ม่านพรหม
เมขลา น้องสาวคนเล็กของผู้การจิรวัติ เธอผู้มีซิกเซ้นส์ สัมผัสพิเศษ สามารถยั่งรู้อนาคตของคนอื่นได้บ้าง..เมขลา ต้องพบกับภัยคุกคามจาก กฤษณะ อดีตคนรักของลูกค้า เพราะเธอไปดูว่า กฤษณะไม่ใช่เนื้อคู่ของเธอคนนั้น...จากเรื่องสนุก ๆ ที่ได้รู้อนาคตคนอื่น เมขลา เริ่มเครียด และเขาก็ค่อย ๆ ทำให้เธอรู้ว่า..คนเราจะอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่าได้นั้น ไม่ได้เกิดจาก รู้ดวงชะตา..
Tags: นายรถไฟ กับยายซิกเซ้นส์
ตอน: 18.2 “สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ หนึ่งวันหนึ่งคืนเท่ากับหนึ่งร้อยปีโลกมนุษย์”
พอรู้ตัวว่าในใจนั้นมีเขามากเพียงใด ความทุกข์ก็เข้ามาเยือนจิตใจของเมขลามากเพียงนั้น ใจหนึ่งการได้ทำหน้าที่ช่วยเหลือคนมันก็เป็นเรื่องดี แต่อีกใจความรักที่เกิดขึ้นกับเขาในครั้งนี้ ถ้าหากไม่ได้ลงเอยด้วยการแต่งงานกัน เขาจะยอมเธอหรือ..มันคงเป็นไปไม่ได้ เพราะทั้งเขาและเธอต่างก็เป็นมนุษย์ปุถุชนคนหนึ่งซึ่งจะต้องสืบทอดเผ่าพันธุ์ แสวงหาความสุขตามวิถีของคนบนโลกมนุษย์ และเมื่อความรักสุกงอม คนก็เลือกที่จะเห็นแก่ตัว เลือกความสุขของตนเองไว้ก่อน.
.
แต่ว่าวันพรุ่งนี้ที่ต้องเลือกมันก็ยังมาไม่ถึง..อยู่กับปัจจุบัน ๆ เมขลาพยายามท่องไว้อย่างนั้น จนกระทั่งสวดมนต์และเข้านอน แต่ว่าครั้งนี้เมขลากลับฝัน และในฝันนั้นตัวของเมขลาลอยล่องเข้าไปยังกลางปุยเมฆนุ่มเย็นพอสบายกาย และพอก้มมองสภาพร่างกายของตัวเองเมขลาก็ต้องแปลกใจที่เห็นเครื่องสนิมพิมพาภรณ์ราวกับนางละคร และที่สำคัญวิมานแวววาวรูปทรงคล้าย ๆ วิหารใหญ่แต่ใสราวแก้วเนื้อดีนี้ต่างลอยผ่านไปผ่านมาในห้วงท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยปุยเมฆสีฟ้าแกมน้ำเงิน ในวิมานเหล่านั้นมีขนาดมีความสว่างไสวมีแสงเรืองรองไม่เท่ากัน
กระทั่งเมขลามารู้สึกตัวอีกที ร่างบอบบางของเธอก็นั่งพับเพียบหลังแข็งอยู่บนตั่งนุ่มในวิมานที่กว้างใหญ่ ซึ่งมีกลิ่นหอมสดชื่นยิ่งกว่าความหอมจากสบู่ของพี่ศุภนิมิตรและยังไม่ทันที่เมขลาจะเพ่งสายตาผ่านหมอกบาง ๆ สำรวจตรวจสอบบริเวณห้องโถงใหญ่ที่มีแสงระริบระยับออกมาจากผนังห้องโดยรอบ..เสียงของรัตนาเมขลาก็ดังขึ้นมาก่อนที่ร่างของเธอจะค่อย ๆ ปรากฏที่ตั่งซึ่งตั้งอยู่ห่างกันประมาณสองเมตร
“ยินดีต้อนรับกลับสู่วิมานจ้ะ น้องมณีเมขลา..”
..และพอเห็นหน้ารัตนาเมขลาที่อยู่เครื่องทรงคล้ายของเธอ เมขลาก็ถึงกับผงะเพราะใบหน้าของรัตนาเมขลานั้น เหมือนกับว่าตนเองนั้นกำลังส่องกระจกเลยทีเดียว..
