กรรมสิทธิ์หัวใจ
“แล้วทำไมหนูถึงต้องทำตามที่คุณพีต้องการทุกอย่างด้วยเล่า!”

วริณสิตาตะโกนก้อง ราวกับจะร้องเพื่อปลดปล่อยอารมณ์ร้อนที่สุมในใจ สาวน้อยหารู้ไม่ ว่าการกระทำนั้นทำให้ดวงตาคมปลาบเบิกขึ้นสว่างวาบ

พีรพัฒน์ตวัดต้นแขนเล็กที่จับไว้ในมือให้ถลาเข้ามา กระซิบเย็นเยียบ หน้าเกือบประชิดหน้า

“เพราะเธอ คือ ‘กรรมสิทธิ์’ ของฉันไงล่ะวริณสิตา!”

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 22

ตอนที่ ๒๒

จากที่เคยได้ให้สัญญาว่าจะต้องแบ่งเวลามาช่วยงานในส่วนของบริษัทคุณอังกาบบ้างเมื่อได้รับอนุญาตให้เรียนในสิ่งที่ชอบได้ พีรพัฒน์ก็ตั้งข้อตกลงว่า ต่อนี้ไปหลังจากกลับมาจากมหาวิทยาลัย วริณสิตาจะต้องมาเรียนรู้เรื่องพื้นฐานธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของเอพีกรุ๊ปกับเขาทุกวัน เพราะงั้นทันทีที่พีรพัฒน์เลี้ยวรถเข้ามาจอดเทียบหน้าบันไดบ้านสุริยะธาดาแล้ว เขาจึงหันมาหาสาวน้อยที่นั่งอยู่เบาะข้างๆ

“เดี๋ยวฉันจะให้เวลาเธออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าครึ่งชั่วโมงนะ แล้วลงมาทานข้าวเย็นด้วยกัน หลังจากนั้นเราค่อยเริ่มเรียน โอเคมั้ย?”

แม้จะปิดท้ายด้วยประโยคเชิงถาม แต่จริงๆนั่นคือประโยคคำสั่ง วริณสิตาคิดหวังว่าการเรียนพื้นฐานธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อะไรนี่คงใช้เวลาไม่นานนัก เพราะแม้จะเพิ่งเริ่มเรียนเลคเชอร์ในมหาวิทยาลัยเป็นวันแรก แต่บางวิชาก็มีการบ้านแล้วเหมือนกัน สาวน้อยจึงรับคำ ‘ค่ะ’ แล้วเปิดประตูรถลงมาอย่างว่องไว

วริณสิตายิ้มแป้นให้นางบัวศรีและนายก้านที่มายืนรับหน้าชายหนุ่มผู้เป็นของเจ้าบ้านเช่นเคย แต่เสียงบีบแตรยาวๆซ้อนกันถึงสามครั้งหน้าประตูใหญ่ส่งผลให้วริณสิตาชะงักเท้าที่กำลังก้าวขึ้นบันได แม้แต่พีรพัฒน์ที่เพิ่งจะดันประตูรถปิดไปก็ต้องหันมอง

และทันทีที่นางบัวศรีลนลานกดรีโมตเปิดประตูอัลลอยด์ รถสปอร์ตสีดำก็แล่นปราดเข้ามาราวกับพายุ แต่นั่นยังดูไม่แรงเท่าอารมณ์ของเจ้าของรถสักนิด ทันทีที่เหวี่ยงประตูเปิดออกมาได้ หทัยรักก็โผตัวเข้ากอดพีรพัฒน์ทันที!

“พี! พีต้องช่วยรักนะคะ ฮือๆ ต้องช่วยรักนะ! ฮือ...”

