู้ชายเมื่อไหร่ก็หาได้” เพื่อนอีกคนที่เซ็กซี่สมส่วนสวยเกินสาวแท้เสียด้วยซ้ำถ้าไม่บังเอิญไปกรีดร้องเสียงหลงก็ไม่มีใครจับได้เลยว่าเธอคนนี้ผ่านการเฉาะมาแล้ว แนนนี่สาวประเภทสองคือเพื่อนคนนั้นที่หวังดีโทรมารายงานเรื่องเวทิตแฟนหนุ่มของปรายปรางค์นั่นเอง มันช่างเป็นโชคดีหรือโชคร้ายของปรายปรางค์ก็ไม่รู้ที่บังเอิญทางร้าน เวดดิ้งสตูดิโอที่แนนนี่ทำงานอยู่ได้รับทำงานนี้

“ขอบใจพวกแกสองคนมากนะที่อยู่ข้างๆ เป็นเพื่อนแบบนี้” รอยยิ้มขัดกับสายตาที่ไม่ได้ยิ้ม ส่งมายังสาวแท้ เทียมที่นั่งขนาบข้าง

“มานี่ไหนดูซิ” แนนนี่จับปลายคางมนของปรายปรางค์ให้หันไปหาตัวเองแล้วใช้นิ้วโป้งทั้งสองข้างค่อยๆ เกลี่ยคราบน้ำตาที่อาบแก้มใสนั้นจนเกลี้ยง “วันนี้ฉันจะแปลงร่างให้คนโสดหมาดๆ กลายเป็นสาวสวยเซ็กซี่ สลัดคราบผู้หญิงที่แสนดีไปแล้วเอ้า” สาวเทียมบีบเสียงแหลมสูงปี๊ด

“ดีเหมือนกันว่ะแนนนี่พาไอ้ปรางออกไปปล่อยแก่สักหน่อยไม่ได้ไปกันนานแล้วนี่เน้อ” วริษาพูดเสริมโดยไม่รั้งรอคำตอบตกลง ปรายปรางค์ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยหรือมีสิทธิ์ปฏิเสธใดๆ สองสาวดึงแขนเธอให้ลุกแล้วลากเดินตามเข้าไปในห้องนอนจับเปลี่ยนตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเลยทีเดียว

“เฮ้ย…เสร็จสักทีกว่าจะตบใต้ตาแกให้ได้ขนาดนี้เล่นเอาซะเหนื่อยเลย” แนนนี่พาเพื่อนสาวไปยืนอยู่หน้ากระจกเงาที่มีความสูงมากพอจะสามารถส่องมองเห็นทั่วทั้งตัวได้ ปรายปรางค์ตะลึงกับเงาสะท้อนของตัวเองเมื่อเห็นความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ที่ดูแตกต่างจากความเป็นตัวตนของเธอจนหมดสิ้น ชุดเดรสสั้นจู๋เกาะอกสีน้ำตาลเข้มที่ขับให้ผิวขาวบางยิ่งดูใสสว่างขึ้นอีก บวกกับเมคอัพที่ดูแรงจนเจ้าตัวยังตกใจแต่ก็ลงตัวแบบสวยเปรี้ยวเหมือนที่คนแต่งให้ตั้งใจและต้องการออกมาให้เป็น

ช่างประจำตัวยืนกอดอกมองผลงานของตนไล่ขึ้นไล่ลงตั้งแต่ศีรษะลงจบที่ปลายเท้าแล้วมองกลับจากปลายเท้าขึ้นไปถึงศีรษะแบบนี้หลายรอบก่อนเดินไปค้นหาต่างหูคู่ใหญ่ยาวระย้ามาใส่ให้นางแบบจำเป็น

“ฝีมือฉันเนี้ยใช้ได้เลยนะ แกว่าไหมษา” สาวเทียมชมตัวเองอย่างภาคภูมิใจ

“ยังไงก็ไม่รู้แปลกๆ นะพวกแก” ปรายปรางค์รู้สึกขัดเขินเพราะความไม่เคยชิน

“แกทำตัวให้เป็นธรรมชาติหน่อยซิไม่ต้องจับนั้นจับนี่ได้ไหม” วริษาเดินมาตีมือเพื่อนสาวที่พยายามดึงชายกระโปรงลงที คลำตุ้มหูที่ห้อยมาเคลียแก้มที

