เล่ห์รัก...เล่ห์แค้น
เป็นนิยายเรื่องแรกของปอแก้ว...ที่เคยลงจนจบไว้นานมากแล้ว ตอนนี้เลยลองเอามาปัดฝุ่นรีไรท์ใหม่ค่ะ :)

-----------------------------------------------------------------

เรื่องราวความรักระหว่างคนสองคนที่เริ่มด้วยความแค้นเมื่อ ‘ธนาดล’ ลูกชายคนเล็กของพ่อเลี้ยงธฤตกลับมาจากต่างประเทศ เขาทำทุกวิถีทางเพื่อจะแก้แค้นศิรสาซึ่งเป็นแม่เลี้ยงโดยใช้ ‘ศรินดา’ ซึ่งเป็นลูกสาวเป็นเครื่องมือในการแก้แค้นครั้งนี้
Tags: ธนาดล ศรินดา พนาดร สลิลธาร

ตอน: บทที่ 30



บทที่ 30



ศรินดาสบตาอีกฝ่ายอย่างร้อนๆหนาวๆ ถามว่ารู้หรือเปล่าน่ะหรือ คำตอบง่ายๆเลย...รู้...รู้ดีเสียด้วย ทำไมเธอถึงจะไม่รู้เล่าว่าถ้าพูดออกไปแบบนั้นแล้วจะโดนอะไรเพราะรู้นี่ไงถึงได้กลัวๆกล้าๆอยู่อย่างนี้

“ว่ายังไง” ธนาดลเชยคางมนขึ้นมา ดวงตาสีดำสนิทจ้องลึกเข้าไปในดวงตาคู่โตอย่างอ่อนโยนและอ่อนหวาน

“รู้หรือเปล่าว่าถ้าพูดอย่างนี้แล้วจะโดนอะไร” เสียงทุ้มนุ่มกระซิบคลอเคลียที่ข้างหูจนขนแขนของศรินดาตั้งตรงขึ้นมาโดยมิได้นัดหมาย หัวใจเต้นแรงโครมครามจนแทบจะออกมาเต้นนอกอก

“รินไม่ได้ตั้งใจ” หญิงสาวตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงสั่นพริ้ว

“แต่ฉันถือว่าเธอตั้งใจ” ชายหนุ่มจัดแจงสรุปเอาเองง่ายๆ

“ไม่ยุติธรรมเลยนี่ รินแค่ล้อเล่น”

“ก็บอกแล้วไม่ใช่เหรอว่าฉันจริงจังเสมอ”

“งั้นรินจะให้คุณตะโกนใส่หูรินกลับจะได้หายกัน” ศรินดาเริ่มหาทางออกไปเรื่อยๆ แม้สิ่งที่เธอเสนอมันจะไม่ค่อยดีกับตัวเธอเองสักเท่าไหร่ก็เถอะ แต่คงจะดีถ้าเทียบกับสิ่งที่ธนาดลกำลังจะทำในเวลาอันใกล้นี้

“ข้อเสนอนั้นหมดสิทธิ์แล้วตอนนี้เหลือแค่ข้อเสนอเดียว...คือจูบ”

ประโยคง่ายๆของธนาดลแต่ศรินดานั้นกลับกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก เมื่อหลังชนฝาหาทางออกไม่ได้

“ขอตัวช่วยได้มั้ย?” เมื่อเห็นว่าหมดทางหนีเลยเปลี่ยนมาขอผ่อนปรนแทน

“ได้” ชายหนุ่มรับคำง่ายๆ ง่าย...เสียจนศรินดาแปลกใจ กลัวเหลือเกินกับความเจ้าเล่ห์ของผู้ชายคนนี้

“ตัวช่วยที่หนึ่งฉันเป็นคนจูบเธอ”

ศรินดาเบิกตากว้าง ดวงหน้าแดงเรื่อ พอดาๆได้ว่าตัวช่วยที่สองจะเป็นอะไร

“ละ...แล้วตัวช่วยที่สองล่ะคะ”

“...เธอเป็นคนจูบฉัน”

ดวงหน้าหวานแดงแปร๊ดไปจนถึงใบหูเมื่อรับรู้ตัวช่วยที่สองของธนาดล...จูบเขา! จูบเนี่ยนะ!! ไม่ๆๆ ไม่มีทาง ไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่ยอมจูบเขาก่อนเด็ดขาด!!!

