ซีรีย์เมีย-อัพ-เมียราคี
“เธอรู้หรือเปล่าว่าเธอทำให้ฉันเป็นทุกข์ขนาดไหน”
“เธอคงสะใจแล้วสินะ ที่เห็นฉันเป็นแบบนี้”
ร่างบางส่ายหน้าปฏิเสธ
“ฮึ่ม...งั้นเธอคงอยากให้ฉันมีความสุข”
“งั้นก็ถอดเสื้อผ้าของเธอออกให้หมดสิ ฉันจะได้เชื่อว่าเธออยากให้ฉันมีความสุข”
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ซีรีย์เมีย-เมียสุดสวาท-ตอนที่๔ กระจกที่แฝงเงา

ตอนที่๔ กระจกที่แฝงเงา


คริษฐ์เดินตามเมียเข้ามาในห้อง แล้วมานั่งรอเธอ แต่ใจมันก็อดที่จะทวนคำถามเหล่านั้นของตัวเองหลายๆ หนไม่ได้ จนคิ้วขมวด หน้าบีบเบี้ยว นึกแค้นไปพลาง ขณะที่ใจมันไม่ยอมรับ ไม่อาจรับได้ ที่จะต้องเห็นเมียของตัวเองไปเป็นเมียของคนอื่น ในยามที่ต้องหย่ากันจริงๆ และอ้อมกอดนั้นของเธอ ต้องไปโอบกอดคนอื่นที่ไม่ใช่เขา เขารับไม่ได้ สามปีที่ผ่านมา เขาพยายามบอกตัวเองเสมอว่าไม่ว่าเขาจะทำอย่างไรให้เธอเจ็บช้ำเพียงใด เธอก็ไม่มีวันทรยศเขา ไม่มีทางยอมให้คนอื่นมาร่วมเตียงเดียวกับเธอแน่นอน แต่วันนี้เขาไม่แน่ใจอีกแล้ว ไม่กล้ามั่นใจอะไรอีก ว่าระยะที่ห่างกัน เธอไม่มีใคร ความเหงาอาจจะทำให้เธอเผลอ ความเจ็บปวดที่ได้รับจากเขาอาจจะทำให้เธออยากนอกใจเขา

มือแกร่งกุมกันแน่น ริมฝีปากหยักได้รูปขบกันชิด ขณะที่สายตาจ้องมองประตูห้องน้ำไม่วางตา ไม่ว่ายังไง เขาก็จะไม่หย่า และจะไม่สนว่าเธอจะเคยนอนกับใครในช่วงที่เขาไม่อยู่ เขาจะถือว่า ช่วงนั้นเขาละเลยเธอ เขาผิด แต่ต่อจากนี้ไป เธอจะมีแค่เขาเท่านั้น เธอจะมีใครไม่ได้อีก ไม่มีทางมีได้อีก

เหมือนคำพูดมันจะสบถอยู่แค่ในใจ ทว่าเมื่อรู้ตัวร่างสูงก็ลุกเดินมาจนถึงที่หน้าประตูห้องน้ำแล้ว เหลือแค่ยื่นมือไปกดลูกบิดแล้วเปิดเข้าไปเท่านั้น

เฮ้อ...คริษฐ์ถอนหายใจทันที เมื่อความคิดในด้านมืดมันบอกให้รีบเปิดประตูห้องน้ำเข้าไป ทว่าอีกใจไม่ได้อยากจะข่มเหงหรือบังคับอะไรเธออีก แค่ที่ผ่านมา มันก็มากพอ เขาจึงต้องหยุดตัวเอง มือใหญ่ที่คิดจะเอื้องไปกดลูกบิดเพื่อเปิดประตูก็พลันค่อยๆ ชักกลับมาช้าๆ ลังเล สองจิตสองใจ ไม่รู้จะทำตามความคิดในส่วนไหนของตัวเองดี ร่ำไรอยู่จนประตูห้องน้ำมันเปิดออกมาเอง

“คุณ...” คาร่าตกใจเล็กน้อยที่เปิดประตูห้องน้ำออกมาแล้วเจอสามีมายืนรออยู่นอกหน้าห้องน้ำ เธอไม่รู้ว่าเขามายืนรอตรงนี้นานเท่าไรแล้ว เธอไม่ได้สนใจ หากแต่สิ่งที่เธอสนใจและรู้คือตอนนี้ร่างกายของเธอแทบจะไม่ใส่อะไรเลย นอกจากผ้าขนหนูสั้นๆ ผืนเดียว มือน้อยจึงรีบเอื้อมขึ้นโดยอัตโนมัติมาปิดหน้าอกอันอวบอิ่มของตัวเองไว้ เพื่อบดบังมันจากสายตาของเขา ไม่ให้เขามองมากไป เนื่องจากความเนิ่นนานที่ห่างกันทำให้เธอรู้สึกไม่ชินที่จะมีเขามายืนจ้องเธอนุ่งน้อยห่มน้อยเช่นนี้

แต่คริษฐ์ก็เข้าใจปฏิกิริยาของเธอ จึงรีบหันหลังให้ “เปลี่ยนเสื้อผ้าสิ” เสียงแหลมเอ่ยเบาๆ ก่อนที่ฝีเท้าแกร่งจะค่อยๆ ก้าวห่างไปเรื่อยๆ จนถึงประตูห้อง “ฉันจะลงไปรอข้างล่างนะ” เขากล่าวเป็นครั้งสุดท้ายแล้วก็เปิดประตูออกไป ตัดสินใจเลือกที่จะไม่บังคับเธออีก จากไปเฉยๆ ทำให้คาร่างง ไม่เข้าใจว่าเขาจะเข้ามาบอกเธอทำไม แค่เปลี่ยนเสื้อผ้า เธอรู้หรอกว่าจะต้องเปลี่ยน ไม่เห็นว่ามันจะต้องลำบากเขาให้ต้องเข้ามาสั่งเธอด้วยตัวเองเลย แปลกคน...