คนที่ตีมือเรียวเมื่อครู่เปลี่ยนมาจับไหล่บางทั้งสองข้างของปรายปรางค์ไว้มั่น พร้อมจ้องตาที่ยังบวมอยู่แต่ทว่าถูกปกปิดด้วยคอนซีลเลอร์และรองพื้นอย่างดีจนทำให้เกือบมองไม่เห็นถ้าไม่ได้สนใจสังเกต

“วันนี้ปลดปล่อยมันออกมาให้หมดซะลืมไปเลยว่าแกเป็นใครได้ยิ่งดี” คำพูดดูจริงจังเต็มไปด้วยความหวังดีที่คนฟังก็พยักหน้ารับคำ ปรายปรางค์สูดหายใจลึกหวังว่าความเจ็บปวดในวันนี้จะคลายลงได้บ้างก่อนเช้าวันใหม่จะมาเยือน

21.15 นาฬิกา ย่านบันเทิงแหล่งรวมคนรักสนุกยามราตรีคลาคล่ำไปด้วยนักเที่ยวกลางคืนที่เดินเลือกร้านนั่ง ดื่ม เต้น ตามสไตล์ของตน หนุ่มสาวจำนวนไม่น้อยที่มาเดินท่ามกลางแสงสีในยามค่ำคืน แสงไฟพวกนั้นเรียกความสนใจจากลูกค้าได้ดีทีเดียว คนในแต่ละวัยมักจะมีร้านเฉพาะของกลุ่มแบ่งแยกกันเองจากความรู้สึกหรืออายุก็ไม่ทราบได้ แต่พวกเขาเหล่านี้จะแบ่งกันไปเองโดยอัตโนมัติและร้านที่สามสาวก้าวเข้ามาก็ถือว่าเป็นร้านดังระดับต้นๆ ของย่านนี้ที่คนในวัยทำงานอายุรุ่นราวคราวเดียวกับพวกเธอชอบมานั่งดื่มฟังเพลงเพื่อความสำราญหรือเพื่อพักผ่อนคลายความอ่อนล้าจากการทำงาน

2 หญิงแท้กับ 1 หญิงเทียมเดินตามบริกรเพื่อไปยังโต๊ะที่ได้โทรมาจองไว้ล่วงหน้าแล้ว คนในร้านค่อนข้างเยอะขนาดเป็นวันอาทิตย์แท้ๆ ถ้าวันศุกร์เสาร์คนที่ไม่ใช่ลูกค้าประจำก็แทบจะไม่มีที่ให้ยืนด้วยซ้ำ แนนนี่เธอรู้จักเจ้าของร้านนี้พอสมควรเนื่องจากเจ้าหล่อนเองก็เป็นนักเที่ยวกลางคืนตัวโยงเลยถือว่าเป็นลูกค้าพิเศษก็ว่าได้

“พวกเรา 3 คนเสน่ห์แรงใช่เล่นนะเนี้ย ดูคนพวกนั้นซิเลือดกำเดาทะลักแล้วมั้ง” สาวเทียมคนสวยบุ้ยใบ้ปากไปทางกลุ่มชายวัย 25 อัพที่ส่งสายตาหวานปนเจ้าเล่ห์มองตามพวกเธอ มันไม่น่าแปลกที่หญิงสาวทั้งสามจะได้รับความสนใจจากพวกเขาเพราะความสวยน่ารักของทั้งสามถือว่าอยู่ในระดับเกือบเกรดเอเลยทีเดียวถึงแม้จะไม่ได้สวยขนาดนางฟ้ามาจุติก็เถอะ

“พวกเขาไม่มองก็บ้าละ ดูแกจับพวกเราแต่งตัวซิ” วริษามองตัวเองแล้ววาดมือไปยังเพื่อนสาวอีกคนที่มาด้วยแต่ยืนเงียบกริบ

“ฉันจับพวกแกแต่งตัวก็จริงนะยะ แต่แกอย่าลืมนะว่าชุดที่แก 2 คนใส่นั้นน่ะมันชุดแก...ยายษา” แนนนี่เน้นเสียงหนักใส่เตือนความจำของคนเป็นเจ้าของชุด “แต่ว่าไปไอ้ปรางนี่ก็ใช่เล่นนะอึ๋มเหมือนกัน ซ่อนรูปนะแก” คนพูดเสียงแหลมมองหน้าอกของจริงมันอาจดูเล็กกว่าของเธอนิดหน่อยที่ไปให้หมอศัลยกรรมยัดมาจนล้น ปรายปรางค์หลบตามองต่ำเธอรู้สึกไม่มั่นใจเอาเสียเลย ยิ่งโดนแทะโลมทางสายตาจากผู้ชายพวกนั้นแล้วด้วยมันทำให้ผิวเนียนขาวของเธอหนาววาบหวั่นกลัวยังไงไม่รู้