“ตัวช่วยที่สาม...มีมั้ย?” กลั้นใจถามไปอย่างนั้น แต่ก็หวังลึกๆไว้ว่ามันจะคงมี

“ไม่มี” แล้วประกายความหวังลึกๆว่ามันจะมีก็ต้องดับวูบลง

“งั้นไม่เลือกได้มั้ย”

“ไม่ได้...ต้องเลือก” ธนาดลเหยียดยิ้มเยือกเย็น “ว่าไง...เลือกข้อไหน...หนึ่งหรือสอง”

“ไม่เอา...รินไม่เลือกทั้งข้อหนึ่งข้อสองนั่นล่ะ” เธอปฏิเสธ...ใช่! แบบนั้นล่ะริน ปฏิเสธไปเลย เพราะไม่ว่าเธอจะเลือกข้อหนึ่งหรือข้อสอง เธอเองก็มีแต่เสียกับเสียเขาทั้งนั้น ผิดกับอีกคนที่มีแต่ได้กับได้

“ถ้าเธอไม่เลือกฉันเลือกเองก็ได้”

“ได้ยังไง!” รินโวยลั่นทันที

“ทำไมจะไม่ได้” หากธนาดลกลับทำหน้าตาไม่รู้ร้อนรู้หนาวเสียอย่างนั้น

“ก็มันไม่ได้นี่ ไม่เอา! ยังไงรินก็ไม่ยอมทำตามทั้งสองข้อนั่นแน่ๆ”

“แน่ใจนะว่าจะไม่ยอม”

“แน่!” หญิงสาวตอบอย่างเด็ดเดียวแน่วแน่

“แต่ฉันจะทำให้เธอยอม” นิสัยเอาแต่ใจตัวเองที่ทำยังไงก็แก้ไม่หายของธนาดลกลับมาอีกครั้ง

“เผด็จการ” เสียงหวานบ่นเบาๆ แต่ก็ไม่พ้นการได้ยินของคนหูดีที่ยืนอยู่ใกล้ๆ

“รู้ก็ดีแล้วจะได้เตรียมตัวไว้” สายตาและน้ำเสียงของธนาดลทำเอาอีกคนที่ยืนอยู่ในอ้อมกอดกลืนน้ำลายลงคออย่างฝืดเฝื่อน มองสายตาเจ้าเล่ห์ที่ยากจะหยั่งถึงอย่างไม่วางใจ

“ตะ...เตรียมตัวอะไร” รินดันตัวออกห่างจากคนที่กอดเธอไว้เล็กน้อย

“ก็เตรียมตัวรับตัวช่วยไงล่ะครับสาวน้อย” น้ำเสียงกรุ้มกริ่มทำเอาหญิงสาวขนลุกซู่ขึ้นมาอีกรอบ

“รินไม่ขำนะคุณดล” เธอตอบกลับเสียงเขียว กลัวใจธนาดลจริงๆ

“ฉันพูดเรื่องจริง ไม่ได้หวังให้เธอขำอยู่แล้ว” ธนาดลตอบกลับด้วยท่าทียียวน

“รินจะขึ้นบ้านแล้ว” เมื่อเห็นท่าทางว่าตัวเองจะไม่รอดเงื้อมมือของธนาดลเป็นแน่จึงหาทาง ‘เผ่น’ ก่อนคงจะดี หากมือหนาก็ฉวยแขนกลมกลึงไว้ก่อนที่เจ้าของร่างนั้นจะชิ่งหนีจากไปเสียดื้อๆ

“แน่ใจนะว่าจะขึ้นบ้าน” ศรินดาเงยหน้าขึ้นสบดวงตาวิบวับคู่นั้น แววลังเลใจเริ่มส่อเค้า ...แน่ใจหรือศรินดา ขึ้นไปบนบ้าน แน่ใจหรือว่าจะปลอดภัย...

