เรือนกุหลาบ
กุหลาบแสนสวยดอกนั้น ช่างแสนดี เป็นที่รักเทิดทูนบูชาของหล่อนสุดหัวใจตั้งแต่เล็กจนโต..หญิงสาวไม่รู้เลย ว่าเบื้องหลังกุหลาบสีสวยนั้นซ่อนคมหนามไว้มิดชิด..เพื่อเป็นอุปสรรคขัดขวางความรักของหล่อนทุกวิถีทาง!

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ ๗ ลึกสุดใจ

“ชอบรดน้ำต้นไม้หรือ..ไข่มุก” อีกครั้งที่มุกดาได้ฟังเสียงเรียกชื่อหล่อนอย่างอย่างโยน จนหญิงสาวนึกว่าตัวเองหูฝาดไป

“ค่ะ..” หล่อนพยักหน้าตอบรับสั้นๆ รอยยิ้มมุมปากสองข้างปรากฏพร้อมรอยบุ๋มกลางพวงแก้มสีเลือดฝาด

“ผมขออนุญาตนั่งคุยกับคุณตรงนี้หน่อยได้ไหม ถ้าไม่รังเกียจ” กวินเปรยขึ้น อาจเป็นเพราะความสุภาพนุ่มนวล หรือเพราะความรู้สึกอบอุ่นล้ำลึกอย่างประหลาดที่ได้เห็นใบหน้า และแววตาเป็นมิตรไมตรีของชายหนุ่ม หญิงสาวจึงกลืนคำถามที่ว่า..เขาเข้ามาทำอะไรในบ้านหล่อนหายไปในลำคอ มุกดายิ้มสดใสก่อนก้าวเข้าไปนั่งบนแผ่นไม้ขึ้นเงาฝั่งตรงข้ามกับเจ้านายด้วยความเต็มใจ

“ฉันมีสิทธิ์ปฏิเสธคุณด้วยหรือคะ..มีหวังโดนไล่ออกวันนี้พรุ่งนี้” หล่อนอดไม่ได้ที่จะค่อนขอดเขา แต่น้ำเสียงไม่มีแววจริงจังนัก กวินยิ้มขันเห็นฟันขาวเรียง

กระไอเย็นจากลำธารน้ำใสสะท้อนสีเขียวธรรมชาติ กับแดดอ่อนๆระยิบยามสายต้องผิวน้ำ เสียงนกกระจิบกระจาบบรรเลงดนตรีรับอรุณใหม่ เป็นทัศนียภาพที่เขาไม่ค่อยได้เห็นในเมืองหลวง จนอดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นมาสูดอากาศบริสุทธิ์ตรงระเบียงศาลา ปากก็ยังเอ่ยถามเจ้าของบ้านด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี

“คุณรักบ้านหลังนี้มากเลยใช่ไหม..”

เหมือนเป็นคำถามที่อยากย้ำความเข้าใจ มากกว่าต้องการคำตอบจริงจัง


“ไม่ใช่แค่รักค่ะ..ฉันผูกพันกับที่นี่มาก เหมือนเป็นลมหายใจ เป็นจิตวิญญาณของฉันทีเดียว” มุกดาบอกจากความรู้สึกส่วนลึก หางเสียงสั่นเล็กน้อย เมื่อนึกถึงว่าจะต้องจากสถานที่อันเป็นที่รักแห่งนี้ไป ให้กับคนใจร้ายที่ไหนก็ไม่รู้...จริงสิ แพรวายังไม่ได้บอกหล่อนจนป่านนี้..คนที่จะซื้อเรือนกุหลาบเป็นใคร?

“เป็นจิตวิญญาณเลยหรือ?” กวินเอ่ยถามออกไปด้วยความรู้สึกกระตุกวาบในหัวอก สายตาที่กำลังทอดมองทัศนียภาพเบื้องหน้าถูกดึงมาหาหญิงสาวอีกครั้ง นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนทอดมองหล่อนอย่างจะค้นหาคำตอบจากเบื้องลึกของหัวใจ

“มันแปลกตรงไหนล่ะคะ..ฉันอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิด เห็นความสวยงาม และการเปลี่ยนแปลงของมันทุกช่วงเวลา” เหมือนหล่อนอยากระบายอะไรบางอย่างที่ไม่เคยบอกใคร กวินรู้สึกถึงความอึดอัดในใจของหญิงสาว ชายหนุ่มเขยิบตัวเข้ามาฟังใกล้ๆ ขณะที่หล่อนลุกขึ้นมายืนเหม่อมองท้องน้ำเบื้องล่าง