สายตาเรียวจ้องมองตามหลังสามีครู่หนึ่งจนเขาลับหายไปจากสายตาอย่างสับสน งงงัน ไม่เข้าใจการกระทำของเขา แต่เธอก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก เพราะเธอโป๊อยู่ และมันเหงาด้วย เธอจึงโยนความแคลงใจทั้งหลายตามหลังเขาไป แล้วรีบหันไปหาเสื้อผ้ามาสวมใส่ เพราะอีกเดี๋ยวเธอต้องไปปลุกลูกไปอาบน้ำด้วย เธอไม่ได้ว่างงานเหมือนเขา ไม่มีเวลามาใส่ใจเรื่องไร้สาระทั้งหลาย



นิ้วแกร่งเคาะเบาๆ บนโต๊ะตัวน้อยข้างๆ โซฟาตัวใหญ่ที่ตัวเองนั่งอยู่ ขณะที่ปากขบกันชิด สายตาเพิกเฉย กิริยาไม่ยินดีอะไรเลยกับแขกที่มา เพราะเขาเพิ่งจะลงมาถึงข้างล่าง ตั้งใจจะมาอยู่เงียบๆ แบบสงบๆ คิดทวนหลายๆ อย่างระยะตัวเองกับภรรยา ทว่าเมื่อลงมาได้ไม่นาน แขกผู้ไม่ได้รับเชิญนี้ก็มากดกริ่งหน้าบ้าน จนเขาต้องไปเปิดประตูให้เข้ามาอย่างจำใจ แต่แขกไม่ได้มาหาเขา ทั้งที่เขาเป็นลูกผู้น้องของแขก และเป็นคนที่เพิ่งจะกลับมาจากต่างประเทศ น่าจะเป็นเขามากกว่า ที่แขกควรจะมาหา แต่ไหงเป็นเมียเขาซะงั้น ห่างกันแค่คืนเดียว ถึงกับจะตายเลยหรือไง ถึงต้องรีบมาหาแต่เช้าเช่นนี้

คริษฐ์คิด แต่ไม่ได้ถาม ทำแค่นิ่งจ้องเฉยๆ โดยไม่สนใจที่จะหาน้ำหรือชวนลูกผู้พี่ของตัวเองคุย แสดงออกชัดเจนว่า ไม่ปลื้มขนาดไหน ที่ลูกผู้พี่บังอาจมาหาเมียเขาแต่เช้าเช่นนี้ สร้างบรรยากาศให้ตึงเครียดสุดๆ จนฝ่ายตรงข้ามรู้สึกอึดอัด ต้องหาอะไรชวนคุยเพื่อทำลายความเงียบ

“ริดไปเรียนนานนะ หลายปีเลย แล้ว...เอ่อ ทำไมเมื่อก่อนนี้...” รัฏฐพิชญ์ ชวนคุยไปเสียงค่อย แต่ก็ต้องสะดุดหยุดคำถามตัวเอง เมื่อเห็นสายตาหน่ายแหนงของลูกผู้น้อง ที่หันมาจ้องเขาเหมือนเบื่อที่จะฟังคำเขาพูด

“ครับ นาน ผมว่าผมไปหาอะไรมาให้พี่พิชญ์ดื่มดีกว่าครับ พี่พิชญ์คงคอแห้ง” คริษฐ์เลี่ยงที่จะพูดถึงเหตุการณ์ในอดีตตามเคย แกล้งทำเป็นจำขึ้นมาได้ว่าต้องมีน้ำต้อนรับแขก จึงตัดบทลูกผู้พี่ แล้วเมื่อกล่าวบอกคนตรงข้ามเสร็จก็ลุกเดินไปเข้าครัวทันที ไม่รีรอให้ต้องถูกซักไซ้อะไรอีก

รัฏฐพิชญ์จึงไม่รู้จะพูดขัดอย่างไรดี นอกจากพยักหน้าให้ แม้ในใจจะยังมีคำถามมากมาย อยากรู้ว่าทำไมสามปีก่อน ลูกผู้น้องต้องหนีไปเรียนต่างประเทศในวันที่คาร่าคลอด ทำไมไม่อยู่ดู ไม่อยู่เป็นแรงใจให้คาร่า แต่สิ่งเหล่านี้ก็ยังคงเป็นคำถามในใจต่อไป เมื่อลูกผู้น้องของเขายังคงเหมือนเดิม ไม่อยากคุยกับเขา ไม่ยอมคุยกับเขา ยังจ้องเขาด้วยสายตาแบบนั้น...แค้น!

รัฏฐพิชญ์ส่ายหน้าให้ความคิดของตัวเอง แทบจำไม่ได้ว่าตัวเองไปทำให้ลูกผู้น้องแค้นเคืองตอนไหน ตอนไหนกันที่ไปทำให้แค้นได้ ไม่รู้ไม่เข้าใจเลยว่าคนเราจะแค้นกันแบบไม่มีเหตุผลได้ยังไง...

