ซีรีย์เมีย-อัพ-เมียราคี
“เธอรู้หรือเปล่าว่าเธอทำให้ฉันเป็นทุกข์ขนาดไหน”
“เธอคงสะใจแล้วสินะ ที่เห็นฉันเป็นแบบนี้”
ร่างบางส่ายหน้าปฏิเสธ
“ฮึ่ม...งั้นเธอคงอยากให้ฉันมีความสุข”
“งั้นก็ถอดเสื้อผ้าของเธอออกให้หมดสิ ฉันจะได้เชื่อว่าเธออยากให้ฉันมีความสุข”
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ซีรีย์เมีย-เมียสุดสวาท-ตอนที่๖ เงาที่เปล่งแสง

ตอนที่๖ เงาที่เปล่งแสง


ร่างสูงเดินมายืนอยู่ตรงหน้า เขาจ้องมองเธอนิดหน่อย ก่อนจะค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อตัวเอง แล้วสะบัดมันหล่นลงพื้นหลังจากปลดกระดุมเสร็จ เผยให้เห็นแผงอกล่ำบึกบึนในความมืด ทำให้คาร่าต้องกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก และทำอะไรไม่ถูก เมื่อเขาจริงจังขึ้นมาแบบนี้

“เอ่อ...” เธออึกอักเงยหน้าขึ้นมองเขา แต่กลับรู้สึกหวั่นๆ ไม่กล้าทำตามที่ตั้งใจไว้

“ถอดกางเกงให้ฉันสิ” เขาไม่สนว่าเธอในตอนนี้จะเริ่มหวั่น เพราะเธอเป็นคนเรียกร้องมันเอง เขาจึงขยับมายืนชิดมากขึ้น พร้อมกับวอนให้เธอช่วย แต่คาร่าก็ยังยืดยาด ชักช้า มือใหญ่จึงเอื้อมมาดึงมือเธอแล้วเอามันมาวางลงบนเป้ากางเกงของตัวเอง

“มันอยากกลับมาหาเจ้าของของมัน” เขาเอ่ยอีก หากแต่ครั้งนี้เสียงกลับพร่าแห้งยังไงชอบกล จนหัวใจของคาร่าเต้นถี่ด้วยความตื่นเต้น แต่เธอก็ยังไม่กล้าทำอะไร หรือพูดอะไร เขาจึงเป็นฝ่ายปลดกางเกงเอง แล้วให้เธอสัมผัสตัวตนของเขาตามอำเภอใจของเธอ

คาร่ากลืนน้ำลายลงคออีกครั้ง รู้สึกโหวงๆ ในท้องน้อย ขณะที่แรงเต้นของหัวใจถี่ทวีคูณขึ้นเรื่อยๆ จนเธอเริ่มหายใจแรง และมือไม้ก็เริ่มชา มันสั่นๆ แทบไม่มีกำลังมากอบกุมความเป็นตัวตนของสามี ทำให้บุคคลที่ยืนนิ่งให้เธอจับต้อง อมยิ้มกริ่มด้วยความชอบใจ ที่บรรยากาศเก่าๆ ของตัวเองกับเธอเริ่มหวนย้อนกลับคืนมาอีกครั้ง

“เล่นกับมันเหมือนเมื่อก่อนนี้สิ มันคิดถึงสัมผัสเธอ” เขาก้มหน้าลงมากระซิบชิดขมับบาง ลมหายใจอุ่นๆ ยิ่งทำให้คาร่าใจเต้นแรง จนมือน้อยสั่นคลอนมากขึ้น จึงต้องรีบผละมือจากตัวตนของเขา พร้อมกับขยับถดหนี แต่มือใหญ่กลับรีบเอื้อมมาฉุดข้อเท้าเรียวของเธอไว้ แล้วดึงให้เธอเลื่อนลงกลับมาหาเขา

“คุณริด...” คาร่าเปล่งเสียงออกมาปฏิเสธ รู้สึกหวั่นใจยังไงไม่รู้ แต่เขาไม่สน รีบจับเรียวขายาวแยกออก แล้วแทรกกายไปอยู่ท่ามกลางกึ่งกลางหว่างขางาม

“ฉันจะสาธิตให้ดูไง” เขากระซิบมาอีก ก่อนจะกดให้ร่างบางหงายหลังลงนอนราบบนเตียง “ถ้าเธอไม่อยาก...บอกฉันตอนนี้ ฉันจะหยุด” เขาลดสายตาจ้องเธอ ใบหน้าคมเหนืออาณัติห่างไม่ถึงคืบ เอ่ยเสนอให้อย่างไม่คิดจะบังคับอีก แล้วนิ่งอยู่ในท่านั้นรอให้เธอตอบ แต่ผ่านไปครู่ใหญ่สาวเจ้าก็ยังไม่ตอบ เขาจึงต้องผละห่าง เพราะคิดว่าเธอคงไม่ต้องการแบบนี้ ทว่าในช่วงวินาทีนั้น เรียวขางามกลับรีบตวัดรัดสะโพกเขา ไม่ให้ไป

คริษฐ์ก้มลงกลับมามองอีกครั้งเมื่อเธอทำเช่นนั้น แล้วเขาก็ได้เห็นว่า ดวงหน้าบางสวยในความสลัว ส่ายไปมา ไม่ยอมให้เขาจากไป ทำให้รอยยิ้มหล่อปริออกมาโดยอัตโนมัติ เขาจึงก้มลงไปใกล้มากขึ้น ก่อนจุมพิตที่หน้าผากมนเบาๆ

“ไม่เสียใจ...” เขาย้ำถามมาเพื่อความแน่ใจ

“ไม่เสียใจ” คาร่ายิ้มนิดๆ พยักหน้าตอบเขา...