“อ่ะ นี่ดื่มเข้าไปจะได้หน้าชาสักพักมันก็ด้านของมันเองแหละจะได้ไม่อาย” สาวเทียมคนเดิมรินเหล้าผสมให้เข้มข้นเสร็จสรรพแก้วเหล้าถูกเลื่อนมาตรงหน้าหญิงสาว ปรายปรางค์จ้องน้ำแข็งที่ลอยในแก้วสักพักแล้วใช้สองมือเรียวจับมันขึ้นมากลั้นใจยกพรวดเดียวหมด สองเพื่อนสาวพากันตาค้างแต่ไม่มีใครคิดจะห้ามหรอก ก็เวลาแบบนี้เหล้าจะเป็นตัวช่วยลืมที่ดีที่สุดและความเมาก็เป็นยานอนหลับขนานดีด้วยเช่นกัน

“ว่าไงละตะกี้ยังบ่นไม่อยากมา ยังชวนฉันไปวัดดีกว่าอยู่เลย” วริษาแขวะเพื่อนที่กำลังยื่นมือรับ
แก้วเหล้าที่ชงเต็มปริ่มแก้วถัดมา

“อุ้ยตาย! จะไปวงไปวัดอะไรกันยะ อกหักนะมันต้องมาที่แบบนี้จะได้กรี๊ดระบายออก พวกแกจะพากันไปกรีดร้องที่วัดเหรอ เดี๋ยวพวกเปรตแถวนั้นก็ตกใจหนีออกวัดหมดพอดี” แนนนี่หัวเราะร่าหลังจากพูดจบทำเอาวริษาก็หัวเราะรัวดังตาม แข่งกับเสียงดนตรีที่ดังกึกก้องร้านหากต่างจากคนที่กำลังมีแผลมาสดๆ ทำได้อย่างมากก็แค่ยิ้มเจื่อนๆ กับคำพูดหยอกล้อ

“สวัสดีครับน้องแนนนี่ วันนี้พาเพื่อนมาเที่ยวเหรอครับ” คนที่กำลังหัวเราะปากกว้างรีบหุบเก็บกิริยาอันไม่งามของกุลสตรีทันทีเมื่อได้ยินเสียงชายหนุ่มมายืนทักข้างหู

“อ้าว! พี่กิตติ วันนี้เข้ามาดูแลร้านเองเลยนะคะ” แนนนี่ทักทายเจ้าของร้านอย่างคุ้นเคย ชายหนุ่มที่หน้าตาอยู่ขั้นที่เรียกว่าดีจนหล่อเลยก็ว่าได้มายืนฉีกยิ้มอยู่ใกล้ๆ

“ก็ได้ข่าวว่าวันนี้จะมีผู้หญิงสาวสวยแถมเซ็กซี่แบบน้องแนนนี่มาไงละครับพี่ก็เลยมารอต้อนรับด้วยตัวเอง” น้ำเสียงนุ่มกับสำนวนชวนฟังรื่นหูตามประสาผู้ชายปากหวานในสังคมกลางคืน

“แหม! พี่กิตติก็ แนนนี่จะสวยสู้แฟนพี่ได้ไงกันละคะ” สาวเทียมที่ดูยังไงก็เหมือนผู้หญิงจริงๆ ไปเสียทุกส่วนสัดตีแขนชายหนุ่มเบาๆ “พอดีเพื่อนพึ่งเฮิร์ทมานะคะเลยพามาปล่อยโฮ” เธอเลิกตาไปยังคนที่ยกแก้วดื่มแบบไม่บันยะบันยัง ชายหนุ่มเจ้าของผับกวาดตามองเพื่อนสาวทั้งสองคน

“เพื่อนน้องแนนนี่ นี่สวยทุกคนเลยนะครับ” แววตาเจ้าชู้แสดงออกอย่างชัดเจนพร้อมรอยยิ้มหวานๆ ที่สามารถสยบผู้หญิงให้คลานเข้ามาหาได้โดยง่าย “เหมือนเพื่อนพี่เลยครับ รายนั้นนะอกหักมาเป็นเดือนแล้วไม่หายสักที” กิตติยื่นคางไปทางผู้ชายที่นั่งอยู่ไม่ไกลดูแล้วรุ่นราวคราวเดียวกับเขา


