เรือนกุหลาบ
กุหลาบแสนสวยดอกนั้น ช่างแสนดี เป็นที่รักเทิดทูนบูชาของหล่อนสุดหัวใจตั้งแต่เล็กจนโต..หญิงสาวไม่รู้เลย ว่าเบื้องหลังกุหลาบสีสวยนั้นซ่อนคมหนามไว้มิดชิด..เพื่อเป็นอุปสรรคขัดขวางความรักของหล่อนทุกวิถีทาง!
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่๑๑ กุหลาบสีเขียว(กำลังจะ)ผลิบาน ๒/๒
ลลิตพรรณเพิ่งกลับบ้านไปเมื่อเย็นนี้เอง หน้าตาเพื่อนหล่อนเหมือนคนสับสนในชีวิต ไม่ต่างจากหล่อน ตลอดการเดินทางบนรถไฟฟ้าขากลับ มุกดากับเพื่อนแทบไม่มีใครพูดอะไรกัน ต่างคนต่างเงียบ สาวหน้าหมวยเงียบเพราะยังไม่อยากเชื่อว่าหนุ่มเกาหลีผสมแขกของหล่อน จะกลายเป็นสาวเต็มร้อยอย่างพี่เขียวไปได้ ส่วนเรื่องวิมานในอากาศ..ธุรกิจแฟรนไชน์อะไรนั่น ลลิตพรรณไม่เชื่ออยู่แล้ว หล่อนไม่คิดว่าผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่งที่หนีออกจากบ้านโดยไม่มีแม้แต่เสื่อผืนหมอนใบติดตัวไป จะทำได้ถึงขนาดนั้น
สำหรับมุกดาเรื่องธุรกิจที่พี่สาวเอ่ยถึง หล่อนไม่ค่อยให้ความสนใจมากนัก ขอแค่ได้เจอพี่สาวสุดรักหล่อนก็ดีใจแล้ว...และอีกอย่างที่สำคัญกว่า หล่อนจะได้มีที่ปรึกษาเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งราย คำแนะนำของแพรวาบางครั้งก็ดูแปลกแหวกแนว มีเอกลักษณ์จนหล่อนตามไม่ทัน โดยเฉพาะครั้งนั้นที่หล่อนเปลี่ยนลุคตัวเอง หลายคนชื่นชอบ ทว่าเจ้านายหล่อนกลับมองด้วยสายตารังเกียจ
หล่อนคงเป็นเด็กโง่ หัวไม่ถึงเองนั่นแหละ ต่ำเตี้ยเกินไปที่จะเรียนรู้อะไรดีๆจากพี่สาวคนสวย มุกดานึกโทษตัวเอง..
มัณฑนากรสาวรีบออกไปโทรศัพท์ที่ตู้สาธารณะหน้าปากซอย เมื่อสบโอกาส เห็นว่าบ้านเงียบๆ คุณหญิงนารี มารดาของหล่อนคงออกไปเสริมสวยรอบเย็นเตรียมไปออกงานสังคมกับกลุ่มเพื่อนไฮโซตามเคย แพรวาคงยังงีบหลับอยู่ในห้องชั้นบน ไพลินมีงานเลี้ยงส่งผู้อำนวยการโรงเรียนจึงยังไม่กลับ ส่วนเพทายก็คงไปออกอีเว้นท์งานแต่งงานของบ่าวสาวผู้ที่จ้างให้หล่อนเป็น wedding planner
เมื่อเดินมาถึงที่หมาย มุกดาก็รีบล้วงกระดาษโน้ตแผ่นเล็กขึ้นมาดู ในนั้นมีเบอร์โทรศัพท์เบอร์ใหม่ล่าสุดที่มรกตเพิ่งจดให้หล่อน หญิงสาวเพียงต้องการมาเช็คว่าหล่อนไม่ได้ถูกหลอกให้โทรเก้ออย่างเมื่อสิบปีก่อน
“ว่าไงสาวน้อย..”
เสียงจากปลายสายตอบกลับมา มุกดายกมือลูบอกอย่างโล่งใจ..หล่อนไม่โดนหลอกซ้ำสอง
“นึกว่าพี่เขียวจะขี้โกงซะอีก..”