“มะ...ไม่”

เมื่อได้ยินคำตอบที่ออกมาจากปากหญิงสาว ธนาดลก็ระบายยิ้มออกมาทันที ชายหนุ่มรู้มาตั้งแต่ต้นแล้วว่า ไม่ว่ายังไง...งานนี้เขาก็ชนะ...ใสๆ

“แต่!” ศรินดาชิงพูดขึ้นมาก่อนเมื่อเห็นความพอใจในสายตาของอีกฝ่ายทีแทบจะล้นออกมา “ไม่ว่ายังไงรินก็ไม่ยอมทำตามข้อเสนอของคุณเด็ดขาด ไม่มีทาง!”

“ฉันยังไม่ได้เลือกเลยว่าจะให้เธอทำตามข้อเสนอไหน”

“ไม่ว่าข้อไหนรินก็ไม่ทำทั้งนั้นแหละ”

“งั้นฉันเลือกข้อสอง เธอต้องจูบฉัน”

ศรินดาเบิกตากว้าง หน้าแดงไปก่อนแล้วทั้งๆที่เธอเองยังไม่ทันได้ทำอย่างที่เขาพูดเลยแม้แต่น้อย

“จะ...จะบ้าเหรอ ใครจะทำได้ล่ะ!” หญิงสาวสะบัดหน้าหนี ไม่ยอมมองใบหน้าคมที่อมยิ้มกับกิริยาท่าทางของเธอ ความจริงแล้วเธอไม่อยากให้ธนาดลเห็นหน้าของเธอต่างหาก เพราะถ้าเขาเห็น เขาจะรู้ว่าเธอกำลังเขิน แถมยังมากเสียด้วย!

“เขินหรือไง”

คนที่โดนจี้ใจดำสะดุ้งโหยง พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติแต่ก็พังไม่เป็นท่าเมื่ออุณหภูมิความร้อนบนใบหน้าไม่ได้ลดน้อยลงเลย

“ใคร? ใครเขิน มีที่ไหน” ผู้ร้ายปากแข็งยังคงยืนกรานปฏิเสธ

“ก็ใครล่ะที่ยืนอยู่ตรงนี้น่ะ เขินหน้าแดงหูแดงไปหมดแล้ว” ธนาดลพูดด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ

“ไม่ได้เขินซะหน่อย” รินหันมาเผชิญใบหน้าชายหนุ่มด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ

“ไม่ได้เขินแล้วทำไมหน้าแดง”

“ร้อน” หญิงสาวตอบสั่นๆ ไม่ได้ดูสภาพแวดล้อมรอบตัวเลยว่าอากาศมันเย็นสบายแค่ไหน

“ปากแข็ง” ธนาดลว่า ยอมคลายอ้อมกอดปล่อยคนตัวเล็กให้เป็นอิสระเพราะต้องการจะดึงแก้มนวลทั้งสองข้างให้หายมันเขี้ยว

“โอ๊ย...เจ็บนะ” ศรินดายกมือขึ้นลูบแก้มที่โดนประทุษร้าย ตวัดมองค้อนคนตัวโตที่ยืนอมยิ้มอยู่

“ก็บีบให้เจ็บน่ะสิ ปากแข็งดีนัก”

คนถูกแกล้งไม่ได้ว่าอะไรเพียงแค่ส่งสายตาไปบอกอีกคนว่าเธอชักเริ่มมีอารมณ์โมโหมานิดๆแล้วนะ อย่าได้ยั่วให้มากกว่านี้เชียว! หากในใจกลับปฏิเสธเสียงดังว่าคนที่ปากแข็งน่ะไม่ใช่เธอหรอก แต่เป็นเขาต่างหาก...ผู้ชายปากแข็ง หัวใจ...ก็แข็ง

