แรกรักแต่ปางบรรพ์
เรื่องราวยุคก่อนสุโขทัย เป้เนนิยายจินตนาการทั้งสิ้น มิอาจนำไปอ้างอิงประวัติศาสตร์ใดๆได้
Tags: จงรัก ภักดี
ตอน: ขึ้นที่ แม่ยั่วเมือง
กาสานั่งจมทุกข์อยู่ที่เรือนนางกำนัล ห่วงใยฤทธิ์เดชของเจ้านางอมรา กาสาเกรงว่าจะทำให้ทีฆายุเจ้าพิโรธ
ได้ และหากพ่อเจ้าพิโรธ โทษตายคงไม่พ้นพระศอขาด กาสาจมอยู่กับความวิตกจนไม่อาจนั่งอย่างเป็นสุข
ได้เลย
เวลานั้นเองที่ ท่านสิงห์เดินผ่านมา กาสาเหลือบสายตาขึ้นมอง แล้วรีบวิ่งเข้าไปเรียกรั้งอีกฝ่าย ใคร่ถามหา
เจ้าเหนือหัวตน หากสายตาของท่านสิงห์ที่ชายเพียงหางตามองตอบกลับมาดูเย็นชานัก กาสาจึงทราบ
ฐานะของตนว่าเป็นเพียงทาสต่างเมือง ไม่อาจแตะต้องกายอีกฝ่ายได้ นางจึงทรุดกายลงนั่งคุกเข่าลงเบื้อง
หน้า เงยขึ้นถามเสียงอ่อน
“นายท่านเจ้าขา ข้าน้อยเป็นห่วงเจ้านางเหลือเกิน ไม่ทราบว่าเจ้านางเป็นเช่นไร”
“เมื่อเจ้ายังนั่งดีอยู่ นายเจ้าก็คงไม่เป็นไร”
“นายท่านเจ้าขา”นางจะถามอีก
หากท่านสิงห์เดินเลี่ยงไป กาสารีบผุดลุกวิ่งตามไปฉวยฉุดมือกร้านศึกรั้งอีกฝ่ายไว้ อย่างสำนึกผิด ท่าน
สิงห์ปั้นหน้าขึง ขังไม่พอใจ ทำให้มือนางกำนัลเมืองครามจึงตกลง ยอมรับสภาพการเจียมเนื้อเจียมตัวใน
แดนของผู้มีอำนาจเหนือกว่ากาสาจึงหันกายเดินกลับไปนั่งจมทุกข์อยู่ที่เดิม
ในใจกาสาคนซื่อมีแต่ความเป็นห่วงในเจ้านางยิ่ง
เวลาต่อมา นางกำนัล เมืองหน้าด่าน ได้รับคำสั่งให้มาตามกาสาเข้าเฝ้า กาสารีบเข้าไปเฝ้าเจ้านางอมราที่
ห้องรโหฐาน
เจ้านางอมราประทับนั่งบนแท่นพระที่ พระปรางค์นวลเปล่งประกายแดงระเรื่อ กาสาเข้าไปยอบ
กายถวายบังคมแทบบาททูลถามด้วยความเป็นห่วง
“เจ้านางน้อยได้รับทุกข์ประการใดหรือไม่เจ้า”
เจ้านางอมราแย้มพระโอษฐ์ในสีหน้าก่อนตรัส
“ข้าได้รับพระเมตตาจากพ่อเจ้าทีฆายุ พ่อเจ้าจะนำข้าไปที่ธารปุระเพื่อแต่งตั้งในชั้นที่แม่ยั่วหัว”
“โอ้แม่เจ้า แล้วเรื่องทางหริวงษ์เล่าจักทำประการใด”
เจ้านางอมราเชิดพระพักตร์ด้วยความลำพองพระทัยในความยิ่งใหญ่แห่งพ่อเจ้าทีฆายุ พระนาง
ตรัสด้วยความเด็ดขาดว่า
“แต่แรกนั้นข้ามิได้ยินยอมไปหริวงษ์ แต่เมื่อโดนลักพามานั้นข้ายิ่งแสนแค้นใจ หากบัดเดี๋ยวนี้