วริณสิตาตาค้าง พอๆกับนางบัวศรีและนายก้านที่ได้แต่มองหทัยรักกลิ้งเกลือกใบหน้าเปื้อนน้ำตากับอกของพีรพัฒน์อย่างไม่สนใจใครอีกแล้วในโลกนี้

“เอ่อ รักๆ มันเกิดอะไรขึ้น คุณใจเย็นๆก่อน”

พีรพัฒน์พยายามจับไหล่สาวสวยไว้แล้วดันออก แต่ดูเหมือนการกระทำนั้นจะยิ่งทำให้หทัยรักส่งเสียงโหยหวนหนักขึ้น

“ฮือๆ ก็คุ...” แต่แล้วก็ชะงัก ดูเหมือนสาวสวยก็จะยังมีสติดีอยู่หรอก เพราะเจ้าหล่อนไม่ได้หลุดสาเหตุที่ทำให้ร้องไห้เป็นเผาเต่ามาทันที แต่กลับเหลือบมอง ‘เหล่าคนใช้’ ที่ยังยืนอึ้งตาค้างกันอยู่ และเมื่อสาวสวยขึงตาให้ คนใช้สูงวัยก็รู้ตัว

“เอ่อ เจ้าจิ๊บ! ตาก้าน! ไปๆ ไปช่วยข้าในครัวหน่อยซิ กับข้งกับข้าวอะไรยังไม่เสร็จเลยเนี่ย ดูสิมันยุ้งยุ่ง! ไปๆ” แล้วนางบัวศรีก็กวาดต้อนวริณสิตาและนายก้านออกไป แต่แทนที่จะเข้าครัวอย่างปากว่า แม่บ้านวัยหกสิบห้ากลับดันหลังสองคนหลบเข้าแค่หลังเสาต้นสุดท้ายที่ปลายห้องโถงนั่นแหละ! ไอ้ปากว่าตาขยิบอย่างงี้ อดีตคนรถคุณอังกาบก็อดไม่ไหว แขวะเข้าให้

“ไหนว่ากับข้งกับข้าวไม่เสร็จไงยายศรี”
“วุ้ย!” คนถูกแขวะค้อนขวับปะหลับปะเหลือก “เอ็งน่ะไม่รู้เรื่อง! จะทุ่มกว่าอยู่แล้ว กับข้าวมันจะไม่เสร็จกะผีอะไรล่ะ ถ้าข้าไม่ดึงออกมาเนี่ย เดี๊ยวคุณหทัยรักแกจะหาว่าพวกเราน่ะไม่มีมารยาท ไปยืนเจ๋อฟังเจ้านายเขาคุยกัน เข้าใจไหม”
“อ้อ! ยืนเจ๋อไม่ดี แต่ยืน ‘จ้อน’ แอบฟังได้ว่างั้นสิ”
“ไฮ้!” นางบัวศรีได้แต่ค้อนขวับอีกครั้ง นึกอยากแจกตุ้บตับให้เพื่อนร่วมอาชีพสักผัวะสองผัวะแต่ก็ทำไม่ได้ ขณะที่วริณสิตาไม่รู้จะพูดอะไร

ความจริงไม่ได้อยากจะยืนซ่อนแอบฟังเขาคุยกันอย่างนี้ แต่ทำไงได้ในเมื่อโดนกวาดมาแล้ว จะแอบเลี่ยงขึ้นห้องก็ไม่ได้อีกเพราะยังไงๆก็ต้องผ่านบันไดในห้องโถงอยู่ดี นาทีนี้จึงต้องร่วมขบวนการแอบฟังไปโดยปริยาย


พีรพัฒน์พาหทัยรักเข้ามานั่งในห้องรับแขก หญิงสาวยังคงร้องไห้เป็นบ้าเป็นหลัง น้ำตาไหลพรากอย่างไม่ห่วงสวย

“ฮือๆ พีต้องช่วยรักนะคะ คุณพ่อน่ะ ฮือๆ คุณพ่อน่ะไม่รักรักแล้ว ฮือๆ”
“มันเกิดอะไรขึ้น เล่าให้ผมฟังได้ไหม?”
“ก็...ก็นี่น่ะค่ะ!”

