นิราศรักกรุงสยาม
ศักดิ์ศรีมีไว้ให้คนสรรเสริญมิใช่ทำลาย ความรักมีไว้เพื่อให้ได้รักในกันและกัน ปัญหาเดียวของความรักคือความไม่เข้าใจ

Tags: สู้ ไม่ยอม แพ้

ตอน: ปากคน


เรือนคุณเหม ที่นั้น ฉิมบีบนวดเอาใจเจ้านายอยู่รออาหารเย็น แผ้วนั่งเจียนหมากให้ผู้เป็นป้า ต่างคนต่างหาทางเอาเรื่องช้องนาง
“มันเพิ่งแรกสาวไม่กี่ราวคราวปี แต่ใจคอจัดจ้านเหลือใจ มีเรื่องกับมันคราใด หัวใจข้าเจ็บกลับมาเพิ่มมากขึ้นทุกครั้ง จะจุดอกตายแล้ว”
“ปากคอมันเราะร้าย หัวใจมันช่างสู้นัก น่าลากไปตบให้หายแค้นสักสามสี่ตลบนะคะคุณป้า”
“มันพูดเป็นแยบคายว่าเท่าทันเรื่องคนร้าย เอ็งไปทำให้มันเห็นกันหรือ”
แผ้วส่ายหน้า มีท่าทีไม่เข้าใจ เช่นเดียวกับฉิม ซึ่งไม่ทราบว่าช้องนางเดาหรือรู้ทันว่าพวกตนแกล้งทำร้าย แผ้วเอ่ยว่า
“หลานวิ่งกลับมาที่เรือนทันไม่ต้องสงสัย มันไม่ทันเห็นหลานแน่”
“แต่ถ้ามันจับตานังฉิมได้ มันต้องสงสัยข้างเรา” คุณเหมไตร่ตรองไม่วางใจ
เวลานั้นคุณส้มลิ้มเดินมาที่เรือนของคุณเหม แผ้วกระซิบถามผู้เป็นป้า
“คุณน้าส้มลิ้มไปเคืองอีช้องนางมันด้วยเรื่องอันใดเจ้าคะคุณป้า”
คุณเหมเหยียดปากเอ่ยนินทาแต่ลำพังว่า
“สมน้ำหน้ามัน วันนั้นปากมากไปเอ่ยเรื่องลูกมันไม่ได้สินสอด เจ้าคุณพี่เลยบอกว่าลูกมันเองที่ตาต่ำไปเลือกข้าราชการจนๆทำงานไม่ก้าวหน้า จะให้ท่านช่วยท่านช่วยไม่ได้ เมื่อก่อนนี้ตอนท้อง นังส้มลิ้มมันทำเหมือนเป็นคนสำคัญ แทบจะขี่คอคุณหญิง คุณหญิงเองก็ไม่รู้จริงใจ หรือเสแสร้ง เพราะคิดว่าจะได้ลูกชายคนแรกให้เจ้าคุณเพียรมาดูมาเอาใจทุกวัน แล้วคุณหญิงก็มีลูกอิจฉา คือคุณไกร ทีนี้นังส้มลิ้มจึงตกอับเป็นเมียที่สามตามเดิม”
“แต่คุณป้าก็ไม่มีลูกนี่เจ้าคะ”แผ้วกล่าวโพล่งออกไป คุณเหมยิ่งเครียด เพราะนางรู้ดีว่าได้รับใช้ท่านเจ้าคุณมากกว่าใคร ท่านเจ้าคุณก็เอ็นดูมาก แต่ไม่มีลูกด้วยกัน เมื่อโดนพาดพิงมาถึงนางจึงใช้มือตีหลานสาวไปทีหนึ่งแต่เสียงดัง
เผียะ!! อย่างขัดใจ
คุณส้มลิ้มมาถึงพอดี จึงได้เอ่ยถาม
“ยุงกัดแต่วันหรือเจ้าคะคุณพี่”
“เด็กมันปากไม่ดีก็ต้องตีสั่งสอน มานั่งก่อนเวลาเย้ฯจะได้ไปรับเจ้าคุณท่านพร้อมกัน” คุณเหมตีสีหน้าได้อย่างน่านับถือ คุณส้มลิ้ม เอ่ยไปถึงเรื่องคาใจ
“แล้วเมื่อไหร่เราจะได้เล่นงานคนที่มันปากเสียจริงๆเสียทีเล่าคุณพี่”
“คนเป็นผู้ใหญ่เป็นไม้หลักปักเลนดังนั้น เห็นจะเอาเรื่องให้มันกราบตีนพวกเรายากนัก”
คุณเหมเอ่ยถามถึงเรื่องที่ทำให้นางต้องเดินมาถึงเรือนนี้ทั้งที่ไม่อยากมา เพราะในใจนั้นไม่พอใจที่เจ้าคุณมาเรือนคุณเหมบ่อยมากกว่าเรือนอื่น ยิ่งเวลานี้ มีแผ้วมาอยู่ด้วยคุณส้มลิ้มกลัวท่านเจ้าคุณจะเป็นขุนแผน ตอนได้แก้วกิริยา เพราะวรรณคดีเรื่องนั้น ขุนแผนคิดไปขโมยเมียกลับมาจากขุนช้าง แต่ไปเห็นผู้หญิงหน้าตาดีก็เอาเป็นเมียเสียอีก
เมื่อวานเย็นเจ้าคุณยังแอบลอบมองแผ้วเสียอีกซ้ำ แผ้วมาวางตัวกันคราวแรกให้เป็นรองไกร แต่ทำไปทำมาจะตกถึงเจ้าคุณเสียก็ไม่รู้ เรื่องนี้ต่างหากที่คุณส้มลิ้มร้อนใจกว่าเรื่องช้องนางเสียอีก
“แม่ส้มลิ้มไม่เอาหลานมาเลี้ยงให้เจ้าคุณพี่ได้อุ้มดูบ้างเล่า”
“ท่านอุ้มเด็กไม่ถนัดเท่าอุ้มสาวแก่แม่หม้ายเลยนะคุณพี่”
คุณเหมหวั่นไหวไปบ้าง ลูกสาวเจ้าคุณตามสามีไปรับราชการไกล หลานสองคนตามไป ไม่ได้นำมาเลี้ยง ซึ่งคุณส้มลิ้มไม่ชอบเลี้ยงเด็ก และยิ่งกลัวว่าหากมีหลานมาอยู่ด้วย เจ้าคุณจะไล่ให้เลี้ยงแต่หลาน จะพานไปเรือนอื่นมากกว่าเดิมเสียอีก
คุณส้มลิ้ม เห็นใครจะพึ่งไม่ได้เสียแล้วนอกจากน้ำผึ้ง หลานสาวคุณหญิงใหญ่นั้นเอง นางมีความคิดว่า หากน้ำผึ้งได้ดีมีวาสนา คุณหญิงและคุณน้อยย่อมไม่ลืมว่า นางได้สนับสนุนคนหนึ่ง ดังนั้นคุณส้มลิ้มจึงแอบเขียนใบบอก(จดหมาย หรือเรียกอีกอย่างว่าเพลงยาว) ส่งไปให้คุณน้อย โดยใส่ความช้องนางว่าไม่ได้เรื่องสักอย่างเดียว คุณหญิงไม่พอใจ ที่อีกฝ่ายทำตัวกร่างราวกับเป็นเจ้าของเรือนเสียเอง ให้คุณน้อยมาช่วยคุณหญิงอีกแรงหนึ่ง
ใบบอกจากคุณส้มลิ้มส่งไปโดยตรง จึงไปอย่างรวดเร็ว!!!