ความเย็นเยือกในยามค่ำคืนช่างเหน็บหนาว บวกกับความเย็นของแอร์ที่พัดมาซัดบางเบา ช่างน่าทำให้หนาวสั่น ทว่ามันกลับไม่มีผลอันใดต่อเรือนกายที่รุ่มร้อนของหญิงสาว มันไม่ช่วยบรรเทาความอบอ้าวในกายของเธอให้ลดลง ตรงข้ามคล้ายจะเพิ่มพูนให้ร้อนมากขึ้น และเธอก็แทบจะอาบเหงื่อตัวเองเมื่อเวลาผ่านไปจากนาทีเป็นชั่วโมง

“ผู้ชายชอบแบบนี้เหรอคะ” เสียงหวานกระเส่าลงมาหา ริมฝีปากบางนัวเนียอยู่บนใบหน้าคม จ้องเขาด้วยสายตาสุดสวาทที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน

“ไม่ทุกคนหรอก แต่สำหรับฉัน ฉันชอบ” เขากระซิบเสียงพร่าตอบ เงยหน้าขึ้นรับกลีบปากบางที่ช่างยั่วยวนนั้น หากเธอกลับปฏิเสธเขาด้วยการดึงมือมายั้งวงปากหยักไม่ให้ฉวยโอกาสกับเธอ

“อย่าค่ะ คุณใจร้อน” ที่มุมปากบางกระตุกยิ้มอย่างหยอกเย้า แฝงเลศนัย พร้อมกับเอ่ยปรามเขาเสียงแผ่วก่อนลุกห่างไปแล้วค่อยก้มลงมาอีกครั้ง หากครั้งนี้กลับไม่ใช่กลีบปากบางที่เขาคาดคิด แต่เป็นความอวบอิ่มที่เขาโหยหา

เธอค่อยๆ ป้อนมันเข้าปากหยัก คริษฐ์จึงรีบรับโดยไม่นึกเกี่ยงใดๆ ขณะที่ปล่อยให้จังหวะความร้อนของเรือนกายทำหน้าที่ของมันไปพลางๆ เช่นกัน แล้วนานโขกว่าจะคิดชวนเธอไปชำระล้างร่างกายเพื่อมาพักเอาแรง เพราะอีกแค่สามชั่วโมงกว่าๆ เธอก็ต้องตื่นไปทำงาน

“คาร่า...” เขากระซิบเรียกแผ่วๆ ที่ข้างหูบาง

“หือ” ภรรยาขานรับต่ำในลำคอ แต่ก็ขยับมาซุกชิดกับอกเขามากขึ้น ทำให้รอยยิ้มหล่อๆ เผยอยู่เต็มใบหน้าคม แล้วเขาก็อดไม่ได้ที่จะหอมซอกผมสลวยของภรรยาเบาๆ ก่อนจะเอ่ยชวนเธอ

“อาบน้ำกันนะ แล้วค่อยนอน” เสียงแหลมกระซิบมาอีกอย่างนุ่มนวล พร้อมวงแขนที่ตึงรัดแน่น ทำให้ร่างบางในอ้อมกอดต้องส่ายหน้าปฏิเสธ เพราะเธอยังอยากให้เขากอดไว้แบบนี้ ไม่ต้องการเหมือนที่ผ่านมาที่พอเสร็จกิจรัก ก็ต่างคนต่างไป ต่างคนต่างนอน มันช่างเป็นอะไรที่อ้างว้างสิ้น ซึ่งเธอไม่อยากให้เป็นแบบนั้นอีก

“แต่อีกเดี๋ยวเธอต้องไปทำงาน” เขาอ้อนอีกครั้ง กลัวว่าตัวเองจะทำเธอเสียงาน แต่ภรรยาก็ยังยันยืนความต้องการเดิม ส่ายหน้าเหมือนเก่า แล้วสวมมือกอดรัดเขาแน่นขึ้น งอแงไม่ยอมไปอาบน้ำ อยากให้เขารู้ว่าเธออยากนอนกอดกับเขาแบบนี้ไปนานๆ มากกว่าไปอาบน้ำ หรือลุกไปทำงาน

คริษฐ์อมยิ้มกว้างขึ้นอีก อยากจะเข้าข้างตัวเอง แต่ก็ไม่กล้า เพราะเธอยังไม่เคยเอ่ยเลยสักคำว่ารักเขา รอยยิ้มหล่อๆ จึงค่อยๆ หุบ ทว่าอ้อมกอดแกร่งกลับรัดภรรยาแน่นขึ้น เหมือนจะกลัวว่าเธอจะหายไป หากก็ต้องคลายออกอีกครั้ง เมื่อสมองมันหวนนึกถึงเรื่องที่คุยกันก่อนจะลากกันขึ้นเตียง แล้วก็ทำท่าจะลุกห่างจนสาวเจ้าต้องรีบลุกขึ้นมาคร่อมร่างเขาไว้ กันไม่ให้เขาไปไหน

“ถ้าคุณหายเหนื่อยแล้ว เรามาสาธิตกันต่อนะคะ” น้ำเสียงของเธอแทบสะอื้น เพราะมันเจ็บที่ต้องทำอะไรไร้ยางอายแบบนี้ แต่จะให้เธอทำยังไง ในเมื่อเธออยากฉุดเขาเอาไว้อีกสักนาทีกับเธอ และอยู่ในอ้อมกอดของเขาไปอีกสักพัก แต่เธอก็ไม่มีหนทางอื่น จึงต้องใช้ร่างกายรั้งเขาไว้ เผื่อเขาจะไม่ไป

“คาร่า...” คริษฐ์เงยหน้าขึ้นมามองภรรยาอย่างแปลกใจ แต่ก็ได้เห็นดวงตาคู่น้อยที่เปล่งประกายด้วยหยดน้ำตา

“ฉัน...ฉันยังไม่อยากให้คุณไป ไม่อยากให้ไปตอนนี้” เธอสะอื้นออกมาทันที ไม่คิดกลั้นไว้อีก ก้มหน้าลงซบกับอกเขา “อย่าไป...ได้ไหมคะ” ครั้งแรกในชีวิตที่เธอเอ่ยขอเขา คริษฐ์น่าจะดีใจ แต่เขากลับรู้สึกหดหู่ที่ทำเธอร้องไห้อีก