หทัยรักสูดก้อนสะอื้นลงไปก่อนโยนของหนึ่งอย่างลงบนโต๊ะรับแขกอย่างแรงคล้ายมันเป็นสิ่งขยะแขยง

“พีจำได้ไหมคะ ที่รักเห็นคุณพ่อเดินควงกับนังผู้หญิงหน้าไม่อายคนหนึ่งน่ะ รักไม่ได้ตาฝาดเลย นี่ไงคะหลักฐาน”

พีรพัฒน์กะพริบตา มองซองสีน้ำตาลที่จำได้ว่าหทัยรักได้มาจากเลขาฯพร้อมคำบอกกล่าวว่า ‘มาจากสำนักงานนักสืบวรพล’ ถึงนาทีนี้แล้วชายหนุ่มจึงถือวิสาสะหยิบสิ่งที่อยู่ข้างในออกมาดู และสิ่งที่เห็นก็คือภาพแอบถ่ายหลายใบของบิดาหทัยรักกับหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งในอิริยาบถที่สนิทชิดเชื้อ

“รักจ้างนักสืบสืบประวัติมัน แล้วพีรู้มั้ยคะ ว่าจริงๆแล้วนังผู้หญิงหน้าไม่อายคนนี้มันเป็นแค่พนักงานทำความสะอาดของเอพีกรุ๊ปเราเท่านั้น แล้วมันยังคิดสะเออะ คงมาหว่านเสน่ห์ หวังรวยทางลัดมาจับคุณพ่อ!” สาวสวยพูด นัยต์ฉายแววโกรธเคืองชิงชัง

“พอรักไปคาดคั้น บอกให้คุณพ่อจัดการไล่มันออกไปซะ คุณพ่อก็อึกอัก หนักๆเข้าก็กลับปกป้องมัน มิหนำซ้ำยังตวาดรัก แล้วบอกว่าจะแต่งงานกับมันด้วย ฮือๆ รักเกลียดคุณพ่อค่ะ ฮือๆ เกลียดที่สุด! พีต้องช่วยรักนะคะ พรุ่งนี้พีต้องไล่นังผู้หญิงหน้าไม่อายคนนี้ออกไปจากเอพีกรุ๊ปนะคะ ฮือๆ!”

พีรพัฒน์ลำบากใจ เขาสามารถนึกภาพตอนคุณหนูเอาแต่ใจอย่างหทัยรักอาละวาดกับพ่อบังเกิดเกล้าได้ออกเลย

“รักไม่ยอมนะคะ พีต้องช่วยรักนะ ต้องไล่มันออกให้รักนะ ฮือๆ”
“เอ่อ...รัก คุณใจเย็นๆก่อนนะ ผมว่าคุณอาอมรต้องมีเหตุผลที่ทำแบบนั้น” พีรพัฒน์ค่อยๆบอก หวังให้สาวสวยอารมณ์ร้อนผ่อนความโทโสลง แต่ทว่า...

“เหตุผลอะไร!” หทัยรักไม่พอใจ สาวสวยเชิดหน้าขึ้นใส่พีรพัฒน์อย่างดื้อรั้น “ใช่สิคะ! พีก็ผู้ชายนี่ ผู้ชายก็ต้องเข้าข้างผู้ชายด้วยกันอยู่แล้ว!”

คนถูกล่าวหาได้แต่ผ่อนลมหายใจ

“มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอกนะรัก ผมแค่อยากให้รักลองคิดให้ดีๆก่อน อย่าเพิ่งใช้อารมณ์ ผมแน่ใจว่าคุณอาอมรรักรักมากที่สุดแน่นอน” พีรพัฒน์บอก มือใหญ่หนาคว้ามือสาวสวยไว้ในเชิงปลอบใจเมื่อเอ่ยต่อไปด้วยเสียงนุ่มทุ้มว่า

“แต่รักเป็นลูก รักก็ต้องลองคิดถึงจิตใจของท่านบ้าง ท่านอาจจะอยากมีใครสักคนคอยอยู่ดูแลใกล้ๆยามที่แก่ตัวลงไปนะ คุณลองคิดดูสิ วันหนึ่งข้างหน้า อนาคตถ้าคุณแต่งงาน คุณก็ต้องย้ายไปอยู่กับสามีคุณใช่ไหม แล้วคุณอาอมรล่ะ ท่านจะอยู่คนเดียวได้ยังไง รักจะปล่อยให้ท่านต้องอยู่คนเดียวอย่างเดียวดายงั้นหรือ”

เจอประโยคนุ่มทุ้มนั่นเข้าไปหทัยรักก็ได้แต่จ้องหน้า มองชายหนุ่มแล้วกะพริบตา

“แต่งงาน...แล้ว...ไปอยู่กับสามีงั้นหรือคะ?”