คุณน้อยอ่านจดหมายนั้นแล้วถึงกับกำแน่นไว้ในมือ ดวงตาคู่คมแวววาวเหมือนดวงตาเสือ นางคิดเอาเรื่องคนเป็นพี่ที่ผิดวาจากับนางเรื่องของไกรและน้ำผึ้ง
คนเป็นแม่ทอดสายตามายังลูกซึ่งนั่งเย็บถุงใส่เงิน ซึ่งผู้ดีชอบพกติดตัว มากกว่าจะร้อยเป็นพวงติดเอวให้เป็นที่ล้อเลียน ในตะกร้าข้างตัวลูกสาว มีถุงผ้าทองและถุงดิ้นเงินเย็บเรียบร้อยแล้ว ใครเลยจะรู้ว่า แท้ที่จริงแล้วทั้งคุณน้อยและน้ำผึ้งวิ่งเข้าออกวังเพื่อส่งสินค้านี้ เพื่อเก็บเงินไว้ยังชีพ เนื่องจาก คุณน้อยไม่อาจอยู่เรือนสามีซึ่งมักง่ายเรื่องชู้สาว อีกทั้งคุณน้อยไม่ยอมรับเงินของสามี นางจึงได้พาลูกสาวโทนเที่ยวขายของซึ่งสร้างมาจากฝีมือของตนเอง บางทีนางปรุงยาบางสูตรเข้าไปขายยังวังเจ้านาย
เรื่องไกร เป็นความหวังเดียวที่จะให้เป็นผู้นำชีวิตลูกสาว แต่ไกรแต่งงานแล้วนางผิดหวังมากจึงไม่ไปเยือนบ้านพี่สาวอีก ทั้งที่ไปคราใด พี่สาวจะให้เงินกลับมา เพราะรู้เบื้องหลังน้องสาวดี การได้ข่าวจากเมียน้อยของท่านเจ้าคุณทำให้คุณน้อยอยากฮึดสู้อีกครั้ง

ที่โรงครัว พากันปั้นมะขามกวน เคล้าน้ำตาลกันอย่างสนุกมือ ช้องนางเลยไปสั่งให้เตรียมอาหารเย็นขึ้นอีกมื้อหนึ่ง เธอทำงานไปในคราวเดียว แม้เหนื่อย แต่เมื่อเห็นบริวารไม่ขัดคำสั่ง ไม่มากปัญหาอย่างวันวาน ช้องนางจึงแอบชื่นใจอย่างเงียบๆ
หญิงสาวให้เหาขวดแก้วใส่มะขามแก้ว เก็บไว้ให้คุณหญิง ส่วนของคุณเหม และคุณส้มลิ้ม เธอจัดใส่ชามฝาปิด อดคิดเสียไม่ได้ว่า ทั้งสองคงเอาไปเททิ้งมากกว่า เพราะท่าทางไม่ชอบหนักหนา อีกทั้งเรื่องคนมาลอบทำร้ายยังเป้นคนของคุณเหม จึงแน่ใจว่าคนใจร้ายอย่างคุณเหมไม่รับของของเธอแน่ ดังนั้นจึงใส่ชามฝาปิดให้ไปแต่พอดี ไม่ประณีตบรรจงอย่างของคุณหญิงแม่ผัว ซึ่งเอาใจเป็นพิเศษ
กว่าอาหารจะเรียบร้อยก็เย็นมากแล้ว ช้องนางเดินกลับเรือน ผิวถือโหลแก้วสองโหลตามไปด้วย เวลานั้นคุณหลวงกลับมาจากที่ทำงาน โดยนั่งรถเทียมม้ากลับมา หญิงสาวเหลือบสายตาเห็นแล้ว เธอลังเลว่าจะรอรับอีกฝ่าย แต่กลับเกรงว่ากลิ่นตัวและคราบเหงื่อไคลจะทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจ ดังนั้นจึงรีบขึ้นเรือนไปอาบน้ำ อย่างที่หม่อมยายสั่งสอนว่า อย่าให้สามีเห็นความไม่งามในทุกเวลา
ส่วนหลวงไกร เห็นเมียในนามรีบสาวเท้าขึ้นเรือนเขาต้องถอนใจยาว ก่อนระบายออกมาจากอกเบาๆ นึกไปว่าเธอคงเห็นเขาแล้วแต่ไม่อยากต้อนรับ ชายหนุ่มรูปงามน้อยใจ และดูเหมือนเหนื่อยจากงานเป็นสองเท่าทีเดียว
ร่างสูงเดินขึ้นบันไดเรือนหอของตน ตัวเรือนสูง มีช่วงพักชานบันไดเป็นหลังคา ตั้งกระถางดอกไม้หอม หลวงไกลเดินผ่านอย่างไม่อยากชื่นใจสักนิดเดียว เขาอยากไปเห็นหน้าช้องนางมากกว่า
ผิวรอรับนายผู้ชาย แทนนายสาว เธอเข้ามารับกระเป๋าถือจากมือของหลวงไกร พลางเรียนถาม
“คุณหลวงจะรับน้ำมะตูมหรือน้ำมะพร้าวเจ้าคะ”
“นายเอ็งไปไหน เดินหนีข้าไปไวๆเมื่อครู่นี้”
ผิวรับอารมณ์ขุ่นของทายาทเจ้าคุณ แทนนายสาว ด้วยรอยยิ้ม พลางแก้ต่างไปว่า
“คุณช้องของบ่าวเพิ่งขึ้นมาจากโรงครัวเจ้าค่ะ ตัวเธอมีแต่กลิ่นเหงื่อ จึงเอ่อ รับไปอาบน้ำ เกรงว่าคุณหลวงจะ...”ผิวละคำท้ายไว้ แต่ทำให้หลวงไกรยิ้มออกมาทางสีหน้า ท่าทางสดชื่นทันตา
ชายหนุ่มเร่งฝีเท้าเดินเข้าไปในห้อง นั่งรอคนงามซึ่งบ่าวตัวดีรายงานว่าไปทำความสะอาดเพื่อรอรับสามี เพียงแค่ได้ยิน ใจของคุณหลวงเต้นแรงราวกับฟังเสียงของลูกปืนใหญ่ยิงมาตกข้างเรือนอย่างไรอย่างนั้นทีเดียว
แอ๊ด...
