เรือนกุหลาบ
กุหลาบแสนสวยดอกนั้น ช่างแสนดี เป็นที่รักเทิดทูนบูชาของหล่อนสุดหัวใจตั้งแต่เล็กจนโต..หญิงสาวไม่รู้เลย ว่าเบื้องหลังกุหลาบสีสวยนั้นซ่อนคมหนามไว้มิดชิด..เพื่อเป็นอุปสรรคขัดขวางความรักของหล่อนทุกวิถีทาง!
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่๘ แต่งตัวตุ๊กตา ๑/๒
ตู้ไม้สีน้ำตาลแก่ถูกเปิดออก เสื้อผ้าสีแสบตาเข้าชุดกันสองสามตัวบนไม้แขวนถูกนำมาอวดโฉมอยู่ตรงหน้าแขกผู้มาเยือน แพรวายิ้มอย่างเต็มภาคภูมิเมื่อเอ่ย
“พี่ตัดเอง ออกแบบเอง แล้วก๊อเลือกผ้าเองกับมือ เป็นไงจ๊ะ”
มุกดาห่อปากทำหน้ากึ่งเสียดายกึ่งประหม่า หล่อนสั่นศีรษะจนผมลอนปลิวกระจาย
“ไข่มุกว่าเหมาะกับพี่แพรมากกว่าค่ะ มันสวย เก๋ แล้วก็สีสดเกินไป..”
พี่สาวคนสวยยกนิ้วชี้ขึ้นแตะปากจู๋ ส่ายหน้าน้อยๆ
“ไม่จริงจ้ะ ผู้หญิงเราเนี่ยนะ..อยากสวยเก๋ต้องมั่นใจในตัวเองเสียก่อน” แพรวาบอกเสียงหนักแน่น ราวกับต้องการให้กำลังใจน้องสาว หล่อนหย่อนสะโพกกลมกลึงลงนั่งข้างมุกดาบนฟูกหนานุ่มของเตียงนอน
“พี่ว่าผู้หญิงทุกคนมีความสวยอยู่ในตัว มียูนีคในแบบฉบับของตัวเอง” ดีไซเนอร์สาวคลี่ยิ้มอ่อนโยนส่งให้ดวงหน้าสีน้ำผึ้งเรียวสว่างไสว มือบางประคองคางมนของน้องสาวให้เงยเชิดขึ้น “ไข่มุกเป็นคนสวยพิศ..ยิ่งมองนานๆจะเห็นความสวย”
ฟังตอนแรกสาวน้อยผิวขาวผ่องก็หัวใจพองโต กำลังใจขึ้นเป็นกองจากที่ไม่เคยมีใครเอ่ยปากชมหล่อนเรื่องหน้าตามาแต่ไหนแต่ไร..หล่อนยังจำความได้ว่า หล่อนเป็นลูกเป็ดขี้เหร่ในบรรดาสาวๆบ้านนี้ ทว่าพอได้ยินคำขยายตอนท้ายประโยค..มุกดารู้สึกแปร่งๆ เหมือนยิ้มได้ไม่สุดอย่างไรไม่รู้..แต่ก็เอาเถิด อย่างน้อยแพรวาก็ชมว่าหล่อนสวย..หญิงสาวพยายามคิดในแง่ดี
“แต่ความสวยจะสมบูรณ์แบบได้ ต้องมีความมั่นใจต่อท้ายเสมอ จำไว้นะจ๊ะน้องรัก”
แพรวาผละจากเตียง ตบไหล่น้องสาวเบาๆก่อนยื่นเสื้อกับกระโปรงให้
“ไปเปลี่ยนชุดซะ..ชุดที่เราใส่อยู่น่ะใช้ไม่ได้”
มุกดาเลิกคิ้วอ้าปากเหวอ พลางชี้นิ้วเข้าหาตัวเป็นเชิงถาม
“ชุดนี้หรือคะใช้ไม่ได้..มันดูแย่มากขนาดนั้นเลย?”