“เรื่องอะไรพี่จะต้องขี้โกงเราด้วย”
มรกตถามกลับ
“ก็ครั้งก่อนนู้นๆ ไข่มุกไม่เคยติดต่อพี่เขียวได้สักที”
“แหม..ผิดพลาดทางเทคนิคนิดหน่อยน่า”
มรกตแก้ตัวสั้นๆ ไม่ได้ให้เหตุผลที่น่าเข้าใจมากกว่านี้ มุกดากำลังจะถามต่อ ก็พอดีเห็นรถสปอร์ตคันแดงของแพรวาแล่นผ่านมา เจ้าของรถชะลอเครื่องให้เคลื่อนที่ช้าลง ก่อนจะจอดเทียบริมฟุตปาธ มุกดาคิดว่าพี่สาวคนสวยคงมองหล่อนอยู่นานแล้ว จึงรีบตัดบท
“พี่เขียว แค่นี้ก่อนนะคะ พี่แพรมา..”
แล้วหล่อนก็วางหูเสียดื้อๆ ไม่รอให้ทางปลายสายพูดอะไรต่อ
“โทรศัพท์มือถือเสียหรือไข่มุก ออกมาทำไมตรงนี้”
แพรวาลดกระจกลงก่อนถามเสียงใส นัยน์ตามีแววประหลาดใจฉายชัด
“เอ่อ..คือ” นี่ก็เป็นอีกข้อที่หญิงสาวไม่เข้าใจ ทำไมมรกตจะต้องห้ามไม่ให้หล่อนติดต่อด้วยโทรศัพท์มือถือ ทั้งที่มันเป็นของส่วนตัว ไม่น่ามีใครจับพิรุธได้ หล่อนยืนอ้ำอึ้งหาคำตอบอยู่พักใหญ่ จนแพรวาต้องขมวดคิ้วมุ่น
“ไม่รู้เป็นยังไง เครือข่ายของไข่มุกน่าจะล่มมั้งคะพี่แพร โทรออกไม่ได้ รับสายก็ไม่ได้”
หล่อนหาเหตุผลได้เท่านี้
“งั้นเอามาให้พี่สิ จะได้เอาไปถามที่ศูนย์บริการ พี่กำลังจะไปช้อปปิ้งพอดี”
แพรวาเสนออย่างมีน้ำใจ มุกดารีบส่ายหัวดิกพลางโบกมือรัว
“ไม่ต้องหรอกค่ะพี่แพร..เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ใช้ได้แล้ว มันขัดข้องเฉพาะช่วงเย็นถึงหัวค่ำ”
เมื่อจนมุม มุกดามักจะเอาสีข้างไถแบบนี้เสมอ พี่สาวคนสวยถอนหายใจ ส่ายหน้าน้อยๆ มองหล่อนด้วยแววตำหนิ
“ของมันเสียก็ต้องเอาไปซ่อม เกิดเรามีธุระต้องโทรติดต่อใครตอนกลางคืนจะทำยังไง พิลึกจริงน้องคนนี้”
“เมื่อกี้พี่แพรบอกจะไปช้อปปิ้งหรือคะ ที่ห้างใหญ่ตรงสี่แยกใช่ไหมคะ”
เมื่อไถไม่ไป หญิงสาวเลยใช้มุขเปลี่ยนเรื่องกะทันหัน แพรวาพยักหน้าตอบแบบงงๆ
“อื้อ..ถามทำไมจ๊ะ”
“อ๋อ.. ไข่มุกจะฝากซื้อของน่ะค่ะ ว่าแต่พี่แพรไปคนเดียวหรือคะ?”
