ทิวาเลือน
เรื่องราวของการสืบหาความจริงที่ยังคลุมเครือของการเลิกราของเมฆาและเริ่มทิวาจนนำไปสู่อุบัติเหตุที่คร่าชีวิตฝ่ายหญิง

โดยรวี ที่อยากจะช่วยญาติให้หลุดพ้นความเศร้าโศก ชักชวน อรุณงามญาติฝ่ายหญิงให้มาช่วยกันสืบด้วยความไม่เต็มใจนัก

ยิ่งสืบยิ่งยุ่ง อะไรหนอหรือใครกันที่เป็นสาเหตุอันแท้จริง


Tags: ชิตา ทิวาเลือน รักโรแมนติค

ตอน: ๒

อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น ชนผู้ชายคนเดียวกันทั้งตอนเช้าและกลางวัน หล่อนจำได้เพราะหน้าตาอันคมเข้ม ยากที่จะลืมได้ง่ายของเขา และเขาก็ทำหน้าบอกบุญไม่รับทั้งสองครั้ง แหม ไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นี่นา อรุณงามขอโทษขอโพยและรีบเดินไปต่อแถวอย่างรวดเร็ว ไม่เหลียวหลังมามองซ้ำสองและ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าบนเครื่องจะไม่เจอะเจอกันอีก

บนเครื่องเที่ยวกลับนี้อรุณงามได้นั่งติดหน้าต่างซึ่งหล่อนพอใจมากเพราะจะได้เห็นปุยเมฆขาวลอยล่อง อาจจะทำให้จิตใจสดใสขึ้นมาบ้าง จึง สาวผิวขาวหน้าเนียน คลี่มวยผมที่เกล้าไว้ตอนไปสัมภาษณ์งาน ใช้มือสางลวกๆ พองาม หยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่านก็พอดีกับเพื่อนร่วมทางมาหย่อนก้นนั่งลงพอดี

ไม่จริ๊ง ผู้ชายตาโตหน้าบูดนั่นเอง เขาเองก็ดูตกใจที่เห็นอรุณงามเช่นกัน แต่ก็ปรับสีหน้าได้ทันทักว่า

“สวัสดีครับ”

“สวัสดีค่ะ” หล่อนทักทายกลับ

“โลกกลมนะครับ”

“ค่ะ โลกกลม และหมุนเร็วด้วย”

“แต่ผมว่า เวลาโลกหมุนคงไม่ค่อยราบรื่นนะครับ”

“ทำไมหรือคะ”

“ก็เลยทำให้คุณมาชนผมตั้งสองครั้งในวันเดียว”

ฮะ ฮา ที่แท้คนหน้าบูดก็มีมุขกับเขา

“ไม่ได้ตั้งใจค่ะ ต้องขอโทษอีกครั้ง”

“ผมสิครับต้องบอกว่า ขอโทษเพราะผมรู้สึกว่ายังไม่ได้บอกว่า ไม่เป็นไรเลย ใช่ไหมครับ”

อรุณงามยิ้มให้คนตรงหน้า ที่เคยคิดว่าร้ายในใจ หายเกลี้ยง เพราะประโยคนี้แหละ

“คุณไปเชียงใหมทำงานหรือครับ”

“กลับบ้านค่ะ”

“อ๋อ”

เอ อ๋อ แล้วไม่บอกต่อว่าแล้วตัวเขาล่ะ ไปด้วยธุระอันใด หรือว่าเขาก็เป็นคนบ้านเดียวกัน

รับรู้ ว่าเพื่อนร่วมทางกลับบ้านแล้ว เขาก็หยิบหนังสือพิมพ์ขึ้นมาอ่าน แต่ก็แอบมองไปทางหญิงสาวผู้นั้นอีกครั้ง โลกกลมจริงอย่างว่า แต่ก็ดี โดนสาวหน้าตาน่ารักเดินชนสองครั้งในวันเดียวถือว่าเป็นเรื่องน่ารักอย่างหนึ่งในวันแย่ๆ ที่ลุงจะรื้อฟื้นเรื่องร้ายๆ สมัยไหนๆ มาพูด
เครื่องกำลังจะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าสีคราม หญิงสาวข้างๆ ก็ยื่นหมากฝรั่งมาให้