ลมหายใจของเขาพ่นออกมาอย่างนึกท้อ แต่ก็ต้องหยุดปฏิกิริยาเช่นนั้น เมื่อเห็นลูกผู้น้องเดินถือแก้วน้ำกลับเข้ามาให้ตัวเอง รัฏฐพิชญ์จึงรีบยื่นมือรับไว้

“อดทนรอหน่อยนะครับ ปกติคาร่าจะแต่งตัวเร็ว แต่วันนี้ช้า คงเพราะต้องแต่งตัวให้นึงนึกด้วย” คริษฐ์ยื่นแก้วน้ำให้ลูกผู้พี่ แล้วกลับมานั่งที่ตัวเอง ก่อนจะโปรยไปเบาๆ หวังทำให้ลูกผู้พี่รู้ว่า เขารู้จักเมียเขาดีขนาดไหน ซึ่งลูกผู้พี่ไม่มีทางรู้ ทว่าสิ่งที่ลูกผู้พี่ตอบ กลับทำให้เขาตาลุกวาวด้วยความเคืองใจ

“อืม คาร่าแต่งตัวเร็ว แต่ถ้านึงนึกงอแง ก็จะช้าหน่อย ปกติแล้วนึงนึกจะชอบงอแงช่วงเช้าๆ แบบนี้” รัฏฐพิชญ์ตอบไปโดยไม่ทันยั้งคิด ไม่รู้ว่าพูดแบบนี้จะทำให้คริษฐ์ไม่พอใจ

“เหรอครับ แต่ก็ไม่เห็นแปลกนี่ครับ เพราะผมก็ชอบงอแงกับคาร่าช่วงเช้าๆ แบบนี้เหมือนกัน”

น้ำเสียงห้วนๆ ของคริษฐ์ ทำให้รัฏฐพิชญ์ต้องรีบเหลือบตามอง แล้วเมื่อได้เห็นสีหน้าบึ้งตึง แดงก่ำของคริษฐ์ เขาก็เข้าใจทันทีว่า...คริษฐ์หึง! นี่เป็นครั้งแรกหรือเปล่า ที่เขาเห็นคริษฐ์มีปฏิกิริยาแบบนี้ หรือเพราะที่ผ่านมา เขาไม่เคยสังเกต เลยไม่เห็น

สองหนุ่มจ้องกัน แต่ยังไม่ทันมีใครได้พูดอะไรต่อ ฝีเท้าน้อยๆ ของเด็กหญิงตัวเล็กก็ดังแว่วๆ มา คริษฐ์จึงต้องรีบลุกไปหาลูก

“คุณพ่อ! อรุณสวัสดิ์” ร่างเล็กๆ วิ่งมาหาเร็วๆ คริษฐ์ยิ้มแป้นรีบช้อนแกขึ้นมาอุ้ม

“อรุณสวัสดิ์ค่ะ” เขาโขกหน้าผากตัวเองเบาๆ กับแก ยิ้มกริ่มทักทายกลับ ทำให้เด็กน้อยดีใจฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันหลอๆ สองซี่ที่ฟันหน้าของแก เขาจึงนึกอยากจะหยอกแกเล่น “ว่าแต่นึงนึกแปรงฟันยังคะ”

เมื่อพูดถึงฟัน เด็กน้อยรีบเอามือมาปิดปากตัวเอง เพราะแกเพิ่งจำได้ว่า แกยิ้มกว้างไป ทำให้คุณพ่อเห็นฟันหลอๆ ของแก

“นึงนึกแปรงแล้ว คุณแม่ให้แปรงทุกครั้ง ตอนตื่น ก่อนนอน และหลังกินข้าว ถ้าไม่แปรง คุณแม่ไม่ให้หอม” แกเอามือปิดปาก แต่ก็พยายามที่จะเปล่งเสียงมาตอบคุณพ่อ ส่ายหน้าไปด้วยทำให้คุณพ่ออดที่จะหัวเราะเบาๆ อย่างชอบใจไม่ได้

“คุณพ่อก็จะไม่หอม ถ้านึงนึกไม่แปรงฟัน” เขานึกแหย่แกอีก ทำให้เด็กน้อยหน้างอ แกเอามือออกจากปากทันที แล้วมองหน้าคุณพ่อ

“นึงนึกก็จะไม่หอม ถ้าคุณพ่อกับคุณแม่ไม่แปรงฟัน” แกพูดคล้ายจะงอน และเมื่อกล่าวจบก็รีบหันไปมองคุณแม่ที่เพิ่งเดินตามมาถึง

“ใครจะไม่หอมใครคะ” คาร่าอมยิ้มเข้ามาหาลูกสาวกับสามี ยื่นมือลูบไรผมสลวยสั้นๆ นุ่มๆ ของลูกอย่างเอ็นดูและรักใคร่ แต่ก็ต้องหุบยิ้มลง เมื่อเหลือบตาไปเห็นลูกผู้พี่ของสามีที่มานั่งรออยู่ “คุณพิชญ์...” เธออุทานเบาๆ แล้วมองหน้าสามี เป็นเชิงถามว่าลูกผู้พี่ของเขามาทำไม สามีจึงต้องตอบให้เธอหายแคลงใจ