“ใช่” พีรพัฒน์พยักหน้ารับ ไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าอยากจะให้สาวสวยตรงหน้าเห็นใจบุพการีของตนบ้าง เพราะถ้าหากถึงขั้นตวาด ขึ้นเสียงใส่ลูกสาวคนเดียวที่รักอย่างแก้วตาดวงใจแล้วละก็ แสดงว่าหญิงคนนั้นก็ต้องมีความสำคัญกับคุณอมรมากเช่นกัน

“คุณเข้าใจที่ผมพูดใช่ไหม?”

ใบหน้าผุดผาดจะแดงซ่านขึ้นมากว่าเดิมหรือไม่ก็มิมีใครสังเกตได้ แต่หทัยรักก็หลบตาชายหนุ่มลงไปคล้ายหญิงสาวที่เขินอาย ก่อนแสร้งเชิดหน้าขึ้นไปอย่างไว้ท่า

“ก็ได้ค่ะ เพื่อเห็นแก่พีนะคะ รักจะใจเย็น แล้วลองคุยกับคุณพ่อใหม่อีกครั้งก็ได้”

พีรพัฒน์ยิ้มกว้างให้สาวสวยอย่างจริงใจ หารู้ไม่ว่าใครอีกคนก็เข้าใจความหมายในคำพูดของเขาไป ไม่ต่างจากหทัยรักสักนิด

วันหนึ่งในอนาคตข้างหน้า ถ้าเขาแต่งงานกันแล้วย้ายเข้ามาอยู่นี่ ชีวิตเธอ...จะเป็นอย่างไร? สาวน้อยได้แต่สูดลมหายใจ

ไม่แน่หรอก เมื่อถึงวันนั้น เขาอาจจะอนุญาต...ให้เธอ...กลับไปทำไร่ที่บ้านตามเดิมก็เป็นได้


สรุปว่าคืนนั้นวริณสิตาก็ยังไม่ได้เริ่มเรียนพื้นฐานทางธุรกิจอะไรสักอย่าง เพราะกว่าที่หทัยรักจะตกลงใจยอมกลับบ้าน เวลาก็ล่วงไปเกือบห้าทุ่มแล้ว และแน่นอน หญิงสาวที่กำลังมีปัญหาย่อมขอร้องให้ชายหนุ่มคนสำคัญไปส่งเธอถึงบ้านด้วย และถึงแม้จะกลับดึกดื่นเพียงไหน รุ่งขึ้น รถสปอร์ตสีดำคันเดิมก็สามารถแล่นเข้ามาจอดหน้าบ้านสุริยะธาดาได้ตั้งแต่เช้าตรู่

“รักยังไม่อยากจะญาติดีกับคุณพ่อตอนนี้ค่ะ ยังไงเช้านี้รักขออนุญาตทานข้าวกับพีแล้วกันนะคะ”
เพราะอย่างนั้นบรรยากาศบนโต๊ะอาหารเช้าสำหรับวริณสิตาจึงค่อนข้างอึดอัดเลยทีเดียว จะมารู้สึกปลอดโปร่งได้ก็เมื่อตอนมาถึงมหาวิทยาลัย

“เย็นนี้จิ๊บน่าจะเลิกประชุมเชียร์ประมาณหกโมงเหมือนเดิมนะจ๊ะลุง” วริณสิตายื่นหน้าจากเบาะหลังไปบอกนายก้านซึ่งนั่งประจำอยู่ตรงที่นั่งคนขับก่อนจะหันไปเปิดประตูออก แต่ยังไม่ทันที่วริณสิตาจะได้ออกไปจากรถ นายก้านก็เอ่ยถาม

