ม่านพรหม
เมขลา น้องสาวคนเล็กของผู้การจิรวัติ เธอผู้มีซิกเซ้นส์ สัมผัสพิเศษ สามารถยั่งรู้อนาคตของคนอื่นได้บ้าง..เมขลา ต้องพบกับภัยคุกคามจาก กฤษณะ อดีตคนรักของลูกค้า เพราะเธอไปดูว่า กฤษณะไม่ใช่เนื้อคู่ของเธอคนนั้น...จากเรื่องสนุก ๆ ที่ได้รู้อนาคตคนอื่น เมขลา เริ่มเครียด และเขาก็ค่อย ๆ ทำให้เธอรู้ว่า..คนเราจะอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่าได้นั้น ไม่ได้เกิดจาก รู้ดวงชะตา..
Tags: นายรถไฟ กับยายซิกเซ้นส์

ตอน: 19.ผมยืนยันว่าผมบริสุทธิ์ใจ และคนบริสุทธิ์ย่อมพ้นผิดอย่างแน่นอน

19.

ช่วงรอหลีกขบวนรถ กฤษณะที่คะเนว่าหลวงพี่ที่เคยเป็นพระพี่เลี้ยงช่วงที่เขาบวชเณรเมื่อหลายปีก่อน เสร็จกิจของสงฆ์ เขาจึงต่อสายไปหาหลวงพี่ เพราะการ ‘ทัก’ จากเมขลาในครั้งนี้ เขาเองก็รู้สึกได้ว่า เขาควรเชื่อฟัง..แต่ว่าการทำบุญกุศลนั้น แม้เขาจะไม่ได้ทำตามแบบที่ชาวพุทธส่วนใหญ่ทำกัน คือตื่นใส่บาตรในตอนเช้า แต่ว่าทุกครั้งที่จะออกจากห้องพักเขาก็ยกมือไหว้ที่พระพุทธรูปซึ่งตั้งอยู่บนหลังตู้ ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัยช่วยปกปักรักษาให้เขาแคล้วคลาดปลอดภัย

นอกจากนั้นช่วงเทศกาลสำคัญ ๆ เช่นวัน มาฆะบูชา วันอาสาฬหบูชา วันเข้าพรรษา วันออกพรรษา เขาก็จะโทรหาหลวงพี่สอบถามถึงบุญในวัดที่เขาเคยบวชเณร พอหลวงพี่บอกชื่อของบุญ อาทิเช่น กำลังสร้างกุฏิ กำลังสร้างห้องน้ำ เดินสายไฟ ซื้อกลดสำหรับปฏิบัติธรรม เขาก็จะขอร่วมบุญเป็นจำนวนเงินห้าร้อยบาทบ้าง พันบาทบ้าง แล้วแต่ว่าช่วงนั้นเขามีเงินมากน้อยแค่ไหน..และครั้งนี้ แม้ไม่ตรงเทศกาลสำคัญ เขาก็จัดการทำบุญโดยการสัญญากับหลวงพี่ไว้ว่า ถ้าเจอตู้เอทีเอ็มเมื่อไหร่ เขาจะโอนเงินเข้าวัดทันที ซึ่งหลวงพี่จะนำเงินจำนวนหนึ่งพันบาทไปทำบุญใด ๆ ในวัดได้ตามเห็นสมควร


เมื่อไม่ได้ตั้งใจไปให้มีเรื่อง แต่ดันได้เรื่องเข้าตัว ดังนั้น คนอย่างจอยจึงต้องไปทำเรื่องอย่างที่ได้ถูกตราหน้าไว้..ปกติวันเสาร์กับวันอาทิตย์กฤษณะจะต้องไปเรียนหนังสือ ดังนั้นวันเสาร์นี้จอยจึงถือเป็นโอกาสอันดีที่จะกลับไปยังร้านกาแฟย่านดอนเมืองที่ได้เจอกับคนที่กฤษณะมีใจให้...เพราะจอยต้องการทำให้ผู้หญิงที่กฤษณะหมายปองได้รู้ว่า ผู้ชายอย่างกฤษณะนั้นไม่ใช่คนดีคิดฝากชีวิตไว้

