ลิขีตรักใต้เงาทราย ภาค ดั่งแสงตะวัน
ฟายาส อับดุล ซาลามาล มกุฎราชกุมารหนุ่ม ผู้รอการราชาภิเษกให้ขึ้นเป็นสุลต่านองค์ต่อไป หน้าที่คือความรับผิดชอบต่อประเทศ เมื่อพี่ชายเลือกที่จะหลีกทาง เขาจำต้องรับหน้าที่ ที่ไม่เคยต้องการ หัวใจที่เรียบง่ายและเย็นชา บอกกับตนเองเสมอ ว่าจะไม่ขอรักใคร แต่แล้ว...เพราะ... เขาเพียงต้องการที่จะพักผ่อนก่อนที่จะต้องรับภาระหน้าที่...ที่สำคัญ แต่แล้วเพราะถูกลอบปลงพระชนม์ จึงทำให้ได้พบกับคนที่เขาสามารถรักได้ด้วยหัวใจ เธอก้าวเข้ามาในชีวิตของเข้า และจากไปพร้อมกับหัวใจทั้งดวง
Tags: ทะเลทราย
ตอน: ตอนที่ ๙
ตอนที่๙
“ถ้าใครแตะต้องนางแม้แต่ปลายเล็บ...ฆ่ามันได้เลย”
อิมมารับคำสั่งก่อนที่ฟายาสจะก้าวขึ้นรถแล้วขับออกไปจากบ้าน ถึงไม่บอกอิมมาเองก็คิดเช่นนั้นอยู่แล้ว คนที่เจ้านายรักเขาก็รักด้วย ดังนั้นถ้าใครขืนแตะต้องเธอ มันผู้นั้นต้องชดใช้ด้วยชีวิต
ฟายาสเลือกที่จะขับรถเองและเดินทางเพียงคนเดียวในคืนนั้น ข้อความในจดหมายเชิญไม่เปิดโอกาสให้เขาได้เลือกมากนัก แต่...ความโง่กับความฉลาดมักเดินเคียงคู่กัน ชายหนุ่มขับรถไปแคว้นฮามาลเพื่อขออะไรบางอย่างจากมาตา
สิ่งที่เขาต้องการนั้นไม่มีใครคาดเดาถูก การมาเยือนยามพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไม่ใช่เรื่องปกติ มาตาต้อนรับชายหนุ่มแทนสามีที่ยังไม่กลับจากการทดสอบเครื่องขุดเจาะ
นางรับฟังคำขอของญาติสามีแล้วรีบจัดการเตรียมของที่เขาต้องการให้โดยไม่แสดงอาการไม่พอใจที่ถูกรบกวนยามค่ำคืนเลยแม้แต่นิดเดียว
เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมงของที่ฟายาสต้องการก็เรียบร้อยและเมื่อมาตาส่งมันให้ ชายหนุ่มก็ตอบแทนด้วยการกอดและหอมแก้มทั้งสองข้าง
“ขอบคุณมากพี่สะใภ้ ข้าไม่รู้ว่าจะไปพึ่งใครแล้ว หากไม่มีท่านข้าคงแย่”
มาตายิ้ม นางดีใจที่ได้ยินฟายาสเรียกว่า ‘พี่สะใภ้’ เพราะมันเป็นครั้งแรกจริงๆ ที่เขาเรียกนางเช่นนั้น
“ข้าดีใจที่ได้ช่วยท่าน”
“ท่านอะไรกัน เจ้าเป็นเมียจาร์คาก็เหมือนเป็นพี่สาวข้า ขอบคุณมากขอบคุณจากหัวใจ”
“เฮ้...ฟายาสเจ้าทำอะไร”
เสียงดังราวฟ้าผ่าดังขึ้นจากด้านหน้าทำให้มาตารีบดันตัวออกห่างแล้วยิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จาร์คาเดินลิ่วเข้ามากอดร่างอุ้ยอ้ายของภรรยาหันไปจ้องหน้าญาติผู้น้องอย่างดุดัน
“ข้าแค่ขอบคุณพี่สะใภ้ นางหาของที่ข้าต้องการให้จนครบไม่เว้นแม้แต่ของสำคัญที่ข้าหาที่ไหนไม่ได้จริงๆ”
รอยยิ้มชวนพิศวงทำให้จาร์คามองญาติผู้น้องกับภรรยาด้วยความสงสัย แต่แล้วเมื่อมาตากระซิบบอก ชี้คหนุ่มถึงยิ้มกว้างแล้วดึงหญิงสาวเข้ามากอด
“ข้าเพิ่งรู้ว่ามีเมียเป็นแม่หมอ”
“ก็แค่หมอสมุนไพรเท่านั้น แม่ข้าสิเก่งกว่าข้าหลายเท่านัก”
ฟายาสมองการพูดคุยและการแสดงความรักของคนทั้งคู่ ใจนึกอิจฉาว่าทำไมความรักของเขาถึงไม่ราบลื่นอย่างคนคู่นี้ ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอยากจะรู้ว่าเมื่อไหร่ปัญหาทั้งหมดจะจบสิ้นลงสักที เขาจะได้มีความสุขเหมือนคนอื่นๆ สักที
“คืนนี้ค้างที่นี่ก่อนสิ มีอะไรจะได้คุยกัน”
จาร์คาเอ่ยปากชวน และเมื่อได้อ่านจดหมายของลัยลา ใบหน้าของเขาถึงกับเปลี่ยนสี
“นางไม่ธรรมดาจริงๆ หน้าตาสวยๆ ทำไมถึงร้ายกาจได้ขนาดนี้”
“แสดงว่าพวกเราเข้าใจความหมายของมันเหมือนกัน ตอนแรกข้าคิดว่า...ข้าคิดไปเองเสียด้วยซ้ำ”
ฟายาสเอนตัวพิงหมอนใบใหญ่แล้วถอนหายใจ
“ทำอย่างไรข้าถึงจะยกเลิกการหมั้นหมายนี้ได้”
“ตราบใดที่เจ้ายังอยู่ในตำแหน่งนี้ ผู้หญิงที่อยู่รอบตัวเจ้าคือศัตรูของนางทั้งหมด”
จาร์คายกถ้วยชาสมุนไพรขึ้นจิบ คิ้วโก่งราวคันศรขมวดเข้าหากันยามที่เขาใช้ความคิด
“นอกจากเจ้าจะลงจากตำแหน่ง แล้ว...ยกมันให้คนอื่น”
“ข้าคิดว่านางคงกำจัดทุกคนที่ขวางทางของนาง ข้าดูนางออกว่าคนอย่างนางทำได้ทุกอย่าง”
คำพูดของฟายาสมิอาจโต้แย้งได้ เพราะจาร์คาก็คิดเช่นเดียวกัน สองหนุ่มต่างเอนหลังลงแล้วนอนหลับกันตรงลานดูดาวที่จาร์คาสร้างให้ภรรยาไว้นอนเล่น มาตายืนมองคนทั้งคู่อยู่นาน นางรอจนพวกเขาหลับจึงเดินกลับห้องและก่อนที่จะเข้านอนหญิงสาวได้จัดการอะไรบางอย่างแล้ววางมันไว้ข้างเตียง
“ข้าคิดว่าเจ้าคงต้องใช้สิ่งนี้ด้วยเก็บไว้ให้ดี เผื่อฉุกเฉิน”
เมื่อถึงเวลาเช้า ก่อนที่ฟายาสจะออกเดินทางจาร์คาได้ส่งปืนขนาดจิ๋วที่ถูกสั่งทำพิเศษให้ ชายหนุ่มรับมามองอยู่ครู่หนึ่งก็หย่อนใส่กระเป๋าเสื้อด้านในชุดคลุม
“ขอบคุณ ถ้าข้าต้องการความช่วยเหลือเมื่อไหร่หวังว่าจะได้เห็นท่านนะพี่ชาย”
จาร์คาพยักหน้ารับ และยืนมองจนรถแล่นไปจนสุดสายตา มาตาเดินเข้ามากอดเอวสามีมองเห็นความกังวลบนใบหน้าเขาแล้วยิ้มอ่อนโยน
“อยากช่วยทำไมไม่ตามไปล่ะคะ ข้าอยู่ทางนี้ได้”
“แต่...”