พอได้ยินคำถามท้ายประโยค แพรวาแทบลืมความสงสัยเมื่อครู่ไปหมด หล่อนยิ้มสวยที่สุดก่อนบอก
“วินเขาชวนพี่น่ะจ้ะ เขาเป็นคนเดียวที่เลือกชุดให้พี่ได้เป๊ะที่สุด เสร็จแล้วเราจะไปดินเนอร์กันต่อ ไข่มุกไปด้วยกันไหมจ๊ะ”
หัวใจมุกดากระตุกวูบ ยังดีที่หล่อนซ่อนสีหน้าไว้ได้..แพรวานึกยังไงถึงชวนหล่อน ทั้งที่บอกว่าจะไปดินเนอร์กับ “คนรัก”
“เมื่อกี้ว่าจะฝากพี่ซื้ออะไรน่ะ..ไปด้วยกันเลยไม่ดีกว่าหรือ”
ใบหน้าของน้องสาวคนเล็กดูหงอยลงถนัดตา ท่าทางเหมือนคนเหม่อลอย ทำให้แพรวาต้องปรับเสียงให้ดังขึ้น
“ไข่มุก..ฟังพี่อยู่รึเปล่า”
มุกดาสะดุ้งนิดหนึ่งเมื่อถูกกระตุ้น หล่อนบอกเสียงเจื่อน
“พี่แพรไปเถอะค่ะ ไข่มุกเพิ่งนึกออกว่าของที่จะฝากซื้อยังพอมีเหลือ”
มัณฑนากรสาวพยายามทำสีหน้าให้สดชื่นด้วยรอยยิ้ม
“เที่ยวกับคุณวินให้สนุกนะคะ”
พี่สาวหล่อนยิ้มตอบเห็นฟันขาวเรียงสวย แพรวาเอ่ยคำลากับพูดอะไรอีกสองสามประโยค มุกดาไม่ได้ตั้งใจฟัง จนกระทั่งดีไซเนอร์สาวเลื่อนกระจกขึ้น แล้วขับรถห่างออกไปจนลับตา
มุกดาเพิ่งรู้ว่าทำไมหล่อนถึงไม่ได้ยินอะไรเลย..หล่อนกำลังต่อสู้กับความรู้สึกบางอย่างที่มันไม่ควรจะเกิดขึ้น!
ค่ำวันนั้นหลังจากเดินซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยสมใจอยาก แพรวาก็ไปช่วยเลือกเสื้อสูทให้ “คนพิเศษ” ของหล่อน หญิงสาวเป็นหนึ่งในเพื่อนสนิทไม่กี่คนของชายหนุ่มตั้งแต่สมัยเรียนที่อเมริกา และหล่อนก็รู้ใจเขามากที่สุดเสียด้วย เมื่อหล่อนโทรมาชวนเขาไปช้อปปิ้งที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดังแถวบ้าน ในขณะที่เขาก็เกิดอยากได้เสื้อสูทตัวใหม่ขึ้นมาพอดี และสำคัญกว่าคือเขากำลังต้องการที่ปรึกษาสักคนในเวลานี้ ชายหนุ่มจึงตอบตกลงเพื่อนสาวทันทีที่หล่อนออกปากชวน
สองหนุ่มสาวเลือกร้านอาหารญี่ปุ่นราคาแพงสำหรับมื้อค่ำในห้างนั้นเอง
“แพรว่าผมผิดมากไหม..ที่แอบหลงรักคนมีเจ้าของ”
กวินเปรยขึ้น หลังจากสั่งเมนูอาหารเสร็จเรียบร้อย
“หมายถึงไข่มุก..น้องสาวแพรหรือคะ”
หล่อนถามตรงประเด็น กวินยิ้มเฝื่อนแทนคำตอบ แพรวาถือว่านั่นคือประกาศิตที่ชัดเจน และแน่นอนยิ่งกว่าคำพูด เงานัยน์ตาหล่อนไหววูบเพียงครู่เดียว ก่อนรอยยิ้มกระจ่างใสจะซ้อนทับเข้ามา
“ถ้าเป็นคนอื่น แพรคงเชียร์ให้ทำตามหัวใจเรียกร้อง จะไปแคร์ทำไมในเมื่อเขายังไม่ได้แต่งงานกันสักหน่อย”
หญิงสาวเอื้อมมือไปแตะแขนเขาเบาๆก่อนทอดเสียงอ่อน
“แต่นี่เป็นคุณ คนที่ใครๆก็รู้จักนับหน้าถือตา วินเคยบอกกับเพื่อนๆว่า..วินเกลียดคนที่แย่งแฟนคนอื่น หรือพวกมือที่สาม จำได้ไหมคะ”
คำพูดของหล่อนทำให้เขารู้สึกผิดขึ้นมาทันที..ผิดอย่างใหญ่หลวงเสียด้วย เมื่อความทรงจำสมัยเรียนซานฟรานฯกลับคืนมา ภาพอดีตฉายชัดยิ่งกว่าจอยักษ์ในโรงภาพยนตร์ มีเสียงเพื่อนสาวคอยพากย์อยู่เป็นระยะๆ ยิ่งตอกย้ำมโนธรรมในจิตใจที่เคยแข็งแกร่ง ทว่าบัดนี้กลับสั่นคลอนเพราะผู้หญิงเพียงคนเดียว
