เล่ห์รักสาวนักพิสูจน์อักษร (ใช้ชื่อนี้ไปก่อนค่ะ)
เล่ห์รัก สาวนักพิสูจน์อักษร

พีระดาสาวน้อยแสนสวยวัยยี่สิบสี่ที่ไม่ได้สวมแว่นตาหนาเตอะ แต่เธอใส่คอนแทคเลนส์แฟชั่นและสวมรองเท้าส้นสูงปรี๊ดแต่งตัวเปรี้ยวจี๊ดมาทำงานเป็นหัวหน้าทีมพิสูจน์อักษรให้กับสำนักพิมพ์นิยายชื่อดังซึ่งเป็นธุรกิจของครอบครัวเพราะเรียนจบมาทางด้านนี้โดยตรง เธอเกิดตกหลุมรักนักเขียนหนุ่มเจ้าของนามปากกาเมาคลี ที่เธอได้รับมอบหมายพิสูจน์อักษรให้เขาอยู่บ่อยครั้งจนหลงคิดไปว่าเขาคงเป็นชายหนุ่มใจดีสุดแสนโรแมนติกเหมือนดั่งนิยายรักอันแสนหวานที่เขาเป็นผู้ประพันธ์ผ่านปลายปากกาเอาล่ะถ้าเธอจะเลือกใครมาเป็นแฟนตัวจริงสักทีขอให้ได้เขาคนนี้เถิดสาธุ…

แต่แล้วความเป็นจริงมันกลับไม่เป็นเช่นนั้นเมื่อภาคินัยเป็นผู้ชายโมโหร้าย เอาแต่ใจ และมือไวเป็นที่หนึ่งเขารู้มาจากเพื่อนซี้ที่ทำงานวาดภาพปกนิยายว่ามีหญิงสาวแอบคลั่งไคล้เขาเอามากๆ ชายหนุ่มจินตนาการไปถึงใบหน้าแสนเฉิ่มและยิ้มหยันประกาศสียงดังว่าแม่สาวนักพิสูจน์อักษรแสนเฉิ่มแบบนั้นเขาไม่มีวันสนใจและเธอคงไม่มีวันได้แอ่มเขาอย่างแน่นอนแม้แต่ขาอ่อนขาวๆ ของเขาเธอก็คงไม่มีวันได้เห็น

แต่คำพูดทั้งหมดนั้นมันบังเอิญไปเข้าสองหูของพีระดา หญิงสาวควันออกหูภาพพระเอกในใจของเขาถูกลดเกรดให้เป็นเพียงตัวร้ายในทันที ให้ตายเถอะชาตินี้เธอสาบานเลยว่าจะต้องพาเขาขึ้นเตียงกับเธอให้ได้จากนั้นก็จะเขี่ยเขาลงจากเตียงน้ำตาของนายภาคินัยจะต้องเช็ดหัวเข่า

ภาคินัยเปลี่ยนคู่นอนไปเรื่อยๆ เขามันเป็นคาสโนว่าตัวร้ายที่ไม่ค่อยจะมีใครรู้นักว่าอีกด้านหนึ่งเขาเป็นนักเขียนชื่อดัง เขาใช้ประสบการณ์ในการร่วมรักกับสาวๆ หลายคนซึ่งพวกหล่อนเต็มใจ แล้วนำประสบการณ์มาบรรยายในบทเลิฟซีนที่เขาเขียนจนนักอ่านบางคนนั้นติดอกติดใจเคลิบเคลิ้มไปกับแต่ละฉากแต่ละตอนและที่สำคัญมันแทบจะไม่เคยซ้ำกันเลย
แต่แล้วเมื่อวันหนึ่งหัวใจของเขามันแทบจะหยุดเต้นเมื่อเพื่อนสนิทชวนไปดูงานแฟชั่นโชว์ซึ่งเขาไม่ค่อยชอบสักเท่าไหร่ เขาพบนางแบบสาวคนสวยดาวดวงใหม่ประดับวงการเธอช่างน่ารักถูกใจเขาจนคิดอยากจะจีบเธอเอามาเป็นคู่ชีวิตจริงๆ ให้ตายถ้าทำได้เขาอยากจะอุ้มเธอลงมาจากแคตวอล์กและไปขึ้นเตียงของเขาเสียเดี๋ยวนี้เลย( ที่สำคัญเธอคงไม่รู้หรอกว่าเขาเคยเห็นเธอครั้งหนึ่งแล้วเมื่อสองปีก่อนที่ขายร้านขายรองเท้าแบรนด์ดังถึงกับเอาเธอมาจินตนาการเป็นนางเอกในนิยายเล่มแรกของเขา)

ชายหนุ่มดีใจจนเนื้อเต้นเมื่อจู่ๆหญิงสาวที่แอบหมายปองก็พาตัวมาสนิทกับเขาจนภาคินัยเห็นสวรรค์รอยู่รำไรข้างหน้า แต่แล้วเขาก็ต้องเจ็บปวดและเสียหน้าอย่างแรง เมื่อพีระดาบอกว่าเธอสนใจเพื่อนเขาต่างหากนั่นคื่อเวหา เพื่อนที่สนิทที่สุดของภาคินัย
ส่วนเขานั่นเหรอมันก็เป็นแค่สะพานให้เธอเดินข้ามไปเท่านั้น และแล้วเธอก็ไปคบกับเพื่อนของเขาอย่างเปิดเผยทำให้ภาคินัยรู้สึกเจ็บแปลบไปถึงขั้วหัวใจ แต่ว่าทำไมเธอถึงแอบส่งสายตามายั่วยวนเขาอยู่บ่อยๆเวลาเพื่อนเขาเผลอ มันยังไงกันแน่หรือแม่นางแบบสาวผู้เร่าร้อนคนนี้คิดจะจับปลาสองมือ ได้สิในเมื่อหล่อนอยากจะทำตัวเป็นแม่ปลาไหลเขาก็จะเป็นใบข่อย เขาจะจัดการรีดเมือกให้หล่อนหมดโอกาสลื่นไหลไปหาใครต่อใครได้อีก เพราะหล่อนต้องเป็นของเขาคนเดียวเท่านั้น