“ไปร้านนั้นให้จอยหน่อย จอยอยากไปกินขนมร้านนั้นอร่อยดี” จอยอ้อนคนขี่รถมอเตอร์ไซด์ซึ่งเป็นคนรักของเพื่อน ซึ่งวันนี้ แก๊งของจอย เพื่อนต่อเพื่อน รวมตัวกันได้ถึงห้าคัน มีจำนวนสมาชิกที่จอยรู้จักและไม่รู้จักเป็นจำนวนสิบกว่าคน และเมื่อมีเป้าหมายที่จะทำให้ชีวิตที่ไร้สาระไปวัน ๆ มีเรื่องสนุกสนาน หัวขบวนจึงมุ่งหน้าสู่ร้านกาแฟที่ตั้งอยู่บนถนนสรงประภา และพอไปถึงที่ร้าน จอยก็เดินลากรองเท้าแตะนำหน้าเพื่อน ๆ เข้าไปในร้าน เพื่อนสาวและเพื่อนชายกรูไปนั่งที่โต๊ะตัวที่อยู่หน้าร้าน แต่ว่าจอยเดินไปหยุดตรงมุมที่มีสบู่พลางกวาดสายตามองหาคนที่มั่นใจว่า กฤษณะมาตกหลุมรัก..

ในเวลานั้นเมขลากับวิจิตรศราเดินออกมาจากในครัวพอดี และพอเห็นหน้าจอย เมขลาก็ชะงักเท้าทำให้จอย รู้ได้ทันทีว่า คนที่เอาเรื่องของเธอไปบอกกฤษณะนั้นคือคนไหน

“มากันเยอะเลย มาจากไหนละเนี่ย” ถ้าลูกค้าดูกร่างๆ แบบนี้วิจิตรศราจะรู้สึกหวาด ๆ มากกว่าดีใจ หญิงสาวจึงเปรยออกมาเบา ๆ แต่ว่าจอยกลับหูดี

“แถว ๆ นี้แหละพี่..เคยมากันแล้ว รสชาติขนมปังร้านพี่ใช้ได้เลย เราก็เลยพากันมาอีกรอบ” บอกกับวิจิตรศราแล้ว จอยก็หันไปหาพรรคพวก.. “พวกเรา จะกินอะไรสั่งเลย แต่ต่างคนต่างจ่ายนะยะ”

“มีแต่ของแพง ๆ ทั้งนั้นเลย” หนึ่งในกลุ่มใหญ่เปรยกลับมา..เมขลาพอเห็นหน้าจอยก็จะขยับตัวกลับเข้าไปในครัว แต่พอดีกับที่จอยเรียกไว้

“จะรีบไปไหนละพี่”

เมขลาหันมาหา วิจิตรศราเองก็แปลกใจอยู่ไม่น้อยที่เห็นว่าเด็กหน้าขาววอกจงใจคุยกับเมขลาอย่างจะหาเรื่อง

“มีอะไรกับพี่เหรอ” เมขลาหันมาอย่างพยายามตั้งสติ ส่วนวิจิตรศรานั้นก็คุมเชิงอยู่ใกล้ ๆ

“พี่ก็คงจะรู้ว่าหนูจะมาด้วยเรื่องอะไร” จอยพูดให้กำกวม

เมขลาสูดลมหายใจ เชิดหน้าขึ้น ตอนนั้นน้องอ้อกับอุสาต่างจ้องดูลีลาจอยว่าจะออกฤทธิ์ออกเดชอย่างไร

“หนูกับพี่กฤษณะมีความสัมพันธ์กันอย่างลึกซึ้งแล้ว...ถ้าพี่ไม่อยากเสียใจ ไม่อยากถูกตราหน้าว่าแย่งของคนอื่น พี่ก็อย่ายุ่งกับเขา หนูบอกพี่แค่นี้แหละ” บอกเมขลาอย่างไม่อ้อมค้อมแล้วจอยก็หยิบเมนูขึ้นมาสั่งขนมปังกับเครื่องดื่มของตัวเองโดยไม่ได้สนใจว่าเมขลานั้นมีสีหน้าอย่างไร...

แต่พอเห็นว่าเมขลาถอยหลังเดินขึ้นชั้นบนไปจอยก็ลอบยิ้ม เหมือนกับแหววที่ติดกลุ่มมาด้วย แต่ว่าเจ้าหล่อนนั่งอยู่หน้าร้านแต่หันหน้ามาในร้าน และแหววก็มองตามเมขลาไปด้วยสายตาอาฆาต..



