เสน่หาในเพลิงแค้น
ความรักของ 'ธนาดล' ผลิบานท่ามกลางความแค้นที่รอวันสะสาง 'ธนาดล' จะทำเช่นไรหากต้องเลือกระหว่างความรักกับความแค้นที่มีตัวแปรชื่อ 'รัตติกาล' เจ้าของหัวใจที่หักห้ามรักร้อนจากเขาคนนั้น เมื่อปฏิเสธความรักอันหอมหวาน หากผลักไสแล้วใจกลับร้าวราน หัวใจดวงนี้ฤาไม่ใช่ของเธออีกต่อไป
Tags: สโนไวท์

ตอน: บทที่ 5

บทที่ 5

บรรดานักเสี่ยงโชคในบ่อนการพนันต่างมองสักรินทร์อย่างสนใจ เมื่อมือหนาเขากุมมือสาวน้อยหน้าหวาน กระชากให้เธอตามเขาไปอย่างไม่เต็มใจ เพีียงครู่เดียวที่สองคนลับตาไป พวกเขาหันไปสนใจอบายมุขตรงหน้าต่อ

ภานุมาศตัวลีบ กุ้มหน้างุดเดินตามแรงกระชากของสักรินทร์ ไม่ว่าเขาจะพาเธอไปลงนรกหรือขึ้นสวรรค์ที่ไหนเธอก็ไม่เกี่ยง หากต้องตกอยู่ท่ามกลางสายตาแทะโลมหลายคู่ที่มองเธอไม่วางตาราวกับเธอเป็นขนมแสนหวาน

ทันทีที่เขาเปิดประตู เผยให้เห็นห้องสีขาวที่ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สีดำหรูหราบ่งบอกถึงรสนิยมเจ้าของห้องได้เป็นอย่างดี บนโซฟามีหญิงสาวนั่งไขว้ห้างพลิกนิตยสารราคาแพงอ่านรออยู่แล้ว

“คุณรินหายไปไหนมาคะ หนิงคิดถึงคุณจัง” เสียงหวานของหญิงสาวในชุดเกาะอกสีแดงเพลิงกับกระโปรงสั้นสีขาวลุกขึ้นเอ่ยทักสักรินทร์อย่างดีใจ

“ผมมีธุระนิดหน่อยครับ ผมก็คิดถึงหนิงจะแย่” สักรินทร์ตอบเสียงหวานเอาใจหญิงสาวที่ชื่อหนิง ปล่อยให้ภานุมาศเป็นอิสระก่อนอ้าแขนให้เธอเข้ามาในอ้อมกอด

“ไม่เชื่อค่ะ รินต้องพิสูจน์”

“ผมจะพิสูจน์ให้หนิงเห็นว่าผมคิดถึงคุณมากแค่ไหน” สักรินทร์ใช้กำลังที่มากกว่ากดสะโพกหญิงสาวให้แนบกับความตื่นตัวของเขาเพียงกางเกงกั้น

“อุ๊ย” ร่างในอ้อมแขนแกร่งของสักรินทร์อุทานอย่างตกใจเล็กน้อยเมื่อเห็นว่ามีบุคคลที่สามภายในห้อง

“จะสนคนอื่นทำไมครับ”

สักรินทร์ผลักร่างบางให้นั่งบนโซฟาแล้วก้มลงจูบเธอช้าๆ สองมือลูบไล้ไปตามเรือนร่างของหญิงสาวตรงหน้า ไม่สนใจภานุมาศที่ดวงตาเบิกกว้างกับภาพการแสดงความรักของคนทั้งคู่

หนิงอยากจะห้ามเพราะเธอไม่อยากให้ใครอยู่ร่วมบทรักอันดุเดือดของเธอและสักรินทร์ แต่ความต้องการที่ต้องเก็บเอาไว้ และอารมณ์ที่ถูกสักรินทร์เร้าขึ้นมา ไม่อาจทำให้เธอปฏิเสธความต้องการทางร่างกายได้