+++++++++++++++++++++++++++++


Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 24

ตอนที่ 24


สุชาวีถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ก่อนจะลืมตาขึ้นและยื่นมือส่งให้ชายหนุ่มข้างกาย ซึ่งนายหัวเมฆายื่นฝ่ามืออุ่นมารอรับมือขาวเรียวของเธออยู่นานแล้ว นายหัวเมฆาไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามือพยาบาลจะนุ่มได้ขนาดนี้ไม่เหมือนตอนที่เธอฉีดยาให้เขาหนักเป็นบ้า แม้ว่าสุชาวีเองก็เป็นอดีตสาวกรุงเทพฯ คนหนึ่ง โรงแรมหรูหราระดับ 5 ดาวอย่างเช่นโรงแรมแห่งนี้ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่เคยพบเห็นมาก่อน แต่ทว่างานในค่ำคืนนี้เป็นงานใหญ่มีแต่คนดังระดับแนวหน้าของเมืองไทยที่จะมีโอกาสเข้าร่วมงานได้ไม่ว่าจะเป็น ดารา นางแบบ ไฮโซ เซเล็บคนดัง มันทำให้เธอรู้สึกประหม่าอยู่ไม่น้อย สำหรับนายหัวเมฆาสุชาวีแทบไม่เชื่อสายตาเธอเคยเห็นแต่เวลาที่เขาอยู่ในไร่แต่งตัวง่ายๆเซอร์ๆไม่ได้แตกต่างกับคนงานในไร่มากนัก แต่ยามนี้เขาดูเป็นนักธุรกิจหนุ่มมาดดีสมฐานะเจ้าของไร่ชื่อดังผู้ร่ำรวย มั่งคั่งที่สาวๆหลายคนแอบชะม้ายชายตามอง นอกจากนี้นายหัวคนดังยังรู้จักพวกนักธุรกิจระดับแนวหน้าและคนมีชื่อเสียงมากมาย หลายคนแวะมาทักทายเขาราวกับสนิทสนมกันมานาน ยิ่งคิดสุชาวียิ่งรู้สึกว่างานนี้ช่างไม่เหมาะกับผู้หญิงเรียบง่ายพยาบาลหน้าตาบ้านๆแบบเธอเลย แต่ก็ต้องยอมมาเป็นเพื่อนเขาเพื่อที่จะได้จบหน้าที่นี้เสียทีแล้วต่อไปนายหัวจะได้เลิกยุ่งเกี่ยวหรือข่มขู่เธอได้อีกเรื่องการพาคนบุกรุกไร่เข่า เธอชะเง้อหานักเขียนหนุ่มขวัญใจแต่มองเท่าไหร่ก็ไม่มีวี่แววของเขาเลย


สุชาวีในคืนนี้ดูสวยจับตา น่ามองไปหมดทั้งเสื้อผ้า หน้าผม ลงตัวเป๊ะแม้ว่าเธอไม่ใช่ดาราหรือ นางแบบ ไม่ใช่เซเล็บ เป็นเพียงหญิงสาวที่ไม่มีใครในงานรู้จักมาก่อนแต่เธอเป็นคู่ควงของนายหัวเมฆาเจ้าของไร่ชื่อดังผู้มีอิทธิพลของภาคใต้ตากล้องทั้งหลายก็ต่างสนใจที่จะถ่ายภาพเธอจนนายหัวเมฆารู้สึกไม่พอใจอย่างตะหงิดๆ ได้แต่หงุดหงิดอยู่ในใจและปั้นสีหน้าเรียบเฉย


“มองหาใครหรือคุณ เดี๋ยวก็สะดุดส้นสูงหัวทิ่มหรอก ถ้าคุณล้มผมไม่ช่วยนะ” เขากระซิบหยอกหล่อน

“น้ำใจของคนตัวดำมันคงไม่มีอยู่แล้ว ฉันเชื่อว่าคุณทำได้”พร้อมกับทำหน้าเชิดใส่เล็กน้อย


ได้หยอกเธอวันละนิดทำให้นายหัวเมฆากระปรี้กระเป่าขึ้นมาก


“ฉันมองหาคุณ ภาคินัยน่ะสิคะไม่รู้อยู่ตรงไหน ฉันมีอะไรจะคุยกับเขาต้องเยอะ” สุชาวีอยากจะถามว่านิยายกับที่คั่นที่เขาตกลงไว้ส่งไปให้หรือยังเมื่อคืนโทรไปถามเพื่อนสนิทที่หอพักพยาบาลก็ได้รับคำตอบว่ายังไม่มีหนังสือส่งมา


“ควงมากับผมแต่มองหาผู้ชายอื่น ไม่มากไปหน่อยหรือคุณ” เขากระซิบ นายหัวเมฆาลืมจุดประสงค์ที่เขาพาเธอมาที่นี่ไปเสียสนิท เมื่อพูดออกไปแล้วจึงนึกขึ้นได้


“นี่นายหัวคะ ก็ไหนคุณว่าพาฉันมากันท่าคุณภาคินัยไม่ให้เข้าใกล้คุณพีระดาได้ เพื่อที่คุณจะหาทางพาเธอออกไปข้างนอกเพื่อสารภาพรักและขอเธอแต่งงานไม่ใช่เหรอคะ”


“ผมไม่ลืมหรอกไม่ต้องมาย้ำก็ได้ ผมรู้จุดประสงค์ของตนเองที่มาในงานนื้ดี”


สุชาวีมองเจ้านายหนุ่มอย่างไม่เข้าใจ “ตกลงฉันผิดอีกแล้วหรือคะ” พร้อมกับสายตาแอบค้อน


“แล้วคุณเคยถูกหรือไงสุชาวี”หญิงสาวชะงักเท้าหยุดเดิน แต่นายหัวหนุ่มแอบขู่ “ถ้าไม่เดินจะอุ้มเข้างานอย่ามาลองดีกับผม”


“อย่าทำแบบนั้นนะคนโรคจิต”


“ผมจะอุ้มคุณเดี๋ยวนี้ถ้ายังเรียกผมว่าคนโรคจิตอยู่อีก” นายหัวหันมาส่งสายตาข่มขู่สุชาวีนิดหน่อย ก่อนหันไปยิ้มกับนักธุรกิจดังที่เดินตรงเข้ามาทักทาย