“รินขึ้นบ้านแล้วนะ”หญิงสาวทำเนียนไม่รู้ไม่เรื่องเมื่ออีกฝ่ายปล่อยตัวเองให้เป็นอิสระ หากธนาดลก็ยังรู้ทันเพราะเอื้อมมือจับท่อนแขนของเธอไว้ได้ทัน

“ไม่ต้องมาทำเนียนเลย เร็วๆ ตัวช่วยที่สอง จูบฉันซะดีๆ”

ศรินดาทำหน้ามุ่ยเมื่อถูกจับได้ นึกว่าจะรอดแล้วเชียว ธนาดลไม่น่าสมองดีจำได้เลย

“ไม่เอา”

“อย่ามาต่อรอง หรือจะให้ฉันจูบเธอ อย่างนั้นก็ได้นะ” ไม่พูดเปล่าเพราะร่างสูงก้าวเข้ามาใกล้พร้อมกับโน้มใบหน้าเข้ามา

“อ๊าย...เดี๋ยวๆๆ” ศรินดาดันใบหน้าคมที่โน้มเข้ามาใกล้เป็นพัลวัน “...ขืนให้คุณจูบ มีหวังได้เก็บเกินทุนกันพอดี” หญิงสาวบ่นอุบ รู้ดีว่าถ้าปล่อยให้อีกฝ่ายรุกราน งานนี้เธอคงจะขาดทุนอยู่มากโข

“รู้ก็ดีนี่” ธนาดยิ้มอย่างพอใจ และเมื่อเห็นว่ายังไงเธอก็ต้องทำอยู่แล้ว ศรินดาจึงตัดสินใจที่จะทำตามความต้องการคุณหนูเอาแต่ใจอย่างธนาดล

...เอาน่ะริน แค่เอาปากชน เดี๋ยวเดียวเอง...

“คุณหลับตาสิ” ศรินดาบอกเสียงเบา รอจนอีกฝ่ายปิดตาจึงค่อยๆก้าวเข้าไป เขย่งปลายเท้าเพื่อจุมพิตอีกฝ่ายเบาๆ แต่ก็คงวางใจไปเมื่อจู่ๆธนาดลก็ลืมตาขึ้นและประทับริมฝีปากลงบนริมฝีปากบางอย่างรวดเร็ว รินเบิกตากว้าง ตกใจไม่น้อยเมื่อเจอซ้อนแผนอีกชั้น ธนาดลมองคนที่ยืนนิ่งเพราะยังงงไม่หายแล้วก็รู้สึกขำอย่างไรบอกไม่ถูกจนต้องปล่อยเสียหัวเราะออกมา

“ขำอะไร” หญิงสาวถามเสียงขุ่น ส่งค้อนวงเบ้อเริ่มไปให้อีกฝ่าย

“เปล่าซักหน่อย มันหัวเราะเอง” ธนาดลยังคงแกล้งอีกฝ่ายไม่สิ้นสุด

“บ้า! ขี้โกง! ฉวยโอกาส!” หญิงสาวต่อว่าธนาดลเป็นชุด ในใจอยากเหลือเกินที่จะเข้าไปทำร้ายร่างกายคนขี้แกล้งนัก!

