เรือนกุหลาบ
กุหลาบแสนสวยดอกนั้น ช่างแสนดี เป็นที่รักเทิดทูนบูชาของหล่อนสุดหัวใจตั้งแต่เล็กจนโต..หญิงสาวไม่รู้เลย ว่าเบื้องหลังกุหลาบสีสวยนั้นซ่อนคมหนามไว้มิดชิด..เพื่อเป็นอุปสรรคขัดขวางความรักของหล่อนทุกวิถีทาง!
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่๙ พรจากพี่สาว ๒/๒
แดดยามบ่ายทอลำเข้ามาพร้อมกับลมทะเลทางหน้าต่างชั้นบน มุกดาหยิบเสื้อชิ้นสุดท้ายออกมาแขวนลวกๆบนไม้แขวนเสื้อ เอากระเป๋าเป้เดินทางเข้ามายัดรวมไว้ด้วยก่อนจะปิดตู้ เดินมายืนพิงกรอบหน้าต่างสีน้ำตาลเปลือกไม้เพื่อชมทิวทัศน์เบื้องไกล ปล่อยใจทอดอารมณ์อยู่ครู่หนึ่ง
สระน้ำเบื้องล่างสะท้อนประกายแดดระยับเห็นพื้นกระเบื้องสีฟ้าอ่อนจาง ถัดออกไปเป็นต้นมะพร้าวต้นสูงชะลูดใบพัดไหวๆด้วยแรงลมอยู่รอบพื้นที่รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า หล่อนเห็นลูกมะพร้าวสดสีเขียวอ่อนร่วงแผละลงมากลิ้งบนพื้น พระอาทิตย์ยิ้มแฉ่งทำมุมทแยงเฉียงบนศีรษะหล่อนไปเล็กน้อย บอกให้รู้ว่าเลยเที่ยงไปไม่นาน คลื่นทะเลหลังผืนทรายทองอร่ามพลิ้วเข้ามากระทบฝั่งครั้งแล้วครั้งเล่า
มุกดาคิดถึงบิดาขึ้นมาแวบหนึ่ง พ่อของหล่อนชอบอุ้มหล่อนพาเดินเล่นรอบชายหาด ชี้ชวนให้ดูนกน้ำ เปลือกหอย และปูเสฉวนในรู นานมาแล้วสมัยครอบครัวยังสมานฉันท์อยู่พร้อมหน้าพ่อแม่ลูก..ทว่าตอนนี้เป็นเพียงอดีตไปแล้ว
กลิ่นหอมฉุยลอยอบอวลมาจากชั้นล่าง หล่อนเดาว่ามันเป็นกลิ่นของไข่เจียวกับกลิ่นกระเทียม มัณฑนากรสาวได้ยินเสียงจ๊อกๆดังมาจากท้องของตัวเอง พร้อมกับอาการแสบจุกที่ลิ้นปี่ หญิงสาวลูบท้องตัวเองป้อยๆ ไม่ทันรู้ตัวว่าขาสองข้างพาเดินลงไปตามกลิ่นอาหารตั้งแต่เมื่อใด
รู้ตัวอีกทีก็เห็นเจ้านายหนุ่มกำลังง่วนอยู่กับจากจัดโต๊ะอาหารในห้องโล่งขาวส่วนที่ติดกับครัว เฟอร์นิเจอร์บ้านยังดูโหรงเหรงอยู่ไม่กี่ชิ้น คนงาน แม่บ้าน หรือใครอื่นที่นอกเหนือจากหล่อนกับเจ้านายก็ยังไม่มาให้เห็น นับเป็นภาพที่หาดูได้ยากทีเดียว หญิงสาวไม่นึกว่ากวินจะทำอาหารเป็น แถมยังลงมือจัดเตรียมทุกอย่างเองอย่างคนคล่องแคล่ว ทั้งที่เขาจะจ้างคนมาทำอาหารให้ หรือสั่งตรงจากโรงแรมใกล้ๆก็ไม่ยุ่งยาก
หญิงสาวมัวแต่ยืนพิงฉากกั้นมีมู่ลี่ประดับหน้าบันได กอดอกยืนยิ้มคนเดียวอยู่อย่างนั้น จึงแทบสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเข้มของเจ้านายลอยละลิ่วเข้าหู
“เอ้า..ยืนยิ้มอยู่ทำไม มากินข้าวเร็ว”
เขาชวนหลังจากนั่งลงดื่มน้ำดับกระหายไปสองอึก กำลังจะลุกไปตามหามัณฑนากรสาว ก็พอดีเห็นหล่อนยืนยิ้มอยู่ตรงนั้น
“ไข่มุกหรือคะ?” หล่อนกำลังตกใจระคนประหลาดใจจึงถามย้ำ พลางชี้นิ้วเข้าหาตัว
“ก็คุณน่ะซี..อยู่กันแค่สองคนผมจะคุยกับผีที่ไหนได้”
กวินบอกเสียงกึ่งขันกึ่งรำคาญ
“อ๋อ..ค่ะๆ ขอบคุณค่ะ” มุกดารีบพยักหน้าหงึกหงักแล้วรีบรุดเข้าไปนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเขาที่มีจานข้าวสวยร้อนๆวางรออยู่แล้ว หล่อนเกรงว่าถ้าช้ากว่านั้นจะทำให้เขาหงุดหงิดและโกรธหล่อนขึ้นมาอีก
“คุณวินเก่งจังค่ะ” มุกดาเอ่ยปากชม เมื่อตักกับเข้าปากไปสองสามคำ กับข้าวมื้อนี้มีไข่เจียวหอมฉุย ยำปลากระป๋อง แล้วก็หมูทอดกระเทียมอีกหนึ่งอย่าง ถึงแม้มันจะเป็นเมนูง่ายๆ วัตถุดิบไม่ได้เลิศหรูอะไร แต่หล่อนก็เชื่อว่าฝีมือเขาต้องฉกาจพอตัว จึงทำให้รสชาติออกมากลมกล่อม เข้าเนื้อได้ขนาดนี้