“นายหัวเมฆาจริงๆเหรอเนี่ย ผมไม่คิดเลยว่าจะได้พบคุณที่นี่ ไม่คิดว่าจะเห็นคุณมาในงานแบบนี้ด้วย”


นายหัวมาดครึมยิ้มให้กับทายาทไฮโซลูกชายเจ้าของบริษัทกาแฟสำเร็จรูปชื่อดัง “ผมก็ไม่คิดว่าจะมางานนี้หรอกครับ บังเอิญว่า....”นายหัวประมวลความคิดเพราะไม่ได้เตรียมคำตอบไว้ล่วงหน้า


เขามองไปที่สุชาวี “คืออย่างนี้นะครับคุณวิธาน เลขาของผมเธออยากจะมางานนี้นะครับ ก็เลยขอร้องให้ผมมาเป็นเพื่อนเพราะเธอไม่มีบัตรเข้างานซึ่งต้องให้เจ้าของการ์ดเชิญมาด้วยตัวเอง”


“แบบนี้นี่เอง”คุณวิธานมีท่าทีคล้อยตาม


สุชาวียิ้มรับอย่างจำใจและแอบเถียงเขาในใจว่านายหัวเมฆาโกหกคำโต


“ผู้หญิงสวยๆ ก็ต้องชอบดูของสวยๆงามๆเป็นธรรดาจริงไหมครับคุณ....เอ่อ..”


“ดิฉันสุชาวีค่ะ” เธอยิ้มหวานส่งให้เขาจนเห็นฟันขาวราวกับไข่มุขเรียงกันอย่างสวยงาม เป็นรอยยิ้มที่คุณวิธานทายาทนักธุรกิจใหญ่รู้สึกประทับใจมาก


“รอยยิ้มของคุณสดใสมากครับ ผู้หญิงน้อยคนที่จะยิ้มสวยเหมือนคุณสุชาวี” แววตาชื่นชมแต่ทำให้นายหัวเมฆาเกิดอาการไม่พอใจแบบไม่ทราบสาเหตุ

สวยตรงไหน รอยยิ้มบ้านๆแบบนี้หาได้กลาดเกลื่อนถนน นายหัวเมฆาแอบค้านในใจและมองรอยยิ้มของสุชาวีที่กำลังคุยตอบโต้กับคุณวิธาน


“จะยิ้มให้เหงือกแห้งไปเลยไหม” เขากระซิบผ่านหูสุชาวีอย่างแนบเนียน


หญิงสาวหยุดยิ้มและมองหน้านายหัวเมฆาด้วยแววตาไม่เข้าใจ


นักธุรกิจหนุ่มคนดังมองสาวข้างกายของนายหัวด้วยสายตาแววววาวเธอสวยน่ามองแล้วอดอิจฉานายหัวหนุ่มไม่ได้ที่มีเลขาสวยหยาดฟ้ามาดินขนาดนี้ แต่อีกใจก็ลังเลว่าเธอกับนายหัวจะมีความสัมพันธ์กันแค่นายจ้างกับลูกจ้างจริงหรือเปล่าเพราะเขาได้ข่าวมาว่านายหัวเมฆาคนนี้มีข่าวเรื่องผู้หญิงไม่เป็นสองลองใคร


ด้วยความที่สนิทสนมคุ้นเคยกันดีเพราะนายหัวเมฆาเป็นผู้ส่งวัตถุดิบรายใหญ่ที่สุดให้กับโรงงานของเขา คุณวิธานเลือกที่จะสะกิดนายหัวเมฆาให้ปลีกตัวตามมาเพื่อขอถามอะไรบางอย่าง


“ผมขอถามอะไรคุณหน่อยสิ”นักธุรกิจหนุ่มกล่าว


“เชิญถามมาสิครับคุณวิธาน”


สุชาวีเห็นชายหนุ่มทั้งสองมีท่าทีลับลมคมในคงมีอะไรอยากพูดคุยกันเป็นส่วนตัวจึงขอปลีกตัวออกมาโดยบอกเจ้านายหนุ่มของเธอว่าขอตัวไปห้องน้ำ


คุณวิธานมองตามร่างระหงในชุดราตรีสีน้ำเงินขลับผิวขาวนวลอย่างพอใจ “ไม่มีทีติจริงๆ”


“อะไรครับคุณวิธาน” นายหัวเมฆารู้สึกไม่พอใจกับสายตาที่เขามองตามสุชาวี


“ผมหมายถึงเมล็ดกาแฟโรบัสต้าจากไร่ของนายหัวน่ะสิครับ มันคุณภาพดีไม่มีที่ติจริงๆ”คุณวิธานแก้ตัวแต่นายหัวรู้ดีแต่ก็ทำทีตามน้ำเพื่อไม่ให้คุณวิธานลูกค้ารายใหญ่เสียหน้า


“แน่นอนครับ เมล็ดกาแฟของเราคัดสายพันธ์ที่ดีที่สุดและสายพันธ์ที่เราปลูกก็เหมาะกับสภาพแวดล้อมของเมืองไทยทำให้ผลผลิตของเรามีมาตรฐาน”


“เรื่องนั้นผมมั่นใจครับไม่อย่างนั้นทางโรงงานของผมคงจะไม่สั่งซื้อผูกขาดกับไร่ของนายหัวมาตั้งแต่รุ่นพ่อของคุณหรอกครับ”


“ขอบคุณมากสำหรับความไว้วางใจที่มีให้กับไร่แสงตะวันของเราครับ”


“ไม่เป็นไรครับ...เอ่อ.. แต่นายหัว ผมขอถามอะไรคุณตรงๆแบบลูกผู้ชายได้ไหมครับ” ท่าทางคุณวิธานดูประหม่าไม่เหมือนทุกครั้งที่นายหัวเมฆาเคยพบ

“เชิญครับถามมาได้เลยผมยินดีตอบให้ทุกคำถาม”