“แปลกใจอะไรรึ” น้ำเสียงนั้นเย็น ๆ แต่แฝงไว้ด้วยอารมณ์ขัน
“นั่นตัวเธอรึเงาของฉัน”
“เมื่อชาติก่อนที่จะมาอยู่ที่นี่ เราเคยเป็นฝ่าแฝดกัน..ดังนั้นเราจึงคล้ายกันอย่างกับแกะ”
“แล้วทำไมเธอไม่ลงไปเกิดพร้อมฉันอีก”
“ฉันทำบุญไว้มากกว่าเธอ แล้วชาตินั้น ฉันก็เหม็นเบื่อโลกมนุษย์เหลือเกิน”
“ทำไมล่ะ ทำไมถึงเหม็นเบื่อ”
“มันเต็มไปด้วยคนที่โหดร้าย คนโกหกปลิ้นปล้อน สังคมไร้ศีลธรรมจรรยา มีแต่การเข่นฆ่า รอบตัวเต็มไปด้วยคมหอกคมดาบ ทำบุญทำกุศลยากยิ่งนัก ชีวิตมีแต่ความทุกข์ตรม ฉันทำบุญแล้วปรารถนาหลุดพ้นแต่ว่ามันได้แค่นี้”
“สมัยไหน”
“ไม่มีบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ที่เธอเรียนมาหรอก หลายกัปแล้วหละ อย่าให้ฉันต้องอธิบายเลยเรื่องมันยาว”
“ที่นี่ ที่ไหน”
“สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ หนึ่งวันหนึ่งคืนเท่ากับหนึ่งร้อยปีโลกมนุษย์”
เมขลาทำตาโต
“ถ้าเธอประกอบแต่กรรมดี เธอก็จะได้มาอยู่ที่นี่อีก”
“ฉันก็ไม่ค่อยได้ทำผิดคิดชั่วอะไร”
“ฉันถึงสามารถติดต่อช่วยเหลือให้เธอสมปรารถนาได้ไง”
“ทำไมฉันถึงปรารถนาแบบนั้นก่อนจะลงไปเกิด”
“ชาติก่อนนั้น เธอเห็นพระสงฆ์สาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ระลึกชาติได้ รู้อดีต รู้อนาคต เธอก็อยากมีคุณวิเศษแบบนั้น แต่เธอไม่ได้ปฏิบัติเพื่อให้เกิดคุณวิเศษแบบนั้น ญาณทัศนะของเธอจึงไม่ได้เกิดขึ้น อย่างที่เธออยากได้ แต่ว่ากุศลผลบุญที่เธอทำไว้ ก็ทำให้ความปรารถนาของเธอสำเร็จได้เช่นกัน แต่ว่ามันจะไม่ชัดหรือทำอะไรได้มากมายนัก หากไม่มีฉันช่วย”
“เหมือนตอนแรก ๆ ที่ฉันรู้อะไรเพียงนิด ๆ หน่อย”
“ใช่แล้ว เธอเข้าใจอะไรได้ง่ายเหมือนเดิม..”
“ตอนนี้ฉันอยากรู้เรื่องของวิจิตรศรา ว่าทำไมเขาถึงรักฉัน และพร้อมจะช่วยฉันอยู่ตลอดเวลา” เมขลาหลุดคำถามที่ค้างคาใจออกไป
“ชาติหนึ่ง เขาเคยเกิดมาเป็นพี่เลี้ยงของเธอ และแต่ละชาติเขาก็รักการทำบุญ ชาตินี้เขาก็เลยเกิดมารวย สวย และก็ฉลาด จะบอกว่าเหนือเธอก็ได้ แต่ไอ้เรื่องห่วงใยเธอมันไม่หายไปจากพื้นใจเขาหรอก พอมาเจอเธอ เขาก็เลยเป็นห่วงเป็นใยและพร้อมทำอะไรให้เธอแบบที่เธอเห็นนี่แหละ”
“ฉันก็เดาไม่ผิด”
“เรื่องบางเรื่องมัน ก็สืบทอดเหตุผลกันมาแต่โบราณ มันก็เครือ ๆ นั้น”
“แล้วทำไม ฉันถึงไม่รู้อนาคตของตัวเอง มองไม่เห็นเนื้อคู่ของตัวเอง”
“ฉันรู้ว่าเธอจะต้องถามเรื่องนี้ และเธอก็คงจะรู้คำตอบดีอยู่แล้ว เพราะฉันตอบเธอไปแล้ว”
“แล้วกฤษณะละ ทำไมฉันถึงเห็นว่าเขามีเลือด”
“เธอเห็นเอง ตรงนั้นฉันไม่เกี่ยว”
“เธอต้องรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น”
“ฉันตอบเธอไม่ได้หรอก เราไม่สามารถแก้ปัญหาให้มนุษย์ได้ทั้งหมดหรอกเมขลา อย่างไรเสีย คำตรัสของพระพุทธเจ้าที่ว่า ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน ก็ยังใช้ได้อยู่เสมอ เธอเองแม้จะกลายเป็นคนวิเศษมากมายถึงเพียงไหน เธอก็ไม่พ้นกฏแห่งกรรม ส่วนตัวเขา เขาทำกรรมของเขาไว้ เขาก็ต้องได้รับผลกรรมของเขาเอง”
“เขาทำกรรมอะไรไว้..หนักไหม”
“หนักหรือไม่เบาฉันไม่อาจตอบได้..แต่ผลบุญที่เขาเคยทำไว้อาจจะผ่อนให้หนักกลายเป็นเบา”
“แล้วบุญใหม่จะช่วยเขาได้ไหม”
“เธอเองต้องจำให้ขึ้นใจว่า ถ้าประกอบแต่กรรมดีในระหว่างที่มีชีวิตอยู่ เธอก็จะได้กลับมาเป็นสหายกับพวกเราบนสวรรค์ชั้นนี้” รัตนาเมขลาตอบไปเสียอีกทาง และเมื่อเมขลารู้สึกเศร้าหมองที่ไม่ได้คำตอบเรื่องของกฤษณะ วิมานที่สว่างไสวมลังเมลืองตรงหน้า ภาพของรัตนาเมขลาที่มีดวงพักตร์ละม้ายกับใบหน้าของตนก็ค่อย ๆ พร่าเลือน..เมขลาสะดุ้งตื่นในทันทีเช่นกัน..