“อาหารคิดสั้นน่ะ ไม่ใช่ของหรูอะไร คุณกินได้ใช่ไหม” น้ำเสียงของเขาผ่อนคลายลงมาบ้าง หญิงสาวค่อยหายใจได้ทั่วท้อง
“กินได้ซีคะ ไข่มุกจะกวาดให้เกลี้ยงเลย” หล่อนยิ้มกว้างก่อนจะตักข้าวคำโตเข้าปากอีกคำ
“ผมต้องทำเองทุกวันนะ ตอนไปเรียนที่ซานฟราน ไม่มีแม่บ้านมาคอยทำให้กินหรอก”
เขาเล่ายิ้มๆ มุกดาชอบนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นี้ยามผ่อนคลาย มันเหมือนมีรอยยิ้มปรากฏเด่นอยู่ตลอดเวลา ชอบให้เขายิ้มเต็มปากแบบนี้ มันทำให้หล่อนไม่อยากถอนสายตาจากเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียว
เงียบกันไปพักใหญ่ ต่างคนต่างจัดการอาหารตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย เพราะไม่มีใครได้กินข้าวเช้ารองท้องเลยสักคน ภารกิจวันนี้ดูปุบปับจนรู้สึกว่าเวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน กว่าจะเดินทางไปที่เรือนกุหลาบ ต่อมาถึงประจวบฯ ถึงแล้วก็แยกย้ายขึ้นไปจัดของ สุดท้ายแต่ละคนก็เลยหิว มีแก่ใจตักอาหารเข้าปากจนหมดเกลี้ยง
“ผมทิ้งบ้านหลังนี้มาเกือบปี รีสอร์ทด้านหลังที่คุณเห็นก็เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาพักตั้งแต่ต้นมกราเหลือแต่บ้านพักส่วนตัวนี่แหละ ที่ผมยังไม่ได้จัดการให้เรียบร้อย” เขาเริ่มเล่ารายละเอียดก่อนเข้าเรื่องงาน และเหตุผลที่พาหล่อนมาวันนี้
“ผมไม่ต้องการบ้านรกๆ ใช้เฟอร์ฯฟุ่มเฟือย อยากได้บ้านที่กลืนกับธรรมชาติ แบบที่คุณให้ผลดูนั่นใช้ได้เลย เหมาะกับบ้านพักริมทะเล มากกว่าคอนโดกลางเมือง”
มุกดายิ้มไม่สุดกับคำชมนั้น อย่างไรเสียหล่อนก็ยังรู้สึกว่า ตัวเองไม่สามารถออกแบบงานให้เหมาะสมกับทุกสถานที่ ทุกกาลเทศะอยู่ดี
“ผมอยากได้วอลเปเปอร์เป็นกุหลาบสีขาวในห้องนอน ส่วนชั้นล่างแค่มีกุหลาบขาวปักในแจกันสักมุม จะเป็นกุหลาบจริงกุหลาบปลอมได้หมด”
มัณฑนากรสาวหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที หล่อนไม่รู้ว่าทำไมจะต้องคิดว่าเขานึกถึงหล่อน..ทั้งที่อาจเป็นเรื่องบังเอิญ.. “พี่วิน” อาจจะชอบกุหลาบขาวอยู่แล้ว ไม่ได้มีความหมายพิเศษอะไร หญิงสาวกำลังสะบัดความคิดบ้าๆออกจากหัว แต่รอยยิ้มนัยน์ตาเขามันฉายแววจัดจ้ากว่าที่เคย ยิ่งทำให้หล่อนลบความคิดเดิมออกไปไม่ได้จนแล้วจนรอด
“ฟังผมอยู่รึเปล่า..” กวินส่งเสียงเตือนเมื่อเห็นหล่อนทำหน้าเหม่อลอย มุกดาสะดุ้งขึ้นมานิดหนึ่งก่อนจะรีบพยักหน้าเร็วๆตอบรับว่ายังฟังเขาอยู่
“ผมต้องการหลักๆแค่นี้แหละ รายละเอียดส่วนอื่นแล้วแต่คุณ..ทำยังไงก็ได้ให้ห้องทุกห้องไม่รก กลืนกับธรรมชาติที่สุด” ชายหนุ่มสรุปให้ฟังเบ็ดเสร็จ ก่อนยื่นคำสั่ง
“ผมให้เวลาคุณทั้งวันสำหรับร่างแบบ พรุ่งนี้เอางานมาส่งผมที่โต๊ะอาหาร ถ้าโอเคผมจะส่งข้อมูลให้ฝ่ายจัดซื้อ จ้างช่างมาทำวีคหน้า แล้วผมจะพาคุณมาเก็บรายละเอียด เช็คความถูกต้องอีกที”
กำหนดเวลาที่ฟังดูเหมือนสั้นเกินไปสำหรับคนที่เพิ่งมาเยือนครั้งแรกอย่างหล่อน แต่นั่นก็ไม่เป็นปัญหา ถ้าหล่อนมีสมาธิ อยู่ในที่สงบๆพักเดียว งานจะเสร็จภายในหนึ่งชั่วโมงก็เคยมาแล้ว แต่ที่หล่อนประหลาดใจคือ..
“ไข่มุกต้องมาที่นี่กับคุณอีกหรือคะ?”