“ปราง ปราง” วริษาสะกิดแขนเพื่อนสาวที่ตั้งหน้าตั้งตาดื่ม “ดูนั้นซิเพื่อนพี่เขาหล่อใช่เล่นนะแก” พากันมองไปทางชายหนุ่มคนนั้นที่นั่งตรงบาร์เหล้า และกำลังกระดกเหล้าเพียวๆ เหมือนน้ำเปล่า

“แกรู้ได้ยังไงว่าเขาหล่ออย่าบอกนะว่าดูท้ายทอยน่ะ มืดก็มืด ไกลก็ไกล” แนนนี่หันไปถามคนพูด ในระหว่างที่ วริษาจะอ้าปากตอบกิตติซึ่งเป็นเพื่อนสนิทก็ได้พูดเสริมแทรกขึ้นมาอย่างหมาดมั่น

“เพื่อนผมคนนี้หล่อจริงนะครับ หล่อ เท่ห์ รวยที่สำคัญพึ่งกลับมาจากต่างประเทศวันนี้นี่เอง” คำบอกเล่าของหนุ่มเจ้าสำราญทำให้สาวๆ พากันมองไปยังเพื่อนหนุ่มของเขาอีกครั้ง

“ถ้าเฟอร์เฟคขนาดนั้นทำไมถึงโดนทิ้งละคะ”สาวเทียมถามขึ้น เธอลืมนึกไปว่ามีคนอีกคนหนึ่งพึ่งโดนทิ้งมาเหมือนกันนั่งอยู่ร่วมโต๊ะเดียวกับเจ้าหล่อนด้วย

วริษาทำตาดุใส่เพื่อนที่ปากไวไม่ยั้งคิด แนนนี่จึงรีบเปลี่ยนเรื่องคุยทันทีเธอบอกให้กิตติไปชวนเพื่อนชายที่นั่งดื่มดูท่าคล้ายจะเหงาอยู่คนเดียวมาร่วมวงกับพวกเธอ เจ้าของร้านไม่ปฏิเสธคำเชิญนั้นเขารีบตกปากรับคำ เนื่องจากตัวกิตติเองก็ต้องเทคแคร์ลูกค้าประจำไม่มีเวลาที่จะไปนั่งดื่มเป็นเพื่อนสักเท่าไหร่

ในระหว่างที่เจ้าของร้านหนุ่มเดินตรงไปหาเพื่อนชายของเขานั้นวริษากับแนนนี่ก็กำลังพยายามสอนกลวิธีจีบผู้ชายให้เพื่อนผู้ที่พึ่งอกหักใหม่ๆ หัวใจร้าวระบมยังไม่หายด้วยซ้ำ ปรายปรางค์ได้แต่ผงกศีรษะงกๆ รับคำเพื่อนทั้งๆ ที่ไม่ค่อยได้ยินและเข้าใจคำพูดพวกนั้นสักเท่าไหร่แอลกอฮอล์ที่เธอดื่มเข้าไปเริ่มซึมซับพลุ่งพล่านไปทั่วร่างกาย หญิงสาวหยิกแก้มตัวเองเบาๆ เธอรู้สึกว่ามันเริ่มชาภาพที่ดูชัดเจนตอนเข้ามาใหม่ๆ ก็เริ่มพร่าเบลอจนมองเห็นเพื่อนทั้งสองคนมีแฝด 3 แฝด 4 ตามมา

“ปรางพอคุยกันสักพักแกก็แลกเบอร์กับเขาซะไม่ต้องไปไว้ลายวางเชิงหรอก เสียเวลาสมัยนี้นะมัวแต่เป็นคนดีเป็นหญิงไทย เดี๋ยวผู้ชายก็ได้หนีไปหมดพอดี” แนนนี่สอน สำหรับตัวเธอแล้วมันไม่มีอะไรเสียหายหรอกกับการกระทำพวกนี้ สาวเทียมสามารถสวยไม่แคร์สื่อได้ก็เพราะเธอไม่มีมดลูกแล้วก็ท้องไม่เป็น