“คุณเห็นแล้วใช่ไหมคะ..กุหลาบสีสวยในบ้านของฉันกลายเป็นกุหลาบกระถางไปหมดแล้ว มีแต่ตรงบริเวณนี้ล่ะ ที่ยังปลูกเป็นแปลงไฮบริดที เมื่อก่อนกุหลาบหลายพันธุ์ปลูกอยู่บนดิน ตรงพื้นที่ที่คุณแม่ฉันเปลี่ยนเป็นคฤหาสน์หลังใหญ่นั่นแหละ เคยเป็นสวนกุหลาบมาก่อน”

กวินเบิกตากว้างขึ้นด้วยความประหลาดใจ

“จริงหรือครับ..น่าเสียดายนะ”



หญิงสาวสะบัดศีรษะจนกลุ่มเส้นผมละเอียดลอนระบ่ากระจายปลิว บางส่วนถูกลมพัดระพวงแก้ม แดดยามสายทำให้สีชมพูระเรื่อบนแก้มขาวผ่องดึงดูดสายตาชายหนุ่มให้ติดตรึงอยู่ตรงนั้น ธรรมชาติรอบกายกลับจืดเจื่อนลงถนัดใจ

“คุณแม่เปิดร้านขายดอกไม้ตามห้างสองสามแห่งในกรุงเทพ แล้วตรงเทอเรสต์หน้าบ้านก็มีจัดขายให้คนรู้จัก เพื่อนบ้านละแวกนี้ คุณแม่บอกว่าจัดใส่กระถางมันสะดวกกว่า ไม่เปลืองพื้นที่ ดูเป็นสัดส่วน เอาที่ดินไปปลูกบ้าน ไปทำอย่างอื่นจะมีประโยชน์กว่า..ก็อาจจะจริงอย่างที่คุณแม่ฉันบอกก็ได้” หล่อนทำหน้าเหมือนปลงตก เวลาระบายสิ่งที่อัดอั้นตันใจ หล่อนมักจะถ่ายทอดความรู้สึกทุกอย่างภายในออกมาทางแววตา และน้ำเสียงแปร่งปร่า

กวินอดเปรียบเทียบไม่ได้กับเพื่อนสาวอย่างแพรวา ทุกถ้อยคำและการกระทำจะดูอ่อนหวาน และสวยหรูไปทุกกระเบียดนิ้ว..จนบางครั้งเขาแอบคิดว่า คนอะไรจะมีแต่ความสวยงามได้ทุกท่วงท่า ผิดกับผู้หญิงตรงหน้าเขาตอนนี้ หล่อนไม่อายที่จะถ่ายทอดทุกอย่างออกมาหมดเปลือก...เขาไม่ปฏิเสธว่ารู้สึกปลอดโปร่ง เบาหัวอกเมื่ออยู่ใกล้ๆหล่อน ได้ฟังเสียงเล็กใสปราศจากการปรุงแต่งของหล่อน

“แววตาของคุณมันฟ้องว่าไม่เห็นด้วย..คุณรู้ตัวไหมไข่มุก” กวินเพิ่งรู้ว่าเสียงเขาน่าฟังที่สุดเมื่อพูดกับผู้หญิงคนนี้ เขาคงไม่รู้ตัวอีกเช่นกันว่ายกมือขึ้นโอบไหล่กลมกลึงในชุดแขนตุ๊กตาสีชมพูหวานให้หันมาเผชิญหน้ากับเขาตั้งแต่เมื่อใด

“ทำไมไม่ลองบอกท่าน..ว่าคุณอยากได้สวนกุหลาบที่คุณรักกลับคืนมา”

มุกดากำลังตกอยู่ในอารมณ์หดหู่ คำพูดของเขาทำให้หล่อนใจชื้นขึ้นมาไม่น้อย เหมือนกำลังใจจะแล่นๆขึ้นมาชั่วครู่ แต่แล้วก็ตกฮวบลงไปอีก หล่อนส่ายศีรษะช้าๆ

“ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ คุณแม่เป็นคนเด็ดขาด ตัดสินใจอะไรแล้วไม่คืนคำ..อีกอย่าง” หล่อนระบายลมหายใจน้อยๆ