“พี่พิชญ์มาหาเธอ มารอนานแล้วแหละ จะคุยอะไรกันก็ตามสบายนะ เดี๋ยวฉันพานึงนึกไปรอที่รถ” คริษฐ์กล่าวเหมือนไม่สนใจ แล้วก็รีบพาลูกไป คาร่าจึงต้องหันไปหาลูกผู้พี่ของเขาแล้วเอ่ยทักทาย

“สวัสดีค่ะคุณพิชญ์”

“คุณยายให้พี่เอาเครื่องใช้ส่วนตัวของคาร่ากับนึงนึกมาส่ง กลัวจะไม่มีอะไรเปลี่ยน เพราะเมื่อวานเห็นริดไม่ได้ขนมาด้วย” รัฏฐพิชญ์รีบรับไหว้คาร่า พร้อมกับอธิบายไปด้วย เมื่อเห็นสายตาข้องใจของเธอ ซ้ำเขายังรู้สึกเหมือนเป็นส่วนเกิน เมื่อเห็นเธอมีความสุข หากเขารู้สักนิดว่าจะมาขัดความสุขของเธอเช่นนี้ เขาจะไม่อยู่รอเธอเลย จะแค่เอาของมาส่งแล้วรีบกลับ แต่เพราะความโง่ของเขาเอง คิดไปเองว่าเธอคงเป็นทุกข์ โดยลืมไปเสียสนิทว่าเธอรักคริษฐ์มากแค่ไหน เฝ้ารอให้คริษฐ์กลับมาทุกวัน แม้คริษฐ์จะทำให้เธอเจ็บช้ำเพียงใด

“ขอบคุณค่ะคุณพิชญ์” คาร่าเอ่ยไปเสียงค่อย แล้วมองหน้าเขา แต่เธอไม่รู้จะพูดอะไรต่อดี เพราะไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาดีกับเธอแม่ลูก เธอเข้าใจเจตนาของเขา แต่จะให้เธอทำอย่างไร ในเมื่อไม่ว่านานแค่ไหน เธอก็ยังรู้สึกว่าเขาห่างไกล ห่างไกลหัวใจเหลือเกิน มันไม่มีความคุ้นเคยเลย ซึ่งต่างจากสามีของเธอ ที่ไม่ว่าจะห่างกัน หรือใกล้กัน ความรู้สึกคุ้นและความรู้สึกที่มีให้สามี ยิ่งหนาและลึกซึ้งขึ้นทุกวัน จบบางครั้ง เธอคิดว่าเธอเป็นบ้าไปแล้วที่รู้สึกแบบนั้น

“พี่...” รัฏฐพิชญ์อยากจะคุยกับเธอ แต่กลับหาคำพูดตัวเองไม่เจอ ไม่รู้จะเริ่มยังไง จึงได้แต่เงียบ แล้วสุดท้ายก็ตัดสินใจกลับ “พี่...พี่ว่าพี่กลับดีกว่า ไว้ว่างๆ จะมาเยี่ยมนะ”

“ค่ะ” คาร่ารับสั้นๆ แล้วเดินตามไปส่งเขาที่หน้าบ้าน ก่อนจะไปสมทบกับสามีและลูก



“คุณแม่มาแล้ว ลุงพิชญ์กลับบ้านแล้ว” เด็กน้อยชะเง้อชะแง้มอง แล้วรีบบอกคุณพ่อเมื่อเห็นว่ารถของลุงพิชญ์แล่นออกไปแล้ว และคุณแม่ก็กำลังตรงมาหาตัวเองกับคุณพ่อ

“ลุงพิชญ์คงหมดธุระกับคุณแม่แล้วมั้งคะ” คริษฐ์ยื่นมือลูบท้ายทอยลูกสาวเบาๆ ตอบแกไป แต่ตาไม่ได้มองแก มันจ้องตรงไปที่ร่างบางของคุณแม่ของแก ที่ตอนนี้กำลังเดินมาหา

“ลุงพิชญ์ใจดี ซื้อตุ๊กตาเยอะๆ ให้นึงนึก ลุงผาก็ใจดี พานึงนึกกับคุณแม่ไปเที่ยว นึงนึกชอบลุงพิชญ์กับลุงผา แต่คุณแม่ไม่ชอบ” เด็กหญิงตัวน้อยโปรยไปเบาๆ มองตรงไปที่คุณแม่ไม่ต่างจากคุณพ่อ แต่คำบอกเล่าของแก กลับทำให้คุณพ่อสนใจ

“เหรอคะ แล้วทำไมคุณแม่ไม่ชอบคะ” เขาเอ่ยถามแบบเนียนๆ แกล้งทำเป็นสนทนากับลูกเฉยๆ แต่ตัวเองไม่ได้สนใจอะไรเกี่ยวกับแม่ของแก

“ก็คุณแม่ไม่ยิ้ม ไม่ยิ้มเหมือนตอนเราไปกับคุณพ่อ” เด็กหญิงตัวน้อยรีบหันหน้าขึ้นมองคุณพ่อ แล้วเอ่ยตอบทันควันด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริง เพราะตอนแรกแกคิดว่าคุณพ่อไม่สนสิ่งที่แกพล่าน แต่คุณพ่อก็สน

