ซีรีย์เมีย-อัพ-เมียราคี
“เธอรู้หรือเปล่าว่าเธอทำให้ฉันเป็นทุกข์ขนาดไหน”
“เธอคงสะใจแล้วสินะ ที่เห็นฉันเป็นแบบนี้”
ร่างบางส่ายหน้าปฏิเสธ
“ฮึ่ม...งั้นเธอคงอยากให้ฉันมีความสุข”
“งั้นก็ถอดเสื้อผ้าของเธอออกให้หมดสิ ฉันจะได้เชื่อว่าเธออยากให้ฉันมีความสุข”
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ซีรีย์เมีย-เมียสุดสวาท-ตอนที่๗ กระจกมันร้าว

ตอนที่๗ กระจกมันร้าว


“ให้ฉันกอดแบบนี้อีกนิดนะ” เขากระซิบมาเสียงหวิว ขณะที่ค่อยๆ ช่วยจัดเสื้อผ้าของภรรยาให้เข้าที่ ก่อนจะดึงเธอกลับมานั่งตักตัวเองแล้วกอดรัดเธอไว้ในอ้อมกอด

คาร่าอมยิ้ม ไม่คิดขัดขืนใดๆ หากดีใจ ดีใจมากกว่าที่เขาอยากกอดเธอ อยากมีเธอไว้ในอ้อมกอด แม้จะหมดความต้องการเธอแล้ว

“จะไปนานไหม เมื่อไรกลับ” น้ำเสียงแหลม ซักถามมาคล้ายจะออดอ้อม ตึงรัดวงแขนแน่น ทำสายตาสลดๆ จ้องมอง จนภรรยาต้องปริยิ้มบางๆ อย่างชอบใจ

“ไม่ทราบค่ะ ถ้าไม่มีอะไรมาก ก็อาจจะไม่นาน แต่ถ้าคุณกฤตย์เขามีคำถามเยอะ ก็อาจจะนาน” เธอหันหน้ากลับมาจ้องตอบสามี อมยิ้มมองเขา แต่คริษฐ์กลับหน้าหงอย

“มันชื่อกฤตย์เหรอ กฤตย์อะไร กฤตพรต กฤตเมธ หรือกฤตวิทย์—” เสียงเขาเริ่มกร้าน สายตาดุดันขึ้นมาอย่างไม่พอใจ เมื่อได้รู้ว่าบุคคลคนนั้นที่ภรรยาจะไปคุยงานด้วยคือผู้ชาย แต่ก็ต้องสะดุดหยุดคำพูดตัวเองลงเช่นกัน เมื่อสายตาภรรยามองค้อนมาให้

“กฤตยชญ์ค่ะ ชื่อจริงของคุณกฤตย์ชื่อกฤตยชญ์ เป็นทายาทของคุณกชนุชเพื่อนของคุณหญิง และเขาก็อาจจะเข้ามาดูแลด้านการผลิตในเร็วๆ นี้” คาร่ายกมือขึ้นโอบรอบลำคอสามี รู้สึกพอใจเป็นอย่างมากที่เห็นเขามีอาการแบบนี้ พลอยทำให้เธออยากจะหัวเราะสีหน้าหงิกงอของเขา แต่ก็ไม่ทำ เพราะเธอรู้ว่าเขาจะไม่ปลื้ม จึงทำแค่เพียงตอบเขาไปแบบจริงจัง เป็นงานเป็นการ หากร่างสูงที่เธอนั่งตักอยู่ก็ยังไม่หายเคืองใจ หันหน้าหนีไปมองที่หน้าต่างทันที ทำคล้ายจะงอนเธอมากขึ้นกว่าเดิม จนหญิงสาวต้องผละมือห่างจากลำคอเขาแล้วยกมือขึ้นบีบจมูกเขาแรงๆ ให้เขาหันกลับมามองเธอ

“หึง...” ประโยคแรกที่เธอถาม หลังจากเขายอมหันหน้ากลับมา ทำให้คริษฐ์หน้าร้อนวูบ จุกทันที ไม่รู้จะปฏิเสธไปหรือพูดอะไรดี นิ่งอยู่ครู่หนึ่งกว่าจะยอมพยักหน้ารับ

“อืม” แค่นั้นก็จบ เพียงแค่เขายอมรับออกมา ร่างบางก็ฉีกยิ้มกว้างให้เขา แล้วก้มลงแตะริมฝีปากบางกับเขาเบาๆ

“แล้วตอนนี้คาร่าอยู่ในตักใครคะ...” เธอถามอีกแต่เขาไม่ตอบ จึงต้องกล่าวต่อไป “คาร่าอยู่ในตักคุณคริษฐ์ หิรัญยศเจริญกุล สามีคนเดียวของคาร่าค่ะ คนคนเดียวที่มีสิทธิ์ทำเรื่องพิสดารกับคาร่าได้ แล้วทำไมคุณคริษฐ์ หิรัญยศเจริญกุลต้องไปหึงผู้ชายคนอื่นที่ไม่มีสิทธิ์กับคาร่าแบบนั้นด้วยคะ”

“ก็มันเป็นผู้ชาย--”

“แต่ก็แค่ผู้ชายทั่วไป แค่คนผ่านๆ”

“แล้วพี่พิชญ์กับภูผาล่ะ”

“ก็แค่คนผ่านๆ เหมือนกัน”

“แต่เธอรักภูผา”

“คุณเชื่อแบบนั้น นั่นคือความเชื่อของคุณคนเดียว”

“เธอไม่ได้รักภูผา...”