ด้วยอยากให้เมขลาเห็นว่าทางบ้านเขา ‘พอมี’ และอบอุ่นเพียงใด คืนวันศุกร์กฤษณะจึงได้กลับไปนอนที่บ้านเพื่อแสดงความรักความห่วงใยเกี่ยวกับกับอาการเจ็บป่วยของแม่ ให้แม่รับรู้ ส่วนหนึ่งเขาก็ต้องการตื่นแต่เช้าช่วยแม่โขลกน้ำยาปลาช่อนที่พ่อไปซื้อหามาจากตลาดไปตั้งแต่วานตอนเย็น วันนี้นอกจากแม่ที่อยากทำขนมจีนน้ำยาเอาใจเมขลาแล้ว กฤษณะก็อยากให้เมขลาได้รู้จักเพื่อนสนิทของเขาอย่างอาวุธกับอุมารินทร์อย่างเป็นทางการด้วย ดังนั้น เขาจึงนัดให้ทั้งคู่ตามมาสมทบที่ร้านของวิจิตรศราก่อนเที่ยงวัน

..แต่พอกฤษณะขับรถเก๋งพาพ่อกับแม่มาถึงที่ร้าน กฤษณะก็ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อวิจิตรศราแจ้งกับเขาว่า วันนี้เมขลาไม่สบาย ไม่พร้อมที่จะรับแขก..แต่ว่าเมขลาก็สั่งไว้ว่า พร้อมที่จะกินขนมจีนน้ำยาที่แม่ของเขาอุตส่าห์มีใจทำมาให้ โดยวิจิตรศราตักขนมจีนน้ำยาแบ่งขึ้นไปยังห้องนอนของเมขลาโดยห้ามกฤษณะหรือแม่ของเขาตามขึ้นไปเยี่ยมไข้เมขลาด้วย

และเมื่อวิจิตรศราเผลอ กฤษณะจึงได้คำตอบจากน้องอ้อว่าก่อนที่เขาจะมาถึงร้านบ้านนางฟ้าที่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น...

หลังจากที่พ่อแม่ อาวุธ อุมารินทร์ น้องอ้อ อุสา จัดการขนมจีนน้ำยาที่เตรียมมมาไปอย่างกร่อย ๆ กฤษณะจึงให้พ่อขับรถพาแม่กลับบ้านไปก่อน ส่วนอาวุธกับอุมารินทร์ก็ขอตัวไปทำธุระอย่างรู้งาน และพอคนฝ่ายของตนกลับไปแล้ว กฤษณะที่ยังนั่งรอปรับความเข้าใจกับเมขลา ก็เอ่ยปากบอกกับวิจิตรศราอย่างตรงไปตรงมาว่า

“คุณวิครับ ถ้าจะกรุณา เรียกคุณหนูนาลงมาคุยกับผมหน่อยได้ไหมครับ”

“มีเรื่องอะไรต้องคุยกัน” รู้ทั้งรู้ แต่วิจิตรศราก็อยากจะเล่นลิ้นกับเขาให้สนุกสนานไปตามเรื่อง และพอเห็นหน้าเซ็ง ๆ ของเขา วิจิตรศราก็ยิ้มกริ่มก่อนจะบอกว่า

“ช่วยซื้อสบู่ไปขายสักโหลสองโหลได้เปล่า”

“เมื่อกี้พ่อแม่ เพื่อนผม ก็ช่วยซื้อกันไปแล้วนะ” เขาทำตาเขียวให้

“จะใช้เวลาคุยกันสักกี่นาทีถึงจะรู้เรื่อง”

“แล้วการที่ฟังความข้างเดียวแล้วคิดไปเองเข้าใจไปเอง คุณวิคิดว่าคุณหนูนาจะมีความสุขหรือครับ ทำไมไม่ให้ผมอธิบาย แล้วถ้าวันหนึ่ง แฟนเก่า ของแฟนคุณวิ หรือใครสักคนเล่นอย่างนี้กับคุณวิบ้าง คุณวิจะทำอย่างไร จะงอน หรือจะให้โอกาสเขาแก้ตัว”

วิจิตรศราขมุบขมิบปากก่อนจะบอกว่า “พูดเหมือนกับว่านายกับหนูนาตกลงเป็นแฟนกันแล้วอย่างนั้น”

“เรายังไม่ได้ตกลงคบหากันแบบแฟน แต่ว่าเราก็มีใจให้กัน เราชอบกัน”

“พูดแบบนี้เมขลาเสียหายหมด” วิจิตรศราว่าให้

“ขอผมคุยกับคุณหนูนาหน่อยนะครับ..ช่วยซื้อสบู่ไปขายต่ออีกสองโหลก็ได้..” พอกฤษณะบอกอย่างนี้วิจิตรศรากลอกตาไปมายิ้มบาง ๆ แล้วก็ด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า

“เอาอะไรบ้างละ”

“คละกันมาเลย ราคาส่งนะ”

“ได้..เดี๋ยวฉันจะขึ้นไปถามเขาก่อนว่าอยากคุยกับนายหรือเปล่า” หมุนตัวขึ้นชั้นบนไปแล้ว อึดใจใหญ่ ๆ วิจิตรศราก็เดินลงมาบอกกับกฤษณะว่า เมขลานั่งรออยู่ที่ชั้นลอย..