“เม วันนี้สายแล้วนะ ทำไมตื่นสายจังเลย จะไปทำงานทันไหม” วิจิตรศราใช้โทรศัพท์ภายในโทรมาปลุก เมขลารีบวางสาย แต่ว่าไม่ใช่รีบเข้าห้องน้ำอาบน้ำออกมาแต่งตัว หญิงสาวคว้าโทรศัพท์มือถือต่อสายหากฤษณะทันที
“คุณหนูนามีอะไรโทรมาหาผมแต่เช้าเลย..คิดถึงผมเหรอ” น้ำเสียงของกฤษณะนั้นดีใจเป็นอย่างมาก
“อย่าเพิ่งเล่น”
“ถามจากใจจริง”
“เช้านี้ออกไปใส่บาตรทำบุญหน่อยนะ”
“ทำไม มีอะไรหรือ” พอเขาถามแบบนี้เมขลาก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์กระหึ่มขึ้นมา
“อยู่ที่ไหนเนี่ย ทำไมเสียงดังขนาดนี้”
“ผมมาอยู่ที่ทำงานแล้วครับ กำลังจะออกรถ” เขาตะโกนตอบกลับมา
“ถ้ามีโอกาสทำบุญก็รีบทำนะ ทำให้ได้บ่อย ๆ ด้วยนะ..รู้ไหม..” เมขลาต้องตะโกนบอกเขา ก่อนที่จะตัดสินใจขอวางสายแล้วรีบอาบน้ำแต่งตัวไปทำงาน และวันนี้ถ้าจะไปให้ทันเวลาเข้างานเมขลาคงต้องไปรถมอเตอร์ไซค์ต่อรถแท็กซี่ ขึ้นรถไฟฟ้า แม้มันจะมีค่าใช้จ่ายมากขึ้น แต่มันก็ถึงจุดหมายทันเวลา และเมขลาก็ได้แง่คิดเพิ่มขึ้นมาว่า วิกฤตการณ์อาจทำให้ต้องละทิ้งเส้นทางเดิม หากแต่เส้นทางใหม่ใช่ว่าจะไร้สีสันแต่อย่างใด..
สี่โมงเช้าขณะที่เมขลากำลังนั่งทำงานอยู่โทรศัพท์มือถือที่วางไว้ในลิ้นชักก็ส่งเสียงเบา ๆ รบกวน เมขลาหยิบมาดูหน้าเจอ เป็นเบอร์ที่ไม่ได้บันทึกไว้ แต่ว่าหญิงสาวก็กดรับสาย และพอได้ยินเสียงเมขลาก็รู้ทันทีว่าเป็นเสียงแม่กุหลาบของกฤษณะ
“สวัสดีค่ะ”
“หนูนา จำแม่ได้ไหม” วันนั้นก่อนที่จะกลับบ้าน สองผัวเมียแนะนำให้เธอเรียกแทนตัวว่า “น้า” แต่ว่าวันนี้กลายเป็น “แม่” ไปเสียแล้ว เมขลายิ้มนิด ๆ ก่อนจะเล่นตามน้ำ
“จำได้ค่ะ”
“กฤษณะให้เบอร์แม่ไว้ แม่ก็เลยโทรหาหนู รู้เรื่องอาการป่วยของแม่จากปากของกฤษณะแล้วใช่ไหม”
“ค่ะทราบแล้วค่ะ หมอว่าอย่างไรบ้างคะ”
หลังจากอธิบายขั้นตอนการตรวจเช็คเสร็จแล้วแม่กุหลาบก็สรุปว่า “หมอนัดผ่าตัดเนื้องอก วันพฤหัสบดีในสัปดาห์ที่สี่ของเดือนนี้ แต่ว่าช่วงก่อนที่จะไปผ่าตัด วันเสาร์นี้ แม่ว่าจะไปหาหนูที่ร้าน อยากทำน้ำยาปลาช่อนไปขอโทษ เรื่องที่ไม่ได้บอกตั้งแต่แรกว่าเป็นแม่กับพ่อของกฤษณะ”
“หนูไม่ได้โกรธเคืองอะไรเลยนะคะ” ไม่โกรธเพราะมันไม่มีความผิด และการที่เขาดึงพ่อแม่มาเล่นในเกมส์เอาชนะใจของเธอนี้ก็ได้ใจเธอไปอยู่ไม่น้อย นั่นหมายความว่า ลึก ๆ แล้วเขาคิดจริงใจและคิดจริงจังกับเธอตั้งแต่แรก..แล้วจะโกรธพ่อกับแม่ รวมถึงตัวเขาด้วยเรื่องนี้ได้อย่างไร
“ถ้าไม่โกรธก็รับการขอโทษด้วยขนมจีนน้ำยาของแม่ได้ไหม”
“ได้ค่ะได้ แต่ว่า ขอเหมือด..เป็น”
“อะไรคือเหมือด”
“อ๋อ ผักแกล้มค่ะ ขอผักเคียงเป็นผักบุ้งลวก หัวปลีหั่นฝอย และถั่วฝักยาวได้ไหมคะ”
“ได้สิ นอกจากนั้นละเอาอะไรอีกไหม”
“แล้วแต่ จัดมาเลยค่ะ..ทำเผื่อเด็ก ๆ ด้วยนะคะ”
“ได้ แม่จะทำหม้อใหญ่ ๆ ไปเลย ขนมจีนก็เอาไปสักห้ากิโล”
“เยอะไปไหมคะ”
“ไม่เยอะหรอก กฤษณะเขาว่าจะชวนเพื่อนมาร่วมแจมด้วย” เมขลายิ้มแป้นนึกไว้
แล้วว่ามันจะต้องมีแผนอื่นแอบแฝง
“แล้วเขาไม่เรียนหรือคะ”
“เห็นว่า สัปดาห์นี้งด อาจารย์ไม่อยู่..”