“ผมขอถามตรงๆไม่อ้อค้อมเลยนะครับ คุณผู้หญิงเมื่อครู่ที่คุณแนะนำว่าเป็นเลขา เธอเป็นเลขาของคุณจริงๆหรือว่าเอ่อ....”คุณวิธานหยุดพูดแม้จะสนิทสนมกันระดับหนึ่งแล้วแต่การถามเจาะลึกถึงความสัมพันธ์ส่วนตัวของคู่สนทนาเขาก็เกิดอาการละอายใจตะขิดตะขวงในการถาม


แต่นายหัวเมฆาเข้าใจดีและรู้ด้วยสัญชาติญาณของผู้ชาย ว่าลูกค้ากิตติมศักดิ์ของเขาอยากรู้เรื่องอะไร ท่าทาง สีหน้าแววตา ของคุณวิธานแสดงให้เห็นชัดเจนว่าพอใจสุชาวีมาก นายหัวหนุ่มลอบยิ้มเล็กน้อยก่อนจะบอกสถานะของสุชาวีให้คุณวิธานเข้าใจอย่างชัดแจ้ง


“มันเป็นธรรมดาครับที่ผมต้องแนะนำเธอว่าเป็นเลขาตามตำแหน่งงานเพราะเรื่องของเรายังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการให้คนอื่นรับรู้ แต่ความสัมพันธ์ส่วนตัวของผมกับเธอขนาดว่าผมยอมตามใจพาเธอมาดูแฟชั่นโชว์คุณวิธานคงเข้าใจดีนะครับ”


นายหัวยิ้มร้ายลอบตัดไฟแต่ต้นล้ม เขาให้เหตุผลกับตัวเองว่าเป็นการช่วยหญิงสาวทางอ้อมแบบเจ้านายที่หวังดีกับลูกน้องเพราะนักธุรกิจหนุ่มไฮโซคนนี้เนื้อหอมไม่เบาสุชาวีอาจน้ำตาตกก็ได้


คุณวิธานรู้สึกผิดหวังอย่างรุนแรงเมื่อเป็นแบบที่เขาคิดไม่ผิดนายหัวเมฆามีหรือจะไม่กินไก่วัด แต่ก็ฝืนยิ้มเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่ภายในใจรู้สึกเสียดายเพราะเขารู้สึกสนใจเธอมากตั้งแต่เธอเดินเข้างานมาสายตาของเขาก็จับจ้องมองแต่เธอ แม้ว่าเขาเองก็เป็นที่จับตาของสาวน้อยสาวใหญ่ในงาน


“ผมว่าแล้วเชียว สวยแบบนี้นายหัวคงไม่ปล่อยเอาไว้หรอกจริงไหม” คุณวิธานตบไหล่นายหัวเมฆาอย่างเป็นกันเอง ก่อนจะขอตัวไปทักทายคนอื่น


++++++++++++++++++++++++++++++++


ด้วยชุดราตรีสุดหรูกรุยกรายกับรองเท้าส้นสูงสามนิ้วแบบเปลือยสีเงินสุดหรูทำให้พยาบาลคนสวยที่ไม่เคยแต่งตัวแบบนี้เผลอสะดุดเท้าตัวเองและกำลังจะล้มลงไปแต่ทว่าโชคดีของเธอที่หญิงสาวนางหนึ่งวัยประมาณสามสิบเศษแต่งกายมีรสนิยมดี ดูจากเคล้าหน้าคล้ายลูกครึ่งช่วยพยุงร่างสุชาวีเอาไว้ทำให้หญิงสาวไม่ล้มลงไปคุยกับพื้น


“ขอบคุณมากเลยค่ะ”


สุชาวีคิดจะเปลี่ยนคำพูดเป็นภาษาอังกฤษเมื่อมองหน้าคนที่ช่วยพยุงเธอเอาไว้แต่เธอกลับตอบมาเป็นภาษาไทยชัดเจน


“ไม่เป็นไรค่ะ”


“ขอโทษนะคะ คุณเป็นนางแบบในคืนนี้ด้วยหรือเปล่า” มาเรียมั่นใจว่าไม่เคยเห็นนางแบบคนนี้มาก่อนเพราะนางแบบที่มาในงานเธอเองก็มี่ส่วนในการคัดสรร


“ไม่ใช่หรอกค่ะ ดิฉันมาเป็นเพื่อนเจ้านายเฉยๆ” สุชาวีโปรยยิ้มหวานอย่างเป็นมิตร

“ไม่ใช่นางแบบหรอกเหรอขอโทษด้วยนะคะที่ฉันเข้าใจผิด” มาเรียดีไซเนอร์สาวมั่นคนดังขอร้องให้สุชาวีหมุนตัว นางพยาบาลคนงามทำตามอย่างว่าง่ายเพราะคิดว่าสงสัยมีอะไรเปื้อนชุดสวยของเธอคุณฝรั่งที่มีสำเนียงไทยชัดเจนคนนี้ถึงบอกให้เธอหมุนตัว


“เพอร์เฟค”มาเรียพูดพร้อมกับรอยยิ้ม



++++++++++++++++++++

งานเริ่มขึ้นแล้วการเปิดตัวเป็นไปอย่างอลังการแขกวีไอพีทั้งหลายนั่งประจำที่แล้วมีแต่นายหัวเมฆาที่ยังไม่ยอมเข้างานเพราะรอสุชาวีอยู่แต่หญิงสาวก็ยังไม่เดินออกมาจากห้องน้ำเสียทีเขาเดินวนไปมาอยู่หลายรอบจนหงุดหงิด คิดจะเดินไปตามในห้องน้ำให้รู้แล้วรู้รอดแต่ก็ต้องถอยออกมาเมื่อหญิงสาวที่เดินสวนออกมามองด้วยสายตาที่บอกว่าเขาเป็นพวกโรคจิต


“ขอโทษครับ ผมแค่จะมาตามหาคนไม่ได้มีเจตนาไม่ได้”เขายิ้มรู้สึกอายจนหน้าแดงและหันหลังเดินเข้างานไปก่อนคิดว่าบางทีไม่แน่เธออาจจะเข้าไปรอเขาในงานแล้วก็ได้