บานประตูถูกเปิดเข้ามา พร้อมกับช้องนางก้าวข้ามธรณีประตู หญิงสาวไม่ทันดูว่าไม่ได้อยู่ผู้เดียว เธอปิดประตูแล้วดึงผ้าคลุมไหล่ออก ผ้าเปียกชื้นถูกปลดออก คุณหลวงใจเต้นแรงกว่าเดิมเป็นสองเท่า เขาเป็นสุภาพบุรุษ เขากำลังถ้ำมองเมียตัวเองเปลื้องผ้าต่อหน้าต่อตา เขาไม่อาจทนมองเช่นนั้นได้ คิดแล้วชายหนุ่มกระแอมให้เสียง
“ฮะแอ้ม”
“ตาย หม่อมยายช่วยช้อง”ช้องนางอุทานพลางรีบดึงผ้าขึ้นปิดร่าง ก่อนเหลียวไปตามเสียงจึงได้เห็นหลวงไกรนั่งหลังฉากกั้นเตียงนอน
“คุณหลวง เอ่อไม่ได้ไปเรือนคุณแม่ก่อนหรือเจ้าคะ”
“อยากมาเรือนหอก่อนไม่ได้หรือ” คุณหลวงตอบออกมา ช้องนางมือสั่น ใจสั่น จะผลัดผ้าต่อหน้าชายหนุ่มเธอไม่อาจทำได้ และไม่กล้าไล่อีกฝ่ายออกไป
“ผิวไม่เห็นคุณหลวงหรือเจ้าคะ” ช้องนางถาม
“จะไปเล่นงานคนของหล่อนหรือที่ไม่รายงานว่าฉันอยู่ในห้อง”กล่าวพลางเขาพาร่างสูงออกจากฉากกั้น “นี่เป็นห้องของฉันกับหล่อน ฉันจะเข้าออกเวลาใดก็ได้ไม่ใช่หรือ” เขาถาม หยุดยืนใกล้ร่างงาม หัวใจชายหนุ่มหวั่นไหว ใคร่รวบร่างของหล่อนมาฟอนฟัดให้สมกับความรักที่แล่นมาจุกอกแล้วลงไปอัดแน่อยู่ในใจ
“ฉันจะหันหน้าไปทางอื่น หล่อนจะเปลี่ยนผ้าก็เปลี่ยนเถิดตามใจหล่อน”
พูดง่ายเสียจริงนะคุณหลวง...ช้องนางคิดก่อนเดินไปหยิบผ้าพับจากตู้ผ้า ออกมาส่งให้ชายหนุ่มพลางกล่าวว่า
“คุณหลวงคงร้อนมากแล้ว เชิญไปอาบน้ำก่อนเจ้าค่ะ จะได้ไปทานอาหารเย็นเสียพร้อมหน้ากัน”
หลวงไกรยิ้มจางๆเมื่อช้องนางหาทางไล่เขาออกไปจากห้องจนได้ เขาหยิบแต่ผ้าโสร่งมาผลัดเปลี่ยน ช้องนางรีบหันหลังให้ ก่อนเป็นฝ่ายเดินไปที่ฉากกั้น จากนั้นเธอกั้นใจที่จะหันหลังไม่หันมามองคุณหลวง
ครู่ใหญ่ประตูเปิดและปิดลง ช้องนางรีบเหลียวมาดูจึงพบว่าคุณหลวงถอดผ้าวางไว้บนเก้าอี้ไม้ริมหน้าต่าง หญิงสาวรีบผลัดเปลี่ยนผ้าจูงอย่างรวดเร็ว แล้วจึงได้เหน็บผ้าแถบอย่างที่ไม่เคยได้ใช้เวลาเร็วเท่านี้มาก่อน จากนั้นจึงได้เก็บพับเสื้อผ้าของคุณหลวงซึ่งเป็นชุดผ้าจูงกับเสื้อราชปะแตน
กลิ่นตัวผู้ชายเข้าจมูกของช้องนาง เธอก้มลงดมอีกครั้ง ใจเต้นระรัว กลิ่นหลวงไกร ไม่เหมือนกลิ่นของคุณพ่อเธอสักนิด กลิ่นของอ้อมอกบิดาทำให้อบอุ่น หากว่ากลิ่นหลวงไกร ทำให้ช้องนางใจสั่นพลิ้ว หวั่นไหว อยากให้เขา...ตายแล้ว ช้องนางอุทานในใจ ก่อนตำหนิตัวเองว่า นี่หล่อนไร้ยางอาย คิดอยากให้ผู้ชายกอดหล่อนเชียวหรือนี่ช้องนาง!!!
