เรือนกุหลาบ
กุหลาบแสนสวยดอกนั้น ช่างแสนดี เป็นที่รักเทิดทูนบูชาของหล่อนสุดหัวใจตั้งแต่เล็กจนโต..หญิงสาวไม่รู้เลย ว่าเบื้องหลังกุหลาบสีสวยนั้นซ่อนคมหนามไว้มิดชิด..เพื่อเป็นอุปสรรคขัดขวางความรักของหล่อนทุกวิถีทาง!
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่๙ พรจากพี่สาว ๑/๒
เสียงนกกระจิบเจื้อยแจ้วปนเสียงไก่ขันบอกเวลารุ่งสาง มุกดายังง่วนอยู่กับการเติมแต่งปรับปรุงผลงานเบื้องหน้า บนกระดาษปอนด์แผ่นใหญ่ขึงพืดบนผืนไม้กระดานมีรูปวาดแรเงาขาวดำเห็นลางๆว่า เป็นห้องตบแต่งในคอนโด สีสันออกแบไว้แล้วว่าต้องเป็นสีขาว มีหน้าต่างใสมองเห็นธรรมชาติชัดเจน มีวอลเปเปอร์รูปเปลือกไม้ ใบไม้ ท่ามกลางป่าเขาลำเนาไพร การจัดส่วนสัดของห้องเน้นเฟอร์นิเจอร์กระชับ ไม่หนาตา ของชิ้นเล็กใหญ่วางเรียงให้ห้องดูโปร่งโล่งไม่อับทึบ ม่านผืนใหญ่บังแดดก็เน้นลายเมฆบางๆตรงริมขอบ
มัณฑนากรสาวนั่งครุ่นคิดอยู่นาน..เพราะเหตุนี้หรือเปล่า เจ้านายหล่อนจึงว่าไม่เหมาะ..ไม่เหมาะเพราะความเป็นธรรมชาติเหล่านี้มันขัดแย้งกับสภาพสังคมเมืองหลวง หรือผู้คนไม่ชอบความเป็นอยู่เรียบง่าย เน้นความหรูหราฟู่ฟ่า..แต่ทำไมเล่า หล่อนต้องการสร้างความเป็นเอกลักษณ์ให้ผลงานไม่ซ้ำแบบใคร..มาถึงจุดนี้คงต้องถอดใจกลับไปสร้างแบบตามความนิยมของคนสมัยใหม่เสียแล้ว
“เฮ้อ!”
หล่อนถอนใจไป ลงมือแก้ลวดลายบนแผ่นกระดาษไปด้วยความเสียดาย แบบร่างเดิมเกือบถูกปรับแก้ใหม่หมด เรียกว่าอาจต้องเปลี่ยนคอนเซปท์เป็นคนละเรื่องเลยทีเดียว
“ไหนว่าเจ้านายไม่มีเหตุผลไง ไหงมานั่งแก้งานงกๆแต่เช้า”
ไพลินแวะเข้ามานั่งเท้าคางมองน้องสาวบนเก้าอี้ไม้อีกตัว หลังจากเพิ่งอ่านจดหมายของตัวเองเสร็จแล้วพับเก็บใส่ซองเรียบร้อย วันนี้หล่อนอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เจอใครก็อยากทักทายไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบ รวมถึงน้องสาวคนเล็กที่หล่อนเพิ่งเห็นหน้าบูดกลับมาเมื่อคืน พอรู้เรื่องคร่าวๆว่าโดนเจ้านายยุ่งเรื่องส่วนตัว..ไม่มีเหตุผล แถมยังติผลงาน มีแววถูกไล่ออกเร็วๆนี้