กวินชักสีหน้าขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคำถาม
“ทำไมหรือ..มากับผมแล้วมันไม่ดีตรงไหน”
เสียงขุ่นเคืองของเขาทำให้สีเลือดฝาดที่แก้มปลั่งสดใสเริ่มเลือนหายไปอีกครั้ง หล่อนหน้าซีดเผือดรับมือไม่ทันกับอารมณ์แปรปรวนง่ายของเขา
“ปะ..เปล่าค่ะ ไม่ใช่อย่างนั้น ไข่มุกแค่กลัวว่าคุณจะต้องเหนื่อยไปๆมาๆเท่านั้นเอง” ความจริงหล่อนอยากจะต่อว่า..มันไม่ดีตรงที่มากับเขาสองต่อสองแบบครั้งนี้น่ะซี พี่แพรของหล่อนจะคิดยังไงเล่า
“ไม่ต้องกลัว..ผมมากับคุณ ยังดีกว่าส่งให้มากับพนักงานคนอื่น..ผู้ชายด้วยกันทั้งนั้นแหละ” เขาบอกเสียงหนักแน่น ราวกับเดาใจหล่อนออกว่าแท้จริง..กลัวสิ่งใด
“โดยเฉพาะกับนายกฤษดา..ผมขอเตือนคุณด้วยความหวังดีอีกครั้ง อย่าไปไหนกับเขาสองต่อสอง..เด็ดขาด” คำเตือนแกมบังคับเสียงเครียด ทำให้หล่อนอยากจะสวนกลับแรงๆ ว่าให้เลิกยุ่งส่วนตัว อย่ามาตัดสินใจแทนหล่อน เพราะหล่อนไม่ใช่เด็กอย่างที่เขาคิด...ทว่าเอาเข้าจริงก็กลืนคำพูดลงไปในลำคอได้หมด หล่อนไม่อยากให้อารมณ์ที่เริ่มจะผ่อนคลายของเขา ตึงเครียดขึ้นมาอีก ไหนๆก็ต้องอยู่ด้วยกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อีกคืนหนึ่ง...
อีกคืนหนึ่ง!..ใช่สิ หล่อนลืมคิดถึงข้อนี้ ห้องพักทีเขาจัดให้อยู่คนละฟากกับห้องนอนของเขาก็จริง แต่มันก็เรียกว่าอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน ต้องเดินผ่าน ขึ้นลงบันไดเดียวกัน...หล่อนไม่สามารถทำใจให้ปลอดโปร่งได้ เมื่อสำนึกในใจบอกว่าไม่ใช่เรื่องดีงามนัก..สำหรับลูกผู้หญิง โดยเฉพาะชายหนุ่มเป็นคนรักของพี่สาวด้วยแล้ว หล่อนยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปอีก
“คุณมีเวลาหนึ่งวันสำหรับร่างแบบ มีอะไรขาดเหลือบอกผมก็แล้วกัน” เขาย้ำอีกครั้งก่อนจะลุกจากโต๊ะ เก็บจานชามวางซ้อนกัน หันหลังมุ่งตรงไปยังอ่างล้างจานในครัวฉับไว มุกดามัวแต่คิดอะไรวกวนอยู่คนเดียวเลยไม่ทันช่วยเขา หล่อนตะโกนไล่หลังไปแทน
“ไม่เป็นไรค่ะคุณวิน เดี๋ยวไข่มุกล้างให้เอง”
ชายหนุ่มเปิดน้ำไหลกระทบจานเสียงซู่ซ่า สวนกลับมาทั้งที่ยังหันหลังให้หล่อน
“ไม่ต้อง..ผมจัดการเอง มีหน้าที่อะไรก็รีบทำให้เสร็จ ผมจ้างคุณมาเป็นมัณฑนากรนะ”
มุกดาได้ยินเสียงต่อท้ายในใจว่า..ไม่ได้จ้างให้มาล้างจาน!
บ่ายวันนั้นหลังจากหล่อนขึ้นไปหยิบอุปกรณ์วาดเขียนบนห้องลงมาตั้งเตรียมไว้ด้านนอก บริเวณที่มีหลังคาตกแต่งใบจาก มีไอเย็นจากน้ำในสระ มุมที่ลมธรรมชาติโกรกถึง ตั้งกระดานไม้เสร็จสรรพก็หนีบกระดาษร่างแบบเอาไว้ตรงนั้น ก่อนจะเดินกลับเข้ามาสำรวจพื้นที่กว้างชั้นล่างอีกครั้ง หน้าต่างไม้ถูกเปิดอ้าไว้โดยรอบ ผนังห้องสะอาดโล่งด้วยถูกทาสีขาวกลบเต็มทุกพื้นที่
ใบไม้จากด้านนอกปลิวเข้ามาทางหน้าต่างมุมหนึ่ง ดึงสมาธิออกไปวูบเดียว แล็วก็ทำให้หล่อนเห็นว่าเจ้านายยังเดินง่วนอยู่แถวห้องอาหาร ถ้าหล่อนไม่ได้ตาฝาด ชั่วครู่หนึ่งเขากำลังมองมาทางหล่อนด้วยกระแสอบอุ่นอ่อนโยน แต่พอเห็นหล่อนหันไป เขาก็ทำเป็นเดินผิวปากชมนกชมไม้เล่น ยืนไปพิงกรอบหน้าต่างฮัมเพลงอะไรของเขาไปเรื่อย
หล่อนไม่รู้ว่างานก้าวหน้าไปจวนจะเสร็จก่อนค่ำได้อย่างไร รู้แต่ว่าเขายังอยู่ตรงนั้น คอยเฝ้าดู คอยเป็นกำลังใจให้..ทั้งที่ชายหนุ่มก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำเดียว ผุดลุกผุดนั่งเดินไปเดินมาอยู่อย่างนั้น ไม่ได้เข้ามาก้าวก่าย ไม่ได้เข้ามาออกคำสั่งแต่อย่างใด ทว่ามุกดารู้สึกอบอุ่นใจประหลาด เสมือนมีพลังที่มองไม่เห็นหนุนให้สมองปลอดโปร่ง ไอเดียวดีๆบังเกิด สานต่อความคิดออกมาเป็นแบบร่างได้อย่างน่าอัศจรรย์ มีความสุขเล็กๆที่ได้หันไปพักสายตาด้วยการแอบมองเขา...ทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยกลัวการอยู่กับเขาตามลำพัง
เรื่องน่าเศร้าประการเดียวตั้งแต่ก้าวเข้ามาในบ้านหลังนี้คือ...ไฟดับ! มุกดากำลังอาบน้ำสบายอารมณ์ก่อนลงไปทานมื้อค่ำกับเจ้านาย ซึ่งเขาบอกว่าเพิ่งออกไปซื้อของทะเลสดมาเตรียมไว้แล้วตอนก่อนพระอาทิตย์ตกดิน จู่ๆไฟทุกดวงก็ดับพรึบทั้งบ้าน คืนนี้เป็นคืนเดือนแรมเสียด้วย จึงไม่แสงสว่างสำรองจากธรรมชาติมาช่วยคลำทางให้หล่อนเลย หญิงสาวเดินสะเปะสปะหวิดจะลื่นล้มหัวฟาดพื้นไปก็หลายที
ออกมาจากห้องน้ำก็คลำทางอยู่นานกว่าจะเปิดตู้หยิบเสื้อกางเกงออกมาได้ชุดหนึ่ง ปะแป้งหวีผมทีก็ต้องใช้วิชาเดามั่วจากสัมผัสทางกาย นานเกือบครึ่งชั่วโมงกว่ามุกดาจะจัดการธุระส่วนตัวเรียบร้อย คราวนี้หล่อนไม่อยากให้ไฟสว่างอีกเลยจนกว่าจะพ้นคืนนี้ เพราะค่อนข้างมั่นใจว่ารูปลักษณ์หลังปะแป้งแต่งตัวในขณะที่ฟ้ามืดทั้งนอกและในบ้านเช่นนี้ จะน่าขันแค่ไหน
สิ่งที่ยากที่สุดก็คือ..หล่อนต้องประคองตัวเองลงบันไดท่ามกลางความมืดสนิท..