หญิงสาวรีบเร่งตัวเองออกจากห้องก่อนที่สามีในนามของเธอจะกลับเข้ามา เสียก่อน หญิงสาวเดินไปบ่าวคนสนิท ผิวยิ้มเผล่ ช้องนางจึงเดินไปเหน็บอีกฝ่ายด้วยสองนิ้วที่ต้นแขน ผิวสูดปากร้องด้วยความเจ็บ
“เอ็งตั้งใจให้คุณหลวงเห็นข้าแก้ผ้าหรือไรผิว”
“เปล่าเจ้าค่ะ เพียงแต่ผิวห้ามไม่ทัน และมัวแต่นั่งเหม่อคิดว่าจะเอามะขามแก้วนี่เข้าไปไว้ในห้องได้ยังไง ไม่ทันมองใครไปใครมาเจ้าค่ะ เอ่อว่าแต่ คุณหลวงได้เห็นคุณช้องเปลื้องผ้าหรือหาไม่เจ้าคะ”
“ผิว เอ็งจะให้ข้ากลั้นใจตายหรือไรที่ผู้ชายจะมาเห็นข้าแก้ผ้าต่อหน้าต่อตา”
คำตอบแสนซื่อของนายสาว ทำให้ผิวเพิ่งทราบเดี๋ยวนี้เองว่า นายสาวยังไม่ถูกมือชายผู้เป็นสามี จึงได้เขินอายแทบตายอย่างนี้
พิโธ่เอ๊ย! เข้าเรือนหอมานอนร้างเมีย น่าเห็นใจคุณหลวงไม่น้อยทีเดียว ผิวนึกเห็นใจนายผู้ชายขึ้นมาบ้าง แต่จะหาคำพูดที่เหมาะสมมาอธิบายให้คุณช้องนางของเธอได้ทราบ เธอยังหาถ้อยคำมาพูดไม่ได้ จะพูดจาบจ้วงแบบแม่ครัวหรือพวกบ่าวพูดด้วยกัน เห็นทีจะโดนด่าเปิง ทั้งที่ช้องนางไม่อาจเข้าใจอย่างลึกซึ้ง เรื่อง เสนอมา สนองไป
หรือว่า ผิวแอบซ่อนหน้าหัวเราะเมื่อคิดไปถึง การเถียงคำไม่ตกฟากของช้องนาง ที่มีต่อคุณหลวง อาจจะเพราะเข้าใจว่า เมื่อคุณหลวง เสนอคำขัดหูมา หญิงสาวคนสวยจึงได้ สนองกลับทันควัน!!
ช้องนางชวนผิวเดินเล่นถึงชานเรือน แสงไฟจากไฟฟ้าเริ่มเปิดสว่าง สลัว คุณหลวงแต่งกายเรียบร้อยแล้วเดินมาที่หญิงทั้งสอง ผิวเลี่ยงไปยืนค้อมกาย พร้อมกับถือขวดโหลแก้ว แสงสะท้อนทำให้หลวงไกร ถามอย่างสงสัย
“ถืออะไรนั่นผิว”
“มะขามแก้วเจ้าค่ะ คุณช้องเธอทำเองกับมือ ไม่มีเชื้อบ่าวไพร่เลยนะเจ้าค่ะ ยิ่งของคุณหลวงเธอยิ่งปั้นลูกกลมเชียวเจ้าค่ะ”
“พูดเอาดีเข้าตัวเกินไปแล้วนะ”ช้องนางเอ็ดอึง คูณหลวงยิ้มในสีหน้า เดินไปใกล้หญิงสาว อดใจไม่ไหวจึงโอบบ่าอีกฝ่ายเข้ามาชิดอก ช้องนางขวยเขิน จึงได้ดึงมืออีกฝ่ายออก คุณหลวงจึงได้เอ่ยว่า
“การกวนมะขามต้องใช้เวลามากไม่ใช่หรือเหนื่อยไหมแม่ช้อง”
คุณหลวงเอียงหน้าลงไปถามใกล้ ช้องนางเบนเบือนไปอย่างเก้อเขิน อยากหยิกทึ้งบ่าวตัวดี ที่หาความชอบมาให้นาย
“เหนื่อยมากไหม ไม่ต้องทำให้เหนื่อยไปดอกแม่ช้อง หล่อนเป็นคุณนายของคุณหลวง ชี้นิ้วสั่งได้ทุกคน ใครแข็งข้อ ขัดใจหล่อนลงโทษมันได้ทุกคน”
“ลงโทษใครได้เจ้าคะ”ช้องนางหลุดปาก เกือบโพล่งบอกเรื่องที่ลอบโดนทำร้าย แต่หยุดปากได้ทัน
หลวงไกรคอยฟังอยู่แล้ว ทุกคำพูดของหญิงผู้เป็นที่รักจึงไม่ได้เพียงแต่ผ่านๆไป ดังนั้นเขาจึงได้หยุดเท้า ประคองไหล่อีกฝ่าย แล้วถามจริงจัง
“ใครทำให้แม่ช้องต้องเคือง บอกมาที แม่ช้องไม่จัดการ ฉันจะจัดการให้สำเร็จในคืนนี้”
“เอ่อไม่มีอะไรเจ้าค่ะ คุณแม่ท่านยังเมตตาดีอยู่เจ้าค่ะ”
หลวงไกรยิ้มในสีหน้า เอ่ยปากออกมาว่า
“ก็ฉันได้ขอให้ท่านไปขอหล่อนแต่งงาน ท่านจึงได้ตามใจฉัน”
ช้องนางก้มหน้าแดงซ่าน รู้สึกอบอุ่นในอก เช่นเดียวกับคุณหลวงหนุ่ม ซึ่งอยากเดินโอบไหล่อีกฝ่ายไปให้ถึงเรือนกลาง แต่ว่าประเพณีไทยยังไม่มีใครทำประเจิดประเจ้อได้เพียงนั้น
ที่หอกลางสำหรับรับแขก และเป็นที่รับประทานอาหาร คุณเหม คุณส้มลิ้ม แผ้ว และฉิม มาถึงก่อน ภาพสองหนุ่มสาวเดินเคียงคู่กันเข้ามาที่หอนั่ง เป็นภาพที่บาดตาหญิงต่างวัยที่นั่งอยู่ก่อนแล้วทุกคน