“แล้วคุณพีท่านไม่มารับคุณจิ๊บเหมือนเมื่อวานหรือครับ”

สาวน้อยชะงัก

“อือ...คงไม่หรอกลุง เมื่อเช้าจิ๊บเห็นคุณรักเขายังเครียดๆอยู่เลย” แค่นั้นคนขับรถวัยหกสิบหกก็พยักหน้าทำนองว่าเป็นอันรู้กัน วริณสิตายิ้มให้ก่อนลงจากรถไป

และทันทีที่ดันประตูรถยุโรปคันใหญ่ปิดให้นายก้าน เสียงใสๆก็ร้องทักมาแต่ไกล

“จิ๊บ!”

สาวน้อยหันไปตามเสียงเรียก ก็ได้เห็นว่าพยุดากับการนนท์กำลังวิ่งมาหา วริณสิตาคลี่ยิ้ม
“โอ้โฮ! น้อยหน่ากับการนนท์เนี่ย มาพร้อมกันเลยนะ ดีจัง” สาวน้อยเอ่ยแซวก่อนที่เพื่อนทั้งสองจะซอยเท้าถี่ๆมาถึงตัวเสียด้วยซ้ำ ทว่ากระนั้นพยุดากลับค้อนขวับ

“โหย! ดีอะไรกัน เรานะต้องมารอก่อนเลย กลัวจะหาจิ๊บไม่เจอ”

ใช่...ก็เมื่อวาน หลังจากให้เบอร์โทรศัพท์บ้านที่ดูเหมือนจะไร้ประโยชน์ในสายตาเพื่อนๆไปแล้ววริณสิตาก็นัดพยุดากับการนนท์ว่าจะมาเจอกันตรงนี้ตอนแปดโมงครึ่งก่อนจะต้องไปเข้าเรียนด้วยกันตอนเก้าโมง

“แต่เรายังดีนะ” พยุดาว่า “ไม่เหมือนสมองปลาทองหรอก มาตั้งกะกี่โมงนะ” แล้วสาวแว่นผมเปียก็หันไปหาการนนท์ แต่ฝ่ายนั้นขึงตา

“พูดมากน่ายายแว่น!” เป็นอันว่าไม้เบื่อไม้เมาคู่นี้เขาไม่เรียกกันด้วยชื่อที่พ่อแม่ตั้งมาให้เสียแล้ว วริณสิตาฟังแล้วก็ขำๆ อดจะถามเพราะอยากรู้ไม่ได้เหมือนกัน

“การนนท์มาตั้งแต่กี่โมงเหรอ?”
“เอ่อ...ก็...เจ็ดโมง” เด็กหนุ่มตอบเหนียมๆ แต่วริณสิตากลับต้องร้อง “หา!” เพราะตกใจ ไม่เคยคิดเลยว่าเพื่อนจะต้องลำบากมารอเธอตั้งเป็นชั่วโมงๆอย่างนี้ การนนท์เหมือนจะอ่านออก หนุ่มน้อยเลยรีบบอก

“แต่มันไม่เกี่ยวกับที่นัดกับจิ๊บหรอกนะ เราอยากจะรีบมาเอง มาเช้าๆรถมันไม่ค่อยติดไง”

“อ้อ! เหรอ?” แล้วพยุดาก็อดไม่ได้ สาวแว่นผมเปียนั้นชักเริ่มจะรู้แล้ว ว่าลักษณะการพูดของการนนท์ระหว่างตัวเองกับระหว่างวริณสิตามันต่างกัน เรียกว่าหน้ามือเป็นหลังเท้าเลย แต่ก็นั่นแหละ พยุดายังไม่พรวดพราดพูดไปหรอกว่า ‘สมองปลาทองคิดจะจีบจิ๊บอ่ะดิ’ เพราะเพิ่งจะเริ่มเป็นเพื่อนกัน อีกอย่าง จากประสบการณ์ตัวเองก็หน้าแตกประจำหากทะลึ่งโพล่งอะไรไป พยุดาจึงเลือกที่จะหันไปหาวริณสิตาแทน

“เออ ว่าแต่...จิ๊บอ่ะ...เป็นคุณหนูเหรอ?”