ทุกอย่างหยุดนิ่ง เมื่อคำถามนี้เปล่งออกมา เขาจ้องหน้าเธอ สายตามองอย่างตั้งคำถามและต้องการคำตอบ มองอยู่ครู่หนึ่งก็เห็นภรรยาค่อยๆ คลี่ยิ้มให้

“แล้วคุณคิดว่าไงคะ” เธอย้อนมาให้ ทำให้เขาจุก พูดไม่ออก ไม่รู้ว่าต้องพูดอะไร เพราะใจมันไม่เคยเชื่อว่าเธอไม่รักผู้ชายคนนั้น คนชื่อ ภูผา ปางสม อดีตคนรักของเธอ

“เธอรัก...ภูผา” แต่แม้จะไม่อยากพูด เขาก็ต้องพูด เพราะภรรยาต้องการคำตอบ หากพูดไปแล้ว เขากลับรู้สึกเจ็บที่หัวใจ เพราะคำพูดนั้น มันย้ำให้จำว่า เธอไม่รักเขา! ทว่าครู่เดียวหัวใจที่คล้ายจะเจ็บปวดของเขาก็เริ่มรู้สึกผ่อนคลายและวาบหวิว เมื่อกลีบปากน้อยของภรรยาค่อยๆ โน้มลงมาถูกลีบปากหยักของเขาเบาๆ

“คาร่าเป็นของคุณค่ะ เป็นของคุณคนเดียว คุณจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม” เธอเน้นแน่นให้เขาเข้าใจความรู้สึกของเธอ ก่อนจะผละริมฝีปากห่าง แล้วยิ้มให้เขาอีกครั้ง

“ฉัน—” คริษฐ์อ้าปากขึ้น มองหน้าภรรยา อยากจะบอกว่าตัวเองเชื่อ และไม่สนอีกแล้วว่ามันจะจริงมากน้อยแค่ไหนกับสิ่งที่เธอพูด ทว่าก็ต้องชะงัก เพราะเสียงโทรศัพท์ของภรรยาดังขึ้นมาขัด จึงต้องปล่อยเธอออกจากอ้อมแขน

“เดี๋ยวมาค่ะ” เธอลุกห่างไปรับโทรศัพท์ทันที เออออกับคนในสายสักครู่แล้วค่อยหันกลับมาหาเขา “กับข้าวมาแล้วค่ะ เดี๋ยวณีจะเอาเข้ามาให้คุณ” บอกเขาไปแล้วก็รีบสำรวจตัวเอง ไม่ได้สนใจมองว่าหน้าสามีในยามนี้จะบูดบึ้งแค่ไหนเมื่อได้ฟังคำว่า ‘ให้คุณ’ ของเธอ

คริษฐ์เม้มปาก พอรู้ว่าภรรยาคงไม่อยู่ทานด้วย เพราะดูจากท่าทางรีบร้อนของเธอในตอนนี้แล้ว เธอคงอยู่ทานด้วยไม่ได้แน่นอน สมองมันบอกเขา แต่ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ที่ร่างสูงลุกออกจากเก้าอี้ทำงานของภรรยาแล้วเดินตรงไปยังประตูห้อง

“คุณริด...” คาร่ารีบหันมองตามทันที เมื่อจู่ๆ ก็เห็นสามีลุกขึ้นเดินไปยังประตูห้อง สองขาเรียวจึงเร่งตรงไปหาเขาพร้อมกับมือน้อยรีบเอื้อมฉุดแขนล่ำของเขาเอาไว้ “จะไปไหนคะ” เสียงหวานซักถาม สายตามองเขาอย่างต้องการคำตอบ

คริษฐ์ถอนหายใจเบาๆ หันกลับมามองภรรยา “เธอจะไปคุยงาน ฉันก็เลยว่าจะไปรอรับลูก” คำตอบของเขาไม่สมเหตุผล แต่มันก็บอกชัดเจนว่าเขาจะไป เพราะรู้ว่าเธอรีบไปคุยงาน คาร่าจึงรู้สึกผิดขึ้นมาทันทีเมื่อรู้เช่นนั้น และนั่นก็ทำให้เธอรัดแขนเขาแน่นขึ้น

“เรากินข้าวกันก่อนค่ะ กินเสร็จค่อยไป”

