เรือนกุหลาบ
กุหลาบแสนสวยดอกนั้น ช่างแสนดี เป็นที่รักเทิดทูนบูชาของหล่อนสุดหัวใจตั้งแต่เล็กจนโต..หญิงสาวไม่รู้เลย ว่าเบื้องหลังกุหลาบสีสวยนั้นซ่อนคมหนามไว้มิดชิด..เพื่อเป็นอุปสรรคขัดขวางความรักของหล่อนทุกวิถีทาง!
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บทที่ ๑๒ ผู้ไม่ประสงค์ดี
บนโต๊ะยาวทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้ามีผ้าขาวฉลุลายคลุมแบบประณีต แพรวาเลื่อนสมุดแคตตาล็อกสีสันสดใสที่หล่อนวางรอไว้อยู่แล้วข้างจานแก้วไปให้น้องสาวผู้นั่งลงตรงข้ามเมื่อครู่ แม่บ้านวัยครึ่งทศวรรษกำลังตักอาหารเช้าใส่จานเริ่มที่แพรวาผู้มานั่งก่อนใคร เมนูอาหารวันนี้ ดีไซเนอร์สาวออเดอร์ไว้ว่าหล่อนต้องการกินแบบอเมริกัน เมนูไข่ดาว หมูแฮม ไส้กรอก จึงรอเรียงในสำรับเรียบร้อย
มุกดาเหลือบไปเห็นรายการอาหารตรงหน้า หญิงสาวนึกหวาดเสียวในใจ..เพทายจะพิโรธแค่ไหนหากมาเห็นเข้า คนอื่นๆ โดยเฉพาะคุณหญิงนารี ผู้เป็นมารดา หล่อนไม่ห่วงอยู่แล้ว รายนี้เข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ยกับพี่สาวคนสวยของหล่อน ตั้งแต่เจรจาเรื่องขายที่ดินในเรือนกุหลาบให้เจ้านายหล่อนเสร็จสรรพ แพรวาจะทำอะไรคุณหญิงเป็นเห็นดีเห็นงามไปหมดทุกเรื่อง เพราะฉะนั้นเรื่องเมนูอาหารจะเปลี่ยนแบบไปบ้าง ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญที่คุณหญิงจะต้องโวยวาย
“อะไรคะ?”
เสียงเล็กใสเอ่ยถาม เมื่อเห็นนางแบบหุ่นเพรียวสวมชุดดีไซน์เก๋สีแสบตาโพสต์ท่าอยู่บนหน้าปก
“แคตตาล็อกจากห้องเสื้อแบรนด์ดังจ้ะ”
“ห้องเสื้อของพี่แพรหรือคะ..”
น้ำเสียงมีแววตื่นเต้นของน้องสาว ทำให้แพรวายิ้มภาคภูมิใจก่อนพยักหน้าตอบ
“จะว่าไปก็ไม่เชิงหรอกนะ แบรนด์นี้พี่ร่วมหุ้นกับเพื่อนชาวฝรั่งเศสคนนึง เรากำลังจะเปิดสาขาแรกในเมืองไทยวีคหน้า”
ดวงตากลมโตมีประกายระยิบระยับ มุกดายิ้มกว้างจนสุด อุทานออกมาคำหนึ่งด้วยเสียงทึ่งเต็มที่
“นี่เป็นแคตตาล็อกเปิดตัวห้องเสื้อที่ลูกค้าจะได้เห็นวีคหน้า เราเปิดกันที่เซ็นทรัลนะ ไข่มุกได้เห็นเป็นคนแรกเลยเล่มนี้”
“ขอบคุณนะคะพี่แพร..เสื้อสวยๆทั้งนั้นเลย” ลักยิ้มบุ๋มยังไม่จางไปจากใบหน้าสาวน้อย มุกดาพลิกสมุดเล่มนั้นดูด้วยความสนใจ แต่แล้วหล่อนก็ทำปากยู่เหมือนเสียดาย “แต่ว่า..ไข่มุกใส่คงไม่สวยเหมือนนางแบบ”
แพรวาหัวเราะเสียงสวย หล่อนส่ายหน้ามองน้องสาวด้วยความเอ็นดู
“ถ้าใส่สวยเหมือนนางแบบได้ แสดงว่าเธอต้องสวยเท่าดาราฮอลลีวู้ดแล้วล่ะ”
“ฮ้า..นางแบบของพี่แพรหรูถึงขนาดนั้น”
ดีไซเนอร์สาวยักไหล่ ก่อนออกปากด้วยความภาคภูมิ
“แน่ซี..ระดับพี่แล้ว จะเปิดตัวทั้งทีต้องทำเครดิตกันหน่อย”
แพรวาเคี้ยวแฮมที่เพิ่มจิ้มเข้าปากเมื่อครู่ ส่วนมุกดาก็ยังจดจ่ออยู่กับแคตตาล็อกในมือด้วยความทึ่งไม่หาย แม่บ้านเดินมารินน้ำมะพร้าวใส่แก้วของดีไซเนอร์สาว..เมนูนี้หล่อนก็เป็นคนสั่งออเดอร์พิเศษมาเหมือนกัน หล่อนให้เหตุผลว่ามันบำรุงผิวพรรณผู้หญิงเราได้ดีทีเดียว หญิงสาวยกแก้วขึ้นดื่มพอลื่นคอ แล้วหล่อนก็ทำเสียงเหมือนนึกอะไรได้
“เรื่องห้องเสื้อเอาไว้ก่อน วีคหน้าพี่ค่อยเซอร์ไพรส์เราอีกที ว่างไม่ว่างพี่ก็จะชวนวินกะไข่มุกไปงานให้ได้” แพรวาทำเสียงกำชับทำนองไม่ให้คนฟังปฏิเสธได้
ชื่อของเจ้านายหนุ่มทำให้มุกดารู้สึกแปร่งปร่าในหัวใจขึ้นมาอีก หญิงสาวพยายามกล้ำกลืนอารมณ์อย่างยากเย็น แต่หล่อนก็ทำเต็มที่ เพื่อไม่ให้ความในใจหลุดออกมาทางสีหน้า ทว่าแพรวาตาไวกว่าที่หล่อนคิด คิ้วเรียวที่ย่นเข้ามาเล็กน้อย ประกายสดใสบนนิลเจียระไนคู่สวยที่ลดฮวบลงไปของน้องสาว ทำให้สีหน้าชนิดหนึ่งซ้อนทับเข้ามาบนดวงหน้าเรียวสีน้ำผึ้ง ทว่ามุกดาไม่ทันสังเกตเห็น
“เย็นนี้ไปเล่นเทนนิสด้วยกันนะจ๊ะ”
แพรวาชวนดื้อๆ ไม่ถามความเห็นว่าน้องสาวอยากไปหรือไม่ คนฟังแค่ได้ยินคำว่า “เทนนิส” หล่อนก็ทำคอหดเหมือนเจอของเหม็น
“ไข่มุกเล่นไม่เก่งค่ะ อายคนเขา”
“อายทำไม..เล่นไม่เก่งก็ยังดีว่าเล่นไม่เป็น” แพรวายิ้มปลอบ ทำไมหล่อนจะจำไม่ได้ว่า สมัยเรียนมัธยมปลาย มุกดาเคยชื่นชอบกีฬาชนิดนี้มากแค่ไหน หลังจากน้องสาวหล่อนไปเชียร์การแข่งขันเทนนิสระดับภูมิภาคที่หล่อนเป็นตัวแทนโรงเรียนเข้าร่วมการแข่งครั้งนั้น และคว้าชัยชนะกลับมาอย่างน่าภาคภูมิใจ
มุกดาพยายามหัดเล่นเทนนิสตั้งแต่นั้นมา น้องสาวเคยขอร้องให้หล่อนช่วยสอน แต่พอดีช่วงนั้นหล่อนมีกิจกรรมเยอะมาก ด้วยความเป็นนักเรียนเนื้อหอมของอาจารย์ทุกฝ่าย เรียกว่าทั้งโรงเรียนนั่นแหละ จึงไม่มีเวลาได้สอนน้องสาวอย่างที่ตั้งใจ มุกดาจึงต้องเข้าคอร์สเรียนกับครูพละคนหนึ่ง ได้ตีเทนนิสกับฝาผนังอยู่พักใหญ่ พอมาลงสนามเล่นกับลลิตพรรณเข้าครั้งเดียว ก็จัดลูกเทนนิสกลมๆหนักๆไปลงบนหน้าผากสวยของเชียร์ลีดเดอร์ประจำลงเรียนที่บังเอิญโชคร้ายเดินห่างคอร์ดอยู่เกือบสิบเมตร เป็นเรื่องเป็นราวกันยกใหญ่เพราะทำให้สาวสวยคนนั้นอดโชว์ตัวในงานกีฬาประจำภาควันรุ่งขึ้น เนื่องจากแผลที่หน้าผามนปูดนูนจนเสียสวย
“ไม่เอาหรอกค่ะ เดี๋ยวตีลูกเทนนิสไปโดนหัวใครเข้าอีก” มุกดาส่ายหัวดิกเมื่อความหลังผุดพรายเข้ามาในความคิดคำนึง
“ถ้างั้นไปนั่งดูเฉยๆก็ได้”