ภานุมาศแข้งขาสั่นราวกับจะควบคุมตัวเองไม่ได้ หัวสมองหยุดสั่งการไปชั่วครู่ กว่าจะรู้ตัวอีกทีเสื้อเชิ้ตของสักรินทร์ก็ถูกเจ้าของถอดแล้วปามาตกที่เท้าของหล่อนอย่างรีบเร่ง หญิงสาวหน้าชาเมื่อลายสักรูปมังกรบนแผ่นหลังของสักรินทร์ ชายหนุ่มกำลังคร่อมบนร่างของคนที่หนิง ร่างเกือบเปลือยของคนทั้งคู่โรมรันกันอยู่บนโซฟา ไม่สนใจธาตุอากาศอย่างเธอเลย

ภานุมาศหลับตาปี๋ รีบออกจากห้องแล้วล็อคประตูปิดให้สักรินทร์อย่างรู้มารยาท หญิงสาวยืนพิงกำแพงอย่างเหนื่อยหอบ ยังตื่นเต้นกับบทรักเมื่อครู่ไม่หาย

“ไอ้บ้า ไม่มียางอาย ไอ้ผู้ชายสัปดน โรคจิตที่สุดเลย” หญิงสาวบ่นกระปอดกระแปดแล้วเดินไปมาที่หน้าห้องอย่างชั่งใจ

ซวยแล้วสิ จะไปไหนดีเนี่ย

แล้วก็รู้สึกโมโหคนตัวโตในห้องที่ไม่ยอมปล่อยเธอไป อ้างว่าให้ใช้หนี้แทนบิดา ภานุมาศหน้าแดงอีกครั้งเมื่อจินตนาการว่าเธอต้องทำหน้าที่นางบำเรอของเขา

“ไม่นะ ฉันไม่อยากเป็นเอดส์ตาย”

ภานุมาศทำหน้าสยดสยองพองขน แล้วรู้สึกปวดท้องหน่วงๆ ทำให้หญิงสาวกุมมือไว้ที่ท้องน้อยก่อนนั่งยองๆ ที่หน้าห้อง ปลงไม่ตกกับชีวิตตัวเอง

ขณะเดียวกันเมศร์ก็มีเรื่องที่คุยกับผู้เป็นนาย ชายหนุ่มให้ความสนใจกับของเล่นชิ้นใหม่ของสักรินทร์ที่นั่งหาเศษเงินอยู่หน้าห้อง

“เป็นอะไรครับคุณพลัม”

“เอ่อ...เอ่อคือฉันปวดท้องอ่ะ” ไม่รู้ว่าเขารู้จักชื่อเธอได้อย่างไร แต่ก็หวังว่าเขาจะเป็นมิตรเพราะน้ำเสียงของเขาไม่ได้หยิ่ง ยโสเหมือนสักรินทร์

“ปวดมากไหมครับ ไปผมพาหาหมอไหม” เมศร์ถามอย่างตกใจ คงไม่ดีแน่ถ้าหล่อนเป็นอะไรไป

“นอนพักก็หายค่ะ” ภานุมาศนึกขำกับอาการตื่นตูมของเขา

“แต่หน้าคุณซีดๆ นะคุณพลัม ผมว่าเดี๋ยวผมพาคุณไปหาหมอดีกว่าเดี๋ยวเป็นอะไรขึ้นมาจะแย่”

โอ๊ย อะไรกันนักกันหนาวะ บอกว่าไม่เป็นอะไรก็ไม่เป็นสิ

“ไม่ต้องคะ พลัมคิดว่าพลัมจะเป็นวันนั้นของเดือน” ภานุมาศรีบบอกก่อนที่เขาจะเจ้ากี้เจ้าการไปกว่านี้

“เอ่อ ถ้าคุณไม่รังเกียจไปพักที่ห้องของผมก่อนดีไหม”