“แล้วแม่ทำไหวหรือคะ ไม่เจ็บหลังหรือ” ในที่สุดเมขลาก็เผลอเรียกน้ากุหลาบว่าแม่เสียจนได้และพอเรียกไปแล้วเมขลาก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันที
“เจ็บเป็นระยะ ๆ อันที่จริงจะยังไม่ผ่าก็ได้ แต่ผ่าไปเลยก็ดี จะได้รู้แล้วรู้รอดไป”
“ไม่กลัวหรือ”
“กลัว..แต่ทำไงได้ล่ะ ดีกว่าทรมานเป็นช่วง ๆ แบบนี้ แต่ว่านี่มันก็ดีขึ้นนะหนู ตั้งแต่ตั้งศาลให้เจ้าที่ อาการเจ็บห่างขึ้น และที่สำคัญ หมอตรวจเจอโรคนี่สิ..เรื่องแบบนี้ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ขอบใจหนูมากนะ ถ้าไม่ได้หนู ก็คงยังไม่รู้หรอกว่าควรแก้ที่ตรงไหน”
แม่กุหลาบยังคงพูดถึงคุณของการได้พบเมขลาอยู่อีกอึดใจ แล้วเมขลาก็นึกได้ว่า ควรจะพูดให้แม่กุหลาบได้รับรู้ว่า ช่วงนี้ควรกฤษณะทำบุญให้เยอะ ๆ เข้าไว้
“ปีนี้กฤษณะเบญจเพสใช่ไหมคะ..หนูอยากให้เขาทำบุญไว้มาก ๆ ค่ะ แม่ช่วยกันพูดนะคะ”
“แม่ก็บอกเขาตั้งแต่วันเกิดเขาแล้ว..แต่เขาก็ไม่ใช่คนห่างวัดนักหรอก บวชเณรตั้งนาน”
“ทำไมบวชนาน” เมขลาแปลกใจกับข้อมูลนี้อยู่ไม่น้อย แล้วฝ่ายนั้นก็อึก ๆ อัก ๆ ก่อนจะบอกเล่าเรื่องราวในอดีตเมื่อครั้งที่กฤษณะเคยติดยากระทั่งต้องพาไปให้ห่างสังคมรอบ ๆ บ้าน อยู่วัดในต่างจังหวัด และหลังจากที่สึกออกมาเขาก็กลับเนื้อกลับตัวเรียนหนังสือกระทั่งสอบเข้าโรงเรียนวิศวกรรมรถไฟได้..
“รู้เรื่องไม่ดีในอดีตของเขาแล้ว หนูไม่รังเกียจเขานะ”
“ไม่หรอกค่ะ..” เมขลาหมายถึงไม่รังเกียจที่จะคบหาแบบมิตร แต่ฝ่ายนั้นตีปีกไปแล้วว่าไม่รังเกียจที่จะรับมาเป็นคนรัก
“จิตใจดีจริง ๆ”
“ก็อดีตมันผ่านไปแล้วนี่คะ แล้วปัจจุบันเขาก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นอีกแล้ว”
“แล้วนี่ทำไมหนูอยากให้เขาทำบุญเยอะ ๆ ล่ะ เห็นเหตุอะไรรึ..บอกแม่ได้ไหม”
“ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ค่ะ เพราะยังไม่แน่ใจ แต่รู้สึกว่าทางเดียวที่จะช่วยเขาได้คือทำบุญ..อย่าซักอะไรหนูมากกว่านี้เลยค่ะ แล้วหนูก็ขอตัวทำงานก่อนนะคะ...มีอะไรก็โทรมาได้ค่ะ.. ค่ะ ๆ สวัสดีค่ะ”
เมขลาเลี่ยงคำตอบที่จะทำให้ไม่ผิดศีลก่อนจะวางสาย และพอเก็บโทรศัพท์เข้า
ลิ้นชักแล้ว พี่ประนอมก็เดินมาหาด้วยสีหน้ามีกังวล
“น้องหนูนา”
“มีอะไรคะพี่”
“นังแหววไม่ติดคุกนะคะ ศาลให้รอลงอาญา..เพราะมันยังไม่ถึงยี่สิบหรืออะไรนี่แหละ ฟังเขามาอีกที จำไม่ได้ทั้งหมด”
“ก็ดีนี่”
“คือพี่หวาด ๆ มันจังเลย อีนี่มันดูแก่น ๆ ไม่กลัวใคร แล้วมันก็โตมาในสลัม พวกเพื่อน ๆ มันก็คงเหลือขอทั้งนั้น พี่อยากให้หนูนาดูให้พี่หน่อยว่า พี่จะโดนมันทำอะไรไหม”
“ถ้าดูแล้วเห็นว่าพี่ต้องโดน พี่จะหลบเคราะห์กรรมนี้อย่างไร” บางเรื่องที่คนมาขอให้ช่วยเหลือ มันก็ทำให้เมขลามีอารมณ์ฉุนเฉียวขึ้นมาได้เหมือนกัน เพราะถ้าไม่มีเธอคอยบอกอนาคตให้ พี่ประนอมก็ต้องระวังตัวเอง ซึ่งมันเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์ เมขลาถอนหายใจเบา ๆ ชักสีหน้าบึ้งตึงก่อนจะบอกว่า
“หนูนา ขอไม่ดูให้นะคะ พี่ต้องระวังตัวพี่เอง บอกได้แค่นี้แหละคะ”
“ไม่ใช่แค่พี่คนเดียวนะ หนูนาเองก็ต้องระวังตัวด้วย มีเรื่องกับคนพาล เราคาดเดาอะไรไม่ได้หรอกค่ะ..”