ริมฝีปากเล็กปริยิ้มระรื่น หากว่าคำพูดของแก กลับทำให้คุณพ่ออยากจะฉีกยิ้มกว้างๆ กว่าแก แต่ใจหนึ่งของเขาก็บอกเขาว่ามันไม่จริง แม่ของหนูน้อยนะหรือ จะชอบยามที่อยู่กับเขาหรือไปไหนกับเขา มันไม่จริง เธอเกลียดจะตาย ร้องไห้ทุกครั้ง ไม่ใช่เหรอ ที่ผ่านมา เขาต้องเป็นฝ่ายบังคับเธอตลอด ซึ่งไม่ต่างจากครั้งนี้ที่เขากำลังบังคับเธอให้อยู่กับเขา พามาอยู่ด้วยทั้งที่ไม่ได้ปรึกษาเธอก่อน

มือใหญ่ลูบศีรษะน้อยเบาๆ อีก แล้วละสายตาจากแม่ของแกมามองแกแทน เพราะตอนนี้เห็นเธอเดินมาใกล้แล้ว เขาจึงไม่อยากให้เธอรู้ว่า เขาจ้องมองเธอไม่วางตา

“คุณแม่อาจจะยิ้ม เพราะเห็นนึงนึกยิ้มก็ได้ แต่มันไม่ได้แปลว่าคุณแม่จะชอบ คนเราบางครั้ง เรายิ้มเพราะเราต้องการปิดอะไรบางอย่าง” คริษฐ์ตอบลูก แต่ก็เหมือนเป็นการพยายามปฏิเสธสิ่งที่ลูกพูด ทำให้ร่างเล็กขมวดคิ้ว สับสน เพราะคุณแม่ไม่ได้สอนแบบนี้ มันตรงข้าม...

“จริงเหรอ...” เด็กน้อยอ้าปากขึ้นแล้วเถียง “...แต่คุณแม่บอกว่า เรายิ้ม เพราะเราชอบ และถ้าเราชอบ เราก็จะมีความสุข และที่เราร้องไห้ เพราะเราดีใจ” แกโต้ตามความเชื่อของตัวเองที่ถูกปลูกฝังมาตั้งแต่เริ่มพูดได้ จ้องหน้าคุณพ่ออีกอย่างขัดข้องใจ จริงเหรอ ที่เรายิ้มเพราะเราไม่ชอบ แต่สำหรับแก แกยิ้มเพราะแกชอบ และแกจะงอแง ถ้าถูกขัดใจหรือถูกสั่งให้ทำในสิ่งที่ไม่ชอบ เหมือนกินยา แกไม่ชอบกินยา เพราะมันขม แต่ถ้าคุณแม่บังคับให้แกกิน แกก็จะงอแง

“จริงค่ะ และคุณแม่ของนึงนึกก็คนหนึ่งที่ยอมยิ้มทั้งที่ไม่ชอบ—”

“ใครยิ้มทั้งที่ไม่ชอบคะ”

คริษฐ์เพลินกับการฟังลูกพูดถึงคำสอนของแม่ของแก จนเผลอตอบแกไปโดยลืมสังเกตว่า บุคคลที่ถูกพาดพิงถึง เดินมาถึงแล้ว ประโยคความของเขาจึงถูกเธอขัดด้วยคำถามแทรกของเธอ หากคริษฐ์ยังไม่ทันตอบ ลูกน้อยกลับรีบชักคำถามขึ้นมาก่อน ทั้งเขาและเธอจึงต้องหันไปให้ความสนใจกับคำถามของลูกแทน

“คุณแม่ยิ้มทั้งที่ไม่ชอบเหรอ” เสียงน้อยๆ เปล่งออกมา ขณะที่ดวงหน้าเล็กสลับมองหน้าพ่อแม่อย่างต้องการคำตอบ จนคุณแม่ต้องค้อนตามองคุณพ่อ ก่อนจะตอบแก

“คุณแม่ยิ้ม เพราะคุณแม่ชอบค่ะ และคุณแม่จะไม่ยิ้ม ถ้าคุณแม่ไม่ชอบ คุณแม่ไม่ใช่พวกโรคจิต...” คาร่าเน้นแน่น เหลือบตามองสามีอีก ก่อนจะทรุดลงนั่งมองหน้าลูกแล้วพูดต่อให้จบ “...เหมือนใครบางคน ที่บอกว่าเกลียด แต่ก็ไม่ยอมปล่อยให้ไปไหน”

เธอเหน็บแนมเขา คริษฐ์รู้ดี แต่ก็ทำเป็นไม่สนใจ รีบเอื้อมมือลงช้อนลูกขึ้นมาอุ้ม “สายแล้วค่ะ” เขาตัดบทสนทนาของสองแม่ลูกด้วยน้ำเสียงห้วนกร้าว ว่าจบก็อุ้มลูกตรงไปขึ้นรถ



“ถนนหนทางที่นี่เปลี่ยนไปมากเลย แค่ไม่กี่ปีเอง” ขับรถออกมาได้ครู่ใหญ่ แต่ก็ต่างเงียบ จนกลายเป็นอึดอัด คริษฐ์จึงแกล้งโปรยไปเบาๆ เพื่อชวนภรรยาคุย

แต่คาร่าไม่ตอบ ตรงข้ามเหลือบตามองถนนหนทางที่สามีกล่าวถึงอย่างพิจารณา แล้วสังเกตเห็นว่า มันเปลี่ยนไปจริงๆ แต่ก็ไม่มาก แค่มีรถขับผ่านเยอะกว่าเมื่อก่อนนี้ แค่นั้นเอง ไม่เห็นจะน่าสนใจ แต่เรื่องที่น่าสนใจกว่า คือเรื่องที่คุณพิชญ์มาหาเมื่อเช้านี้ เธออยากรู้ว่า เขาคิดยังไง พอใจหรือไม่พอใจ ทำไมแค่เธอกับลูกลงมา เขาถึงกับรีบพาลูกไปรอที่รถ โดยไม่อยู่ฟังเธอกับคุณพิชญ์คุยกัน หรือเขาคิดว่าเธอกับคุณพิชญ์จะมีอะไรที่พิเศษ ที่จะต้องการคุยกันตามลำพัง...