กฤษณะก้าวสามทีก็ถึงชั้นลอยซึ่งมีชั้นหนังสือรายรอบ ตรงกลางห้องมีโต๊ะสแตนเลสตัวกลมตั้งอยู่พร้อมกับที่พัดลมเพดานหมุนไล่อากาศเบา ๆ กฤษณะพบว่าเมขลานั่งอ่านหนังสือโดยทำเหมือนกับว่าอยู่เพียงลำพังเช่นเคย และกฤษณะก็ถือวิสาสะทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวที่อยู่ติดกันโดยที่เมขลาไม่ทันจะร้องบอก

“โกรธอะไรผมหรือครับ”

เมขลาถอนหายใจเบา ๆ ปรายตามองหน้าเขาเพียงนิด แล้วก็มองที่หน้ากระดาษขนาดสิบหกหน้ายกต่อ..แต่ว่ากฤษณะถือวิสาสะรวบหน้าหนังสือปิดเข้าหากัน..เมขลายกมือกอดอกจ้องหน้าของเขาลมหายใจร้อน ๆ ค่อย ๆ ระบายออกมา แต่ถึงกระนั้นกฤษณะก็เห็นว่าริมฝีปากได้รูปของเมขลากำลังจะคลี่ออกจากกัน แต่ว่าเจ้าตัวก็เม้มมันไว้อย่างไว้เชิง

“วันนี้จอยมาที่ร้านใช่ไหมครับ”

“ฉันไม่รู้จักเขา”

“ผมรู้จักเขาดีครับ เขาเป็นคนชอบเอาชนะ เขาคงคิดว่าทำอย่างที่นางร้ายในละครทำแล้วเราสองคนจะเข้าใจผิดกัน”

“พูดเรื่องอะไร”

“แล้วที่ไม่ลงไปรับแขกละ ป่วยเป็นอะไร”

“รู้สึกไม่ค่อยดี” เมขลาไม่ได้โกหก เธอรู้สึกไม่ค่อยดีจริง ๆ รู้สึกว่าตัวเองยังควบคุมสีหน้าและอารมณ์ให้เป็นปกติไม่ได้ ดังนั้นการเก็บตัวเงียบอยู่บนห้องรอกินขนมจีนน้ำยาฝีมือแม่ของเขาจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุด

“ตอนนี้ดีขึ้นหรือยังครับ”

“คุณเกี่ยวอะไรด้วย”

“ก็ผมเป็นต้นเหตุทำให้คุณรู้สึกไม่ค่อยดี”

“กลับไปเถอะ”

“ไม่ ไม่กลับ จนกว่าเราจะคุยกันให้รู้เรื่อง”

“ฉันก็สบายดีแล้ว นั่งอยู่ตรงนี้..เห็นแล้วนี่”

“แต่ยังงอน ยังโกรธผมอยู่ ทั้งที่ผมก็ยืนยัน นั่งยัน ยืนยัน ได้เลยว่าผมกับเขาไม่เคยข้องเกี่ยวกันฉันชู้สาว จะให้สาบานวัดไหนก็ได้”

“ก็เรื่องของคุณ”

“มันเป็นเรื่องของเราครับ เป็นเรื่องที่วันนี้เราต้องเคลียร์เพื่ออนาคตของเรา” น้ำเสียงของเขาจริงจังจนเมขลารู้สึกดีขึ้นกระทั่งตัวแทบลอยพ้นจากเก้าอี้ แต่ถึงกระนั้นเธอจะแสดงให้เห็นว่าเธอมีใจให้เขาเป็นอย่างมากไม่ได้

“พูดเอง เออเองทั้งหมดเลยนะ”

“ผมว่าผมเข้าใจอะไรไม่ผิด” กฤษณะดื้อดึงแถมยังจ้องหน้า เมขลาเบือนหน้าหนี

“มองหน้าผม”

“คุณไม่มีสิทธิ์มาออกคำสั่งกับฉัน” เมขลาเสียงแข็ง จนเขาเงียบไปอึดใจ แล้วเมขลาก็ได้ยินเขาถอนหายใจเบา ๆ

“ผมรักคุณเข้าแล้วซิคุณหนูนา ผมแคร์ความรู้สึกของคุณนะครับ” พอเขาเอ่ยมาตรง ๆ แบบนี้ ดวงตาที่แข็งกร้าวเพราะแรงทิฐิของเมขลาพลันจะเปลี่ยนเป็นเบิกกว้างด้วยความดีใจ แต่ว่าหญิงสาวก็สติเร็วพอที่จะซ่อนความรู้สึกดีใจในครั้งนี้ไว้...