แพรวาต่อรอง
“ไข่มุกเคยชอบไปนั่งเชียร์พี่ตอนเด็กๆไม่ใช่หรือ.. หลายปีแล้วนะที่พี่ไม่ได้เล่นให้ดูในเมืองไทย”
มุกดาทำท่าลังเล หล่อนไม่ปฏิเสธเลยว่าเคยปลื้มแค่ไหนเมื่อเห็นพี่สาวหวดแร็กเก็ตได้ฉับไวคล่องแคล่ว หล่อนยิ้มตามทุกครั้งที่เห็นดวงตารูปหงส์เล็งแลลูกกลมๆอย่างมีสมาธิ เหมือนดวงตาคมของเหยี่ยว ลีลาวาดแขนสวยสง่า หุ่นเพรียวในชุดกีฬารัดรูป เอวองเคลื่อนไหวพลิ้วราวกับปลิวไปตามลม ช่วงขายาวที่โผล่พ้นกางเกงขาสั้นสีขาวเวลากระโดดบ้าง วิ่งบ้าง หมุนตัวรับลูกบ้าง มันสวย..เท่ มีเสน่ห์เป็นที่สุด
“ไปนั่งดูเฉยๆก็ได้ค่ะ”
มุกดาตัดสินใจตอบตกลง เป็นคำตอบที่ทำให้แพรวายิ้มสวยรับแสงตะวันที่ลอดผ่านผ้าม่านหลังห้องอาหาร
“ว่าแต่..มีใครไปอีกหรือเปล่าคะ”
มุกดาถามเพิ่ม ก่อนจะวางแคตตาล็อกลงแล้วหันมาจัดการอาหารที่เย็นชืดในจาน
“ก็..มีหวานเพื่อนพี่หนึ่งคนล่ะ”
แพรวาเลือกตอบเพียงครึ่งเดียว ไส้กรอกที่ยัดเข้าปากค้างอยู่แค่นั้นเมื่อได้ยิน มุกดาชะงักกึก หล่อนไม่น่ารีบรับปากพี่สาวเลย ถ้ารู้ว่าเพื่อนหน้าหวานของแพรวาจะไปด้วย หล่อนคงเลือกที่จะดูทีวีเหงาๆคนเดียวในบ้าน ทำไมน่ะหรือ..หล่อนรู้สึกไม่ถูกชะตากับผู้หญิงคนนี้เอาเสียเลย
ไพลินเดินผ่านห้องอาหารไปเมื่อครู่ มุกดาเห็นหลังไวๆอยู่ แต่ไม่กล้าเรียกพี่สาวอย่างที่ตั้งใจ เมื่อเห็นคุณครูเจ้าระเบียบเดินก้มหน้าก้มตาอ่านจดหมายในมือแถมยังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เหมือนถูกใจข้อความในนั้นนักหนา เดือนกว่าๆแล้วที่หล่อนเห็นอาการแบบนี้ของพี่สาว ไพลินมักจะไปยืนชะเง้อรอการมาถึงของไปรษณีย์ แล้วก็รับจดหมายเดินถือเข้ามาเปิดอ่านอย่างตั้งอกตั้งใจ บางทีก็เห็นหยิบจดหมายซองเดิมขึ้นมาอ่านในห้องนั่งเล่น
เป็นว่าเช้าวันนั้น มุกดาก็เลยไม่ได้ชวนไพลินไปนั่งดูพี่สาวคนสวยเล่นเทนนิสอย่างที่ตั้งใจ หล่อนคงต้องไปนั่งฟังคุณพี่หน้าหวานคนนั้นพูดจากระแนะกระแหนจนหูชาอย่างไม่มีทางเลือก
ลานเทนนิสที่นั่นพื้นที่กว้างยาวตามมาตรฐานระดับสากล มีต้นไม้ใหญ่เขียวครึ้มโอบล้อมโดยรอบ ยามเย็นใกล้พลบค่ำ ท้องฟ้าเปลี่ยนฉากเป็นสีชมพูอมส้ม ผู้คนเดินผ่านคอร์ดอยู่ทั้งด้านนอก และคนที่มารอต่อคิวส่วนหนึ่งก็มานั่งเล่นบนม้านั่ง บรรยากาศน่าจะครื้นเครงอบอุ่น ทว่ามุกดากับรู้สึกเงียบเหงาจับหัวใจ
หล่อนเพิ่งมารู้ตัวว่าตัดสินใจผิดถนัด..เมื่อผู้ร่วมวงเล่นเทนนิส ไม่ได้มีเพียงมานิตา เพื่อนสาวหน้าหวานเป็นไอศกรีมราดนั้นเชื่อมของดีไซเนอร์คนสวย ทว่ามี กวิน..เจ้านายหล่อนรวมอยู่ด้วย
แพรวายืนสวยเด่นอยู่ฝั่งตรงข้ามกวิน หล่อนสวมชุดกีฬาสีขาวแนบเนื้อ กางเกงขาสั้นแค่คืบ ตามแบบฉบับสาวอเมริกัน ร่างสูงระหง ใบหน้าเรียวล้อมด้วยผมละเอียดสีดำสนิท บัดนี้ถูกรวบขมวดขึ้นเป็นมวยสูง ยิ่งทำให้หน้าที่เรียวอยู่แล้วสวยเฉี่ยวขึ้นไปอีก มุกดายอมรับว่าทั้งอิจฉาและชื่นชมในความสมบูรณ์แบบของพี่สาว แพรวาเก่งรอบด้านทั้งการเรียน กีฬา ดนตรี ร้องเพลง ทำอาหารและอีกสารพัดอย่างที่มุกดาไม่อยากเชื่อว่าจะรวมอยู่ในตัวผู้หญิงคนเดียวได้
กีฬาที่พี่สาวหล่อนถนัดเป็นพิเศษคือว่ายน้ำ หล่อนยังจำได้ว่าแพรวาสวยเซ็กซี่ในชุดวันพีชตั้งแต่สมัยยังอยู่มัธยมปลาย ท่วงท่าตั้งแต่กระโดดลงสระ ไปจนถึงสะบัดลวดลายพลิ้วไหวในน้ำราวกับนางเงือก มันช่างดูมีเสน่ห์ดึงดูดสายตาทุกคู่ให้จับจ้องอยู่ที่หล่อนคนเดียว อีกอย่างที่แพรวาทำได้ดีไม่แพ้กันก็คือ เทนนิส มุกดาเคยเกาะติดตามเชียร์พี่สาวยังไง วันนี้หล่อนก็ยังคงเป็นอย่างนั้นไม่เปลี่ยน
กวินหวดแร็กเก็ตได้รวดเร็วฉับไว ฝีมือไม่แพ้พี่สาวของหล่อน วันนี้เขาดูจะมีสมาธิกับเครื่องเล่นในมือ ลูกกลมๆ แล้วก็คู่แข่งฝั่งตรงข้ามเป็นพิเศษ จดจ่อมากถึงขนาดไม่มีแม้สักเสี้ยววินาทีเดียวที่เขาจะวอกแวกเหลือบมามองทางหล่อนบ้าง เจ้านายหนุ่มทำเหมือนไม่สนใจหล่อนตั้งแต่แรกที่ลงมาจากรถแล้ว ทุกขณะ ทุกย่างก้าว เขามีแต่แพรวา พี่สาวคนสวยเพียงคนเดียวเท่านั้น เหมือนอยู่ในโลกส่วนตัวกันแค่สองคน ถึงแม้มานิตา จะพยายามเบนความสนใจของชายหนุ่มแค่ไหน แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ ก็ดีอยู่อย่างที่ทำให้สาวหน้าหวานไม่หันมาหาเรื่องพูดแขวะหล่อนอีก..มุกดาพยายามหาเรื่องดีสำหรับเย็นนี้ก็เห็นจะมีอยู่อย่างเดียว
ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง มานิตาขอเสนอตัวเข้าไปเป็นคู่แข่งของกวินบ้าง มุกดาเห็นพี่สาวหล่อนพยักหน้ายิ้มๆ ไม่ได้ว่าอะไร หรือมีท่าทีไม่พอใจเพื่อนสนิท ดีไซเนอร์สาวยื่นแร็กเก็ตสีหวานให้เพื่อนโดยดี ส่วนตัวเองก็เดินออกจากสนามมานั่งข้างน้องสาว
“ไงเรา..เบื่อรึเปล่านั่งเหงาอยู่อย่างนี้”
คือคำทักแรกเมื่อสาวสวยหย่อนก้นลงนั่งบนเก้าอี้พลาสติกสีขาว มุกดารินน้ำเปล่าใส่แก้วที่เตรียมไว้บนโต๊ะข้างๆ แล้วยื่นให้พี่สาวก่อนบอก
“ไม่หรอกค่ะ..ดีกว่าตีลูกเทนนิสไปโดนหัวใครตั้งเยอะ”
ดวงหน้าเรียวปะพรมไปด้วยเหงื่อแต่ก็เคลือบความสุขเป็นพิเศษชนิดที่มุกดาไม่เคยเห็นมาก่อน พี่สาวหล่อนหัวเราะน้อยๆ
“แน่ใจนะว่าไม่อยากลงไปเล่นสักเกม”
มุกดาส่ายหน้ารัวจนลูกผมกระจายเคลียแก้ม
“ไม่ล่ะค่ะ นั่งดูคนเก่งเขาเล่นกันสนุกกว่า”