“ไม่มีเหตุผลก็ส่วนไม่มีเหตุผลค่ะพี่ลิน..ไข่มุกต้องแก้ไขตัวเองให้ดีที่สุด”
เมื่อเห็นพี่สาวขมวดคิ้วทำหน้างง หล่อนจึงอธิบายต่อ
“ไข่มุกว่าเริ่มเปลี่ยนแปลงแก้ไขที่ตัวเองง่ายสุด ไม่ต้องมาตั้งคำถามว่าเพราะอะไร ทำไมเขาถึงพูดแบบนั้น ทำแบบนั้นกับเรา มาดูที่ตัวเองว่าผิดพลาดจริงอย่างที่เขาว่ารึเปล่า จากนั้นก็แก้ไขปรับปรุงให้ดีที่สุด แล้วถ้าเขายังว่าอีกก็คงต้องปล่อยวาง”
ไพลินเบิกตากว้างขึ้น รอยยิ้มบ่งบอกความทึ่งในตัวน้องสาว
“ถ้าพี่คิดได้แบบเรา คงตัดปัญหาเรื่องเพื่อนร่วมงานไปได้เยอะเลยเนอะ แต่อย่างว่า..พูดง่ายทำยาก”
มุกดายิ้มแห้งๆแบบคนเริ่มท้อใจ
“ไม่รู้ล่ะค่ะ ถ้าอะไรๆมันยังเป็นเหมือนเดิม หรือแย่ลงกว่าเดิม มันคงเป็นชะตากรรมของไข่มุกเอง..ไม่โทษใครหรอก อย่างมากก็หางานทำใหม่”
คุณครูเจ้าระเบียบพยักหน้าอย่างนึกเห็นใจน้องสาว หล่อนก็เคยผ่านประสบการณ์ขัดแย้งกับผู้อำนวยการโรงเรียนมาแล้ว รู้ดีว่ามันน่าหนักอกหนักใจแค่ไหน
“ออกแบบสวยขนาดนี้ พี่ว่าผ่านฉลุยแน่จ้ะ”
ไพลินยื่นหน้าเข้าไปดูรายละเอียดของภาพใกล้ๆแล้วออกปากชม มืออีกข้างก็ลูบผมเส้นละเอียดของน้องสาวเบาๆเป็นเชิงให้กำลังใจตามแบบของหล่อน
“งานศิลป์นะคะพี่ลิน..โดยเฉพาะมัณฑนศิลป์ สวยอย่างเดียวไม่พอหรอกค่ะ ต้องเข้าตาตลาดด้วย”
มุกดาหันมาบอกด้วยแววตาเศร้าๆ ขณะที่มืออีกข้างยังจับดินสอเขียนอะไรขยุกขยิกบนแผ่นกระดาษ ไพลินฟังภาษาศิลป์ไม่ค่อยรู้เรื่องก็ได้แต่พยักหน้ายิ้มๆกับน้องสาว ก่อนบีบต้นแขนขาวนวลที่โผล่พ้นเสื้อแขนตุ๊กตาออกมาเบาๆ
“เอาน่า..วันนี้พี่จะให้พร รับไปซะนะ” น้ำเสียงอ่อนโยนจากไพลินทำให้บรรยากาศสีเทาในใจน้องเล็กสว่างสดใสขึ้นมาพักหนึ่ง คุณครูสาวเป่าลมพรืดเดียวลงบนศีรษะน้องสาวราวกับจะเสกมนต์ ไพลินมักทำแบบนี้ประจำเวลาจะให้กำลังใจกับน้องๆของหล่อน
“พรวิเศษ..ขอให้เจ้านายเอ็นดู รักหนูไข่มุกมากขึ้นทุกวัน เพี้ยง!”