นาทีนี้หล่อนอยากจะตะโกนร้องขอความช่วยเหลือจากเจ้านายเต็มกำลัง แต่ความอาย..และความเงียบเชียบของบ้าน ทำให้ไม่แน่ใจว่าชายหนุ่มยังอยู่ในนี้หรือไม่ หล่อนจึงต้องค่อยๆคลำหาราวบันไดไว้ยึดเกาะพยุงตัว ก่อนจะพยายามเลื่อนเท้าไปตามพื้นลื่นของบันได้แต่ละขั้นช้าๆ และใจเย็นที่สุด
เสียงโครมครามที่ดังขึ้นตรงบันไดทำให้กวินรีบวิ่งฝ่าความมืดเข้าไปตรงทิศทางที่กะแล้วว่าถูกต้อง เขาเพิ่งหมดอารมณ์ทำเมนูปิ้งย่างเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา ไฟสว่างตรงริมทางเดินรอบสระน้ำก็พลอยดับไปด้วย กลับเข้ามาในบ้านเพื่อมาหยิบไฟแช็กกับเทียนในกระเป๋า ก็เผอิญได้ยินเสียงดังเหมือนอะไรหนักๆกระแทกพื้นบันได วูบแรกชายหนุ่มนึกถึงมุกดาขึ้นมาทันที..และเขาก็คาดการณ์ไม่ผิดเมื่อเสียงกรีดร้องของหล่อนไล่หลังเสียงโครมครามมาติดๆ
สัมผัสแข็งแกร่งบนแผงอกหนา ไอร้อนจากมือใหญ่รอบคอระหงและเอวบาง เสมือนเป็นที่พึ่งอันอบอุ่น ความหวาดกลัวในจิตใจสาวน้อยเหือดหายไปเกือบหมด มุกดาซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดที่หล่อนมั่นใจว่าเป็นของเขา สองมือเรียวบางเย็นเฉียบเกาะหลังเขาแน่น เสียงกรีดร้องเมื่อครู่เหลือเพียงเสียงสะอื้นไห้เบาๆในลำคอเจ้าหล่อน พักเดียวก็กลายเป็นเสียงหายใจที่ค่อยผ่อนช้าลง เป็นความเงียบที่ก่อกระแสความสุขประหลาดล้ำ หญิงสาวไม่รู้เลยว่าเขาอยากจะหยุดเวลาไว้ตรงนั้นนานเท่านาน
“ไม่เป็นไรแล้วนะ..เด็กน้อย”
กวินหัวเราะเบาๆเสียงเขาอ่อนโยนเมื่อเอ่ยประโยคถัดไป
“เราออกไปนั่งข้างนอกกันก่อน ผมเตรียมเทียนกับไฟแช็กไว้แล้ว”
คืนนั้นอาจจะมืดสนิทแค่เพียงผืนกำมะหยี่ธรรมชาติด้านนอก ทว่าผืนฟ้าภายในใจของหล่อนกลับสุกสว่างมากกว่าครั้งไหน แสงไฟจากเทียนเล่มน้อย บนเนินหญ้าโล่งเตียนใกล้สระน้ำ ทำให้พอมองเห็นใบหน้าคนข้างๆได้ถนัด ส่วนไกลออกไปก็เห็นแต่เพียงสลัวราง
“แย่หน่อยนะ..คืนนี้เลยอดปาร์ตี้รอบค่ำเลย”
เขาหันมาบอกหญิงสาวที่นั่งชันเข่าเหม่อมองสระน้ำอยู่ข้างกาย
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ..ไข่มุกกำลังไดเอ็ทพอดี”
มุกดาบอกพร้อมรอยยิ้มปราศจากความหวั่นกลัว
“ผมโทรเรียกช่างแล้ว...อีกสักพักเราค่อยออกไปหาอะไรกินกัน”
มุกดาไม่ได้ตอบรับด้วยเสียง เพียงแต่พยักหน้าน้อยๆอย่างไม่รู้จะพูดอะไร
“พรุ่งนี้ผมขอไถ่โทษ..ก่อนกลับไปเยี่ยมคุณพ่อของคุณดีไหม”
คำถามนั้นเหมือนตั้งใจจะบอกให้รู้มากกว่าต้องการคำตอบ มุกดาเบิกตากว้างพร้อมหัวใจพองโต
“คุณรู้ได้ยังไงคะว่า..”