แพรวาส่ายหน้าอีกครั้ง ผ่อนลมหายใจยาวอย่างเริ่มอ่อนอกอ่อนใจ
“ไม่ได้หมายความว่างั้น แต่พี่จะบอกว่าจั๊มสูทที่เธอใส่สีมันจืดชืด ใส่แล้วดูเหมือนเป็นนักศึกษาวัยใสเสียมากกว่าสาวออฟฟิศ”
สายตาที่กวาดมองทั่วตัวของพี่สาว บ่งบอกอะไรได้มากกว่านั้น...ถ้าพูดแบบไม่ถนอมน้ำใจ แพรวาคงจะบอกหล่อนแล้ว ว่า “แต่งหยั่งงี้เหมือนเด็กกะโปโลนะจ๊ะหนูจ๋า”
นัยน์ตาแววลึกดำส่องประกายของแพรวามีพลังอำนาจมาก และมีอิทธิพลต่อหลายอย่าง ส่งกระแสให้คนรู้สึกผิดก็ได้ อับอายก็ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทำให้คนถูกมองเชื่อมั่นในคำพูดของหล่อนได้อีก
มุกดาชอบเสื้อผ้าสีอ่อนสบายตาอย่าง ฟ้า ขาว ชมพู และสีเหล่านั้นต้องเป็นสีละมุนละไมอ่อนหวาน ไม่ใช่สีสดแสบสันต์อย่าง กระโปรงสั้นเหนือเข่าสีแดงแจ๊ดแบบที่แพรวายื่นให้หล่อน เสื้อต้องไม่มีรอยแหวกรอยผ่าอย่างเสื้อคอวีแขนยาวถึงข้อมือ ทว่ากรีดด้านข้างออกจนเกือบหมดเผยผิวเนื้อส่วนแขนกลมกลึงให้เห็นวับๆแวมๆ ถึงแม้เสื้อตัวนั้นจะเป็นผ้าขึ้นเงาเนื้อดีสีขาวสะอาดก็ตาม
แต่เมื่อแพรวามองชุดตัวเดิมที่หล่อนใส่ด้วยสายตาแบบนั้น แถมยังคำอธิบายให้เห็นว่าไม่มีดีกระจ่างแจ้ง หญิงสาวเลยตัดสินใจรับเสื้อขาวกระโปรงแดดนั้นมาถือไว้ หักลบแล้วหล่อนอยากดูดีเก๋ไก๋แบบผู้ใหญ่มากกว่าเป็นเด็กกะโปโลในสายตาใครๆ โดยเฉพาะกับเจ้านายอย่างกวิน!
“เถอะน่า..เชื่อฉัน เป็นใครก็ต้องหันมองตาค้าง ชุดนี้น่ะ มาแรงในซัมเมอร์ซีซั่นสุดๆ สาวฝรั่งเศสเขากำลังฮิต ใส่แล้วไม่ตกเทรนด์แน่”
คือเสียงกังวานใสของแพรวายืนยันส่งท้ายขณะที่มุกดาเข้าไปเปลี่ยนเสื้อในห้องน้ำ
ภาพสาวผิวขาวจัดริมฝีปากแดงสด มีผมหยิกดำลอนสลวยประบ่า ในลุคใหม่ ทำเอาพี่สาวทั้งสองซึ่งกำลังนั่งจิบกาแฟยามเช้าในห้องอาหารถึงกับอ้าปากค้าง โดยเฉพาะเพทาย รีบลุกขึ้นยืนทำท่าเหมือนตาจะถลนออกจากเบ้า มุกดาในเสื้อขาวมีแหวกผ่าเปลือยให้เห็นลำแขนขาวผ่องวับแวม กับกระโปรงสีแดงกระแทกตา สั้นเหนือเข่าขึ้นมาเกือบหนึ่งฝ่ามือ ไหนจะรองท้องส้นสูงสีแดงเข้มเปิดปลาย ต่างหูแดงสดระย้านั่นอีก เพทายอยากจะลงไปดิ้นตายเสียตรงนั้น
“ไฮ้!..ทำบ้าอะไรของเธอยายบ๊องตื้น”
คือคำอุทาน ที่พี่สาวจอมกวนร้องบอกจนแก้วหูหล่อนแทบระเบิด
“ก็ทำตามเทรนด์ดีไซเนอร์ชื่อดังยังไง”
มุกดาลอยหน้าตอบหน้าตาเฉย เพทายทำท่าเหมือนจะเต้นระบำขึ้นมาอีก
“หาเรื่องเข้าหลังคาแดงสิไม่ว่า..ไปเชื่อแม่นั่น”
มุกดาเดือดขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินสรรพนามแทนตัวพี่สาวสุดรัก