“ก็โอกาสมันเข้ามาให้ฉวยนี่ ไม่ฉวยไว้ก็แปลกแล้ว”

“บ้า!” ว่าไปแค่นั้นก็สะบัดหน้าหนีและเดินขึ้นบ้านไปอย่างรวดเร็วทิ้งให้อีกคนยืนหัวเราะจนท้องคัดท้องแข็งอยู่ริมลำธาร

“ไม่เล่นน้ำแล้วหรือไง” แกล้งตะโกนถามไปเพราะต้องการยั่วอีกฝ่ายเล่น

“อยากเล่นก็เล่นไปคนเดียวสิ!” เสียงหวานตะโกนกลับมาโดยแม้จะหันมามอง

ธนาดลมองคนทีเดินขึ้นไปบนบ้านแล้วก็อดที่จะระบายยิ้มออกมาไม่ได้ ยิ่งอยู่ใกล้ความรักที่มีก็ยิ่งมากขึ้น ยิ่งความรักมีมากขึ้นอนาคตข้างหน้าเขาก็ต้องเจ็บมากขึ้น เพราะฉะนั้นหยุดตอนนี้ดีไหมนะ หยุดทุกสิ่งทุกอย่างไว้แค่นี้ แล้วพรุ่งนี้ก็ออกไปจากความฝันนี่เสียที แต่คืนนี้ขอไว้หน่อยแล้วกัน ขอให้อยู่ในความฝันแสนหวานนี่อีกสักคืน

...เพราะกุหลาบยี่สอบเอ็ดดอก...ฉันยังไม่ได้ให้เธอเลย...











ท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ตกแต่งไปด้วยดวงดาราเพราะคืนนี้เป็นคืนเดือนมืด ท้องฟ้าไร้แสงจันทร์แต่ก็มีแสงดาวที่พราวระยับทดแทน นอกชานบ้านทรงไทยชายหญิงคู่หนึ่งกำลังนั่งดูดาวอยู่เคียงข้างกันภายใต้บรรยากาศยามค่ำคืนที่มีเสียงจักจั่นเรไรขับกล่อมเบาๆ

“ดาวสวยนะคะ รู้สึกเหมือนจะคว้าได้แต่พอคว้าจริงๆกลับมีแต่ความว่างเปล่า” ศรินดาเอ่ยเบาๆ ลอบมองด้านข้างของธนาดลเป็นพักๆ

“ดาวก็คือดาว อยู่บนฟ้า ไม่มีวันไหนหรอกที่ดาวจะโน้มลงมาหาเรา” คำพูดของธนาดลเหมือนจะเป็นคำปฏิเสธกลายๆจนคนฟังหาประโยคที่จะมาพูดต่อไม่ออก แม้เธอจะไม่คิดว่าเขาเป็นดาวแต่ธนาดลก็คล้ายกับดาวมากเพราะเขาเป็นสิ่งที่เธอคว้าไม่ได้ เป็นอะไรที่ยากเกินความสามารถของเธอที่คว้าเอามาแนบกาย

“คุณจะพารินกลับบ้านเมื่อไหร่คะ” เมื่อหาอะไรที่จะมาพูดไม่ได้ ศรินดาจึงถามเรื่องที่เขาสัญญาว่าจะพาเธอกลับบ้านเมื่อถึงเวลาแทน

“พรุ่งนี้”

คำตอบของธนาดลทำให้หญิงสาวรู้สึกหวิวๆอย่างไรบอกไม่ถูก ลึกๆเธอไม่อยากที่จะกลับไปด้วยซ้ำ เธออยากจะอยู่ที่นี่กับเขา...ตลอดไป แต่นั่น...ก็เป็นสิ่งที่ไม่มีทางเป็นไปได้ เธอต้องกลับบ้าน ที่นั่นมีคนที่เธอรักมากที่สุด ที่นั่นที่ๆแม่ของเธอรอการกลับมาของเธอ และที่นั่น...ที่ๆเธอจะต้องกลับไปเพื่อแต่งงานกับนนทนัฐตามถ้อยสัญญาที่เธอได้เอ่ยออกไป

“ก็ดีค่ะ...รินเป็นห่วงแม่”

“อืม” ธนาดลรับคำสั้นๆ แม้เขาจะรักศรินดามากแค่ไหน แต่เมื่อใดที่หญิงสาวพูดถึงมารดาของเธอเอง เขาก็ยังทำใจยอมรับมันได้ไม่เต็มร้อยเสียที

...ภาพของแม่ที่ทรมานยังคงตราตรึง ในหัวใจยังไม่อาจให้อภัยมารดาของศรินดาได้จริงๆ...