“แนนนี่แกก็สอนมันเกินไป ดูน่าเกลียดไปไหมฉันว่า” วริษาที่ดูภายนอกอาจเปรี้ยวแรงแต่ก็ยังคงเป็นห่วงภาพพจน์ความเป็นหญิง “คนพึ่งเจอกันบอกให้ไอ้ปรางมันจู่โจมเดี๋ยวเขาก็หนีกันพอดี”

สองสาววางแผนกันมันหยด ขณะที่เจ้าตัวเองยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วย มีเพียงคำบางคำที่หลุดลอยเข้าหูเป็นช่วงๆ ของบทสนทนาเท่านั้น ไม่นานเกินรอกิตติก็พาเพื่อนหนุ่มมาแนะนำให้สองสาวรู้จัก

“นี่ปาณัทเพื่อนผม” ชายหนุ่มเจ้าของชื่อก้มศีรษะทักทาย รอยยิ้มของเขาจูงใจให้สาวๆ ชวนฝันไม่แพ้เพื่อนที่ชื่อกิตติเลยหุ่นสูงโปร่งกับเสื้อสูทแฟชั่นที่ใส่ทับเสื้อยืดสีขาวคอวีเรียบๆ แต่แพงที่ราคาดูลงตัวกับกางเกงยีนแบรนด์เนมและรองเท้าราคาแสนแพงเช่นกัน สองสาวนั่งไล่ดูโดยรวมของปาณัทเฉพาะตัวเขาก็ยังดูมีราคาขนาดนี้แล้ว และฐานะทางบ้านของเขาละจะมีมูลค่าเยอะขนาดไหน “เป็นไงครับเพื่อนผม หล่อ เท่ห์ สมราคาคุยไว้ไหมละครับ” คนแนะนำยิ้มกว้างก่อนจะสอดส่ายสายตามองหาหญิงสาวอีกคนที่หายไปจากโต๊ะ

“แล้วเพื่อนคุณอีกคนหายไปไหนละครับ” กิตติถามต่อเมื่อมองหาแล้วก็ไม่เจออยู่บริเวณใกล้ๆ
“ไอ้ปราง ไอ้ปรางหายไปไหนเนี้ย” สองสาวแท้เทียมอุทานเสียงดังพร้อมกัน พวกเธอทำหน้าตื่นตกใจ หันซ้ายหันขวาก็ไม่เจอเงาเพื่อนตัวเอง
“หรือจะไปห้องน้ำเดี๋ยวฉันไปตามมันละกันยิ่งเมาๆ ด้วย” วริษารีบลุกเดินตุปัดตุเป๋ตามหาคนที่หายไป
“ฉันไปด้วย” แนนนี่วิ่งตามด้วยความเป็นห่วงเพื่อนก่อนจะชะงักหยุดแล้วหันมาบอกให้ชายหนุ่มนั่งรอ “ฝากโต๊ะด้วยนะคะเดี๋ยวมา” ว่าแล้วหญิงสาวก็เดินรี่หายไปปล่อยให้คนที่พึ่งมาใหม่นั่งทำหน้างวยงง
“อะไรของมึงว่ะไอ้กิต บอกว่ามีสาวๆ ชวนมานั่งด้วยแล้วไง พอกูมาหายกันไปหมด” คนที่กำลังกรึ่มๆ ได้ที่ทำหน้าแดงเสียอารมณ์
“ก็เพื่อนเขาหาย แหม! มึงก็ใจเย็นซิว่ะ” มือใหญ่ตบลงกลางหลังเพื่อน
“โตๆ กันแล้วหายไปแค่นี้ทำไมต้องวิ่งล่าตามหาด้วยว่ะ กูไม่เข้าใจ” คนพูดส่ายศีรษะสีหน้าบอกบุญไม่รับ เขารู้สึกเสียฟอร์มอย่างบอกไม่ถูกที่ผู้หญิงพวกนั้นวิ่งหายไปหมดทั้งที่เขาพึ่งมาหย่อนตูดสัมผัสเก้าอี้แค่แป๊ปเดียว
ปรายปรางค์เดินเซไปเซมาไม่ค่อยจะตรงทางนัก หญิงสาวพยายามรวบรวมสติที่มีอยู่ทั้งหมดกลับมาจากห้องน้ำให้ถึงโต๊ะจนได้ แต่ทว่าต้องแปลกใจเมื่อเธอรู้สึกว่าโต๊ะตัวนี้ที่เธอเคยนั่งเมื่อสักครู่มันไม่มีเพื่อนสาวที่หน้าตาคุ้นเคยนั่งอยู่ หญิงสาวกลอกตาไปมามองหน้าชายหนุ่มทั้งสอง กิตติผู้ชายคนเมื่อกี้ที่พอจะผ่านตาเธออยู่บ้างทำให้ปรายปรางค์เรียบเรียงเหตุการณ์พอเข้าใจขึ้นมาสักนิด เธอมองหน้าปาณัทคนที่พึ่งมานั่งใหม่ผู้ชายในประเด็นหัวข้อสนทนาเมื่อสักครู่นี้แล้วจึงโปรยยิ้มหวานก่อนจะเดินจู่โจมแบบไร้สติเข้าไปยืนชิดข้างชายหนุ่ม เธอยื่นมือถือของตัวเองส่งไปให้เขา