“คำรักโหล ๆ” เมขลาไม่ยอมจนมุมหัวใจของเขา

“เชื่อผมหน่อยได้ไหม”

เมขลาสั่นหน้าเบา ๆ

“ทำอย่างไรคุณถึงจะเชื่อผม”

“เชื่อ หรือไม่เชื่อ มันแตกต่างกันตรงไหน อย่างไรเราก็เป็นได้แค่เพื่อนกัน” เผลอพูดออกไปอย่างนั้นแล้วเมขลาก็นึกอยากจะตบปากตัวเองสักที

“เพื่อนกัน...ไม่ คุณไม่ได้รู้สึกกับผมแค่เพื่อน”

“ได้แค่นี้ คุณก็น่าจะดีใจแล้วนะ..”

“ความรู้สึกของคุณที่มีให้ผมมันเกินคำว่าเพื่อนมาแล้วครับ อย่าหลอกตัวเอง”

“ชอบสู่รู้ความรู้สึกคนอื่นเสียจริง ๆ”

“คุณก็รักผม”

“....” คำว่า “ไม่” กำลังจะหลุดออกไปแต่ว่า เมขลาก็นึกขึ้นมาได้ว่า เธอกำลังพูดไม่ตรงกับความจริงในใจ..

“อยากจะเข้าใจอะไรก็เชิญเถอะ” ตัดบทด้วยน้ำเสียงไม่พอใจเป็นอย่างมากแล้วเมขลาก็ลุกขึ้น เขาก็ลุกขึ้นตามทันทีเช่นกัน เมขลาจะก้าวลงไปข้างล่าง แต่เขาก็เข้าขวางไว้

“เราไม่มีเรื่องอะไรต้องคุยกันแล้ว หลีกทาง”

“ผมรักคุณหนูนานะครับ..” น้ำเสียงของเขาเว้าวอนยิ่งนัก

“ขอบคุณค่ะ” แต่ว่าน้ำเสียงและสีหน้าของเมขลานั้นก็ชัดถ้อยชัดคำดูเป็นทางการจนเขาใจแป้ว...

“แล้วคุณหนูนาไม่ระรัก..”

“กลับไปคุยกับคนของคุณก่อนดีกว่า ฉันไม่อยากเดือดร้อน ไม่อยากขึ้นชื่อว่าแย่งของของใคร วันนี้เขาแค่มาเตือน วันหน้าฉันเดาอารมณ์คนอย่างนั้นไม่ได้ ตัดไฟเสียแต่ต้นลมดีกว่า เขาคงรักคุณมากถึงต้องมาแสดงตัวตนให้ฉันได้รับรู้ไว้”

“ผมจะต้องคุยกับเขา”

“มันเรื่องของคุณกับเขา ฉันไม่เกี่ยวข้องด้วย ขอตัวนะ อยากพักผ่อน” จากที่ตั้งใจว่าจะลงไปหาวิจิตรศราแต่เมื่อเห็นว่าเปิดใจคุยกับเขาไปหมดแล้วเมขลาจึงเลี่ยงเดินขึ้นไปยังชั้นบนและเขาก็มองเมขลาไปด้วยสายตาละห้อย..



เป็นไปอย่างที่กฤษณะคาดเดาไว้ไม่มีผิด หลังจากที่ออกจากร้านของวิจิตรศรา เขาก็นั่งรถแท็กซี่กลับไปเอามอเตอร์ไซด์ที่บ้าน แล้วกลับมาที่แฟลตเพื่อจะเอาเรื่องกับจอยที่ไม่ยอมรับสายของเขา แต่ว่าจอยก็ไม่ได้อยู่ที่ห้องของป้า ซึ่งป้าของจอยก็แปลกใจอยู่ไม่น้อยที่เขาไปถามหาหลานสาวถึงที่ ทั้งที่ก่อนหน้านั้นกฤษณะแทบไม่เคยเดินเลยมายังฝั่งนี้ของแฟลต

“ถ้ามันมาแล้ว ให้มันไปหาผมด้วยนะ” น้ำเสียงของกฤษณะนั้นบ่งบอกให้รู้อารมณ์ไม่พอใจที่มีต่อคนที่เขาต้องการพบตัว

“มีเรื่องอะไรกับมันรึ”

“มันไปก่อเรื่องไว้ หาว่าผมมีอะไรกับมัน..แฟนผมเลยเข้าใจผมผิด ๆ”

“แล้วเราไม่มีอะไรกับมันหรอกรึ”

“ทำไม พี่ถามอย่างนั้นละ”

“เอ่อ..มันมาแล้วจะบอกมันให้..”