“ไปไหนของเขาตกห้องน้ำตายไปแล้วหรือไง”นายหัวเมฆาหงุดหงิดเมื่อไม่เห็นแม้แต่เงาของสุชาวีภายในงาน
เหล่าบรรดานางแบบ นายแบบชั้นนำของเมืองไทยกำลังเดินโชว์ด้วยท่าทางมาดมั่นกับเสื้อผ้าแนวใหม่ของดีไซน์เนอร์คนดังทำให้นายหัวเมฆาระลึกได้ว่าเขามาที่นี่เพราะอะไร


“พีระดา!” นายหัวหนุ่มนั่งดูการเดินแบบอยู่นานพอควรแต่ก็ยังไม่เห็นพีระดาเดินออกมาเลย แม้หญิงสาวจะได้เดินในชุดฟินาเล่ซึ่งเป็นชุดที่เด่นที่สุดของงานในคืนนี้แต่ตามปกติเธอก็จะได้เดินในชุดอื่นๆด้วย แต่ทำไมกลับไม่มีวี่แววของเธอเลย นายหัวเมฆามองไปรอบๆห้องหรูหราที่ใช้จัดงานก็ไม่มีใครที่มีลักษณะเหมือนกับนักเขียนหนุ่ม นายภาคินัยคนที่ชกเขาจนกรามเกือบหักเลยสักนิด แล้วยิ่งหงุดหงิดเมื่อสุชาวีมาหายตัวไป


“นี่มันอะไรกันหายไปไหนกันหมด”นายหัวสบถออกมาใจหนึ่งอยากรู้ว่าพีระดาหายไปไหนทำไมถึงไม่ขึ้นเดินแบบ แล้วนายภาคินัยคนที่เขามั่นใจว่าจะต้องเจอกันในงานนี้กลับไม่มีวี่แววไม่เห็นเลยแม้แต่เงา อีกทั้งพยาบาลสสุชาวีที่เขาพามาด้วยเพื่อจะให้ช่วยท่าก็มาหายตัวไปอีก

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

รถคันหรูของภาคินัยขับมาจอดที่ใต้คอนโดก่อนจะดับเครื่องยนต์จากนั้นพยายามบอกให้หญิงสาวในรถลงจากรถและเดินตามเขาไปโดยดี แต่คนอย่างพีระดาหรือจะฟังคำสั่งของเขา


“จะลงดีๆหรือจะให้ผมอุ้มลงไป”


ไม่มีเสียงใดๆตอบกลับมา มีเพียงสายตาชาเย็นที่มองมาที่เขาแวบหนึ่งก่อนจะหันกลับไป


“ไม่ตอบใช่ไหม”


ชายหนุ่มจึงลงจากรถอ้อมไปทางประตูด้านที่นั่งเบาะหน้าข้างคนขับ ภาคินัยเปิดประตูและช้อนร่างบางออกมาจากรถทันทีจากนั้นเดินตรงไปขึ้นลิฟท์ นางแบบสาวดิ้นและออกคำสั่งให้เขาปล่อยเธอลงแต่ชายหนุ่มเหมือนจะไม่ฟังคำขอร้องเหล่านั้นเลย เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้ยินเสียงหญิงสาวจึงวิ่งเข้ามาดูแต่เมื่อเห็นว่าคนที่อุ้มหญิงสาวมาคือเจ้าของคอนโดหรูแห่งนี้จึงได้แต่อมยิ้มและถอยกลับไปยังจุดเดิม เพราะรู้ดีว่าคนทั้งคู่คบหากันอยู่และนางแบบสาวคือคนที่เจ้านายหนุ่มกำลังจะแต่งงานด้วย

“ฉันอายเขานะปล่อยฉันลงเดี๋ยวนี้”


“เดี๋ยวรอให้ถึงเตียงก่อนผมวางคุณลงแน่ เพราะมีอะไรที่น่าทำมากกว่าการอุ้มไว้แบบนี้ตั้งเยอะ”

“ไอ้บ้ากาม”พีระดาแหวใส่ ก่อนจะพาฟันคมขาวกัดเข้าที่ไหล่ของชายหนุ่ม จนเขาร้องเสียงหลง ภาคินัยจึงเผลอปล่อยร่างเธอลงอย่างอัตโนมัติ เมื่อหญิงสาวเท้าแตะพื้นได้ก็ใช้จังหวะนี้เพื่อวิ่งหนี ลิฟท์ก็ถูกเปิดพอดีภาคินัยรั้งร่างบางเข้าไปในลิฟท์และกดปิดประตูลิฟท์ทันทีจากนั้นกดไปที่ชั้น 9 ซึ่งเป็นชั้นสูงสุดเขาคว้าร่างบางเอาไว้และดันไปติดผนังลิฟท์เขาลงโทษด้วยการจูบเธออย่างรวดเร็วความหอมจากกลิ่นกายสาวทำให้เขาเผลอไผลจูบไซร้ไปที่คอเรียวระหง


“ปล่อยฉัน อย่ามาทำอะไรลุ่มล่ามแบบนี้นะ” เธอพูดได้เท่านั้นเมื่อเขาไม่ต้องการได้ยินเสียงเธออีกริมฝีปากหยักร้อนครอบคลุมบดขยี้ริมฝีปากอิ่มทันที เขาจูบบดขยี้แนบสนิทจนหญิงสาวแทบจะหายใจไม่ออกเขาถอนริมฝีปากออกก่อนจะยิ้มออกมา


“ถ้าคุณไม่หยุดโวยวาย และเอาแต่ใจผมจะจับคุณปล้ำในลิฟท์นี่เลย”มันเป็นเพียงคำขู่


“คนโรค..”

