เพรงนาง
หนึ่ง...ให้ความตายปลดปล่อยพันธนาการที่เจ็บปวด
อีกหนึ่ง...ให้ความตายพันธนาการตนเอง
...เพื่อที่จะกลับมา เป็นตัวเชื่อมให้เธอและเขา กลับมา "รัก" กันอีกครั้ง
อีกหนึ่ง...ให้ความตายพันธนาการตนเอง
...เพื่อที่จะกลับมา เป็นตัวเชื่อมให้เธอและเขา กลับมา "รัก" กันอีกครั้ง
Tags: พีเรียด
ตอน: ตอนที่ ๑๓ คำอธิฐาน
ตอนที่ ๑๓
หลังจากตั้งสัจจาอธิฐาน สายลมหอบใหญ่ก็พัดเข้ามา เจ้าจันทร์งามนางผู้งามดั่งจันทร์ฉายฉานก็รู้สึกใจชื่นขึ้นมาในกระนั้น
"สาธุ ขอหื้อคำอธิฐานแห่งข้าเจ้าเป๋นจริงสักกำเต๊อะเจ้า"
เจ้านางนึกกระหยิ่มอยู่ในใจ ดวงหน้างามเริ่มจะมีรอยเลือดแต่งแต้มให้กรอบหน้านั้นงามกว่าเดิมขึ้นมาก
ความสดใสเดินทางมา พร้อมกับความเชื่อที่ว่า นางจะต้องลั่นผาได้ดังไปไกลอย่างแน่นอน
เจ้าแสนเมืองเปิ้นเปิดทางให้แล้ว ขอเพียงอินผาช่วยเหลือนางอีกสักครั้ง เท่านี้แล้วบุญของนางก็จักสมพากลับไปหาเจ้าน้อยภูมินทร์อีกครั้ง
เท่านี้นางก็ดีใจมาก แล้วนางจะไม่ขออะไรอีก
ขอสักครั้งเถอะ...ให้ผาลั่นไปไกล
สาธุ...
"แห๋มไก๋ก่คำแปง จึ่งจะถึงผาลั่นจันทร์เสี้ยว" นางหันมาทางนางคำแปงพี่เลี้ยง แล้วเอ่ยถามด้วยใบหน้าแจ่มใสกว่าเดิมมาก
"เจ้าแสนเมืองเปิ้นว่า แค่ข้ามเขาลูกนี้ไปแห๋มน่อยนึ่ง เฮาก่จะหันทางขึ้นผาแล้วเจ้า ขึ้นไปแห๋มบ่เมินก่จะถึงเจ้า"
"เฮาฮู้สึกโล่งอกโล่งใจ๋ขนาดที่เจ้าแสนเมืองเปิ้นอู้จะอั้นกับเฮา คำแปงเปิ้นหันใจ๋เฮาแล้วไจ้ก่"
"เจ้า...เจ้าเปิ้นยอมเสียสละหื้อเจ้านางแล้วเจ้า แต่...เจ้านางเสี่ยงทายจะอี้ คำแปงกลั๋ว..."
"บ่...บ่ต้องกลั๋ว ผานั่นจะต้องลั่น คำแปงบ่ได้ยินก่า เจ้าผู้ชนะสิบทิศเปิ้นเคยมาลั่นผานั่นหลายเตื้อ เฮาเจื้อว่าผานั่นจะลั่นได้อย่างแน่นอน"
"แต่เจ้านางเจ้า...คำแปงว่าเจ้านางเผื่อใจ๋ไว้ตวยหนาเจ้า"
ประโยคนั้นจบลง ก็พาลพาเอาความเงียบมาเยือนคนที่นั่งอยู่ในกูบหลังนั้นไปด้วย เจ้าจันทร์งามไม่ยอมพูดถึงคำว่าไม่ได้เพราะนางเชื่อ ในอดีตเจ้าพญาบาเยงนองเคยมาลั่นผานั้นบ่อยๆ นางคิดว่าเมื่อคนอื่นลั่นได้หลายครั้ง ให้นางไปลั่นแค่ครั้งเดียวมันคงจักเป็นผลแน่ ประกอบด้วยบุญพาที่เคยทำร่วมกับเจ้าน้อยภูมินทร์จะต้องทำให้นางลั่นผาได้อย่างแน่นอน
นางเชื่อ พระธาตุเจ้าแห่งเชียงหมิ่นจะต้องช่วยเหลือนางอีกทาง
แต่...
นางก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นเช่นนั้น...ยังนึกหวั่นใจไม่หายเลย
ตะวันเคลื่อนคล้อยแลลาลับไปมากแล้ว เวลานั้นทำให้เจ้านางน้อยแห่งวรนครอดจะตะลึงตะลานตากับสิ่งที่เห็นไม่ได้ ไกลออกไปไม่มากนักเหนือทิวเขาซึ่งตั้งเด่นอยู่อย่างเดียวดาย แค่เพียงยอดเดียว ล้อมรอบด้วยหมู่ทิวเขาน้อยใหญ่ซึ่งวางตัวลดหลั่นเหมือนอย่างบริวารของเขาสูงแห่งนั้นเลยก็ว่าได้
แลยอดภูที่สูงที่สุดของทิวเขานั้นเองปรากฏยอดเขารูปจันทร์เสี้ยวแขวนอยู่เหนือขึ้นไป ดั่งจันทร์เสี้ยวในคืนเดือนแรมแขวนยังปลายฟ้ากระนั้น
แม้ความร้อนจนทำให้เหน็ดเหนื่อยกับการเดินทางมามากเท่าไร แต่เมื่อเห็นภาพตรงหน้าแล้วเจ้าจันทร์งามแลนางบ่าวทั้งสองต่างก็พากันสมหวังและรู้สึกยินดีกันถ้วนหน้า
สายลมเย็นพัดให้พอระบายความร้อนอบอ้าวในยามกลางวันไปได้บ้าง ทุกชีวิตต่างชื่นชมกับภาพสวยที่เห็น ยอดผาสูงรูปจันทร์เสี้ยวช่างงามนัก แม้จะเห็นจากแค่เชิงดอยและที่ไกลๆ ยังสวยมากขนาดนี้แล้ว เมื่อไปเห็นใกล้ๆ หน้าผาซึ่งกำลังสะท้อนแสงอาทิตย์จะสวยขนาดไหน
เจ้าจันทร์งามคลี่ยิ้ม ในยามที่แหงนเงยมองหน้าผางามซึ่งอยู่เหนือขึ้นไป
ในที่สุดนางก็มาถึง...โอ...เจ้าข้าเอ๋ย ด้วยสัจจาอธิฐานของข้าที่ปรารถนามานี้ขอให้สมหวังสักทีเถอะ
ผาลั่นอยู่เบื้องหน้า แลนี้ต่อไปนางจักได้ลั่นผาสักที
"งาม...งามแต้ๆ น้อ คำแปง มะปิง"
"เจ้า...งาม งามนักงามหลาย" มะปิงกุมมือตนเองที่เย็นเฉียบ แม้นที่เวียงนางจะล้อมรอบไปด้วยหน้าผาสูง แต่นางก็ไม่เคยเห็นผาที่ไหนจะงามล้ำขนาดนี้เลย
ดั่งจันทร์งามลอยเลือนอยู่กลางฟ้ากลางหาวก็ไม่ปาน...
"คำแปงว่าเก็บคำชมนี้ไปผ่อตอนที่เฮาขึ้นไปถึง เต๊อะเจ้า"
นางคำแปงเอ่ยแทรก ก่อนจะหันไปปรึกษากับเจ้าแสนเมือง ในการเดินทางขึ้นไปจนถึงยอดผางาม นางแลมองเลยไปด้านไหนก็มีแต่ป่าจะหาทางขึ้นทางไหนก็ไม่มี
"ใจ๋เย็นๆ เต๊อะ ตอนนี้เฮาอยู่ตี๋นดอยแล้ว จะขึ้นตอนนี้คงจะบ่ทันการเอาไว้วันพูกก่อนเต๊อะ หมู่เฮาค่อยขึ้นกั๋น"
"เป๋นอะหยังจึ่งบ่ขึ้นตอนนี้ละเจ้า"
เจ้าจันทร์งามใจร้อนเอ่ยถาม เจ้านางปรารถนาจะขึ้นไปลั่นผาในวันนี้ ไม่ใช่วันพรุ่งนี้ ยิ่งเลยนานนางก็ยิ่งรู้สึกซึ่งความร้อนรนในหัวใจ
ผาจักลั่นได้หรือไม่ได้
ต้องลั่นได้ ลั่นไกล...ผาลั่น แค่ชื่อก็บอกแล้วว่าจักต้องลั่นได้...
ความมืดโรยตัวลงมาอีกครั้ง พร้อมกับแสงไฟจากคบไฟซึ่งส่องสว่างแทนที่แสงแห่งดวงสริยา ความหนาวเหน็บแผ่ปกคลุมอาณาบริเวณแห่งนั้นเช่นเดียวกับเสียงพูดคุยของเหล่าทหารดังมาให้ได้ยินอยู่เป็นระยะ
คืนนี้เจ้านางรู้สึกอุ่นใจแม้นว่าจะไกลบ้านไกลเมืองไปทุกขณะ ทว่าเจ้านางยังหวัง หากนางลูบหน้าผาให้ลั่นได้ นางก็จะได้กลับคืนสู่เวียงวังอีกครั้งหนึ่ง
ขอให้บุญพาวาสนาส่ง ให้นางลูบผาลั่นได้อีกสักครั้ง บัดนั้นหัวใจของนางจักสมปรารถนาเสียที
แม้จะรู้สึกอุ่นใจ หากแต่อีกส่วนหนึ่งกลับยังนึกหวั่น มันเกิดอะไรขึ้นเหตุใดจึ่งได้คิดเช่นนั้นไปได้
ไม่..หน้าผานั้นจะต้องลั่นดัง หน้าผาที่นางลูบจะต้องลั่นดังไปไกลอย่างกับฆ้องโหม่งอย่างแน่นอน
คิดถึงใบหน้าของเจ้าน้อยภูมินทร์ซึ่งยังติดตรึงอยู่ในหัวใจ ปานนี้เจ้าพี่ยาจักเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ เจ้าน้อยจะรู้บ้างหรือเปล่าว่าวันพรุ่งนี้นางจักเสี่ยงทายเพื่อให้นางได้มีบุญแลกลับไปหาเจ้าน้อยอีกครั้ง
เจ้าแสนเมืองเปิดทางให้แล้ว อย่างน้อยเขาก็เห็นใจนาง
เด็กสาวมะปิงขยับเข้ามาใกล้กับเจ้านางหลังจากได้จัดที่นอนให้เจ้านางน้อยเรียบร้อยแล้ว
"ที่นอนเสร็จแล้วเจ้า เจ้านางน้อยน่าจะนอนได้แล้วนะเจ้า วันพูกเฮาจะได้เดินขึ้นดอยไปเสี่ยงทายลั่นผาตั้งแต่เจ๊า"
"เฮาดีใจ๋ขนาดมะปิง ในที่สุดวันที่เฮารอคอยก่จะมาถึงแล้ว แห๋มบ่เมินเฮาก่จะได้ลั่นผาแลปิ๊กบ้านปิ๊กเมืองสักที"
"เจ้า...ข้าเจ้าก่ดีใจ๋เหมือนเจ้านางเลยเจ้า เกิดมาจาดหนึ่งได้เดินทางมาหันผาลั่นจันทร์เสี้ยวที่งามขนาดนี้สักเตื้อ ถือว่าเป๋นบุญหัวอีมะปิงนัก"
"วันพูกเฮาจะเสี่ยงทายลั่นผา ขอหื้อเฮาได้สมเจ้าน้อยตวยเต๊อะ"
"เจ้า...ข้าเจ้าจะเป๋นกำลังใจ๋หื้อเจ้านางน้อย แต่...เจ้านางเจ้า ถ้าหากว่าผาบ่ลั่นโละเจ้า เจ้านางจะเยี๊ยะจะใดต่อไป"
ประโยคนั้นทำให้ผู้ฟังถึงกับขนลุกซู่ รู้สึกเสียววูบไปทั่วร่างกาย เจ้านางจันทร์งามเลื่อนระดับสายตาแกมเศร้ามองหน้าของนางบ่าวคู่ชีพ ถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริงๆ แล้วนางจะทำอย่างไร
"ถ้าหน้าผาบ่ลั่น นั่นก่แสดงว่าบุญเฮาบ่สมพาเจ้าน้อยภูมินทร์ จาดนี้เฮาก่จะขอต๋ายตกไป จาดหน้าฟ้าใหม่ค่อยได้สมปี้อ้าย"
"เจ้านาง...บ่ดีอู้จะอั้นเน้อ ข้าเจ้าใจ๋บ่ดี"
"เฮาอู้แต้กามะปิง เฮาตัดสินใจ๋แน่แล้ว หากผาบ่ลั่น ที่นั่นจักเป็นที่ต๋ายของเธอ เฮาบ่มีวันยอมไปเป็นคนม่านรามัญดอก"
คำพูดและประกายตาอันแน่วแน่ฉายชัด อดจะทำให้มะปิงนึกหวั่นต่อคำพูดเหล่านั้นไม่ได้
หากเจ้านางเลือกจะตาย นั่นก็แสดงว่าเป็นการตัดสินใจที่เด็ดขาดแน่แล้ว
สาธุ...องค์พระธาตุเจ้าแห่งวัดเชียงหมิ่น ช่วยเห็นใจเจ้านางสักครั้ง ให้บุญสมพา หน้าผาลั่นได้สักครั้งเถอะ...