“ใครว่าฉันจะไป แค่ขยับตัวเอง นอนท่าเดียวนานๆ เมื่อยจะตาย เธอไม่เมื่อยเหรอ” เขาอ้างมาหลายๆ เหตุผล แต่ร่างบางไม่สน ยังไม่ยอมตอบหรือลุกห่างจากเขา คริษฐ์จึงหวนกลับมาอมยิ้มอีกครั้ง แล้วเอื้อมมือขึ้นลูบหลังบางเปล่าเปลือยเบาๆ “งั้นนอนกันแบบนี้” เขาเสนอมาอย่างอารมณ์ดี แต่เธอก็ยังสะอื้นจนเขาต้องหาคำมาปลอบต่อ “ไม่ร้องแล้วนะ เดี๋ยวฉันผิวปากกล่อมนะ เธอจะได้นอนหลับง่ายๆ ไง” ว่าแล้วก็เริ่มผิวปากตามสัญญา ก่อนจะยื่นมือไปดึงผ้าห่มมาห่มตัวเองกับเธอ ต่อไปนี้เขาจะไม่นึกสนอะไรกับเรื่องใดๆ อีก แต่จะยึดและถนอมทุกวินาทีไว้เพื่อเธอ และต่อให้ลมหายใจจะต้องหมดไป เขาก็จะอยู่กับเธอให้ถึงวินาทีสุดท้าย...



นานเท่าไรไม่รู้ที่เธอเผลอหลับไป ทั้งที่ตั้งใจว่าจะไม่หลับ ด้วยกลัวตื่นมาจะไม่เจอเขา แต่ก็ฝืนความเหนื่อยไม่ไหว ร่างกายมันทำงานของมันเอง เธอจึงหลับไป และก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่น กระทั่งมีเสียงแหลมๆ นุ่มๆ เพราะเสนาะหูมากระซิบแผ่วๆ อยู่ที่ข้างหู

“คาร่า...ตื่นนะ เดี๋ยวจะไปทำงานสาย” สุ้มเสียงที่แว่วมา น่าหลงใหลดั่งเสียงเทพบุตรในเทพนิยาย ทำให้เธออยากจะเอื้อมมือคว้าเขาเอาไว้กับตัวเองตลอดไป แต่ก็รู้ว่าไม่มีทางทำได้ เพราะตัวเธอเอง เธอไม่ปรารถนาได้เทพบุตรใดๆ นอกเหนือไปจากปีศาจตนนั้นของหัวใจ ผู้ที่กดขี่หัวใจของเธอให้จำนนแด่เขาเพียงผู้เดียว

“คุณริด...” ดวงตาคู่น้อยค่อยๆ ลืมขึ้นมามองเจ้าของเสียง แล้วเธอก็ยิ้มแป้นไม่ผิดหวัง เมื่อนั่นไม่ใช่เทพบุตร แต่คือปีศาจของเธอ ปีศาจสุดที่รักของเธอ “กี่โมงแล้วคะ” เสียงหวานเอ่ยออกไปทั้งที่ยังง่วงเงีย แต่ก็เพราะพริ้งจนร่างสูงอยากให้รางวัล เขาจึงก้มลงมาประกบปากกับเธอเบาๆ

“อย่าค่ะ คาร่ายังไม่แปรงฟันเลย ยังไม่ล้างหน้าด้วย” เธอผลักอกเขาพร้อมกับเอียงหน้าหนี เกรงกลิ่นปากยามเช้าของตัวเองจะทำให้เขาไม่ประทับใจ แต่สามีกลับไม่ถือ เขาเอื้อมมือตามไปจับใบหน้าหวานของภรรยาให้หันกลับมาหาเขา

“ไม่มีใครดีไปหมดทุกอย่างหรอกคาร่า แต่ฉันชอบเธอหมดทุกอย่าง” คำพูดของเขาเหมือนจะเตือนความจำของเธอ ว่าเขา...ไม่เคยรังเกียจเธอเลย ไม่ว่าจะเรื่องไหนๆ และในเวลาแบบไหน กลีบปากงามจึงปริบานออกมาอีกครั้ง

“ค่ะ” เธอขานคำเขา แล้วลุกขึ้นมานั่งซบอกเขา โดยลืมดูสภาพร่างกายของตัวเองไป จนสามีต้องยื่นมือดึงผ้าห่มมาคลุมให้เธอ

“ทำแบบนี้ เดี๋ยวก็ได้เข้าออฟฟิศกันตอนบ่ายหรอก” เขากล่าวคล้ายตำหนิ แต่ในแววตากลับยิ้มหยอกเย้า ทำให้แก้มนวลขึ้นสีระเรื่อ

“งั้นคาร่าไปอาบน้ำดีกว่า” เธออมยิ้มนิดๆ แล้วรีบผละห่างจากอกของสามี ก่อนจะหอบเอาผ้าห่มทั้งผืนเข้าไปในห้องน้ำกับตัวเอง

“ฉันตั้งโต๊ะรอนะ” เขาตะโกนตามหลัง ยิ่งทำให้เธอฉีกยิ้มกว้าง แต่ไม่ตอบเขา ตรงข้ามรีบปิดประตูห้องน้ำ เพราะอยากทำกิจส่วนตัวให้เสร็จเร็วๆ จะได้รีบไปนั่งจ้องตากับเขา



ไม่เกินสิบห้านาทีที่เธอใช้ไปกับการอาบน้ำแต่งตัว แต่ก็ต้องมาปลุกลูก อาบน้ำให้ลูก จึงเหมือนจะนานหน่อย หากนั่นก็เป็นกิจประจำเช้าของเธอ ไม่ได้ต่างอะไร เพียงแค่วันนี้มันดูนาน...ยาวนาน เพราะใจเธอร้อน เธอใจร้อนที่จะรีบไปหาสามี