แต่หน้ากากของความเอาหน้ายังต้องสวมอยู่ ดังนั้นทุกคนจึงมีแต่รอยยิ้มเสแสร้งส่งมาให้กับหลวงไกร ชายหนุ่มผู้ที่จะเป็นประมุขเรือนใหญ่นี้ต่อไป แม้ขัดใจต่อหญิงสาวจัดจ้านอย่างช้องนางมาคู่เคียง แต่เหล่าหญิงทั้งหมดได้วางแผนแย่งชิงตำแหน่งเมียจากหญิงสาวอยู่แล้ว วันนี้ไม่สำเร็จ วันหน้าต้องเป็นวันของพวกนาง
“นั่งก่อนเถิดคุณไกร อ้อขอบใจแม่ช้องมากนะ ที่เอามะขามกวนไปให้”
“นี่อยากเปรี้ยวอยากหวานขึ้นมาแล้วหรือ”คุณเหมเริ่มเรื่อง คุณส้มลิ้มส่งลูกต่อด้วยรอยยิ้มราวกับเย้ยไปให้ลูกเลี้ยง
“คุณไกรคงไม่ได้ไปแอบกินไข่แดงก่อนดอกนะ”
ไกรขนลุกซู่ขึ้นมาในที ช้องนางรู้ทันกับคำว่าอยากเปรี้ยวอยากหวาน เพราะนางพุ่ม เปรยมาครั้งหนึ่ง แต่ผิวย้อนไปแล้ว ครานี้ ผิวย้อนไม่ได้ แต่ช้องนางไม่ยอมเงียบทั้งที่รู้ว่าเป็นเรื่องว่าท้อง เธอจะท้องได้อย่างไร นอนคนละเตียงกับคุณหลวง
การท้องเป็นเรื่องที่ต้องมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้ง ลึกซึ้งเพียงใดนั้นช้องนางรู้แต่ว่าหญิงชายต้องมีการถูกเนื้อถูกตัวกัน เธอถูกนายแถมอุ้ม ก่อนวันแต่งงาน หรือว่าเธอจะ!!
แต่เธอไม่ได้อยากเปรี้ยวอยากหวานนี่นา เธอเพียงแต่เห็นว่าคุณหญิงควรจะมีของกินเล่น เรื่องอันใดจึงมาว่าเธอให้หลวงไกรเข้าใจผิด คนท้องต้องไม่มีฤดู เธอรู้มาจากพี่สาวที่ท้อง แล้วไม่ต้องนุ่งผ้าขี่ม้า* (ผ้าสี่เหลี่ยมพับมุมเฉียง ซ้อนกัน ใส่คล้ายผ้าอนามัยแบบห่วง แต่หญิงไทยจะใส่เหน็บเข็มขัดหน้าหลัง จึงเรียกว่าขี่ม้า ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องระวัง เพราะเห็นว่าน่าอาย จึงมีผ้าปิดทับอีกชั้นไม่ให้ใครเห็นผ้าซับเลือดนั้นได้)
ความเงียบของหญิงสาวนำมาซึ่งความไหวระแวง เพราะความเข้าใจคลาดเคลื่อนของหลวงไกรมีมาอยู่ก่อนแล้ว ชายหนุ่มจึงติดขรึมไปอย่างเห็นได้ชัด
คุณเหมได้สมใจคราวนี้จึงกระพือโหมเข้าไปอีกคราว่า
“แต่งงานแต่งการกันมาแล้ว จะท้องโย้ก่อนก็ไม่แปลก เพราะเป็นสายเลือดคุณไกร”
เป็นไปไม่ได้ ไม่ใช่ ...หลวงไกรพลุ่งพล่านใจ ก่อนเอ่ยว่า
“แม่ช้องเห็นแก่คุณแม่จึงกวนปั้นมะขามแก้วให้ไว้กินเล่น ใช่ไหมแม่ช้อง” หางเสียงของไกรจับเน้นไปที่หญิงสาวราวกับบังคับ หญิงสาวจึงได้สบช่องแก้ออกมา อย่างที่ผิวนึกไว้ไม่มีผิดว่า ‘เมื่อเสนอมา ต้องสนองกลับ’
“เจ้าค่ะ ช้องไม่ได้นึกอยากเปรี้ยวอยากหวานอันใด จึงจะได้หาใส่แต่เพียงปากตัวเองให้หายอยาก”กล่าวพลางเชิดหน้าทำยิ้มเยื้อน “ ช้องเห็นว่าผลไม้เรือนนี้ชุกชุมดีนัก เห็นแล้วก็อดนึกถึงแต่คุณแม่เสียไม่ได้ วันนี้ทำมะขามแก้ว พรุ่งนี้ช้องจะทำมะพร้าวแก้ว ไม่อยากนั่งนิ่งเฉยเป็นคุณนายบนเรือนอย่างเดียวเจ้าค่ะ อ้อคุณหลวงเจ้าขา ช้องทำไว้เผื่อเพื่อนคุณหลวงด้วยนะเจ้าคะ”
ชายหนุ่มโล่งใจเป็นอันมาก ความหวาดระแวงที่เกิดขึ้นหายเป็นปลิดทิ้ง
“คุณช้องพูดออกมาดังนี้แผ้วเห็นจะนั่งนิ่งไม่ได้ พรุ่งนี้คุณช้องแนะนำวิธีการทำอาหารให้มากทีเดียวนะจ๊ะ เพราะฉันเห็นจะไม่จัดจ้านเท่าแม่ช้องแน่”
ช้องนางร้อนผ่าวไปทั้งกายด้วยความขุ่นเคือง แต่ครู่เดียวก็จางหาย เมื่อนึกถึงงานได้บางอย่าง
“ไม่เป็นไรจ้ะพี่แผ้ว อิฉันคงจะจัดจ้านอย่างปากพี่แผ้วว่าอยู่ดอก วันนี้ลองอาหารอีกสักมื้อนะ เพราะว่าอิฉันตั้งใจทำอวดฝีมือต่อคุณหลวงทีเดียว”เธอหันไปเอาใจคนกลางอย่างไม่ตั้งใจนัก แต่เห็นว่าสำคัญมาก หากว่าผลพลอยได้มีมา เพราะหลวงไกรนั่งกายตรง ชื่นอกชื่นใจนัก หันไปถามเมียในนามด้วยเสียอ่อนเสียงหวานเป็นที่ขัดใจผู้หญิงซึ่งตั้งตัวเป็นศัตรูของช้องนาง
“อาหารอันใด อย่าเพ่อบอกว่ารู้ใจพี่ไปเสียทุกเรื่องนะเจ้า”