เขาคิดว่าเธอกับคุณพิชญ์มีอะไรกันงั้นเหรอ! คาร่านึกเคืองทันที เมื่อคิดได้เช่นนั้น มือน้อยกุมกันแน่น แล้วหันมองหน้าสามี ถ้าเขาคิดอย่างนั้นกับเธอจริง ก็แสดงว่า เขาดูถูกเธอเกินไป แม้เขาจะทิ้งเธอให้เหงา แต่เธอก็ไม่เคยให้ใครมานั่งที่ของเขา ไม่ว่าจะในใจเธอหรือร่างกายเธอ เธอไม่เคยให้ใคร นอกจากเขา แล้วทำไมเขาถึงชอบคิดแบบนี้ ไม่เคยไว้ใจกันเลย...

ความโกรธยิ่งเพิ่มพูน เมื่อสมองมันไม่หยุดคิด ทำให้เธอกัดฟัน หันมองสามีอีก อยากจะตะโกนดังๆ ให้เขารับฟังสิ่งที่เธอต้องการพูด แต่ติดที่ลูกอยู่ด้วยเธอจึงต้องพยายามข่มใจ แล้วเค้นเสียงชวนถามไป ให้เขาเอ่ยสิ่งที่เขาครหาเธอออกมา

“แล้วคุณจะไม่ถามเหรอคะ ว่าคุณพิชญ์มาหาฉันทำไม” คำถามเรียบเฉยของคาร่า ทำให้คริษฐ์ต้องสูดลมเข้าปอดลึกๆ อย่างพยายามอดกลั้น เพราะเขาพยายามที่จะไม่คิดไม่พูดไม่ถาม แต่ทำไมเธอต้องเป็นคนเริ่มมันขึ้นมา ให้มันผ่านไปแบบไม่ต้องพูดถึงไม่ได้เหรอ ให้เขาไม่ต้องรู้ ให้ไม่ต้องเจ็บ ไม่ได้เลยเหรอ

“อืม...แล้วเขามาหาเธอทำไมล่ะ” แม้จะไม่ต้องการกล่าวถึง หรือรับรู้สิ่งที่เธอพูดและทำกับลูกผู้พี่ของตัวเอง คริษฐ์ก็ยังต้องถามไป เพื่อให้เธอสมใจ ตามที่เธอต้องการให้เขาถาม เพราะเขาแคร์เธอมากกว่า หากว่าเขาทำแค่นี้ แล้วเธอรู้สึกชนะ เขาก็จะยอมเป็นคนแพ้ให้เธอดีใจ

ซึ่งตรงข้ามกับคาร่าโดยสิ้นเชิง เพราะเธอไม่ได้เล่นเกมกับเขา จึงไม่ได้หวังแพ้หรือชนะ แต่หวังที่จะได้เห็นความรู้สึกของเขา ว่าจะแคร์บ้างไหม แค่นั้นเอง แต่จากสีหน้าที่สลดอย่างเห็นได้ชัดของเขา มันก็บอกได้ชัดเจนแล้วว่าเขา...แคร์!

รอยยิ้มหวานปริที่มุมปากนิดๆ อย่างพึงพอใจ ก่อนที่จะรีบซ่อนรอยยิ้มนั้นไว้แล้วปั้นหน้าเรียบเหมือนเดิม หันกลับไปตอบคำถามของเขาให้เขาสบายใจ

“ก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ คุณพิชญ์แค่เอาเสื้อผ้าของลูกกับคาร่ามาส่ง เห็นบอกว่า คุณหญิงให้เอามาให้—” คำพูดของตัวเองสะดุด เมื่อรู้ตัวว่า สรรพนามที่ใช้แทนตัวยามอยู่ต่อหน้าเขา มันเปลี่ยนกลับไปเป็นเหมือนเมื่อสามปีก่อน เธอจึงต้องรีบหยุดพูด ชะงักทันที ทว่าช้าไป เพราะเขาเริ่มคลี่ยิ้มกริ่มกับคำแทนตัวของเธอ

“เหรอ” คริษฐ์แค่แกล้งถามอีก เมื่อเห็นภรรยาเงียบ แต่กลับอมยิ้มระรื่น แก้มแทบปริกับสิ่งที่หูเพิ่มได้รับ

คาร่ากัดริมฝีปากนิดๆ แล้วลอบมองหน้าสามี แต่เมื่อเห็นเขาฉีกยิ้มกว้าง เธอก็ไม่นึกเสียใจกับคำที่พลั้งปากไป ตรงข้ามดีใจที่ได้พูดไป

“ค่ะ” เสียงหวานตอบเบาๆ ขณะที่ก้มหน้าลงมองที่ปลายเท้า ก่อนจะแอบยิ้มกับตัวเองต่อ แล้วปล่อยให้ความเงียบเข้ามาแทรกอีกครั้ง หากครั้งนี้ มันไร้ซึ่งความอึดอัดทั้งปวง เพราะมันอบอวลไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขของคนทั้งสอง