สองสาวหาเรื่องมาคุยกันต่ออีกยาว จนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน มุกดาไม่ได้หันไปสนใจนักกีฬาบนลานเทนนิสเลย ไม่มีโอกาสได้เห็นว่ามานิตาก็มีฝีไม้ลายมือไม่เบา หล่อนรับลูกกลมๆจากฝ่ายตรงข้ามได้รวดเร็ว คล่องแคล่ว แต่ก็ยังไม่ทันความไวกว่าของกวินในหลายๆครั้ง พอเห็นได้ว่าชั่วโมงบินยังไม่สูสีกับแพรวาเท่าไหร่นัก
มานิตาปล่อยน้องสาวคนเล็กของเพื่อนให้นั่งสบายหูมาได้ตลอดตั้งแต่พบกันครั้งล่าสุด ทว่าไม่มีใครคาดคิดเมื่อจู่ๆ สาวเจ้าก็ตะโกนเรียกเข้ามาเสียงหวาน
“น้องไข่มุก..เข้ามาเล่นด้วยกันเถอะ”
ครั้งแรกที่มุกดาเห็นกวินเบนความสนใจมาทางหล่อนได้ สายตาเขาจับจ้องเหมือนรอคอยคำตอบของหล่อนอยู่
“ยายไข่มุกเล่นไม่เก่ง ขอนั่งดูเฉยๆ”
แพรวาตอบแทนน้องสาว ทำไมหล่อนจะไม่รู้ว่าเพื่อนสาวก็รู้ประวัติน้องเล็กคนนี้ดี ทั้งประวัติว่าเล่นเทนนิสไม่เก่ง แล้วก็ประวัติที่เคยมีเรื่องกับเชียร์ลีดเดอร์ของโรงเรียน แต่หล่อนก็บอกเป็นการย้ำเตือน เมื่อเห็นมุกดานิ่งอึ้งไป ทำหน้าเหมือนเบื่อโลกขึ้นมากะทันหัน
“เธอก็เข้ามาเล่นด้วยกันนั่นแหละแพร..มาเล่นกันสี่คนเลย แบ่งข้างละสอง”
มานิตาทำเหมือนไม่ได้ยินที่พี่สาวหล่อนบอก มุกดานึกเคืองในใจแต่ก็พูดอะไรไม่ได้
“น้องไข่มุกมาอยู่ฝั่งพี่ก็ได้ แล้วแพรไปอยู่กับคุณวินทางโน้น”
สาวหน้าหวานจัดแจงเสร็จสรรพ
“แต่น้องฉันไม่อยากเล่นนะหวาน”
แพรวาส่งเสียงเตือนอีกครั้ง แต่มานิตากลับยักไหล่ ไม่มีทีท่าจะรับฟังคำเตือนนั้น
“ไหนๆมาแล้ว ปล่อยให้นั่งหง่าวอยู่ยังงั้นน่าเบื่อตาย..จริงไหมน้องไข่มุก”
ท้ายประโยคหล่อนหันไปถามมุกดาหน้าตายิ้มรื่น และไม่ทันให้น้องเล็กของเพื่อนได้ทันแย้ง มานิตาก็ยิงกระสุนนัดแรกสวนไปก่อน
“หรือว่ากลัวอะไรจ๊ะสาวน้อย..กลัวว่าจะทำใครหัว..” สาวหน้าหวานไม่ทันได้ต่อให้เต็มคำว่า “หัวแตก” เสียงเล็กใสของมุกดาก็ดังทะลุโสตประสาทเข้ามาอย่างไม่มีใครคาดคิด
“ไข่มุกเล่นก็ได้ค่ะ..เริ่มกันสักทีซีคะ”
แพรวายกมือขึ้นแตะบ่าน้องสาว มองตาราวกับจะเตือนและถามย้ำไปในตัว ว่าแน่ใจแล้วหรือที่พูดออกไป..
“พี่แพรไปอยู่ฝั่งคุณวินเถอะ ไข่มุกจะเล่น..ไข่มุกไม่กลัวแล้ว”
มุกดาพูดเสียงรัวเร็วเหมือนลิ้นจะพันกัน สีเลือดขึ้นหน้าจนแดงก่ำ แพรวาเห็นน้องสาวเอาจริงก็ไม่กล้าห้ามอะไรอีก หล่อนเดินเข้าสนามไปยืนฝั่งเดียวกับกวิน ไม่ลืมหยิบแร็กเก็ตอีกอันไปด้วย มุกดาสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนจะตัดสินใจคว้าแร็กเก็ตตามไปประจำตำแหน่งฝั่งเดียวกับมานิตา
“ต้องยังงี้ซี..ค่อยสนุกกันหน่อย”
มานิตายกยิ้มมุมปากให้กับน้องสาวหน้าละอ่อน และดูทีท่าจะอ่อนต่อโลกเสียด้วย มุกดาเชื่อว่ายิ้มนั่นไม่ได้ถ่ายทอดออกมากับคำว่า “มิตรไมตรี” ทว่าเป็นยิ้มเหยียดหยันชนิดที่หล่อนเกลียดนัก
เกมนั้นดำเนินไปด้วยความสนุกอย่างที่มานิตาบอกจริงๆ..แต่ไม่ใช่ความสนุกของมุกดา ตลอดเวลาเหมือนหล่อนเป็นเด็กไม่ประสีประสาคนหนึ่งยืนโดดเดี่ยว แปลกแยก อยู่ในลานเทนนิส ทุกคนรับส่งลูกกันอย่างชำนาญ มุกดามองลูกเทนนิสที่กระเด้งผ่านหน้าหล่อนไปยังฝั่งตรงข้าม แล้วย้อนลงมากระทบพื้นฝั่งหล่อนครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกครั้งที่หล่อนพยายามจะก้าวขาสั่นๆออกไปรับลูกเพื่อส่งให้อีกฝั่ง มานิตาก็จะกระโดดเข้ามาเหมือนตั้งใจขวางหน้า แล้วก็จัดการหวดลูกกลมๆนั่นอย่างแม่นยำ ฝั่งแพรวากับกวินคงมัวแต่สนุกกันจึงไม่มีใครสังเกตเห็น ว่ามีหญิงสาวอีกคนยืนเป็นหัวหลักหัวตอ ให้คนริมสนามหัวเราะกันเหมือนตัวตลก
ขณะที่มุกดาตัดสินใจขายหน้าตัวเองด้วยการยกธงขาว หันไปบอกมานิตาว่าหล่อนขอถอนตัวจากเกมส์ หญิงสาวยังไม่ทันได้อ้าปากเอ่ยอะไร ลูกเทนนิสกลมๆ หนักๆ ก็ถูกซัดลงบนศีรษะหล่อนเต็มแรง มุกดารู้สึกมึนงง ชาไปทั้งตัวเหมือนถูกสาบ ความทรงจำในวัยเด็กย้อนกลับคืนมา หล่อนคิดว่านี่อาจเป็นเวรกรรมที่หล่อนเคยทำไว้กับเชียร์ลีดเดอร์ประจำโรงเรียนคนนั้น
มุกดาได้ยินแว่วๆ เหมือนเสียงใสกังวานของแพรวาเรียกชื่อหล่อน อุทานด้วยความตกใจ ปนเปมากับเสียงห้าวของกวิน หล่อนไม่ได้ยินว่าเขาพูดอะไร เพราะเสียงวี้ดว้ายของมานิตาดังแทรกเข้ามาชนิดที่ทำให้คนฟังแสบแก้วหู มากกว่าจะรู้สึกว่าคนพูดเป็นห่วงตน
“ตายและ ตายๆๆๆ เป็นอะไรมากไหมคะน้องไข่มุก”
ไม่พูดเปล่า สาวเจ้าทิ้งแร็กเก็ตลงบนพื้น วิ่งถลาเข้ามาโอบกอดพลางลูบศีรษะเหมือนเป็นห่วงมุกดาสุดชีวิต
“ขอโทษจริงๆ จ้ะ พี่มองไม่เห็น ก็น้องไข่มุกมายืนขวาง ..เอ้ย” เสียงหวานนั่นมีแต่จะระคายโสต และบั่นทอนจิตใจของคนฟังมากกว่าจะทำให้รู้สึกดี
“น้องไข่มุกยืนผิดตำแหน่งน่ะ พี่กำลังมันเลยไม่ทันมอง”
เงานัยน์ตาของแพรวาที่เดินเข้ามาถึงตัวน้องสาวพอดี บอกมานิตาชัดเจนทั้งที่ไม่ได้บรรยายออกมาเป็นคำพูด..ฉันรู้ว่าเธอตั้งใจ
“เอ้า..เลิกเล่นกันดีกว่า หมดสนุกละ” จู่ๆ มานิตาก็ปล่อยมือออกจากน้องสาวคนเล็กของเพื่อน เหมือนหมดอารมณ์ที่จะแกล้งทำดีด้วย “แพร..ฉันอยากกินน้ำปั่นเย็นๆ พาไปซื้อหน่อยซี”
ไม่รอคำตกลงจากเพื่อนสนิท มานิตาคว้าข้อมือดีไซเนอร์สาวแล้วดึงให้เดินออกมาจากลานเทนนิส
“เธอทำอะไรของเธอ..ยายหวาน!”