ความเมตตาและถ้อยรับสั่งของพ่อเจ้านั้นได้ให้คำสัตย์ต่อข้าว่าจะเลี้ยงดูและทะนุเมืองครามเป็นอย่างดี
เรื่องหริวงษ์จึงมิได้อยู่ในสายตาของข้าอีกแม้สักนิด”
กาสาก้มหน้ารับฟังด้วยอาการนิ่งสงบ หากว่าในใจนางนั้นเล่ามีแต่ความหวาดหวั่นมิใช่น้อย
ด้วยรู้นิสัยของเจ้านางแห่งตนเป็นคนที่ถือพระองค์ว่าทรงยศทรงเกียรติสูงส่ง เกรงว่าพระนางจะยิ่งแสดง
ความดุร้ายเกินกว่าเก่า และทำให้เป็นที่พอใจเกิดแก่ชาววังของธารปุระ แต่ถึงแม้นางข้าหลวงจะเต็มไปด้วย
ความปริกังวล หากกาสามิอาจทำสิ่งใดได้นอกจากเงียบ เพราะนางเองแม้เป็นนางข้าไทคนสนิท นางเองยัง
ต้องรองรับพระอารมณ์ที่ดุร้ายเอาแต่พระทัยอยู่บ่อยครั้ง แต่กาสายังคงมีแต่ใจที่เต็มไปด้วยความภักดีอย่าง
ไม่มีวันเสื่อคลาย นางกริ่งเกรงแทนเจ้านาง แต่เจ้านางไม่เคยได้รับรู้ความคิดของใครนอกจากพระนางเอง
เท่านั้น !!
ฝ่ายเจ้าเมืองครามนั้นได้รับข่าวจากผู้รอดชีวิตกลับไปแจ้งว่า พ่อเจ้าทีฆายุ ได้มาฉุดเจ้า
นางอมรา ไม่ให้ไปอภิเษกสมรสกับเมืองหริวงศ์ ในชั้นแรกที่ทรงทราบ ทรงวิตกกังวล หวาดกลัวไปสารพัด
อย่าง เช่นไม่ส่งเจ้านางไปเป็นบรรณาการเมืองธารปุระ จนเป็นเหตุให้พ่อเจ้ากริ้ว
“ไม่ต้องกังวลหากเราได้ชื่อว่าเป็นมิตรเมืองคราม หรือถ้าเจ้าอมรายังมีชีวิตรอดอยู่ อาจจะได้
เป็นสัสสุระ เราไม่ต้องเกรงเมืองใด แต่ถ้าธารปุระพรากเจ้าอมราไปฆ่าทิ้งเสีย เมืองเราไม่พ้นตายตาม ครานี้
จะทำอย่างไรดี” ทุกคนเต็มไปด้วยความหวาดกลัวเจ้าอมราเจ้าอมรายิ่งนัก
ม้าเร็วจากธารปุระแจ้งข่าว เจ้าเมืองครามรีบต้อนรับเป็นอย่างดี ด้วยความเกรงกลัว
“ทูลพ่อเจ้าบัดเดี๋ยวนี้องค์ทีฆายุผู้เป็นเจ้าเหนือธารปุระนครได้เสด็จมารับเจ้านางเจ้าอมราด้วย
พระองค์เอง บัดเดี๋ยวนี้ทรงโปรดรับเป็นแม่ยั่วหัวแห่งธารปุระแล้วจึงส่งข่าวมาให้ทราบ”
เจ้าเมืองครามโล่งพระทัยยิ่งนักเสนาอำมาตย์พลอยยินดีทั่ว
ฝ่ายเจ้านุวงศ์ ทำทีเป็นภักดีต่อพี่เจ้านำทัพออกมา เพื่อเข้าไปสอบถามเมืองคราม และเอา
เรื่อง เมืองธารปุระหากว่าเมื่อพ้นเขตคามมาแล้วไซร้ก็ได้การทำตามที่ได้รับพระบัญชาไม่ทำตัวเหมือนมา