“ตอนนั้น โจ้ทำให้บอยเพื่อนสนิทคุณเสียใจ ถึงขนาดผูกคอตาย คุณเข้าไปช่วยบอยไม่ทัน แล้วพอรู้สาเหตุว่าโจ้แย่งเพ็ญ ผู้หญิงที่เพื่อนคุณคบมาห้าปีจนเกือบจะได้แต่งงานกัน” แพรวาบรรยายเรื่องราวผ่านน้ำเสียงสูงต่ำเป็นจังหวะเพื่อต้องการเน้นย้ำความรู้สึก และทอดมองชายหนุ่มด้วยแววตาที่ทำให้เขารู้สึกผิดมากขึ้นทุกที...ข้อนี้ก็เป็นอีกความสามารถพิเศษของหญิงสาว ที่มักเล่าเรื่องราวให้คนคล้อยตามได้เสมอ
“คุณก็ประกาศให้ใครๆรู้ว่า คุณเกลียดโจ้ เกลียดผู้ชายที่แย่งคนรักเพื่อนได้ลงคอ วินจำได้ไหม คุณทำอะไรตั้งมากมาย จนกระทั่งใครๆก็เกลียด และรุมประณามโจ้ ถึงแม้โจ้จะได้เพ็ญไป แต่เขาไม่มีเพื่อนคบอีกเลยจนเรียนจบ”
“พอเถอะแพร..ไม่ต้องเล่าแล้ว ผมจำได้”
กวินหันหน้าออกไปมองนอกหน้าต่างเพื่อระงับความพลุ่งพล่านในจิตใจ การมองจากมุมสูงทำให้เห็นการจราจรที่แน่นขนัด ความวุ่นวายของเมืองหลวงยิ่งทำให้เขาเครียดหนักกว่าเดิม แทนที่จะได้ผ่อนคลาย
“วินเป็นคนดี..ดีพร้อมทุกอย่าง ทำไมแพรจะไม่อยากได้มาเป็นน้องเขย”
หล่อนพยายามส่งเสียงอ่อนเหมือนจะปลอบให้เขารู้สึกดีขึ้น ทว่ายิ่งพูดกลับยิ่งเป็นตรงกันข้าม โดยเฉพาะประโยคสุดท้าย..
“วินจะจีบไข่มุกก็ได้ ...ถ้าคุณแกล้งลืมคำสบประมาทโจ้..ทำเหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้น”
สำหรับมุกดาเรื่องธุรกิจที่พี่สาวเอ่ยถึง หล่อนไม่ค่อยให้ความสนใจมากนัก ขอแค่ได้เจอพี่สาวสุดรักหล่อนก็ดีใจแล้ว...และอีกอย่างที่สำคัญกว่า หล่อนจะได้มีที่ปรึกษาเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งราย คำแนะนำของแพรวาบางครั้งก็ดูแปลกแหวกแนว มีเอกลักษณ์จนหล่อนตามไม่ทัน โดยเฉพาะครั้งนั้นที่หล่อนเปลี่ยนลุคตัวเอง หลายคนชื่นชอบ ทว่าเจ้านายหล่อนกลับมองด้วยสายตารังเกียจ
หล่อนคงเป็นเด็กโง่ หัวไม่ถึงเองนั่นแหละ ต่ำเตี้ยเกินไปที่จะเรียนรู้อะไรดีๆจากพี่สาวคนสวย มุกดานึกโทษตัวเอง..
มัณฑนากรสาวรีบออกไปโทรศัพท์ที่ตู้สาธารณะหน้าปากซอย เมื่อสบโอกาส เห็นว่าบ้านเงียบๆ คุณหญิงนารี มารดาของหล่อนคงออกไปเสริมสวยรอบเย็นเตรียมไปออกงานสังคมกับกลุ่มเพื่อนไฮโซตามเคย แพรวาคงยังงีบหลับอยู่ในห้องชั้นบน ไพลินมีงานเลี้ยงส่งผู้อำนวยการโรงเรียนจึงยังไม่กลับ ส่วนเพทายก็คงไปออกอีเว้นท์งานแต่งงานของบ่าวสาวผู้ที่จ้างให้หล่อนเป็น wedding planner
เมื่อเดินมาถึงที่หมาย มุกดาก็รีบล้วงกระดาษโน้ตแผ่นเล็กขึ้นมาดู ในนั้นมีเบอร์โทรศัพท์เบอร์ใหม่ล่าสุดที่มรกตเพิ่งจดให้หล่อน หญิงสาวเพียงต้องการมาเช็คว่าหล่อนไม่ได้ถูกหลอกให้โทรเก้ออย่างเมื่อสิบปีก่อน
“ว่าไงสาวน้อย..”