มุกดาหันมาทำสายตาอ้อน กอดเอวนุ่มของพี่สาวพลางแนบแก้มคลอเคลียเหมือนแมวน้อย
“ขอข้อเดียวได้ไหมคะ..อย่าให้หนูตกงาน”
ไพลินหัวเราะเบาๆ ก่อนตามใจเด็กขี้แย “อ้ะ..ขอให้ไม่ถูกเชิญออกสามวันเจ็ดวัน”
มุกดายิงฟันขาว พร้อมลักยิ้มบุ๋มที่แก้มสองข้าง “กี่วันกี่เดือนกี่ปีก็อย่าไล่หนูออก..ฮี่ๆ”
“จ้า มีลูกน้องน่ารักขนาดนี้ เจ้านายที่ไหนจะกล้าไล่ได้ลงคอ”
ไพลินหันไปมองนาฬิกาเรือนเก่าบนผนังไม้ก็รีบกำชับน้องสาว “ไปได้แล้วจ้ะ เจ้านายนัดเจ็ดโมงไม่ใช่หรือ”
“เฮ้อ..ขอให้พรของพี่ลินเป็นจริงด้วยเทิด”
มุกดาให้กำลังใจตัวเองครั้งสุดท้าย ก่อนจะเก็บสัมภาระตรงหน้าเตรียมรับความจริง
มัณฑนากรสาวเดินทางมาถึงบริษัทก่อนเวลานัดเพียงห้านาที เนื่องจากการจราจรที่แน่นขนัดเกินทน ปกติหล่อนมักมาก่อนการนัดหมายครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมงโดยส่วนใหญ่ ยืนหอบอยู่หน้าประตูห้องเจ้านายอีกสองสามนาที เตรียมทำใจอีกสิบวินาทีก่อนเคาะเบาๆพอเป็นมารยาท ได้ยินเสียงสวนกลับมาแทบจะทันทีว่าให้เข้าไปได้..เสียงนั้นเยียบเย็นน้อยกว่าเมื่อวานนิดเดียว หล่อนไม่อยากเดาเลยว่าชะตาจะขาดเมื่อไหร่
“วันนี้เราจะเริ่มงานกันที่ปราณบุรี”
กวินบอกเสียงเรียบ แววตาที่มองหล่อนไม่มีความหายอะไรมากกว่าเจ้านายสั่งงานลูกน้อง ไม่มีรอยโกรธกรุ่น ทว่าก็ไม่มีแววปราณีด้วยเช่นกัน
“อะไรคะ?” มุกดาทำหน้าเหวอ “คุณไม่ได้จะไล่ฉันออกหรือ?”
“ทำไมผมต้องทำแบบนั้น?” เขาถามเสียงเนือย เงาในตาสีน้ำตาลอ่อนบอกหล่อนกรายๆว่าถามอะไรไม่คิด
“ก็เมื่อวานฉันเสียมารยาท..แถมยังทำงานไม่ได้เรื่องอีก” หล่อนตอบเสียงอ่อยอย่างคนสำนึกผิด ก้มหน้างุดๆ จึงไม่ทันได้เห็นรอยยิ้มขันทั้งปากและตาเพียงแวบเดียวของเจ้านาย
“ผมบอกคุณตอนไหนว่าทำงานไม่ได้เรื่อง..” กวินไม่เอ่ยถึงเรื่องที่หล่อนเสียมารยาท ทำนองว่าให้ประเมินตัวเองตามสะดวก
“คุณบอกว่างานของฉันไม่เหมาะ..จำไม่ได้หรือคะ” มุกดาไม่อยากเชื่อว่าเขาจะทำเป็นลืมเรื่องเมื่อวานได้ง่ายดายปานนี้
“ถูก..ผมพูดอย่างนั้น” เขาตอบหน้าตาเฉย เห็นหล่อนทำหน้าเหวอยิ่งกว่าเดิมและทำท่าขยับปากจะถามต่อ ชายหนุ่มเลยรีบอธิบาย “ผมหมายความว่าฝีมือคุณไม่เหมาะกับงานคอนโดเกลื่อนๆ ที่ก๊อปปี้แบบกันมาง่ายๆ”
เครื่องหมายคำถามยังไม่จางไปจากใบหน้าของมัณฑนากรสาว จนกระทั่ง..
“อย่างคุณต้องออกแบบงานให้รีสอร์ทส่วนตัวผม..ที่ปราณบุรี ผมทำบ้านร้างไว้นานแล้ว ไม่เคยได้ไปอยู่ ข้างในก็โล่ง ต้องการมัณฑกรฝีมือดีไปช่วยตกแต่งให้หน่อย”
หน้าจ๋อยๆของมุกดาจึงค่อยสดชื่น หล่อนยิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้มบุ๋ม ถ้าไม่นึกว่าต้องสำรวมต่อหน้าเจ้านายหล่อนคงกระโดดโลดเต้น แถมเข้าไปกอดเขาเป็นการตอบแทน...พรวิเศษของพี่ลินช่างศักดิ์สิทธิ์แท้หนอ
“หมายความว่าคุณ..ไม่ไล่ฉันออกแล้วนะคะ”
แทนคำยืนยัน กวินบอกเสียงเรียบ ไม่มีแววตื่นเต้นดีใจกับหญิงสาว
“ผมจะพาคุณไปแวะที่บ้าน ให้เวลาจัดกระเป๋าไม่เกินครึ่งชั่วโมง ไม่ต้องเอาของไปเยอะ เราไปกันแค่คืนเดียว”
“เรา?” มุกดาทำหน้าปุเลี่ยนเหมือนกินอาหารผิดสำแดง
“ก็คุณกับผมนั่นแหละ..ไม่ต้องถามมาก ตามผมมา”
เขาตัดจบสั้นๆเท่านั้นเอง ก่อนจะก้าวฉับๆออกจากห้อง ไม่เห็นใจคนงงเป็นไก่ตาแตกอย่างหล่อน และเครื่องหมายคำถามที่ผุดขึ้นในใจมากมาย ..