“ก็ดีคะคุณ...” หญิงสาวไม่รู้ว่าจะเรียกเขาว่าอะไร ก็เธอไม่รู้จักเขานี่นา

“เมศร์ ผมชื่อเมศร์”

ภานุมาศยิ้มให้กับชายหนุ่มอย่างเป็นมิตรแล้วส่งมือให้กับมือหนาที่ยื่นมาดึงเธอให้ลุกขึ้น

“แล้วคุณสักรินทร์ล่ะครับ” เมศร์ถามอย่างนึกขึ้นได้ เขาไม่คิดว่าเจ้านายจะปล่อยให้คนสวยอย่างภานุมาศอยู่คนเดียว เพราะที่นี่ไม่ได้ปลอดภัยสำหรับหญิงสาวเลย

“อยู่ในห้องค่ะ กำลังเมคเลิฟกับคุณหนิงคะ” ภานุมาศถอนหายใจ หันซ้าย หันขวาแล้วเขย่งปลายเท้ากระซิบบอกเมศร์

เมศร์หน้าเหวอ ชายหนุ่มไม่คิดว่าเธอจะพูดจาตรงไปตรงมาขนาดนี้ ‘เมคเลิฟ’ ความหมายตรงตัวไม่ต้องแปรให้วุ่นวาย

เมศร์ส่งผ้าเช็ดตัวให้หญิงสาวได้อาบน้ำชำระร่างกายแล้วสั่งให้ลูกน้องออกไปซื้อเสื้อผ้า และของจำเป็นสำหรับผู้หญิงให้ภานุมาศ สักพักเธอเดินออกจากห้องน้ำพร้อมกับชุดเดิมจนชายหนุ่มแปลกใจ

“คือ สงสัยโรคกระเพาะค่ะ” ภานุมาศบอกอย่างอายๆ

“งั้นคุณอาบน้ำให้สดชื่นก่อนนะครับ ถ้าไม่รังเกียจ ใส่เสื้อของผมก่อนก็ได้ เดี๋ยวเราไปหาอะไรทานกัน ผมออกไปรอข้างนอกนะครับ” เมศร์บอกขณะที่เลือกเสื้อเชิ้ตสีขาวให้เธอ

“ไม่รังเกียจหรอกค่ะ พลัมเหนียวตัวจะแย่แล้ว ขอบคุณนะคะ เกรงใจคุณเมศร์จังเลย”

“ไม่เป็นไรครับ ว่าแต่เรียกผมว่าเมศร์จะดีกว่านะครับ” ชายหนุ่มคลี่ยิ้มให้เธอ เผยให้เห็นลักยิ้มบุ๋มที่แก้ม

กรี๊ด อย่ายิ้มมากนะ ฉันใจจะละลาย

“ก็ได้คะเมศร์ แต่เมศร์ก็ต้องเรียกพลัมเฉยๆ นะคะ”

เมศร์รู้สึกถูกชะตากับภานุมาศ เพราะหญิงสาวเป็นคนคุยสนุก ร่าเริง ไม่เสแสร้ง และเป็นกันเองทำให้เขาอดยิ้มกับความเป็นธรรมชาติของหญิงสาวไม่ได้

เมศร์พาหญิงสาวมาซื้อเสื้อผ้าโดยไม่จำกัดวงเงิน ชายหนุ่มทราบจากสักรินทร์ว่าต้องการกักตัวภานุมาศไว้สักพัก เพื่อให้ธนาดลทำงานได้อย่างสะดวก

ภานุมาศขออนุญาตแวะร้านหนังสือซึ่งเมศร์ก็ไม่ว่าอะไร เขาแสร้งสนใจหนังสือ พลิกหน้านั้น เปิดหน้านี้เลียนแบบภานุมาศ คอยสอดแนมว่าหญิงสาวจะไม่หนีไปไหน