มุกดาได้ยินเสียงพี่สาวทำเสียงแข็งใส่เพื่อน..หล่อนไม่เคยได้ยินน้ำเสียงชนิดนี้ของพี่สาว มันทำให้หล่อนรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง เมื่อรู้ว่ามีคนอยู่ข้างหล่อน..เห็นใจว่าหล่อนกำลังรู้สึกอย่างไร
“อย่ามามองฉันแบบนี้นะแพร..เธอหาว่าฉันตั้งใจแกล้งน้องเธอหรือยังไง”
มานิตาหลุดปากอย่างคนร้อนตัว หล่อนไม่ชอบสายตาแรงกล้าของเพื่อน และคนอย่างหล่อนก็ไม่สุขุมพอที่จะสำรวมท่าที อดทนสงบปากสงบคำอยู่แล้ว
“ยังไม่มีใครว่าอะไรคุณนะครับ”
เสียงเข้มๆของกวินดังขึ้นมาบ้าง และนี่คือพิกุลดอกแรกของเขาที่ทำให้หล่อนรู้สึกว่าเขาแคร์หล่อนเหมือนกัน..มุกดานึกในใจทั้งที่น้ำตาปริ่มแทบจะล้นออกมาอาบแก้ม
“โอ๊ย อะไรกันเนี่ย ใครจะเล่นต่อก็เล่นกันไปเถอะค่ะ ฉันไปซื้อน้ำคนเดียวก็ได้”
เมื่อเห็นสายตาทุกคนที่พร้อมใจประสานกันมามองหล่อนแบบไม่พอใจ มานิตาจึงทำท่าจะเดินกระฟัดกระเฟียตออกไป
มุกดาทำท่าจะหมุนตัวออกมาหลบข้างสนาม มือบางยกมือขึ้นปิดหน้า น้ำตากำลังจะร่วงริน ทว่าไออุ่นจากมือหนาของใครบางคนรั้งไหล่สองข้างของหล่อนเอาไว้ เสียงนุ่มทุ้มอ่อนโยนที่สุดเท่าที่เคยได้ยินจากปากเขา
“อย่าเพิ่งไป..ผมจะสอนคุณจับแร็กเก็ตให้ถูกวิธี”
ถึงแม้แพรวาจะเดินห่างออกมาเพื่อเตรียมนั่งพักเหนื่อยริมสนาม แต่การกระทำทุกอย่างของกวินยังอยู่ในสายตาของหล่อน ส่วนมานิตา..หล่อนแค่ทำท่าจะเดินออกไป เพื่อหวังว่าชายหนุ่มจะตามมาง้อ ทว่ากลับผิดคาด หญิงสาวหยุดฝีเท้าไว้แค่นั้น หันกลับมามองเห็นเขากำลังยืนโอบไหล่สาวน้อยคนนั้นเต็มตา
ความรู้สึกที่ว่าเหมือนโลกกำลังจะแตกแต่กลับมีวีรบุรุษขี่ม้าขาวมากอบกู้ช่วยให้รอดพ้นได้ทันเวลามันเป็นแบบนี้นี่เอง...ความหนาวเหน็บในใจค่อยสลายไปแทนที่ด้วยความอบอุ่นทวีตัวขึ้นเหมือนเขากำลังคลี่ผ้านวมเนื้อดีออกมาห่มใจหล่อนไว้
“ต้องจับแบบนี้นะ เลื่อนมือขึ้นไป” กวินอ้อมไปทางด้านหลัง มือข้างหนึ่งจับข้อมือหล่อนด้านที่ไม่ได้ถือแร็กเก็ตให้ยกขึ้นช้าๆ เลื่อนไปจับด้ามแร็กเก็ตในมืออีกข้าง มือข้างหนึ่งของเขาอ้อมมากุมมือบางหล่อนนิ่งอยู่พักหนึ่ง เหมือนตั้งใจจะถ่ายทอดไออุ่นเป็นกำลังใจให้หล่อน ก่อนจะรูดขึ้นไปให้มือแบบบางนั้นเลื่อนไปจับด้ามแร็กเก็ตสูงขึ้น อยู่ในตำแหน่งเหมาะสม ถนัดมือขึ้นกว่าเก่า
“ท่าทางคุณพอรับลูกได้ ผมไม่ห่วง” กวินเอ่ยเสียงดังขึ้น เหมือนตั้งใจจะให้คนที่ยืนมองอยู่ริมสนามได้ยิน
“ใครจะหมดสนุกก็ช่างเขา..ผมจะเล่นกับคุณเอง”
แล้วชายหนุ่มก็ทำหน้าที่เป็นเหมือนพี่เลี้ยงคอยหยอดลูกกลมๆข้ามฝั่งไปให้หล่อนรับ เกมส์ใหม่ดำเนินไปอย่างเชื่องช้า อืดเอื่อย เหมือนมือใหม่หัดเล่นแล้วอีกฝ่ายพยายามประคองอย่างถนอมน้ำใจ บรรยากาศชวนน่าเบื่อเต็มทน ทว่าคนสองคนที่อยู่ตรงข้ามกันกลับรู้สึกเหมือนอยู่ท่ามกลางสายลมอ่อนโยน มองเห็นสายรุ้งพาดโค้งบนขอบฟ้า บรรยากาศสีเทาเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นชมพูอ่อน ฟ้าเริ่มมืดเนื่องจากใกล้พลบค่ำทว่าเหมือนมีแสงตะวันสว่างขึ้นในหัวใจน้อยๆของมุกดา
มานิตาเม้มริมฝีปากบางเข้าหากัน เผลอขบฟันจนเลือดออกรสเค็มปร่า มือสองข้างกำแน่น พายุภายในจะปะทุเดือดภายใต้สีหน้าเรียบนิ่ง...แพรวามองเห็นอาการนั้นของเพื่อนสาว..หล่อนมองด้วยแววตาชนิดหนึ่งที่ไม่มีใครอ่านออกว่าซ่อนอะไรเอาไว้
คืนนั้นพอกลับบ้านหัวถึงหมอนมุกดาก็เกือบจะเคลิ้มหลับเตรียมรอฝันดีๆที่กำลังจะมาเยือน ทว่าเสียงโทรศัพท์มือถือที่วางไว้ข้างโต๊ะโคมไฟก็ดังขัดจังหวะขึ้นมาก่อน หญิงสาวเลิกคิ้วแปลกใจเมื่อเห็นเบอร์แสดงหน้าจอที่ไม่เคยคุ้น..ใครจะอุตส่าห์มีธุระกับหล่อนดึกดื่นแบบนี้นะ หญิงสาวบ่นในใจ
“ฉันขอเตือนไว้นะ..ถ้าไม่เลิกยุ่งกับวิน...แกตาย!”
เท่านั้นเอง..เสียงปลายสายเข้าหูหล่อนแค่นั้น ไม่ทันจะให้ได้ถามไถ่ ว่าใครเป็นใคร ฝั่งโน้นก็ตัดสายทิ้งไปเสียแล้ว ความหนาวเย็นกลับมาเยือนในหัวใจอีกครั้ง
เสียงแหลมเหมือนขึ้นจมูกนิดหนึ่ง..แน่นอนว่าเป็นเสียงผู้หญิง
หางเสียงนั่นหล่อนจำได้ว่าเคยได้ยิน..
มุกดานึกถึงใครไม่ได้อีกนอกจาก..ผู้ไม่ประสงค์ดีคนนั้น!