“ขอเบอร์คุณหน่อยซิคะ” สายตาที่เยิ้มหวานและ
สติที่ขาดๆ หายๆ จากการดื่มทำให้พฤติกรรมควบคุมได้ไม่ค่อยดี เธอรู้สึกเหมือนคำสอนของเพื่อนเมื่อกี้ก้องอยู่ในหูแค่คำว่าแลกเบอร์โทรเท่านั้น

ปาณัทยิ้มย่องอย่างพอใจผู้หญิงที่ทั้งสวยทั้งเซ็กซี่ขนาดนี้มาขอเบอร์มีหรือเขาจะไม่ให้ยิ่งคนที่เจอกันตามสถานที่แบบนี้ด้วยละก็มันช่างง่ายเสียจริงสำหรับความสัมพันธ์แบบฉาบฉวย ชายหนุ่มรับมือถือมากดเบอร์ตัวเองแล้วโทรออกเสียงโทรศัพท์มือถือของเขาในกระเป๋าเสื้อนอกก็ดังขึ้นเป็นอันรู้กันว่าได้แลกเบอร์เรียบร้อยแล้ว นิ้วชี้จิ้มปุ่มวางสายแล้วส่งคืนไปให้เจ้าของคนสวยที่ยืนแทบจะไม่ตรงอยู่ตรงหน้า ในขณะที่ปรายปรางค์ยื่นมือมารับมือถือเครื่องเล็กของเธอคืนชายหนุ่มก็กระชากแขนเล็กนั้นจนตัวเซเข้ามาใกล้ มือใหญ่คว้าเอวคอดเข้ามากอดหมับแล้วจับตัวเธอกดนั่งลงบนตักเขา ปรายปรางค์ตกใจเหมือนได้สติคืน เธอสะบัดตัวดิ้นให้หลุดออกมาจากอ้อมแขนแข็งแรงนั้น

มือใหญ่อีกข้างของปาณัทค่อยคลายออกจากเอวคอดนั้น มาลูบไล้ผิวบางใสตั้งแต่หัวไหล่ไล่ลงต้นแขนและลามมาถึงกลางหลังทำเอาปรายปรางค์เสียวซ่านขนลุกเกรียว ร่างบางสมส่วนยังคงดิ้นยันเท้าสะบัดตัวไปมาแต่ไม่เป็นผลและดูเหมือนว่ายิ่งดิ้นแรงเท่าไหร่ชายหนุ่มก็ยิ่งกอดเธอแน่นขึ้นเท่านั้น แขนแข็งแรงทรงพลังแต่ทว่าฝ่ามือกลับนุ่มราวกับเด็กที่ไม่เคยจับต้องหรือทำงานหนักๆ มาก่อน

“จะดิ้นทำไมกันเล่า เราสองคนน่าจะทำความรู้จักกันให้มากกว่านี้นะครับ” เสียงกระซิบข้างหูทำคนฟังสยิว จมูกโด่งๆ กับริมฝีปากนิ่มของชายหนุ่มกดลงบนแผ่นหลังขาวเนียน แล้วสูดดมกลิ่นกายที่หอมอ่อนๆ เข้าเต็มปอด และสัมผัสชิมผิวขาวนุ่มนวลนั้นด้วยปากหนาได้รูป

“ปล่อยนะไอ้โรคจิต” ปรายปรางค์ดิ้นสุดแรงเกิดเมื่อเขาได้ละลาบละล้วงร่างกายเธอเข้ามาอีกนิดปากนิ่มไล่กลิ่นหอมสูดดมจนมาถึงต้นคอขาว และก่อนที่มันจะมากเกินไปกว่านี้หญิงสาวใช้กำลังทั้งหมดที่มีเหวี่ยงศอกแหลมไปด้านหลังกระแทกเข้าที่หน้าอกชายหนุ่มอย่างจัง เสียงทุ้มใหญ่ร้องออกมาดังลั่นด้วยความเจ็บ และปาณัทก็รีบผละมือออกจากเอวบางนั้นทันทีมากุมหน้าอกตัวเองไว้แน่นแทน