ศรินดาลอบมองหน้าคนข้างตัวด้วยสายตาอาวรณ์ อยากเหลือเกินที่จะถามว่าเขาคิดอย่างไรกับเธอ รักเธออย่างที่เธอรักเขาหรือไม่ และก็อยากเหลือเกินที่จะบอกเขาไปว่าเธอเอง...รักเขาหมดหัวใจ

...บอกไปดีไหมริน บอกว่าเธอคิดยังไง บอกไปเลยว่ารัก...เธอรักเขา...

“มองอะไร เห็นมองมาตั้งนานแล้ว” ธนาดลหันมาถามด้วยแววตาสงสัยเมื่อสังเกตเห็นว่าศรินดาแอบมองตนเองอยู่หลายครั้ง

“เปล่าค่ะ...ไม่มีอะไร” หญิงสาวยิ้ม ส่ายหน้าปฏิเสธช้าๆ ...รินเพียงแค่อยากเก็บใบหน้าคุณไว้ในความทรงจำเท่านั้นเอง

“รออยู่นี่ก่อน” จู่ๆร่างสูงก็ลุกขึ้น “ฉันมีอะไรจะให้” พร้อมกับบอกในสิ่งที่เขากำลังจะทำแล้วก็เดินหายเข้าไปในเรือนไทยหลังสวย ใช้เวลาไม่นานร่างที่คุ้นตาคุ้นใจก็ออกมาพร้อมกับดอกกุหลาบขาวช่อหนึ่ง

กุหลาบขาวนี่สิบเอ็ดดอกที่เขาบอกว่าจะมอบมันให้กับเธอ...ในคืนนี้

“บอกแล้วใช่ไหมว่าคืนนี้จะให้เธอ” ธนาดลทรุดตัวนั่งลงข้างร่างบาง ในมือยังคงถือช่อกุหลาบขาวไว้มั่น

ศรินดาพนักหน้ารับ รู้สึกถึงอัตราการเต้นของหัวใจที่เร็วและแรงกว่าปกติ

“รู้ไหมว่ากุหลาบยี่สิบเอ็ดดอกหมายความว่าอะไร”

ธนาดลถามด้วยคำถามเดิมที่เคยถามไปแล้วเมื่อตอนกลางวัน และศรินดาก็ยังคงส่ายหน้าเหมือนเดิม

“กุหลาบยี่สิบเอ็ดดอกหมายความว่า... ‘ฉันมอบชีวิตให้เธอ’... และตอนนี้ฉันขอมอบมันให้กับเธอ ทั้งดอกไม้ ชีวิต...และหัวใจของฉัน”

หยาดน้ำตาค่อยๆไหลรินออกมาจากดวงตาคู่สวยทันทีที่ธนาดลพูดจบประโยคราวกับสั่งได้ ที่ร้องไห้เพราะดีใจที่เขาก็รักเธอเช่นเดียวกับเธอที่รักเขา แต่อีกใจหนึ่งก็เสียใจ...เพราะถึงหัวใจจะตรงกันแต่หนทางข้างหน้านั้นไม่มีหนทางให้เธอและเขาเดินต่อไปได้เลย

“รินก็รักคุณดล รัก...แต่ทำไมถึงได้ปวดใจขนาดนี้ แล้วถ้าเรารักกันอย่างนี้ต่อไปรินต้องทำยังไง เรื่องของนนท์...จะต้องทำยังไง” ใบหน้าของนนทนัฐฉาดชัดขึ้นมาในความคิด นนทนัฐไม่เคยทำร้ายเธอ เขาดีกับเธอเสมอ และเป็นเธอเองที่ต้องการจะแต่งงานกับนนทนัฐ

ธนาดลวางช่อกุหลาบไว้ข้างตัวก่อนจะรวบคนตัวเล็กเข้าสู่อ้อมกอด เป็นไปได้ชายหนุ่มอยากจะหยุดเวลาไว้แค่ตรงนี้ ไม่ต้องมีอดีต ไม่ต้องมีอนาคต ไม่ต้องมีวันพรุ่งนี้...