เที่ยวเล่นกลางป่ากระนั้น
ขัตติยะอำมาตย์เข้าเฝ้าเจ้าหริวงศ์ ซึ่งเอาแต่โทมนัส เสวยน้ำจันท์มาก ท่านจึงนำดารกาเข้า
ถวายตัว
ความงามและความมีคุณสมบัติดีเลิศของดารกาธิดาของอำมาตย์ขัตติยะ ดึงพระทับที่เศร้าโสก
ของหริวงศ์เจ้ากลับคืนมาได้ ทรงเมตตา และในที่สุด เมื่อเจ้าอนุวงศ์กลับมาถึงบ้านเมืองก็พบว่า พระเชษฐา
แต่งตั้ง ดารกาขึ้นที่พระมเหสีและอำมาตย์เป็นที่พระสัสสุระ เจ้าอนุวงศ์แสนแค้น แต่ทำอะไรไม่ได้นอกจาก
สุมกำลัง เช่นเดียวกับอำมาตย์ที่ต้องรักษาบัลลังก์เพื่อหลานตนในวันข้างหน้าเช่นเดียวกัน
………………
พระราชโองการทีฆายุยุพ่อเจ้าได้ทรงมีดั่งที่เคยสัญญาต่อเจ้านางอมรา
เมื่อเจ้านางมาถึงธารปุระ ก็เข้าพิธีแต่งตั้งเป็นแม่ยั่วหัว ก่อนที่ พ่อเจ้าทีฆายุจะส่งของไปกำนัล
ยังเมืองครามพร้อมราชสาสน์เป็นไมตรี
คุณท้าวศรีคำ ถูกเรียกเข้าเฝ้าเจ้านางแม่ยั่วหัว คุณท้าวศรีคำ ยอมกายถวายบังคมแล้วจึงค่อย
เงยขึ้นทูลถามพระประสงค์ซึ่งเรียกหาให้เข้าเฝ้า
“แม่เจ้าต้องพระประสงค์สิ่งใดกันเจ้า จึงได้เรียกหาข้าน้อยแต่เช้า”
“ข้าฟังมาว่าเจ้าเป็นคนจักกานางกำนัลหรือเครื่องบรรณาการถวายพ่อเจ้าใช่ฤาไม่”
ท้าวศรีคำนิ่งอึ้งไปเป็นครู่ จนมีสุรเสียงตวาดออกมาอย่างเอาพระทัยว่า
“ข้าถามเจ้ากล้าไม่ตอบหรือ”
“เอ่อหามิได้ เพียงแต่ว่า”
“ว่าอะไร นับแต่ข้าเข้าเมืองมานี้ เจ้ายังคงคัดสรรค์หญิงเข้ามาถวายพ่อเจ้าหาได้หยุดไม่”
คุณท้าวศรีคำเป็นคนถืออำนาจมากคนหนึ่งเมื่อถูกตวาดว่าจากเจ้านางต่างเมืองนางจึงมิอาจอด
กลั้นวาจาได้ จึงได้ทูลด้วยท่าทีเย่อหยิ่งว่า
“ด้วยตำแหน่งของข้าน้อย เป็นผู้จัดหาหญิงเบญจกัลยาณีถวายพ่อเจ้าด้วยภักดี และหญิง
แต่ละนางเมื่อไม่สามารถมีพระหน่อเจ้าถวายให้ได้ พวกนางไม่ใจแคบ”
“ชะช้าบังอาจนัก”สิ้นพระดำรัส แม่ยั่วหัวเงื้อพระหัตถ์ตบหน้าคุณท้าวเต็มแรง
จนคุณท้าวกลิ้งไปกับพื้น
“เอ็งกล้าว่าข้าใจแคบเชียวหรือ”
“หน้าที่อภิบาลเป็นหน้าที่ของข้าน้อย องค์เทวีลุแก่โทษเช่นนี้ ข้าน้อยคงต้องทูลขอความเป็นธรรมจากพ่อ
เจ้าเสียแล้ว”
“ทูลขอหรือ เหอะ เจ้าคงหารู้ไม่ว่า ข้าได้ขอพรจากพ่อเจ้ามากำกับเจ้าแล้ว”