“ขอบคุณครับ”


“รู้ไหมคะ ฉันว่าหน้าคุณคุ้นๆ เราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า”

“ไม่มั้งครับ”

ไม่ก็ไม่ แต่ยังไงนายคนนี้ก็คุ้นแสนคุ้น จะว่าเพราะเจอกันวันนี้สองรอบก็ไม่ใช่ เพื่อนสมัยเรียนหรือก็ไม่น่าเป็นไปได้ เพื่อนที่ทำงานเก่าก็ไม่มีใครหน้าตาแนวนี้ แต่แค่เดินสวนกันบนถนนอรุณงามคงไม่คุ้นตาขนาดนี้

คิด คิด คิด อยู่นั่น จากเรื่องนั้นพันไปเรื่องนี้ เคยเห็นหน้าที่ไหนหนอ พยายามขุดความทรงจำจากส่วนลึกให้พลุ่งขึ้นมาสู่สมอง จนแอร์โฮสเตสสาวเอาอาหารเอาน้ำมาเสริฟท์ อรุณงามก็ยังนั่งหน้านิ่ว คิดๆๆๆ

“รับน้ำอะไรดีคะ” แอร์โฮสเตสถาม

นายตาคมผิวเข้มสั่งกาแฟ ส่วนหล่อนก็น้ำส้มเหมือนเดิม ไม่เคยเปลี่ยนตั้งแต่ไหนแต่ไร เหมือนกันกับเริ่มทิวาลูกผู้พี่ ผู้นิยมบริโภคแต่น้ำคุณนายเช่นกัน

เริ่มทิวา

สมองอรุณงามหมุนจี๋ หัวใจเต้นโครมๆ ปากคอสั่น มือถือแก้วน้ำแทบจะไม่อยู่ เพราะจำได้ทันทีว่าผู้ชายที่นั่งข้างๆ เป็นใคร

“คุณเป็นญาติกับนายเมฆาใช่ไหม” หล่อนกระชากเสียงถามคนข้างๆ ทันควัน

เขาสำลักกาแฟทันทีเหมือนกัน เหลียวขวับมามองหญิงสาวที่ถามคำถามคาดคั้น

“ใช่ แล้วคุณละ เป็นอะไรกับนายเมฆา”

“เฮอะ ไม่ได้เป็นผู้หญิงหนึ่งในสต๊อกของเขาก็แล้วกัน”

“งั้นเราก็คงเคยพบกันมาก่อนจริงๆ”

“แน่นอน” หล่อนย้ำเสียงสูง จ้องมองรวีเหมือนเจอของประหลาด น่าแปลกใจ วางน้ำส้มในมือลง ไม่กินไม่เกินมันแล้ว

“ยังสบายดีใช่ไหม นายเมฆาน่ะ” น้ำเสียงหาเรื่องเต็มที่

“แล้วทำไมผมต้องตอบคุณ”

“ก็เพราะว่าฉันอยากรู้”

“ถ้าคุณไม่บอกว่าเป็นอะไรเป็นเขา ผมจะไม่ตอบคำถามคุณ”

สารพัดความสัมพันธ์ที่คิดว่าจะได้ยิน แฟนเก่า เพื่อนสมัยเรียน เพื่อนร่วมงาน เพื่อนของเพื่อนเพราะเมฆาเป็นผู้ชายกว้างขวาง รู้จักคนมาก โดยเฉพาะผู้หญิง แต่ไม่เคยคิดว่าจะได้ยินคำนี้ที่หล่อนตอบมา

“เป็นศัตรูไง”

“เป็นศัตรู” เขาทวนคำครุ่นคิด

“ใช่ ทั้งครอบครัวฉันเป็นศัตรูกับเขา”