“ก็ลองดูสิ ด่าผมอีกคำเดียวผมจะทำจริงๆอย่างที่พูด” ภาคินัยแกล้งปลดกระดุมเม็ดแรกออก พีระดาถึงกับผงะห่อไหล่พร้อมทั้งกอดอกแน่นถอยร่นไปติดมุมลิฟท์ด้านขวา


“มะ มะ ไม่ ฉันยังไม่ได้ด่าอะไรสักคำ” คนเก่งในคืนนี้เริ่มตะกุกตะกักเพราะวันนี้เขาดูจะพูดจริงทำจริง


ภาคินัยลอบยิ้มเมื่อเห็นว่าหญิงสาวมีท่าทียอมสงบลง


“นึกว่าจะแน่ที่แท้ก็เก่งได้แค่นี้” ภาคินัยบอกกับตัวเองภายในใจ ตั้งใจว่าจะต้องกำหราบคนดื้อ แสนขี้งอนให้อยู่หมัดเสียที


ประตูลิฟท์เปิดออกพีระดาจำเป็นต้องเดินตามเขาไปอย่างว่าง่ายเพราะสายตาของชายหนุ่มคืนนี้มันทำให้เธอเชื่อเหลือเกินว่าเขาพูดจริงทำจริง

เมื่อถึงหน้าห้องชุดสุดหรูของเขา ชายหนุ่มรูดคีย์การ์ดและพาแขนล่ำสันมาสอดที่เอวบางดันร่างเธอให้เข้าไปในห้องพร้อมเขา


“ฉันไม่เข้านะ ฉันอยากกลับบ้าน”


“ไม่เข้าไม่ได้ ”


“ทำไมจะไม่ได้ ยังไงคืนนี้ก็ต้องเข้าอยากเข้าก็เข้าไปคนเดียวสิ”


“ไม่ได้ต้องเข้าพร้อมกันเดี๋ยวนี้”


ภาพหญิงชายทั้งคู่ถกเถียงกันอยู่หน้าห้องทำให้ชายหญิงคู่หนึ่งซึ่งเป็นเจ้าของห้องชุดถัดไปผ่านมาเห็น
พอดีและลอบยิ้มกันสองคนอย่างเป็นนัยๆจากนั้นก็มองมาที่พีระดาหญิงสาวหน้าแดงจัด


“ตกลงคุณจะยอมให้ผมเข้าได้หรือยัง เอ้ย...ไม่ใช่สิคุณนั่นแหละจะยอมเข้าห้องผมได้หรือยัง”


“คนบ้า” เธอทุบเขาแรงๆ “บัดสีจริงๆ หลบสิฉันจะได้เข้าไป อายคนเขาจะตายรู้ไหม” หญิงชายคู่ที่ผ่านไปหันกลับมามองและหันไปยิ้มกันเบาๆพีระดายิ่งอายเข้าไปอีกจึงรีบเดินเข้าไปในห้องอย่างรวดเร็วชายหนุ่มเผยรอยยิ้มกว้างก่อนจะรีบปิดประตูห้องทันที


เมื่อเดินเข้ามาถึงภายในห้องพีระดาก็ได้แต่ถอนหายใจยาวๆเพราะรู้แล้วว่าเธอเดินเข้ามาตกหลุมพร
ด้วยตัวเอง


“มีอะไรก็รีบพูดมา รีบพูดให้หมดฉันจะได้กลับบ้านเสียทีฉันไม่อยากอยู่ในห้องที่มีกลิ่นไอ และเรื่องคาวๆของคุณกับผู้หญิงคนนั้น”

ภาคินัยเดินเข้ามาหาเธอก่อนจะดึงมือให้ไปนั่งด้วยกันที่โซฟา “รู้ไหมคุณไม่มีเหตุผลกับผมเลย”


“เรื่องแบบนั้นไม่จำเป็นต้องมีเหตุผลก็ได้ ฉันเชื่อว่าผู้หญิงทุกคนไม่สามารถจะทนได้ที่เห็นคนรักของตัวเองพาผู้หญิงคนอื่นมาพลอดรักบนเตียงนอนทั้งที่อีกไม่นานมันจะเป็นเตียงนอนของฉันเหมือนกัน”
เขาหยิบเหรียญขนาด 10 บาทที่อยู่ในโหลแก้วออกมาซึ่งภายในนั้นมีเหรียญมากมายเกือบจะเต็มโหล

หญิงสาวยิ้มหยัน“คุณจะบอกฉันว่าเหรียญมันมีสองด้านใช่ไหมคะ บางทีฉันอาจจะมองผิดไปอย่างนั้นล่ะสิ


“คุณเห็นนี่ไหม”


“คุณฉลาด จริงๆแต่สิ่งที่คุณขาดก็คือความไว้เนื้อเชื่อใจในตัวผม”เขาพูดพร้อมกับอารามน้อยใจแต่ซ่อนเอาไว้ในใจเงียบๆ


“คุณจะให้ฉันมองเป็นอย่างอื่นไปได้อย่างไรคะ ในเมื่อมันชัดเจนทุกอย่าง ฉันเห็นด้วยตาตัวเอง”


“แล้วถ้ามันไม่ได้เป็นแบบที่คุณเห็นล่ะคุณจะว่ายังไง”


“เรื่องนั้นมันคงเป็นไปไม่ได้”


ภาคินัยหลับตานิ่งอย่างเจ็บปวดทุกครั้งที่เธอพูดว่าไม่เชื่อใจเขามันเหมือนเข็มนับพันเล่มที่ทิ่มแทงเข้ามาที่ก้อนเนื้ออ่อนๆซึ่งเรียกว่าหัวใจ


“ที่จริงผมก็ไม่อยากจะต้องพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองให้คุณดูถึงขั้นนี้ แต่เอาเถอะถ้าคุณดูมันแล้วคุณอยากจะไปจากผมก็ตามใจ ผมจะไม่ขวางทางคุณอีกต่อไปพีระดา” ภาคินัยยืนขึ้นเต็มความสูงก่อนจะเดินไปหยิบโน้ตบุ๊คจากโต๊ะทำงานเขามาวางลงตรงหน้าเธอและเข้าระบบเพื่อให้เธอได้เห็นภาพเหตุการณ์ในคืนนั้นจากกล้องวงจรปิดที่ชายหนุ่มติดตั้งเอาไว้อยู่นานแล้วเพราะเขาเก็บทรัพย์สินมีค่าเอาไว้ที่คอนโดแห่งนี้จำนวนมากจึงจำเป็นต้องมีระบบรักษาความปลอดภัยเพราะไม่ว่าเขาจะไปที่ไหนก็สามารถดูกล้องวงจรปิดผ่านมือถือได้อีกด้วย