มุกดาเหลือบไปเห็นรายการอาหารตรงหน้า หญิงสาวนึกหวาดเสียวในใจ..เพทายจะพิโรธแค่ไหนหากมาเห็นเข้า คนอื่นๆ โดยเฉพาะคุณหญิงนารี ผู้เป็นมารดา หล่อนไม่ห่วงอยู่แล้ว รายนี้เข้ากันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ยกับพี่สาวคนสวยของหล่อน ตั้งแต่เจรจาเรื่องขายที่ดินในเรือนกุหลาบให้เจ้านายหล่อนเสร็จสรรพ แพรวาจะทำอะไรคุณหญิงเป็นเห็นดีเห็นงามไปหมดทุกเรื่อง เพราะฉะนั้นเรื่องเมนูอาหารจะเปลี่ยนแบบไปบ้าง ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญที่คุณหญิงจะต้องโวยวาย
“อะไรคะ?”
เสียงเล็กใสเอ่ยถาม เมื่อเห็นนางแบบหุ่นเพรียวสวมชุดดีไซน์เก๋สีแสบตาโพสต์ท่าอยู่บนหน้าปก
“แคตตาล็อกจากห้องเสื้อแบรนด์ดังจ้ะ”
“ห้องเสื้อของพี่แพรหรือคะ..”
น้ำเสียงมีแววตื่นเต้นของน้องสาว ทำให้แพรวายิ้มภาคภูมิใจก่อนพยักหน้าตอบ
“จะว่าไปก็ไม่เชิงหรอกนะ แบรนด์นี้พี่ร่วมหุ้นกับเพื่อนชาวฝรั่งเศสคนนึง เรากำลังจะเปิดสาขาแรกในเมืองไทยวีคหน้า”
ดวงตากลมโตมีประกายระยิบระยับ มุกดายิ้มกว้างจนสุด อุทานออกมาคำหนึ่งด้วยเสียงทึ่งเต็มที่
“นี่เป็นแคตตาล็อกเปิดตัวห้องเสื้อที่ลูกค้าจะได้เห็นวีคหน้า เราเปิดกันที่เซ็นทรัลนะ ไข่มุกได้เห็นเป็นคนแรกเลยเล่มนี้”
“ขอบคุณนะคะพี่แพร..เสื้อสวยๆทั้งนั้นเลย” ลักยิ้มบุ๋มยังไม่จางไปจากใบหน้าสาวน้อย มุกดาพลิกสมุดเล่มนั้นดูด้วยความสนใจ แต่แล้วหล่อนก็ทำปากยู่เหมือนเสียดาย “แต่ว่า..ไข่มุกใส่คงไม่สวยเหมือนนางแบบ”
แพรวาหัวเราะเสียงสวย หล่อนส่ายหน้ามองน้องสาวด้วยความเอ็นดู
“ถ้าใส่สวยเหมือนนางแบบได้ แสดงว่าเธอต้องสวยเท่าดาราฮอลลีวู้ดแล้วล่ะ”
“ฮ้า..นางแบบของพี่แพรหรูถึงขนาดนั้น”
ดีไซเนอร์สาวยักไหล่ ก่อนออกปากด้วยความภาคภูมิ
“แน่ซี..ระดับพี่แล้ว จะเปิดตัวทั้งทีต้องทำเครดิตกันหน่อย”
แพรวาเคี้ยวแฮมที่เพิ่มจิ้มเข้าปากเมื่อครู่ ส่วนมุกดาก็ยังจดจ่ออยู่กับแคตตาล็อกในมือด้วยความทึ่งไม่หาย แม่บ้านเดินมารินน้ำมะพร้าวใส่แก้วของดีไซเนอร์สาว..เมนูนี้หล่อนก็เป็นคนสั่งออเดอร์พิเศษมาเหมือนกัน หล่อนให้เหตุผลว่ามันบำรุงผิวพรรณผู้หญิงเราได้ดีทีเดียว หญิงสาวยกแก้วขึ้นดื่มพอลื่นคอ แล้วหล่อนก็ทำเสียงเหมือนนึกอะไรได้
“เรื่องห้องเสื้อเอาไว้ก่อน วีคหน้าพี่ค่อยเซอร์ไพรส์เราอีกที ว่างไม่ว่างพี่ก็จะชวนวินกะไข่มุกไปงานให้ได้” แพรวาทำเสียงกำชับทำนองไม่ให้คนฟังปฏิเสธได้
ชื่อของเจ้านายหนุ่มทำให้มุกดารู้สึกแปร่งปร่าในหัวใจขึ้นมาอีก หญิงสาวพยายามกล้ำกลืนอารมณ์อย่างยากเย็น แต่หล่อนก็ทำเต็มที่ เพื่อไม่ให้ความในใจหลุดออกมาทางสีหน้า ทว่าแพรวาตาไวกว่าที่หล่อนคิด คิ้วเรียวที่ย่นเข้ามาเล็กน้อย ประกายสดใสบนนิลเจียระไนคู่สวยที่ลดฮวบลงไปของน้องสาว ทำให้สีหน้าชนิดหนึ่งซ้อนทับเข้ามาบนดวงหน้าเรียวสีน้ำผึ้ง ทว่ามุกดาไม่ทันสังเกตเห็น
“เย็นนี้ไปเล่นเทนนิสด้วยกันนะจ๊ะ”
แพรวาชวนดื้อๆ ไม่ถามความเห็นว่าน้องสาวอยากไปหรือไม่ คนฟังแค่ได้ยินคำว่า “เทนนิส” หล่อนก็ทำคอหดเหมือนเจอของเหม็น
“ไข่มุกเล่นไม่เก่งค่ะ อายคนเขา”
“อายทำไม..เล่นไม่เก่งก็ยังดีว่าเล่นไม่เป็น” แพรวายิ้มปลอบ ทำไมหล่อนจะจำไม่ได้ว่า สมัยเรียนมัธยมปลาย มุกดาเคยชื่นชอบกีฬาชนิดนี้มากแค่ไหน หลังจากน้องสาวหล่อนไปเชียร์การแข่งขันเทนนิสระดับภูมิภาคที่หล่อนเป็นตัวแทนโรงเรียนเข้าร่วมการแข่งครั้งนั้น และคว้าชัยชนะกลับมาอย่างน่าภาคภูมิใจ
มุกดาพยายามหัดเล่นเทนนิสตั้งแต่นั้นมา น้องสาวเคยขอร้องให้หล่อนช่วยสอน แต่พอดีช่วงนั้นหล่อนมีกิจกรรมเยอะมาก ด้วยความเป็นนักเรียนเนื้อหอมของอาจารย์ทุกฝ่าย เรียกว่าทั้งโรงเรียนนั่นแหละ จึงไม่มีเวลาได้สอนน้องสาวอย่างที่ตั้งใจ มุกดาจึงต้องเข้าคอร์สเรียนกับครูพละคนหนึ่ง ได้ตีเทนนิสกับฝาผนังอยู่พักใหญ่ พอมาลงสนามเล่นกับลลิตพรรณเข้าครั้งเดียว ก็จัดลูกเทนนิสกลมๆหนักๆไปลงบนหน้าผากสวยของเชียร์ลีดเดอร์ประจำลงเรียนที่บังเอิญโชคร้ายเดินห่างคอร์ดอยู่เกือบสิบเมตร เป็นเรื่องเป็นราวกันยกใหญ่เพราะทำให้สาวสวยคนนั้นอดโชว์ตัวในงานกีฬาประจำภาควันรุ่งขึ้น เนื่องจากแผลที่หน้าผามนปูดนูนจนเสียสวย
“ไม่เอาหรอกค่ะ เดี๋ยวตีลูกเทนนิสไปโดนหัวใครเข้าอีก” มุกดาส่ายหัวดิกเมื่อความหลังผุดพรายเข้ามาในความคิดคำนึง
“ถ้างั้นไปนั่งดูเฉยๆก็ได้”
แพรวาต่อรอง
“ไข่มุกเคยชอบไปนั่งเชียร์พี่ตอนเด็กๆไม่ใช่หรือ.. หลายปีแล้วนะที่พี่ไม่ได้เล่นให้ดูในเมืองไทย”
มุกดาทำท่าลังเล หล่อนไม่ปฏิเสธเลยว่าเคยปลื้มแค่ไหนเมื่อเห็นพี่สาวหวดแร็กเก็ตได้ฉับไวคล่องแคล่ว หล่อนยิ้มตามทุกครั้งที่เห็นดวงตารูปหงส์เล็งแลลูกกลมๆอย่างมีสมาธิ เหมือนดวงตาคมของเหยี่ยว ลีลาวาดแขนสวยสง่า หุ่นเพรียวในชุดกีฬารัดรูป เอวองเคลื่อนไหวพลิ้วราวกับปลิวไปตามลม ช่วงขายาวที่โผล่พ้นกางเกงขาสั้นสีขาวเวลากระโดดบ้าง วิ่งบ้าง หมุนตัวรับลูกบ้าง มันสวย..เท่ มีเสน่ห์เป็นที่สุด