คุณท้าวศรีคำถึงกับนิ่งอึ้งไปในทันที พ่อเจ้าทรงโปรดเจ้านางต่างเมืององค์นี้เป็นที่เลื่องลือ ทรงเสด็จไป
ตำหนักในทุกเวลาที่ว่าง คุณท้าวมิได้สงสัยเลยว่าแม่ยั่วหัวได้รับพรจากพ่อเจ้ามากำราบนางแล้วจริงๆ
“พระแม่เจ้าต้องประสงค์สิ่งใดเพคะ”
“นับแต่นี้อย่าให้ข้าได้รู้ว่าเจ้าจัดหาหญิงใดถวายพี่ข้า อย่าให้ข้ารู้ว่าเจ้าคิดตั้งตัวเป็นศัตรูกับข้า ต่อแต่นี่เรื่อง
นางสนมกำนัลห้ามมิให้ใครเข้าเฝ้าพ่อเจ้าไม่ว่าด้วยกิจอันใดทั้งสิ้น ข้ามอบหน้าที่ให้เจ้าไปกำกับพวก
นางอย่าได้ล่วงล้ำเข้าไปเขตอุทยานหลวง ซึ่งบัดเดี๋ยวนี้เป็นที่สำราญของข้ากับพ่อเจ้าเท่านั้นจำไว้”
“แม่เจ้า”
แม่ยั่วหัวเชิดพระพักตร์ ไม่มองหน้าธารกำนัล ซึ่งแต่ละนางนั้นเกรงกลัวเดชแห่งพระนาง หากหามีใครรักไม่
ด้วยแม่ยั่วหัวเป็นเจ้านางที่ทรงหึงหวงพ่อเจ้าทีฆายุยิ่งนัก ไม่ปรารถนาให้สตรีนางใดเข้าเฝ้าทั้งสิ้น หากล่วง
รู้ว่าผู้ใดจัดหา หรือทูลถวาย แม่ยั่วหัวจ้องกำจัดจนสิ้น และความที่แม่ยั่วหัวเป็นที่ทรงโปรด พวกเหล่าขุน
นางจึงต้องยอมลงให้กับแม่ยั่วหัว
สามปีผ่านไป
แม่ยั่วหัวทรงชุดฉลองเช่นเมืองธารปุระเกศาขมวดเกล้าสูงรัดเกล้าด้วยทองคำปิ่นจุฑาเป็น
ทับทิมค่าควรเมืองนิ้วพระหัตถ์สวมธำมรงค์ครบถ้วนทั้งสิบนิ้วที่พระอนามิกาสวมธำมรงค์นาคราชที่พ่อเจ้า
ประทานให้ตำแหน่งแม่ยั่วหัว
พระแม่เจ้าอมราประทับนั่งอิงเขนยใต้ร่มโศกที่ทรงโปรด กาสารับใช้เบื้องยุคลบาทใกล้ชิด
ทรงสั่งคุณท้าวศรีคำ มิให้เข้ามาก้าวก่ายเรื่องการคัดเลือกศตรี คุณท้าวเก็บความไม่พอใจไว้แต่ภายใน
นางยังรับใช้เบื้องยุคลบาท หากเป็นการรับใช้ตามหน้าที่หามีความภักดีด้วยไม่
ฝ่ายแม่ยั่วหัว ทรงตรวจดูทุกครั้งว่าบรรณาการเมืองใดส่งผู้หญิงมาเป็นที่บำเรอ แม่ยั่วหัวถืออำนาจประทาน
ให้ขุนทหารทั้งสิ้น ซึ่งความข้อนี้พ่อเจ้ามิได้ทรงขัดด้วยรู้ดี ว่าแม่ยั่วหัวทรงหึงร้ายแรงยิ่ง ทรงประหารแล้ว
ค่อยมาทูลอยู่บ่อยครั้ง แต่ด้วยเป็นที่ทรงโปรดพ่อเจ้าจึงไม่ถือสาหาความ
บัดเดี๋ยวนี้แม่ยั่วหัวเรียกนางสนมเก่าๆ เข้าเฝ้าถวายตัว ทุกนางต่างก้มหน้ามองพื้นไม่กล้าสบเนตรคมดุของ