“อย่ามาว่าพี่แพรของเรานะ”
สาวจอมกวนเบะปาก แถมยวนไม่เลิก
“พี่แพรของเรานะ..พูดไปได้”
“ตัวไม่ชอบก็เรื่องของตัว..แต่ให้เกียรติกันหน่อยซี”
เพทายได้ยินน้ำเสียงเป็นเดือดเป็นร้อนอันแสนจะดราม่า หล่อนถึงกับหย่อนก้นตึงบนเบาะเก้าอี้หวายยกมือก่ายหน้าผาก ส่วนมุกดายืนเท้าสะเอวแก้มแดงปลั่งอย่างไม่สบอารมณ์อยู่ที่เดิม
“ยายหน้ากากนั่นหลอกชมเธอว่าอะไรล่ะ” เพทายยกเท้าขึ้นพาดต้นขาอีกข้างพลางกระดิกไหวๆ ไพลินที่กำลังทำท่าเหมือนสนใจข่าวสารในหน้าหนังสือพิมพ์แต่เงี่ยหูฟังทุกรายละเอียดแอบยิ้มขันกับน้องสาวตัวแสบ เพทายมักตั้งฉายาให้คนโน้นคนนี้ได้ไม่ซ้ำแบบ แต่ที่สำคัญคือฉายาของแต่ละคนนั้นอธิบายตัวตนได้ชัดด้วยคำสั้นๆ
“อย่างน้อยเค้าก็ชมว่าฉันสวยพิศ ไม่ปากเสียอย่างเพหรอก”
เท่านั้นแหละ เพทายก็ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นจนแม่บ้านที่กำลังทำความสะอาดเครื่องเบญจรงค์อยู่มุมไกลถึงกับเดินชะโงกหน้ามามอง
“ไอ้ที่บอกว่า สวยพิศ..ยิ่งมองนานๆจะเห็นความสวยใช่ไหม”
พี่สาวตัวแสบยื่นหน้ามาถาม
“ใช่แล้วยังไง” เสียงเล็กใสย้อนกลับ
“ฉันจะแปลให้ฟังแบบตรงๆนะ” ยิ้มมุมปากอย่างคนเจนโลกผุดขึ้น
“สวยพิศ..ต้องมองนานๆ ถึงจะรู้ว่าสวย ต่างหากย่ะ ยายบ๊องตื้นเอ๊ย”
และเหมือนยิ่งพูดยิ่งกวนอารมณ์ตัวเองให้ขุ่นขึ้นมาอีก เพทายจึงหลุดปาก
“หน็อย..มันอิจฉาเธอน่ะซี อย่างเธอละเขาเรียกว่าสวยติดตรึง สวยประทับความรู้สึก...แต่อย่างยายหน้ากากนั่น เขาเรียกสวยทำลายโลก”
“ยายเพ! ชู่วว์” คนที่นิ่งเงียบอยู่นานอย่างไพลินรีบลดหนังสือพิมพ์ลงส่งเสียงปราม พร้อมทำปากห่อเป็นเชิงบอกให้รู้ตัว ว่าหลุดพูดสิ่งที่ไม่ควรพูด เพทายก็เหมือนได้สติกลับคืนรีบเปลี่ยนคำพูด
“โอ๊ย ไม่ใช่..อย่างเธอน่ะแม้แต่คำว่าสวยก็ไม่ควรจะได้ยิน เฮ้อ รีบไปทำงานไปไป๊”
สาวแสบรีบโบกมือไล่ มุกดาหมดอารมณ์จะต่อปากต่อคำกับหล่อนนานแล้ว ตั้งแต่คำว่า “ต้องมองนานๆถึงจะรู้ว่าสวย” เพียงกระพริบตาสองสามทีน้องเล็กขี้ใจน้อยก็หายวับไม่เหลือแม้แต่เงา
“เฮ้อ! ไม่มีประโยชน์ที่จะต้องปกปิดความสวยของน้องเราแล้วละม้าง” เพทายส่ายหน้าเหนื่อยใจเมื่อนึกถึงข้อห้ามปรามของมารดา
“ตอนนี้คุณแม่ออกจะเข้ากับยายนั่นได้เป็นขลุ่ยเป็นแตร”
ไพลินเหลือบตามองน้องสาวแวบหนึ่ง แต่ไม่ได้ออกความเห็นอะไรอีก
“พี่ตัดเอง ออกแบบเอง แล้วก๊อเลือกผ้าเองกับมือ เป็นไงจ๊ะ”
มุกดาห่อปากทำหน้ากึ่งเสียดายกึ่งประหม่า หล่อนสั่นศีรษะจนผมลอนปลิวกระจาย
“ไข่มุกว่าเหมาะกับพี่แพรมากกว่าค่ะ มันสวย เก๋ แล้วก็สีสดเกินไป..”