เช้าแล้ว...เสียงไก่ป่าไก่ดอยขานขันประสานเสียงปานประหนึ่งจักยินดีปรีดากับการมาเยือนของเจ้านางน้อยแห่งวรนคร...เจ้านางจันทร์งาม
เสียงกลอง เสียงฆ้องดังขึ้น เหมือนจะประโคมขึ้นพร้อมๆ กันจากเหล่าทหารหาญ เสลี่ยงคานหามซึ่งถูกสร้างเอาไว้ตั้งแต่ช่วงบ่ายของเมื่อวานจนแล้วเสร็จในค่ำของวันนั้นถูกยกขึ้นมาวางลงตรงหน้ากระโจมของเจ้าจันทร์งาม
เจ้าแสนเมืองเดินนำเหล่าทหารที่หามคานเสลี่ยงมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเจ้านางน้อยแห่งวรนคร ด้วยรอยยิ้มเรียบเฉยไม่บ่งบอกอาการใดๆ ทั้งสิ้น
"จะใดถึงได้หื้อเฮาขึ้นเสลี่ยง ขึ้นจ๊างไปบ่ได้กา" เจ้านางถามด้วยประกายตาใคร่รู้
เจ้าแสนเมืองคลี่ยิ้ม หันไปมองเสลี่ยงคานนั้นนิดหนึ่งก่อนจะตอบ
"ทางขึ้นเขามันจิ้งนัก เอาจ๊างขึ้นไปบ่ได้หรอกเจ้าน้อง เจ้างามจะต้องขึ้นเสลี่ยงไปเต้าอั้น"
"ก่าเจ้า...จะอั้นจะช้าอยู่ไย ไปได้แล้วเจ้าข้าเจ้าพร้อมแล้ว"
ว่าพร้อมกับมองขันดอกพานสีเงินซึ่งมีดอกไม้วางอยู่ บนมือด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า อีกไม่เท่าไรแล้วสินะที่นางจะได้เสี่ยงทายลูบผาลั่น นางคลี่ยิ้มแล้วส่งให้กับเจ้าแสนเมืองนิดหนึ่ง ก่อนจะเคลื่อนกายขึ้นไปนั่งบนเสลี่ยงคานหาม เช่นเดียวกับนางคำแปงและมะปิงที่ขยับเข้าไปยืนด้านข้าง คอยเดินตามไม่ให้ห่างกันนัก
เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างพร้อม ขบวนเดินทางของเจ้าจันทร์งามจึงเริ่มขึ้น เจ้าแสนเมืองแลทหารเดินนำไปตามเส้นทางเกวียนที่ทอดหายไปกับความมัวสลัวของสายหมอกยามเช้า ตามด้วยเสลี่ยงคานหามเจ้านางน้อยแห่งวรนคร แลตามด้วยเครื่องเซ่นสรวงซึ่งจัดเตรียมกันเอาไว้ตั้งแต่เย็นวาน ทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมสรรพ รอแต่เพียงการบำบวงบูชาและลั่นหน้าผาเสี่ยงทายของเจ้าจันทร์งามเท่านั้น
อากาศหนาวเย็นแผ่ซ่านไปทุกกระเบียดนิ้วของพื้นที่ เจ้าจันทร์งามกระชับผ้าตุ๊มผืนใหญ่ขึ้นห่มไหล่อีกครั้งเพื่อจะให้มันได้คลายความหนาวที่มันเกาะกุมเข้าไปถึงหัวใจ เสียงไก่ยังคงขานขันกันอยู่เป็นระยะ เส้นทางเกวียนเริ่มสิ้นสุดลงอีกครั้ง จากนั้นก็เป็นทางขึ้นเขาที่เริ่มจะลาดชันไปตามลำดับ จนข้อมือน้อยต้องจับเสาไม้ที่ทำเป็นหลังคากูบบังน้ำค้างแลแสงแดดเอาไว้จนแน่น
สองข้างทางเริ่มมีแต่ต้นไม้อันหนาทึบ บางช่วงมีแต่ทางที่ลาดชันขึ้นสูง สองข้างทางเป็นเหวลึกจนเห็นแต่ยอดไม้ที่อยู่ไกลลิบลิ่วอยู่ด้านล่างว่าแล้วหัวใจนางก็สั่นไหว นึกหวาดกลัวหากว่าตนต้องตกลงไป เศษซากของนางจักต้องไม่มีให้เห็นอย่างแน่นอน
เจ้าน้อยภูมินทร์...บัดนี้น้องกำลังจะขึ้นมาเสี่ยงทายบนหน้าผาลั่นแล้วเน้อ น้องจักขอพรแลเสี่ยงทายหื้อเฮาสองคนได้สมกั๋น เจ้าพี่ช่วยน้องภาวนาด้วยเน้อ...
ยกสองมือขึ้นพนมทั้งขันดอก ระลึกถึงใบหน้าเกลี้ยงมนสะอาดสะอ้านของเจ้าน้อยภูมินทร์เป็นแม่นมั่น ขอเถอะองค์อินทร์สรวงแห่งชั้นฟ้าแลพระธาตุเจ้าแห่งวัดเชียงหมิ่นขอให้ช่วยเหลือให้นางได้สมใจสักครั้งเถอะ
สายหมอกที่ลอยหนาบัดนี้ยิ่งหนาแน่น จนบางช่วงเห็นอย่างเต็มๆ ว่าเม็ดสีขาวซึ่งลอยหนาเม็ดอยู่ตรงหน้าจะตกกระทบใบหน้าจนคล้ายดั่งละอองฝนเม็ดเล็กๆ จนตามตัว ตามเสาไม้เสลี่ยงคานหามมีแต่เม็ดสีขาวเล็กๆ เกาะอยู่เต็มไปหมด แลเมื่อเอามือลูบตรงส่วนไหนก็จักแปรสภาพเป็นหยาดน้ำอย่างเห็นได้ชัด
หมอก...บางครั้งถ้าหนาเม็ดก็เรียกเหมย แลหากมันตกจนมืดมนไปหมดก็จักเรียก เหมยจ๊าง เพราะมันเหมือนดั่งเม็ดฝนเม็ดใหญ่ ไม่ต่างกันนักดอก
สายลมยังคงพัดเอาความหนาวเหน็บมาเยือนอยู่เป็นระยะ เวลานั้นผ่านไปนานนักแล้ว ทว่าก็ยังไม่ถึงยอดเขาสูงสักที มันไกลขนาดนี้เลยหรือว่าบุญของนางไม่สมพอ จึ่งยังไม่เห็นผางามจันทร์เสี้ยวซึ่งลอยเลือนอยู่ตรงหน้า คล้ายดั่งเอื้อมคว้าถึงได้
ถึงว่าเจ้าแสนเมืองไม่อยากจะให้เจ้านางขึ้นดอยมาตั้งแต่เมื่อวานเพราะถ้าฝืนขึ้น คงจะมืดกันกลางทางแน่แล้ว ขนาดวันนี้ยิ่งสูงมวลไอเย็นที่พัดระห่มกายมันยังไม่จางหาย แสงอาทิตย์ซึ่งคิดว่าจะมาช่วยชำระไอเย็นลงไปบ้างก็ไม่มีให้เห็น ยิ่งนานหมอกเหมยยิ่งลงหนา ยิ่งนานแสงอาทิตย์ก็เหมือนจะยังหลบมุมอยู่ใต้เหลี่ยมเขาที่ไหนสักแห่งหนึ่ง
ปานว่ามันจักกำลังช่วยปิดบังหน้าผางามไม่ให้นางสมใจกระนั้น
ไม่...เป็นไปไม่ได้ เจ้าแสนเมืองจะต้องไม่โกหกนาง เจ้าเปิ้นได้บอกแล้วว่าจะพานางไปเสี่ยงทายลั่นผา เขาเคยบอกว่าชาติเชื้อชาวอังวะจะไม่โกหก แลนางก็เชื่อ เจ้าแสนเมืองจะต้องไม่สับปลับคำพูดตนแน่นอน
ขอเถอะ...นางมาเพื่อขอความช่วยเหลือ ขอให้องค์อินทร์แถนฟ้าช่วยเหลือนางอีกสักครั้ง แลให้นางได้เสี่ยงทายลั่นผาให้ดังไปไกลดั่งคำขานขอสักทีเถอะ
สายลมพัดวูบมาอีกครั้ง เหมือนดั่งจะขานรับต่อคำซึ่งตั้งจิตอธิฐานของเจ้านาง หมู่เมฆหมอกสีขาวซึ่งลอยตัวเป็นเส้นสายหนาตาไปหมด ถูกพัดไปด้านข้างอีกครั้ง เสมือนผ้าแพรถูกลมพัดวูบ ดวงตาคู่สวยของเจ้านางเบิกขึ้นในยามนั้นภายในครองจักษุอันเด่นชัด ปรากฏก้อนหินใหญ่สีทองและเหนือขึ้นไปเป็นรูปจันทร์เสี้ยวเดือนแรมยามสะท้อนแสงทองของอาทิตย์ช่างสวยงามยิ่งนัก
แล้วม่านนั้นก็ถูกปิดลงอีกครั้ง...