เสียงจากปลายสายตอบกลับมา มุกดายกมือลูบอกอย่างโล่งใจ..หล่อนไม่โดนหลอกซ้ำสอง
“นึกว่าพี่เขียวจะขี้โกงซะอีก..”
“เรื่องอะไรพี่จะต้องขี้โกงเราด้วย”
มรกตถามกลับ
“ก็ครั้งก่อนนู้นๆ ไข่มุกไม่เคยติดต่อพี่เขียวได้สักที”
“แหม..ผิดพลาดทางเทคนิคนิดหน่อยน่า”
มรกตแก้ตัวสั้นๆ ไม่ได้ให้เหตุผลที่น่าเข้าใจมากกว่านี้ มุกดากำลังจะถามต่อ ก็พอดีเห็นรถสปอร์ตคันแดงของแพรวาแล่นผ่านมา เจ้าของรถชะลอเครื่องให้เคลื่อนที่ช้าลง ก่อนจะจอดเทียบริมฟุตปาธ มุกดาคิดว่าพี่สาวคนสวยคงมองหล่อนอยู่นานแล้ว จึงรีบตัดบท
“พี่เขียว แค่นี้ก่อนนะคะ พี่แพรมา..”
แล้วหล่อนก็วางหูเสียดื้อๆ ไม่รอให้ทางปลายสายพูดอะไรต่อ
“โทรศัพท์มือถือเสียหรือไข่มุก ออกมาทำไมตรงนี้”
แพรวาลดกระจกลงก่อนถามเสียงใส นัยน์ตามีแววประหลาดใจฉายชัด
“เอ่อ..คือ” นี่ก็เป็นอีกข้อที่หญิงสาวไม่เข้าใจ ทำไมมรกตจะต้องห้ามไม่ให้หล่อนติดต่อด้วยโทรศัพท์มือถือ ทั้งที่มันเป็นของส่วนตัว ไม่น่ามีใครจับพิรุธได้ หล่อนยืนอ้ำอึ้งหาคำตอบอยู่พักใหญ่ จนแพรวาต้องขมวดคิ้วมุ่น
“ไม่รู้เป็นยังไง เครือข่ายของไข่มุกน่าจะล่มมั้งคะพี่แพร โทรออกไม่ได้ รับสายก็ไม่ได้”
หล่อนหาเหตุผลได้เท่านี้
“งั้นเอามาให้พี่สิ จะได้เอาไปถามที่ศูนย์บริการ พี่กำลังจะไปช้อปปิ้งพอดี”
แพรวาเสนออย่างมีน้ำใจ มุกดารีบส่ายหัวดิกพลางโบกมือรัว
“ไม่ต้องหรอกค่ะพี่แพร..เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็ใช้ได้แล้ว มันขัดข้องเฉพาะช่วงเย็นถึงหัวค่ำ”
เมื่อจนมุม มุกดามักจะเอาสีข้างไถแบบนี้เสมอ พี่สาวคนสวยถอนหายใจ ส่ายหน้าน้อยๆ มองหล่อนด้วยแววตำหนิ
“ของมันเสียก็ต้องเอาไปซ่อม เกิดเรามีธุระต้องโทรติดต่อใครตอนกลางคืนจะทำยังไง พิลึกจริงน้องคนนี้”
“เมื่อกี้พี่แพรบอกจะไปช้อปปิ้งหรือคะ ที่ห้างใหญ่ตรงสี่แยกใช่ไหมคะ”
เมื่อไถไม่ไป หญิงสาวเลยใช้มุขเปลี่ยนเรื่องกะทันหัน แพรวาพยักหน้าตอบแบบงงๆ
“อื้อ..ถามทำไมจ๊ะ”
“อ๋อ.. ไข่มุกจะฝากซื้อของน่ะค่ะ ว่าแต่พี่แพรไปคนเดียวหรือคะ?”