พี่สาวคนสวยยกนิ้วชี้ขึ้นแตะปากจู๋ ส่ายหน้าน้อยๆ
“ไม่จริงจ้ะ ผู้หญิงเราเนี่ยนะ..อยากสวยเก๋ต้องมั่นใจในตัวเองเสียก่อน” แพรวาบอกเสียงหนักแน่น ราวกับต้องการให้กำลังใจน้องสาว หล่อนหย่อนสะโพกกลมกลึงลงนั่งข้างมุกดาบนฟูกหนานุ่มของเตียงนอน
“พี่ว่าผู้หญิงทุกคนมีความสวยอยู่ในตัว มียูนีคในแบบฉบับของตัวเอง” ดีไซเนอร์สาวคลี่ยิ้มอ่อนโยนส่งให้ดวงหน้าสีน้ำผึ้งเรียวสว่างไสว มือบางประคองคางมนของน้องสาวให้เงยเชิดขึ้น “ไข่มุกเป็นคนสวยพิศ..ยิ่งมองนานๆจะเห็นความสวย”
ฟังตอนแรกสาวน้อยผิวขาวผ่องก็หัวใจพองโต กำลังใจขึ้นเป็นกองจากที่ไม่เคยมีใครเอ่ยปากชมหล่อนเรื่องหน้าตามาแต่ไหนแต่ไร..หล่อนยังจำความได้ว่า หล่อนเป็นลูกเป็ดขี้เหร่ในบรรดาสาวๆบ้านนี้ ทว่าพอได้ยินคำขยายตอนท้ายประโยค..มุกดารู้สึกแปร่งๆ เหมือนยิ้มได้ไม่สุดอย่างไรไม่รู้..แต่ก็เอาเถิด อย่างน้อยแพรวาก็ชมว่าหล่อนสวย..หญิงสาวพยายามคิดในแง่ดี
“แต่ความสวยจะสมบูรณ์แบบได้ ต้องมีความมั่นใจต่อท้ายเสมอ จำไว้นะจ๊ะน้องรัก”
แพรวาผละจากเตียง ตบไหล่น้องสาวเบาๆก่อนยื่นเสื้อกับกระโปรงให้
“ไปเปลี่ยนชุดซะ..ชุดที่เราใส่อยู่น่ะใช้ไม่ได้”
มุกดาเลิกคิ้วอ้าปากเหวอ พลางชี้นิ้วเข้าหาตัวเป็นเชิงถาม
“ชุดนี้หรือคะใช้ไม่ได้..มันดูแย่มากขนาดนั้นเลย?”
แพรวาส่ายหน้าอีกครั้ง ผ่อนลมหายใจยาวอย่างเริ่มอ่อนอกอ่อนใจ
“ไม่ได้หมายความว่างั้น แต่พี่จะบอกว่าจั๊มสูทที่เธอใส่สีมันจืดชืด ใส่แล้วดูเหมือนเป็นนักศึกษาวัยใสเสียมากกว่าสาวออฟฟิศ”
สายตาที่กวาดมองทั่วตัวของพี่สาว บ่งบอกอะไรได้มากกว่านั้น...ถ้าพูดแบบไม่ถนอมน้ำใจ แพรวาคงจะบอกหล่อนแล้ว ว่า “แต่งหยั่งงี้เหมือนเด็กกะโปโลนะจ๊ะหนูจ๋า”
นัยน์ตาแววลึกดำส่องประกายของแพรวามีพลังอำนาจมาก และมีอิทธิพลต่อหลายอย่าง ส่งกระแสให้คนรู้สึกผิดก็ได้ อับอายก็ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทำให้คนถูกมองเชื่อมั่นในคำพูดของหล่อนได้อีก
มุกดาชอบเสื้อผ้าสีอ่อนสบายตาอย่าง ฟ้า ขาว ชมพู และสีเหล่านั้นต้องเป็นสีละมุนละไมอ่อนหวาน ไม่ใช่สีสดแสบสันต์อย่าง กระโปรงสั้นเหนือเข่าสีแดงแจ๊ดแบบที่แพรวายื่นให้หล่อน เสื้อต้องไม่มีรอยแหวกรอยผ่าอย่างเสื้อคอวีแขนยาวถึงข้อมือ ทว่ากรีดด้านข้างออกจนเกือบหมดเผยผิวเนื้อส่วนแขนกลมกลึงให้เห็นวับๆแวมๆ ถึงแม้เสื้อตัวนั้นจะเป็นผ้าขึ้นเงาเนื้อดีสีขาวสะอาดก็ตาม
แต่เมื่อแพรวามองชุดตัวเดิมที่หล่อนใส่ด้วยสายตาแบบนั้น แถมยังคำอธิบายให้เห็นว่าไม่มีดีกระจ่างแจ้ง หญิงสาวเลยตัดสินใจรับเสื้อขาวกระโปรงแดดนั้นมาถือไว้ หักลบแล้วหล่อนอยากดูดีเก๋ไก๋แบบผู้ใหญ่มากกว่าเป็นเด็กกะโปโลในสายตาใครๆ โดยเฉพาะกับเจ้านายอย่างกวิน!