“ไปเถอะค่ะท่านพี่อีกตั้งหกอาทิตย์ข้าถึงจะคลอด ท่านจะได้ไปรอรับการกลับมาของท่านบาราสด้วย ไปเร็วแค่สามวันจะเป็นไรไปคะ”
จาร์คาหันมามองภรรยา มาตาท้องไร่เรี่ยกับมาริตาภรรยาของบาราสแต่เพราะแท้งตั้งแต่ท้องได้เพียงสองเดือน เขาเลยต้องสูญเสียลูกไปแต่นับว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ยังเห็นใจหลังจากมาตาได้รับการดูแลจากแม่ซึ่งเป็นหมอสมุนไพรทำให้ร่างกายของหญิงสาวพร้อมที่จะตั้งครรถ์ได้ในเวลาเพียง 45 วัน
และเขาทำสำเร็จเสียด้วย...
ชี้คหนุ่มลูบท้องภรรยาเบาๆ แล้วยิ้มเมื่อได้รับการทักทายจากเจ้าตัวน้อยในท้อง
“ข้าจะไม่ยอมทำให้ตัวเองต้องสูญเสียสิ่งสำคัญไปอีก ข้าจะรีบกลับมา”
“หมอกับพยาบาลที่ท่านแม่ส่งมาให้เต็มวัง ท่านอย่าได้ห่วงเลยไปเถอะข้าสั่งให้คนจัดของที่จำเป็นให้ท่านแล้ว ส่วนซองหนังนี้ข้าใส่สิ่งที่พวกท่านต้องใช้ไว้ ระวังมันแตกด้วยนะคะ”
มาตาเงยหน้ารับการประทับจูบอย่างดูดดื่มจากสามี และยืนส่งเขาเพียงแค่หน้าบ้านก่อนจะหันกลับเข้าไปในบ้าน ด้วยยึดคำแต่โบราณที่ว่า
‘อย่ายืนส่งคนรักจนแสงแดดกลืนกลืนร่างเขาจนหายไปจากสายตาเพราะมันจะทำให้เกิดลางร้าย’
ทันทีที่มาถึงคาร์ซาน่าฟายาสตรงไปที่พักของลัยลาทันที เขาต้องการให้ทุกอย่างจบลงเร็วที่สุด แม้รู้ว่านี่อาจเป็นกับดัก ชายหนุ่มหยิบแท่งไม้สีขาวออกเหลืองที่มาตาให้มาใส่ปาก ใช้ลิ้นขยับมันไว้ที่ข้างฟันกรามติดกระพุ้งแก้มข้างละชิ้นก่อนจะก้าวเข้าสู่ในเขตที่พักรับรองแขกบ้านแขกเมือง
“อย่าเพิ่งเข้าไป”
เจ้าของมือที่แตะอยู่ตรงไหล่ยิ้มกว้าง ส่วนอีกหนึ่งหนุ่มที่ยืนอยู่ใกล้ๆกันยักคิ้วให้อย่างคนอารมณ์ดี
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกข้าต้องแน่ใจว่าเจ้าจะไม่ถูกข่มขืน”
ดาเรสยักคิ้ว เขาผลักประตูเข้าไปด้านในแล้วเดินนำด้วยท่าทางของคนที่ถูกฝึกมาเป็นย่างดี มิตรภาพของพวกเขายิ่งกว่าคนที่เติบโตมาด้วยกันธรรมดา สายสัมพันธ์ที่ก่อเกิดไม่อาจทดแทนได้ด้วยเงินทอง
อยู่ๆ คนที่เดินนำหน้ากลับหยุดยืนนิ่ง ความรู้สึกบอกว่ากำลังถูกจับตามองจากรอบๆ ตัว ดาเรสยกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้ทุกคนรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“ไม่เป็นไร รับรองว่าพวกมันไม่คิดที่จะทำร้ายข้า”
ฟายาสยกมือขึ้นตบบ่าดาเรสแล้วเดินนำเข้าสู่เขตด้านใน รอยยิ้มหยันแตะแต้มที่มุมปาก แน่ใจว่าลัยลาไม่มีทางกำจัดเขาเพราะนางต้องการก้าวขึ้นเป็นสุลตาน่า แต่ปัญหามันอยู่หลังจากที่การแต่งงานเกิดขึ้น เขาไม่แน่ใจว่าพ่อกับแม่จะปลอดภัยหรือไม่
“เชิญท่านฟายาสเข้าสู่ด้านในได้เพียงผู้เดียวเจ้าค่ะ”
อารียาเดินออกมายืนขวางประตูเอาไว้เมื่อเห็นว่ามีแขกไม่ได้รับเชิญมาด้วย ฟายาสจ้องหน้าหญิงสูงวัยด้วยแววตาน่ากลัว ริมฝีปากได้รูปเชิดขึ้นก่อนจะกลายเป็นแสยะยิ้ม
“ถ้าญาติข้าเข้าไม่ได้ ข้าก็คงไม่เข้า เขาเป็นพี่ชายและเพื่อนรักของข้า หากใครไม่เคารพมันผู้นั้นก็อยู่คาร์ซาน่าไม่ได้”
น้ำเสียงเหี้ยมเกรียมทำให้อารียาเผลอก้าวถอยหลัง ในใจนึกกังวลว่างานนี้จะไม่ง่ายเสียแล้ว เพราะท่าทางของคนตรงหน้านั้นไม่ใช้คนโง่หรือยอมให้ใครควบคุมได้ง่ายๆ
คนสนิทของเจ้าหญิงลัยลาก้มหน้าลงเมื่อเผลอสบตาของดาเรสกับจาร์คา บอกกับตัวเองว่าถ้าจะช่วยนายของตนคงต้องวางยาคนพวกนี้ด้วยเพราะพวกเขาดูอันตรายเกินไปที่จะเก็บไว้
“ข้าขออภัย หากคนของข้าทำให้ท่านไม่พอใจ”
เจ้าของเสียงหวานใสคือสาวงามในชุดสีแดงสด แม้จะดูสวยงามแต่ไม่ต่างอะไรกับกุหลาบที่เต็มไปด้วยหนามถ้าจับไม่ดีก็จะถูกหนามทิ่ม ฟายาสยิ้มน้อยๆ เมื่อคิดถึงหญิงสาวอีกคน วิเวียนเหมือนดอกกล้วยไม้ที่ขึ้นอยู่ในเขตโอเอซิส(Eulophia petersii) เล็กๆ น่ารัก น่าถนอม