“ทั้งครอบครัว”

หวังว่าคงไม่เกี่ยวกับผู้หญิงคนนั้น เรื่องนั้น ที่อื้อฉาวคาวโฉ่ จนเมฆาต้องหลบหน้าไปเมืองจีนหรอกนะ

“จำไม่ได้ละสิ คนอย่างพวกคุณจะมาจำเรื่องไร้สาระแบบนี้ได้ไง จริงไหม แต่เอาเถอะ จะบอกเอาบุญก็ได้ ว่าทำไมนายเมฆาจึงเป็นศัตรูกับพวกเรา คุณรู้จักผู้หญิงที่ชื่อ เริ่มทิวา หรือเปล่าล่ะ” ปากว่าฉอดๆ เพราะเก็บกดมานานปี ได้ทีวันนี้ขออรุณงามสักวันเถอะ

ช้อนที่อยู่ในมือเขาหล่นลงบนพื้นเมื่อได้คำว่า เริ่มทิวา ความรู้สึกผิดที่เคยกดเก็บมันให้อยู่ในก้นบึ้งของใจ บัดนี้พุ่งพล่านขึ้นมาจุกอก ปนเปกันด้วยความเกลียดชังไอ้ญาติซังกะบ๊วยคนนั้นจับจิต ทำชั่วไว้แล้วไม่เคยเลยที่จะได้ผลกรรมนั้นย้อนคืน มีแต่เขากับพ่อเลี้ยงเอนกที่แบกความทุกข์ แบกความอับอายไว้แทนทั้งหมด

รวีเก็บช้อนรวบไว้ ใครกินลงก็บ้าแล้ว นี่มันวันบ้าอะไรวะ

“คุณรู้จักเริ่มทิวา”

“เป็นลูกพี่ลูกน้อง โตมาด้วยกัน”

ก็เหมือนกันกับเขาที่โตมากับเมฆา

“ผมเป็นญาติสนิทเขา เราคงเคยพบกันที่งานศพ”

“ที่พวกคุณมาเป็นเจ้าภาพ ได้วันเดียวก็หนีหาย โดยที่นายเมฆาไม่แม้แต่จะโผล่หน้ามาขอขมาทิวา ไม่มาขอโทษพวกเรา”

“ทางเราก็เสียใจไม่แพ้กันหรอกครับคุณ แต่เรื่องมันก็ผ่านมาตั้งสองปี แล้ว ทางตำรวจก็สรุปว่ามันเป็นอุบัติเหตุ คุณเอาแต่เจ้าคิดเจ้าแค้นเมฆามันอย่างนี้ วิญญาณเริ่มทิวารู้เข้า เธอคงจะอยู่ไม่สงบ”

ไม่เคยคิดเลยว่าจะต้องปกป้องนายเมฆาอย่างนี้ แต่ผู้หญิงคนนี้ก็เกินไป ว่าได้ว่าเอา

“ฉันแค่อยากรู้ว่า เขาสุขสบาย สังเวยเลือดเนื้อผู้หญิงไปอีกกี่คนเท่านั้นเอง ไม่ได้จองล้างจองผลาญอะไรหรอก”

นี่แค่อยากรู้เท่านั้น จากหญิงสาวน่ารักเมื่อกี้กลายเป็นนางเสือได้ในพริบตา

“เขาไปเรียนเมืองนอก”

“อ้อ ชุบตัว ล้างมลทิน แล้วก็ค่อยกลับมาล่าผู้หญิงใหม่”

“นี่ ผมว่าคุณอคติกับเขามากเกินไปแล้วนะ เริ่มทิวาตาย เขาก็เสียใจจนแทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว เลิกแล้วต่อกันไม่ดีกว่าหรือ เรื่องมันก็ผ่านมาตั้งสองปี คนอยู่ก็ควรจะดำเนินชีวิตต่อไป ไม่ใช่ขุดคนตายมาด่าคนเป็นแบบนี้”