โอ...งามนัก งามหลาย ผาจันทร์เสี้ยวอยู่ไม่ไกลแล้ว อีกไม่เท่าไรนางก็จักไปถึงแล้ว
พลันหัวใจนางก็แช่มชื่น องค์อินทร์ฟ้าผีแถนทรงรับฟังคำอธิฐานของนางแล้ว ปานว่าท่านจะเข้าใจในคำขอของเจ้านาง เปิดม่านฟ้าให้นางเห็น รอเถอะ...รออีกสักประเดี๋ยว นางก็จักถึงยอดผาแล้วและจะได้ทำอย่างที่ตั้งหวังเอาไว้ให้สมกับความมุ่งมาดปรารถนา
จากนั้นไม่นาน ทางที่ขึ้นลาดชันก็เริ่มย่นระยะลง ก่อนจะกลายเป็นทางเรียบไม่มีหินผาให้คนหามเสลี่ยงเดินสะดุด มันเริ่มจะเป็นทางลาดตรงเหมือนพื้นปรกติ ปานว่าบัดนี้นางจะได้ขึ้นมาอยู่บนสันเขา อันมีสายลมแลสายหมอกอันหนาวเหน็บมาคอยโอบล้อมอยู่โดยรอบให้เหน็บหนาว
แม้จะเหน็บหนาวสักเพียงไร หากเพลานี้หัวใจนางกลับเต้นรัวด้วยความปรารถนาที่จะเป็นผลในไม่ช้านี้แล้ว นางจักเสี่ยงทายลูบผาลั่นแล้ว ความหนาวที่เกาะกินทุกอณูของร่างกายบัดนี้กลับไม่มีผลอีกต่อไป
"เจ้านาง...ผ่อปู้นโละ ผางาม ผาจั๋นเสี้ยว"
เสียงของนางคำแปงดังขึ้น พร้อมกับขบวนเสลี่ยงนั้นได้หยุดลง ทหารค่อยๆ วางเสลี่ยงลงกับพื้นเพื่อจะให้คนซึ่งนั่งบนนั้นได้ลงมาและได้เห็นผางามอย่างเต็มตา
แสงสีทองอร่ามเรืองปรากฏชัดในครองจักษุ ปานว่าจะฉายออกมาจากก้อนหินก้อนใหญ่อันสถิตอยู่เบื้องหน้า เจ้านางน้อยแห่งเวียงวรนครคลี่ยิ้มอย่างปีติยินดี มือนางที่กอบกำพานขันดอกเย็นเฉียบ ภาพที่สวยสดงดงามเบื้องหน้า ไม่อาจจะเอาคำไหนมาพรรณนาได้เกินกับสิ่งที่เห็นอีกต่อไปแล้ว
หน้าผารูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวช่างสวยงามนัก งามดั่งแขวนลงมาจากฟากฟ้ากว้าง...รัศมีสีเงินสีทอง เปล่งประกายออกมาจากผานั้นในยามที่ต้องแสงอาทิตย์ยามสายของวันนั้น ซึ่งจู่ๆ ก็โผล่พ้นออกมาจากเหลี่ยมดอยสาดส่องลงมายังพื้นที่ดังกล่าว สายหมอกที่หนาทึบในคราวแรกเริ่มเบาบางจางลงในยามที่ต้องแสงอาทิตย์อันแรงกล้า อาณาบริเวณที่กว้างขวางของพื้นที่ มีเหล่าหญ้าเหล่าไม้พุ่มขึ้นอยู่หนาทึบไปหมด แต่ตรงด้านหน้าของผาจันทร์เสี้ยวนั้นกลับโล่งเตียนปานว่าจักมีใครมาแผ้วถางเอาไว้รอก่อนหน้า
ช่างวิเศษนัก แค่แผ่นผารูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว ในยามต้องแสงอาทิตย์นั้นช่างสวยสดงดงามเป็นยิ่งนัก
โอ...เช่นนี้ฤา จึ่งเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ที่กษัตริย์ผู้ซึ่งชนะสิบทิศมาขอพรลั่นผาอยู่ประจำ
"งาม...งามแต้ๆ เจ้า"
นางคำแปงดูจะตะลึงตะลาน นางเบิกตากว้างจ้องมองหน้าผางามอย่างไม่เชื่อต่อสายตาของตนเอง
"ไจ้แล้วคำแปง หน้าผางามช่างงามขนาด"
"งามอย่างอินทร์แถนชั้นฟ้าเปิ้นมาปั้นแต่งแต้ๆ เจ้า" นางมะปิงเอ่ยแทรกขึ้นอีกคนหนึ่ง
"ไจ้แล้วเจ้างาม...ผาจั๋นงามเปิ้นงามอย่างอินทร์ฟ้าปั้นแต่ง อ้ายว่าเฮาเข้าไปผ่อกั๋นใกล้ๆ เต๊อะ เดี๋ยวอ้ายจักหื้อทหารได้ตั้งเครื่องเซ่นสรวงบำบวงองค์อินทร์ฟ้าแถนหลวงตวย"
เจ้าแสนเมืองเดินเข้ามาหาเจ้าจันทร์งามนางผู้งามทั้งแหล่งหล้าแลฟ้าดิน ไม่เคยมีแม่หญิงคนไหนที่เจ้าแสนเมืองจักเคยเห็นว่างามกว่าแม่หญิงผู้นี้อีกแล้ว หากแต่จักทำอย่างไรได้ ก็ในเมื่อตอนนี้หัวใจของนางอยู่กับใครอีกคนหนึ่ง แม้เขาจักทำดีอย่างไร เจ้านางก็ไม่เคยแบ่งใจมาให้กับเขาสักน้อยนิด
แม้นว่าจักได้ร่วมเรียงเคียงหมอน...หากกลับได้เพียงแค่ร่างกาย หัวใจนางกลับไม่ได้อย่างใดเลย...
สิ่งที่ทำดี เป็นได้แค่เพียงเท่านี้จริงๆ หรือ
คิดแล้วก็ปวดหัวใจ อุตส่าห์ทำทุกอย่างเพื่อให้นางเห็นใจ ตลอดหลายวันมานี้ เจ้านางกลับมีปรารถนาที่แน่วแน่เพียงอย่างเดียว นั่นก็คือการกลับคืนสู่เวียงแก้ว และอีกอย่างที่ทำให้เจ้าแสนเมืองเจ็บมากกว่านั้น ก็คือ หัวใจของเจ้านางมีแต่เจ้าน้อยภูมินทร์เพียงคนเดียวเท่านั้น
พอเถอะ...เมื่อทำให้นางมารักเขาไม่ได้ ก็ขอให้ได้ช่วยเหลือนางให้เต็มที่ก็แล้วกัน
สาธุองค์อินทร์แถนแห่งชั้นฟ้า ขอให้ช่วยเหลือให้แม่หญิงนางนี้ลูบผาลั่นด้วยเถอะ...
ผาลั่น...เจ้านางจักต้องลูบผาจนลั่นดังไกล อย่างเจ้าปู่ทวดบาเยงนองซึ่งเคยทำ
ทั้งเจ้าแสนเมือง เจ้านางจันทร์งาม นางคำแปงและนางมะปิง เดินตามกันมาหยุดยังเชิงผากว้าง ที่ซึ่งบัดนี้มีหน้าผาแผ่นกว้างขนาดสองคูณสองเมตรวางอยู่ เหนือแผ่นผาเป็นหินรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยววางตั้งอยู่อีกทีหนึ่ง ซึ่งวางเสี่ยงต่อแรงดึงดูดของโลกยังริมหน้าผาสูงชัน เจ้านางมองแลก็นึกประหลาดนัก
เพียงแค่เศษเสี้ยวของการยึดติดหินก้อนใหญ่กับหินจันทร์เสี้ยว เหตุใดถึงได้แม่นมั่นปานนั้น
กลัวว่าจักหักแล้วพังทลายลงสู่ห้วงเหวเบื้องล่าง ทว่าเหตุใดหินก้อนนั้นจึ่งไม่หลุดตกลงไป เสมือนดั่งว่ามีเชือกเส้นใหญ่ที่มองไม่เห็นคอยพันธนาการเอาไว้
นับได้ว่าเป็นสิ่งที่อัศจรรย์นัก
ผาลั่นจันทร์เสี้ยว...ผาจันทร์เสี้ยว ช่างงามนัก
"จะหื้อเฮาทำจะใด เจ้าแสนเมือง" เจ้าจันทร์งามเอ่ยถามเจ้าแสนเมืองด้วยระดับเสียงที่เรียบปกติ
"ประเดี๋ยวอ้ายจะหื้อคนตั้งเครื่องบูชา แล้วจึ่งจะหื้อเจ้านางเข้าไปลูบผาเสี่ยงทาย"
"ก่ได้ จะอั้นก่หื้อคนตั้งแท่นปูจาก่า"
เมื่อเห็นว่าเจ้านางพูดเช่นนั้น เจ้าแสนเมืองก็หันไปสั่งลูกน้องให้นำเสื่อแหย่งมาปูข้างๆ กับเชิงผาแผ่นงามนั้น เพื่อจะให้เจ้านางตั้งพิธีบูชาผีฟ้าผีแถน เทวดาซึ่งประจำที่แห่งนั้นและจะได้อธิฐานเสี่ยงทายต่อไป
"จะหื้อเฮาทำจะใดแห๋ม"
หลังปรัมพิธีตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้ว มีเครื่องเซ่นสรวงอีกมากมายวางอยู่ตรงหน้า ทั้งหัวหมู ไก่ต้ม ผลไม้ป่าไม้ดง ทั้งดอกไม้ธูปเทียนซึ่งได้เตรียมมา เจ้าจันทร์งามวางขันดอกลงตรงหน้าที่ว่าง ขณะเจ้าแสนเมืองขยับเข้ามายืนเคียงข้างแล้วบอก
"เจ้านางจุดธูปแล้วจึ่งยกขันดอกอธิฐานเต๊อะ อธิฐานตามแต่ที่เจ้านางจักปรารถนา..." เจ้าแสนเมืองเอ่ยด้วยน้ำเสียงเบาหวิว ประกายตาสั่นระริกอย่างนึกกลัว
หากว่าผาลั่นสำเร็จ ตนจักต้องปล่อยนางไปตามที่นางขอจริงๆ หรือ...แล้วหากว่าผางามไม่ลั่นล่ะ เจ้านางจะทำอย่างไร...หลากหลายคำถามเวียนวน เจ้าแสนเมืองมองกรอบหน้าสวยหวานงามหยดย้อยของเจ้างามเนิ่นนานปานจักจดจำใบหน้านี้ตลอดไป หากว่าตนจักต้องทำตามสัจจะวาจาที่ให้ไว้กับนางจริงๆ
"แล้วมันจะลั่นได้ก่าเจ้าแสนเมือง ข้าเจ้าบ่หันว่าแผ่นผาจะเหมือนกับฆ้องโหม่งตี้เวียงแก้วของข้าเจ้าเลย" นางคำแปงเอ่ยขึ้น อาการหวั่นไหวเข้าจู่โจมไม่แพ้กับผู้ที่จะเสี่ยงทาย แผ่นผาหนาแน่นปานนั้น จักลูบเท่าไรมันถึงจะลั่นดังได้
"จะอั้นเปิ้นจะเรียกว่าเสี่ยงทายได้จะใดนางคำแปง เปิ้นว่าอยู่ที่บุญวาสนาของผู้ที่ขอเสี่ยงทายตวย"เจ้าแสนเมืองเอ่ย
"ก่ได้ เฮาก็จักลูบแผ่นผาผ่อสักครั้ง สาธุพระธาตุเจ้าแห่งเชียงหมิ่น สาธุองค์อินทร์ฟ้าผีแถน เตวดาเจ้าเมือง ข้าเจ้ามาถึงที่นี่แล้ว ขอหื้อช่วยเหลือกั๋นสักกำเต๊อะเจ้า"
ยกมือขึ้นไหว้สา ก่อนจะขยับเข้าไปนั่งอยู่บนเสื่อ นางคำแปงและนางมะปิงขยับเข้าไปนั่งอยู่เคียงข้าง หัวใจที่เต้นรัวยังนึกหวั่นไม่หาย
นางค่อยๆ ยกขันดอกขึ้นยอเหนือหัวอีกครั้ง ก่อนจะหันมาส่งยิ้มให้กับนางทั้งสองและหยิบดอกไม้ในพาน ซึ่งส่วนมากจะเป็นกลีบดอกคำปู้จู้สีเหลือง หรือดอกดาวเรือง ทั้งดอกเก็ตถวาสีขาวส่งกลิ่นหอมเย้ายวน นางโปรยไปข้างหน้าหนึ่งกำมือ ขณะเหล่าดอกไม้เหล่านั้นก็ปลิวว่อนไปตามสายลมอย่างสวยงาม เจ้าจันทร์งามวางขันดอกลงตรงตำแหน่งเดิมแล้วพนมมือระหว่างอก ดวงเนตรงามปานเนตรเนื้อทรายหลับพริ้ม กลั้นใจอธิฐานขอพรแลเสี่ยงทาย
สาธุเจ้า แผ่นฟ้าจันที
หากบุญข้ามี ได้สมเจ้าข้า
ผางามลั่นได้ บุญจักสมพา
หื้อแผ่นหินผา ลั่นดัง
หลังได้ตั้งสัจจาอธิฐาน ลมหอบใหญ่ก็พัดกรรโชกเข้ามา เส้นผมเส้นเล็กๆ ซึ่งพ้นออกมาจากผ้าโพกปลิวไสว เจ้าจันทร์งามคลี่ยิ้มปานนี้องค์อินทร์ฟ้าผีแถนคงจักรับทราบแลเห็นใจนางแล้ว
นางหยัดกายลงคุกเข่า เงยหน้าขึ้นมองแท่งหินรูปจันทร์เสี้ยวนิดหนึ่ง หลับตาตั้งหมั่นจิตเจ้านางแน่วนิ่ง ขอผาทะนาให้สิ่งที่ขอสมปรารถนาสักครั้ง ก่อนจะวางฝ่ามือเรียวบางลงทาบกับแผ่นผางามอย่างแผ่วเบา
เจ้าจันทร์งามค่อยๆ วาดมือลูบแผ่นผาอย่างเชื่องช้า...ทว่า ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงเดิม จะมีแต่เพียงเสียงลมหนาวพัดพาผ่านกายนางไปเท่านั้น
เจ้านางเงยหน้าขึ้นมองจันทร์เสี้ยวด้วยใบหน้าตื่นตระหนก...