ไม่ทันให้หล่อนได้ถามต่ออีกยืดยาว เขาตัดจบแค่ว่า
“ไม่สำคัญว่าผมรู้ได้ยังไง..เอาเป็นว่าผมใส่ใจจะรู้..ผมต้องได้รู้”
สระน้ำเบื้องล่างสะท้อนประกายแดดระยับเห็นพื้นกระเบื้องสีฟ้าอ่อนจาง ถัดออกไปเป็นต้นมะพร้าวต้นสูงชะลูดใบพัดไหวๆด้วยแรงลมอยู่รอบพื้นที่รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า หล่อนเห็นลูกมะพร้าวสดสีเขียวอ่อนร่วงแผละลงมากลิ้งบนพื้น พระอาทิตย์ยิ้มแฉ่งทำมุมทแยงเฉียงบนศีรษะหล่อนไปเล็กน้อย บอกให้รู้ว่าเลยเที่ยงไปไม่นาน คลื่นทะเลหลังผืนทรายทองอร่ามพลิ้วเข้ามากระทบฝั่งครั้งแล้วครั้งเล่า
มุกดาคิดถึงบิดาขึ้นมาแวบหนึ่ง พ่อของหล่อนชอบอุ้มหล่อนพาเดินเล่นรอบชายหาด ชี้ชวนให้ดูนกน้ำ เปลือกหอย และปูเสฉวนในรู นานมาแล้วสมัยครอบครัวยังสมานฉันท์อยู่พร้อมหน้าพ่อแม่ลูก..ทว่าตอนนี้เป็นเพียงอดีตไปแล้ว
กลิ่นหอมฉุยลอยอบอวลมาจากชั้นล่าง หล่อนเดาว่ามันเป็นกลิ่นของไข่เจียวกับกลิ่นกระเทียม มัณฑนากรสาวได้ยินเสียงจ๊อกๆดังมาจากท้องของตัวเอง พร้อมกับอาการแสบจุกที่ลิ้นปี่ หญิงสาวลูบท้องตัวเองป้อยๆ ไม่ทันรู้ตัวว่าขาสองข้างพาเดินลงไปตามกลิ่นอาหารตั้งแต่เมื่อใด
รู้ตัวอีกทีก็เห็นเจ้านายหนุ่มกำลังง่วนอยู่กับจากจัดโต๊ะอาหารในห้องโล่งขาวส่วนที่ติดกับครัว เฟอร์นิเจอร์บ้านยังดูโหรงเหรงอยู่ไม่กี่ชิ้น คนงาน แม่บ้าน หรือใครอื่นที่นอกเหนือจากหล่อนกับเจ้านายก็ยังไม่มาให้เห็น นับเป็นภาพที่หาดูได้ยากทีเดียว หญิงสาวไม่นึกว่ากวินจะทำอาหารเป็น แถมยังลงมือจัดเตรียมทุกอย่างเองอย่างคนคล่องแคล่ว ทั้งที่เขาจะจ้างคนมาทำอาหารให้ หรือสั่งตรงจากโรงแรมใกล้ๆก็ไม่ยุ่งยาก
หญิงสาวมัวแต่ยืนพิงฉากกั้นมีมู่ลี่ประดับหน้าบันได กอดอกยืนยิ้มคนเดียวอยู่อย่างนั้น จึงแทบสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงเข้มของเจ้านายลอยละลิ่วเข้าหู
“เอ้า..ยืนยิ้มอยู่ทำไม มากินข้าวเร็ว”
เขาชวนหลังจากนั่งลงดื่มน้ำดับกระหายไปสองอึก กำลังจะลุกไปตามหามัณฑนากรสาว ก็พอดีเห็นหล่อนยืนยิ้มอยู่ตรงนั้น
“ไข่มุกหรือคะ?” หล่อนกำลังตกใจระคนประหลาดใจจึงถามย้ำ พลางชี้นิ้วเข้าหาตัว
“ก็คุณน่ะซี..อยู่กันแค่สองคนผมจะคุยกับผีที่ไหนได้”
กวินบอกเสียงกึ่งขันกึ่งรำคาญ
“อ๋อ..ค่ะๆ ขอบคุณค่ะ” มุกดารีบพยักหน้าหงึกหงักแล้วรีบรุดเข้าไปนั่งบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับเขาที่มีจานข้าวสวยร้อนๆวางรออยู่แล้ว หล่อนเกรงว่าถ้าช้ากว่านั้นจะทำให้เขาหงุดหงิดและโกรธหล่อนขึ้นมาอีก
“คุณวินเก่งจังค่ะ” มุกดาเอ่ยปากชม เมื่อตักกับเข้าปากไปสองสามคำ กับข้าวมื้อนี้มีไข่เจียวหอมฉุย ยำปลากระป๋อง แล้วก็หมูทอดกระเทียมอีกหนึ่งอย่าง ถึงแม้มันจะเป็นเมนูง่ายๆ วัตถุดิบไม่ได้เลิศหรูอะไร แต่หล่อนก็เชื่อว่าฝีมือเขาต้องฉกาจพอตัว จึงทำให้รสชาติออกมากลมกล่อม เข้าเนื้อได้ขนาดนี้
“อาหารคิดสั้นน่ะ ไม่ใช่ของหรูอะไร คุณกินได้ใช่ไหม” น้ำเสียงของเขาผ่อนคลายลงมาบ้าง หญิงสาวค่อยหายใจได้ทั่วท้อง
“กินได้ซีคะ ไข่มุกจะกวาดให้เกลี้ยงเลย” หล่อนยิ้มกว้างก่อนจะตักข้าวคำโตเข้าปากอีกคำ
“ผมต้องทำเองทุกวันนะ ตอนไปเรียนที่ซานฟราน ไม่มีแม่บ้านมาคอยทำให้กินหรอก”
เขาเล่ายิ้มๆ มุกดาชอบนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นี้ยามผ่อนคลาย มันเหมือนมีรอยยิ้มปรากฏเด่นอยู่ตลอดเวลา ชอบให้เขายิ้มเต็มปากแบบนี้ มันทำให้หล่อนไม่อยากถอนสายตาจากเขาเลยแม้แต่วินาทีเดียว