“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ ข้าอยากให้เจ้าอธิบายความหมายของจดหมายฉบับนี้มากกว่า”
ลัยลามองสิ่งที่คู่หมั้นถือไว้แล้วเอียงคอพองาม หากแต่นั่นคือท่าทางที่ปั้นแต่งให้ดูน่ารักไม่ใช่กิริยาที่เป็นไปตามธรรมชาติ
“ข้าไม่ได้เขียนอะไรที่เป็นความนัยนี่ ทำไมท่านถึงกล่าวเช่นนั้น”
ท่าทางไร้เดียงสาของหญิงสาวหลอกตาใครต่อใครได้เสมอ แต่ไม่ใช่กับคนเช่นเขา ฟายาสหรี่ตาลงคนโง่เท่านั้นถึงจะเชื่อว่าขอความในจดหมายไม่มีความนัยใดๆ
‘ถึงชายอันเป็นที่รัก ข้าใคร่เชิญท่านมาทานอาหารมื้อค่ำวันพรุ่งนี้ เพื่อพิสูจน์ว่าอาหารรสเลิศของทีจิสมิได้ด้อยกว่าอาหารรสชาติธรรมดาอย่างอาหารไทย ดอกกุหลาบกลิ่นหอมประดับอยู่ในห้องอาหารรอคอยท่าน หากท่านคิดปฎิเสธ จะไม่มีดอกไม้ดอกใดในสวนของท่านอีกเลย’
“นี่หรือที่เจ้าว่าไม่มีความนัย”
“ข้าเพียงจะบอกท่านว่า หากท่านปฎิเสธการเชื้อเชิญครั้งนี้ ข้าคงไม่ต่างจากดอกไม้ที่โรยราและสวนดอกไม้ที่สวยงามก็จะไร้ซึ่งดอกไม้ใดๆ”
ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้มก่อนจะหันหลังให้ ท่าทางเยื้องย่างสะโพกพริ้วไหวราวกับกำลังชวนเชิญ หญิงสาวก้าวนำไปทางห้องทานอาหาร แกล้งทำเป็นไม่เห็นแขกไม่ได้รับเชิญทั้งสองคนเพนฃราะไม่คิดที่จะทักทายคนที่ต่ำกว่าตน
จาร์คาสบตากับดาเรสแล้วใช้ปลายลิ้นเขี่ยกระพุ้งแก้มเพื่อให้แน่ใจว่าของที่ภรรยาให้มายังอยู่ในที่ๆ ควรอยู่ เขาเดินตามเข้าไปในห้องกวาดตามองอาหารมากมายแล้วหาที่นั่งของตน
“ข้าไม่รู้ว่าท่านจะพาคนอื่นมาด้วยจึงมิได้เตรียมที่ไว้ให้”
ลัยลากล่าวก่อนจะยกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้เหล่าเบดูอินก้าวเข้ามา ไม่สนใจแม้แต่จะให้คนเตรียมที่สำหรับชายหนุ่มทั้งสองคน สายตาที่มองผ่านราวกับพวกเขาไม่มีตัวตน
จาร์คากับดาเรสก้าวมานั่งขนาบข้างฟายาส ทำท่าไม่รู้ไม่ชี้เมื่อเห็นว่าลัยลาออกอาการไม่พอใจ การเต้นรำแบบชนเผ่าทะเลทรายดูขัดๆ สำหรับคนที่เดินทางไปตามแคว้นต่างๆ อย่างฟายาส ชายหนุ่มอีกสองคนเช่นกัน พวกเขาหันมาสบตากันอย่างไม่สบายใจ
“บางครั้งคนเราก็คิดกังวลในสิ่งไร้สาระ”
ลัยลาพูดเปรยๆ แล้วปรบมือสองครั้ง เหล่าเบดูอินจึงเปลี่ยนท่วงทำนองแล้วการเต้นรำก็เปลี่ยนไป การเต้นรำแบบชนชาติทีจิสดูร้อนแรง ไร้ความนุ่มนวล การแสดงออกด้วยลีลาของนักเต้นชายหญิงแสดงออกถึงความสัมพันธ์ทางกายมากกว่าสวยงาม
“ดูเหมือนท่านไม่พอใจ”
“เปล่า”
ฟายาสตอบแล้วยกเตกีร่าขึ้นดื่ม ความร้อนแรงที่ไหลวูบลงสู่ช่องท้องเหมือนการเกิดพายุในร่างกาย เขารู้ทันทีว่าทำผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง ร่างกายที่เพิ่งฟื้นตัวไม่ควรดื่มเครื่องดื่มพวกนี้
แต่...อยู่ๆ ความร้อนทั้งหมดเหมือนหายไป คิ้วเข้มเลิกขึ้นด้วยความแปลกใจไม่อยากเชื่อว่าของที่มาตาให้มาจะใช้ได้ผลได้รวดเร็วเช่นนี้
ยิ่งเวลาผ่านไปจนอาหารที่นำออกมาหมดไป ท่าทางแขกทั้งสามคนยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ลัยลาสบตากับคนสนิทแล้วกัดกระพุ้งแก้มด้วยความไม่พอใจ และไม่เข้าใจว่าทำไมยาที่อารียาใส่ลงไปในอาหารและเครื่องดื่มจึงไม่ได้ผล เพราะตอนนี้ร่างกายของเธอเริ่มร้อนรุ่มด้วยฤทธิ์ของยาที่ใส่ในอาหารทุกจาน
“ท่าทางเจ้าจะไม่สบายนะลัยลา ทำไมหน้าแดงขนาดนั้น”
ฟายาสแกล้งทัก ทั้งที่พอจะเดาออกว่าเกิดอะไรขึ้น
“เปล่าข้าแค่อิ่มมากไป ท่านคงไม่ว่าหากข้าจะขอตัว”
ลัยลารีบตอบก่อนจะลุกขึ้นเมื่อความร้อนไหลมารวมตรงจุดศูนย์กลางของความเป็นหญิง นางกำลังทรมานจากยาที่อารียาใส่ลงไปในอาหาร ร่างกายราวกับถูกแผดเผาด้วยเปลวไฟ ลมหายใจถี่กระชั้นและเริ่มควบคุมไม่อยู่
“ข้า...ข้าขอตัว...”