ผางามไม่ลั่น...บุญนางบ่สมพา
เจ้าเฮย หันใจ๋ข้าเต๊อะ ช่วยข้าสักครั้ง
ครั้งแรกนางไม่เชื่อ ตั้งจิตอันเที่ยงมั่นอีกครั้ง น้ำตานางหลากรินเงยหน้ามองแผ่นจันทร์เสี้ยวซึ่งมีหยาดน้ำค้างเกาะพราวกำลังสะท้อนแสงอาทิตย์วิบวับอย่างสวยงาม หัวใจนางเต้นรัวเร็ว นึกหวั่นกลัวไปต่างๆ นานา
โบกมือลูบผางามอันเกลี้ยงเกลาจนครบสามคาบ หากแต่ทุกสิ่งทุกอย่างยังเหมือนเดิม
ไม่มีเสียงอะไรดังออกมา...นางลูบผางามไม่สำเร็จ
แลฤาบุญไม่สมพากัน นางมิอาจจะลูบหน้าผาจนลั่นได้ เจ้านางน้อยแห่งวรนครสะอื้นร่ำไห้ปานว่าจักขาดใจอยู่ในเวลานั้นแล้ว หยาดน้ำตานองหน้าอย่างน่าสงสาร ลูบผางามทั้งสามครั้งทว่าทุกอย่างก็คงเดิม...ผางามไม่ลั่น เสียงไม่ดังไปไกลอย่างที่นางคิด
เป็นไปไม่ได้...
ในอดีตเจ้าฟ้าเมืองหงสาเปิ้นยังลูบผาจนลั่นได้ เจ้าแสนเมืองเปิ้นไม่ได้โกหกนางอย่างแน่นอน แล้วเหตุไฉน นางมาลูบครานี้ผางามจึ่งไม่ลั่นอย่างที่คิด
อย่างคนบ้าใบ้ เจ้านางกระทำอยู่เช่นนั้นหลากหลายครั้ง จนนางมะปิงแลนางคำแปงอดจะร่ำไห้สงสารในตัวนางไม่ได้ โผเข้าไปโอบกอดห้ามการกระทำเหล่านั้นของเจ้านาง แล้วเตือนสติให้นางเห็นถึงความจริง
แผ่นหินหนาแน่นปานเนื้อเดียวกัน มันมิใช่เหล็กกล้าอย่างฆ้องโหม่ง ต่อให้นางลูบจนมือหักมืองอ เสียงก็ไม่ดังอย่างที่คิดได้หรอก
คำอธิฐานเสี่ยงทายไม่สัมฤทธิ์ผล เจ้าแสนเมืองไม่ได้โกหก บัดนี้ก็เหมือนโกหก เจ้านางเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายด้วยใบหน้าสวยที่นองน้ำตา หากเจ้าแสนเมืองกลับยังแสดงสีหน้านิ่งดุจเดิม ไม่สะทกสะท้านต่อสายตาดุกร้าวของเจ้าจันทร์งามสักนิด
"คำแปง มะปิง ผางามบ่ลั่น หน้าผางามบ่ได้ลั่นดัง"
"เจ้า...ผางามบ่ลั่น บุญเจ้านางบ่สมพาเจ้าน้อยเปิ้น"
มะปิงโผเข้าโอบกอดเจ้านางน้อยเอาไว้แน่น นึกหวั่นต่อคำพูดบางคำของเจ้านางที่พูดเอาไว้เมื่อคืนก่อน
"เฮาจะต๋ายแล้วมะปิง เฮาจะต๋ายแล้ว"
เสียงสะอื้นไห้ยังไม่หมด หนาวเยือกไปจนถึงขั้วหัวใจ ปานนี้หัวใจของนางแหลกสลายแล้ว ความหวังทั้งหมดพังครืนลงไม่มีชิ้นดี บุญนางไม่สมพาบุญนางจะหมดสิ้นแค่นี้แน่แล้วฤา
"ผางามบ่หันใจ๋เฮา มันบ่ลั่นคำแปง เฮาจะต๋ายแล้ว"
เจ้านางจันทร์งามยังคงสะอื้นร่ำไห้อยู่เช่นนั้นปานคนบ้าใบ้ไร้จริต นางคำแปงก็สะอื้นร่ำไห้ไม่แพ้กัน นางรู้ว่าเจ้านางเจ็บแลนางก็เจ็บไม่แพ้กันที่เห็นสภาพแบบนี้ของเจ้านาง
"พอเต๊อะเจ้า เจ้าดวงดอกไม้ของคำแปง บ่ไห้แล้วเจ้า บ่ไห้แล้ว เฮาทำดีแล้ว บ่ไห้แล้วหนาเจ้า บ่ไห้"
หลังทุกสิ่งทุกอย่างเสร็จสิ้น สายลมหอบใหญ่จึงลอยเข้ามาอีกครั้ง อณูความหนาวเย็นห่างหายไป พร้อมกับความร้อนของมวลอากาศที่สาดมาจากพระอาทิตย์ดวงใหญ่เหนือหัว ซึ่งแผ่เข้ามาแทนที่ เจ้าจันทร์งามหยัดกายอันอ่อนแรงนั้นขึ้น ด้วยการพยุงของนางมะปิง
บัดนี้หัวใจของนางแหลกสลายไปแล้ว บุญของนางไม่สมเจ้าน้อยภูมินทร์แน่จริงหรือ...
"มะปิง" เอ่ยเรียกนางบ่าวผู้เปรียบเสมือนเพื่อนรักที่ติดสอยห้อยตามกันมาตั้งแต่เด็กๆ "เฮาลั่นผาบ่ได้" เอ่ยทั้งน้ำตาที่นองหน้า กรอบหน้าสวยซบซุกยังหัวไหล่ของนางมะปิง
"เจ้า...ผางามบ่ได้ลั่นเจ้า" นางมะปิงทวนคำนั้นด้วยหัวใจที่สั่นหวิว
"เฮาจะต๋ายแล้วมะปิง บุญเฮาบ่สมวาสนา เฮาจะต๋ายแล้วมะปิงเอ๋ย"
"บ่ดีอู้จะอั้นเน้อเจ้านาง มันบ่ดีนะเจ้า"
นางมะปิงหัวใจเต้นรัว นึกถึงคำพูดบางคำของเจ้านางที่เคยได้พูดกับนางเมื่อคืน...นางจักตายหากผางามไม่ลั่นดั่งใจหมาย
เจ้าจันทร์งามคลี่ยิ้ม หยิบเอาดอกไม้ไหวที่ยังคงปักอยู่บนหัวและผ้าโพกศีรษะออกอย่างเชื่องช้าแล้วส่งให้แก่นางมะปิง
"ผ้าโพกหัวแลดอกไม้ไหวดอกนี้ เฮาฝากเจ้าไปถวายเจ้าป้อเจ้าแม่ตวยเน้อ บุญเฮาบ่สมพาเฮาบ่อาจที่จักกลับไปผ่อหน้าท่านได้ และเฮาบ่อยากเป๋นจาวม่านรามัญ เฮาจึ่งจะต๋ายตี้นี้ เฮาจะต๋ายยังเขตแดนบ้านเฮาเมืองเฮานี้"
"บ่ดีอู้จะอั้นเน้อเจ้านาง เจ้านางจะต้องอยู่แลคอยวันที่เฮาปิ๊กกลับเวียงไปกับข้าเจ้าแลมะปิงเน้อเจ้า"
นางคำแปงขยับเข้ามาปลอบประโลมเจ้านางจันทร์งามอีกผู้หนึ่ง หลังจากที่ได้ขยับไปจัดการกับการเก็บสิ่งของเครื่องเซ่นไหว้บูชาเรียบร้อยแล้ว
เจ้าจันทร์งามคลี่ยิ้ม เรียวปากซีดเซียวกรอบหน้านั้นหมองเศร้าอีกครั้ง นางส่ายหน้าก่อนจะบอก
"บ่ได้ เฮาบ่ไปไหนทั้งนั้น เฮาจะต๋ายลงตี้นี้ในเมื่อบุญบ่สมพากับเจ้าน้อยแล้ว เฮาจะบ่ขอข้ามฟ้าเขตแดนไปบ้านเมืองม่าน เฮาจักต๋ายลงตรงนี้แลจักรอเจ้าน้อยเปิ้นไปจาดหน้า บางทีบุญพาวาสนาของเฮาจักได้สมเจ้าน้อยเปิ้นในจาดหน้า"
นางพูดด้วยน้ำตาที่นองหน้า นางคำแปงส่ายหน้าแลอดที่จะร่ำไห้ไปกับผู้เป็นนายไม่ได้
"ปล่อยเฮาเต๊อะมะปิง คำแปง เฮาจะต๋ายแล้ว องค์อินทร์ฟ้าผีแถนเป๋นพยานข้าเจ้าเต๊อะ จาดนี้บุญข้าเจ้าบ่สมพาเจ้าน้อยภูมินทร์ ขอจาดหน้าฟ้าใหม่หื้อข้าได้สมเจ้าเปิ้นสักกำเต๊อะ ข้าเจ้าฮักเปิ้น ฮักขนาด จาดนี้บุญบ่มี ข้าเจ้าขอต๋าย จาดหน้าฟ้าใหม่ค่อยปะกั๋นใหม่เน้อ"
ว่าแล้วร่างบางก็สลัดออกจากการโอบกอดของนางคำแปงและนางมะปิง ตรงดิ่งไปยังหน้าผากว้างทั้งสูง ลิบลิ่ว เห็นปลายยอดไม้ไหวโยกอยู่ด้านล่าง ปานจักกวักมือเรียกนางอยู่ไหวๆ
"เจ้าแสนเมือง จาดนี้สูเป๋นคนทำหื้อเฮาเจ็บ จาดหน้าฟ้าใหม่ขอหื้อเฮาอย่าได้ปะกั๋นแห๋ม เฮาฮู้ว่าสูเป๋นคนดี แต่เฮาดีบ่สมกับสูจาดนี้เฮาบุญน้อยนัก เฮาจักต๋ายไปเกิดใหม่หื้อบุญพาได้สมเจ้าน้อยภูมินทร์ พระธาตุเจ้าแห่งวัดเชียงหมิ่น แลองค์อินทร์ฟ้าผีแถนเป๋นพยานตวยเต๊อะเจ้า...จาดนี้บุญข้าบ่สมพา จาดหน้าฟ้าใหม่ขอหื้อข้าเจ้าได้ปะเจ้าอ้ายภูมินทร์แลได้ฮักกั๋นตลอดทุกจาดไปเต๊อะเจ้า"
"เจ้านางน้อย!!"
เจ้าแสนเมืองร้องลั่น เมื่อเห็นอย่างชัดเจนว่าร่างแน่งน้อยนั้นกระโดดลงไปจากหน้าผาสูง เจ้าแสนเมืองรีบวิ่งไปยังสถานที่อันซึ่งเห็นเจ้านางจันทร์งามครั้งสุดท้าย
ทว่าก็ช้าไปเสียแล้ว...ร่างนั้นลอยลิ่วลงสู่พื้นเบื้องล่างเสียแล้ว
หยาดน้ำตานางรินไหล นางคลี่ยิ้มอย่างเปี่ยมสุข ชาตินี้บุญไม่สมพาขอตายตกไปก่อน ชาติหน้าฟ้าใหม่ขอให้นางได้มีบุญได้พบปะและได้รักเจ้าน้อยภูมินทร์ตลอดไป
"ขอหื้อความต๋ายปลดปล่อยเฮา หื้อออกจากความทุกข์ระทมข่มไหม้ เรือนก๋ายของเฮาขออุทิศหื้อผืนแผ่นดินผืนนี้"
เจ้าน้อย...เจ้าน้อยภูมินทร์ น้องจักจดจำใบหน้าของเจ้าอ้ายตลอดไป...