แม่ยั่วหัว
พระนางมีพระราชเสาวนีย์ออกมาว่า
“พวกเจ้าถูกส่งมาจากประเทศราชของธารปุระใช่หรือไม่”
“ใช่เพคะ”
“มีใครที่พ่อเจ้าเอ็นดูบ้าง หรือใครมีเลือดเนื้อของพ่อเจ้าบ้าง”
“บางคนถูกส่งมาเมื่อสิบปีก่อนยังไม่เคยได้ถวายงานสักครั้งเลยแม่เจ้า”
“อยากมีคู่เชยมั้ยเล่า ถ้าอยากมีข้าจะจัดให้เอง เจ้าอย่าเอาความสาวมาร้างราหาประโยชน์แก่
ตัวเจ้าไม่ได้เช่นที่เป็นอยู่ทุกวันนี้เลย”
บางคนได้ฟังคำตรัสเป็นนัยจึงทำสะเทิ้นอายอ้อมแอ้มรับคำ หากบางคนกล้าที่จะยอมรับใน
ความภักดีที่มีต่อพ่อเจ้า จึงกราบทูลต่อเจ้านางอมราว่า
“ข้าน้อยยินดีอยู่ในฐานะบรรณาการพ่อเจ้าเช่นนี้”
เจ้าอมราเทวีขยับองค์นิด รับสั่งสั้น
“เจ้าได้เข้าเฝ้ากี่ครั้ง”
“แม้เพียงครั้ง แต่ข้าน้อยยังยินดีในความภักดีจนชีวิตหาไม่”
คุณท้าวศรีลอบเห็นแววเนตรเปล่งประกายดังเสือหวงลูกของแม่ยั่วหัว คุณท้าวศรีคำนึกสงสารคนที่กำลังทูล
เพราะความซื่อว่าคงทำให้พิโรธอย่างน่าที่จะเป็นภัยแก่คนกล่าวเอง
“ช่างกล้าเหลือใจนัก เจ้าพูดออกมาโดยไม่ยอมรับความมีน้ำใจของข้า ในเมื่อเจ้าเลือกจะไม่รับ
ความหวังดีแล้วไซร้ เราสองคนคงจะเข้าหน้ากันไม่ได้ ดังนั้นนับจากนี้ไป หากข้าเดินอยู่ที่ใดอย่างได้เสนอ
หน้ามาให้เห็นโดยเด็ดขาด หาไม่เจ้าจะไม่คงชีวิตสืบไป”
นางผู้นั้นไม่เห็นผิดของตน ว่าไม่รับความปรารถนาดีอันใดของแม่ยั่วหัวแต่นางได้เห็นความใจแคบของเจ้า
นางอมรามากกว่า ถึงกระนั้นนางยังไม่กล้าทัดท้วงใดๆ ได้แต่นั่งนิ่งเงียบ
จากวันแรกที่เจ้านางอมราแสดงความมีน้ำใจต่อพระสนม ทำให้เกิดเสียงนินทาอย่างเงียบๆ หากลามไปทั่ว
ทุกตำหนักว่า
“นางคนเมืองครามนี้ใจร้ายนัก”
บางคนแอบว่าร้ายนินทา และหากใครอยากได้ความชอบ นำคำนินทาของคนกล่าวอ้างไปทูลแม่ยั่วหัว พระ
นางจะประทานรางวัลให้ ทั้งชำระความนางคนนินทาด้วยวิธีใช้ตะขอเหล็กลากลิ้นนางมาสับเป็นชิ้นๆอย่างไร้
ความปราณี
บัดเดี๋ยวนี้ทั้งแผ่นดินธารปุระ จึงไม่มีใครสักคนที่หาญกล้ามีเรื่องกับแม่ยั่วหัว แม้จะกล่าวอ้างพระนามยังไม่มี
และไม่มีใครมีใจภักดีเจ้าอมราเทวีสักคน
..ต่างเคารพด้วยความเกลียดกลัวทั้งสิ้น!!