.
แต่ว่าวันพรุ่งนี้ที่ต้องเลือกมันก็ยังมาไม่ถึง..อยู่กับปัจจุบัน ๆ เมขลาพยายามท่องไว้อย่างนั้น จนกระทั่งสวดมนต์และเข้านอน แต่ว่าครั้งนี้เมขลากลับฝัน และในฝันนั้นตัวของเมขลาลอยล่องเข้าไปยังกลางปุยเมฆนุ่มเย็นพอสบายกาย และพอก้มมองสภาพร่างกายของตัวเองเมขลาก็ต้องแปลกใจที่เห็นเครื่องสนิมพิมพาภรณ์ราวกับนางละคร และที่สำคัญวิมานแวววาวรูปทรงคล้าย ๆ วิหารใหญ่แต่ใสราวแก้วเนื้อดีนี้ต่างลอยผ่านไปผ่านมาในห้วงท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยปุยเมฆสีฟ้าแกมน้ำเงิน ในวิมานเหล่านั้นมีขนาดมีความสว่างไสวมีแสงเรืองรองไม่เท่ากัน
กระทั่งเมขลามารู้สึกตัวอีกที ร่างบอบบางของเธอก็นั่งพับเพียบหลังแข็งอยู่บนตั่งนุ่มในวิมานที่กว้างใหญ่ ซึ่งมีกลิ่นหอมสดชื่นยิ่งกว่าความหอมจากสบู่ของพี่ศุภนิมิตรและยังไม่ทันที่เมขลาจะเพ่งสายตาผ่านหมอกบาง ๆ สำรวจตรวจสอบบริเวณห้องโถงใหญ่ที่มีแสงระริบระยับออกมาจากผนังห้องโดยรอบ..เสียงของรัตนาเมขลาก็ดังขึ้นมาก่อนที่ร่างของเธอจะค่อย ๆ ปรากฏที่ตั่งซึ่งตั้งอยู่ห่างกันประมาณสองเมตร
“ยินดีต้อนรับกลับสู่วิมานจ้ะ น้องมณีเมขลา..”
..และพอเห็นหน้ารัตนาเมขลาที่อยู่เครื่องทรงคล้ายของเธอ เมขลาก็ถึงกับผงะเพราะใบหน้าของรัตนาเมขลานั้น เหมือนกับว่าตนเองนั้นกำลังส่องกระจกเลยทีเดียว..
“แปลกใจอะไรรึ” น้ำเสียงนั้นเย็น ๆ แต่แฝงไว้ด้วยอารมณ์ขัน
“นั่นตัวเธอรึเงาของฉัน”
“เมื่อชาติก่อนที่จะมาอยู่ที่นี่ เราเคยเป็นฝ่าแฝดกัน..ดังนั้นเราจึงคล้ายกันอย่างกับแกะ”
“แล้วทำไมเธอไม่ลงไปเกิดพร้อมฉันอีก”
“ฉันทำบุญไว้มากกว่าเธอ แล้วชาตินั้น ฉันก็เหม็นเบื่อโลกมนุษย์เหลือเกิน”
“ทำไมล่ะ ทำไมถึงเหม็นเบื่อ”
“มันเต็มไปด้วยคนที่โหดร้าย คนโกหกปลิ้นปล้อน สังคมไร้ศีลธรรมจรรยา มีแต่การเข่นฆ่า รอบตัวเต็มไปด้วยคมหอกคมดาบ ทำบุญทำกุศลยากยิ่งนัก ชีวิตมีแต่ความทุกข์ตรม ฉันทำบุญแล้วปรารถนาหลุดพ้นแต่ว่ามันได้แค่นี้”
“สมัยไหน”
“ไม่มีบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ที่เธอเรียนมาหรอก หลายกัปแล้วหละ อย่าให้ฉันต้องอธิบายเลยเรื่องมันยาว”
“ที่นี่ ที่ไหน”
“สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ หนึ่งวันหนึ่งคืนเท่ากับหนึ่งร้อยปีโลกมนุษย์”
เมขลาทำตาโต
“ถ้าเธอประกอบแต่กรรมดี เธอก็จะได้มาอยู่ที่นี่อีก”
“ฉันก็ไม่ค่อยได้ทำผิดคิดชั่วอะไร”
“ฉันถึงสามารถติดต่อช่วยเหลือให้เธอสมปรารถนาได้ไง”
“ทำไมฉันถึงปรารถนาแบบนั้นก่อนจะลงไปเกิด”
“ชาติก่อนนั้น เธอเห็นพระสงฆ์สาวกขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าที่ระลึกชาติได้ รู้อดีต รู้อนาคต เธอก็อยากมีคุณวิเศษแบบนั้น แต่เธอไม่ได้ปฏิบัติเพื่อให้เกิดคุณวิเศษแบบนั้น ญาณทัศนะของเธอจึงไม่ได้เกิดขึ้น อย่างที่เธออยากได้ แต่ว่ากุศลผลบุญที่เธอทำไว้ ก็ทำให้ความปรารถนาของเธอสำเร็จได้เช่นกัน แต่ว่ามันจะไม่ชัดหรือทำอะไรได้มากมายนัก หากไม่มีฉันช่วย”
“เหมือนตอนแรก ๆ ที่ฉันรู้อะไรเพียงนิด ๆ หน่อย”
“ใช่แล้ว เธอเข้าใจอะไรได้ง่ายเหมือนเดิม..”