หลังจากตั้งสัจจาอธิฐาน สายลมหอบใหญ่ก็พัดเข้ามา เจ้าจันทร์งามนางผู้งามดั่งจันทร์ฉายฉานก็รู้สึกใจชื่นขึ้นมาในกระนั้น
"สาธุ ขอหื้อคำอธิฐานแห่งข้าเจ้าเป๋นจริงสักกำเต๊อะเจ้า"
เจ้านางนึกกระหยิ่มอยู่ในใจ ดวงหน้างามเริ่มจะมีรอยเลือดแต่งแต้มให้กรอบหน้านั้นงามกว่าเดิมขึ้นมาก
ความสดใสเดินทางมา พร้อมกับความเชื่อที่ว่า นางจะต้องลั่นผาได้ดังไปไกลอย่างแน่นอน
เจ้าแสนเมืองเปิ้นเปิดทางให้แล้ว ขอเพียงอินผาช่วยเหลือนางอีกสักครั้ง เท่านี้แล้วบุญของนางก็จักสมพากลับไปหาเจ้าน้อยภูมินทร์อีกครั้ง
เท่านี้นางก็ดีใจมาก แล้วนางจะไม่ขออะไรอีก
ขอสักครั้งเถอะ...ให้ผาลั่นไปไกล
สาธุ...
"แห๋มไก๋ก่คำแปง จึ่งจะถึงผาลั่นจันทร์เสี้ยว" นางหันมาทางนางคำแปงพี่เลี้ยง แล้วเอ่ยถามด้วยใบหน้าแจ่มใสกว่าเดิมมาก
"เจ้าแสนเมืองเปิ้นว่า แค่ข้ามเขาลูกนี้ไปแห๋มน่อยนึ่ง เฮาก่จะหันทางขึ้นผาแล้วเจ้า ขึ้นไปแห๋มบ่เมินก่จะถึงเจ้า"
"เฮาฮู้สึกโล่งอกโล่งใจ๋ขนาดที่เจ้าแสนเมืองเปิ้นอู้จะอั้นกับเฮา คำแปงเปิ้นหันใจ๋เฮาแล้วไจ้ก่"
"เจ้า...เจ้าเปิ้นยอมเสียสละหื้อเจ้านางแล้วเจ้า แต่...เจ้านางเสี่ยงทายจะอี้ คำแปงกลั๋ว..."
"บ่...บ่ต้องกลั๋ว ผานั่นจะต้องลั่น คำแปงบ่ได้ยินก่า เจ้าผู้ชนะสิบทิศเปิ้นเคยมาลั่นผานั่นหลายเตื้อ เฮาเจื้อว่าผานั่นจะลั่นได้อย่างแน่นอน"
"แต่เจ้านางเจ้า...คำแปงว่าเจ้านางเผื่อใจ๋ไว้ตวยหนาเจ้า"
ประโยคนั้นจบลง ก็พาลพาเอาความเงียบมาเยือนคนที่นั่งอยู่ในกูบหลังนั้นไปด้วย เจ้าจันทร์งามไม่ยอมพูดถึงคำว่าไม่ได้เพราะนางเชื่อ ในอดีตเจ้าพญาบาเยงนองเคยมาลั่นผานั้นบ่อยๆ นางคิดว่าเมื่อคนอื่นลั่นได้หลายครั้ง ให้นางไปลั่นแค่ครั้งเดียวมันคงจักเป็นผลแน่ ประกอบด้วยบุญพาที่เคยทำร่วมกับเจ้าน้อยภูมินทร์จะต้องทำให้นางลั่นผาได้อย่างแน่นอน
นางเชื่อ พระธาตุเจ้าแห่งเชียงหมิ่นจะต้องช่วยเหลือนางอีกทาง
แต่...
นางก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเป็นเช่นนั้น...ยังนึกหวั่นใจไม่หายเลย
ตะวันเคลื่อนคล้อยแลลาลับไปมากแล้ว เวลานั้นทำให้เจ้านางน้อยแห่งวรนครอดจะตะลึงตะลานตากับสิ่งที่เห็นไม่ได้ ไกลออกไปไม่มากนักเหนือทิวเขาซึ่งตั้งเด่นอยู่อย่างเดียวดาย แค่เพียงยอดเดียว ล้อมรอบด้วยหมู่ทิวเขาน้อยใหญ่ซึ่งวางตัวลดหลั่นเหมือนอย่างบริวารของเขาสูงแห่งนั้นเลยก็ว่าได้
แลยอดภูที่สูงที่สุดของทิวเขานั้นเองปรากฏยอดเขารูปจันทร์เสี้ยวแขวนอยู่เหนือขึ้นไป ดั่งจันทร์เสี้ยวในคืนเดือนแรมแขวนยังปลายฟ้ากระนั้น
แม้ความร้อนจนทำให้เหน็ดเหนื่อยกับการเดินทางมามากเท่าไร แต่เมื่อเห็นภาพตรงหน้าแล้วเจ้าจันทร์งามแลนางบ่าวทั้งสองต่างก็พากันสมหวังและรู้สึกยินดีกันถ้วนหน้า
สายลมเย็นพัดให้พอระบายความร้อนอบอ้าวในยามกลางวันไปได้บ้าง ทุกชีวิตต่างชื่นชมกับภาพสวยที่เห็น ยอดผาสูงรูปจันทร์เสี้ยวช่างงามนัก แม้จะเห็นจากแค่เชิงดอยและที่ไกลๆ ยังสวยมากขนาดนี้แล้ว เมื่อไปเห็นใกล้ๆ หน้าผาซึ่งกำลังสะท้อนแสงอาทิตย์จะสวยขนาดไหน
เจ้าจันทร์งามคลี่ยิ้ม ในยามที่แหงนเงยมองหน้าผางามซึ่งอยู่เหนือขึ้นไป
ในที่สุดนางก็มาถึง...โอ...เจ้าข้าเอ๋ย ด้วยสัจจาอธิฐานของข้าที่ปรารถนามานี้ขอให้สมหวังสักทีเถอะ
ผาลั่นอยู่เบื้องหน้า แลนี้ต่อไปนางจักได้ลั่นผาสักที
"งาม...งามแต้ๆ น้อ คำแปง มะปิง"
"เจ้า...งาม งามนักงามหลาย" มะปิงกุมมือตนเองที่เย็นเฉียบ แม้นที่เวียงนางจะล้อมรอบไปด้วยหน้าผาสูง แต่นางก็ไม่เคยเห็นผาที่ไหนจะงามล้ำขนาดนี้เลย
ดั่งจันทร์งามลอยเลือนอยู่กลางฟ้ากลางหาวก็ไม่ปาน...
"คำแปงว่าเก็บคำชมนี้ไปผ่อตอนที่เฮาขึ้นไปถึง เต๊อะเจ้า"
นางคำแปงเอ่ยแทรก ก่อนจะหันไปปรึกษากับเจ้าแสนเมือง ในการเดินทางขึ้นไปจนถึงยอดผางาม นางแลมองเลยไปด้านไหนก็มีแต่ป่าจะหาทางขึ้นทางไหนก็ไม่มี
"ใจ๋เย็นๆ เต๊อะ ตอนนี้เฮาอยู่ตี๋นดอยแล้ว จะขึ้นตอนนี้คงจะบ่ทันการเอาไว้วันพูกก่อนเต๊อะ หมู่เฮาค่อยขึ้นกั๋น"
"เป๋นอะหยังจึ่งบ่ขึ้นตอนนี้ละเจ้า"
เจ้าจันทร์งามใจร้อนเอ่ยถาม เจ้านางปรารถนาจะขึ้นไปลั่นผาในวันนี้ ไม่ใช่วันพรุ่งนี้ ยิ่งเลยนานนางก็ยิ่งรู้สึกซึ่งความร้อนรนในหัวใจ
ผาจักลั่นได้หรือไม่ได้
ต้องลั่นได้ ลั่นไกล...ผาลั่น แค่ชื่อก็บอกแล้วว่าจักต้องลั่นได้...
ความมืดโรยตัวลงมาอีกครั้ง พร้อมกับแสงไฟจากคบไฟซึ่งส่องสว่างแทนที่แสงแห่งดวงสริยา ความหนาวเหน็บแผ่ปกคลุมอาณาบริเวณแห่งนั้นเช่นเดียวกับเสียงพูดคุยของเหล่าทหารดังมาให้ได้ยินอยู่เป็นระยะ
คืนนี้เจ้านางรู้สึกอุ่นใจแม้นว่าจะไกลบ้านไกลเมืองไปทุกขณะ ทว่าเจ้านางยังหวัง หากนางลูบหน้าผาให้ลั่นได้ นางก็จะได้กลับคืนสู่เวียงวังอีกครั้งหนึ่ง
ขอให้บุญพาวาสนาส่ง ให้นางลูบผาลั่นได้อีกสักครั้ง บัดนั้นหัวใจของนางจักสมปรารถนาเสียที
แม้จะรู้สึกอุ่นใจ หากแต่อีกส่วนหนึ่งกลับยังนึกหวั่น มันเกิดอะไรขึ้นเหตุใดจึ่งได้คิดเช่นนั้นไปได้
ไม่..หน้าผานั้นจะต้องลั่นดัง หน้าผาที่นางลูบจะต้องลั่นดังไปไกลอย่างกับฆ้องโหม่งอย่างแน่นอน
คิดถึงใบหน้าของเจ้าน้อยภูมินทร์ซึ่งยังติดตรึงอยู่ในหัวใจ ปานนี้เจ้าพี่ยาจักเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ เจ้าน้อยจะรู้บ้างหรือเปล่าว่าวันพรุ่งนี้นางจักเสี่ยงทายเพื่อให้นางได้มีบุญแลกลับไปหาเจ้าน้อยอีกครั้ง
เจ้าแสนเมืองเปิดทางให้แล้ว อย่างน้อยเขาก็เห็นใจนาง
เด็กสาวมะปิงขยับเข้ามาใกล้กับเจ้านางหลังจากได้จัดที่นอนให้เจ้านางน้อยเรียบร้อยแล้ว
"ที่นอนเสร็จแล้วเจ้า เจ้านางน้อยน่าจะนอนได้แล้วนะเจ้า วันพูกเฮาจะได้เดินขึ้นดอยไปเสี่ยงทายลั่นผาตั้งแต่เจ๊า"
"เฮาดีใจ๋ขนาดมะปิง ในที่สุดวันที่เฮารอคอยก่จะมาถึงแล้ว แห๋มบ่เมินเฮาก่จะได้ลั่นผาแลปิ๊กบ้านปิ๊กเมืองสักที"
"เจ้า...ข้าเจ้าก่ดีใจ๋เหมือนเจ้านางเลยเจ้า เกิดมาจาดหนึ่งได้เดินทางมาหันผาลั่นจันทร์เสี้ยวที่งามขนาดนี้สักเตื้อ ถือว่าเป๋นบุญหัวอีมะปิงนัก"
"วันพูกเฮาจะเสี่ยงทายลั่นผา ขอหื้อเฮาได้สมเจ้าน้อยตวยเต๊อะ"
"เจ้า...ข้าเจ้าจะเป๋นกำลังใจ๋หื้อเจ้านางน้อย แต่...เจ้านางเจ้า ถ้าหากว่าผาบ่ลั่นโละเจ้า เจ้านางจะเยี๊ยะจะใดต่อไป"
ประโยคนั้นทำให้ผู้ฟังถึงกับขนลุกซู่ รู้สึกเสียววูบไปทั่วร่างกาย เจ้านางจันทร์งามเลื่อนระดับสายตาแกมเศร้ามองหน้าของนางบ่าวคู่ชีพ ถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริงๆ แล้วนางจะทำอย่างไร
"ถ้าหน้าผาบ่ลั่น นั่นก่แสดงว่าบุญเฮาบ่สมพาเจ้าน้อยภูมินทร์ จาดนี้เฮาก่จะขอต๋ายตกไป จาดหน้าฟ้าใหม่ค่อยได้สมปี้อ้าย"
"เจ้านาง...บ่ดีอู้จะอั้นเน้อ ข้าเจ้าใจ๋บ่ดี"
"เฮาอู้แต้กามะปิง เฮาตัดสินใจ๋แน่แล้ว หากผาบ่ลั่น ที่นั่นจักเป็นที่ต๋ายของเธอ เฮาบ่มีวันยอมไปเป็นคนม่านรามัญดอก"
คำพูดและประกายตาอันแน่วแน่ฉายชัด อดจะทำให้มะปิงนึกหวั่นต่อคำพูดเหล่านั้นไม่ได้
หากเจ้านางเลือกจะตาย นั่นก็แสดงว่าเป็นการตัดสินใจที่เด็ดขาดแน่แล้ว
สาธุ...องค์พระธาตุเจ้าแห่งวัดเชียงหมิ่น ช่วยเห็นใจเจ้านางสักครั้ง ให้บุญสมพา หน้าผาลั่นได้สักครั้งเถอะ...