เสียงเขาก็ไม่เบานัก พอรู้ตัวว่าอยู่ในที่สาธารณะก็ลดเสียงลง

“เราก็แค่บังเอิญมาเจอกัน ลงเครื่องก็จากกันแล้ว คุณจะมาโมโหโกรธาลงที่ผมแล้วจะได้อะไรขึ้นมา”

“ได้ระบาย ความทุกข์ที่มันยังไม่เคยจางหายที่นายเมฆาได้ทำขึ้นกับครอบครัวของเรายังไงล่ะ” เสียงแข็งเริ่มหาย คล้ายๆ จะเป็นเสียงสะอื้น เขาไม่รู้หรอกว่า การตายของเริ่มทิวา ทำให้เกิดอะไรตามมา

“ฉันก็ไม่คิดหรอกนะว่าจะมาเจอคุณที่นี่ ขอโทษด้วย ถ้าความตกใจของฉันทำให้พูดในสิ่งที่คุณไม่ชอบ หรือพูดในสิ่งที่ไม่ควร จริงอย่างคุณว่า จะเอาคนตายมาด่าคนเป็นทำไม”

อรุณงามหันข้างในทันที หลับตา

รวีก็ได้แต่ถอนใจ

“แปลกนะ คุณรู้ไหม ตั้งแต่ต้นจนจบ ผมเองต้องกลายเป็นคนรับหน้าแทนเมฆา โดนด่าแทนมันทุกอย่าง ไม่เว้นแม้แต่คุณในวันนี้”

“ก็เพราะว่า คุณเป็นคนแนะนำให้ทิวา รู้จักกับเขาไงล่ะ”

หล่อนตอกกลับมาให้เขาแทบจะหงายหลัง

“คุณรู้ได้ยังไง” เขาถามเสียงเรียบ แม้ในใจจะโดนโจมตีด้วยคำว่า รู้สึกผิดอยู่ตลอดเวลาก็ตาม
ไม่ผิดหรอก เขานี่แหละ เป็นจุดเริ่มต้นให้คนสองคนมาเจอกัน และรักหลงซึ่งกันและกันอย่างบ้าคลั่ง จนใครก็เหนี่ยวก็รั้งไว้ไม่ได้ ความรักที่คนตาบอดคงรู้สึกได้ ถ้าเดินผ่านคู่รักคู่นี้

“ฉันรู้ได้ยังไงก็เรื่องของฉัน”

แล้วหล่อนก็เงียบ ไม่พูดไม่จา ไม่แม้แต่หันมามองรวีตลอดการเดินทาง อยากทักเหลือเกินว่า ไม่เมื่อยบางหรือ แต่เขาก็ไม่มีอารมณ์จะสนทนาด้วย

เมฆาเอ๋ย เมื่อไหร่จะเลิกทำตัวเหมือนคนขี้ขลาด และกลับมาบ้านเสียที


“รวีคะ หลายครั้งแล้วนะคะที่คุณลืมนัดเรา แล้วนี่คุณอยู่ไหนทำไมถึงปิดมือถือแต่เช้า รู้ไหมอิงกดโทรศัพท์จนมือหงิกแล้ว”

เสียงอิงอร สาวสวยประชาสัมพันธ์โรงแรมดังโทรมาเป็นสายแรกทันทีที่เขาเปิดโทรศัพท์มือถือ

“ผมมีธุระด่วน ขอแก้ตัวเป็นดินเนอร์แทนได้ไหม”

“แหม ตบหัวแล้วมาลูบหลังหรือคะ ไม่ยอมหรอก รวีต้องตอบอิงมาก่อนว่าทำไมปิดมือถือ”

ผู้โดยสารเดินแซงเขาไปหลายคนแล้ว ระหว่างเดินไปยังทางออก ส่วนตัวเองก็พยายามเร่งฝีเท้า ให้ทิ้งระยะกับญาติสาวของเริ่มทิวาไม่ห่างนัก