พอได้ยินคำถามท้ายประโยค แพรวาแทบลืมความสงสัยเมื่อครู่ไปหมด หล่อนยิ้มสวยที่สุดก่อนบอก
“วินเขาชวนพี่น่ะจ้ะ เขาเป็นคนเดียวที่เลือกชุดให้พี่ได้เป๊ะที่สุด เสร็จแล้วเราจะไปดินเนอร์กันต่อ ไข่มุกไปด้วยกันไหมจ๊ะ”
หัวใจมุกดากระตุกวูบ ยังดีที่หล่อนซ่อนสีหน้าไว้ได้..แพรวานึกยังไงถึงชวนหล่อน ทั้งที่บอกว่าจะไปดินเนอร์กับ “คนรัก”
“เมื่อกี้ว่าจะฝากพี่ซื้ออะไรน่ะ..ไปด้วยกันเลยไม่ดีกว่าหรือ”
ใบหน้าของน้องสาวคนเล็กดูหงอยลงถนัดตา ท่าทางเหมือนคนเหม่อลอย ทำให้แพรวาต้องปรับเสียงให้ดังขึ้น
“ไข่มุก..ฟังพี่อยู่รึเปล่า”
มุกดาสะดุ้งนิดหนึ่งเมื่อถูกกระตุ้น หล่อนบอกเสียงเจื่อน
“พี่แพรไปเถอะค่ะ ไข่มุกเพิ่งนึกออกว่าของที่จะฝากซื้อยังพอมีเหลือ”
มัณฑนากรสาวพยายามทำสีหน้าให้สดชื่นด้วยรอยยิ้ม
“เที่ยวกับคุณวินให้สนุกนะคะ”
พี่สาวหล่อนยิ้มตอบเห็นฟันขาวเรียงสวย แพรวาเอ่ยคำลากับพูดอะไรอีกสองสามประโยค มุกดาไม่ได้ตั้งใจฟัง จนกระทั่งดีไซเนอร์สาวเลื่อนกระจกขึ้น แล้วขับรถห่างออกไปจนลับตา
มุกดาเพิ่งรู้ว่าทำไมหล่อนถึงไม่ได้ยินอะไรเลย..หล่อนกำลังต่อสู้กับความรู้สึกบางอย่างที่มันไม่ควรจะเกิดขึ้น!
ค่ำวันนั้นหลังจากเดินซื้อสินค้าฟุ่มเฟือยสมใจอยาก แพรวาก็ไปช่วยเลือกเสื้อสูทให้ “คนพิเศษ” ของหล่อน หญิงสาวเป็นหนึ่งในเพื่อนสนิทไม่กี่คนของชายหนุ่มตั้งแต่สมัยเรียนที่อเมริกา และหล่อนก็รู้ใจเขามากที่สุดเสียด้วย เมื่อหล่อนโทรมาชวนเขาไปช้อปปิ้งที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดังแถวบ้าน ในขณะที่เขาก็เกิดอยากได้เสื้อสูทตัวใหม่ขึ้นมาพอดี และสำคัญกว่าคือเขากำลังต้องการที่ปรึกษาสักคนในเวลานี้ ชายหนุ่มจึงตอบตกลงเพื่อนสาวทันทีที่หล่อนออกปากชวน
สองหนุ่มสาวเลือกร้านอาหารญี่ปุ่นราคาแพงสำหรับมื้อค่ำในห้างนั้นเอง
“แพรว่าผมผิดมากไหม..ที่แอบหลงรักคนมีเจ้าของ”
กวินเปรยขึ้น หลังจากสั่งเมนูอาหารเสร็จเรียบร้อย
“หมายถึงไข่มุก..น้องสาวแพรหรือคะ”
หล่อนถามตรงประเด็น กวินยิ้มเฝื่อนแทนคำตอบ แพรวาถือว่านั่นคือประกาศิตที่ชัดเจน และแน่นอนยิ่งกว่าคำพูด เงานัยน์ตาหล่อนไหววูบเพียงครู่เดียว ก่อนรอยยิ้มกระจ่างใสจะซ้อนทับเข้ามา
“ถ้าเป็นคนอื่น แพรคงเชียร์ให้ทำตามหัวใจเรียกร้อง จะไปแคร์ทำไมในเมื่อเขายังไม่ได้แต่งงานกันสักหน่อย”
หญิงสาวเอื้อมมือไปแตะแขนเขาเบาๆก่อนทอดเสียงอ่อน