“ฮะ?!” แล้วแม่สาวแว่นผมเปียก็ทำเอาวริณสิตาอ้าปากค้างอีกจนได้ “คุณหนูเนี่ยนะ ทำไมถึงมาถามเราอย่างงี้ล่ะน้อยหน่า?”

“อ้าว! ก็สมองปลาทองบอกเราน่ะ” พยุดาโบ้ยอีก “สมองปลาทองบอกว่าผู้ปกครองจิ๊บอ่ะ รวยมากกกกก เป็นเจ้าของโครงการบ้านจัดสรรระดับไฮโซทั่วกรุงเทพฯและปริมณฑลเลยทีเดียวแหละ” แม่สาวแว่นผมเปียเน้นคำเสียจนวริณสิตารู้สึกว่าตัวเองเห็นภาพความรวยของพีรพัฒน์ชัดแจ๋ว

สาวน้อยได้แต่ทำหน้าเลี่ยนๆบอกไม่ถูก เพราะก็จริงอยู่หรอกที่เธอรู้มาบ้างว่า ‘เอพีกรุ๊ป หรือ อังกาบ พร็อพเพอร์ตี้’ เป็นยักษ์ใหญ่ในด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของเมืองไทย แต่เธอก็ไม่ใช่ใครที่จะไปยืนยันความเป็นมหาเศรษฐีของเขาได้ขนาดนั้นนี่!

วริณสิตาไม่รู้จะอธิบายยังไง ได้แต่แอบนึกเคืองๆคนที่เล่าให้พยุดาฟังอยู่หน่อยๆ

“คือ...มันไม่ใช่อย่างนั้นเลยนะน้อยหน่า เราไม่ได้เป็นคุณหนงคุณหนูอะไรสักกะนิด”

“อ้าว! ไหงงั้นล่ะ” พยุดาร้อง เกาหัวแกรกๆ “เราชักงงแล้วนะเนี่ย แล้วไหนจะผู้ปกครองจิ๊บเมื่อวานนี้อีก ที่จิ๊บบอกไม่ใช่พ่อจิ๊บอ่ะ แล้วเป็นอะไรล่ะ อาเหรอ?”
“เอ่อ...”
“ไม่ใช่หรอก!”

และหนนี้ก็เป็นคนที่วริณสิตาเพิ่งนึกเคืองโพล่งขึ้นบ้าง สาวน้อยได้แต่หันไปมองแล้วกะพริบตา

“ใช่ไหมจิ๊บ” การนนท์ถามอีก ก่อนตัดสินใจอรรถาธิบายต่อ “คือเราเคยได้ยินชื่อผู้ปกครองของจิ๊บจากพี่สาวเรา แล้วเราก็เลยรู้ว่าคุณพีรพัฒน์ วิศิษฏการน่ะ ไม่ได้มีน้องสาวหรือหลานสาวเลย”
นานเกือบอึดใจที่สาวน้อยนิ่งไป แต่ในที่สุดวริณสิตาก็ตัดสินใจ

“ใช่” สาวน้อยบอก “จริงๆแล้ว...เราไม่ได้เป็นญาติอะไรกับคุณพีเลย แต่เป็นแค่...เด็กยากจน...ที่มาขอความอุปการะจากเขาเท่านั้นเอง”

“ฮ้า! จริงดิ?”