“ก็บอกแล้วไง ว่างานด่วน ตกลงเย็นนี้จะเจอกันไหม”

“อย่ามาทำเสียงอย่างนี้กับอิงนะ” ปลายสายทำงอน แต่เขาไม่มีเวลาจะง้อ เพราะเริ่มรำคาญ

“งั้นแปลว่าไม่ โอเค แค่นี้นะ “ รีบวางสายก่อนจะได้ยินเสียงกรี๊ด ตามองหาหญิงสาวคนนั้น โน่น เดินไปแล้ว เขาเร่งฝีเท้าเดินตาม ตะโกน

“คุณ คุณ เสื้อสีน้ำตาลน่ะ รอผมด้วย”

หล่อนเหลียวหลังมามอง แต่ไม่หยุดเดิน

“คุณ หยุดก่อน ผมมีเรื่องจะพูดด้วย”

“เรายังพูดกันไม่จบ”

ก็แล้วทำไมไม่พูดกันบนเครื่องบิน จะมาตะโกนเรียกกันเป็นฉากในละครไปได้

“เฮ้ คุณเสื้อสูทสีน้ำตาลนะ ผมจะบอกเรื่องนายเมฆานะ”

ได้ผล หล่อนหยุดกึกทันที คนรอบข้างหันมามองอย่างแปลกใจ แต่เขาไม่สน รีบเดินไปหาหล่อน

“มีอะไรก็ว่ามา”

“เรื่องมันถ้าจะยาว เราไปหาที่คุยกันดีกว่า”

อรุณงามกอดอก

“คุณบอกเองว่า ไม่ควรคุยเรื่องคนตาย แล้วจะมาคุยหาอะไรอีก”

“แต่ผมมาคิดๆแล้ว เราทั้งสองฝ่ายอาจจะยังมีอะไรที่เข้าใจไม่ตรงกันอยู่บ้าง ในเรื่องเริ่มทิวากับเมฆา เท่าที่ฟังทางคุณก็ยังฝังใจกับมันอยู่ จะเป็นไปได้ไหมที่เรามาคุยกันอย่างเปิดอก ให้เรื่องมันจบๆ ไปจริง”

“จะเอาเงินฟาดเหมือนคราวก่อนละสิ”

รวี ขมวดคิ้ว สีหน้าทมึงทึง

“เอาเงินฟาดอะไร ใครทำ”

“โอ้ย อย่ามาทำหน้าซื่อ ตาใส แยกย้ายกลับบ้านใครบ้านมันดีกว่า ถือซะว่าคุณไม่ได้เจอฉันวันนี้ก็แล้วกัน” อรุณงามหันหลังให้ แต่เขาคว้ามือฉับ

“โอ้ย ปล่อยนะ เจ็บ”

เขาลากหล่อนไปยังมุมหนึ่งเอาตัวบัง ถามเสียงเข้ม

“นายเมฆา เสนอเงินให้พวกคุณหรือ”

“กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้อง คงคิดละสิว่าเงินจะซื้อได้ทุกสิ่งทุกอย่าง แต่มันแลกชีวิตทิวา กับความสงบสุขในบ้านไม่ได้หรอกนะจะบอกให้”

“ผมไม่เคยรู้เรื่อง”

“งั้นฝากไปบอกคนที่รู้เรื่องแล้วกัน ปล่อยได้แล้ว ฉันจะกลับบ้าน”

“เรายังคุยกันไม่รู้เรื่อง”

หนุ่มตาคมผิวเข้ม ยึดมือไว้มั่น ไม่ยอมปล่อย จนรู้สึกได้ถึงไอร้อนที่แล่นวาบผ่านร่าง อรุณงามบิดมือแต่ก็ไม่หลุด

“ใครเสนอเงินให้คุณ คุณบอกผมมานะ”

“นี่ จะเอายังไงกันแน่ ไหนบนเครื่อง บอกว่าให้มันจบๆ ไปไง จะมาถามหาสวรรค์วิมานอะไรอีก”