กฤษณะเดินกลับมาถึงห้อง อาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นกางเกงขาสั้นเสื้อกล้าม อารมณ์คิดถึงเมขลาไม่ได้หายไปจากจิตใจเขาสักนิด และถ้าครั้งนี้เมขลาโกรธจนไม่ยอมคุยกับเขาอีก เขาก็ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ แต่เขาจะไม่ยอมกลับไปนับหนึ่งใหม่เด็ดขาด...

กฤษณะตัดสินใจโทรออกไปหาเมขลาอีกรอบ แน่นอนว่าทางนั้นไม่ยอมรับสาย เขาจึงใช้วิธีที่เคยใช้ นั่นก็คือ ส่งข้อความ “กินข้าวเย็นเยอะๆ นะครับ อย่าคิดอะไรมาก ผมยืนยันว่าผมบริสุทธิ์ใจ และคนบริสุทธิ์ย่อมพ้นผิดอย่างแน่นอน..คิดถึงนะครับ..ทุกลมหายใจเข้าออกด้วย..รักนะครับ..คะน้า”


แรกทีเดียวแหววตั้งใจจะบอกกับเพื่อนใหม่ที่ชื่อจอยว่า เมขลานั้นมีส่วนทำให้แหววต้องเข้าคุก แต่เมื่อเห็นว่าจอยกับเมขลามีเรื่องบาดหมางใจกันเพราะผู้ชายที่แหววก็ไม่ได้รู้จัก แหววจึงทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เสีย เพราะส่วนหนึ่งเมื่อเห็นว่าเมขลาพักอยู่ที่ไหน โอกาสที่แหววจะชำระแค้นก็จะเกิดขึ้นได้ไม่ยากและถ้าความแค้นระหว่างเธอกับเมขลานี้มีคนรู้น้อยที่สุด หลังชำระความแล้วเธอก็มีโอกาสลอยนวลมากที่สุดนั่นเอง

หลังจากที่ซุ่มดูการเดินทางของเมขลาอยู่สองสามวัน แหววก็รู้ว่า ในตอนเช้าเมขลาจะมายืนคอยรถสองแถวบ้างหรือไม่ก็รถมอเตอร์ไซด์รับจ้างออกจากหน้าร้านไปยังสถานีรถไฟ แล้วขึ้นรถไฟไปทำงาน ส่วนเวลากลับบ้านนั้น เมขลาก็จะยืนรอรถสองแถวเพราะประหยัดกว่ามอเตอร์ไซด์

วันนี้หลังจากที่เล่นบทงอนกฤษณะเรื่องจอยไปแล้ว เมขลาก็ตื่นมาไปทำงานด้วยจิตใจว้าวุ่น แต่วิจิตรศราที่ให้คำปรึกษาบอกว่า ถ้าเขายังตามตื้อ พยายามพิสูจน์ว่าตนเองบริสุทธิ์ก็แสดงว่าเขารักเมขลาจริง ๆ ส่วนเรื่องจอยนั้นจะจริงหรือเท็จ เวลาก็จะเป็นเครื่องพิสูจน์ตัวของกฤษณะเอง และเมื่อเขาส่งข้อความมาหาสามเวลาหลังอาหารและก่อนนอน เมขลาก็รู้ใจตัวเองว่าให้อภัยเขาหมดแล้ว เพียงแต่รอเวลาให้เขาโผล่หน้ามาหา มาสบตาหรือจะมาอะไรก็แล้วแต่เขา..แล้วแต่เขาจะนำพาความสุขที่เรียกว่าความรักมามอบให้เธอได้รู้จัก..แต่สุดท้ายเมื่อหลังจากที่ทำนายทายทักหรือช่วยเหลือคนหาทางออกกับปัญหาชีวิตไม่ได้..เมขลาก็ต้องนึกถึงเงื่อนไขที่รัตนาเมขลาได้บอกไว้ เธอไม่ชอบให้ชีวิตมีเงื่อนไขอย่างนี้เลย ทำไมเธอจะต้องเป็นผู้เลือกด้วย