เช้าแล้ว...เสียงไก่ป่าไก่ดอยขานขันประสานเสียงปานประหนึ่งจักยินดีปรีดากับการมาเยือนของเจ้านางน้อยแห่งวรนคร...เจ้านางจันทร์งาม
เสียงกลอง เสียงฆ้องดังขึ้น เหมือนจะประโคมขึ้นพร้อมๆ กันจากเหล่าทหารหาญ เสลี่ยงคานหามซึ่งถูกสร้างเอาไว้ตั้งแต่ช่วงบ่ายของเมื่อวานจนแล้วเสร็จในค่ำของวันนั้นถูกยกขึ้นมาวางลงตรงหน้ากระโจมของเจ้าจันทร์งาม
เจ้าแสนเมืองเดินนำเหล่าทหารที่หามคานเสลี่ยงมาหยุดอยู่ตรงหน้าของเจ้านางน้อยแห่งวรนคร ด้วยรอยยิ้มเรียบเฉยไม่บ่งบอกอาการใดๆ ทั้งสิ้น
"จะใดถึงได้หื้อเฮาขึ้นเสลี่ยง ขึ้นจ๊างไปบ่ได้กา" เจ้านางถามด้วยประกายตาใคร่รู้
เจ้าแสนเมืองคลี่ยิ้ม หันไปมองเสลี่ยงคานนั้นนิดหนึ่งก่อนจะตอบ
"ทางขึ้นเขามันจิ้งนัก เอาจ๊างขึ้นไปบ่ได้หรอกเจ้าน้อง เจ้างามจะต้องขึ้นเสลี่ยงไปเต้าอั้น"
"ก่าเจ้า...จะอั้นจะช้าอยู่ไย ไปได้แล้วเจ้าข้าเจ้าพร้อมแล้ว"
ว่าพร้อมกับมองขันดอกพานสีเงินซึ่งมีดอกไม้วางอยู่ บนมือด้วยความปรารถนาอันแรงกล้า อีกไม่เท่าไรแล้วสินะที่นางจะได้เสี่ยงทายลูบผาลั่น นางคลี่ยิ้มแล้วส่งให้กับเจ้าแสนเมืองนิดหนึ่ง ก่อนจะเคลื่อนกายขึ้นไปนั่งบนเสลี่ยงคานหาม เช่นเดียวกับนางคำแปงและมะปิงที่ขยับเข้าไปยืนด้านข้าง คอยเดินตามไม่ให้ห่างกันนัก
เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างพร้อม ขบวนเดินทางของเจ้าจันทร์งามจึงเริ่มขึ้น เจ้าแสนเมืองแลทหารเดินนำไปตามเส้นทางเกวียนที่ทอดหายไปกับความมัวสลัวของสายหมอกยามเช้า ตามด้วยเสลี่ยงคานหามเจ้านางน้อยแห่งวรนคร แลตามด้วยเครื่องเซ่นสรวงซึ่งจัดเตรียมกันเอาไว้ตั้งแต่เย็นวาน ทุกสิ่งทุกอย่างพร้อมสรรพ รอแต่เพียงการบำบวงบูชาและลั่นหน้าผาเสี่ยงทายของเจ้าจันทร์งามเท่านั้น
อากาศหนาวเย็นแผ่ซ่านไปทุกกระเบียดนิ้วของพื้นที่ เจ้าจันทร์งามกระชับผ้าตุ๊มผืนใหญ่ขึ้นห่มไหล่อีกครั้งเพื่อจะให้มันได้คลายความหนาวที่มันเกาะกุมเข้าไปถึงหัวใจ เสียงไก่ยังคงขานขันกันอยู่เป็นระยะ เส้นทางเกวียนเริ่มสิ้นสุดลงอีกครั้ง จากนั้นก็เป็นทางขึ้นเขาที่เริ่มจะลาดชันไปตามลำดับ จนข้อมือน้อยต้องจับเสาไม้ที่ทำเป็นหลังคากูบบังน้ำค้างแลแสงแดดเอาไว้จนแน่น
สองข้างทางเริ่มมีแต่ต้นไม้อันหนาทึบ บางช่วงมีแต่ทางที่ลาดชันขึ้นสูง สองข้างทางเป็นเหวลึกจนเห็นแต่ยอดไม้ที่อยู่ไกลลิบลิ่วอยู่ด้านล่างว่าแล้วหัวใจนางก็สั่นไหว นึกหวาดกลัวหากว่าตนต้องตกลงไป เศษซากของนางจักต้องไม่มีให้เห็นอย่างแน่นอน
เจ้าน้อยภูมินทร์...บัดนี้น้องกำลังจะขึ้นมาเสี่ยงทายบนหน้าผาลั่นแล้วเน้อ น้องจักขอพรแลเสี่ยงทายหื้อเฮาสองคนได้สมกั๋น เจ้าพี่ช่วยน้องภาวนาด้วยเน้อ...
ยกสองมือขึ้นพนมทั้งขันดอก ระลึกถึงใบหน้าเกลี้ยงมนสะอาดสะอ้านของเจ้าน้อยภูมินทร์เป็นแม่นมั่น ขอเถอะองค์อินทร์สรวงแห่งชั้นฟ้าแลพระธาตุเจ้าแห่งวัดเชียงหมิ่นขอให้ช่วยเหลือให้นางได้สมใจสักครั้งเถอะ
สายหมอกที่ลอยหนาบัดนี้ยิ่งหนาแน่น จนบางช่วงเห็นอย่างเต็มๆ ว่าเม็ดสีขาวซึ่งลอยหนาเม็ดอยู่ตรงหน้าจะตกกระทบใบหน้าจนคล้ายดั่งละอองฝนเม็ดเล็กๆ จนตามตัว ตามเสาไม้เสลี่ยงคานหามมีแต่เม็ดสีขาวเล็กๆ เกาะอยู่เต็มไปหมด แลเมื่อเอามือลูบตรงส่วนไหนก็จักแปรสภาพเป็นหยาดน้ำอย่างเห็นได้ชัด
หมอก...บางครั้งถ้าหนาเม็ดก็เรียกเหมย แลหากมันตกจนมืดมนไปหมดก็จักเรียก เหมยจ๊าง เพราะมันเหมือนดั่งเม็ดฝนเม็ดใหญ่ ไม่ต่างกันนักดอก
สายลมยังคงพัดเอาความหนาวเหน็บมาเยือนอยู่เป็นระยะ เวลานั้นผ่านไปนานนักแล้ว ทว่าก็ยังไม่ถึงยอดเขาสูงสักที มันไกลขนาดนี้เลยหรือว่าบุญของนางไม่สมพอ จึ่งยังไม่เห็นผางามจันทร์เสี้ยวซึ่งลอยเลือนอยู่ตรงหน้า คล้ายดั่งเอื้อมคว้าถึงได้
ถึงว่าเจ้าแสนเมืองไม่อยากจะให้เจ้านางขึ้นดอยมาตั้งแต่เมื่อวานเพราะถ้าฝืนขึ้น คงจะมืดกันกลางทางแน่แล้ว ขนาดวันนี้ยิ่งสูงมวลไอเย็นที่พัดระห่มกายมันยังไม่จางหาย แสงอาทิตย์ซึ่งคิดว่าจะมาช่วยชำระไอเย็นลงไปบ้างก็ไม่มีให้เห็น ยิ่งนานหมอกเหมยยิ่งลงหนา ยิ่งนานแสงอาทิตย์ก็เหมือนจะยังหลบมุมอยู่ใต้เหลี่ยมเขาที่ไหนสักแห่งหนึ่ง
ปานว่ามันจักกำลังช่วยปิดบังหน้าผางามไม่ให้นางสมใจกระนั้น
ไม่...เป็นไปไม่ได้ เจ้าแสนเมืองจะต้องไม่โกหกนาง เจ้าเปิ้นได้บอกแล้วว่าจะพานางไปเสี่ยงทายลั่นผา เขาเคยบอกว่าชาติเชื้อชาวอังวะจะไม่โกหก แลนางก็เชื่อ เจ้าแสนเมืองจะต้องไม่สับปลับคำพูดตนแน่นอน
ขอเถอะ...นางมาเพื่อขอความช่วยเหลือ ขอให้องค์อินทร์แถนฟ้าช่วยเหลือนางอีกสักครั้ง แลให้นางได้เสี่ยงทายลั่นผาให้ดังไปไกลดั่งคำขานขอสักทีเถอะ
สายลมพัดวูบมาอีกครั้ง เหมือนดั่งจะขานรับต่อคำซึ่งตั้งจิตอธิฐานของเจ้านาง หมู่เมฆหมอกสีขาวซึ่งลอยตัวเป็นเส้นสายหนาตาไปหมด ถูกพัดไปด้านข้างอีกครั้ง เสมือนผ้าแพรถูกลมพัดวูบ ดวงตาคู่สวยของเจ้านางเบิกขึ้นในยามนั้นภายในครองจักษุอันเด่นชัด ปรากฏก้อนหินใหญ่สีทองและเหนือขึ้นไปเป็นรูปจันทร์เสี้ยวเดือนแรมยามสะท้อนแสงทองของอาทิตย์ช่างสวยงามยิ่งนัก
แล้วม่านนั้นก็ถูกปิดลงอีกครั้ง...