“คุณแม่รีบ” เด็กน้อยถาม จ้องมองคุณแม่ผ่านกระจกตรงหน้าตัวเอง แกขมวดคิ้วนิดๆ คุณแม่มีประชุมอีกหรือเปล่า ทำไมดูรีบๆ จับโน้นจับนี่ผิดไปหมด ขนาดหวีมันวางอยู่ตรงหน้า คุณแม่ยังมองไม่เห็น

“คุณแม่ไม่ได้รีบค่ะ” คาร่าอมยิ้มปฏิเสธคำพูดลูก ทำให้เด็กน้อยหน้างอ

“คุณแม่โกหกไม่ดี” คาร่าตันทันทีกับคำตำหนิของลูก เธอจึงชะงักทุกการกระทำ แล้วหมุนเก้าอี้ตัวเล็กของแกให้แกหันมาหาเธอ ก่อนจะนั่งลงยองๆ อยู่ตรงหน้าแก

“คุณแม่รีบนิดหน่อยค่ะ” เธอยอมรับออกมา แต่เมื่อเห็นหน้าลูก ก็ทำให้เธอนึกสมเพชตัวเอง เพราะตัวเองแก่ขนาดนี้แล้ว ยังไม่รู้จักวางตัว ควบคุมความรู้สึกไม่อยู่ ปล่อยตัวเองให้ทำตัวเหมือนเด็กสาวแรกรุ่นที่กำลังกรี๊ดกร๊าดกับความรัก คาร่าจึงยื่นมือลูบท้ายทอยของลูกเบาๆ “คุณแม่ขอโทษค่ะ” เธออมยิ้มอีก แล้วเอ่ยขอโทษลูก แต่เด็กน้อยกลับขยับตัวลงจากเก้าอี้แล้วกลาเข้ากอดเธอพร้อมหอมแก้มเธอฟอดโต

“นึงนึกรักคุณแม่และก็...รักคุณพ่อ” ไม่รู้ว่าอะไรทำให้ลูกเอ่ยออกมาแบบนี้ แต่คาร่ากลับน้ำปริ่ม รีบกอดรัดลูกไว้แน่น ไม่ใช่ครั้งแรกที่แกบอกรักเธอ แต่นี้เป็นครั้งแรกที่มีพร้อมคำว่าคุณพ่อและคุณแม่ เธอจึงกลั้นไม่ไหวที่จะน้ำตาไหล และลูกสาวของเธอจะมีครบทุกอย่าง ถ้าเธอพยายาททำทุกอย่าง

“ค่ะ คุณแม่ก็รักนึงนึกนะ และคุณแม่ก็เชื่อว่าคุณพ่อก็รักนึงนึกมากๆ เหมือนกัน” เธอลูบท้ายทอยลูกแล้วปลอบแก เกรงแกจะคิดว่าคุณพ่อไม่รัก แต่แกก็ฉีกยิ้มกว้าง

“นึงนึกก็รักคุณพ่อมากๆ เหมือนกัน” แกยิ้มตอบอย่างน่ารักน่าเอ็นดูจนคาร่าอดไม่ได้ที่จะหอมแก้มนุ่มๆ ของแกแรงๆ

“ค่ะ คุณแม่ก็รักคุณพ่อมากๆ เหมือนกัน”

“เราทุกคนรักกันมากๆ” แกสรุปให้ คุณแม่จึงได้แต่ยิ้มรับ และแม้ไม่รู้ว่าเขาจะรักเธอมากๆ ไหม แต่เธอรู้ว่าเธอรักเขามากๆ และรู้ว่าเขารักลูกมากๆ ซึ่งแค่นั้น เธอก็พอใจ



“วันนี้เรากินอะไรกันค่ะ”เธอพาลูกลงมาเมื่อไม่กี่นาทีให้หลัง หลังจากที่สารภาพรักกันเสร็จ เดินตรงมาหาคุณพ่อของลูกในห้องครัว พร้อมกับซักถามไปเสียงดังร่าเริง

“วันนี้เรากินสเต็กค่ะ” คุณพ่อครัวคนใหม่หันมาตอบคุณแม่และคุณลูกสาว ก่อนจะเดินตรงมาดึงเก้าอี้ให้สองสาวของตัวเองนั่ง แต่คำตอบของเขากลับทำให้คุณแม่ข้องใจ เธอจึงต้องเอ่ยซักถาม

“เราไม่มีเนื้อไม่ใช่เหรอคะ วานก่อนคุณซื้อแต่ไข่มา” เธอถามเขาไปอย่างสงสัย แต่ก็ไม่ได้นึกติดใจอะไรกระทั่งได้ยินคำตอบของคุณพ่อของลูก

“ฉันไปซื้อมา...” เขาตอบแล้วหันไปหยิบจานมาวางให้ลูกกับเธอ

“ตอนไหน...” เธอถามอีกอย่างต้องการรู้ สายตาจับจ้องเขาไม่วาง อยากรู้ว่าเขาเอาเวลาตอนไหนไป

“ตอนเช้าสาง ฉันเห็นเธอยังไม่ตื่น เลยออกไปซื้อมาทำ” ตอบไปแล้วเริ่มตักกับข้าวให้สองแม่ลูก แต่คุณแม่กลับนั่งนิ่ง หน้าบูดทันที ไม่ยอมยื่นจานให้เขา จนเขาต้องเอื้อมมือมาดึงจานของเธอไปเอง แล้วหลังตักข้าวให้เธอเสร็จ เขาก็หันไปสนใจลูก เลยไม่ทันสังเกตว่าเธอเอาอีกแล้ว ไม่ยอมกินข้าว เพราะงอนเขา

นาน...ผ่านไปหลายนาที เขาจึงรู้สึกแล้วค่อยหันมาสนใจเธอ มองเธอ แต่สาวเจ้าก็ยังไม่แสดงปฏิกิริยาใดๆ นิ่งกับที่ ไม่ตักอะไรเข้าปาก คริษฐ์เห็นเช่นนั้นก็ถอนหายใจ แต่ก็ลุกแล้วลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ เธอ