ทั้งคู่ไม่รู้เลยว่าขณะที่พวกเขาเพลิดเพลินอยู่ข้างนอกนั้น ไอ้บ้ากามของภานุมาศหัวเสียเมื่อได้รับคำตอบว่าหญิงสาวหายไปในห้องของเมศร์นานสองนานแล้วได้ออกไปข้างนอกด้วยกัน

“ไว้กลับมาก่อนเถอะยัยลูกพลัมเน่า”


///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////


รัตติกาลยังคงนั่งนิ่งที่ชานหน้าบ้าน ตลอดทั้งวันเธอไม่เข้าไปยุ่งกับผู้ชายใจร้ายในห้องอีกเลย สายลมพัดโชยเอื่อยๆ ไม่ได้ทำให้หนาวแต่ให้ความรู้สึกเย็นสบายมากกว่า หญิงสาวเงยหน้ามองท้องฟ้าที่คืนนี้ดวงจันทร์ดวงโตส่องแสงสว่างไปทั้งชานบ้าน

นี่ผู้เป็นแม่จะรู้ไหมว่าลูกสาวตัวเองถูกคนบ้าที่ไหนไม่รู้พามาค้างอ้างแรมกลางป่ากลางเขาแบบนี้

ธนาดลรู้สึกตัว ปรับสายตาให้ชินกับความมืดมิดที่ปกคลุม ไม่สิ ต้องบอกว่าไม่ว่าจะมืดหรือสว่างเขาก็ชินกับบ้านพักตากอากาศหลังนี้ดี บ่อยครั้งที่เขามักหนีความวุ่นวายมาหาความสงบที่นี่

“นี่เธอ ฉันหิวข้าว” เสียงงัวเงียของธนาดลทำให้รัตติกาลหันไปมอง หญิงสาวหัวเราะเบาๆ กับท่าทางของคนที่เพิ่งตื่นนอน ผมหน้าของเขาชี้ไม่เป็นทรง

“หัวเราะอะไร” ธนาดลตื่นเต็มตาเมื่อหญิงสาวตรงหน้าหัวเราะคิก ราวกับว่าเขาเป็นตัวตลกอย่างไงอย่างนั้น

รัตติกาลชี้ไปที่เรือนผมดกดำ มือหน้าเอื้อมจัดทรงผมให้เข้าที่ทว่าเส้นผมยังชี้ไม่เป็นทรงอยู่ดี หญิงสาวแกล้งลืมเรื่องตอนบ่าย ไม่อยากรื้อฟื้นพาลจะทำให้ผิดใจกันเปล่าๆ และที่สำคัญเธอไม่อยากถูกเขาจูบอีก

“ฉันว่าคุณไปส่องกระจกดูเองดีกว่านะ”

เธอหย่อนระเบิดลูกสุดท้ายก่อนเดินผ่านชายหนุ่มเข้าไปในห้องครัว ที่ตอนนี้บ้านทั้งบ้านได้แสงสว่างหลังจากที่ธนาดลเปิดเครื่องปั่นไฟ

ข้าวสวยเหลือจากมื้อกลางวัน รัตติกาลจึงผัดข้าวง่ายๆ แม้ว่าเธอจะทำอาหารได้ไม่เก่งนักแต่ก็พอทำอาหารง่ายๆ ที่ทำบ่อยประทังความหิวเวลาที่อยู่แมนชั่นบวกกับเป็นลูกมือให้กับน่านน้ำที่ชอบทำอาหารเป็นพิเศษ

“กินได้แน่นะ” คำพูดกวนประสาทดังมาจากชายหนุ่มที่ชะโงกหน้าเข้ามา

“ปากไหนเป็นอย่างนี้ งั้นก็ไม่ต้องกิน” รัตติกาลทำท่ายกตะหลิวเตรียมฟาดหัวคนพูดเต็มที่

“ดุจังโว๊ย” ว่าแล้วธนาดลก็คว้าจานข้าวออกไปที่หน้าชานบ้านไม่รอให้เธอได้ยกตะหลิวอีกรอบ