ปรายปรางค์รีบยันตัวลุกถอยถดออกห่าง มือเรียวคว้าแก้วเหล้าที่ผสมไว้เต็มปริ่มไอน้ำที่เกาะอยู่แสดงถึงความเย็นจัดจากก้อนน้ำแข็งละลายแล้วเธอก็สาดน้ำในแก้วนั้นใส่หน้าชายหนุ่มเต็มๆ จนเปียกโชก คนโดนสาดเบิกตากว้างบดกรามแน่นทั้งความเย็นของน้ำกับความโกรธผสมกันจนหน้าเย็นวูบชาวาบแดงทั่ว ระหว่างนั้นวริษากับแนนนี่กลับมาทันเห็นจังหวะนั้นพอดีแต่ก็ห้ามเพื่อนไว้ไม่ทันเนื่องจากทุกอย่างมันเกิดขึ้นรวดเร็วมาก
“เกิดอะไรขึ้นปรางค์” วริษาสีหน้าสลดมาคว้าแขนเพื่อนสาวที่ยืนตัวสั่นปากสั่น สายตาจ้องไปที่ชายหนุ่มเปียกปอน ปาณัทสะบัดผมให้น้ำกระเด็นออก ก่อนจะดึงคอเสื้อยืดราคาแพงที่เปียกด้วยเหมือนกัน
“ษาฉันอยากกลับบ้าน พาฉันกลับบ้านที” ดวงตาคู่สวยเริ่มมีน้ำรื้นแต่ยังคงไม่ละสายตาเคืองโกรธจากชายหื่นกาม
“นี่มันอะไรกันคะพี่กิตติ เพื่อนพี่ทำอะไรเพื่อนแนนนี่” สาวเทียมหันขวับไปถามเจ้าของร้านที่นั่งตาค้างอ้ำอึ้ง
“คือ...คือ...เพื่อนพี่มันเมาขอโทษด้วยนะครับ แล้วพี่ไม่ทันได้ห้ามมันไว้ เออ...พี่ก็นึกว่า...เพื่อนน้องแนนนี่...” กิตติหยุดประโยคพูดทิ้งไว้ไม่กล้าต่อให้จบเมื่อเห็นสีหน้าที่ไม่พึงพอใจของทั้ง 3 สาว
“ทำไมคะพี่นึกว่าเพื่อนแนนนี่เป็นผู้หญิงใจง่ายแบบนั้นเหรอ” ชายหนุ่มสะอึกกับคำพูดที่ตรงกับความคิดของเขาที่ทิ้งไว้ในสมอง

“พี่ขอโทษนะครับน้องแนนนี่” กิตติลุกขึ้นยืนก้มศีรษะออกตัวรับผิดแทน
“พวกเราขอตัวกลับก่อนละคะ” สาวเทียมพูดเสียงสะบัดใส่อย่างไม่พอใจก่อนจะช่วยพยุงเพื่อนสาว เดินโซซัดโซเซออกจากร้านไปโดยไม่หันกลับมามองผู้ชายสองคนนั้นอีก

ปาณัทใช้สองมือลูบน้ำออกจากหน้า “มึงน่าไอ้กิตจะไปขอโทษยายนั้นทำไม มีที่ไหนมาให้ท่ากูเองแท้ๆ พอเล่นด้วยยังจะทำเล่นตัวสะดีดสะดิ้ง” คนพูดกัดฟันกรอดในตาแข็งกร้าวด้วยความโมโหจัด

“มึงนั้นแหละพึ่งกลับมาถึงเมืองไทยก็ก่อเรื่องเลยนะไอ้เพื่อนตัวแสบ ทำกูเสียลูกค้าจนได้” เจ้าของร้านพูดทีเล่นทีจริงแต่น้ำเสียงออกจะเสียดายลูกค้าขาประจำที่ต้องหายไปอีกคน