“ไปนั่งดูเฉยๆก็ได้ค่ะ”
มุกดาตัดสินใจตอบตกลง เป็นคำตอบที่ทำให้แพรวายิ้มสวยรับแสงตะวันที่ลอดผ่านผ้าม่านหลังห้องอาหาร
“ว่าแต่..มีใครไปอีกหรือเปล่าคะ”
มุกดาถามเพิ่ม ก่อนจะวางแคตตาล็อกลงแล้วหันมาจัดการอาหารที่เย็นชืดในจาน
“ก็..มีหวานเพื่อนพี่หนึ่งคนล่ะ”
แพรวาเลือกตอบเพียงครึ่งเดียว ไส้กรอกที่ยัดเข้าปากค้างอยู่แค่นั้นเมื่อได้ยิน มุกดาชะงักกึก หล่อนไม่น่ารีบรับปากพี่สาวเลย ถ้ารู้ว่าเพื่อนหน้าหวานของแพรวาจะไปด้วย หล่อนคงเลือกที่จะดูทีวีเหงาๆคนเดียวในบ้าน ทำไมน่ะหรือ..หล่อนรู้สึกไม่ถูกชะตากับผู้หญิงคนนี้เอาเสียเลย
ไพลินเดินผ่านห้องอาหารไปเมื่อครู่ มุกดาเห็นหลังไวๆอยู่ แต่ไม่กล้าเรียกพี่สาวอย่างที่ตั้งใจ เมื่อเห็นคุณครูเจ้าระเบียบเดินก้มหน้าก้มตาอ่านจดหมายในมือแถมยังยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เหมือนถูกใจข้อความในนั้นนักหนา เดือนกว่าๆแล้วที่หล่อนเห็นอาการแบบนี้ของพี่สาว ไพลินมักจะไปยืนชะเง้อรอการมาถึงของไปรษณีย์ แล้วก็รับจดหมายเดินถือเข้ามาเปิดอ่านอย่างตั้งอกตั้งใจ บางทีก็เห็นหยิบจดหมายซองเดิมขึ้นมาอ่านในห้องนั่งเล่น
เป็นว่าเช้าวันนั้น มุกดาก็เลยไม่ได้ชวนไพลินไปนั่งดูพี่สาวคนสวยเล่นเทนนิสอย่างที่ตั้งใจ หล่อนคงต้องไปนั่งฟังคุณพี่หน้าหวานคนนั้นพูดจากระแนะกระแหนจนหูชาอย่างไม่มีทางเลือก
ลานเทนนิสที่นั่นพื้นที่กว้างยาวตามมาตรฐานระดับสากล มีต้นไม้ใหญ่เขียวครึ้มโอบล้อมโดยรอบ ยามเย็นใกล้พลบค่ำ ท้องฟ้าเปลี่ยนฉากเป็นสีชมพูอมส้ม ผู้คนเดินผ่านคอร์ดอยู่ทั้งด้านนอก และคนที่มารอต่อคิวส่วนหนึ่งก็มานั่งเล่นบนม้านั่ง บรรยากาศน่าจะครื้นเครงอบอุ่น ทว่ามุกดากับรู้สึกเงียบเหงาจับหัวใจ
หล่อนเพิ่งมารู้ตัวว่าตัดสินใจผิดถนัด..เมื่อผู้ร่วมวงเล่นเทนนิส ไม่ได้มีเพียงมานิตา เพื่อนสาวหน้าหวานเป็นไอศกรีมราดนั้นเชื่อมของดีไซเนอร์คนสวย ทว่ามี กวิน..เจ้านายหล่อนรวมอยู่ด้วย
แพรวายืนสวยเด่นอยู่ฝั่งตรงข้ามกวิน หล่อนสวมชุดกีฬาสีขาวแนบเนื้อ กางเกงขาสั้นแค่คืบ ตามแบบฉบับสาวอเมริกัน ร่างสูงระหง ใบหน้าเรียวล้อมด้วยผมละเอียดสีดำสนิท บัดนี้ถูกรวบขมวดขึ้นเป็นมวยสูง ยิ่งทำให้หน้าที่เรียวอยู่แล้วสวยเฉี่ยวขึ้นไปอีก มุกดายอมรับว่าทั้งอิจฉาและชื่นชมในความสมบูรณ์แบบของพี่สาว แพรวาเก่งรอบด้านทั้งการเรียน กีฬา ดนตรี ร้องเพลง ทำอาหารและอีกสารพัดอย่างที่มุกดาไม่อยากเชื่อว่าจะรวมอยู่ในตัวผู้หญิงคนเดียวได้
กีฬาที่พี่สาวหล่อนถนัดเป็นพิเศษคือว่ายน้ำ หล่อนยังจำได้ว่าแพรวาสวยเซ็กซี่ในชุดวันพีชตั้งแต่สมัยยังอยู่มัธยมปลาย ท่วงท่าตั้งแต่กระโดดลงสระ ไปจนถึงสะบัดลวดลายพลิ้วไหวในน้ำราวกับนางเงือก มันช่างดูมีเสน่ห์ดึงดูดสายตาทุกคู่ให้จับจ้องอยู่ที่หล่อนคนเดียว อีกอย่างที่แพรวาทำได้ดีไม่แพ้กันก็คือ เทนนิส มุกดาเคยเกาะติดตามเชียร์พี่สาวยังไง วันนี้หล่อนก็ยังคงเป็นอย่างนั้นไม่เปลี่ยน
กวินหวดแร็กเก็ตได้รวดเร็วฉับไว ฝีมือไม่แพ้พี่สาวของหล่อน วันนี้เขาดูจะมีสมาธิกับเครื่องเล่นในมือ ลูกกลมๆ แล้วก็คู่แข่งฝั่งตรงข้ามเป็นพิเศษ จดจ่อมากถึงขนาดไม่มีแม้สักเสี้ยววินาทีเดียวที่เขาจะวอกแวกเหลือบมามองทางหล่อนบ้าง เจ้านายหนุ่มทำเหมือนไม่สนใจหล่อนตั้งแต่แรกที่ลงมาจากรถแล้ว ทุกขณะ ทุกย่างก้าว เขามีแต่แพรวา พี่สาวคนสวยเพียงคนเดียวเท่านั้น เหมือนอยู่ในโลกส่วนตัวกันแค่สองคน ถึงแม้มานิตา จะพยายามเบนความสนใจของชายหนุ่มแค่ไหน แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ ก็ดีอยู่อย่างที่ทำให้สาวหน้าหวานไม่หันมาหาเรื่องพูดแขวะหล่อนอีก..มุกดาพยายามหาเรื่องดีสำหรับเย็นนี้ก็เห็นจะมีอยู่อย่างเดียว
ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง มานิตาขอเสนอตัวเข้าไปเป็นคู่แข่งของกวินบ้าง มุกดาเห็นพี่สาวหล่อนพยักหน้ายิ้มๆ ไม่ได้ว่าอะไร หรือมีท่าทีไม่พอใจเพื่อนสนิท ดีไซเนอร์สาวยื่นแร็กเก็ตสีหวานให้เพื่อนโดยดี ส่วนตัวเองก็เดินออกจากสนามมานั่งข้างน้องสาว
“ไงเรา..เบื่อรึเปล่านั่งเหงาอยู่อย่างนี้”
คือคำทักแรกเมื่อสาวสวยหย่อนก้นลงนั่งบนเก้าอี้พลาสติกสีขาว มุกดารินน้ำเปล่าใส่แก้วที่เตรียมไว้บนโต๊ะข้างๆ แล้วยื่นให้พี่สาวก่อนบอก
“ไม่หรอกค่ะ..ดีกว่าตีลูกเทนนิสไปโดนหัวใครตั้งเยอะ”
ดวงหน้าเรียวปะพรมไปด้วยเหงื่อแต่ก็เคลือบความสุขเป็นพิเศษชนิดที่มุกดาไม่เคยเห็นมาก่อน พี่สาวหล่อนหัวเราะน้อยๆ
“แน่ใจนะว่าไม่อยากลงไปเล่นสักเกม”
มุกดาส่ายหน้ารัวจนลูกผมกระจายเคลียแก้ม
“ไม่ล่ะค่ะ นั่งดูคนเก่งเขาเล่นกันสนุกกว่า”
สองสาวหาเรื่องมาคุยกันต่ออีกยาว จนไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหน มุกดาไม่ได้หันไปสนใจนักกีฬาบนลานเทนนิสเลย ไม่มีโอกาสได้เห็นว่ามานิตาก็มีฝีไม้ลายมือไม่เบา หล่อนรับลูกกลมๆจากฝ่ายตรงข้ามได้รวดเร็ว คล่องแคล่ว แต่ก็ยังไม่ทันความไวกว่าของกวินในหลายๆครั้ง พอเห็นได้ว่าชั่วโมงบินยังไม่สูสีกับแพรวาเท่าไหร่นัก