หลังจัดการข้าวผัดไข่ด้วยความหิวโหย ธนาดลนั่งนิ่งตรงชานบ้าน ไม่ต่างกับสภาพของหญิงสาวที่เขาจับมาที่นี่ในตอนบ่ายเลย ชายหนุ่มนั่งเหม่อมองไปบนฟ้า

“พี่ดาครับ ผมทำเกินไปหรือเปล่า”

ธนาดลพึมพำขณะจ้องมองดวงจันทร์ที่ให้แสงสว่างบนฟากฟ้ายามราตรี เขาคิดถึงร่างค่อนข้างสูงของหญิงสาวที่เป็นตัวการที่ทำให้ผู้เป็นพี่สาวต้องเป็นเจ้าหญิงนิทรา

“เฮ้อ...”

“ถอนหายใจทำไมคะ แก่เร็วนะรู้ไหม” ชายหนุ่มมองร่างบางที่ยิ้มให้อย่างเป็นมิตรโดยหารู้ไม่ว่ารัตติกาลได้ลอบสังเกตุเขาอยู่ก่อนแล้ว

“หึ เธอจะรู้อะไรรัตติกาล ผู้หญิงหน้าเงิน” ใบหน้าคร้ามคมมองเธออย่างจงเกลียดจงชัง

เพราะรอยยิ้มหวานนี่ไม่ใช่หรอที่ทำให้พี่ดาต้องเป็นอย่างนี้

อีกครั้งธนาดลพยายามเตือนสติตัวเอง

รัตติกาลผงะทันทีพลางกระเถิบหนี เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่น่าไว้วางใจ เมื้อกี้เขายังอารมณ์ดีอยู่ไม่ใช่หรือ ทำไมเขากลับมาเป็นคนเดิมอีกหละ รัตติกาลถามตัวเอง

“แล้ว...แล้วทำไมคุณชอบว่าฉันเสียๆ หายๆ ด้วยคุณดล” นี่เป็นครั้งแรกที่รัตติกาลเรียกชื่อเขา

“ก็เพราะเธอไม่ใช่หรอ ที่หิวเงินมากจนพร้อมจะกระโจนขึ้นเตียงกับผู้ชายไม่เลือกหน้า ไม่สนว่าเขาจะมีลูกเมียแล้ว”

อย่าร้องไห้ออกมาเชียวนะรัตติกาล เธอต้องเข้มแข็ง

“ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น ฉันไม่เคยขึ้นเตียงกับใครอย่างที่คุณพูดด้วย”

“ตอแหล!!! ” ธนาดลตวาดทันควัน ไม่ปล่อยให้เธอได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาใดๆ

“ตามใจคุณ ในเมื่อฉันพูดแล้วคุณไม่ฟัง” ใบหน้าหวานสะบัดพรืดแล้วลุกหนีชายหนุ่มไป ทว่ามือหนากลับคว้าข้อเท้าเธอไว้ เป็นผลให้ร่างบางล้มลงบนพื้น

“จะไปไหน” รัตติกาลรู้สึกถึงอันตรายจากผู้ชายตรงหน้ากับสายตาเขา ให้ความรู้สึกเหมือนเธอโดนเขาเปลื้องผ้าอย่างไรอย่างนั้น

มือที่กำข้อเท้าไว้บัดนี้ลูบต้นขาหญิงสาวเบาๆ ทำให้ร่างค่อนข้างสูงขนลุกเกรียว เมื่อมือหนานั้นเริ่มเคลื่อนขึ้นมาเรื่อยๆ ทำให้เธอต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อเอาตัวรอด

“ไอ้บ้า” ธนาดลถึงกับกุมท้องด้วยความจุกเมื่อถูกรัตติกาลถีบที่ท้องซะเต็มแรง

“เธอนี่ฤทธิ์มากนะ” ชายหนุ่มชี้หน้าเธอเปลี่ยนท่านั่งให้ดีกว่าเดิม เมื่อกี้มันล่อแหลมเกินไป