รถยุโรปเคลื่อนตัวสู่ถนนใหญ่นานแล้ว เจ้านายของหล่อนนิ่งเงียบมาตลอดทาง ไม่แน่ว่ากำลังมีสมาธิกับการบังคับพวงมาลัย..หรือว่ายังไม่หายโกรธหล่อนเรื่องเมื่อวาน มุกดาได้แต่เหลือบมองคนขับเป็นระยะจนคอแทบจะแข็งตาย วันนี้หล่อนอุตส่าห์แต่งตัวให้ธรรมดาสุดๆ เสื้อเชิ๊ตแขนตุ๊กตาสีฟ้าจืดๆกับกางเกงผ้าเรียบสีขาวยาวกรอมเท้า หวังว่าคงทำให้เขาอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง..แต่ก็เปล่าเลย น้ำเสียงที่ได้ยิน แววตาที่เห็น ไม่มีเค้าเดิมของ “พี่วิน” ผู้อ่อนหวานกับหล่อนที่ริมน้ำอย่างวันนั้นอีกแล้ว
“เอ่อ..คุณวินคะ” หล่อนตัดสินใจถามเมื่อนั่งอึดอัดอยู่นาน เขายังหน้าตรงมองถนนแน่วแน่ ไม่หันมาสนใจหล่อนแม้แต่น้อย “วันนี้ไข่มุกแต่งตัวเรียบร้อยหรือยัง”
คำแทนตัวด้วยชื่อเล่นของหญิงสาวทำให้คนขับรถใจอ่อนลง ยอมพูดกับหล่อนสักประโยค
“ก็ไม่น่าเกลียดนี่..”
จบการสนทนาเพียงแค่นั้น..หล่อนถือว่ายังดีกว่าเขาด่า เห็นชายหนุ่มหน้าเครียดเหมือนลำบากใจนักที่จะพูดยาวๆจึงนิ่งเงียบก้มหน้าก้มตาอย่างคนเจียมตัวต่อไป ไม่ถามอะไรเขาอีก
วันนี้แพรวาตื่นสายกว่าปกติ หล่อนรู้สึกปวดหัวข้างเดียวตามอาการเดิมที่เคยเป็นไมเกรนอยู่ หญิงสาวเดินลงบันไดมาแบบมึนๆ ร่างเพรียวระหงยังอยู่ในชุดนอนแพรสีเนื้อ ตั้งใจจะมาชงกาแฟกินให้หายง่วงเสียหน่อย แต่พอเห็นแขกที่นั่งไขว่ห้างกางหนังสือพิมพ์อ่านตรงโซฟาในห้องรับรองชั้นล่าง จากที่เคยมึนก็กลายเป็นตาสว่าง กระปรี้กระเปร่าขึ้นมาทันที หล่อนลืมไปเลยว่าตัวเองอยู่ในชุดไม่สุภาพ ความดีใจทำให้ก้าวขาเพรียวยาวเข้าไปทักเขา
“ฮาย! วิน จะมาทำไมไม่บอกคะ แพรจะได้ตื่นเช้าๆเตรียมเบร็กฟาสต์ไว้รอ”
แพรวาหย่อนสะโพกผายกลมลงนั่งแทบจะเบียดชายหนุ่ม หล่อนอาจจะลืมว่าอีกว่าตัวเองแต่งชุดแนบเนื้อแค่ไหน กวินแอบเขยิบตัวเว้นระยะห่างแบบไม่ให้หล่อนทันรู้สึกตัว เขาไม่เข้าใจว่าทำไมช่วงนี้หล่อนถึงทำตัวแปลกๆ คำพูดคำจาก็แปลกๆ จะว่ากินยาผิดขนานคงไม่ใช่..แล้วชุดนอนที่หล่อนใส่อยู่นี่เขาอยากจะบอกให้หล่อนไปอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อยกว่านี้ก็ไม่กล้าพูด..กลัวหล่อนจะเสียหน้า
“เอ่อ..ผมไม่ได้ตั้งใจมาน่ะแพร เพิ่งแพลนเมื่อเช้านี่เอง”