เสียงพูดดังกระท่อนกระแท่น ลัยลารีบวิ่งออกจากห้องมุ่งหน้าสู่ห้องนอนของตนแล้วดึงทึ้งเสื้อผ้าจนขาด ริมฝีปากอิ่มสั่นระริกยามที่ก้าวขาลงสู่อ่างน้ำที่เย็นเฉียบ
“อารียา...เจ้าอยู่ไหน ช่วยข้าด้วย ทำให้ข้าหายทรมานที”
เสียงตะโกนเรียกคนสนิทดังลอดออกมาทำให้สามหนุ่มที่กำลังก้าวผ่านสวนดอกไม้หันมามองหน้ากันแล้วอมยิ้ม ฟายาสคายแท่งไม้ในปากออกขยิบตาให้จาร์คาก่อนจะส่งเสียงฮัมเพลงอย่างสบายอารมณ์
“แกใส่ยาบ้าอะไรลงไป ทำไมมันไม่ได้ผล”
ลัยลากรีดเสียงใส่หน้าคนสนิทสูงวัย มือยกขึ้นจิกผมบนศีรษะกระชากจนใบหน้านั้นแหยเกด้วยความเจ็บ อารียาเจอกับอารมณ์ของคนที่นางเลี้ยงมาจนชินจึงไม่คิดจะตอบโต้ ได้แต่กัดฟันทนเท่านั้น
“ข้าไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่ได้ผล ข้าใส่มันทุกจานใส่แม้กระทั่งเครื่องดื่มแต่มันก็ไม่ได้ผล”
ลัยลากัดฟัน เหวี้ยงอารียาจนล้มลงไปนั่งกับพื้น ยกมือขึ้นตบหน้าคนสนิทเต็มแรงเป็นการระบายอารมณ์ตามองเลือดที่มุมปากอย่างพอใจ
“ถ้าเจ้าไม่ได้เลี้ยงข้ามานะอารียา ข้าจะให้อัฟฟาร์เอาเจ้าไปปล่อยกลางทะเลทราย”
“ข้าไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมยานั้นถึงไม่ได้ผล เจ้าหญิงยังต้องกินยาแก้ที่ข้าต้มให้ถึงหายทุรนทุราย แล้วทำไมพวกนั้นถึงไม่เป็นอะไรเลย”
หญิงสาวสูงศักดิ์เดินไปทิ้งตัวลงบนเตียง อาการร้อนวูบเพราะฤทธิ์ยาเพิ่งหายไปไม่นาน เหมือนเป็นการยืนยันคำพูดนั้น
“นั่นสิ ทำไมข้าถึงเป็นคนเดียว” นางพึมพำ “หรือว่า...พวกมันรู้แผนของเรา”
“ไม่มีทาง ยาของข้าไม่มีสีไม่มีกลิ่นพวกมันไม่มีทางรู้”
อารียายังคงมั่นใจในความสามารถของตน จนลืมไปว่าไม่ใช่นางเท่านั้นที่มีความรู้เรื่องสมุนไพร
“ตอนนี้รอแต่อัฟฟาร์คนเดียว หวังว่าวันพรุ่งนี้ข้าจะได้เห็นหน้านังผู้หญิงต่ำศักดิ์คนนั้น”
ลัยลามองไปทางตุ๊กตาแล้วยิ้มเหี้ยมเกรียม นึกถึงภาพยามที่มีร่างของผู้หญิงคนหนึ่งถูกขังอยู่ในหุ่น เสียงครางอย่างพึงพอใจดังขึ้น เมื่อคิดถึงช่วงเวลาที่จะมาถึง
“ข้าอยากรู้นักว่าเลือดของผู้หญิงคนนั้น สีจะสวยแค่ไหน”
คำสั่งย่อมเป็นคำสั่งไม่อาจจะขัดได้ อัฟฟาร์เงยหน้ามองดวงดาวบนฟ้า คืนนี้ภายในที่พักของมกุฏราชกุมารแห่งคาร์ซาน่าดูคึกคัก แค่ผู้หญิงต่ำศักดิ์คนหนึ่งทำไมถึงได้คุ้มกันอย่างเหนียวแน่นขนาดนี้ ชายหนุ่มในชุดดำแอบอยู่ในพุ่มไม้นับชั่วโมง แต่ชายรางยักษ์ที่นั่งอยู่หน้าประตูก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหลับ
เสียงประตูเปิดออกเบาๆ สายตาของชายหนุ่มจากทีจิสจึงเลื่อนไปยังร่างหญิงสาวที่ก้าวออกมา ใครว่ารักแรกพบไม่มีจริง อัฟฟาร์มองวิเวียนนิ่ง จากระยะที่เขาอยู่ไม่ไกลเกินกว่าจะได้เห็นว่ารอยยิ้มนั้นอ่อนโยนมากแค่ไหน ภาพที่เธอส่งขนมกับน้ำให้ชายร่างยักษ์บอกให้รู้ถึงความเอาใจใส่ สิ่งที่ไม่มีสักนิดในตัวเจ้าหญิงทีจิส
การรอคอยเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการต้องใช้ความใจเย็น แต่เวลานี้อัฟฟาร์กำลังฟุ้งซ่าน ถ้าไม่ได้ตัวหญิงสาวไปเขาจะต้องรับโทษ แต่ถ้าจับตัวไปได้ล่ะ...แล้วอะไรจะเกิดขึ้น
หัวใจของชายหนุ่มร้อนรุ่มดังไฟเผา ถ้าขอนางจากเจ้าหญิงแล้วพาไปอยู่ที่ทีจิส คนอย่างเจ้าหญิงลัยลาจะให้หรือ คำถามมากมายไม่อาจมีคำตอบเพราะเขาไม่กล้าเชื่อใจเจ้านายของตน
“เอาตัวไปก่อนแล้วค่อยว่ากันทีหลัง”
อัฟฟาร์บอกกับตัวเอง ยกมือขึ้นหยิบเครื่องมือชิ้นหนึ่งขึ้นมาจรดริมฝีปากก่อนจะเป่าสิ่งที่อยู่ภายในใส่ชายร่างยักษ์แล้วรอจนร่างนั้นค่อยๆ ทรุดลงไปนอนกับพื้น
เสียงสายลมพัดเบาๆ ยามค่ำคืนบอกถึงการเคลื่อนผ่านของช่วงเวลา ร่างที่ซ่อนอยู่ในเงามืดยังคงอยู่ตรงนั้นอีกพักใหญ่ จนแน่ใจว่าสมุนของตนจัดการกับเวรยามคนอื่นๆ เรียบร้อยแล้วจึงก้าวออกจากที่ซ่อน แต่แล้วกลับต้องถอยหลังเข้าไปที่เดิมเมื่อใครคนหนึ่งก้าวออกมา
“ถ้าใครแตะต้องนางแม้แต่ปลายเล็บ...ฆ่ามันได้เลย”