“ขอบคุณนะที่ชม” ธนาดลมองตามร่างของรัตติกาลไปจนลับสายตาหลังจากเอ่ยคำขอบคุณกับเขา

ปากดีอย่างนี้ คราวหลังจะจูบให้ขาดใจตายเลย

ชายหนุ่มบอกกับตัวเองอย่างหมายมาด ประคับประคองตัวเองให้ลุกขึ้นได้ก็นานพอที เมื่อเข้าไปในห้องก็ได้ยินเสียงอาบน้ำดังมาจากห้องน้ำห้องเดียวของบ้าน

ธนาดลพยายามลากสังขารของตัวเองให้ลุกจากเตียงนิ่ม สักพักทั้งบ้านก็มีแต่ความมืดมิด

“กรี๊ด!!!!! ไอ้บ้าฉันยังไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้าเลย ไอ้คนเฮงซวย” เสียงเอะอะของหญิงสาวที่ดังจากห้องน้ำพร้อมกับเสียงสิ่งของตกหล่น ปากของรัตติกาลก็พึมพำแช่งชักหักกระดูกไอ่คนที่ปิดเครื่องปั่นไฟ ไม่ใช่ใครที่ไหนหรอกก็ไอ้บ้าธนาดลนั่นแหละ

รัตติกาลหน้างอง้ำออกจากห้องน้ำด้วยผ้าเช็ดตัวพันกายแค่ผืนเดียว มองคนที่นอนสบายบนเตียงอย่างไม่สบอารมณ์ แสงสว่างที่พอจะเห็นเฟอร์นิเจอร์ของห้องว่าส่วนไหนเป็นส่วนไหนจากดวงจันทร์ทำให้หญิงสาวสามารถเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าอย่างปลอดภัย

ธนาดลพยายามไม่ปรายตามองหญิงสาวที่เดินออกจากห้องน้ำ ร่างค่อนข้างสูงห่อหุ้มด้วยผ้าเช็ดตัวผืนเล็ก

“ใจคอ คุณจะไม่อาบน้ำหรอ” เสียงค่อนข้างแหบของรัตติกาลถามหลังจากแต่งตัวเสร็จ ก็พบว่าเขาไม่มีทีท่าว่าจะลุกจากเตียง

“ทำไม เธอจะอาบให้ฉันหรอรัตติกาล”

“ชาติหน้าตอนบ่ายๆ เถอะ” รัตติกาลบอกอย่างถือดี

“ก็ใช่สิ ฉันมันไม่มีเงินให้เธอนี่”

“พูดไปพูดมาคุณก็วนไปแต่เรื่องเดิม ฉันไปทำอะไรให้คุณกันเล่า” อารมณ์ของทั้งสองฝ่ายต่างกำลังร้อนได้ที่

“ก็เพราะเธอไม่ใช่หรอที่ทำให้ไอ้บวรไม่ยอมกลับบ้านกลับช่อง”

“บวรเป็นใคร ฉันไม่รู้จัก” รัตติกาลงงเป็นไก่ตาแตก ไม่ว่าผู้ชายคนไหนก็ตามที่เข้ามาในชีวิตเธอ ต่างก็ถูกขีดเส้นไว้ให้เป็นแค่เพื่อนเท่านั้น

“อะไรกัน ลืมแม้กระทั้งชื่อผัวตัวเองอย่างนั้นหรอ”

คำพูดเชือดเฉือนของธนาดลไม่ได้ทำให้เธอเจ็บปวด แต่เต็มไปด้วยความโกรธ

“นี่ จะให้ฉันพูดอีกสักกี่ที บอกแล้วไงว่าฉันไม่รู้จักคนที่ชื่อบวร และฉันก็ยังไม่มีผัว เข้าใจไหมว่าฉันยังไม่มีผอสระอัว”

พูดไปแล้วก็กระดากปากแต่อารมณ์โกรธทำให้เธอเปร่งเสียงออกไปอย่างชัดเจนพร้อมกับส่งสายตาดุๆ ไปให้คนที่กึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียง สองมือประสานไว้เหนือศีรษะ

“...”