“อ้า...” เขาตักกับข้าวแล้วยื่นมาชนริมฝีปาบางของเธอ “กินข้าวนะ จะได้มีแรงทำงาน” พูดอีก แต่ร่างบางก็ยังไม่อ้าปากงับ จนเขาต้องเอ่ยขอโทษ “ต่อไปจะไม่ทำอีก ฉันจะรอเธอตื่น แล้วเราค่อยไปด้วยกัน” เขาเข้าใจไปว่า เธอโกรธที่เขาไปคนเดียว จึงยิ่งทำให้เธอขบปากแน่น ไม่ยอมอ้าปาก

“คุณแม่ไม่ชอบเหรอ” ลูกเห็นคุณพ่อพยายามแล้ว แต่คุณแม่ก็ไม่ยอมกิน แกจึงถามอย่างอยากรู้ด้วยวัยของแก

“คุณแม่ไม่ค่อยหิวค่ะ” คาร่าจำเป็นต้องโกหกลูก แม้รู้ว่าแกไม่ชอบ แต่เธอก็ทำ เพราะไม่อยากบอกตรงๆ ว่ามันเพราะอะไรเธอถึงไม่อยากกิน พร้อมมือบางผลักมือสามีเบาๆ ให้ดึงช้อนไป เธอไม่อยากกิน

แต่เขาไม่เดือดร้อนกับปฏิกิริยาแบบนั้น ตรงข้ามนึกขำ เพราะเมื่อก่อนนี้ เมียของเขาไม่เคยจะงอนเขาเลย อย่างมากก็แค่ร้องไห้ ร้องไห้ให้ทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเรื่องโกรธ หรือเศร้า หรือเสียใจ หรือน้อยใจ แต่เดี๋ยวนี้เมียของเขา ถ้าไม่ชอบอะไรก็จะแดกดัน เหน็บแนมเขา ซ้ำยามงอนก็จะเล่นไม้นี้ แล้วถ้าเขาจะคิดเข้าข้างตัวเองว่าเธอเริ่มรักเขาแล้ว จะผิดไหม...

คริษฐ์อมยิ้มกับความคิดตัวเอง แล้วยื่นช้อนไปชนกับริมฝีปากของภรรยาอีก ไม่สนใจเลยสักนิดว่าเธอกำลังงอน เพราะเขารู้ว่า ถ้าเขาทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ เธอก็ต้องหายงอนเขาเอง

“ฉันจะชดเชยให้คืนนี้นะ และสัญญาด้วยเกียรติของสามีที่ไม่ค่อยดีและไม่ค่อยมีเกียรติเท่าไรว่า...จะอยู่กับเมีย นอนกับเมีย รอเมียตื่น ตื่นพร้อมเมีย และถ้าจะไปไหน ก็จะไปกับเมีย จะไม่บังอาจไปไหนคนเดียวอีก...นะ” เขาอ้อนมา ทำให้คาร่าไม่รู้จะโกรธหรืออายดี รู้สึกแปลกๆ ที่เขาเปลี่ยนขนาดนี้ แต่กลับแปลกใจตัวเองมากกว่า ที่เธอไม่นึกถือสาอะไรกับการเปลี่ยนแปลงนี้ ตรงข้าม...ลึกๆ กลับดีใจ

“นะ” เห็นเธอยังเงียบ สามีก็ทวนอีก ยื่นช้อนชนริมฝีปากอีก คาร่าจึงต้องจำใจอ้าปากรับ แล้วเอียงหน้าหันไปทางอื่นก่อนจะขบเคี้ยวและกลืน

“อร่อย” นึงนึกพูดเมื่อเห็นคุณแม่ยอมกินแล้ว แกแอบลุ้นตั้งนาน แต่ก็โล่งใจสักที จึงรีบตักของตัวเองกินเร็วๆ



“บ่ายๆ คุณพ่อกับคุณแม่จะมารับนะคะ นึงนึกเป็นเด็กดีนะคะ ไม่ดื้อนะ” คุณพ่อคุณแม่โบกมือลาลูกน้อย ก่อนที่จะทิ้งแกไว้กับอาจารย์ของแก แล้วก็พากันกลับไปขึ้นรถ ขับตรงไปส่งคุณแม่ที่ที่ทำงานของคุณแม่ พวกเขาขับรถไปไม่นานนักก็มาถึงที่ทำงานของคุณแม่

“เที่ยง...ฉันจะมารับไปกินข้าว” คริษฐ์กล่าวเหมือนไม่รอคำตอบจากเธอ แต่คาร่าก็รีบตอบ

“ค่ะ” เสียงหวานลั่นไป แต่มือกลับอยากจะคว้าเขาเอาไว้ เพราะยังอยากให้เขาอยู่ด้วยนานๆ แต่ตัวเองต้องทำงาน และเขาก็ต้องไปพบคุณหญิง คุณยายของเขา คงเพื่อคุยเรื่องของานทำ เธอจึงต้องจำใจ ไม่คิดดึงเขาเอาไว้

“รอนะ ฉันจะมารับ” เขาย้ำอีก เมื่อเดินส่งเธอมาถึงที่หน้าห้อทำงานของเธอ พร้อมกับยื่นเอกสารที่ตัวเองช่วยเธอถือให้เธอ แต่ก่อนจะเดินจากไป ก็ขยับมาชิดแล้วก้มลงหอมแก้มเนียนๆ ของเธอเบาๆ ทำให้ดวงหน้าหวานร้อนวูบด้วยความอาย หากเมื่อรู้ตัว เขาก็เดินหลังไวๆ จากไปแล้ว เธอจึงต้องรีบเข้าห้องทำงานของตัวเอง...