“ขอโทษที่รักเธอไปแล้ว” คำขอโทษบางเบาหลุดออกมาจากริมฝีปากหยักลึก

ศรินดาส่ายหน้า ไม่ยอมรับคำขอโทษนั้น “ถ้าคุณจะผิดรินก็ต้องผิดด้วยที่ทำให้เรื่องทุกอย่างเป็นอย่างนี้” คำพูดทุกคำที่ออกมานั้นเคล้าไปด้วยเสียงสะอื้น “รินจะรักคุณดลตลอด...”

“อย่าพูดเลย...” ธนาดลขัดขึ้นก่อนที่หญิงสาวจะพูดจบ “ถึงเธอจะพูดแต่ฉันรู้ก็ว่าเธอต้องกลับไปแต่งงานกับนนทนัฐอยู่ดี เพราะฉะนั้น...อย่าได้พูดมันออกมาเลย”
น้ำเสียงทุ้มสั่นเล็กน้อยยามมองดวงตาคู่สวยที่สบตรงมาอย่างโศกเศร้า ธนาดลรู้ดี...ไม่ว่าอย่างไรศรินดาก็ต้องกลับไปแต่งงานกับนนทนัฐ ผู้หญิงคนนี้เมื่อพูดคำใดออกไป เธอจะไม่ยอมบิดพลิ้วคำพูดของตัวเองแม้สักครึ่งคำ

ธนาดลลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนที่จะหันมามองร่างเล็กบางที่ยังนั่งอยู่ที่ชายเรือนโดยมีกุหลาบขาวทั้งยี่สิบเอ็ดดอกเป็นเพื่อน

“ดึกแล้ว...เข้านอนเถอะ พรุ่งนี้ต้องออกเดินทางแต่เช้า” ชายหนุ่มส่งยิ้มละมุนไปให้กับคนที่ยังปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมา อดไม่ได้ที่จะช่วยเกลี่ยเช็ดน้ำตาที่นิ้วโป้งของตัวเองก่อนจะโยกศีรษะของศรินดาเบาๆและประทับจุมพิตที่ขมที่สุดที่ศรินดาเคยได้รับจากเขามา

“ฝันดี...หัวใจของฉัน”


-------------------------------------------------------------------------------------------------------

หวาน...อยู่ดีๆทิ้งท้ายแอบขมซะอย่างน้านนนนนน
ใกล้จบแล้วค่ะ...ต่อไปมาดูกันว่าเมื่อนนทนัฐรู้เรื่องและมาถึง...จะเป็นอย่างไร

แต่...ตอนนี้ปอแก้วขอเร่งไปเขียนพี่อาร์มก่อนนะคะ กำลังเร่งปิดเรื่องนั้นอยู่ค่ะ
ส่วนเรื่องนี้ช่วงสองสามตอนสุดท้ายต้องแก้เยอะอยู่เหมือนกัน อาจมาช้าหน่อยนะคะ
เพราะแอบเปลี่ยนแปลงเรื่องของนนทนัฐไปมากพอสมควร (ต้องค่อยๆแก้ปัญหาของนายนนท์ตัวดีก่อนค่ะ!)