“เพราะผมจะไม่ยอมให้ใคร เข้าใจผิดเกี่ยวกับตัวเองหรือครอบครัว จนประกาศตัวว่าเป็นศัตรูหรอกนะ โดยเฉพาะเรื่องนี้ บอกชื่อผมมา”

“อ๋อ งั้นคุณก็ไม่เชื่อว่าญาติคุณพยายามยัดเงินให้พวกเรา แล้วถามทำไม ปล่อยฉันได้แล้ว”

“บอกมาก่อนสิ” เขาบีบมือหล่อนแน่น จ้องมองญาติสาวของเริ่มทิวา มองหาความคล้ายคลึงของทิวากับหล่อน แต่ก็ไม่พบ รูปหน้าคิ้วคาง กิริยาวาจา ต่างกันราวฟ้ากับดิน

ไม่น่าไปทักเขาเลยจริงๆ ให้ดิ้นตาย สร้างเรื่องวุ่นวายเพิ่มให้กับชีวิตอีกแล้ว อรุณงาม

“ถ้าไม่บอก ผมก็ไม่ปล่อย”

“คุณ นี่มันสนามบินนะ”

“แล้วทำไม อย่าลืมนะ คุณเป็นคนเริ่มเรื่องก่อน ไปหาที่คุยกันก่อน”

“ไม่ไป จะบ้าเหรอ เอ๊ะ นั่นใครนะ” หล่อนชี้มือไปทางด้านหลัง เขาหันขวับ อรุณงามได้ทีใช้ส้นรองเท้าเหยียบลงไปบนเท้าเขาเต็มที่ นายนั่นร้องโอ้ย ปล่อยมือหล่อน ซึ่งได้ทีวิ่งหนีออกไปไม่สนใจ ว่าเขาจะตามหรือไม่

รู้จักอรุณงามน้อยไปเสียแล้ว


ผู้หญิงบ้า

รวีสบถเบาๆ เมื่อรู้สึกถึงเท้าที่เจ็บแปลบ สองวันแล้วที่เจอญาติเริ่มทิวาบนเครื่อง และเป็นสองวันที่เท้าเขายังระบม ให้ไม่ลืมเธอได้ง่ายนัก

เขาก็ไม่ได้คิดลืม แต่ดันไม่ได้ถามชื่อเธอไว้ จึงสืบลำบาก เพื่อนฝูงที่เคยรู้เรื่องราวนี้ดี ก็พากันปิดปากเงียบถามเท่าไหร่ก็ไม่ยอมบอก หาว่าเขาจะไปรื้อฟื้นให้ญาติๆ เริ่มทิวาเจ็บปวดทรมานอีกทำไม ไม่เคยมีใครคิดบ้างเลยหรือว่า เรื่องมันยังอืมครึม เหมือนชื่อเจ้าของเรื่องฝ่ายชาย ไม่คลี่คลายเหมือนชื่อเจ้าของเรื่องฝ่ายหญิง

เริ่มทิวา สาวงามดาวคณะ เพื่อนสมัยเรียนรุ่นเดียวกับเขา หญิงสาวที่ใครๆ ก็หมายปอง แต่พอหล่อนเป็นผู้หญิงเรียบร้อยอยู่ในโอวาสผู้ใหญ่ซึ่งก็คือคุณป้า ทำให้ไม่ค่อยมีใครเข้าถึงมากนัก จนกระทั่งได้รู้จักกับเมฆาโดยผ่านการแนะนำจากเขา รักหลงก็เกิดอย่างรวดเร็ว รุนแรง ท่ามกลางการคัดค้านอย่างหนักจากคุณป้าของเธอ เพราะความเจ้าชู้ของเมฆาเอง ด้วยมีผู้หญิงเก่าๆ มาระรานเริ่มทิวาอย่างหนักเป็นสามสี่คน แต่ในตอนท้ายหล่อนก็ฝ่าฝันไปได้จะแต่งงานกับญาติเขาอยู่ไม่กี่อาทิตย์