เขาตอบยิ้มๆ เก็บความอึดอัดไว้ในใจเงียบเชียบ
“แหม..คิดถึงแพรจนอดใจไม่ไหวหรือไง น่ารักจัง” เสียงหวานหยดนั่นไม่เท่ากับนิ้วเรียวที่เอื้อมมาแตะริมฝีปากเขา กวินค่อยๆเบือนหน้าหลบ
“แพรไม่สบายรึเปล่า”
สีหน้าชายหนุ่มบอกว่าเป็นห่วงจากใจจริง ทว่าแพรวาไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพยายามสื่อ
“รู้ดีจังนะคะ..แพรไมเกรนขึ้นน่ะค่ะ ตื่นสายเลยวันนี้”
แปลกที่เสียงกังวานใสของหล่อนมันช่างบาดหู เหมือนเป็นสิ่งแปลกปลอมสำหรับเขาในตอนนี้ ทั้งที่เมื่อก่อนเขาจำได้ว่าเคยเพราะพริ้งเพียงใด
“หรือครับ..กินยาแล้วใช่ไหม” กวินถามเก้อๆ ไม่รู้จะพูดอะไรดีกว่านี้
“เป็นห่วงหรือคะ..”
ชายหนุ่มแทบกระเด้งตัวหลบไม่ทัน เมื่อจู่ๆสาวเจ้าก็เอียงคอซบบ่าเขาหน้าตาเฉย เสียงกระแอมไอของหญิงสาวอีกคนทำให้กวินรู้สึกโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก
“ขอโทษที่เสียมารยาทค่ะ..คือ” มุกดาเริ่มตะกุกตะกัก ภาพบาดตาเมื่อครู่ยังติดตรึงเหมือนใครกดปุ่มรีเพลย์ซ้ำแล้วซ้ำเล่า “จะบอกว่า..ฉันจัดของเสร็จแล้วนะคะ”
“อื้ม..ดีเลย เสียเวลามากแล้ว รีบไปกันเถอะ”
กวินถือโอกาสลุกขึ้นยืน พับหนังสือพิมพ์วางลงบนโต๊ะเรียบร้อย
“ผมมีงานต้องเคลียร์พอสมควรน่ะแพร ต้องขอตัวก่อน ไว้คุยกันใหม่”
ชายหนุ่มหันไปบอกเพื่อน “คนพิเศษ” ของเขาเท่านั้นแล้วเดินออกประตูใหญ่อย่างรวดเร็ว ราวกับมีงานเร่งด่วนรออยู่ มุกดาออกจะแปลกใจกับท่าทางของเจ้านายหล่อนไม่น้อย แต่หล่อนก็ไม่เห็นประโยชน์จะยืนงงอยู่ที่เดิมคนเดียว จึงหันไปบอกลาพี่สาวสั้นๆ ก่อนวิ่งกระหืดกระหอบพร้อมกระเป๋าเป้ใบกะทัดรัดตามไป
ไม่มีใครมีโอกาสเห็น..รอยยิ้มเยียบเย็นของคนเบื้องหลัง!
ศิลาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 26 พ.ค. 2555, 21:09:15 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 26 พ.ค. 2555, 23:11:24 น.
จำนวนการเข้าชม : 1618
<< บทที่๘ แต่งตัวตุ๊กตา ๒/๒ | บทที่๙ พรจากพี่สาว ๒/๒ >> |
เดิมเดิม 27 พ.ค. 2555, 08:57:56 น.
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ นางเอกน่ารักจัง
เพิ่งเข้ามาอ่านค่ะ นางเอกน่ารักจัง
ศิลาริน 27 พ.ค. 2555, 09:14:06 น.
ดีใจที่ชอบนางเอกของเรานะคะ^^
ดีใจที่ชอบนางเอกของเรานะคะ^^