“แต่นี่เป็นคุณ คนที่ใครๆก็รู้จักนับหน้าถือตา วินเคยบอกกับเพื่อนๆว่า..วินเกลียดคนที่แย่งแฟนคนอื่น หรือพวกมือที่สาม จำได้ไหมคะ”
คำพูดของหล่อนทำให้เขารู้สึกผิดขึ้นมาทันที..ผิดอย่างใหญ่หลวงเสียด้วย เมื่อความทรงจำสมัยเรียนซานฟรานฯกลับคืนมา ภาพอดีตฉายชัดยิ่งกว่าจอยักษ์ในโรงภาพยนตร์ มีเสียงเพื่อนสาวคอยพากย์อยู่เป็นระยะๆ ยิ่งตอกย้ำมโนธรรมในจิตใจที่เคยแข็งแกร่ง ทว่าบัดนี้กลับสั่นคลอนเพราะผู้หญิงเพียงคนเดียว
“ตอนนั้น โจ้ทำให้บอยเพื่อนสนิทคุณเสียใจ ถึงขนาดผูกคอตาย คุณเข้าไปช่วยบอยไม่ทัน แล้วพอรู้สาเหตุว่าโจ้แย่งเพ็ญ ผู้หญิงที่เพื่อนคุณคบมาห้าปีจนเกือบจะได้แต่งงานกัน” แพรวาบรรยายเรื่องราวผ่านน้ำเสียงสูงต่ำเป็นจังหวะเพื่อต้องการเน้นย้ำความรู้สึก และทอดมองชายหนุ่มด้วยแววตาที่ทำให้เขารู้สึกผิดมากขึ้นทุกที...ข้อนี้ก็เป็นอีกความสามารถพิเศษของหญิงสาว ที่มักเล่าเรื่องราวให้คนคล้อยตามได้เสมอ
“คุณก็ประกาศให้ใครๆรู้ว่า คุณเกลียดโจ้ เกลียดผู้ชายที่แย่งคนรักเพื่อนได้ลงคอ วินจำได้ไหม คุณทำอะไรตั้งมากมาย จนกระทั่งใครๆก็เกลียด และรุมประณามโจ้ ถึงแม้โจ้จะได้เพ็ญไป แต่เขาไม่มีเพื่อนคบอีกเลยจนเรียนจบ”
“พอเถอะแพร..ไม่ต้องเล่าแล้ว ผมจำได้”
กวินหันหน้าออกไปมองนอกหน้าต่างเพื่อระงับความพลุ่งพล่านในจิตใจ การมองจากมุมสูงทำให้เห็นการจราจรที่แน่นขนัด ความวุ่นวายของเมืองหลวงยิ่งทำให้เขาเครียดหนักกว่าเดิม แทนที่จะได้ผ่อนคลาย
“วินเป็นคนดี..ดีพร้อมทุกอย่าง ทำไมแพรจะไม่อยากได้มาเป็นน้องเขย”
หล่อนพยายามส่งเสียงอ่อนเหมือนจะปลอบให้เขารู้สึกดีขึ้น ทว่ายิ่งพูดกลับยิ่งเป็นตรงกันข้าม โดยเฉพาะประโยคสุดท้าย..
“วินจะจีบไข่มุกก็ได้ ...ถ้าคุณแกล้งลืมคำสบประมาทโจ้..ทำเหมือนมันไม่เคยเกิดขึ้น”
ศิลาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 พ.ค. 2555, 17:30:47 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 พ.ค. 2555, 17:30:47 น.
จำนวนการเข้าชม : 1585
<< บทที่๑๑ กุหลาบสีเขียว(กำลังจะ)ผลิบาน ๑/๒ | บทที่ ๑๒ ผู้ไม่ประสงค์ดี >> |
น้ำแอปเปิ้ล 31 พ.ค. 2555, 02:18:35 น.
นังแพร!!!
นังแพร!!!
เดิมเดิม 31 พ.ค. 2555, 09:30:52 น.
พี่วินอย่ากินหญ้าสืบจากคนอื่นๆ ก่อนไข่มุกไม่ว่างจริงป่าว
พี่วินอย่ากินหญ้าสืบจากคนอื่นๆ ก่อนไข่มุกไม่ว่างจริงป่าว
ศิลาริน 31 พ.ค. 2555, 12:43:41 น.
555
555
แล่นแต๊ 31 พ.ค. 2555, 21:28:38 น.
ไข่มุกน้อย โดนใส่ไฟซะแล้ว
ไข่มุกน้อย โดนใส่ไฟซะแล้ว