โอ๊ยยยย ผู้หญิงที่จงชังช้องนางพากันร้อนหูร้อนใจต่ออาการหวานจักของหลวงไกร ช้องนางอยากเหน็บอีกฝ่ายด้วยอาการไม่รู้จะเอามือวางไว้ที่ใด เอาหน้าไปซุกตรงไหน เมื่อสายตาคมกริบพริบพราย หวานระยับ ทีเดียว
พับเดินนำหน้านายหญิงของบ้านมาก่อน เธอนำสำรับมาอย่างบอกหน้าที่สำคัญ ความเกรงใจให้กับช้องนางแทบไม่มีให้เห็นเมื่อเธอทำหน้าที่ดูแลคุณหญิงใหญ่
เจ้าคุณเข้าไปนั่งเป็นประธาน ไกร เอ่ยทักทายบิดา
“งานหนักหนาอยู่หรือขอรับเจ้าคุณพ่อ”
“หนักทีเดียว อ้ายพวกฝรั่งมันพูดไม่รู้ฟัง อยากเอาปืนไปยิงทิ้งเสียให้สิ้นทีเดียว งานเจ้าเล่า ไม่ก้าวหน้าหรือไร พวกมันจึงไม่ยอมเจรจาดังนี้”
“สมเด็จท่านรับพระราชกระแสมาว่าให้เอาข้างอังกฤษด้วย เอามาคานกันกับฝรั่งเศส”
ทุกคนนิ่งฟัง พับเลื่อนจานโตกอาหารแต่ละสำรับมาให้นายแต่ละคน เมื่อถึงช้องนาง เธอทำเฉย ผิวต้องทำหน้าที่ด้วยตัวเอง เพราะพับทำเหมือนไม่ให้ความสำคัญ และเสไปทำงานให้คุณหญิงเอาหน้า
ท่านเจ้าคุณ เห็นสำรับอาหารและกลิ่นหอมของเต้าเจี้ยวหลนปูแสมหอมกรุ่น ท่านกลืนน้ำลายลงคอ พลางบอกว่า
“เออแน่ะยายพุ่มมันคิดพลิกแพลงทำอาหารเป็นเสียด้วย หอมปูหลน แกล้มผักสด ขึ้นมาทีเดียว”
“แม่ช้องเจ้าค่ะคุณพี่” คุณหญิงเอ่ยปากบอกสามี “ยัยพุ่มจะมีปัญญาคิดอะไรได้ มันทำเป็นแต่ต้มผัก แกง ทอดไปวันๆ นี่แม่ช้องลงครัวเห็นจะได้อิ่มหนำสำราญกันดี”
หลวงไกรฟังแม่เอ่ยชื่นชม เมีย ทำให้ชายหนุ่มมีความสุขนัก เพราะธรรมดาของผู้ชายแล้วสิ่งที่ทุกข์หนัก คือแม่และเมียเข้ากันไม่ได้ แต่เมื่อเห็นช้องนางอ่อนเข้าหาแม่ของเขา ชายหนุ่มยิ่งเอ็นดุ ครานี้เขาทำหน้าที่แทนเมียด้วยการเรียกผิวให้หยิบขวดโหลแก้วใส่มะขามแก้วให้มารดา
“แม่ช้องปั้นเองขอรับคุณแม่”
สองแม่เลี้ยงมองโหลแก้วสะท้อนแสงไฟ แล้วให้นึกถึงภาชนะที่ช้องนางใส่มะขามไปให้ตน เป็นแต่เพียงชามฝาปิดเท่านั้น
การกระทำเหลื่อมล้ำต่ำสูงอย่างเห็นชัดแจ้ง ยิ่งทำให้ทั้งสองขุ่นเคืองจนเต้าเจี้ยวหลนปูแสนอร่อยไม่ได้ลิ่มรสสักคำเดียว เพราะกินไม่ลง
ลอบมองการกระทำของช้องนาง จึงคิดว่าอีกฝ่ายเลือกข้างและแบ่งชนชั้นระหว่างพวกตนกับคุณหญิงใหญ่ ดังนั้นพวกนางจึงอยากแก้เผ็ดอีกฝ่ายให้ “ครัวแตก” เสียให้สิ้นเรื่องกันไป
ท่านเจ้าคุณเจริญอาหารได้ดี เพราะฝีมือทำอาหารของสะใภ้ยอดขยัน ท่านเอ่ยว่า
“อย่าเอาเวลาไปเสียในครัวอย่างเดียวแม่ช้อง เอาเวลามาฝึกภาษาเสียบ้าง”
“หาจ้างคนมาสอนยากเต็มทีขอรับเจ้าคุณพ่อ มีก็แต่ผู้ชาย เห็นจะไม่งาม”
“ก็เจ้านั่นไงเรียนเมืองนอกเมืองนามาแล้ว นั่ง นอน สอนเมียท่าจะเป็นเร็วกว่าครูเป็นไหน ๆ”
เจ้าคุณกล่าว ไกรยิ้มในสีหน้า หากหัวใจอ้างว้างขึ้นมาเป็นระริ้ว เพราะถ้าเป็นอย่างบิดาพูดคงดี เขาคงได้สอนช้องนาง ทั้งยามนั่งยามนอน
“คุณแม่อยากทานของหวานบ้างไหมเจ้าคะ”ช้องนางเปลี่ยนเรื่อง
“เห็นจะไม่กล้าแตะหล่อนหรอก นี่หล่อนลงไปทำครัวเอง แม่ไม่ได้ใช้ มาถามอย่างนี้ หล่อนคงต้องหันไปถามทั้งท่านเจ้าคุณ ทั้งพ่อไกร เพราะทั้งสองคนกางปีกป้องหล่อนเสียขนาดนั้น ถ้าเขาไม่อนุญาต ฉันจะขืนไปแตะเข้า จะกลายเป็นว่าฉันแกล้งคนของเขา” คุณหญิงออกตัว
“ช้องเป็นคนของคุณแม่นะเจ้าคะ”ช้องนางอ้อนเสียงหวาน “ ของหวานของเย็นไม่ใช่เรื่องที่ช้องจะรับใช้คุณแม่ไม่ได้”
“เอาเถอะ เอาเถอะของหวานของเย็นของหล่อน ฉันคงจะอยากกินเวลาเดียวกับท่านเจ้าคุณนั่นล่ะ”
ช้องนางก้มหน้าแอบยิ้มน้อยๆ พับบ่าวประจำตัวของคุณหญิงชักสีหน้าไม่พอใจ ช้องนางชายตามองอีกฝ่ายแล้วจึงได้ความคิดขึ้นมาฉับพลัน