“นี่มันอะไรกัน” พีระดามองที่หน้าจอย่างตั้งใจภาพเหตุการณ์นั้นพร้อมจะเปิดเผยความจริง


เขามองหน้าพีระดาเธอคือผู้หญิงที่เขารักด้วยหัวใจ ไม่ใช่ที่เรือนร่างความงามจากภายนอกเหมือนผู้หญิงคนอื่นๆเขาเคยบอกกับตัวเองว่าเขายอมแรกผู้หญิงทุกคนเพื่อให้เขาได้มีเธอมาเป็นคู่ชีวิต แต่เหนืออื่นใดความรักต้องเดินไปพร้อมกับความเชื่อใจและไว้ใจกันยิ่งหญิงสาวแสดงความไม่เชื่อมั่นในตัวเขามากเท่าไหร่ ภาคินัยก็ยิ่งเจ็บปวดมากเท่านั้นทั้งๆที่เขาพยายามปรับปรุงตนเองเพื่อเธอมาตลอดยอมรับเธอได้ทุกอย่าง


“ถ้าคุณดูจบและจะกลับออกไปช่วยปิดประตูห้องให้ผมด้วย” จากนั้นชายหนุ่มก็เดินกลับไปในห้องทันที


พีระดานั่งดูภาพจากกล้องวงจรปิดทำให้เธอเห็นว่านางแบบรุ่นพี่เขมมิกาเป็นฝ่ายบุกรุกเข้ามาหาภาคินัยที่ห้องนี้ทั้งคู่ไม่ได้มาที่คอนโดนี้ด้วยกันอย่างที่เธอคิด ทั้งคู่คุยกันสักพักจากนั้นภาคินัยก็หันหลังเดินหนีเขมมิกาต่อมาเขมมิกาจัดการถอดเสื้อผ้าของตนออกและกอดภาคินัยจากทางด้านหลังซึ่งชายหนุ่มพยายามห้ามปรามการะกระทำของเขมมิกาตลอดเวลาจนภาคินัยเดินหนีไปที่เตียงเขมมิกายังตามไปแม้ว่าชายหนุ่มจะออกคำสั่งให้เขมมิกาสวมเสื้อผ้าอยู่หลายครั้งและไม่ได้มีท่าทีเผลอไผลไปกับการยั่วยวนของเขมมิกาแม้แต่น้อย จนเมื่อเขมมิกาโผเข้ากอดภาคินัยจนทำให้เชายหนุ่มเสียหลักล้มลงไปบนเตียงนอนจึงกลายเป็นภาพที่ดูเหมือนว่าทั้งคู่กำลังนัวเนียกันอยู่บนเตียงซึ่งมันเป็นจังหวะเดียวกับที่พีระดาเปิดประตูเข้ามาพบพอดี


หญิงสาวยกมือขึ้นปิดปาก ไม่คิดว่าภาพที่เห็นในคืนนั้นกับเรื่องจริงจะต่างกันสิ้นเชิง ความรู้สึกผิดเข้ามาครอบคลุมจิตใจ และนึกย้อนไปกับการกระทำอันน่าละอายและไร้เหตุผลของตน ภาคินัยยอมรับได้แม้ว่าเธอจะโกหกว่าตกเป็นของนายหัวเมฆาเขาไม่มีท่าทางรังเกียจเธอ แต่เธอเองแค่เห็นในสิ่งที่ไม่ได้เป็นความจริงกลับหมดความเชื่อมั่นในตัวเขาและไม่ยอมฟังคำอธิบายอะไรทั้งสิ้น


“ภาคินัย! ฉันขอโทษ” พีระดายืนขึ้นจากนั้นเดินตรงไปหาชายหนุ่มในห้องทันที

หญิงสาวเปิดประตูเข้าไปเห็นชายหนุ่มยืนกอดอกหันหลังมองไปยังด้านนอกซึ่งเบื้องหน้าคือทะเลมันดูสายงามราวกับเขาลอยอยู่บนท้องฟ้ามีดาวระยิบระยับ ด้านล่างคือชายหาดส่วนตัว ห้องนอนของเขาผนังห้องด้านหน้าทำด้วยกระจกบานใหญ่ชนิดที่มีความพิเศษตรงที่คนในห้องจะสามารถมองวิวด้านนอกได้อย่างแจ่มชัดเหมือนมองผ่านกระจก แต่คนภายนอกจะมองเข้ามาภายในห้องไม่เห็นไม่ว่าจะเป็นกลางวันหรือกลางคืน เขายังคงยืนนิ่งแม้จะรับรู้ว่าพีระดาเดินเข้ามาในห้อง

“คุณโกรธฉันใช่ไหมคะ” เธอพูดช้าๆสายตาจับจ้องที่แผ่นหลังกว้าง


“เปล่าครับ แต่ว่า...”

+++++++++++++++++++++++++++++++++


“หนึ่งแสนเชียวนะคุณน้องไม่ต้องการเหรอคะเงินนะคะเงินสดๆ ทำงานไม่กี่นาทีแค่เดินไปเดินมาได้ตั้งหนึ่งแสนเป็นคุณพี่นะคะจะกระโดดจับงานนี้ไว้ไม่ให้หลุดมือเลย ดีๆไม่ดีอาจจะได้เข้าวงการอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว” สาวประเภทสองนางหนึ่งซึ่งเป็นทีมงานในการเดินแฟชั่นโชว์คืนนี้พยายามหว่านล้อมสุชาวีหลังจากที่ได้รับคำสั่งจากดีไซเนอร์สาวว่าหากพีระดาไม่สามารถมาเดินแบบในชุดฟินาเล่ในคืนนี้ได้เธอก็ได้พบคนที่เหมาะสมแล้วและขอให้ทีมงานไปติดต่อ


“ไม่ล่ะค่ะ ฉันทำไม่ได้หรอกค่ะฉันเป็นพยาบาลไม่ใช่นางแบบและก็รักในอาชีพพยาบาลไม่เคยคิดอยากจะเข้าวงการ”