“ใครอ่ะแก หนุ่มคนใหม่เจ้านายแกเหรอ” เพื่อนสาวของเลขาหน้าห้องของคาร่ารีบลุกมาคุยกับเพื่อนตัวเองทันที เมื่อเห็นภาพหวานๆ หน้าห้องของเจ้านายของเพื่อน

“ฉันจะไปรู้เหรอแก ฉันก็เห็นเหมือนที่แกเห็นนั่นแหละ แต่เจ้านายฉันแต่งงานแล้วย่ะ คงไม่ใช่หนุ่มที่ไหนหรอก”

“แกกำลังจะบอกว่านั่นคือสามีเจ้านายแกเหรอ ทำไมฉันไม่เคยเห็นมาก่อนเลยล่ะ”

“ไม่แน่ใจย่ะ เพราะสามีเจ้านายฉันอยู่ต่างประเทศ เห็นเขาพูดกันแบบนั้น แต่ผู้ชายคนนี้เหมือนผู้ชายในกรอบรูปที่อยู่ในห้องของเจ้านายฉัน ไม่มีแค่รูปเดียวนะแก มีอยู่ประมาณสองหรือสามรูป รูปหนึ่งมีเขาคนเดียว แต่หน้าเด็กมากเลย เห็นครั้งแรก ฉันคิดว่าเป็นน้องชายเจ้านายฉัน แต่พอเห็นอีกสองรูป ฉันก็เลยรู้ว่าไม่ใช่ เพราะอีกสองรูปเป็นรูปที่เจ้านายฉันถ่ายคู่กับเขา ตอนนั้นเจ้านายฉันกำลังท้องอยู่...”

“เหรอแก แต่อิจฉาอ่ะ สามีหล่อเกิน”

“ฉันว่าเขาเหมาะกันอ่ะแก ถึงแม้เจ้านายฉันจะหน้าตาฝรั่งไปนิด แต่เขาก็เหมาะกันอ่ะ”

สองสาวคุยกันอยู่ดีๆ แต่ก็ต้องสะดุด รีบแยกวง ย้ายกลับโต๊ะแต่ละคนทันที เมื่อเห็นประตูห้องทำงานของเจ้านายสาวเปิดอ้าออกมา

“ณี...วันนี้ฉันมีนัดกับคุณกฤตย์ตอนบ่ายโมงใช่ไหม” คาร่าเดินออกมาซักถามเลขของตัวเอง เสียงของเธอร้อนรนเล็กน้อย เพราะเธอรับปากสามีไปว่าจะไปกินข้าวด้วยโดยลืมไปเสียสนิทว่ามีนัดตอนบ่ายโมงตรง แล้วแบบนี้เธอจะไปทันเหรอ แต่ถ้าให้เธอโทรไปเลื่อนนัดสามี เขาก็อาจจะงอน แต่มันความเป็นใครล่ะ ถ้าไม่ใช่เขา เพราะเขาคนเดียว ชีวิตเธอถึงได้วุ่นวายขนาดนี้ จะกลับมา ก็ไม่เคยบอก จะมาพาไปอยู่ด้วย ก็ไม่เคยเปล่งปากเอ่ยสักคำ มาถึงก็ลากไปเลย ไม่ได้สนใจว่าเธอจะพร้อมไหม พาไปเฉยๆ จนเธอยังไม่ได้เตรียมตัวอะไร ข้าวของเครื่องใช้ก็ไม่ได้เอาไปด้วย งานก็ไม่ได้เอาไปจนต้องย้อนกลับไปเอาใหม่ แต่เพราะเขาอีก ทำให้เธอร้องไห้จนลืมตารางทำงานของเธอ แฟ้มงานทั้งหลาย ถ้าไม่จัดมันเรียบร้อยแล้ว เธอก็คงจะลืมเหมือนกัน

“ค่ะ บ่ายโมงตรง” เลขาสาวรีบเปิดตารางทำงานของเจ้านายที่ตัวเองมีอยู่ออกมาดูแล้วรีบเอ่ยตอบไป แต่ก็ต้องอมยิ้ม เมื่อช้อนตาขึ้นมาสบกับรอยแดงๆ จางๆ ในลำคอข้างซ้ายของเจ้านาย นี่ถ้าเจ้านายไม่ติดกระดุมเสื้อสักมิด ก็คงเห็นชัดกว่านี้ แต่ไม่ผิดคาด ผู้ชายคนนั้นคือสามีเจ้านาย...หญิงสาวคิดแล้วค่อยเอ่ยถามเพิ่ม เมื่อเห็นเจ้านายสาวของตัวเองยังยืนลุกลี้ลุกลนอยู่ เหมือนอยากจะพูดอะไรสักอย่าง

“เอ่อ คุณคาร่ามีปัญหาอะไรหรือเปล่าคะ” เธอถามอย่างสงสัย แต่เจ้านายก็ส่ายหน้าปฏิเสธ

“ไม่มี แต่ฉันมีนัดกับ...ไม่เป็นไร ทำงานของเธอต่อไป” ว่าแล้วก็เดินหน้าสลดกลับไปเข้าห้องทำงานของตัวเอง เลขาสาวจึงได้แต่มองตามไปแบบงงๆ เจ้านายมีนัดกับใครอีกงั้นเหรอ วันนี้มีแค่นัดของคุณกฤตยชญ์คนเดียว ไม่ใช่เหรอ...



คาร่าเดินกลับมาในห้อง แล้วรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาจะโทรไปเลิกนัดสามี แต่ก็จำขึ้นมาได้ว่า เธอไม่มีเบอร์โทรเขา ทำไมเขาไม่ให้เบอร์โทรเขากับเธอ โกรธอีก แต่ทำอะไรไม่ได้ จึงสงบสติอารมณ์หันกลับไปทำงานแล้วปล่อยให้ถึงเวลาก่อน ถ้าเขามารับ เธอจะบอกเขาว่ามีนัด คงไปกับเขาได้ไม่นาน หรือบางทีเขากับเธออาจจะแค่สั่งกับข้าวขึ้นมาทานกันในห้องทำงานของธอ

อืม...แบบนั้นแหละ คาร่าตกลงกับตัวเอง จึงไม่คิดวุ่นวายอีก แล้วเที่ยงตรง สามีสุดหล่อของเธอก็มาตามนัด นี่คือสิ่งหนึ่งที่เธอชอบในตัวเขา ความตรงเวลาของเขาที่ไม่เคยเปลี่ยน ไม่ว่านานแค่ไหน