เงียบกันไปพักใหญ่ ต่างคนต่างจัดการอาหารตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย เพราะไม่มีใครได้กินข้าวเช้ารองท้องเลยสักคน ภารกิจวันนี้ดูปุบปับจนรู้สึกว่าเวลาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน กว่าจะเดินทางไปที่เรือนกุหลาบ ต่อมาถึงประจวบฯ ถึงแล้วก็แยกย้ายขึ้นไปจัดของ สุดท้ายแต่ละคนก็เลยหิว มีแก่ใจตักอาหารเข้าปากจนหมดเกลี้ยง
“ผมทิ้งบ้านหลังนี้มาเกือบปี รีสอร์ทด้านหลังที่คุณเห็นก็เปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาพักตั้งแต่ต้นมกราเหลือแต่บ้านพักส่วนตัวนี่แหละ ที่ผมยังไม่ได้จัดการให้เรียบร้อย” เขาเริ่มเล่ารายละเอียดก่อนเข้าเรื่องงาน และเหตุผลที่พาหล่อนมาวันนี้
“ผมไม่ต้องการบ้านรกๆ ใช้เฟอร์ฯฟุ่มเฟือย อยากได้บ้านที่กลืนกับธรรมชาติ แบบที่คุณให้ผลดูนั่นใช้ได้เลย เหมาะกับบ้านพักริมทะเล มากกว่าคอนโดกลางเมือง”
มุกดายิ้มไม่สุดกับคำชมนั้น อย่างไรเสียหล่อนก็ยังรู้สึกว่า ตัวเองไม่สามารถออกแบบงานให้เหมาะสมกับทุกสถานที่ ทุกกาลเทศะอยู่ดี
“ผมอยากได้วอลเปเปอร์เป็นกุหลาบสีขาวในห้องนอน ส่วนชั้นล่างแค่มีกุหลาบขาวปักในแจกันสักมุม จะเป็นกุหลาบจริงกุหลาบปลอมได้หมด”
มัณฑนากรสาวหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันที หล่อนไม่รู้ว่าทำไมจะต้องคิดว่าเขานึกถึงหล่อน..ทั้งที่อาจเป็นเรื่องบังเอิญ.. “พี่วิน” อาจจะชอบกุหลาบขาวอยู่แล้ว ไม่ได้มีความหมายพิเศษอะไร หญิงสาวกำลังสะบัดความคิดบ้าๆออกจากหัว แต่รอยยิ้มนัยน์ตาเขามันฉายแววจัดจ้ากว่าที่เคย ยิ่งทำให้หล่อนลบความคิดเดิมออกไปไม่ได้จนแล้วจนรอด
“ฟังผมอยู่รึเปล่า..” กวินส่งเสียงเตือนเมื่อเห็นหล่อนทำหน้าเหม่อลอย มุกดาสะดุ้งขึ้นมานิดหนึ่งก่อนจะรีบพยักหน้าเร็วๆตอบรับว่ายังฟังเขาอยู่
“ผมต้องการหลักๆแค่นี้แหละ รายละเอียดส่วนอื่นแล้วแต่คุณ..ทำยังไงก็ได้ให้ห้องทุกห้องไม่รก กลืนกับธรรมชาติที่สุด” ชายหนุ่มสรุปให้ฟังเบ็ดเสร็จ ก่อนยื่นคำสั่ง
“ผมให้เวลาคุณทั้งวันสำหรับร่างแบบ พรุ่งนี้เอางานมาส่งผมที่โต๊ะอาหาร ถ้าโอเคผมจะส่งข้อมูลให้ฝ่ายจัดซื้อ จ้างช่างมาทำวีคหน้า แล้วผมจะพาคุณมาเก็บรายละเอียด เช็คความถูกต้องอีกที”
กำหนดเวลาที่ฟังดูเหมือนสั้นเกินไปสำหรับคนที่เพิ่งมาเยือนครั้งแรกอย่างหล่อน แต่นั่นก็ไม่เป็นปัญหา ถ้าหล่อนมีสมาธิ อยู่ในที่สงบๆพักเดียว งานจะเสร็จภายในหนึ่งชั่วโมงก็เคยมาแล้ว แต่ที่หล่อนประหลาดใจคือ..
“ไข่มุกต้องมาที่นี่กับคุณอีกหรือคะ?”
กวินชักสีหน้าขึ้นมาทันทีที่ได้ยินคำถาม
“ทำไมหรือ..มากับผมแล้วมันไม่ดีตรงไหน”
เสียงขุ่นเคืองของเขาทำให้สีเลือดฝาดที่แก้มปลั่งสดใสเริ่มเลือนหายไปอีกครั้ง หล่อนหน้าซีดเผือดรับมือไม่ทันกับอารมณ์แปรปรวนง่ายของเขา
“ปะ..เปล่าค่ะ ไม่ใช่อย่างนั้น ไข่มุกแค่กลัวว่าคุณจะต้องเหนื่อยไปๆมาๆเท่านั้นเอง” ความจริงหล่อนอยากจะต่อว่า..มันไม่ดีตรงที่มากับเขาสองต่อสองแบบครั้งนี้น่ะซี พี่แพรของหล่อนจะคิดยังไงเล่า
“ไม่ต้องกลัว..ผมมากับคุณ ยังดีกว่าส่งให้มากับพนักงานคนอื่น..ผู้ชายด้วยกันทั้งนั้นแหละ” เขาบอกเสียงหนักแน่น ราวกับเดาใจหล่อนออกว่าแท้จริง..กลัวสิ่งใด
“โดยเฉพาะกับนายกฤษดา..ผมขอเตือนคุณด้วยความหวังดีอีกครั้ง อย่าไปไหนกับเขาสองต่อสอง..เด็ดขาด” คำเตือนแกมบังคับเสียงเครียด ทำให้หล่อนอยากจะสวนกลับแรงๆ ว่าให้เลิกยุ่งส่วนตัว อย่ามาตัดสินใจแทนหล่อน เพราะหล่อนไม่ใช่เด็กอย่างที่เขาคิด...ทว่าเอาเข้าจริงก็กลืนคำพูดลงไปในลำคอได้หมด หล่อนไม่อยากให้อารมณ์ที่เริ่มจะผ่อนคลายของเขา ตึงเครียดขึ้นมาอีก ไหนๆก็ต้องอยู่ด้วยกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อีกคืนหนึ่ง...