“คนที่มีความรู้เรื่องเพาะพันธุ์กุหลาบก็ไม่ได้เชี่ยวชาญ ถึงตอนนี้ไปขอให้เพช่วยฟื้นฟูเรือนกุหลาบของเรากลับมา เพจะยอมรึเปล่าก็ไม่รู้” หล่อนพูดเหมือนรำพึงกับตัวเอง พอเห็นสีหน้าแสดงความสงสัย กับคิวผูกโบว์ของเจ้านายหนุ่ม เลยเพิ่งรู้ตัวว่าหล่อนลืมแนะนำอะไรไปอย่าง

“เพทาย..คือพี่สาวของไข่มุกเองค่ะ เป็นคนเดียวในบ้านที่สามารถติดตา ปักชำ ปลูกกุหลาบบนดิน และรู้เรื่องการดูแลกุหลาบอยู่บ้างแบบงูๆปลาๆ” หญิงสาวนึกถึงใบหน้ายียวน กับคำพูดสั้นๆของเพทายขึ้นมาแวบหนึ่ง ก็หมดกำลังใจ

...เรื่องอะไรฉันต้องยอมเหนื่อยฟรี..แม่เขาไม่ได้เต็มใจ คือประโยคที่พี่สาวมักจะพูดซ้ำๆเดิม เมื่อหล่อนเอ่ยถึงโครงการฟื้นฟูที่ดินปลูกสวนกุหลาบ หล่อนยังจำได้อีกว่าเพทายจะยักไหล่สองข้างขึ้นพร้อมกันทุกครั้งหลังพูดจบ

“ความจริงมีคนที่เก่ง และพูดง่ายกว่านี้อีกสองคน คนนึงคือพ่อของฉัน ซึ่งตัดไปได้เลยเพราะพ่อแยกตัวไปอยู่คนเดียวไกลมาก และพ่อก็ขัดแย้งกับแม่มาตลอดเลือกปลูกกุหลาบ” หล่อนนึกถึงความหลังด้วยสีหน้ากึ่งทุกข์กึ่งสุข “ส่วนอีกคนนึงก็ออกไปใช้ชีวิตนอกบ้านตั้งแต่เด็ก..จนป่านนี้ฉันยังติดต่อกับเขาไม่ได้เลย”

“ใครหรือครับ?” กวินถามด้วยความสนใจ

“พี่เขียว..พี่สาวคนโตของฉันค่ะ ฉันยังติดต่อเขาไม่ได้เลยตั้งแต่จากกันเมื่อสิบปีก่อน” แววตาของหล่อนมีนัยตัดพ้อเมื่อพูดถึงพี่สาว

“เขาไปไหนหรือ?”

มุกดาเงียบไปพักใหญ่ ก่อนจะตัดสินใจบอกเขาแบบคลุมเครือ

“ไปอยู่กับเพื่อนค่ะ ไปทำตามความฝันและเหตุผลบางอย่าง”
กวินอ่านความรู้สึกหล่อนออก จึงไม่ถามไปมากกว่านี้..เรื่องในบ้านบางเรื่อง ก็พูดยาก เขารู้ดี

“ถ้ามีคนมาขอซื้อเรือนกุหลาบ ผมเดาว่าคุณคงไม่อยากขาย”
จู่ๆเขาก็เปลี่ยนเรื่อง..และเรื่องนี้ก็กระตุกความรู้สึกหล่อนมากทีเดียว หยดน้ำใสปริ่มจะล้นขอบตากลมโต หล่อนย้อนถามเขาเสียงสั่น

“ถ้ามีคนมาแย่งบ้านที่คุณรัก บ้านที่คุณผูกพันมาตั้งแต่เกิด..บ้านที่เป็นเหมือนจิตวิญญาณ”
เสียงเล็กใสนั้นระบายออกมาด้วยความอัดอั้น หล่อนลืมไปสนิทว่าคนตรงหน้าไม่ใช่พ่อหรือพี่สาวที่หล่อนคุ้นเคยกับการโยเยร้องขอความเห็นใจแบบเด็กๆ

“คุณจะรู้สึกยังไง..คุณจะถามผมแบบนี้ใช่ไหม” กวินก้มลงกระซิบเสียงแผ่วข้างหู น้ำเสียงของเขาบอกให้รู้ว่าเขาเข้าใจความรู้สึกหล่อนดีทีเดียว