คาร่าอมยิ้มเมื่อเลขาโทรเข้ามารายงานว่า คุณคริษฐ์ หิรัญยศเจริญกุลขอเข้าพบ เธอจึงรีบอนุญาต พร้อมกับวานเลขาไปให้ช่วยสั่งอาหารสองกล่องให้เธอ

“ไปกันยัง” เขาเข้ามาถึง ก็ตรงมานั่งที่ขอบโต๊ะทำงานของเธอ

“ไปไม่ได้ค่ะ คาร่ามีนัด ขอโทษนะคะที่ลืมบอกคุณเมื่อเช้า” วาจาเธอสำนึกผิดและคิดว่าเขาจะไม่พอใจ แต่เขากลับเฉย ไม่ได้ว่าอะไร

“อืม...วันหลังก็ได้” เขาขานตอบ แต่ยื่นมือให้เธอ เป็นเชิงบอกให้เธอลุกขึ้นมาหาเขา ร่างบางจึงรีบลุกอย่างเชื่อฟัง แล้วเขาก็ดึงเธอเข้ามาแนบในอ้อมกอด ข่มตาลงซุกหน้ากับซอกคอเธอ “อาทิตย์หน้า ฉันอาจจะต้องบินกลับอเมริกา งานฉันที่นั่นมีปัญหานิดหน่อย” เขากระซิบบอกเบาๆ ทำให้เธอตาโต ไม่เคยรู้มาก่อนว่าสามีมีงานทำที่นั่น แต่แทนที่จะซักไซ้ เธอกลับเลือกที่จะนิ่งรับฟัง “ไม่โกรธนะ แต่ฉันสัญญา ฉันจะไปไม่นาน” เขาพูดมาอีกแล้วผละห่างเพื่อดูกิริยาตอบสนองของเธอ

“ไม่โกรธค่ะ แต่คุณต้องไปไม่นาน” คาร่าย้ำซ้ำให้สามีจำ แต่นั่นกลับทำให้เขาอมยิ้ม ก้มลงกลับมาจูบซอกคอเธอเบาๆ

“สัญญา” คริษฐ์รับคำเธอ แล้วรีบลงจากโต๊ะทำงานเธอ ก่อนจะอ้อมไปนั่งที่เก้าอี้ทำงานของเธอแทน แล้วค่อยดึงเธอมานั่งบนตักตัวเอง “แต่คงคิดถึงเธอกับนึงนึก” เขาเปรยหวิวๆ หน้าสลดนิดหน่อย ทำให้คาร่าอมยิ้มกริ่ม รีบยกมือขึ้นโอบรอบลำคอเขา

“งั้นก็อย่าไปนาน” เธอกระซิบเสียงเบายั่วยวนตอบ จนคริษฐ์อยากจะปลดกระดุมเสื้อทั้งหลายของเธอออก แล้วซุกหน้ากับหว่างอกงามอวบอิ่มตรงหน้า ทว่าเมื่อเขาเริ่มกระทำตามความคิดตัวเอง มือบางกลับเอื้อมมาปรามมือเขา

“ไม่ได้ค่ะ ที่นี่ที่ทำงาน คุณต้องสำรวม และอีกอย่างคาร่าสั่งอาหารมาให้เราในนี้ค่ะ เดี๋ยวณีก็คงจะเอามาให้” ปากเรียวบอกสามีไปกระนั้น แต่มือบางกลับค่อยๆ เลื่อนขึ้นมาแตะและถูเบาๆ ตามขอบปากหยักของเขา จ้องเขาด้วยสายตาหยาดเยิ้ม จนเขาเข้าใจความตรงข้ามของความหมายว่า...มากไม่ได้ แต่น้อยๆ ได้

คริษฐ์กระตุกยิ้มพึงพอใจก่อนจะตึงวงแขนแน่นขึ้น แล้วค่อยๆ เงยหน้าแตะปลายจมูกกับภรรยาเบาๆ “งั้นขอแค่...จูบ” เขาวิงวอนเสียงแผ่ว ขณะที่เริ่มลูบไล้หลังบาง

คาร่าไม่ตอบ ไม่ปฏิเสธ แต่เธออมยิ้มให้ ก่อนที่จะดึงมือออกจากลำคอของสามีแล้วยกขึ้นมาบีบจมูกของเขาแรงๆ อย่างนึกจะหยอกล้อด้วย หากโดยพลันก็ก้มลงถูริมฝีปากของตัวเองกับเขา ทำให้ร่างสูงครางในลำคอด้วยความชอบใจ

“คาร่า...” และเมื่อเธอผละห่าง เขาก็อุทานทันทีอย่างเสียดาย สองมือแกร่งรัดหลังเธอแน่น จ้องเธออย่างขอร้อง วิงวอน

“คุณขอแค่จูบ ไม่ใช่เหรอคะ คาร่าก็จัดให้แล้วไง” เธอกล่าวเย้า อมยิ้มระรื่น เมื่อเห็นสามีมองตาค้อนอย่างแง่งอน เพราะเขาต้องการมากกว่านั้น

“ไม่ใช่จูบอ่ะ แค่นี้เอง” เขาประท้วงมา แต่ภรรยาไม่ยักสน

“แค่นี้เอง แต่คาร่าถือว่าเป็นจูบแล้วค่ะ”

“งั้นแปลว่าเธอยังไม่รู้จักจูบดี เอาใหม่ ฉันจะสอนเธอใหม่” เขาอ้อนมาอีก พร้อมกระชับรัดจนทรวงอกนวลเบียบชิดแนบแน่นอยู่ใต้คางสาก

“ไม่เอาแล้วค่ะ คุณริดปล่อยคาร่านะคะ เดี๋ยวณีจะเข้ามาแล้ว” เมื่อเห็นสามีเริ่มจริงจัง เธอจึงเริ่มบิดตัวให้เขาปล่อย รู้สึกหวั่นขึ้นมา กลัวเขาจะทำอะไรแผลงๆ