โอ...งามนัก งามหลาย ผาจันทร์เสี้ยวอยู่ไม่ไกลแล้ว อีกไม่เท่าไรนางก็จักไปถึงแล้ว
พลันหัวใจนางก็แช่มชื่น องค์อินทร์ฟ้าผีแถนทรงรับฟังคำอธิฐานของนางแล้ว ปานว่าท่านจะเข้าใจในคำขอของเจ้านาง เปิดม่านฟ้าให้นางเห็น รอเถอะ...รออีกสักประเดี๋ยว นางก็จักถึงยอดผาแล้วและจะได้ทำอย่างที่ตั้งหวังเอาไว้ให้สมกับความมุ่งมาดปรารถนา
จากนั้นไม่นาน ทางที่ขึ้นลาดชันก็เริ่มย่นระยะลง ก่อนจะกลายเป็นทางเรียบไม่มีหินผาให้คนหามเสลี่ยงเดินสะดุด มันเริ่มจะเป็นทางลาดตรงเหมือนพื้นปรกติ ปานว่าบัดนี้นางจะได้ขึ้นมาอยู่บนสันเขา อันมีสายลมแลสายหมอกอันหนาวเหน็บมาคอยโอบล้อมอยู่โดยรอบให้เหน็บหนาว
แม้จะเหน็บหนาวสักเพียงไร หากเพลานี้หัวใจนางกลับเต้นรัวด้วยความปรารถนาที่จะเป็นผลในไม่ช้านี้แล้ว นางจักเสี่ยงทายลูบผาลั่นแล้ว ความหนาวที่เกาะกินทุกอณูของร่างกายบัดนี้กลับไม่มีผลอีกต่อไป
"เจ้านาง...ผ่อปู้นโละ ผางาม ผาจั๋นเสี้ยว"
เสียงของนางคำแปงดังขึ้น พร้อมกับขบวนเสลี่ยงนั้นได้หยุดลง ทหารค่อยๆ วางเสลี่ยงลงกับพื้นเพื่อจะให้คนซึ่งนั่งบนนั้นได้ลงมาและได้เห็นผางามอย่างเต็มตา
แสงสีทองอร่ามเรืองปรากฏชัดในครองจักษุ ปานว่าจะฉายออกมาจากก้อนหินก้อนใหญ่อันสถิตอยู่เบื้องหน้า เจ้านางน้อยแห่งเวียงวรนครคลี่ยิ้มอย่างปีติยินดี มือนางที่กอบกำพานขันดอกเย็นเฉียบ ภาพที่สวยสดงดงามเบื้องหน้า ไม่อาจจะเอาคำไหนมาพรรณนาได้เกินกับสิ่งที่เห็นอีกต่อไปแล้ว
หน้าผารูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวช่างสวยงามนัก งามดั่งแขวนลงมาจากฟากฟ้ากว้าง...รัศมีสีเงินสีทอง เปล่งประกายออกมาจากผานั้นในยามที่ต้องแสงอาทิตย์ยามสายของวันนั้น ซึ่งจู่ๆ ก็โผล่พ้นออกมาจากเหลี่ยมดอยสาดส่องลงมายังพื้นที่ดังกล่าว สายหมอกที่หนาทึบในคราวแรกเริ่มเบาบางจางลงในยามที่ต้องแสงอาทิตย์อันแรงกล้า อาณาบริเวณที่กว้างขวางของพื้นที่ มีเหล่าหญ้าเหล่าไม้พุ่มขึ้นอยู่หนาทึบไปหมด แต่ตรงด้านหน้าของผาจันทร์เสี้ยวนั้นกลับโล่งเตียนปานว่าจักมีใครมาแผ้วถางเอาไว้รอก่อนหน้า
ช่างวิเศษนัก แค่แผ่นผารูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว ในยามต้องแสงอาทิตย์นั้นช่างสวยสดงดงามเป็นยิ่งนัก
โอ...เช่นนี้ฤา จึ่งเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ที่กษัตริย์ผู้ซึ่งชนะสิบทิศมาขอพรลั่นผาอยู่ประจำ
"งาม...งามแต้ๆ เจ้า"
นางคำแปงดูจะตะลึงตะลาน นางเบิกตากว้างจ้องมองหน้าผางามอย่างไม่เชื่อต่อสายตาของตนเอง
"ไจ้แล้วคำแปง หน้าผางามช่างงามขนาด"
"งามอย่างอินทร์แถนชั้นฟ้าเปิ้นมาปั้นแต่งแต้ๆ เจ้า" นางมะปิงเอ่ยแทรกขึ้นอีกคนหนึ่ง
"ไจ้แล้วเจ้างาม...ผาจั๋นงามเปิ้นงามอย่างอินทร์ฟ้าปั้นแต่ง อ้ายว่าเฮาเข้าไปผ่อกั๋นใกล้ๆ เต๊อะ เดี๋ยวอ้ายจักหื้อทหารได้ตั้งเครื่องเซ่นสรวงบำบวงองค์อินทร์ฟ้าแถนหลวงตวย"
เจ้าแสนเมืองเดินเข้ามาหาเจ้าจันทร์งามนางผู้งามทั้งแหล่งหล้าแลฟ้าดิน ไม่เคยมีแม่หญิงคนไหนที่เจ้าแสนเมืองจักเคยเห็นว่างามกว่าแม่หญิงผู้นี้อีกแล้ว หากแต่จักทำอย่างไรได้ ก็ในเมื่อตอนนี้หัวใจของนางอยู่กับใครอีกคนหนึ่ง แม้เขาจักทำดีอย่างไร เจ้านางก็ไม่เคยแบ่งใจมาให้กับเขาสักน้อยนิด
แม้นว่าจักได้ร่วมเรียงเคียงหมอน...หากกลับได้เพียงแค่ร่างกาย หัวใจนางกลับไม่ได้อย่างใดเลย...
สิ่งที่ทำดี เป็นได้แค่เพียงเท่านี้จริงๆ หรือ
คิดแล้วก็ปวดหัวใจ อุตส่าห์ทำทุกอย่างเพื่อให้นางเห็นใจ ตลอดหลายวันมานี้ เจ้านางกลับมีปรารถนาที่แน่วแน่เพียงอย่างเดียว นั่นก็คือการกลับคืนสู่เวียงแก้ว และอีกอย่างที่ทำให้เจ้าแสนเมืองเจ็บมากกว่านั้น ก็คือ หัวใจของเจ้านางมีแต่เจ้าน้อยภูมินทร์เพียงคนเดียวเท่านั้น
พอเถอะ...เมื่อทำให้นางมารักเขาไม่ได้ ก็ขอให้ได้ช่วยเหลือนางให้เต็มที่ก็แล้วกัน
สาธุองค์อินทร์แถนแห่งชั้นฟ้า ขอให้ช่วยเหลือให้แม่หญิงนางนี้ลูบผาลั่นด้วยเถอะ...
ผาลั่น...เจ้านางจักต้องลูบผาจนลั่นดังไกล อย่างเจ้าปู่ทวดบาเยงนองซึ่งเคยทำ
ทั้งเจ้าแสนเมือง เจ้านางจันทร์งาม นางคำแปงและนางมะปิง เดินตามกันมาหยุดยังเชิงผากว้าง ที่ซึ่งบัดนี้มีหน้าผาแผ่นกว้างขนาดสองคูณสองเมตรวางอยู่ เหนือแผ่นผาเป็นหินรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยววางตั้งอยู่อีกทีหนึ่ง ซึ่งวางเสี่ยงต่อแรงดึงดูดของโลกยังริมหน้าผาสูงชัน เจ้านางมองแลก็นึกประหลาดนัก
เพียงแค่เศษเสี้ยวของการยึดติดหินก้อนใหญ่กับหินจันทร์เสี้ยว เหตุใดถึงได้แม่นมั่นปานนั้น
กลัวว่าจักหักแล้วพังทลายลงสู่ห้วงเหวเบื้องล่าง ทว่าเหตุใดหินก้อนนั้นจึ่งไม่หลุดตกลงไป เสมือนดั่งว่ามีเชือกเส้นใหญ่ที่มองไม่เห็นคอยพันธนาการเอาไว้
นับได้ว่าเป็นสิ่งที่อัศจรรย์นัก
ผาลั่นจันทร์เสี้ยว...ผาจันทร์เสี้ยว ช่างงามนัก
"จะหื้อเฮาทำจะใด เจ้าแสนเมือง" เจ้าจันทร์งามเอ่ยถามเจ้าแสนเมืองด้วยระดับเสียงที่เรียบปกติ
"ประเดี๋ยวอ้ายจะหื้อคนตั้งเครื่องบูชา แล้วจึ่งจะหื้อเจ้านางเข้าไปลูบผาเสี่ยงทาย"
"ก่ได้ จะอั้นก่หื้อคนตั้งแท่นปูจาก่า"
เมื่อเห็นว่าเจ้านางพูดเช่นนั้น เจ้าแสนเมืองก็หันไปสั่งลูกน้องให้นำเสื่อแหย่งมาปูข้างๆ กับเชิงผาแผ่นงามนั้น เพื่อจะให้เจ้านางตั้งพิธีบูชาผีฟ้าผีแถน เทวดาซึ่งประจำที่แห่งนั้นและจะได้อธิฐานเสี่ยงทายต่อไป
"จะหื้อเฮาทำจะใดแห๋ม"
หลังปรัมพิธีตั้งเสร็จเรียบร้อยแล้ว มีเครื่องเซ่นสรวงอีกมากมายวางอยู่ตรงหน้า ทั้งหัวหมู ไก่ต้ม ผลไม้ป่าไม้ดง ทั้งดอกไม้ธูปเทียนซึ่งได้เตรียมมา เจ้าจันทร์งามวางขันดอกลงตรงหน้าที่ว่าง ขณะเจ้าแสนเมืองขยับเข้ามายืนเคียงข้างแล้วบอก
"เจ้านางจุดธูปแล้วจึ่งยกขันดอกอธิฐานเต๊อะ อธิฐานตามแต่ที่เจ้านางจักปรารถนา..." เจ้าแสนเมืองเอ่ยด้วยน้ำเสียงเบาหวิว ประกายตาสั่นระริกอย่างนึกกลัว
หากว่าผาลั่นสำเร็จ ตนจักต้องปล่อยนางไปตามที่นางขอจริงๆ หรือ...แล้วหากว่าผางามไม่ลั่นล่ะ เจ้านางจะทำอย่างไร...หลากหลายคำถามเวียนวน เจ้าแสนเมืองมองกรอบหน้าสวยหวานงามหยดย้อยของเจ้างามเนิ่นนานปานจักจดจำใบหน้านี้ตลอดไป หากว่าตนจักต้องทำตามสัจจะวาจาที่ให้ไว้กับนางจริงๆ
"แล้วมันจะลั่นได้ก่าเจ้าแสนเมือง ข้าเจ้าบ่หันว่าแผ่นผาจะเหมือนกับฆ้องโหม่งตี้เวียงแก้วของข้าเจ้าเลย" นางคำแปงเอ่ยขึ้น อาการหวั่นไหวเข้าจู่โจมไม่แพ้กับผู้ที่จะเสี่ยงทาย แผ่นผาหนาแน่นปานนั้น จักลูบเท่าไรมันถึงจะลั่นดังได้
"จะอั้นเปิ้นจะเรียกว่าเสี่ยงทายได้จะใดนางคำแปง เปิ้นว่าอยู่ที่บุญวาสนาของผู้ที่ขอเสี่ยงทายตวย"เจ้าแสนเมืองเอ่ย
"ก่ได้ เฮาก็จักลูบแผ่นผาผ่อสักครั้ง สาธุพระธาตุเจ้าแห่งเชียงหมิ่น สาธุองค์อินทร์ฟ้าผีแถน เตวดาเจ้าเมือง ข้าเจ้ามาถึงที่นี่แล้ว ขอหื้อช่วยเหลือกั๋นสักกำเต๊อะเจ้า"
ยกมือขึ้นไหว้สา ก่อนจะขยับเข้าไปนั่งอยู่บนเสื่อ นางคำแปงและนางมะปิงขยับเข้าไปนั่งอยู่เคียงข้าง หัวใจที่เต้นรัวยังนึกหวั่นไม่หาย
นางค่อยๆ ยกขันดอกขึ้นยอเหนือหัวอีกครั้ง ก่อนจะหันมาส่งยิ้มให้กับนางทั้งสองและหยิบดอกไม้ในพาน ซึ่งส่วนมากจะเป็นกลีบดอกคำปู้จู้สีเหลือง หรือดอกดาวเรือง ทั้งดอกเก็ตถวาสีขาวส่งกลิ่นหอมเย้ายวน นางโปรยไปข้างหน้าหนึ่งกำมือ ขณะเหล่าดอกไม้เหล่านั้นก็ปลิวว่อนไปตามสายลมอย่างสวยงาม เจ้าจันทร์งามวางขันดอกลงตรงตำแหน่งเดิมแล้วพนมมือระหว่างอก ดวงเนตรงามปานเนตรเนื้อทรายหลับพริ้ม กลั้นใจอธิฐานขอพรแลเสี่ยงทาย
สาธุเจ้า แผ่นฟ้าจันที
หากบุญข้ามี ได้สมเจ้าข้า
ผางามลั่นได้ บุญจักสมพา
หื้อแผ่นหินผา ลั่นดัง
หลังได้ตั้งสัจจาอธิฐาน ลมหอบใหญ่ก็พัดกรรโชกเข้ามา เส้นผมเส้นเล็กๆ ซึ่งพ้นออกมาจากผ้าโพกปลิวไสว เจ้าจันทร์งามคลี่ยิ้มปานนี้องค์อินทร์ฟ้าผีแถนคงจักรับทราบแลเห็นใจนางแล้ว
นางหยัดกายลงคุกเข่า เงยหน้าขึ้นมองแท่งหินรูปจันทร์เสี้ยวนิดหนึ่ง หลับตาตั้งหมั่นจิตเจ้านางแน่วนิ่ง ขอผาทะนาให้สิ่งที่ขอสมปรารถนาสักครั้ง ก่อนจะวางฝ่ามือเรียวบางลงทาบกับแผ่นผางามอย่างแผ่วเบา
เจ้าจันทร์งามค่อยๆ วาดมือลูบแผ่นผาอย่างเชื่องช้า...ทว่า ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงเดิม จะมีแต่เพียงเสียงลมหนาวพัดพาผ่านกายนางไปเท่านั้น
เจ้านางเงยหน้าขึ้นมองจันทร์เสี้ยวด้วยใบหน้าตื่นตระหนก...