………………….
ท้องพระโรงทีฆายุพ่อเจ้าประทับบนบัลลังก์ราชสีห์ทองคำ ปุโรหิตกราบทูล
“อภิเษกแม่ยั่วหัวสิบปี แล้วยังไม่มีพระหน่อเจ้า เห็นควรจะมีการเซ่นสรวงบูชายัญเจ้า”
“บูชายัญ ”
“สัตว์เพศผู้เพศเมียอย่างละหนึ่ง เพื่อถวายแด่เทพอันสูงสุด เพื่อประทานการมีพระหน่อเจ้าแห่ง
ราชวงศ์ธารายุทธสืบต่อไป”
ทีฆายุพ่อเจ้าทรงนิ่งฟังไม่มีพระกระแสรับสั่งประการใด
หากเมื่อล่วงรู้ถึงพระกรรณเจ้าอมราเทวีทรงให้เตรียมการในทันทีด้วยอยากมีพระโอรสสืบต่อไป
เมืองธารปุระนั้น เข้าโจมตีเมืองใดก็ให้ชนะเสียทุกคราว และมีการกวาดต้อนผู้คนมาเป็นทาสสร้างบ้านแปลง
เมืองกันเป็นจำนวนมาก ครั้งล่วงเจ็ดปีก็จะได้รับอนุญาตจากผู้เป็นนายให้กลับบ้านเมืองได้ตามที่ต้องการ
มีเด็กชายหญิงจำนวนไม่น้อยได้เติบโตที่เมืองธารปุระ อาศัยอยู่ในหมู่บ้านทาสเพื่อรอการขายทอดตลาด
ให้กับเศรษฐี หรือ ผู้มีอันจะกิน แม้กระทั่งเด็กหญิงบางคนถูกประมูลซื้อขายไปโดยพวกหญิงงามเมือง (แม่
เล้า) ไว้บำเรอแก่ชาวธารปุระผู้ยอมเสียทองคำเพื่อแลกกับความงามชั่วพักชั่วคราว

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 พ.ค. 2555, 08:55:46 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 พ.ค. 2555, 08:55:46 น.
จำนวนการเข้าชม : 2067
<< ชิงนาง หวังศึก | สองทาสผู้มีเบื้องหลัง >> |

tookta 28 พ.ค. 2555, 21:24:55 น.
แม่นางอมราไม่ใช่นางเอกหรือคะไรเตอร์
แม่นางอมราไม่ใช่นางเอกหรือคะไรเตอร์


tookta 29 พ.ค. 2555, 20:52:12 น.
555 แกล้งคนอ่าน55
555 แกล้งคนอ่าน55

Zephyr 30 พ.ค. 2555, 21:17:28 น.
โห นางช่างใจร้าย คิดว่าเป็นนางเอกซะอีก แต่มาแบบนี้คงไม่ใช่แระ
โห นางช่างใจร้าย คิดว่าเป็นนางเอกซะอีก แต่มาแบบนี้คงไม่ใช่แระ