มานิตาปล่อยน้องสาวคนเล็กของเพื่อนให้นั่งสบายหูมาได้ตลอดตั้งแต่พบกันครั้งล่าสุด ทว่าไม่มีใครคาดคิดเมื่อจู่ๆ สาวเจ้าก็ตะโกนเรียกเข้ามาเสียงหวาน
“น้องไข่มุก..เข้ามาเล่นด้วยกันเถอะ”
ครั้งแรกที่มุกดาเห็นกวินเบนความสนใจมาทางหล่อนได้ สายตาเขาจับจ้องเหมือนรอคอยคำตอบของหล่อนอยู่
“ยายไข่มุกเล่นไม่เก่ง ขอนั่งดูเฉยๆ”
แพรวาตอบแทนน้องสาว ทำไมหล่อนจะไม่รู้ว่าเพื่อนสาวก็รู้ประวัติน้องเล็กคนนี้ดี ทั้งประวัติว่าเล่นเทนนิสไม่เก่ง แล้วก็ประวัติที่เคยมีเรื่องกับเชียร์ลีดเดอร์ของโรงเรียน แต่หล่อนก็บอกเป็นการย้ำเตือน เมื่อเห็นมุกดานิ่งอึ้งไป ทำหน้าเหมือนเบื่อโลกขึ้นมากะทันหัน
“เธอก็เข้ามาเล่นด้วยกันนั่นแหละแพร..มาเล่นกันสี่คนเลย แบ่งข้างละสอง”
มานิตาทำเหมือนไม่ได้ยินที่พี่สาวหล่อนบอก มุกดานึกเคืองในใจแต่ก็พูดอะไรไม่ได้
“น้องไข่มุกมาอยู่ฝั่งพี่ก็ได้ แล้วแพรไปอยู่กับคุณวินทางโน้น”
สาวหน้าหวานจัดแจงเสร็จสรรพ
“แต่น้องฉันไม่อยากเล่นนะหวาน”
แพรวาส่งเสียงเตือนอีกครั้ง แต่มานิตากลับยักไหล่ ไม่มีทีท่าจะรับฟังคำเตือนนั้น
“ไหนๆมาแล้ว ปล่อยให้นั่งหง่าวอยู่ยังงั้นน่าเบื่อตาย..จริงไหมน้องไข่มุก”
ท้ายประโยคหล่อนหันไปถามมุกดาหน้าตายิ้มรื่น และไม่ทันให้น้องเล็กของเพื่อนได้ทันแย้ง มานิตาก็ยิงกระสุนนัดแรกสวนไปก่อน
“หรือว่ากลัวอะไรจ๊ะสาวน้อย..กลัวว่าจะทำใครหัว..” สาวหน้าหวานไม่ทันได้ต่อให้เต็มคำว่า “หัวแตก” เสียงเล็กใสของมุกดาก็ดังทะลุโสตประสาทเข้ามาอย่างไม่มีใครคาดคิด
“ไข่มุกเล่นก็ได้ค่ะ..เริ่มกันสักทีซีคะ”
แพรวายกมือขึ้นแตะบ่าน้องสาว มองตาราวกับจะเตือนและถามย้ำไปในตัว ว่าแน่ใจแล้วหรือที่พูดออกไป..
“พี่แพรไปอยู่ฝั่งคุณวินเถอะ ไข่มุกจะเล่น..ไข่มุกไม่กลัวแล้ว”
มุกดาพูดเสียงรัวเร็วเหมือนลิ้นจะพันกัน สีเลือดขึ้นหน้าจนแดงก่ำ แพรวาเห็นน้องสาวเอาจริงก็ไม่กล้าห้ามอะไรอีก หล่อนเดินเข้าสนามไปยืนฝั่งเดียวกับกวิน ไม่ลืมหยิบแร็กเก็ตอีกอันไปด้วย มุกดาสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด ก่อนจะตัดสินใจคว้าแร็กเก็ตตามไปประจำตำแหน่งฝั่งเดียวกับมานิตา
“ต้องยังงี้ซี..ค่อยสนุกกันหน่อย”
มานิตายกยิ้มมุมปากให้กับน้องสาวหน้าละอ่อน และดูทีท่าจะอ่อนต่อโลกเสียด้วย มุกดาเชื่อว่ายิ้มนั่นไม่ได้ถ่ายทอดออกมากับคำว่า “มิตรไมตรี” ทว่าเป็นยิ้มเหยียดหยันชนิดที่หล่อนเกลียดนัก
เกมนั้นดำเนินไปด้วยความสนุกอย่างที่มานิตาบอกจริงๆ..แต่ไม่ใช่ความสนุกของมุกดา ตลอดเวลาเหมือนหล่อนเป็นเด็กไม่ประสีประสาคนหนึ่งยืนโดดเดี่ยว แปลกแยก อยู่ในลานเทนนิส ทุกคนรับส่งลูกกันอย่างชำนาญ มุกดามองลูกเทนนิสที่กระเด้งผ่านหน้าหล่อนไปยังฝั่งตรงข้าม แล้วย้อนลงมากระทบพื้นฝั่งหล่อนครั้งแล้วครั้งเล่า ทุกครั้งที่หล่อนพยายามจะก้าวขาสั่นๆออกไปรับลูกเพื่อส่งให้อีกฝั่ง มานิตาก็จะกระโดดเข้ามาเหมือนตั้งใจขวางหน้า แล้วก็จัดการหวดลูกกลมๆนั่นอย่างแม่นยำ ฝั่งแพรวากับกวินคงมัวแต่สนุกกันจึงไม่มีใครสังเกตเห็น ว่ามีหญิงสาวอีกคนยืนเป็นหัวหลักหัวตอ ให้คนริมสนามหัวเราะกันเหมือนตัวตลก
ขณะที่มุกดาตัดสินใจขายหน้าตัวเองด้วยการยกธงขาว หันไปบอกมานิตาว่าหล่อนขอถอนตัวจากเกมส์ หญิงสาวยังไม่ทันได้อ้าปากเอ่ยอะไร ลูกเทนนิสกลมๆ หนักๆ ก็ถูกซัดลงบนศีรษะหล่อนเต็มแรง มุกดารู้สึกมึนงง ชาไปทั้งตัวเหมือนถูกสาบ ความทรงจำในวัยเด็กย้อนกลับคืนมา หล่อนคิดว่านี่อาจเป็นเวรกรรมที่หล่อนเคยทำไว้กับเชียร์ลีดเดอร์ประจำโรงเรียนคนนั้น
มุกดาได้ยินแว่วๆ เหมือนเสียงใสกังวานของแพรวาเรียกชื่อหล่อน อุทานด้วยความตกใจ ปนเปมากับเสียงห้าวของกวิน หล่อนไม่ได้ยินว่าเขาพูดอะไร เพราะเสียงวี้ดว้ายของมานิตาดังแทรกเข้ามาชนิดที่ทำให้คนฟังแสบแก้วหู มากกว่าจะรู้สึกว่าคนพูดเป็นห่วงตน
“ตายและ ตายๆๆๆ เป็นอะไรมากไหมคะน้องไข่มุก”
ไม่พูดเปล่า สาวเจ้าทิ้งแร็กเก็ตลงบนพื้น วิ่งถลาเข้ามาโอบกอดพลางลูบศีรษะเหมือนเป็นห่วงมุกดาสุดชีวิต
“ขอโทษจริงๆ จ้ะ พี่มองไม่เห็น ก็น้องไข่มุกมายืนขวาง ..เอ้ย” เสียงหวานนั่นมีแต่จะระคายโสต และบั่นทอนจิตใจของคนฟังมากกว่าจะทำให้รู้สึกดี
“น้องไข่มุกยืนผิดตำแหน่งน่ะ พี่กำลังมันเลยไม่ทันมอง”
เงานัยน์ตาของแพรวาที่เดินเข้ามาถึงตัวน้องสาวพอดี บอกมานิตาชัดเจนทั้งที่ไม่ได้บรรยายออกมาเป็นคำพูด..ฉันรู้ว่าเธอตั้งใจ
“เอ้า..เลิกเล่นกันดีกว่า หมดสนุกละ” จู่ๆ มานิตาก็ปล่อยมือออกจากน้องสาวคนเล็กของเพื่อน เหมือนหมดอารมณ์ที่จะแกล้งทำดีด้วย “แพร..ฉันอยากกินน้ำปั่นเย็นๆ พาไปซื้อหน่อยซี”
ไม่รอคำตกลงจากเพื่อนสนิท มานิตาคว้าข้อมือดีไซเนอร์สาวแล้วดึงให้เดินออกมาจากลานเทนนิส
“เธอทำอะไรของเธอ..ยายหวาน!”