อิมมารับคำสั่งก่อนที่ฟายาสจะก้าวขึ้นรถแล้วขับออกไปจากบ้าน ถึงไม่บอกอิมมาเองก็คิดเช่นนั้นอยู่แล้ว คนที่เจ้านายรักเขาก็รักด้วย ดังนั้นถ้าใครขืนแตะต้องเธอ มันผู้นั้นต้องชดใช้ด้วยชีวิต
ฟายาสเลือกที่จะขับรถเองและเดินทางเพียงคนเดียวในคืนนั้น ข้อความในจดหมายเชิญไม่เปิดโอกาสให้เขาได้เลือกมากนัก แต่...ความโง่กับความฉลาดมักเดินเคียงคู่กัน ชายหนุ่มขับรถไปแคว้นฮามาลเพื่อขออะไรบางอย่างจากมาตา
สิ่งที่เขาต้องการนั้นไม่มีใครคาดเดาถูก การมาเยือนยามพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไม่ใช่เรื่องปกติ มาตาต้อนรับชายหนุ่มแทนสามีที่ยังไม่กลับจากการทดสอบเครื่องขุดเจาะ
นางรับฟังคำขอของญาติสามีแล้วรีบจัดการเตรียมของที่เขาต้องการให้โดยไม่แสดงอาการไม่พอใจที่ถูกรบกวนยามค่ำคืนเลยแม้แต่นิดเดียว
เวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมงของที่ฟายาสต้องการก็เรียบร้อยและเมื่อมาตาส่งมันให้ ชายหนุ่มก็ตอบแทนด้วยการกอดและหอมแก้มทั้งสองข้าง
“ขอบคุณมากพี่สะใภ้ ข้าไม่รู้ว่าจะไปพึ่งใครแล้ว หากไม่มีท่านข้าคงแย่”
มาตายิ้ม นางดีใจที่ได้ยินฟายาสเรียกว่า ‘พี่สะใภ้’ เพราะมันเป็นครั้งแรกจริงๆ ที่เขาเรียกนางเช่นนั้น
“ข้าดีใจที่ได้ช่วยท่าน”
“ท่านอะไรกัน เจ้าเป็นเมียจาร์คาก็เหมือนเป็นพี่สาวข้า ขอบคุณมากขอบคุณจากหัวใจ”
“เฮ้...ฟายาสเจ้าทำอะไร”
เสียงดังราวฟ้าผ่าดังขึ้นจากด้านหน้าทำให้มาตารีบดันตัวออกห่างแล้วยิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จาร์คาเดินลิ่วเข้ามากอดร่างอุ้ยอ้ายของภรรยาหันไปจ้องหน้าญาติผู้น้องอย่างดุดัน
“ข้าแค่ขอบคุณพี่สะใภ้ นางหาของที่ข้าต้องการให้จนครบไม่เว้นแม้แต่ของสำคัญที่ข้าหาที่ไหนไม่ได้จริงๆ”
รอยยิ้มชวนพิศวงทำให้จาร์คามองญาติผู้น้องกับภรรยาด้วยความสงสัย แต่แล้วเมื่อมาตากระซิบบอก ชี้คหนุ่มถึงยิ้มกว้างแล้วดึงหญิงสาวเข้ามากอด
“ข้าเพิ่งรู้ว่ามีเมียเป็นแม่หมอ”
“ก็แค่หมอสมุนไพรเท่านั้น แม่ข้าสิเก่งกว่าข้าหลายเท่านัก”
ฟายาสมองการพูดคุยและการแสดงความรักของคนทั้งคู่ ใจนึกอิจฉาว่าทำไมความรักของเขาถึงไม่ราบลื่นอย่างคนคู่นี้ ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอยากจะรู้ว่าเมื่อไหร่ปัญหาทั้งหมดจะจบสิ้นลงสักที เขาจะได้มีความสุขเหมือนคนอื่นๆ สักที
“คืนนี้ค้างที่นี่ก่อนสิ มีอะไรจะได้คุยกัน”
จาร์คาเอ่ยปากชวน และเมื่อได้อ่านจดหมายของลัยลา ใบหน้าของเขาถึงกับเปลี่ยนสี
“นางไม่ธรรมดาจริงๆ หน้าตาสวยๆ ทำไมถึงร้ายกาจได้ขนาดนี้”
“แสดงว่าพวกเราเข้าใจความหมายของมันเหมือนกัน ตอนแรกข้าคิดว่า...ข้าคิดไปเองเสียด้วยซ้ำ”
ฟายาสเอนตัวพิงหมอนใบใหญ่แล้วถอนหายใจ
“ทำอย่างไรข้าถึงจะยกเลิกการหมั้นหมายนี้ได้”
“ตราบใดที่เจ้ายังอยู่ในตำแหน่งนี้ ผู้หญิงที่อยู่รอบตัวเจ้าคือศัตรูของนางทั้งหมด”
จาร์คายกถ้วยชาสมุนไพรขึ้นจิบ คิ้วโก่งราวคันศรขมวดเข้าหากันยามที่เขาใช้ความคิด
“นอกจากเจ้าจะลงจากตำแหน่ง แล้ว...ยกมันให้คนอื่น”
“ข้าคิดว่านางคงกำจัดทุกคนที่ขวางทางของนาง ข้าดูนางออกว่าคนอย่างนางทำได้ทุกอย่าง”
คำพูดของฟายาสมิอาจโต้แย้งได้ เพราะจาร์คาก็คิดเช่นเดียวกัน สองหนุ่มต่างเอนหลังลงแล้วนอนหลับกันตรงลานดูดาวที่จาร์คาสร้างให้ภรรยาไว้นอนเล่น มาตายืนมองคนทั้งคู่อยู่นาน นางรอจนพวกเขาหลับจึงเดินกลับห้องและก่อนที่จะเข้านอนหญิงสาวได้จัดการอะไรบางอย่างแล้ววางมันไว้ข้างเตียง
“ข้าคิดว่าเจ้าคงต้องใช้สิ่งนี้ด้วยเก็บไว้ให้ดี เผื่อฉุกเฉิน”
เมื่อถึงเวลาเช้า ก่อนที่ฟายาสจะออกเดินทางจาร์คาได้ส่งปืนขนาดจิ๋วที่ถูกสั่งทำพิเศษให้ ชายหนุ่มรับมามองอยู่ครู่หนึ่งก็หย่อนใส่กระเป๋าเสื้อด้านในชุดคลุม
“ขอบคุณ ถ้าข้าต้องการความช่วยเหลือเมื่อไหร่หวังว่าจะได้เห็นท่านนะพี่ชาย”
จาร์คาพยักหน้ารับ และยืนมองจนรถแล่นไปจนสุดสายตา มาตาเดินเข้ามากอดเอวสามีมองเห็นความกังวลบนใบหน้าเขาแล้วยิ้มอ่อนโยน
“อยากช่วยทำไมไม่ตามไปล่ะคะ ข้าอยู่ทางนี้ได้”
“แต่...”