“ตอนนี้ฉันอยากรู้เรื่องของวิจิตรศรา ว่าทำไมเขาถึงรักฉัน และพร้อมจะช่วยฉันอยู่ตลอดเวลา” เมขลาหลุดคำถามที่ค้างคาใจออกไป
“ชาติหนึ่ง เขาเคยเกิดมาเป็นพี่เลี้ยงของเธอ และแต่ละชาติเขาก็รักการทำบุญ ชาตินี้เขาก็เลยเกิดมารวย สวย และก็ฉลาด จะบอกว่าเหนือเธอก็ได้ แต่ไอ้เรื่องห่วงใยเธอมันไม่หายไปจากพื้นใจเขาหรอก พอมาเจอเธอ เขาก็เลยเป็นห่วงเป็นใยและพร้อมทำอะไรให้เธอแบบที่เธอเห็นนี่แหละ”
“ฉันก็เดาไม่ผิด”
“เรื่องบางเรื่องมัน ก็สืบทอดเหตุผลกันมาแต่โบราณ มันก็เครือ ๆ นั้น”
“แล้วทำไม ฉันถึงไม่รู้อนาคตของตัวเอง มองไม่เห็นเนื้อคู่ของตัวเอง”
“ฉันรู้ว่าเธอจะต้องถามเรื่องนี้ และเธอก็คงจะรู้คำตอบดีอยู่แล้ว เพราะฉันตอบเธอไปแล้ว”
“แล้วกฤษณะละ ทำไมฉันถึงเห็นว่าเขามีเลือด”
“เธอเห็นเอง ตรงนั้นฉันไม่เกี่ยว”
“เธอต้องรู้ว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น”
“ฉันตอบเธอไม่ได้หรอก เราไม่สามารถแก้ปัญหาให้มนุษย์ได้ทั้งหมดหรอกเมขลา อย่างไรเสีย คำตรัสของพระพุทธเจ้าที่ว่า ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน ก็ยังใช้ได้อยู่เสมอ เธอเองแม้จะกลายเป็นคนวิเศษมากมายถึงเพียงไหน เธอก็ไม่พ้นกฏแห่งกรรม ส่วนตัวเขา เขาทำกรรมของเขาไว้ เขาก็ต้องได้รับผลกรรมของเขาเอง”
“เขาทำกรรมอะไรไว้..หนักไหม”
“หนักหรือไม่เบาฉันไม่อาจตอบได้..แต่ผลบุญที่เขาเคยทำไว้อาจจะผ่อนให้หนักกลายเป็นเบา”
“แล้วบุญใหม่จะช่วยเขาได้ไหม”
“เธอเองต้องจำให้ขึ้นใจว่า ถ้าประกอบแต่กรรมดีในระหว่างที่มีชีวิตอยู่ เธอก็จะได้กลับมาเป็นสหายกับพวกเราบนสวรรค์ชั้นนี้” รัตนาเมขลาตอบไปเสียอีกทาง และเมื่อเมขลารู้สึกเศร้าหมองที่ไม่ได้คำตอบเรื่องของกฤษณะ วิมานที่สว่างไสวมลังเมลืองตรงหน้า ภาพของรัตนาเมขลาที่มีดวงพักตร์ละม้ายกับใบหน้าของตนก็ค่อย ๆ พร่าเลือน..เมขลาสะดุ้งตื่นในทันทีเช่นกัน..
“เม วันนี้สายแล้วนะ ทำไมตื่นสายจังเลย จะไปทำงานทันไหม” วิจิตรศราใช้โทรศัพท์ภายในโทรมาปลุก เมขลารีบวางสาย แต่ว่าไม่ใช่รีบเข้าห้องน้ำอาบน้ำออกมาแต่งตัว หญิงสาวคว้าโทรศัพท์มือถือต่อสายหากฤษณะทันที
“คุณหนูนามีอะไรโทรมาหาผมแต่เช้าเลย..คิดถึงผมเหรอ” น้ำเสียงของกฤษณะนั้นดีใจเป็นอย่างมาก
“อย่าเพิ่งเล่น”
“ถามจากใจจริง”
“เช้านี้ออกไปใส่บาตรทำบุญหน่อยนะ”
“ทำไม มีอะไรหรือ” พอเขาถามแบบนี้เมขลาก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์กระหึ่มขึ้นมา
“อยู่ที่ไหนเนี่ย ทำไมเสียงดังขนาดนี้”
“ผมมาอยู่ที่ทำงานแล้วครับ กำลังจะออกรถ” เขาตะโกนตอบกลับมา
“ถ้ามีโอกาสทำบุญก็รีบทำนะ ทำให้ได้บ่อย ๆ ด้วยนะ..รู้ไหม..” เมขลาต้องตะโกนบอกเขา ก่อนที่จะตัดสินใจขอวางสายแล้วรีบอาบน้ำแต่งตัวไปทำงาน และวันนี้ถ้าจะไปให้ทันเวลาเข้างานเมขลาคงต้องไปรถมอเตอร์ไซค์ต่อรถแท็กซี่ ขึ้นรถไฟฟ้า แม้มันจะมีค่าใช้จ่ายมากขึ้น แต่มันก็ถึงจุดหมายทันเวลา และเมขลาก็ได้แง่คิดเพิ่มขึ้นมาว่า วิกฤตการณ์อาจทำให้ต้องละทิ้งเส้นทางเดิม หากแต่เส้นทางใหม่ใช่ว่าจะไร้สีสันแต่อย่างใด..