ขอบคุณทุกคนนะค้าาาา ทุกคอมเมนท์ และทุกไลค์นะคะ ใกล้จบแล้ว...ไลค์+เมนท์ให้กำลังใจกันหน่อยน้าาาาาา ^_____________^


คุยกันค่ะ....:)


คุณ anOO : ปอแก้วก็รู้สึกว่าเปลี่ยนบทให้เขาร้ายกว่าเดิมเยอะเลยล่ะค่ะ (ตอนนี้เริ่มหนักใจเพราะต้องมาแก้ตอนท้ายเยอะเลย T^T)

คุณ ดาวคันชั่ง : แน่นอนว่า...ไม่ยอมค่ะ ฮาาาา

คุณ เด็กหญิงม่อน : แต่ก็กำลังจะขมเช่นกันค่ะ

คุณ nunoi : ไม่อยากให้เศร้าแต่ทิ้งท้ายไว้เศร้าอีกแล้วอ่ะค่าาาา

คุณ Heronett : คล้ายว่าจะไม่สายแต่ก็เหมือนจะแก้ปัญหาได้ยากค่ะ

คุณ Kazalong : ไม่ชวดค่าไม่ชวด แต่เรื่องของนนท์คงต้องนั่งคิดกันปวดหัวเลย

คุณ หมูบูลิน : ความเศร้าบอกว่า...รอไม่ได้อ่ะค่ะ ทำไงดีๆ ><

คุณ MYsister : สงสัยตอนนี้ตัวร้องไห้มาแน่เลยยยย

คุณ lovemuay : มาต่อแล้วนะคะ :)




ปอแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 พ.ค. 2555, 10:56:59 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 พ.ค. 2555, 16:58:03 น.

จำนวนการเข้าชม : 2297





<< บทที่ 29   บทที่ 31 >>
tutas 23 พ.ค. 2555, 11:13:38 น.
อ่านช่วงต้นๆ ก็ยิ้มจนหุบไม่ได้ แต่อ่านช่วงท้ายยิ้มยังไงก็ยิ้มไม่ออก


MYsister 23 พ.ค. 2555, 12:31:38 น.
Yakkkkkkkk. KUN Prokeaw what? ??? Whats going on???T-T


ดาวคันชั่ง 23 พ.ค. 2555, 12:41:14 น.
หวานปนขมซะอย่างงั้น แต่ในที่สุดก็บอกความในใจกันแล้ว

แอบ อยากได้ดอกกุหลาบ 21 ดอกบ้างจัง


anOO 23 พ.ค. 2555, 13:42:03 น.
ไรเตอร์จัดหนักเลยให้นายนนท์ร้ายเยอะๆ
นายดลจะได้หาทางเอาตัวรินกลับมา อย่างสมภาคภูมิ (ใช้คำซะบอกอายุเลย)


nunoi 23 พ.ค. 2555, 16:49:16 น.
เพิ่งรู้ความหมายของดอกกุหลาบ 21 ดอกนะเนี๊ยะ หวานปนขม จริงๆ


Heronett 23 พ.ค. 2555, 16:57:03 น.
คุณดลหวานจัง หลังจากหวานในใจมานานไม่บอกซะที ห้าๆๆ เหลือของพี่ต้นยังไม่เคลียร์อีกคนนึงนะคะ


Kazalong 23 พ.ค. 2555, 18:19:07 น.
เครียดแทนเลยนะเนี้ย น่าสงสารจังเลย


lovemuay 23 พ.ค. 2555, 20:28:09 น.
ทั้งที่นางเอกตัดใจทำร้ายนนท์ไม่ลงด้วยซ้ำ แต่บางทีสิ่งที่นนท์ทำนิแหละที่เป็นตัวทำลายความสัมพันธ์


หมูบูลิน 23 พ.ค. 2555, 22:51:53 น.
แล้วทำไงดีล่ะคราวนี้ เหอ เหนื่อยแทน


teesaparn 24 พ.ค. 2555, 12:20:46 น.
สงสัยต้องเปลี่ยนจากกุหลาบเป๋นบัว เป๋นสายบัวรอ....


เด็กหญิงม่อน 24 พ.ค. 2555, 20:17:17 น.
กำลังจะดราม่าแล้วสิคะเนี่ยT^T


Amata 29 พ.ค. 2555, 12:24:10 น.


WallyValent 30 พ.ค. 2555, 15:07:46 น.
อยากไปเป็นตัวช่วยที่สาม 555+


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account