จู่ๆ เริ่มทิวาก็ประกาศยกเลิกแต่งงาน ช๊อกนายเมฆาเสียจนไม่เป็นผู้เป็นคน เขาตามง้อ หาคำอธิบายอยู่หลายครั้ง สุดท้ายเท่าที่เขาทราบ สองคนนัดเจอเคลียร์ปัญหา แล้วตอนเมฆาขับรถมาส่ง ก็เกิดอุบัติเหตุ เริ่มทิวาเสียชีวิต เมฆาเจ็บหนัก พอรักษาตัวหาย ก็ไปเมืองจีน ไม่กลับอีกเลยจนถึงบัดนี้

ไม่มีใครรู้ว่าทำไมเริ่มทิวายกเลิกการแต่งงาน ไม่มีใครรู้ว่าสองคนนั้นพูดจาอะไรกัน รถคว่ำคราวนั้นพิสูจน์ได้ว่าเป็นอุบัติเหตุจริง

เขาพยายามลืมเรื่องนี้มาตลอดสองปี แต่เมื่อมาโดนสะกิดสองครั้งจากลุงและหล่อนในวันนั้น ต่อมอยากรู้อยากเห็นก็ทำงานทันที เพราะคำว่า เป็นศัตรูที่ออกมาจากปากหล่อน เน้นย้ำความหมายว่าจงเกลียดจงชังพวกเขาเสียจนไม่มีอะไรจะลบล้างได้

แล้วหล่อนชื่ออะไรหนอ เริ่มทิวาเคยกล่าวถึงบ่อยๆ ชื่ออะไรซักอย่างที่มีความหมายคล้ายกับชื่อของเริ่มทิวา
..................................................................................

natee - สวัดสีค่ะ ดีใจมากเช่นกันที่ยังจำกันได้ค่ะ
ขนมปังทาแยม - ค่ะ นางเอกออกนวซุ่มซ่ามเนอะ
an-o - ต้องรักษาภาพลักษณ์นางเอกหน่อย อิอิ



โดย : ชิตา วันที่ : [ 05 มี.ค. 2554 ] 21:18:42 น.




>> ความคิดเห็นที่ 1

เรื่องนี้มันต้องมีเบื้องหน้า เบื้องหลัง ชัวร์
ค่อยๆ ตามลุ้นกันต่อไป
โดย : an-o [ 05 มี.ค. 2554 ] 23:53:16 น.




>> ความคิดเห็นที่ 2

เบื้องหลังเรื่องนี้คืออะไรนะ
โดย : ปูสีน้ำเงิน [ 06 มี.ค. 2554 ] 02:41:16 น.




>> ความคิดเห็นที่ 3

ดีใจที่ได้อ่านเรื่องนี้อีกครั้งค่ะ ยังจำได้อยู่นะ
และดีใจที่เป็นงานเขียนของคุณชิตาด้วย

ปล. ถมึงทึง ค่ะ

โดย : หนอนแว่นตาโต [ 06 มี.ค. 2554 ] 09:36:17 น.




>> ความคิดเห็นที่ 4

น่าติดตาม อัพต่อเร็วๆๆนะ
โดย : ขนมปังทาแยม [ 06 มี.ค. 2554 ] 14:59:34 น.




>> ความคิดเห็นที่ 5

waiting for the next one na ka..:)
โดย : natee [ 07 มี.ค. 2554 ] 11:11:42 น.




>> ความคิดเห็นที่ 6

ออกแนว ฆาตรกรรม ป่าวเนี่ย *O*
โดย : black-sheep [ 26 มี.ค. 2554 ] 00:41:40 น.




ชิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 เม.ย. 2554, 20:45:48 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 เม.ย. 2554, 20:45:48 น.

จำนวนการเข้าชม : 2328





<< ๑   ๓ >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account