“เฮ้อ คุณไม่สบายหรือเปล่าเนี่ย” เมื่อชายหนุ่มไม่ตอบโต้ใดๆ ทำให้เธอนึกถึงอาการทางจิตของเขา แล้วคิดว่าเขาคงมีภาวะทางจิตใจที่ไม่มั่นคง

“ฉันว่าคุณควรไปพบจิตแพทย์นะ ถ้าคุณไม่กล้าเดี๋ยวถ้ากลับไปฉันจะไปส่งก็แล้วกัน” รัตติกาลเออออกับตัวเองเสร็จสรรพ ถึงเขาจะน่ากลัวแต่เธอก็อดเป็นห่วงเขาไม่ได้ แล้วเธอก็บ่นต่อไป

ธนาดลนิ่งเงียบไป หรี่ตามองหญิงสาวที่ตะโกนอย่างคุ้มคลั่ง เป็นไปได้หรือเปล่าที่เธอจะไม่ใช่สาเหตุ แต่อาการโกรธนั่นมันแสดงว่าเธอไม่พอใจมาก ถึงมากที่สุด แถมตบท้ายด้วยการแสดงความเป็นห่วงเป็นใยเขาอีก
ถ้าไม่ใช่เธอ แล้วใครกันที่ทำให้ภราดา อมรวัฒนกุลต้องเป็นเจ้าหญิงนิทรา

“นะคุณดล” ไม่รู้ว่าหญิงสาวพูดไปถึงไหน ธนาดลกระพริบตามองปริบๆ อย่างงงๆ

“อ้าวนี่คุณไม่ได้ฟังฉันพูดเลยหรือไงเนี่ย อุตส่าห์พูดมาซะยาว”

รัตติกาลล้มตัวนอนข้างๆ เขาแล้วถอนหายใจ ถ้าเกิดกลับไปคราวนี้ เออ หมายถึงถ้าเขาพาเธอกลับเธอจะพาเขาไปพบจิตแพทย์ แล้วเธอจะให้น่านน้ำปรุงยาระงับประสาทให้เขาด้วย

“อ้าว เงียบไปแล้วหรอรัตติกาล” ธนาดลเองก็แปลกใจที่เสียงเจื้อยแจ้วได้ตลอดเวลากลับปิดปากเงียบ

“ฮื่อ คุณก็ไปอาบน้ำได้แล้ว ฉันอยากคิดอะไรเงียบๆ” ไม่ว่าเปล่าหญิงสาวผลักให้ชายหนุ่ม(โรคจิต) ลุกขึ้นจากเตียง ก่อนโยนผ้าเช็ดตัวให้


///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////

วันนี้รีบลงแล้วก็รีบไปเลยไม่ได้ตอบคอมเม้นท์ อย่าโกรธกันนะจ๊ะ จุ๊บุๆ :3



เรียงอักษร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 พ.ค. 2554, 19:06:57 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 พ.ค. 2554, 20:02:22 น.

จำนวนการเข้าชม : 2213





<< บทที่ี่ 4   บทที่ี่่ 6 >>
Gingfara 3 พ.ค. 2554, 19:14:34 น.
มาอีกแล้ว
ฉากอารมณ์
รอลุ้นต่อค่ะ


lovemuay 3 พ.ค. 2554, 20:27:45 น.
สนุกมากเลยค่าา มาต่อเร็วๆนะคะ
บวรก็ว่าที่พ่อภรรยาไงคะ ฟันธง อิอิ


ปูสีน้ำเงิน 5 พ.ค. 2554, 00:44:12 น.
รออ่านตอนต่อไปอยู่นะจ๊ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account