มุกดาได้ยินเสียงพี่สาวทำเสียงแข็งใส่เพื่อน..หล่อนไม่เคยได้ยินน้ำเสียงชนิดนี้ของพี่สาว มันทำให้หล่อนรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง เมื่อรู้ว่ามีคนอยู่ข้างหล่อน..เห็นใจว่าหล่อนกำลังรู้สึกอย่างไร
“อย่ามามองฉันแบบนี้นะแพร..เธอหาว่าฉันตั้งใจแกล้งน้องเธอหรือยังไง”
มานิตาหลุดปากอย่างคนร้อนตัว หล่อนไม่ชอบสายตาแรงกล้าของเพื่อน และคนอย่างหล่อนก็ไม่สุขุมพอที่จะสำรวมท่าที อดทนสงบปากสงบคำอยู่แล้ว
“ยังไม่มีใครว่าอะไรคุณนะครับ”
เสียงเข้มๆของกวินดังขึ้นมาบ้าง และนี่คือพิกุลดอกแรกของเขาที่ทำให้หล่อนรู้สึกว่าเขาแคร์หล่อนเหมือนกัน..มุกดานึกในใจทั้งที่น้ำตาปริ่มแทบจะล้นออกมาอาบแก้ม
“โอ๊ย อะไรกันเนี่ย ใครจะเล่นต่อก็เล่นกันไปเถอะค่ะ ฉันไปซื้อน้ำคนเดียวก็ได้”
เมื่อเห็นสายตาทุกคนที่พร้อมใจประสานกันมามองหล่อนแบบไม่พอใจ มานิตาจึงทำท่าจะเดินกระฟัดกระเฟียตออกไป
มุกดาทำท่าจะหมุนตัวออกมาหลบข้างสนาม มือบางยกมือขึ้นปิดหน้า น้ำตากำลังจะร่วงริน ทว่าไออุ่นจากมือหนาของใครบางคนรั้งไหล่สองข้างของหล่อนเอาไว้ เสียงนุ่มทุ้มอ่อนโยนที่สุดเท่าที่เคยได้ยินจากปากเขา
“อย่าเพิ่งไป..ผมจะสอนคุณจับแร็กเก็ตให้ถูกวิธี”
ถึงแม้แพรวาจะเดินห่างออกมาเพื่อเตรียมนั่งพักเหนื่อยริมสนาม แต่การกระทำทุกอย่างของกวินยังอยู่ในสายตาของหล่อน ส่วนมานิตา..หล่อนแค่ทำท่าจะเดินออกไป เพื่อหวังว่าชายหนุ่มจะตามมาง้อ ทว่ากลับผิดคาด หญิงสาวหยุดฝีเท้าไว้แค่นั้น หันกลับมามองเห็นเขากำลังยืนโอบไหล่สาวน้อยคนนั้นเต็มตา
ความรู้สึกที่ว่าเหมือนโลกกำลังจะแตกแต่กลับมีวีรบุรุษขี่ม้าขาวมากอบกู้ช่วยให้รอดพ้นได้ทันเวลามันเป็นแบบนี้นี่เอง...ความหนาวเหน็บในใจค่อยสลายไปแทนที่ด้วยความอบอุ่นทวีตัวขึ้นเหมือนเขากำลังคลี่ผ้านวมเนื้อดีออกมาห่มใจหล่อนไว้
“ต้องจับแบบนี้นะ เลื่อนมือขึ้นไป” กวินอ้อมไปทางด้านหลัง มือข้างหนึ่งจับข้อมือหล่อนด้านที่ไม่ได้ถือแร็กเก็ตให้ยกขึ้นช้าๆ เลื่อนไปจับด้ามแร็กเก็ตในมืออีกข้าง มือข้างหนึ่งของเขาอ้อมมากุมมือบางหล่อนนิ่งอยู่พักหนึ่ง เหมือนตั้งใจจะถ่ายทอดไออุ่นเป็นกำลังใจให้หล่อน ก่อนจะรูดขึ้นไปให้มือแบบบางนั้นเลื่อนไปจับด้ามแร็กเก็ตสูงขึ้น อยู่ในตำแหน่งเหมาะสม ถนัดมือขึ้นกว่าเก่า
“ท่าทางคุณพอรับลูกได้ ผมไม่ห่วง” กวินเอ่ยเสียงดังขึ้น เหมือนตั้งใจจะให้คนที่ยืนมองอยู่ริมสนามได้ยิน
“ใครจะหมดสนุกก็ช่างเขา..ผมจะเล่นกับคุณเอง”
แล้วชายหนุ่มก็ทำหน้าที่เป็นเหมือนพี่เลี้ยงคอยหยอดลูกกลมๆข้ามฝั่งไปให้หล่อนรับ เกมส์ใหม่ดำเนินไปอย่างเชื่องช้า อืดเอื่อย เหมือนมือใหม่หัดเล่นแล้วอีกฝ่ายพยายามประคองอย่างถนอมน้ำใจ บรรยากาศชวนน่าเบื่อเต็มทน ทว่าคนสองคนที่อยู่ตรงข้ามกันกลับรู้สึกเหมือนอยู่ท่ามกลางสายลมอ่อนโยน มองเห็นสายรุ้งพาดโค้งบนขอบฟ้า บรรยากาศสีเทาเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นชมพูอ่อน ฟ้าเริ่มมืดเนื่องจากใกล้พลบค่ำทว่าเหมือนมีแสงตะวันสว่างขึ้นในหัวใจน้อยๆของมุกดา
มานิตาเม้มริมฝีปากบางเข้าหากัน เผลอขบฟันจนเลือดออกรสเค็มปร่า มือสองข้างกำแน่น พายุภายในจะปะทุเดือดภายใต้สีหน้าเรียบนิ่ง...แพรวามองเห็นอาการนั้นของเพื่อนสาว..หล่อนมองด้วยแววตาชนิดหนึ่งที่ไม่มีใครอ่านออกว่าซ่อนอะไรเอาไว้
คืนนั้นพอกลับบ้านหัวถึงหมอนมุกดาก็เกือบจะเคลิ้มหลับเตรียมรอฝันดีๆที่กำลังจะมาเยือน ทว่าเสียงโทรศัพท์มือถือที่วางไว้ข้างโต๊ะโคมไฟก็ดังขัดจังหวะขึ้นมาก่อน หญิงสาวเลิกคิ้วแปลกใจเมื่อเห็นเบอร์แสดงหน้าจอที่ไม่เคยคุ้น..ใครจะอุตส่าห์มีธุระกับหล่อนดึกดื่นแบบนี้นะ หญิงสาวบ่นในใจ
“ฉันขอเตือนไว้นะ..ถ้าไม่เลิกยุ่งกับวิน...แกตาย!”
เท่านั้นเอง..เสียงปลายสายเข้าหูหล่อนแค่นั้น ไม่ทันจะให้ได้ถามไถ่ ว่าใครเป็นใคร ฝั่งโน้นก็ตัดสายทิ้งไปเสียแล้ว ความหนาวเย็นกลับมาเยือนในหัวใจอีกครั้ง
เสียงแหลมเหมือนขึ้นจมูกนิดหนึ่ง..แน่นอนว่าเป็นเสียงผู้หญิง
หางเสียงนั่นหล่อนจำได้ว่าเคยได้ยิน..
มุกดานึกถึงใครไม่ได้อีกนอกจาก..ผู้ไม่ประสงค์ดีคนนั้น!
ศิลาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 มิ.ย. 2555, 00:47:42 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 มิ.ย. 2555, 00:47:42 น.
จำนวนการเข้าชม : 1619
<< บทที่๑๑ กุหลาบสีเขียว(กำลังจะ)ผลิบาน ๒/๒ | บทที่ ๑๓ ฝันสมจริง >> |
เดิมเดิม 5 มิ.ย. 2555, 18:45:58 น.
ยัยหวานจะแย่งกะยัยแพรเองซะงั้น หรือเปล่า รอค่ะ
ยัยหวานจะแย่งกะยัยแพรเองซะงั้น หรือเปล่า รอค่ะ
ศิลาริน 5 มิ.ย. 2555, 19:02:46 น.
แพรวาไม่ยอมง่ายๆหรอกค่ะ ขอบคุณที่ติดตามนะคะ^^
แพรวาไม่ยอมง่ายๆหรอกค่ะ ขอบคุณที่ติดตามนะคะ^^
แล่นแต๊ 5 มิ.ย. 2555, 23:35:38 น.
ไข่มุกเอ๊ย จะรอดมั๊ยเนี่ย
ไข่มุกเอ๊ย จะรอดมั๊ยเนี่ย