“ก็ยายนั้น...ทำมาเป็นรักนวลสงวนตัวขึ้นมา กะจะเรียกค่าตัวให้แพงขึ้นนะซิ”
“ไอ้ณัท น้องเขากรวดน้ำใส่หน้ามึงขนาดนี้แล้วยังคิดว่าเขาจะมาโก่งค่าตัวอยู่อีกเหรอ” กิตติส่ายหน้าแล้วขยับเก้าอี้หย่อนตัวลงนั่งบ้าง “เพื่อนน้องแนนนี่คนนี้พึ่งจะอกหักมาก็เลยดื่มหนักทำอะไรไม่รู้ตัวกูว่า”

“แต่งตัวซะขนาดนั้นอ่ะน่ะคนอกหัก” ชายหนุ่มเบ้ปากจะให้เขาเชื่อได้อย่างไรว่าหญิงสาวทำไปเพราะเมาจริงๆ มันน่าจะเป็นนิสัยของเธอเองเสียมากกว่า

“ทีมึงละย้อมใจจากที่โน้นมาเป็นเดือนแล้ว กลับมาที่นี่ยังจะมาเฮิร์ทต่อได้อีก” คนพูดอมยิ้ม “ถามจริงเถอะมึงรักอะไรในตัวยายแฟนเก่ามึงหนักหนาว่ะ”

ปาณัทเงียบหันไปคว้าคอขวดเหล้ามาเทใส่แก้วแล้วกรอกเข้าปากแบบไม่ต้องพึ่งโซดาน้ำแข็งช่วย โยษิตาแฟนสาวคนสวยไม่มีที่ติเธอเซ็กซี่เร่าร้อน ขี้อ้อน เอาใจเก่งทำเขาหลงจนโงหัวไม่ขึ้น ชายหนุ่มเหมือนพ่อบุญทุ่มที่ทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างให้เธอเขาพาเธอไปอยู่ต่างประเทศด้วยส่งเสียให้เรียนต่อจนจบปริญญาโทค่าใช้จ่ายทุกสิ่งอย่างคือเงินของเขาทั้งหมดอะไรที่แฟนสาวเอ่ยอยากได้ไม่มีที่จะหามาให้ไม่ได้ ขอแค่สิ่งนั้นมันสามารถซื้อได้ด้วยเงินเป็นพอ เงินที่เสียไปไม่เคยแคร์หรือเสียดายเลยสักนิดไม่ใช่เพราะว่าเขารวยมากแต่เพราะว่าเขารักผู้หญิงคนนี้มากต่างหาก

มีเพื่อนหลายคนเข้ามาบอกเรื่องโยษิตาของเขาว่าเธอแอบนอกใจไปคบกับหนุ่มตาน้ำข้าวแต่ปาณัทไม่เคยเชื่อเพราะเขาเชื่อใจแฟนสาวมากกว่า ถ้าเพียงแค่ชายหนุ่มเกริ่นถามเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้เธอก็จะตะบึงตะบอน ร้องไห้เสียใจจนเขารู้สึกผิด จนเมื่อเดือนที่ผ่านมาปาณัทถึงได้รู้ว่าสิบปากเล่าไม่เท่าตาเห็นมันเป็นเช่นไรถึงจะรักเธอคนนี้สักแค่ไหน แต่ศักดิ์ศรีลูกผู้ชายมันทนไม่ได้ที่ต้องโดนสวมเขามาตลอดเวลาเกือบ 5 เดือน เจ็บเกินทนจนต้องตัดขาดกับโยษิตาแล้วกลับมาเมืองไทยในสภาพแบบนี้

“มึงต้องเมาอีกกี่เดือนกันว่ะถึงจะลืมแม่เนื้อนุ่นขนุนหนังของมึงลงน่ะ” กิตติถามต่อ
“เออ เรื่องของกูน่า” ปาณัทตอบปัดสั้นๆ เท่านั้น แล้วยื่นนิ้วชี้ถูจมูกตัวเองไปมา รู้สึกเหมือนกับว่ากลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ ของปรายปรางค์ยังติดอยู่ที่ปลายจมูกแหลมของเขาอยู่เลย

++++++++++
ลองเอามาลงให้อ่านดูจ้า ถ้าไม่มีคนอ่านยังไงก็คงลงถึงตอนที่ห้าพอละจ้า



กันเหงา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 พ.ค. 2555, 19:28:01 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 พ.ค. 2555, 19:28:01 น.

จำนวนการเข้าชม : 1323





<< เจ้าสาวสีเลือดตอนที่หนึ่ง   เจ้าสาวสีเลือดตอนที่สาม >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account