ผางามไม่ลั่น...บุญนางบ่สมพา
เจ้าเฮย หันใจ๋ข้าเต๊อะ ช่วยข้าสักครั้ง
ครั้งแรกนางไม่เชื่อ ตั้งจิตอันเที่ยงมั่นอีกครั้ง น้ำตานางหลากรินเงยหน้ามองแผ่นจันทร์เสี้ยวซึ่งมีหยาดน้ำค้างเกาะพราวกำลังสะท้อนแสงอาทิตย์วิบวับอย่างสวยงาม หัวใจนางเต้นรัวเร็ว นึกหวั่นกลัวไปต่างๆ นานา
โบกมือลูบผางามอันเกลี้ยงเกลาจนครบสามคาบ หากแต่ทุกสิ่งทุกอย่างยังเหมือนเดิม
ไม่มีเสียงอะไรดังออกมา...นางลูบผางามไม่สำเร็จ
แลฤาบุญไม่สมพากัน นางมิอาจจะลูบหน้าผาจนลั่นได้ เจ้านางน้อยแห่งวรนครสะอื้นร่ำไห้ปานว่าจักขาดใจอยู่ในเวลานั้นแล้ว หยาดน้ำตานองหน้าอย่างน่าสงสาร ลูบผางามทั้งสามครั้งทว่าทุกอย่างก็คงเดิม...ผางามไม่ลั่น เสียงไม่ดังไปไกลอย่างที่นางคิด
เป็นไปไม่ได้...
ในอดีตเจ้าฟ้าเมืองหงสาเปิ้นยังลูบผาจนลั่นได้ เจ้าแสนเมืองเปิ้นไม่ได้โกหกนางอย่างแน่นอน แล้วเหตุไฉน นางมาลูบครานี้ผางามจึ่งไม่ลั่นอย่างที่คิด
อย่างคนบ้าใบ้ เจ้านางกระทำอยู่เช่นนั้นหลากหลายครั้ง จนนางมะปิงแลนางคำแปงอดจะร่ำไห้สงสารในตัวนางไม่ได้ โผเข้าไปโอบกอดห้ามการกระทำเหล่านั้นของเจ้านาง แล้วเตือนสติให้นางเห็นถึงความจริง
แผ่นหินหนาแน่นปานเนื้อเดียวกัน มันมิใช่เหล็กกล้าอย่างฆ้องโหม่ง ต่อให้นางลูบจนมือหักมืองอ เสียงก็ไม่ดังอย่างที่คิดได้หรอก
คำอธิฐานเสี่ยงทายไม่สัมฤทธิ์ผล เจ้าแสนเมืองไม่ได้โกหก บัดนี้ก็เหมือนโกหก เจ้านางเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายด้วยใบหน้าสวยที่นองน้ำตา หากเจ้าแสนเมืองกลับยังแสดงสีหน้านิ่งดุจเดิม ไม่สะทกสะท้านต่อสายตาดุกร้าวของเจ้าจันทร์งามสักนิด
"คำแปง มะปิง ผางามบ่ลั่น หน้าผางามบ่ได้ลั่นดัง"
"เจ้า...ผางามบ่ลั่น บุญเจ้านางบ่สมพาเจ้าน้อยเปิ้น"
มะปิงโผเข้าโอบกอดเจ้านางน้อยเอาไว้แน่น นึกหวั่นต่อคำพูดบางคำของเจ้านางที่พูดเอาไว้เมื่อคืนก่อน
"เฮาจะต๋ายแล้วมะปิง เฮาจะต๋ายแล้ว"
เสียงสะอื้นไห้ยังไม่หมด หนาวเยือกไปจนถึงขั้วหัวใจ ปานนี้หัวใจของนางแหลกสลายแล้ว ความหวังทั้งหมดพังครืนลงไม่มีชิ้นดี บุญนางไม่สมพาบุญนางจะหมดสิ้นแค่นี้แน่แล้วฤา
"ผางามบ่หันใจ๋เฮา มันบ่ลั่นคำแปง เฮาจะต๋ายแล้ว"
เจ้านางจันทร์งามยังคงสะอื้นร่ำไห้อยู่เช่นนั้นปานคนบ้าใบ้ไร้จริต นางคำแปงก็สะอื้นร่ำไห้ไม่แพ้กัน นางรู้ว่าเจ้านางเจ็บแลนางก็เจ็บไม่แพ้กันที่เห็นสภาพแบบนี้ของเจ้านาง
"พอเต๊อะเจ้า เจ้าดวงดอกไม้ของคำแปง บ่ไห้แล้วเจ้า บ่ไห้แล้ว เฮาทำดีแล้ว บ่ไห้แล้วหนาเจ้า บ่ไห้"
หลังทุกสิ่งทุกอย่างเสร็จสิ้น สายลมหอบใหญ่จึงลอยเข้ามาอีกครั้ง อณูความหนาวเย็นห่างหายไป พร้อมกับความร้อนของมวลอากาศที่สาดมาจากพระอาทิตย์ดวงใหญ่เหนือหัว ซึ่งแผ่เข้ามาแทนที่ เจ้าจันทร์งามหยัดกายอันอ่อนแรงนั้นขึ้น ด้วยการพยุงของนางมะปิง
บัดนี้หัวใจของนางแหลกสลายไปแล้ว บุญของนางไม่สมเจ้าน้อยภูมินทร์แน่จริงหรือ...
"มะปิง" เอ่ยเรียกนางบ่าวผู้เปรียบเสมือนเพื่อนรักที่ติดสอยห้อยตามกันมาตั้งแต่เด็กๆ "เฮาลั่นผาบ่ได้" เอ่ยทั้งน้ำตาที่นองหน้า กรอบหน้าสวยซบซุกยังหัวไหล่ของนางมะปิง
"เจ้า...ผางามบ่ได้ลั่นเจ้า" นางมะปิงทวนคำนั้นด้วยหัวใจที่สั่นหวิว
"เฮาจะต๋ายแล้วมะปิง บุญเฮาบ่สมวาสนา เฮาจะต๋ายแล้วมะปิงเอ๋ย"
"บ่ดีอู้จะอั้นเน้อเจ้านาง มันบ่ดีนะเจ้า"
นางมะปิงหัวใจเต้นรัว นึกถึงคำพูดบางคำของเจ้านางที่เคยได้พูดกับนางเมื่อคืน...นางจักตายหากผางามไม่ลั่นดั่งใจหมาย
เจ้าจันทร์งามคลี่ยิ้ม หยิบเอาดอกไม้ไหวที่ยังคงปักอยู่บนหัวและผ้าโพกศีรษะออกอย่างเชื่องช้าแล้วส่งให้แก่นางมะปิง
"ผ้าโพกหัวแลดอกไม้ไหวดอกนี้ เฮาฝากเจ้าไปถวายเจ้าป้อเจ้าแม่ตวยเน้อ บุญเฮาบ่สมพาเฮาบ่อาจที่จักกลับไปผ่อหน้าท่านได้ และเฮาบ่อยากเป๋นจาวม่านรามัญ เฮาจึ่งจะต๋ายตี้นี้ เฮาจะต๋ายยังเขตแดนบ้านเฮาเมืองเฮานี้"
"บ่ดีอู้จะอั้นเน้อเจ้านาง เจ้านางจะต้องอยู่แลคอยวันที่เฮาปิ๊กกลับเวียงไปกับข้าเจ้าแลมะปิงเน้อเจ้า"
นางคำแปงขยับเข้ามาปลอบประโลมเจ้านางจันทร์งามอีกผู้หนึ่ง หลังจากที่ได้ขยับไปจัดการกับการเก็บสิ่งของเครื่องเซ่นไหว้บูชาเรียบร้อยแล้ว
เจ้าจันทร์งามคลี่ยิ้ม เรียวปากซีดเซียวกรอบหน้านั้นหมองเศร้าอีกครั้ง นางส่ายหน้าก่อนจะบอก
"บ่ได้ เฮาบ่ไปไหนทั้งนั้น เฮาจะต๋ายลงตี้นี้ในเมื่อบุญบ่สมพากับเจ้าน้อยแล้ว เฮาจะบ่ขอข้ามฟ้าเขตแดนไปบ้านเมืองม่าน เฮาจักต๋ายลงตรงนี้แลจักรอเจ้าน้อยเปิ้นไปจาดหน้า บางทีบุญพาวาสนาของเฮาจักได้สมเจ้าน้อยเปิ้นในจาดหน้า"
นางพูดด้วยน้ำตาที่นองหน้า นางคำแปงส่ายหน้าแลอดที่จะร่ำไห้ไปกับผู้เป็นนายไม่ได้
"ปล่อยเฮาเต๊อะมะปิง คำแปง เฮาจะต๋ายแล้ว องค์อินทร์ฟ้าผีแถนเป๋นพยานข้าเจ้าเต๊อะ จาดนี้บุญข้าเจ้าบ่สมพาเจ้าน้อยภูมินทร์ ขอจาดหน้าฟ้าใหม่หื้อข้าได้สมเจ้าเปิ้นสักกำเต๊อะ ข้าเจ้าฮักเปิ้น ฮักขนาด จาดนี้บุญบ่มี ข้าเจ้าขอต๋าย จาดหน้าฟ้าใหม่ค่อยปะกั๋นใหม่เน้อ"
ว่าแล้วร่างบางก็สลัดออกจากการโอบกอดของนางคำแปงและนางมะปิง ตรงดิ่งไปยังหน้าผากว้างทั้งสูง ลิบลิ่ว เห็นปลายยอดไม้ไหวโยกอยู่ด้านล่าง ปานจักกวักมือเรียกนางอยู่ไหวๆ
"เจ้าแสนเมือง จาดนี้สูเป๋นคนทำหื้อเฮาเจ็บ จาดหน้าฟ้าใหม่ขอหื้อเฮาอย่าได้ปะกั๋นแห๋ม เฮาฮู้ว่าสูเป๋นคนดี แต่เฮาดีบ่สมกับสูจาดนี้เฮาบุญน้อยนัก เฮาจักต๋ายไปเกิดใหม่หื้อบุญพาได้สมเจ้าน้อยภูมินทร์ พระธาตุเจ้าแห่งวัดเชียงหมิ่น แลองค์อินทร์ฟ้าผีแถนเป๋นพยานตวยเต๊อะเจ้า...จาดนี้บุญข้าบ่สมพา จาดหน้าฟ้าใหม่ขอหื้อข้าเจ้าได้ปะเจ้าอ้ายภูมินทร์แลได้ฮักกั๋นตลอดทุกจาดไปเต๊อะเจ้า"
"เจ้านางน้อย!!"
เจ้าแสนเมืองร้องลั่น เมื่อเห็นอย่างชัดเจนว่าร่างแน่งน้อยนั้นกระโดดลงไปจากหน้าผาสูง เจ้าแสนเมืองรีบวิ่งไปยังสถานที่อันซึ่งเห็นเจ้านางจันทร์งามครั้งสุดท้าย
ทว่าก็ช้าไปเสียแล้ว...ร่างนั้นลอยลิ่วลงสู่พื้นเบื้องล่างเสียแล้ว
หยาดน้ำตานางรินไหล นางคลี่ยิ้มอย่างเปี่ยมสุข ชาตินี้บุญไม่สมพาขอตายตกไปก่อน ชาติหน้าฟ้าใหม่ขอให้นางได้มีบุญได้พบปะและได้รักเจ้าน้อยภูมินทร์ตลอดไป
"ขอหื้อความต๋ายปลดปล่อยเฮา หื้อออกจากความทุกข์ระทมข่มไหม้ เรือนก๋ายของเฮาขออุทิศหื้อผืนแผ่นดินผืนนี้"
เจ้าน้อย...เจ้าน้อยภูมินทร์ น้องจักจดจำใบหน้าของเจ้าอ้ายตลอดไป...
พายุ
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 พ.ค. 2555, 13:08:41 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 พ.ค. 2555, 13:08:41 น.
จำนวนการเข้าชม : 1590
<< ตอนที่ ๑๒ จำจา่กนิราศไกล | ตอนที่ ๑๔ นางในฝัน >> |