อีกคืนหนึ่ง!..ใช่สิ หล่อนลืมคิดถึงข้อนี้ ห้องพักทีเขาจัดให้อยู่คนละฟากกับห้องนอนของเขาก็จริง แต่มันก็เรียกว่าอยู่ใต้ชายคาเดียวกัน ต้องเดินผ่าน ขึ้นลงบันไดเดียวกัน...หล่อนไม่สามารถทำใจให้ปลอดโปร่งได้ เมื่อสำนึกในใจบอกว่าไม่ใช่เรื่องดีงามนัก..สำหรับลูกผู้หญิง โดยเฉพาะชายหนุ่มเป็นคนรักของพี่สาวด้วยแล้ว หล่อนยิ่งรู้สึกผิดเข้าไปอีก
“คุณมีเวลาหนึ่งวันสำหรับร่างแบบ มีอะไรขาดเหลือบอกผมก็แล้วกัน” เขาย้ำอีกครั้งก่อนจะลุกจากโต๊ะ เก็บจานชามวางซ้อนกัน หันหลังมุ่งตรงไปยังอ่างล้างจานในครัวฉับไว มุกดามัวแต่คิดอะไรวกวนอยู่คนเดียวเลยไม่ทันช่วยเขา หล่อนตะโกนไล่หลังไปแทน
“ไม่เป็นไรค่ะคุณวิน เดี๋ยวไข่มุกล้างให้เอง”
ชายหนุ่มเปิดน้ำไหลกระทบจานเสียงซู่ซ่า สวนกลับมาทั้งที่ยังหันหลังให้หล่อน
“ไม่ต้อง..ผมจัดการเอง มีหน้าที่อะไรก็รีบทำให้เสร็จ ผมจ้างคุณมาเป็นมัณฑนากรนะ”
มุกดาได้ยินเสียงต่อท้ายในใจว่า..ไม่ได้จ้างให้มาล้างจาน!
บ่ายวันนั้นหลังจากหล่อนขึ้นไปหยิบอุปกรณ์วาดเขียนบนห้องลงมาตั้งเตรียมไว้ด้านนอก บริเวณที่มีหลังคาตกแต่งใบจาก มีไอเย็นจากน้ำในสระ มุมที่ลมธรรมชาติโกรกถึง ตั้งกระดานไม้เสร็จสรรพก็หนีบกระดาษร่างแบบเอาไว้ตรงนั้น ก่อนจะเดินกลับเข้ามาสำรวจพื้นที่กว้างชั้นล่างอีกครั้ง หน้าต่างไม้ถูกเปิดอ้าไว้โดยรอบ ผนังห้องสะอาดโล่งด้วยถูกทาสีขาวกลบเต็มทุกพื้นที่
ใบไม้จากด้านนอกปลิวเข้ามาทางหน้าต่างมุมหนึ่ง ดึงสมาธิออกไปวูบเดียว แล็วก็ทำให้หล่อนเห็นว่าเจ้านายยังเดินง่วนอยู่แถวห้องอาหาร ถ้าหล่อนไม่ได้ตาฝาด ชั่วครู่หนึ่งเขากำลังมองมาทางหล่อนด้วยกระแสอบอุ่นอ่อนโยน แต่พอเห็นหล่อนหันไป เขาก็ทำเป็นเดินผิวปากชมนกชมไม้เล่น ยืนไปพิงกรอบหน้าต่างฮัมเพลงอะไรของเขาไปเรื่อย
หล่อนไม่รู้ว่างานก้าวหน้าไปจวนจะเสร็จก่อนค่ำได้อย่างไร รู้แต่ว่าเขายังอยู่ตรงนั้น คอยเฝ้าดู คอยเป็นกำลังใจให้..ทั้งที่ชายหนุ่มก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำเดียว ผุดลุกผุดนั่งเดินไปเดินมาอยู่อย่างนั้น ไม่ได้เข้ามาก้าวก่าย ไม่ได้เข้ามาออกคำสั่งแต่อย่างใด ทว่ามุกดารู้สึกอบอุ่นใจประหลาด เสมือนมีพลังที่มองไม่เห็นหนุนให้สมองปลอดโปร่ง ไอเดียวดีๆบังเกิด สานต่อความคิดออกมาเป็นแบบร่างได้อย่างน่าอัศจรรย์ มีความสุขเล็กๆที่ได้หันไปพักสายตาด้วยการแอบมองเขา...ทั้งที่ก่อนหน้านี้เคยกลัวการอยู่กับเขาตามลำพัง
เรื่องน่าเศร้าประการเดียวตั้งแต่ก้าวเข้ามาในบ้านหลังนี้คือ...ไฟดับ! มุกดากำลังอาบน้ำสบายอารมณ์ก่อนลงไปทานมื้อค่ำกับเจ้านาย ซึ่งเขาบอกว่าเพิ่งออกไปซื้อของทะเลสดมาเตรียมไว้แล้วตอนก่อนพระอาทิตย์ตกดิน จู่ๆไฟทุกดวงก็ดับพรึบทั้งบ้าน คืนนี้เป็นคืนเดือนแรมเสียด้วย จึงไม่แสงสว่างสำรองจากธรรมชาติมาช่วยคลำทางให้หล่อนเลย หญิงสาวเดินสะเปะสปะหวิดจะลื่นล้มหัวฟาดพื้นไปก็หลายที
ออกมาจากห้องน้ำก็คลำทางอยู่นานกว่าจะเปิดตู้หยิบเสื้อกางเกงออกมาได้ชุดหนึ่ง ปะแป้งหวีผมทีก็ต้องใช้วิชาเดามั่วจากสัมผัสทางกาย นานเกือบครึ่งชั่วโมงกว่ามุกดาจะจัดการธุระส่วนตัวเรียบร้อย คราวนี้หล่อนไม่อยากให้ไฟสว่างอีกเลยจนกว่าจะพ้นคืนนี้ เพราะค่อนข้างมั่นใจว่ารูปลักษณ์หลังปะแป้งแต่งตัวในขณะที่ฟ้ามืดทั้งนอกและในบ้านเช่นนี้ จะน่าขันแค่ไหน
สิ่งที่ยากที่สุดก็คือ..หล่อนต้องประคองตัวเองลงบันไดท่ามกลางความมืดสนิท..