“ไปเถอะค่ะท่านพี่อีกตั้งหกอาทิตย์ข้าถึงจะคลอด ท่านจะได้ไปรอรับการกลับมาของท่านบาราสด้วย ไปเร็วแค่สามวันจะเป็นไรไปคะ”
จาร์คาหันมามองภรรยา มาตาท้องไร่เรี่ยกับมาริตาภรรยาของบาราสแต่เพราะแท้งตั้งแต่ท้องได้เพียงสองเดือน เขาเลยต้องสูญเสียลูกไปแต่นับว่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ยังเห็นใจหลังจากมาตาได้รับการดูแลจากแม่ซึ่งเป็นหมอสมุนไพรทำให้ร่างกายของหญิงสาวพร้อมที่จะตั้งครรถ์ได้ในเวลาเพียง 45 วัน
และเขาทำสำเร็จเสียด้วย...
ชี้คหนุ่มลูบท้องภรรยาเบาๆ แล้วยิ้มเมื่อได้รับการทักทายจากเจ้าตัวน้อยในท้อง
“ข้าจะไม่ยอมทำให้ตัวเองต้องสูญเสียสิ่งสำคัญไปอีก ข้าจะรีบกลับมา”
“หมอกับพยาบาลที่ท่านแม่ส่งมาให้เต็มวัง ท่านอย่าได้ห่วงเลยไปเถอะข้าสั่งให้คนจัดของที่จำเป็นให้ท่านแล้ว ส่วนซองหนังนี้ข้าใส่สิ่งที่พวกท่านต้องใช้ไว้ ระวังมันแตกด้วยนะคะ”
มาตาเงยหน้ารับการประทับจูบอย่างดูดดื่มจากสามี และยืนส่งเขาเพียงแค่หน้าบ้านก่อนจะหันกลับเข้าไปในบ้าน ด้วยยึดคำแต่โบราณที่ว่า
‘อย่ายืนส่งคนรักจนแสงแดดกลืนกลืนร่างเขาจนหายไปจากสายตาเพราะมันจะทำให้เกิดลางร้าย’
ทันทีที่มาถึงคาร์ซาน่าฟายาสตรงไปที่พักของลัยลาทันที เขาต้องการให้ทุกอย่างจบลงเร็วที่สุด แม้รู้ว่านี่อาจเป็นกับดัก ชายหนุ่มหยิบแท่งไม้สีขาวออกเหลืองที่มาตาให้มาใส่ปาก ใช้ลิ้นขยับมันไว้ที่ข้างฟันกรามติดกระพุ้งแก้มข้างละชิ้นก่อนจะก้าวเข้าสู่ในเขตที่พักรับรองแขกบ้านแขกเมือง
“อย่าเพิ่งเข้าไป”
เจ้าของมือที่แตะอยู่ตรงไหล่ยิ้มกว้าง ส่วนอีกหนึ่งหนุ่มที่ยืนอยู่ใกล้ๆกันยักคิ้วให้อย่างคนอารมณ์ดี
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกข้าต้องแน่ใจว่าเจ้าจะไม่ถูกข่มขืน”
ดาเรสยักคิ้ว เขาผลักประตูเข้าไปด้านในแล้วเดินนำด้วยท่าทางของคนที่ถูกฝึกมาเป็นย่างดี มิตรภาพของพวกเขายิ่งกว่าคนที่เติบโตมาด้วยกันธรรมดา สายสัมพันธ์ที่ก่อเกิดไม่อาจทดแทนได้ด้วยเงินทอง
อยู่ๆ คนที่เดินนำหน้ากลับหยุดยืนนิ่ง ความรู้สึกบอกว่ากำลังถูกจับตามองจากรอบๆ ตัว ดาเรสยกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้ทุกคนรู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
“ไม่เป็นไร รับรองว่าพวกมันไม่คิดที่จะทำร้ายข้า”
ฟายาสยกมือขึ้นตบบ่าดาเรสแล้วเดินนำเข้าสู่เขตด้านใน รอยยิ้มหยันแตะแต้มที่มุมปาก แน่ใจว่าลัยลาไม่มีทางกำจัดเขาเพราะนางต้องการก้าวขึ้นเป็นสุลตาน่า แต่ปัญหามันอยู่หลังจากที่การแต่งงานเกิดขึ้น เขาไม่แน่ใจว่าพ่อกับแม่จะปลอดภัยหรือไม่
“เชิญท่านฟายาสเข้าสู่ด้านในได้เพียงผู้เดียวเจ้าค่ะ”
อารียาเดินออกมายืนขวางประตูเอาไว้เมื่อเห็นว่ามีแขกไม่ได้รับเชิญมาด้วย ฟายาสจ้องหน้าหญิงสูงวัยด้วยแววตาน่ากลัว ริมฝีปากได้รูปเชิดขึ้นก่อนจะกลายเป็นแสยะยิ้ม
“ถ้าญาติข้าเข้าไม่ได้ ข้าก็คงไม่เข้า เขาเป็นพี่ชายและเพื่อนรักของข้า หากใครไม่เคารพมันผู้นั้นก็อยู่คาร์ซาน่าไม่ได้”
น้ำเสียงเหี้ยมเกรียมทำให้อารียาเผลอก้าวถอยหลัง ในใจนึกกังวลว่างานนี้จะไม่ง่ายเสียแล้ว เพราะท่าทางของคนตรงหน้านั้นไม่ใช้คนโง่หรือยอมให้ใครควบคุมได้ง่ายๆ
คนสนิทของเจ้าหญิงลัยลาก้มหน้าลงเมื่อเผลอสบตาของดาเรสกับจาร์คา บอกกับตัวเองว่าถ้าจะช่วยนายของตนคงต้องวางยาคนพวกนี้ด้วยเพราะพวกเขาดูอันตรายเกินไปที่จะเก็บไว้
“ข้าขออภัย หากคนของข้าทำให้ท่านไม่พอใจ”
เจ้าของเสียงหวานใสคือสาวงามในชุดสีแดงสด แม้จะดูสวยงามแต่ไม่ต่างอะไรกับกุหลาบที่เต็มไปด้วยหนามถ้าจับไม่ดีก็จะถูกหนามทิ่ม ฟายาสยิ้มน้อยๆ เมื่อคิดถึงหญิงสาวอีกคน วิเวียนเหมือนดอกกล้วยไม้ที่ขึ้นอยู่ในเขตโอเอซิส(Eulophia petersii) เล็กๆ น่ารัก น่าถนอม