สายลมหอบเอาไอเย็นผะผ่าวผิวเนื้อวูบหนึ่ง ความทรงจำในอดีตย้อนกลับคืนมา ชายหนุ่มไม่เพียงรู้สึกคิดถึงจับใจ ทว่าความรู้สึกเคยคุ้น..ความผูกพันในห้วงมโนสำนึกกลับยาวนานกว่านั้น เขาคลับคล้ายว่าเคยยืนอยู่ตรงนี้..กับบรรยากาศแบบนี้เมื่อนานมาแล้ว

จะด้วยสายตาที่จับจ้องอยู่แต่ดวงหน้าหวานละมุน..หรือกระแสลึกซึ้งจากห้วงลึกของชายหนุ่ม มุกดาเงยหน้าขึ้นมาสบตาเขา ชั่วพริบตาเดียวที่หญิงสาวเหมือนต้องมนต์สะกด นัยน์ตาสุกสกาวระยับเมื่อกระทบแดดอ่อนและเงาจากผืนน้ำ ความรู้สึกโหยหาเพรียกร้องให้ตอบรับสัมผัสจากการประคองคางมนให้เชยขึ้นด้วยมืออบอุ่น..ไม่ขัดขืน

ริมฝีปากบางเฉียบสีกุหลาบตัดกับผิวขาวจัดเชิญชวนให้อยากประทับความดื่มด่ำไว้ตรงนั้น หญิงสาวค่อยๆปิดเปลือกตาลงเมื่อลมหายใจอุ่นของเขารินรดผิวเนียนละเอียดใต้จมูก ส่วนลึกบอกให้หล่อนรอรับสัมผัสจากจุมพิตนั้นโดยไม่ขัดขืน

“ไข่มุกจะรู้สึกยังไงหรือจ๊ะ..ถ้าคนซื้อเรือนกุหลาบคือคุณวิน”

เสียงกังวานใสเป็นเอกลักษณ์ ตัดผ่านเข้ามาในบรรยากาศชวนเคลิ้มฝันระหว่างคนทั้งสอง เสียงของแพรวาหวานใส..เพราะพริ้งก็จริง ทว่ากวินกลับปฏิเสธไม่ได้ว่าเขารู้สึกเหมือนโดนหนามแหลมเสียดแทงกลางหัวใจ!

“พี่ต้องขอโทษเราจริงๆ ช่วงนี้มีเรื่องให้คิดมากมาย มัวแต่บอกรายละเอียดของผลกำไร ลืมบอกไปเลยว่าคุณวินคือคนที่จะซื้อ” แพรวาก้าวขาเพรียวยาวเข้ามาในศาลาแปดเหลี่ยม สีหน้าบอกชัดว่ารู้สึกผิดจริงๆเมื่อหันมาพูดกับน้องสาว

“ไม่ใช่ความผิดของพี่แพรหรอกค่ะ” มุกดาบอกพี่สาว ทว่าแววตาเย็นเยียบจ้องเป๋งอยู่ที่กวินจนชายหนุ่มรู้สึกหนาวๆร้อนๆขึ้นมาฉับพลัน

แพรวาเดินไปเกาะแขน “คนพิเศษ” ของหล่อน ทำเหมือนไม่เห็นความคุกรุ่นที่กำลังปะทุอยู่ และยิ้มเก๋ตามแบบฉบับสาวมั่นอย่างหล่อน ก็เสมือนภาพหนุ่มสาวเมื่อครู่ไม่ได้อยู่สายตา หล่อนอาจไม่เห็น..หรือเห็นแต่ไม่รู้สึกรู้สาอะไร

“คุณป้ารอคุณอยู่ที่เรือนไม้ชั้นล่างค่ะวิน..ท่านพร้อมแล้ว”
แพรวาทำท่าเหมือนกระซิบข้างหูชายหนุ่ม ทว่าส่งเสียงเผื่อแผ่ให้อีกคนได้ยินอย่างชัดเจน

วันนี้คุณหญิงนารีทำผมทรงยกกระบังใหญ่แต่งหน้าสวยสดเป็นพิเศษ เดรสผ้าไหมสีโอรสฉลุลายแบบที่ชอบตรงปกเสื้อสวยสง่า สีหน้าแช่มชื่น ยิ้มแก้มแทบปริเมื่อเอ่ยกับแพรวาก่อนจะหันไปคุยกับแขกกิตติมศักดิ์วัยละอ่อน

“หนูแพรเขามองการณ์ไกลจ้ะ ซอยบ้านเรายังไม่มีใครเปิดทำสปาสักราย”

คุณหญิงยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตลอดเวลาที่พูด กวินพยายามยิ้มตอบ ทว่าเจื่อนเต็มทีเมื่อเห็นแววตาเย็นชาจากคนตัวบางที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ตรงข้าม ตลอดทางที่เดินกลับมาเรือนไทยทรงปั้นหยา เขาได้ยินแต่เสียงหวานของแพรวาดังอยู่ข้างหู หล่อนช่างหาเรื่องราวมาคุยได้ร้อยแปด มีแต่มัณฑนากรคนสวยของเขาเท่านั้นแหละที่ไม่พูดไม่จา และไม่ยิ้มตั้งแต่รู้ว่าเขาคือ คนจะมา “แย่ง” บ้านรักของหล่อนไป

“พ่อหนุ่มเป็นรายแรก และแม่ก็เชื่อว่าต้องเป็นกิจการที่รุ่งเรืองมาก”

ลองคุณหญิงแทนตัวว่า “แม่” กับใครแล้ว แพรวามั่นใจว่าเขาจะกลายเป็นคนโปรดของคุณหญิงในไม่ช้า..อาจจะตั้งแต่วินาทีนี้เป็นต้นไป

“ประเดี๋ยวบ่ายนี้หนูแพรเขาจะพาแม่ไปดูบ้านใหม่ คิดว่าเราจะย้ายเข้าไปอยู่กันวันพรุ่งนี้ ใช่ไหมหนูแพร” ตอนท้ายหันไปขยิบตากับหลานสาว แพรวาก็รู้จังหวะสอดรับได้ดี รีบพยักหน้าตอบรับ

“ลูกวินพร้อมเมื่อไหร่ จะเริ่มโครงการวันไหนบอกแม่นะ ได้ให้คนมาเคลียร์บ้าน เตรียมพื้นที่” คุณหญิงขยับความสัมพันธ์ขึ้นมาเรื่อยๆจนลูกสาวคนรองเริ่มคันปากขึ้นมาตงิด พูดเองเออเองเสร็จสรรพ เจ้าของกิจการตัวจริงยังไม่ทันตอบรับอะไรสักคำ

“พูดแบบนี้หนูแพรเธอจะเสียหายเอานะคะ..คุณแม่” เพทายเหน็บขึ้นเมื่ออดรนทนไม่ไหว คุณครูเจ้าระเบียบตีเผียะเบาๆเข้าที่หน้าตักกระซิบข้างหูเสียงเครียด “เสียมารยาท..ผู้ใหญ่เขาคุยกัน”

“ถ้าต้องการใช้วัตถุดิบของที่นี่ อย่างพวกดอกกุหลาบ ถามเพทาย ลูกสาวแม่ได้ เขาเก่งเรื่องการดูแลกุหลาบครบวงจร”

คุณหญิงไม่สนคำเหน็บแนม แถมยังโยนงานให้ลูกสาวตัวดีหน้าตาเฉย..สรรพคุณที่อวดอ้างไปนั้นคูณสิบกันเห็นๆ เพทายถึงกับสำลักน้ำลายตัวเอง ถูกไพลินหยิกแขนเข้าให้..น้ำลายเลยไม่กระเด็นไปโดนแขกคนสำคัญ

หลังจากนั่งทนฟังคุณหญิงนารีพร่ำพูดอยู่คนเดียวเป็นนาน กวินก็ตัดสินใจได้ ตอนแรกหัวใจเขาแทบอ่อนยวบเมื่อเห็นแววโกรธขึ้นของมุกดา จะถอนตัวไม่ซื้อเรือนกุหลาบให้รู้แล้วรู้รอด ทว่าโตเป็นผู้ใหญ่จนป่านนี้เขาก็ไม่อยากเสียคำพูด จึงต้องหาลู่ทางอื่นไม่ให้ผิดใจกับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

“คุณแม่ไม่ต้องย้ายออกไปไหนหรอกครับ พวกคุณทุกคนด้วย” กวินเอ่ยเสียงจริงจัง เหลือบตาไปมองมุกดาเห็นหล่อนยังทำหน้ามึนตึงใส่เขาไม่เปลี่ยน

“หมายความว่าไงคะวิน” แพรวาเสียงเครียดขึ้นมาวูบหนึ่ง ก่อนจะรีบปรับท่าที “คุณจะทำงานสะดวกหรือ”