“คุณน้องขาคุณพี่ก็ไม่อยากจะบังคับแต่มันฉุกเฉินจริงๆนางแบบของเรา น้องพรีมน่ะค่ะมาหายตัวไปกระทันหัน พวกพี่ปวดหัวจะบ้าตายอยู่แล้วอีกไม่ถึงชั่วโมงเราจะต้องโชว์ชุดฟินแล้ว


“อะไรนะคะ คุณพรีมก็คุณพีระดาใช่ไหมคะ หายไปไหนคะ เมื่อไหร่ หายไปกับใคร” สุชาวีมีท่าทีสนใจจนเผลอเขย่าแขนของคู่สนทนา


“หายไปก่อนที่งานจะเริ่มนี่เองค่ะ คาดว่าจะออกไปกับแฟนหนุ่มของเธอที่กำลังมีปัญหาระหองระแหงกันอยู่ ว่าแต่ทำไมคุณน้องดูสนใจนักล่ะคะ”


“เอ่อ...” สุชาวียิ้มแหยะ... “ไม่มีอะไรหรอกค่ะก็ตั้งใจมาดูคุณพรีมเธอเดินแบบไม่เจอตัวจริงก็ต้องเสียใจเป็นธรรมดา”


“ถ้าอย่างนั้นไม่ต้องเสียใจหรอกค่ะ โอกาสนี้เลยที่คุณน้องจะได้มีโอกาสสวมชุดฟีนาเร่ซึ่งคุณพรีมเธอเคยสวมตอนซ้อมเดินแบบ และยังได้เดินแบบแทนให้กับนางแบบในดวงใจตกลงนะคะ”


สุชาวีส่ายหน้าและส่งยิ้มเก๋“ไม่ค่ะ ยังไงก็ไม่” สุชาวีคิดจะไปบอกเรื่องที่พีระดาหายตัวไปให้นายหัวรับทราบ

“ขอตัวก่อนนะคะ”สุชาวีหันหลังและรีบเดินหนีทันที


“เดี๋ยวสิคะคุณน้องขอร้องล่ะช่วยคุณพี่หน่อย”


“คุณไปหาคนอื่นดีกว่าค่ะฉันไม่เหมาะหรอกค่ะ” สุชาไม่คิดว่าเธอจะเป็นนางแบบจำเป็นได้


“สองแสนค่ะ ข้อต่อรองสุดท้ายเสร็จงานพี่จ่ายเช็คทันที”


สุชาวีหยุดนิ่งจากนั้นหันกลับมา “คนอย่างสุชาวีใช้เงินจ้างไม่ได้นะคะเพราะไม่ได้เห็นแก่เงินทำงานด้วยใจ แต่ว่าในเมื่อมันเป็นชุดของคุณพีระดานางแบบในดวงใจก็จะลองดูสักครั้งค่ะ” คราวนี้แหละนายหัวเมฆาฉันจะไม่ต้องไปรับจ้างเป็นพยาบาลพิเศษที่ไร่นายของนายอีก เงินจำนวนสองแสนจะปลดหนี้บัตรเครดิตที่อดีตคู่หมั้นของเธอเคยขโมยบัตรไปกดเล่นพนันบอลและสุชาวีต้องหาเงินใช้หนี้มาตลอดจนต้องไปทำงานพิเศษในไร่ของนายหัว


+++++++++++++++++++++++++++++++++

































อัปสรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 พ.ค. 2555, 16:55:39 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 พ.ค. 2555, 16:55:39 น.

จำนวนการเข้าชม : 3680





<< ตอนที่ 23   ตอนที่ 25 >>
mhengjhy 28 พ.ค. 2555, 17:35:38 น.
"แต่ว่า..." อะไรอ่ะ ลุ้นๆ


น้องแสตมป์ 28 พ.ค. 2555, 17:56:04 น.
ไม่โกรธ แต่น้อยใจ


lovemuay 28 พ.ค. 2555, 19:38:51 น.
รับรองงานนี้นายหัวตาค้าง กลัวก็แต่ยัยบ้านั่นจะเอาพยาบาลสุดสวยของเราไปเป็นเหยื่อแทนน่ะสิ


violette 28 พ.ค. 2555, 20:02:07 น.
ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ ชอบสุชาวีจริงๆๆๆค่ะ


Canopus 28 พ.ค. 2555, 20:39:28 น.
ชอบคู่นายหัวจัง


อัปสรา 28 พ.ค. 2555, 20:53:00 น.
ชอบก็ตามติดนะจ้ะ แต่นายหัวน่ะสิัยังมึนๆไม่รู้ตัว น่าฟาดด้วยไม้หน้าสามสักที


konhin 29 พ.ค. 2555, 00:03:18 น.
ฮ่าๆๆ นายหัวจะต้องยิ่งกว่าตาค้าง คราวนี้สงสัยจะหวงจนกักไว้กับตัวชัวร์ๆ แต่กลัวพยาบาลจะกลายเป็นเหยื่ออ่ะ อย่านะ


กาซะลองพลัดถิ่น 29 พ.ค. 2555, 00:54:29 น.
ค้างคาใจ ...อัพต่อเร็ว ๆ นะคะ .....กลัวว่าสุชาวีจะกลายเป็นแพะแทนพีระดา นายหัวต้องปกป้องพยาบาลส่วนตัวด้วยนะจ๊ะ ถ้าเสียเธอไปกว่าจะรู้ใจตัวเองคงบ้าคลั่งหนักกว่าเก่าน่ะเนี่ยะ


goldensun 29 พ.ค. 2555, 08:42:45 น.
แค่แต่งตัวเอง ยังสวยสะดุดตาหลายๆคน แต่งแบบนางแบบจะขนาดไหน แต่ฑัยที่จะตามติดมานี่สิ


kaero 29 พ.ค. 2555, 11:48:17 น.
งานเข้าสุชาวีแหง๋มๆๆๆๆๆๆ


HaDeS 2 มิ.ย. 2555, 23:15:42 น.
อย่าปล่อยให้รอนานนะคะ จะขาดใจตายเสียก่อน กรี๊ดๆ


wane 5 มิ.ย. 2555, 06:51:52 น.
ไรเตอร์อย่าลืมเอาไม้หน้าสามฟาดนายหัวซักทีนะคะ จะได้หายมึนซะที


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account