“ปลาตัวใหญ่ๆ เลยคุณแม่!” เด็กหญิงตัวเล็กชี้มือบอกคุณแม่ พร้อมกับตะโกนไปด้วยอย่างตื่นเต้น เมื่อเห็นคุณแม่ค่อยๆ เทปลาหลายตัวในถุงพลาสติกลงน้ำ

“แค่นี้ไม่ใหญ่หรอกค่ะ มีใหญ่กว่านี้อีก” คาร่าตอบลูก แล้วยื่นมือไปรับอีกถุงจากมือสามี

“นึงนึกอยากเห็น”

“ไว้ว่างๆ คุณพ่อจะพาไปดูนะคะ” คริษฐ์ยื่นถุงสุดท้ายในมือให้ภรรยา พร้อมกับอมยิ้มตอบลูกน้อย แต่แกกลับหน้างอ

“เมื่อไรว่าง” แกถามอีกอย่างสงสัย และใจร้อน เงยหน้าจ้องคุณพ่อจนเขาอดไม่ได้ที่จะยื่นมือหยิกจมูกของแกเบาๆ อย่างหยอกเย้า ก่อนจะช้อนแกขึ้นมาอุ้ม

“เสาร์หน้าค่ะ เพราะพรุ่งนี้คุณแม่ต้องไปทำงาน และนึงนึกเองก็ต้องไปเรียน” คริษฐ์ปริยิ้มกว้างตอบลูกสาวคนใจร้อน แล้วยื่นมือไปช่วยดึงคุณแม่ของแกลุกขึ้นมา เมื่อเห็นเธอปล่อยปลาเสร็จแล้วและกำลังทำท่าจะลุก

“พูดถึงเรื่องทำงานพรุ่งนี้ เดี๋ยวก่อนกลับบ้าน เราแวะบ้านคุณหญิงนะคะ จะไปเอาเอกสารงาน เมื่อวานลืมเอามาด้วย...” คาร่าลุกขึ้นมายืนข้างๆ สองพ่อลูก แล้วรีบเอ่ยขัดพวกเขา ก่อนจะหันไปหอมแก้มลูกฟอดโต เพื่อเอาใจแก เมื่อรู้ว่าแกหน้างอแบบนี้ เพราะแกขัดใจที่เธอกับคุณพ่อของแกไม่คิดพาแกไปดูปลาตัวใหญ่ๆ ในวันนี้ ทั้งที่ยังมีเวลาอีกครึ่งค่อนวัน “ไว้เสาร์หน้าเราไปดูปลาตัวใหญ่ๆ กันนะคะ ที่สวนของคุณทวดบุหงามีเยอะเลย”

“จริงๆ” เด็กน้อยดีใจ รีบหันไปกอดคอคุณแม่

“จริงค่ะ เพราะยังไงคุณพ่อก็ต้องไปเยี่ยมคุณทวดบุหงาอยู่แล้ว ใช่ไหมคะคุณพ่อ” คาร่ายิ้มระรื่นตอบลูก ทว่ากลับเหลือบตามองสามีอย่างต้องการคำตอบให้คำถามที่ตัวเองเพิ่งถามไป เพราะในใจเธออยากรู้ว่าเขาจะไปเยี่ยมเธอคนนั้นไหม ในเมื่อเขากลับมาแบบนี้แล้ว

แต่เมื่อเธอมีปฏิกิริยาแบบนั้น ก็ทำให้คริษฐ์นึกอยากจะหยั่งเชิงเธอดู อยากรู้เหมือนกัน ว่าทำไมถึงไม่ลืมๆ ไปกับอีแค่เรื่องเข้าใจผิดเก่าๆ ในอดีต

“ใช่ค่ะ เพราะคุณพ่อคิดถึ๊งคิดถึงคุณทวดบุหงากับน้องๆ” เขาแกล้งพูดให้เธอนึกเคือง แล้วก็ได้ผล คาร่าค้อนตามองอย่างไม่ชอบใจทันที แต่ก่อนเธอจะได้แดกดันเขา ลูกกลับแทรกขึ้นถาม

“ใครเหรอ น้องๆ” เด็กน้อยหันมองคุณพ่อกับคุณแม่เหมือนต้องการคำตอบ คุณพ่อจึงไม่รีรอที่จะไขข้อข้องใจให้แก พร้อมๆ กับข้อสงสัยของคุณแม่ของแก

“น้องสาวอีกคนของคุณพ่อค่ะ หลานสาวของคุณทวดบุหงา”



แม้เขาจะเคยยืนยันเช่นนี้มาแล้วหลายครั้ง แต่คาร่ากลับไม่เคยเชื่อเลย ไม่อาจเชื่อได้ เพราะเธอระแวงผู้หญิงทุกคนที่เข้ามาพัวพันกับเขา ระแวงแม้กระทั่งเพื่อนของเขา ไม่เคยไว้ใจ คงเพราะประสบการณ์มันสอนให้รู้ว่า อย่าไว้ใจทาง อย่างวางใจคนอย่างเขา นายคริษฐ์ หิรัญยศเจริญกุล สามีของเธอ ผู้ชายเจ้าชู้ที่คบไม่เลือก ขนาดเพื่อนสนิทของเธอกับเขา เขายังทำได้ ยังแอบไปคบได้ แล้วแทงเธอข้างหลัง หักหลังเธอให้ตายทั้งเป็น โง่อยู่นานกว่าจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่ดีที่ตอนนั้นเธอท้องอยู่ เธอจึงไม่คิดทำอะไรบ้าๆ แต่ก็ไม่รู้ว่าตอนนั้นเธอใช้อะไรทน ทนมาได้ยังไง ถ้าเปลี่ยนเป็นตอนนี้ เธอคงฆ่าเขาและเพื่อนไปแล้ว...