สี่โมงเช้าขณะที่เมขลากำลังนั่งทำงานอยู่โทรศัพท์มือถือที่วางไว้ในลิ้นชักก็ส่งเสียงเบา ๆ รบกวน เมขลาหยิบมาดูหน้าเจอ เป็นเบอร์ที่ไม่ได้บันทึกไว้ แต่ว่าหญิงสาวก็กดรับสาย และพอได้ยินเสียงเมขลาก็รู้ทันทีว่าเป็นเสียงแม่กุหลาบของกฤษณะ
“สวัสดีค่ะ”
“หนูนา จำแม่ได้ไหม” วันนั้นก่อนที่จะกลับบ้าน สองผัวเมียแนะนำให้เธอเรียกแทนตัวว่า “น้า” แต่ว่าวันนี้กลายเป็น “แม่” ไปเสียแล้ว เมขลายิ้มนิด ๆ ก่อนจะเล่นตามน้ำ
“จำได้ค่ะ”
“กฤษณะให้เบอร์แม่ไว้ แม่ก็เลยโทรหาหนู รู้เรื่องอาการป่วยของแม่จากปากของกฤษณะแล้วใช่ไหม”
“ค่ะทราบแล้วค่ะ หมอว่าอย่างไรบ้างคะ”
หลังจากอธิบายขั้นตอนการตรวจเช็คเสร็จแล้วแม่กุหลาบก็สรุปว่า “หมอนัดผ่าตัดเนื้องอก วันพฤหัสบดีในสัปดาห์ที่สี่ของเดือนนี้ แต่ว่าช่วงก่อนที่จะไปผ่าตัด วันเสาร์นี้ แม่ว่าจะไปหาหนูที่ร้าน อยากทำน้ำยาปลาช่อนไปขอโทษ เรื่องที่ไม่ได้บอกตั้งแต่แรกว่าเป็นแม่กับพ่อของกฤษณะ”
“หนูไม่ได้โกรธเคืองอะไรเลยนะคะ” ไม่โกรธเพราะมันไม่มีความผิด และการที่เขาดึงพ่อแม่มาเล่นในเกมส์เอาชนะใจของเธอนี้ก็ได้ใจเธอไปอยู่ไม่น้อย นั่นหมายความว่า ลึก ๆ แล้วเขาคิดจริงใจและคิดจริงจังกับเธอตั้งแต่แรก..แล้วจะโกรธพ่อกับแม่ รวมถึงตัวเขาด้วยเรื่องนี้ได้อย่างไร
“ถ้าไม่โกรธก็รับการขอโทษด้วยขนมจีนน้ำยาของแม่ได้ไหม”
“ได้ค่ะได้ แต่ว่า ขอเหมือด..เป็น”
“อะไรคือเหมือด”
“อ๋อ ผักแกล้มค่ะ ขอผักเคียงเป็นผักบุ้งลวก หัวปลีหั่นฝอย และถั่วฝักยาวได้ไหมคะ”
“ได้สิ นอกจากนั้นละเอาอะไรอีกไหม”
“แล้วแต่ จัดมาเลยค่ะ..ทำเผื่อเด็ก ๆ ด้วยนะคะ”
“ได้ แม่จะทำหม้อใหญ่ ๆ ไปเลย ขนมจีนก็เอาไปสักห้ากิโล”
“เยอะไปไหมคะ”
“ไม่เยอะหรอก กฤษณะเขาว่าจะชวนเพื่อนมาร่วมแจมด้วย” เมขลายิ้มแป้นนึกไว้
แล้วว่ามันจะต้องมีแผนอื่นแอบแฝง
“แล้วเขาไม่เรียนหรือคะ”
“เห็นว่า สัปดาห์นี้งด อาจารย์ไม่อยู่..”
“แล้วแม่ทำไหวหรือคะ ไม่เจ็บหลังหรือ” ในที่สุดเมขลาก็เผลอเรียกน้ากุหลาบว่าแม่เสียจนได้และพอเรียกไปแล้วเมขลาก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นมาทันที
“เจ็บเป็นระยะ ๆ อันที่จริงจะยังไม่ผ่าก็ได้ แต่ผ่าไปเลยก็ดี จะได้รู้แล้วรู้รอดไป”
“ไม่กลัวหรือ”
“กลัว..แต่ทำไงได้ล่ะ ดีกว่าทรมานเป็นช่วง ๆ แบบนี้ แต่ว่านี่มันก็ดีขึ้นนะหนู ตั้งแต่ตั้งศาลให้เจ้าที่ อาการเจ็บห่างขึ้น และที่สำคัญ หมอตรวจเจอโรคนี่สิ..เรื่องแบบนี้ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ ขอบใจหนูมากนะ ถ้าไม่ได้หนู ก็คงยังไม่รู้หรอกว่าควรแก้ที่ตรงไหน”
แม่กุหลาบยังคงพูดถึงคุณของการได้พบเมขลาอยู่อีกอึดใจ แล้วเมขลาก็นึกได้ว่า ควรจะพูดให้แม่กุหลาบได้รับรู้ว่า ช่วงนี้ควรกฤษณะทำบุญให้เยอะ ๆ เข้าไว้
“ปีนี้กฤษณะเบญจเพสใช่ไหมคะ..หนูอยากให้เขาทำบุญไว้มาก ๆ ค่ะ แม่ช่วยกันพูดนะคะ”
“แม่ก็บอกเขาตั้งแต่วันเกิดเขาแล้ว..แต่เขาก็ไม่ใช่คนห่างวัดนักหรอก บวชเณรตั้งนาน”
“ทำไมบวชนาน” เมขลาแปลกใจกับข้อมูลนี้อยู่ไม่น้อย แล้วฝ่ายนั้นก็อึก ๆ อัก ๆ ก่อนจะบอกเล่าเรื่องราวในอดีตเมื่อครั้งที่กฤษณะเคยติดยากระทั่งต้องพาไปให้ห่างสังคมรอบ ๆ บ้าน อยู่วัดในต่างจังหวัด และหลังจากที่สึกออกมาเขาก็กลับเนื้อกลับตัวเรียนหนังสือกระทั่งสอบเข้าโรงเรียนวิศวกรรมรถไฟได้..