ช่วยไม่ได้เลยที่ผิวแก้มสาวน้อยจะร้อนเห่อขึ้นมายามได้ยินพยุดาเผลอตัวร้องออกมาอย่างนั้น ที่จริงวริณสิตาก็ไม่เคยคิดว่าตัวเองจะมารู้สึกอับอายในพื้นภูมิอันยากจนของตนเองหรอกหากเธอไม่จำเป็นต้องพูดคำว่า ‘ขอความอุปการะ’ ต่อหน้าเพื่อนถึงสองคนอย่างนี้ วูบนั้นเด็กสาวนึกเกลียดความรู้สึกของตัวเองขึ้นมานิดหนึ่งจริงๆ

“อือ” วริณสิตายังคงพยักหน้าตอบรับเบาๆ “ยายเราที่เสียไปแล้วเคยเป็นคนรับใช้ในบ้านของคุณอังกาบน่ะ แต่ตอนที่ยายป่วย ยายกลัวว่าเราจะไม่มีโอกาสได้เรียนต่อ ก่อนจะเสีย ยายก็เลยเขียนจดหมายขอความกรุณาจากคุณอังอาบ ขอให้คุณอังกาบช่วยอุปการะเรา แต่ช่วงนั้นคุณอังกาบท่านก็เสียพอดี คุณพีเขาก็เลยต้องกลายมาเป็นผู้รับอุปการะเราแทน เพราะงั้น...เราไม่ใช่คุณหนูอะไรเลยน้อยหน่า ที่จริงเราน่ะ...ควรจะต้องไปเป็นคนรับใช้เสียด้วยซ้ำ”

“เฮ้ย! อย่าพูดอย่างงั้นสิจิ๊บ เราขอโทษนะ เราปากไม่ดีอ่ะ ไม่น่าถามจิ๊บอย่างนั้นเลย ขอโทษนะขอโทษ” พยุดาโหยหวนหน้าเสีย ขณะที่การนนท์เองก็ไม่ต่างกัน

“เราเองก็ต้องขอโทษจิ๊บด้วยเหมือนกัน” เด็กหนุ่มบอก ทว่าวริณสิตาก็ส่ายหน้า

“ไม่เป็นไร” สาวน้อยสูดหายใจเข้าไปลึกๆก่อนยิ้มแผ่วบาง “เธอสองคนไม่ต้องขอโทษเราหรอก เพราะยังไงมันก็เป็นความจริง ว่าแต่...”

วริณสิตาเงยหน้า ถามเบาๆกับเพื่อนทั้งคู่ว่า

“พวกเธอก็รู้แล้วว่าเราเป็นแค่เด็กยากจน พวกเธอสองคน...จะยังคบเราเป็นเพื่อนอยู่หรือเปล่าล่ะ”

“อ๊าย! อย่ามาพูดอย่างงี้นะ” พยุดากรี๊ดทันที คว้ามือวริณสิตาเอาไว้พร้อมพูดเร็วปรื๋อ “นี่จิ๊บเห็นเราเป็นคนยังไง จะดูถูกน้ำใจกันเหรอ เราไม่ใช่ประเภทที่เลือกคบใครที่ฐานะนะ อีกอย่างบ้านเราอ่ะ ก็ไม่ได้รวยเหมือนกัน พ่อแม่เราก็เป็นแค่ชาวไร่ธรรมดาๆ ปลูกข้าวโพดอยู่อุตรดิตถ์โน่นแน่ะ!”

“ใช่! เราก็เหมือนยายแว่น” นาทีนี้แม้แต่การนนท์ก็เอาด้วย เด็กหนุ่มบอกหนักแน่น “แม้ที่บ้านจะฐานะดีกว่า แต่เราก็ไม่ได้เลือกคบใครที่ความรวยความจนเหมือนกัน!”

วริณสิตาได้แต่คลี่ยิ้ม มองเพื่อนทั้งสองอย่างตื้นตันในหัวใจ

“ขอบคุณนะ ขอบคุณมากๆเลย”
.................................



ปาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 พ.ค. 2554, 14:31:38 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 พ.ค. 2554, 14:31:38 น.

จำนวนการเข้าชม : 3255





<< ตอนที่ 21   ตอนที่ 23 >>
Gingfara 2 พ.ค. 2554, 14:55:18 น.
ว้าาาาา
ตอนท้ายซึ้งจังค่ะ
น่ารักมากๆเลยค่ะ


ree 2 พ.ค. 2554, 21:17:36 น.
อดทนรอและขอเป็นกำลังใจให้เช่นเดิมค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account