“ผมคิดดูแล้ว..จะใช้พื้นที่เปิดร้านแค่ส่วนเดียว เท่าที่เล็งไว้ บริเวณริมน้ำน่าจะเหมาะ” กวินอธิบายเรื่อยๆ เฝ้าสังเกตท่าทีของมุกดาตลอดเวลา “ผมอาจจะขออนุญาตเพาะพันธุ์กุหลาบบนดินให้มากขึ้น เพิ่มบรรยากาศอ่อนหวาน และเป็นธรรมชาติ..สำหรับลูกค้าผู้หญิงที่มาใช้บริการ”

สีหน้ามุกดาดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด กวินก็พลอยใจชื้นขึ้นมาด้วย

“ผมรับรองว่าจะไม่ให้รบกวนความเป็นอยู่ของทุกคนที่นี่...เพราะฉะนั้นพวกคุณไม่ต้องย้ายไปไหนทั้งนั้นล่ะครับ”

ไม่เพียงแต่มุกดาที่ซ่อนยิ้มไว้ไม่อยู่ ทั้งที่พยายามส่งสายตาขุ่นค้อนไปให้เจ้านาย ทว่าปิดความโล่งใจไว้ไม่มิด แม้แต่คุณหญิงนารีก็ยิ้มกว้างออกมาอย่างคิดไม่ถึงเช่นกัน หล่อนไม่ได้อาลัยอาวรณ์บ้านหลังนี้นัก แต่จะให้ย้ายไปอยู่ที่อื่นก็เสียดายเหมือนกัน

“ทำให้ได้อย่างที่พูดเถอะ..” เพทายเอ่ยออกมาลอยๆ เหมือนพึมพำกับตัวเอง แต่กวินได้ยินชัดเจน ชายหนุ่มเห็นรอยยิ้มเหยียดๆจากริมฝีปากกลีบบางของเจ้าหล่อน บอกเป็นนัยว่าเขาเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ

รถยุโรปคันสีขาวเคลื่อนตัวออกไปแล้ว หญิงสาวร่างสูงเพรียวในชุดเดรสแขนกุดสีชมพูหวานโบกมือไล่หลังอยู่ไหวๆ ท่าทาง และการกระทำทุกอย่างขณะกำลังบอกลาแขกกิตติมศักดิ์ อยู่ในสายตาของเพทายตลอด

“ลงทุนน่าดู..ยายแพรวา”

เพทายเปรยขึ้นระหว่างนั่งเท้าคางรอไพลินปอกมะม่วงให้กินบนเทอเรสต์หน้าเรือนไม้

“ลงทุนเรื่องอะไร”

คุณครูสาวถามแบบไม่ใส่ใจนัก

“ก๊อดูซี..ปกติยายนี่แต่งตัวเปรี้ยวเฉี่ยวจะตาย วันนี้เหมือนแสดงละคร..แสดงเป็นพจมานให้ท่านชายโง่ๆเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อมาหลงรัก”

“เธอนี่อคติอะไรนักหนา..แพรเขาอยู่ของเขาดีๆ”

ไพลินเอ็ดน้องสาว หล่อนไม่ได้ชอบแพรวาเป็นพิเศษเหมือนน้องสาวคนเล็ก แต่ก็ไม่ได้เกลียด หล่อนพูดแบบคนที่มองคนอย่างเป็นกลาง

“เจ๊ก็คอยดูต่อไปละกัน..แม่นี่ไม่อยู่ของเขาดีๆแน่ ต้องมีใครสักคนเดือดร้อน”
เพทายกำหมัดวางปึงลงบนโต๊ะกลม ไม่สนสายตาขุ่นเคืองของคนกำลังปอกผลไม้อย่างใช้สมาธิ

“ไม่เชื่อฉัน..แล้วเจ๊จะรู้สึก!”











ศิลาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 พ.ค. 2555, 21:57:04 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 พ.ค. 2555, 23:58:31 น.

จำนวนการเข้าชม : 1832





<< บทที่ ๖ งานวันแรก   บทที่๘ แต่งตัวตุ๊กตา ๑/๒ >>
แล่นแต๊ 22 พ.ค. 2555, 23:58:50 น.
เพทาย นิสัยฮาดี ลุยเป็นลุย ชอบค่ะ


ศิลาริน 23 พ.ค. 2555, 00:04:47 น.
ดีใจที่ชอบค่ะ^^


Edelweiss 23 พ.ค. 2555, 00:46:42 น.
พี่มรกตหายไปเลย


ศิลาริน 23 พ.ค. 2555, 17:35:30 น.
พี่มรกตไม่ได้หายไปไหนค่ะ เพียงแต่ยังไม่ถึงเวลาออกโรง อิอิ^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account