ทว่าก็ผิดคาด เขายอมปล่อย คลายมือออกทันที ทำเหมือนเชื่อฟังเธอ แต่กลับหน้าสลด เศร้าสร้อย จนคาร่าเอง กลับเป็นคนรู้สึกผิดขึ้นมา

คาร่าอ้าปากเล็กน้อย อยากเอ่ยขอโทษ แต่ก็รู้ว่าเขาจะตอบว่า ไม่เป็นไร เหมือนก่อนหน้านี้ที่เธอบอกว่าไปกินข้าวด้วยไม่ได้ เธอรู้ว่าเขาผิดหวัง แต่เธอก็ยังล้อเขาเล่นอีก จนตอนนี้เขาซึมไปแล้ว

คาร่ากลืนก้อนแข็งๆ ในลำคอลง แล้วตัดสินใจค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อตัวเองออก “คาร่ามีนัดคุยงาน คาร่าจะให้ปากเจ่อไม่ได้ แต่...” เธอกลืนน้ำลายอีกเล็กน้อย ก่อนกลั้นใจพูดต่อให้จบ “...แต่ที่อื่นได้”

รอยยิ้มหล่อแทบจะบานออกมาทันที เมื่อได้ยินประโยคนั้น แต่เขาก็ต้องฝืนเอาไว้ แกล้งทำเป็นยังไม่ดีใจอะไร กระทั่งเธอเอนอกมาให้ เขาจึงต้องรีบรับข้อเสนอของเธอ

หากว่าแค่ครู่เดียว มือใหญ่ก็รีบเอื้อมไปกวาดทุกอย่างบนโต๊ะทำงานของเธอลงพื้น ก่อนจะช้อนร่างบางขึ้นไปไว้บนนั้นแทน แล้วรีบเร่งทางตัวเองแข่งกับเวลา

ริมฝีปากบางขบกันชิด ไม่กล้าแม้แต่จะเปล่งเสียงอะไรออกมา เพราะมันอับอายเหลือเกินที่เธอยอมให้สามีทำเช่นนี้กับเธอ ทั้งที่ที่นี่คือที่ทำงาน แถมกลางวันแสกๆ

ดวงตาคู่น้อยข่มลง พร้อมกับระบายหายใจบางๆ อายแสงแดดที่สอดส่องนั้น อายนกกาที่โบยบินผ่านหน้าต่าง อายสายลมที่พัดพา อายท้องนภาที่สว่างจ้า เธอไม่อยากเบิกตามาเห็นอะไรอีก บอกตัวเอง แต่แล้วก็ต้องเบิกตาขึ้นมาอีก เมื่อจู่ๆ คุณสามีสุดที่รักหยุดชะงักทุกการกระทำ

เธอเหลือบตาขึ้นมองใบหน้าหล่อที่หอบหายใจแรงเหนือดวงหน้าตัวเอง จ้องอย่างสงสัย อยากรู้ว่าอะไรทำให้เขาหยุด แต่ร่างสูงกลับยิ้มกริ่ม ก้มลงมาหอมแก้มเธอเบาๆ

“เมื่อคืน...เราลืมป้องกัน แต่ตอนนี้เราป้องกันได้ คาร่า...บอกฉันสิ เธออยากให้ฉันทำยังไง” ประโยคความของเขาเหมือนจะขอความเห็น แต่เธอไม่มีความเห็นจะให้ เขาไม่จำเป็นต้องขอ เพราะเธอรับเขาได้ทุกอย่าง เธอเต็มใจรับไว้ทุกอย่าง ขอแค่เขาให้ เธอจะรับทุกอย่างที่เป็นเขา

คาร่ากะพริบตาแล้วอมยิ้มนิดๆ ก่อนจะเกี่ยวเรียวขายาวเนียนรัดสะโพกแกร่งของสามีแน่น เป็นการตอบรับว่า ให้เขาเทให้หมดทุกความเป็นของเขาให้เธอ แล้วเธอจะรับไว้ทั้งหมดด้วยหัวใจของเธอ

ฉันรักเธอที่สุดคาร่า...ร่างสูงยิ้มแป้น เข้าใจความหมายของภรรยา และอยากบอกความในใจให้เธอรู้ หากเขาก็ไม่กล้าพูดมันออกไป จึงทำแค่พล่านมันไว้ในใจ แล้วกดทับแน่นขึ้น พร้อมกับก้มลงจูบหน้าผากบางเบาๆ แทนทุกความรู้สึกที่ตัวเองมี ก่อนจะดำเนินต่อตามความต้องการของตัวเองและเธอ






เทียมทราย
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 มิ.ย. 2555, 08:36:49 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ก.ย. 2555, 12:37:37 น.

จำนวนการเข้าชม : 1655





<< ซีรีย์เมีย-เมียสุดสวาท-ตอนที่๕ เงาในกระจก   ซีรีย์เมีย-เมียสุดสวาท-ตอนที่๗ กระจกมันร้าว >>
Zephyr 3 มิ.ย. 2555, 09:14:07 น.
โห ช่าง คาร่า ฮ่าๆๆๆ
และลแ้วนายคริษฐ์ก็ทนไม่ไหว
เฮ้อ คุยกันให้รู้เรื่องเสียทีได้มั้ยเนี่ย ลุ้นจะแย่แล้ว
แบบลุ้นๆๆๆๆ พอจบตอนต้องร้อง เฮ่อ ตลอดเลยอ่า


nutcha 4 มิ.ย. 2555, 14:57:18 น.
ต่างคนต่างเงียบ ต่างคนต่างไม่ยอมพูด แล้วจะเข้าใจกันไหมล่ะจ๊ะ


nutcha 4 มิ.ย. 2555, 14:57:31 น.
ต่างคนต่างเงียบ ต่างคนต่างไม่ยอมพูด แล้วจะเข้าใจกันไหมล่ะจ๊ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account