เมขลาเดินเนือย ๆ ข้ามถนนไปยังจุดที่ต้องรอรถสองแถว และด้วยใจลอยคิดวนเวียน ก็ต้องผงะเมื่อกระเป๋าสะพายที่อยู่บนไหล่ด้านขวามือก็ถูกกระชาก ดีแต่ว่าเมขลาดึงส่วนสายสะพายไว้ทัน และเมื่อคนดึงส่วนของกระเป๋าซึ่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์เห็นดังนั้นจึงกระชากอย่างแรง ทำให้เมขลาที่สวมรองเท้ามีส้นถึงกับเสียหลักเซล้ม มือที่จับสายสะพายหลุด กระเป๋าจึงหลุดติดมือคนที่ซ้อนท้ายรถไปทันที
คนที่อยู่ในละแวกนั้นกรูเขามาช่วยประคองเมขลาลุกขึ้น แขนทั้งสองข้างที่ไถลไปกับถนนถลอกเลือดไหลซิบ ๆ ภวังค์นั้นเมขลานึกถึงรัตนาเมขลา นึกตำหนินางฟ้าที่เคยเข้ามาช่วยเหลือให้เธอช่วยเหลือคนอื่น..แต่กับชีวิตของเธอทำไมถึงให้เป็นอย่างนี้




ขึ้นชื่อว่าโจรหลังจากที่ได้ทรัพย์มาแล้ว ก็ไม่ได้สนใจหรอกว่าเจ้าทรัพย์นั้นจะเป็นอย่างไร หลังจากยื้อแย่งกระเป๋าจากเมขลามาแล้ว คนที่บังคับมอเตอร์ไซด์ก็ขับรถเบียดซ้ายปาดขวารถยนตร์ที่วิ่งตามกันด้วยความเร็วที่ค่อนข้างสูงเพื่อหลบหลีกเงื้อมมือของกฏหมาย ส่วนคนที่นั่งอยู่ด้านหลังนั้นเมื่อเห็นว่าปลอดภัยจากตำรวจหรือผู้ประสงค์ดีที่จะตามมาเอาของคืนแล้ว ด้วยความอยากรู้ว่าในกระเป๋าเจ้าทุกข์มีทรัพย์เท่าใด และพอเห็นเงินจำนวนหลายพันรวมถึงโทรศัพท์มือถือของเมขลา ปากก็เอ่ยกับคนขับว่า

“คุ้มค่าความแค้นหน่อยโว้ย”

“เท่าไหร่วะ”

“หลายพันอยู่..” ที่แหววไม่ยอมบอกจำนวนเงินในทันทีเพราะเจตนาจะเบียดบัง และคนที่เคยทำงานในทางนี้ด้วยกันก็รู้ใจกันเป็นอย่างดี

“อย่าตุกติกนะโว้ย เสี่ยงด้วยกันนะ”

“เอ่อ น่า ไม่หรอก ขับไป..”

เมื่อได้รับคำสั่ง คนขับจึงบิดคันเร่ง หมายจะไล่ตามรถคันหน้าที่ฝ่าสัญญาณไฟเหลืองแต่ว่าอนิจจารถยนต์อีกฝั่งที่เห็นแต่ว่าไฟเขียวแล้วจึงไม่ได้มองว่าที่ข้างหน้านั้นมีมอเตอร์ไซด์คันหนึ่งขวางทางอยู่



มอเตอร์ไซด์รับจ้างคันที่คุ้นหน้ากับเมขลาเป็นอย่างดีส่งเมขลาที่หน้าร้านนางฟ้าคาเฟ่พร้อมกับช่วยพยุงเมขลาเข้าไปในร้าน ท่ามกลางความตกอกตกใจของป้าที่ขายก๋วยเตี๋ยวกับน้องอ้อและอุสา และยังไม่ทันที่เมขลาจะบอกเล่าถึงเหตุร้ายที่เกิดขึ้น วิจิตรศราก็วิ่งหน้าตาตื่นลงมาจากห้องพักเพราะได้รับโทรศัพท์จากตำรวจสายตรวจที่เคยมาเป็นลูกค้าที่ร้านนี้ ปลายสายแจ้งเหตุว่า คนขับและคนซ้อนรถมอเตอร์ไซด์ที่ประสบอุบัติเหตุถูกรถชนยนต์ชนเต็มคันกลางสี่แยกนั้นเสียชีวิตทั้งคู่ และที่เกิดเหตุก็พบกระเป๋าสะพายของเมขลาตกอยู่ด้วย

และพอเห็นหน้าเมขลาพร้อมสภาพร่างกายวิจิตรศราก็รีบโผเข้าไปหาทันที

“ใครทำอะไรเมรึ เป็นอย่างไรบ้าง”

“ถูกกระชากกระเป๋า..”