นาทีนี้หล่อนอยากจะตะโกนร้องขอความช่วยเหลือจากเจ้านายเต็มกำลัง แต่ความอาย..และความเงียบเชียบของบ้าน ทำให้ไม่แน่ใจว่าชายหนุ่มยังอยู่ในนี้หรือไม่ หล่อนจึงต้องค่อยๆคลำหาราวบันไดไว้ยึดเกาะพยุงตัว ก่อนจะพยายามเลื่อนเท้าไปตามพื้นลื่นของบันได้แต่ละขั้นช้าๆ และใจเย็นที่สุด
เสียงโครมครามที่ดังขึ้นตรงบันไดทำให้กวินรีบวิ่งฝ่าความมืดเข้าไปตรงทิศทางที่กะแล้วว่าถูกต้อง เขาเพิ่งหมดอารมณ์ทำเมนูปิ้งย่างเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา ไฟสว่างตรงริมทางเดินรอบสระน้ำก็พลอยดับไปด้วย กลับเข้ามาในบ้านเพื่อมาหยิบไฟแช็กกับเทียนในกระเป๋า ก็เผอิญได้ยินเสียงดังเหมือนอะไรหนักๆกระแทกพื้นบันได วูบแรกชายหนุ่มนึกถึงมุกดาขึ้นมาทันที..และเขาก็คาดการณ์ไม่ผิดเมื่อเสียงกรีดร้องของหล่อนไล่หลังเสียงโครมครามมาติดๆ
สัมผัสแข็งแกร่งบนแผงอกหนา ไอร้อนจากมือใหญ่รอบคอระหงและเอวบาง เสมือนเป็นที่พึ่งอันอบอุ่น ความหวาดกลัวในจิตใจสาวน้อยเหือดหายไปเกือบหมด มุกดาซุกตัวอยู่ในอ้อมกอดที่หล่อนมั่นใจว่าเป็นของเขา สองมือเรียวบางเย็นเฉียบเกาะหลังเขาแน่น เสียงกรีดร้องเมื่อครู่เหลือเพียงเสียงสะอื้นไห้เบาๆในลำคอเจ้าหล่อน พักเดียวก็กลายเป็นเสียงหายใจที่ค่อยผ่อนช้าลง เป็นความเงียบที่ก่อกระแสความสุขประหลาดล้ำ หญิงสาวไม่รู้เลยว่าเขาอยากจะหยุดเวลาไว้ตรงนั้นนานเท่านาน
“ไม่เป็นไรแล้วนะ..เด็กน้อย”
กวินหัวเราะเบาๆเสียงเขาอ่อนโยนเมื่อเอ่ยประโยคถัดไป
“เราออกไปนั่งข้างนอกกันก่อน ผมเตรียมเทียนกับไฟแช็กไว้แล้ว”
คืนนั้นอาจจะมืดสนิทแค่เพียงผืนกำมะหยี่ธรรมชาติด้านนอก ทว่าผืนฟ้าภายในใจของหล่อนกลับสุกสว่างมากกว่าครั้งไหน แสงไฟจากเทียนเล่มน้อย บนเนินหญ้าโล่งเตียนใกล้สระน้ำ ทำให้พอมองเห็นใบหน้าคนข้างๆได้ถนัด ส่วนไกลออกไปก็เห็นแต่เพียงสลัวราง
“แย่หน่อยนะ..คืนนี้เลยอดปาร์ตี้รอบค่ำเลย”
เขาหันมาบอกหญิงสาวที่นั่งชันเข่าเหม่อมองสระน้ำอยู่ข้างกาย
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ..ไข่มุกกำลังไดเอ็ทพอดี”
มุกดาบอกพร้อมรอยยิ้มปราศจากความหวั่นกลัว
“ผมโทรเรียกช่างแล้ว...อีกสักพักเราค่อยออกไปหาอะไรกินกัน”
มุกดาไม่ได้ตอบรับด้วยเสียง เพียงแต่พยักหน้าน้อยๆอย่างไม่รู้จะพูดอะไร
“พรุ่งนี้ผมขอไถ่โทษ..ก่อนกลับไปเยี่ยมคุณพ่อของคุณดีไหม”
คำถามนั้นเหมือนตั้งใจจะบอกให้รู้มากกว่าต้องการคำตอบ มุกดาเบิกตากว้างพร้อมหัวใจพองโต
“คุณรู้ได้ยังไงคะว่า..”
ไม่ทันให้หล่อนได้ถามต่ออีกยืดยาว เขาตัดจบแค่ว่า
“ไม่สำคัญว่าผมรู้ได้ยังไง..เอาเป็นว่าผมใส่ใจจะรู้..ผมต้องได้รู้”
ศิลาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 พ.ค. 2555, 16:40:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 27 พ.ค. 2555, 16:40:26 น.
จำนวนการเข้าชม : 1594
<< บทที่๙ พรจากพี่สาว ๑/๒ | บทที่๑๐ แขกไม่ได้รับเชิญ ๑/๒ >> |
เดิมเดิม 27 พ.ค. 2555, 18:33:10 น.
พี่วินแอบหวานนะ
พี่วินแอบหวานนะ
ศิลาริน 28 พ.ค. 2555, 00:04:27 น.
^__^
^__^