“เรื่องนั้นช่างมันเถอะ ข้าอยากให้เจ้าอธิบายความหมายของจดหมายฉบับนี้มากกว่า”
ลัยลามองสิ่งที่คู่หมั้นถือไว้แล้วเอียงคอพองาม หากแต่นั่นคือท่าทางที่ปั้นแต่งให้ดูน่ารักไม่ใช่กิริยาที่เป็นไปตามธรรมชาติ
“ข้าไม่ได้เขียนอะไรที่เป็นความนัยนี่ ทำไมท่านถึงกล่าวเช่นนั้น”
ท่าทางไร้เดียงสาของหญิงสาวหลอกตาใครต่อใครได้เสมอ แต่ไม่ใช่กับคนเช่นเขา ฟายาสหรี่ตาลงคนโง่เท่านั้นถึงจะเชื่อว่าขอความในจดหมายไม่มีความนัยใดๆ
‘ถึงชายอันเป็นที่รัก ข้าใคร่เชิญท่านมาทานอาหารมื้อค่ำวันพรุ่งนี้ เพื่อพิสูจน์ว่าอาหารรสเลิศของทีจิสมิได้ด้อยกว่าอาหารรสชาติธรรมดาอย่างอาหารไทย ดอกกุหลาบกลิ่นหอมประดับอยู่ในห้องอาหารรอคอยท่าน หากท่านคิดปฎิเสธ จะไม่มีดอกไม้ดอกใดในสวนของท่านอีกเลย’
“นี่หรือที่เจ้าว่าไม่มีความนัย”
“ข้าเพียงจะบอกท่านว่า หากท่านปฎิเสธการเชื้อเชิญครั้งนี้ ข้าคงไม่ต่างจากดอกไม้ที่โรยราและสวนดอกไม้ที่สวยงามก็จะไร้ซึ่งดอกไม้ใดๆ”
ริมฝีปากอิ่มคลี่ยิ้มก่อนจะหันหลังให้ ท่าทางเยื้องย่างสะโพกพริ้วไหวราวกับกำลังชวนเชิญ หญิงสาวก้าวนำไปทางห้องทานอาหาร แกล้งทำเป็นไม่เห็นแขกไม่ได้รับเชิญทั้งสองคนเพนฃราะไม่คิดที่จะทักทายคนที่ต่ำกว่าตน
จาร์คาสบตากับดาเรสแล้วใช้ปลายลิ้นเขี่ยกระพุ้งแก้มเพื่อให้แน่ใจว่าของที่ภรรยาให้มายังอยู่ในที่ๆ ควรอยู่ เขาเดินตามเข้าไปในห้องกวาดตามองอาหารมากมายแล้วหาที่นั่งของตน
“ข้าไม่รู้ว่าท่านจะพาคนอื่นมาด้วยจึงมิได้เตรียมที่ไว้ให้”
ลัยลากล่าวก่อนจะยกมือขึ้นเป็นสัญญาณให้เหล่าเบดูอินก้าวเข้ามา ไม่สนใจแม้แต่จะให้คนเตรียมที่สำหรับชายหนุ่มทั้งสองคน สายตาที่มองผ่านราวกับพวกเขาไม่มีตัวตน
จาร์คากับดาเรสก้าวมานั่งขนาบข้างฟายาส ทำท่าไม่รู้ไม่ชี้เมื่อเห็นว่าลัยลาออกอาการไม่พอใจ การเต้นรำแบบชนเผ่าทะเลทรายดูขัดๆ สำหรับคนที่เดินทางไปตามแคว้นต่างๆ อย่างฟายาส ชายหนุ่มอีกสองคนเช่นกัน พวกเขาหันมาสบตากันอย่างไม่สบายใจ
“บางครั้งคนเราก็คิดกังวลในสิ่งไร้สาระ”
ลัยลาพูดเปรยๆ แล้วปรบมือสองครั้ง เหล่าเบดูอินจึงเปลี่ยนท่วงทำนองแล้วการเต้นรำก็เปลี่ยนไป การเต้นรำแบบชนชาติทีจิสดูร้อนแรง ไร้ความนุ่มนวล การแสดงออกด้วยลีลาของนักเต้นชายหญิงแสดงออกถึงความสัมพันธ์ทางกายมากกว่าสวยงาม
“ดูเหมือนท่านไม่พอใจ”
“เปล่า”
ฟายาสตอบแล้วยกเตกีร่าขึ้นดื่ม ความร้อนแรงที่ไหลวูบลงสู่ช่องท้องเหมือนการเกิดพายุในร่างกาย เขารู้ทันทีว่าทำผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง ร่างกายที่เพิ่งฟื้นตัวไม่ควรดื่มเครื่องดื่มพวกนี้
แต่...อยู่ๆ ความร้อนทั้งหมดเหมือนหายไป คิ้วเข้มเลิกขึ้นด้วยความแปลกใจไม่อยากเชื่อว่าของที่มาตาให้มาจะใช้ได้ผลได้รวดเร็วเช่นนี้
ยิ่งเวลาผ่านไปจนอาหารที่นำออกมาหมดไป ท่าทางแขกทั้งสามคนยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ลัยลาสบตากับคนสนิทแล้วกัดกระพุ้งแก้มด้วยความไม่พอใจ และไม่เข้าใจว่าทำไมยาที่อารียาใส่ลงไปในอาหารและเครื่องดื่มจึงไม่ได้ผล เพราะตอนนี้ร่างกายของเธอเริ่มร้อนรุ่มด้วยฤทธิ์ของยาที่ใส่ในอาหารทุกจาน
“ท่าทางเจ้าจะไม่สบายนะลัยลา ทำไมหน้าแดงขนาดนั้น”
ฟายาสแกล้งทัก ทั้งที่พอจะเดาออกว่าเกิดอะไรขึ้น
“เปล่าข้าแค่อิ่มมากไป ท่านคงไม่ว่าหากข้าจะขอตัว”
ลัยลารีบตอบก่อนจะลุกขึ้นเมื่อความร้อนไหลมารวมตรงจุดศูนย์กลางของความเป็นหญิง นางกำลังทรมานจากยาที่อารียาใส่ลงไปในอาหาร ร่างกายราวกับถูกแผดเผาด้วยเปลวไฟ ลมหายใจถี่กระชั้นและเริ่มควบคุมไม่อยู่
“ข้า...ข้าขอตัว...”