“คุณแม่เจ้าคะ ช้องขออะไรสักอย่างได้ไหมเจ้าคะ”
“ถ้ามีเหตุผลและไม่เกินกำลังฉันจะตามใจหล่อน”คุณหญิงไว้ท่าที
“ที่เรือนของช้องมีบ่าวผู้ชายขึ้นอยู่สองคน ช้องเห็นว่าไม่งามนัก จึงจะให้ลงไปข้างล่างคุณแม่เห็นเป็นประการใดเจ้าคะ”
“ก็ดี จะได้ไม่มีเรื่องฉาวของบ่าวไพร่ เมื่อก่อนพ่อไกรอยู่แต่ลำพัง ก็ให้บ่าวผู้ชายรับใช้ ตอนนี้มีแม่ช้องแล้วคงตกเป็นพนักงาน(หน้าที่)ของหล่อนไป”
“เจ้าค่ะ เรื่องรับใช้คุณหลวงอิฉันเต็มใจรับใช้จนกว่าจะตายจากกัน แต่อิฉันอยากขอคนไปช่วยสักคนเจ้าค่ะคุณแม่”
หลวงไกรชื่นใจกับคำกล่าวของช้องนางยิ่งนัก คำว่ายินดีจะรับใช้จนตายจากกัน คำนี้ หมายความว่าช้องนางพร้อมที่จะร่วมชีวิตกับเขา โดยไม่คิดถึงชายคนอื่นอีกแล้วหรือ โอ้ อยากกลับเรือนเสียให้เร็วยิ่งนัก
ฝ่ายพับเกิดลางสังหรณ์หายอย่างประหลาด ไม่อยากคะเนน้ำใจคุณนายที่ทำยิ้มในสีหน้าท่าทางเหมือนจะเอาเรื่องเธอ
“อิฉันเห็นหน่วยก้านพับดีนัก ขอพับไปช่วยงานสักคนนะเจ้าคะ”
“เอ้า แม่ช้อง นี่เจาะจงจะเอานังพับไปเทียวรึ นังพับเป็นคนของฉัน คงให้ไม่ได้ เอาคนอื่นไปเถิด”
“ไม่ใช่ช้องเลือกมากดอกเจ้าค่ะ แต่บางทีช้องต้องตามคุณหลวงออกงานบ้าง พับเป็นคนหน้าตาดี จะได้เป็นหน้าของคุณหลวงอีกทางเจ้าค่ะ”
คุณหญิงอึ้งด้วยเหตุผลของช้องนาง ก่อนตัดใจยกพับไปให้อีกฝ่าย ช้องนางจึงสมใจ เธออยู่สนทนากับคุณหญิงอีกครู่หนึ่งจึงได้กลับเรือน โดยมีพับติดตามไปด้วยความไม่เต็มใจอย่างยิ่ง
เวลานั้นเอง คนของทางการได้มาตามหลวงไกรให้ไปธุระสำคัญเมื่อหลวงไกรลงไปเจรจาความแล้วจึงขึ้นมาเรียนต่อผู้เป็นบิดาว่าต้องไปราชการด่วนในกระทรวง
หน้าที่สำคัญ หัวใจกลายเป็นเรื่องร้อนทั้งที่ทำให้ร้อนใจยิ่งนัก เหตุใดเล่า คืนนี้เขาต้องมีราชการด่วน
“ช้องไปจัดเตรียมเสื้อผ้าให้นะเจ้าคะ เอ่อคุณแม่เจ้าขา ช้องเอาพับไปเสียเลยนะเจ้าคะคืนนี้”
“ไป ไป” คุณหญิงพลอยร้อนใจไปกับลูกชาย จึงได้ให้สะใภ้พาคนของตนเองไปด้วยเลย
ผิวแอบหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่ได้ เพราะเห็นชัดแก่ตาตัวเองว่าช้องนางไปควักไข่ของคุณหญิงมาจนได้!!
หลวงไกรเข้าห้องไปตามลำพังกับช้องนาง ชายหนุ่มอัดอั้นตันใจจนทนไม่ไหว คิดจะเผด็จสวาทเสียในคืนนี้ แต่ให้มีเหตุห่างไกลกันไปอีก เขาจึงได้แต่ตวัดรัดร่างอรชรเข้ามาโอบกอดแนบแน่น
“แม่ช้องหล่อนพูดจริงหรือเพียงแต่กล่าวเอาใจผู้ใหญ่ ที่พูดว่าจะอยู่กับพี่จนวันตายจากกัน”
“นี่คุณหลวงจะหาความแม้กระทั่งก่อนไปราชการเชียวรึ”
“หล่อนก็พูดให้พี่ได้ยินชัดอีกสักครั้งว่าหล่อนไม่ไปหาใครอีกแล้ว”
ช้องนางดิ้นรนจนพ้นอ้อมอกแสนอุ่น เมื่อโดนกอดอย่างที่ใจต้องการแต่แรก แต่ว่าน้ำคำของหลวงไกร กลับทำให้ร้อนดั่งไฟรน ทนไม่ไหว
“อิฉันไม่เคยได้ไปหาใคร เหตุใดคุณหลวงจึงจ้องแต่จะขับอิฉันด้วยเรื่องนี้นัก หรือว่าอิฉันไปขวางทางรักของคุณหลวงจนเรียกใช้ไหว้วานมาในเรือนไม่ได้เจ้าคะ”
“หล่อนพูดอะไรออกมา”
“พูดเรื่องผู้หญิงที่คุณหลวงเคยเรียกใช้ในห้องนี้น่ะสิเจ้าคะ”
“มีที่ไหนกันเจ้า”หลวงไกรปฏิเสธเสียงหลง ช้องนางยืนนิ่งทำตาปริบๆ ไม่อยากเชื่อหู ในสิ่งที่ระแวงมาตลอด
“พี่รักแม่ช้องเท่านั้น รักมานาน แต่หล่อนยังเด็กเหลือใจ จะไปขอก็กระไรอยู่ เฝ้ารอจนหล่อนเป็นสาวนี่แล้วจึงได้มาเป็นเจ้าสาว แต่หล่อนเสียอีกที่ไม่ต้องการแต่งงานกับฉัน”
ใช่ ไม่ผิดที่ไม่ต้องการแต่งงานแต่แรก แต่ว่าวันนั้นกับวันนี้ เหมือนกันเสียที่ไหนเล่า!