คาร่านั่งนิ่งคิดทวนคำยืนยันของสามีไปปนกับอดีต แล้วเกิดความไม่พอใจขึ้นมา ไม่เชื่อน้ำคำของเขา เพราะเขาเคยโกหกเธอมาแล้วหลายครั้ง โดยเฉพาะเรื่องผู้หญิงของเขา!

มือน้อยกุมกันแน่นอีก นึกเคืองมากขึ้นทั้งที่ใจมันอยากดีกับเขาเหลือเกิน แต่ก็ไม่อาจลืมอดีตได้ เธอจึงกลายเป็นคนสองบุคลิก เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย เมื่อยามใดที่จำอะไรได้ขึ้นมา

แต่เมื่อเธอนั่งเงียบ ขบปากแน่นมานาน นับตั้งแต่ที่ขึ้นรถมา คริษฐ์จึงเหลือบตามอง พร้อมเอ่ยซักถาม ขณะขับรถไปด้วยอย่างห่วงใย “เป็นอะไร ยังติดใจเรื่องน้องๆ อยู่อีกเหรอ มันนานมาแล้วนะ สามปีแล้ว เธอน่าจะลืมๆ ไปได้แล้วนะ” เขาเอ่ยเสียงค่อย เพราะลูกสาวตัวน้อยยังนั่งชะเง้อชะแง้อยู่ที่เบาะหลัง แกยังไม่หลับ เขาจึงไม่คิดเสียงดังให้แกตกใจหรือสงสัยอะไร

“มันง่ายจังนะคะ กับสิ่งที่คุณพูด...” ...ลองคุณมาเป็นฉัน คุณจะรู้ว่ามันรู้สึกยังไง คาร่าเอียงหน้าหนีไปมองที่หน้าต่างรถ แล้วพูดลอยๆ เหมือนไม่ได้พูดกับเขา

“แล้วจะจำไปทำไมล่ะ ถ้าจำแล้วมันทำให้เราต้องหน้างอใส่กัน สู้ให้เรายิ้มให้กันไม่ดีกว่าเหรอ” เขาสบถเสียงแข็งขึ้น คล้ายอารมณ์จะเริ่มขุ่น เพราะเธอชอบรื้อฟื้นอดีตมาพูด ทั้งที่เขาอยากจะลืม

“ใช่ว่าฉันไม่อยากยิ้มให้คุณ แต่ทุกครั้ง มันก็เหมือนมีอะไรบางอย่างทำให้จำขึ้นมาอีก” เธอเริ่มกะพริบตาถี่ไล่น้ำตาที่กำลังคลอเบ้าตา

“เพราะเธอคิดไงคาร่า ถ้าเธอหยุดสมองตัวเองไม่ให้คิด เธอก็จะไม่จำ” เขากล่าวคล้ายหน่ายแหนง แต่มันคือความจริง ถ้าเธอไม่คิด เธอก็จะไม่จำ แต่จะให้ทำยังไงได้ ในเมื่อเธอห้ามความคิดตัวเองไม่ได้!

“ฉันไม่อยากพูดกับคุณ” สุดท้ายแล้ว คาร่าก็ต้องหยุดยั้งตัวเอง ข่มตาลง ไม่อยากทะเลาะกับเขา เม้มปากแล้วเอียงตัวไปชิดกับขอบหน้าต่างมากขึ้น พยายามเพ่งมองออกไป เพื่อหนีความเจ็บของหัวใจ แต่ยิ่งเธอเงียบและทำแบบนั้น มันก็ยิ่งทำให้เขาหนักใจ

“ฮื้อ...” คริษฐ์ถอนหายใจ แอบลอบมองเธอนิดๆ นึกไปถึงก่อนหน้าที่ต่างยิ้มให้กันแล้วเขาเครียด ไม่รู้เธอจะเอายังไง เดี๋ยวเหมือนจะยอมคืนดีกับเขาแล้ว แต่ประเดี๋ยวก็มาเปลี่ยนไปอีก ทำตัวแปลก อารมณ์ปรวนแปรจนเขาไม่แน่ใจว่า นั่นมันเพราะฮอร์โมนผู้หญิงหรือมันเพราะอะไร!






เทียมทราย
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 พ.ค. 2555, 09:44:02 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ก.ย. 2555, 12:36:17 น.

จำนวนการเข้าชม : 1550





<< ซีรีย์เมีย-เมียสุดสวาท-ตอนที่๓ แสงสะท้อนในกระจก   ซีรีย์เมีย-เมียสุดสวาท-ตอนที่๕ เงาในกระจก >>
nutcha 31 พ.ค. 2555, 11:27:35 น.
ขัดใจ ขัดใจ ทำไมไม่พูดกันให้รู้เรื่องสักที


Zephyr 31 พ.ค. 2555, 18:45:29 น.
อมพะนำอะไรเนี่ย นายก็พูดออกมาสิ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account