“เถอะน่า..เชื่อฉัน เป็นใครก็ต้องหันมองตาค้าง ชุดนี้น่ะ มาแรงในซัมเมอร์ซีซั่นสุดๆ สาวฝรั่งเศสเขากำลังฮิต ใส่แล้วไม่ตกเทรนด์แน่”
คือเสียงกังวานใสของแพรวายืนยันส่งท้ายขณะที่มุกดาเข้าไปเปลี่ยนเสื้อในห้องน้ำ
ภาพสาวผิวขาวจัดริมฝีปากแดงสด มีผมหยิกดำลอนสลวยประบ่า ในลุคใหม่ ทำเอาพี่สาวทั้งสองซึ่งกำลังนั่งจิบกาแฟยามเช้าในห้องอาหารถึงกับอ้าปากค้าง โดยเฉพาะเพทาย รีบลุกขึ้นยืนทำท่าเหมือนตาจะถลนออกจากเบ้า มุกดาในเสื้อขาวมีแหวกผ่าเปลือยให้เห็นลำแขนขาวผ่องวับแวม กับกระโปรงสีแดงกระแทกตา สั้นเหนือเข่าขึ้นมาเกือบหนึ่งฝ่ามือ ไหนจะรองท้องส้นสูงสีแดงเข้มเปิดปลาย ต่างหูแดงสดระย้านั่นอีก เพทายอยากจะลงไปดิ้นตายเสียตรงนั้น
“ไฮ้!..ทำบ้าอะไรของเธอยายบ๊องตื้น”
คือคำอุทาน ที่พี่สาวจอมกวนร้องบอกจนแก้วหูหล่อนแทบระเบิด
“ก็ทำตามเทรนด์ดีไซเนอร์ชื่อดังยังไง”
มุกดาลอยหน้าตอบหน้าตาเฉย เพทายทำท่าเหมือนจะเต้นระบำขึ้นมาอีก
“หาเรื่องเข้าหลังคาแดงสิไม่ว่า..ไปเชื่อแม่นั่น”
มุกดาเดือดขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินสรรพนามแทนตัวพี่สาวสุดรัก
“อย่ามาว่าพี่แพรของเรานะ”
สาวจอมกวนเบะปาก แถมยวนไม่เลิก
“พี่แพรของเรานะ..พูดไปได้”
“ตัวไม่ชอบก็เรื่องของตัว..แต่ให้เกียรติกันหน่อยซี”
เพทายได้ยินน้ำเสียงเป็นเดือดเป็นร้อนอันแสนจะดราม่า หล่อนถึงกับหย่อนก้นตึงบนเบาะเก้าอี้หวายยกมือก่ายหน้าผาก ส่วนมุกดายืนเท้าสะเอวแก้มแดงปลั่งอย่างไม่สบอารมณ์อยู่ที่เดิม
“ยายหน้ากากนั่นหลอกชมเธอว่าอะไรล่ะ” เพทายยกเท้าขึ้นพาดต้นขาอีกข้างพลางกระดิกไหวๆ ไพลินที่กำลังทำท่าเหมือนสนใจข่าวสารในหน้าหนังสือพิมพ์แต่เงี่ยหูฟังทุกรายละเอียดแอบยิ้มขันกับน้องสาวตัวแสบ เพทายมักตั้งฉายาให้คนโน้นคนนี้ได้ไม่ซ้ำแบบ แต่ที่สำคัญคือฉายาของแต่ละคนนั้นอธิบายตัวตนได้ชัดด้วยคำสั้นๆ
“อย่างน้อยเค้าก็ชมว่าฉันสวยพิศ ไม่ปากเสียอย่างเพหรอก”