“โดนแทงใจดำอีกล่ะสิ อย่างนี้แล้วจะมาแกล้งพูดให้พี่ดีใจไปเก้อทำไม” หลวงไกรเหน็บ แล้วเอื้อมมือไปหยิบตะกร้าหวายบนหลังตู้ ซึ่งห่อผ้าอย่างดี นำลงมาเปิดฝาปิดออก จากนั้นจึงทำหน้าที่เก็บของเองด้วยความขุ่นมัว หนักเข้าจึงยัดลงในตะกร้าส่งๆไป
ช้องนางทนดูไม่ไหว จึงใช้ร่างบางของเธอเบียดสามีในนามให้ถอยห่าง จากนั้นจึงค่อยนั่งพับเท้า พับเสื้อผ้าให้เรียบร้อย
“พี่ไปไม่รู้เวลากลับ กลับมาคงต้องพูดกันให้รู้เรื่องอีกครั้ง ระหว่างนี่หล่อนอย่าได้ห่างคุณแม่เสียเล่า วาจาคุณน้าทั้งสองทิ่มแทงใจพี่ไม่น้อย”
“พวกท่านก็หาเรื่องได้ทุกครั้งที่เห็นหน้าช้องอยู่แล้ว”
“เป็นจริงหรือนี่”
“เอ่อ...คุณหลวงรีบไปราชการเถิด อย่ามัวเสียเวลาเรื่องช้องเลย อย่างไรเสียช้องเอาตัวรอดได้ คุณหลวงรีบกลับหลังจากราชการเรียบร้อยเถิดเจ้าค่ะ”
“แม่ช้อง”หลวงไกรเอ่ยพึมพำ หวั่นไหว หวาดระแวง และห่วงใย “พี่ห่วงแม่ช้องมากนัก รู้ หรือหาไม่แม่ช้อง”
ช้องนางเงยหน้าขึ้นมองสามีในนาม หลวงไกรเกี่ยวกระหวัดรัดร่างบอบบางเข้ามาไว้ในวงแขน แล้วระดมจูบไม่เลือกที่ ให้สาสมกับหัวใจรัก ช้องนางได้รับสัมผัสรักรุนแรง แต่ทำให้เธอวาบหวามหัวใจอย่างไม่อาจที่จะยืนอยู่ได้ หลวงไกรโอบร่างอรชรไว้ในอ้อมแขนนำไปวางไว้บนเตียง
หญิงสาวนิ่งขึงทำอะไรไม่ถูก โดนสายตาพรายระยับด้วยลิขิตแห่งพิศวาสสะกดนิ่ง
“คุณหลวงขอรับ คุณหลวง ทางวังมีใบบอกมาเตือนแล้วขอรับ”เสียงนายเพิ่มดังอยู่หน้าเรือน หลวงไกรรีบผละจากช้องนาง ไปคว้าตะกร้าเสื้อผ้า ชายหนุ่มหันมามองร่างของหญิงสาวอีกครั้งก่อนตัดใจเดินจากไปอย่างที่หัวใจหล่นที่อกหญิงสาว ไม่ได้นำติดไปราชการด้วยเลย
ช้องนางนั่งอกสั่น ความรู้สึกหลากหลายประเดประดังเข้ามาโถมใส่ แต่สิ่งหนึ่งที่เธอแสนประหลาดใจคือ...อยากให้หลวงไกรกอดจูบเธออย่างเมื่อครู่ อีกสักหลายๆครั้ง
“คุณช้องเจ้าขา ผิวเข้าไปได้หรือหาไม่เจ้าคะ”
“ข้า ข้าจะออกไปเอง เรียกพับมันรอท่าข้าด้วย รออยู่หน้าห้องนั่นละ ข้าจะออกไปบัดเดี๋ยวนี้แล้ว”
ช้องนางเตือนสติตัวเอง ครู่หนึ่งจึงวางท่าเป็นคุณนายน้อย เดินวางหน้าเฉยออกไปนอกห้องอย่างไม่ยอมให้ใครรู้แม้แต่ผิว ว่าเธอโดนหลวงไกรกอดจูบอย่างหนักหนาเสียแล้ว!!




นางแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 พ.ค. 2555, 09:41:57 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 พ.ค. 2555, 09:41:57 น.

จำนวนการเข้าชม : 2051





<< ตามรอยคนร้าย   กลั่นแกล้ง >>
Pampam 24 พ.ค. 2555, 10:27:10 น.
วันนี้คุณหลวงเริ่มรุกแม่ช้องแล้วเอาอีกๆ


คิมหันตุ์ 24 พ.ค. 2555, 10:36:15 น.
อ๊ายยย เหมือนจะเข้าใจกันแล้วนะเนี่ย


Zephyr 24 พ.ค. 2555, 18:46:45 น.
อ๊าย เขาใจกันได้ประเดี๋ยว ขัดจังหวะจริง ฮึ้ยยยย


องุ่น 27 พ.ค. 2555, 03:32:54 น.
เอาอีกๆๆๆๆๆๆๆๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account