“รู้เรื่องไม่ดีในอดีตของเขาแล้ว หนูไม่รังเกียจเขานะ”
“ไม่หรอกค่ะ..” เมขลาหมายถึงไม่รังเกียจที่จะคบหาแบบมิตร แต่ฝ่ายนั้นตีปีกไปแล้วว่าไม่รังเกียจที่จะรับมาเป็นคนรัก
“จิตใจดีจริง ๆ”
“ก็อดีตมันผ่านไปแล้วนี่คะ แล้วปัจจุบันเขาก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้นอีกแล้ว”
“แล้วนี่ทำไมหนูอยากให้เขาทำบุญเยอะ ๆ ล่ะ เห็นเหตุอะไรรึ..บอกแม่ได้ไหม”
“ตอนนี้ยังบอกไม่ได้ค่ะ เพราะยังไม่แน่ใจ แต่รู้สึกว่าทางเดียวที่จะช่วยเขาได้คือทำบุญ..อย่าซักอะไรหนูมากกว่านี้เลยค่ะ แล้วหนูก็ขอตัวทำงานก่อนนะคะ...มีอะไรก็โทรมาได้ค่ะ.. ค่ะ ๆ สวัสดีค่ะ”
เมขลาเลี่ยงคำตอบที่จะทำให้ไม่ผิดศีลก่อนจะวางสาย และพอเก็บโทรศัพท์เข้า
ลิ้นชักแล้ว พี่ประนอมก็เดินมาหาด้วยสีหน้ามีกังวล
“น้องหนูนา”
“มีอะไรคะพี่”
“นังแหววไม่ติดคุกนะคะ ศาลให้รอลงอาญา..เพราะมันยังไม่ถึงยี่สิบหรืออะไรนี่แหละ ฟังเขามาอีกที จำไม่ได้ทั้งหมด”
“ก็ดีนี่”
“คือพี่หวาด ๆ มันจังเลย อีนี่มันดูแก่น ๆ ไม่กลัวใคร แล้วมันก็โตมาในสลัม พวกเพื่อน ๆ มันก็คงเหลือขอทั้งนั้น พี่อยากให้หนูนาดูให้พี่หน่อยว่า พี่จะโดนมันทำอะไรไหม”
“ถ้าดูแล้วเห็นว่าพี่ต้องโดน พี่จะหลบเคราะห์กรรมนี้อย่างไร” บางเรื่องที่คนมาขอให้ช่วยเหลือ มันก็ทำให้เมขลามีอารมณ์ฉุนเฉียวขึ้นมาได้เหมือนกัน เพราะถ้าไม่มีเธอคอยบอกอนาคตให้ พี่ประนอมก็ต้องระวังตัวเอง ซึ่งมันเป็นสัญชาตญาณของมนุษย์ เมขลาถอนหายใจเบา ๆ ชักสีหน้าบึ้งตึงก่อนจะบอกว่า
“หนูนา ขอไม่ดูให้นะคะ พี่ต้องระวังตัวพี่เอง บอกได้แค่นี้แหละคะ”
“ไม่ใช่แค่พี่คนเดียวนะ หนูนาเองก็ต้องระวังตัวด้วย มีเรื่องกับคนพาล เราคาดเดาอะไรไม่ได้หรอกค่ะ..”

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 พ.ค. 2555, 09:08:03 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 พ.ค. 2555, 09:08:03 น.
จำนวนการเข้าชม : 2264
<< 18.1 “ถึงท่านไม่บอก ผมก็รู้ว่าเนื้อคู่ของผมคือคุณหนูนา” | 19.ผมยืนยันว่าผมบริสุทธิ์ใจ และคนบริสุทธิ์ย่อมพ้นผิดอย่างแน่นอน >> |

จุฬามณีเฟื่องนคร 30 พ.ค. 2555, 09:08:25 น.
www.chanchaochay.com เปิดทำการแล้วนะครับ
www.chanchaochay.com เปิดทำการแล้วนะครับ

nutcha 30 พ.ค. 2555, 14:24:38 น.
หนูนาจะโดนทำร้ายหรือเปล่าคะ
หนูนาจะโดนทำร้ายหรือเปล่าคะ


anOO 30 พ.ค. 2555, 16:05:58 น.
อ้าว...หนูนาจะโดนกะเค้าด้วยไหมนะ
อ้าว...หนูนาจะโดนกะเค้าด้วยไหมนะ

Zephyr 30 พ.ค. 2555, 20:03:15 น.
ตกลงมีซิกเซนส์ มันดีหรือไม่ดี กันแน่เนี่ย ว้าาาา
ตกลงมีซิกเซนส์ มันดีหรือไม่ดี กันแน่เนี่ย ว้าาาา

Orathai 30 พ.ค. 2555, 22:43:52 น.
แย่จัง...ระวังตัวกันนะ...
แย่จัง...ระวังตัวกันนะ...