“รถมอเตอร์ไซด์ผู้ชายขับ ผู้หญิงซ้อนท้ายใช่ไหม”

เมขลาพยักหน้า วิจิตรศราก็ปากเร็วพอจะบอกให้เมขลาสบายใจโดยหารู้ไมว่าพอรู้ข่าวแล้วเมขลาแทบจะล้มทั้งยืน.. “มันทั้งคู่ตายแล้วเม ตำรวจโทรมาบอกเมื่อกี้ว่าขี่รถฝ่าไฟแดงเลยโดนเสยกระเด็น..”

ออกจากคลินิกที่อยู่ไม่ไกลจากร้าน วิจิตรศราก็พาเมขลาไปแจ้งความให้ปากคำไว้ที่โรงพักก่อนจะพากลับบ้านมาพักผ่อน และเมื่ออยู่ตามลำพัง เมขลาก็ทรุดกายลงนั่งในท่าเทพธิดาส่งใจถึงรัตนาเมขลา..

“รัตนาเมขลา ทำไมเด็กสองคนถึงได้เสียชีวิต ฉันอยากรู้ เป็นเพราะอะไร เพราะเธอหรือเปล่า..หรือเพราะพวกเขามาทำอะไรไม่ดีกับฉันถึงต้องพบจุดจบอย่างนั้น ..ฉันอยากรู้ บอกฉันหน่อย..”

เมื่อส่งใจที่เต็มไปด้วยคำถามไปแล้ว เวลาผ่านไปเป็นสิบ ๆ นาที เมขลาก็ไม่ได้คำตอบ จากจิตที่ว้าวุ่น เริ่มสงบลง เมขลาจึงได้ยินเสียงผู้ชายตวาดกลบเสียงร้องไห้ของผู้ชายกับผู้หญิง...

“จะร้องไห้ไปทำไม..หมดอายุขัยบนโลกมนุษย์แล้วพวกเอ็งก็ต้องไปรอรับคำพิพากษา ไป ๆ ”



จุฬามณีเฟื่องนคร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 มิ.ย. 2555, 20:40:38 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 มิ.ย. 2555, 20:44:50 น.

จำนวนการเข้าชม : 2242





<< 18.2 “สวรรค์ชั้นดาวดึงส์ หนึ่งวันหนึ่งคืนเท่ากับหนึ่งร้อยปีโลกมนุษย์”   20.1ท่านรู้ว่าใครคู่กับใคร แม้ท่านออกมายืนยันเองไม่ได้ จับมือให้ทั้งสองคนมาเจอกันไม่ได้ แต่ว่าท่านก็พยายามที่จะบอก >>
จุฬามณีเฟื่องนคร 2 มิ.ย. 2555, 20:41:48 น.
มีแฟนคลับไปทวง...อยากอ่านอีกก็เลยใจอ่อน...ทั้งหมดมียี่สิบสองบทนะครับ จะจบแล้ว...ขอบคุณจากทุก ๆ แรงใจนะครับ


imsoul 2 มิ.ย. 2555, 21:25:20 น.
จะจบแล้วก็รีบๆ เอามาลงนะคะ รออยู่นะ


Zephyr 2 มิ.ย. 2555, 21:30:20 น.
อ่ะ กรรมติดจรวดมากๆ กำลังคิดว่าจะให้หนูนาโดนกระทำคนเดียวได้ยังไง แต่บทสรุปมาเร็วทันใจมาก


แว่นใส 2 มิ.ย. 2555, 22:16:43 น.
กรรมตามทัน


แว่นใส 2 มิ.ย. 2555, 22:16:47 น.
กรรมตามทัน


Orathai 3 มิ.ย. 2555, 01:54:26 น.
กรรมเร็วมากเลย...อ่านไปก็สงสารเด็กเหมือนกันนะคะ...


คิมหันตุ์ 3 มิ.ย. 2555, 03:35:48 น.
กรรมอันนี้น่ากลั๊วน่ากลัว


ณจรร 3 มิ.ย. 2555, 10:17:15 น.
หง่าววววว ค้างงงงง


nutcha 4 มิ.ย. 2555, 02:14:34 น.
ขี่มอเตอร์ไซต์ยังหนีกรรมไม่ทันเพราะกรรมมีนติดจรวด


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account