เท่านั้นแหละ เพทายก็ระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่นจนแม่บ้านที่กำลังทำความสะอาดเครื่องเบญจรงค์อยู่มุมไกลถึงกับเดินชะโงกหน้ามามอง
“ไอ้ที่บอกว่า สวยพิศ..ยิ่งมองนานๆจะเห็นความสวยใช่ไหม”
พี่สาวตัวแสบยื่นหน้ามาถาม
“ใช่แล้วยังไง” เสียงเล็กใสย้อนกลับ
“ฉันจะแปลให้ฟังแบบตรงๆนะ” ยิ้มมุมปากอย่างคนเจนโลกผุดขึ้น
“สวยพิศ..ต้องมองนานๆ ถึงจะรู้ว่าสวย ต่างหากย่ะ ยายบ๊องตื้นเอ๊ย”
และเหมือนยิ่งพูดยิ่งกวนอารมณ์ตัวเองให้ขุ่นขึ้นมาอีก เพทายจึงหลุดปาก
“หน็อย..มันอิจฉาเธอน่ะซี อย่างเธอละเขาเรียกว่าสวยติดตรึง สวยประทับความรู้สึก...แต่อย่างยายหน้ากากนั่น เขาเรียกสวยทำลายโลก”
“ยายเพ! ชู่วว์” คนที่นิ่งเงียบอยู่นานอย่างไพลินรีบลดหนังสือพิมพ์ลงส่งเสียงปราม พร้อมทำปากห่อเป็นเชิงบอกให้รู้ตัว ว่าหลุดพูดสิ่งที่ไม่ควรพูด เพทายก็เหมือนได้สติกลับคืนรีบเปลี่ยนคำพูด
“โอ๊ย ไม่ใช่..อย่างเธอน่ะแม้แต่คำว่าสวยก็ไม่ควรจะได้ยิน เฮ้อ รีบไปทำงานไปไป๊”
สาวแสบรีบโบกมือไล่ มุกดาหมดอารมณ์จะต่อปากต่อคำกับหล่อนนานแล้ว ตั้งแต่คำว่า “ต้องมองนานๆถึงจะรู้ว่าสวย” เพียงกระพริบตาสองสามทีน้องเล็กขี้ใจน้อยก็หายวับไม่เหลือแม้แต่เงา
“เฮ้อ! ไม่มีประโยชน์ที่จะต้องปกปิดความสวยของน้องเราแล้วละม้าง” เพทายส่ายหน้าเหนื่อยใจเมื่อนึกถึงข้อห้ามปรามของมารดา
“ตอนนี้คุณแม่ออกจะเข้ากับยายนั่นได้เป็นขลุ่ยเป็นแตร”
ไพลินเหลือบตามองน้องสาวแวบหนึ่ง แต่ไม่ได้ออกความเห็นอะไรอีก
ศิลาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 พ.ค. 2555, 18:29:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 พ.ค. 2555, 23:44:25 น.
จำนวนการเข้าชม : 1675
<< บทที่ ๗ ลึกสุดใจ | บทที่๘ แต่งตัวตุ๊กตา ๒/๒ >> |
แล่นแต๊ 24 พ.ค. 2555, 22:48:47 น.
ถ้าพี่วินเห็นยายไข่มุก จะเป็นยังไงน้า
ถ้าพี่วินเห็นยายไข่มุก จะเป็นยังไงน้า
Edelweiss 24 พ.ค. 2555, 23:20:32 น.
ยัยแพ ฮ่า ๆ
ยัยแพ ฮ่า ๆ
ศิลาริน 24 พ.ค. 2555, 23:29:57 น.
รอดูพี่วินแล้วกันจ้า อิอิ
รอดูพี่วินแล้วกันจ้า อิอิ