เสียงพูดดังกระท่อนกระแท่น ลัยลารีบวิ่งออกจากห้องมุ่งหน้าสู่ห้องนอนของตนแล้วดึงทึ้งเสื้อผ้าจนขาด ริมฝีปากอิ่มสั่นระริกยามที่ก้าวขาลงสู่อ่างน้ำที่เย็นเฉียบ
“อารียา...เจ้าอยู่ไหน ช่วยข้าด้วย ทำให้ข้าหายทรมานที”
เสียงตะโกนเรียกคนสนิทดังลอดออกมาทำให้สามหนุ่มที่กำลังก้าวผ่านสวนดอกไม้หันมามองหน้ากันแล้วอมยิ้ม ฟายาสคายแท่งไม้ในปากออกขยิบตาให้จาร์คาก่อนจะส่งเสียงฮัมเพลงอย่างสบายอารมณ์
“แกใส่ยาบ้าอะไรลงไป ทำไมมันไม่ได้ผล”
ลัยลากรีดเสียงใส่หน้าคนสนิทสูงวัย มือยกขึ้นจิกผมบนศีรษะกระชากจนใบหน้านั้นแหยเกด้วยความเจ็บ อารียาเจอกับอารมณ์ของคนที่นางเลี้ยงมาจนชินจึงไม่คิดจะตอบโต้ ได้แต่กัดฟันทนเท่านั้น
“ข้าไม่รู้ว่าทำไมถึงไม่ได้ผล ข้าใส่มันทุกจานใส่แม้กระทั่งเครื่องดื่มแต่มันก็ไม่ได้ผล”
ลัยลากัดฟัน เหวี้ยงอารียาจนล้มลงไปนั่งกับพื้น ยกมือขึ้นตบหน้าคนสนิทเต็มแรงเป็นการระบายอารมณ์ตามองเลือดที่มุมปากอย่างพอใจ
“ถ้าเจ้าไม่ได้เลี้ยงข้ามานะอารียา ข้าจะให้อัฟฟาร์เอาเจ้าไปปล่อยกลางทะเลทราย”
“ข้าไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมยานั้นถึงไม่ได้ผล เจ้าหญิงยังต้องกินยาแก้ที่ข้าต้มให้ถึงหายทุรนทุราย แล้วทำไมพวกนั้นถึงไม่เป็นอะไรเลย”
หญิงสาวสูงศักดิ์เดินไปทิ้งตัวลงบนเตียง อาการร้อนวูบเพราะฤทธิ์ยาเพิ่งหายไปไม่นาน เหมือนเป็นการยืนยันคำพูดนั้น
“นั่นสิ ทำไมข้าถึงเป็นคนเดียว” นางพึมพำ “หรือว่า...พวกมันรู้แผนของเรา”
“ไม่มีทาง ยาของข้าไม่มีสีไม่มีกลิ่นพวกมันไม่มีทางรู้”
อารียายังคงมั่นใจในความสามารถของตน จนลืมไปว่าไม่ใช่นางเท่านั้นที่มีความรู้เรื่องสมุนไพร
“ตอนนี้รอแต่อัฟฟาร์คนเดียว หวังว่าวันพรุ่งนี้ข้าจะได้เห็นหน้านังผู้หญิงต่ำศักดิ์คนนั้น”
ลัยลามองไปทางตุ๊กตาแล้วยิ้มเหี้ยมเกรียม นึกถึงภาพยามที่มีร่างของผู้หญิงคนหนึ่งถูกขังอยู่ในหุ่น เสียงครางอย่างพึงพอใจดังขึ้น เมื่อคิดถึงช่วงเวลาที่จะมาถึง
“ข้าอยากรู้นักว่าเลือดของผู้หญิงคนนั้น สีจะสวยแค่ไหน”
คำสั่งย่อมเป็นคำสั่งไม่อาจจะขัดได้ อัฟฟาร์เงยหน้ามองดวงดาวบนฟ้า คืนนี้ภายในที่พักของมกุฏราชกุมารแห่งคาร์ซาน่าดูคึกคัก แค่ผู้หญิงต่ำศักดิ์คนหนึ่งทำไมถึงได้คุ้มกันอย่างเหนียวแน่นขนาดนี้ ชายหนุ่มในชุดดำแอบอยู่ในพุ่มไม้นับชั่วโมง แต่ชายรางยักษ์ที่นั่งอยู่หน้าประตูก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหลับ
เสียงประตูเปิดออกเบาๆ สายตาของชายหนุ่มจากทีจิสจึงเลื่อนไปยังร่างหญิงสาวที่ก้าวออกมา ใครว่ารักแรกพบไม่มีจริง อัฟฟาร์มองวิเวียนนิ่ง จากระยะที่เขาอยู่ไม่ไกลเกินกว่าจะได้เห็นว่ารอยยิ้มนั้นอ่อนโยนมากแค่ไหน ภาพที่เธอส่งขนมกับน้ำให้ชายร่างยักษ์บอกให้รู้ถึงความเอาใจใส่ สิ่งที่ไม่มีสักนิดในตัวเจ้าหญิงทีจิส
การรอคอยเพื่อให้ได้ในสิ่งที่ต้องการต้องใช้ความใจเย็น แต่เวลานี้อัฟฟาร์กำลังฟุ้งซ่าน ถ้าไม่ได้ตัวหญิงสาวไปเขาจะต้องรับโทษ แต่ถ้าจับตัวไปได้ล่ะ...แล้วอะไรจะเกิดขึ้น
หัวใจของชายหนุ่มร้อนรุ่มดังไฟเผา ถ้าขอนางจากเจ้าหญิงแล้วพาไปอยู่ที่ทีจิส คนอย่างเจ้าหญิงลัยลาจะให้หรือ คำถามมากมายไม่อาจมีคำตอบเพราะเขาไม่กล้าเชื่อใจเจ้านายของตน
“เอาตัวไปก่อนแล้วค่อยว่ากันทีหลัง”
อัฟฟาร์บอกกับตัวเอง ยกมือขึ้นหยิบเครื่องมือชิ้นหนึ่งขึ้นมาจรดริมฝีปากก่อนจะเป่าสิ่งที่อยู่ภายในใส่ชายร่างยักษ์แล้วรอจนร่างนั้นค่อยๆ ทรุดลงไปนอนกับพื้น
เสียงสายลมพัดเบาๆ ยามค่ำคืนบอกถึงการเคลื่อนผ่านของช่วงเวลา ร่างที่ซ่อนอยู่ในเงามืดยังคงอยู่ตรงนั้นอีกพักใหญ่ จนแน่ใจว่าสมุนของตนจัดการกับเวรยามคนอื่นๆ เรียบร้อยแล้วจึงก้าวออกจากที่ซ่อน แต่แล้วกลับต้องถอยหลังเข้าไปที่เดิมเมื่อใครคนหนึ่งก้าวออกมา
tonpalm
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 พ.ค. 2554, 20:05:44 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 พ.ค. 2554, 20:05:44 น.
จำนวนการเข้าชม : 3226
<< ตอนที่ ๘ | ตอนที่ ๑๐ >> |
Setia 3 พ.ค. 2554, 20:53:15 น.
ยัยโหดเอ๊ย แม้กระทั่งแม่นมที่เลี้ยงมาแต่เล็กยังทำกันได้
ยัยโหดเอ๊ย แม้กระทั่งแม่นมที่เลี้ยงมาแต่เล็กยังทำกันได้
แว่นใส 4 พ.ค. 2554, 08:20:26 น.
ร้ายจริงๆเลย
ร้ายจริงๆเลย
sa 7 พ.ค. 2554, 01:19:44 น.
^^ รอค่า
^^ รอค่า
น้องอ้อ 7 พ.ค. 2554, 06:21:30 น.
ตามต่อค่า
ตามต่อค่า