“แต่เธอรีบ”

“คาร่ายังมีเวลา”

“ฉันไม่อยากทำให้เธอเสียงาน”

“แต่คุณสำคัญกว่า”

คำตอบของเธอทำให้ทั้งเขาและเธอเงียบ จ้องหน้ากันนิ่ง เหมือนต่างฝ่ายต่างกำลังใช้ความคิด คิดหาคำที่จะพูดต่อ ทว่าภวังค์ของทั้งสองต้องสะดุด เมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้นมาแทรก

คาร่าเม้มปากมองหน้าสามี แต่เธอไม่ปล่อยแขนเขา ตรงข้ามยื่นมือไปผลักประตูเปิดออก ให้บุคคลข้างนอกเข้ามา เพราะคิดว่าคงไม่ใช่ใคร นอกจากเลขาตัวเอง แต่แล้วดวงตาคู่น้อยกลับต้องเบิกกว้าง เมื่อบุคคลข้างนอก ไม่ใช่เลขาของตัวเองคนเดียว

“คุณกฤตย์ คุณพิชญ์ พี่ผา...” คาร่าอุทานตกใจ ดวงหน้างามเคร่งทันที เมื่อคิดว่าคงมีเรื่องอะไรที่ร้ายแรง หนุ่มๆ ถึงได้มารวมตัวกันอยู่ที่หน้าห้องทำงานของเธอแบบนี้ แล้วก็อดไม่ได้ที่จะรีบไถ่ถามให้คลายข้องใจ “มีเรื่องอะไรกันคะ เกิดอะไรขึ้นคะ” เธอถามทันควันอย่างสงสัย แต่ก็ยังไม่ปล่อยมือที่กอดรัดแขนสามีแน่น รวมถึงสภาพเสื้อผ้าที่ยับยู่ยี่และผมเผ้าที่ยุ่งเหยิง ก็ทำให้สามหนุ่มเข้าใจในทันทีว่า...มาขัดจังหวะพวกเขา!

“เอ่อ ไม่มีอะไรครับ พี่แค่ผ่านมา เลยว่าจะแวะชวนคาร่าไปทานข้าวด้วย” รัฏฐพิชญ์ตอบก่อนชายหนุ่มอีกสองคนด้วยความที่ตัวเองเป็นผู้ใหญ่กว่าทุกคน ณ ตรงนี้ แต่สุ้มเสียงกลับเกร็งเล็กน้อย เพราะเขารู้สึกผิดอีกแล้วที่มาขัดจังหวะเธอกับลูกผู้น้องอีกครั้ง แต่เขาไม่ได้ตั้งใจ เขาแค่ผ่านมาจริงๆ อย่างที่พูด และเมื่อรู้ว่าเธอมีแขกก็กำลังจะไป หากก็พอดีกับตอนที่เธอเปิดประตูออกมา จึงยังไม่ได้ไป ซึ่งต่างจากอีกสองหนุ่มที่มีเหตุผลแตกต่างกันไป

“พี่เอาเอกสารที่คาร่าขอมาให้” ภูผา ต่างจากรัฏฐพิชญ์โดยสิ้นเชิง เขาไม่ได้ตอบอย่างเกรงใจอะไร หากห้วนกร้าน เพราะเขาไม่พอใจ ไม่พอใจเป็นอย่างมาก ที่เธอยอมกลับไปอยู่ในสภาพเก่าๆ ที่ต้องเจ็บแบบเก่าๆ ทั้งที่เขาพร้อมจะช่วยเธอเต็มที่ถ้าเธอต้องการ หากก็อีกครั้งที่เธอทำร้ายน้ำใจเขาและหักหลังเขา กลับไปคืนดีกับสามี แต่เขาก็ไม่ได้คาดคิดว่ามันจะเร็วขนาดนี้ เร็วมากจนเขาอึ้ง

ภูผาเคือง แต่ยังไงก็มาแล้วจึงต้องเอาเอกสารที่ถือมาด้วยยื่นไปให้เธอ คาร่าจึงต้องผละมือจากแขนสามีมารับเอกสารพวกนั้นอย่างกลัวใจ กลัวว่าสามีจะรู้ว่ามันเป็นเอกสารการฟ้องหย่าที่เธอเคยขอให้ภูผาช่วยทำให้ ซึ่งในตอนนั้นอยากให้สามีกลับมาจริงๆ จึงต้องการหย่า เพื่อเรียกร้องให้เขากลับมา ทว่าตอนนี้เธอไม่ต้องการมันอีกแล้ว เพราะเธอคิดได้แล้วว่าควรจะทำอย่างไรให้เขากลับมาหาเธอโดยที่ไม่ต้องสูญทรัพย์ใดๆ แต่ก่อนที่มือบางจะเอื้อมไปถึง มือใหญ่ของสามีกลับรีบยึดเอกสารพวกนั้นเอาไว้

“ฉันถือให้” คริษฐ์กล่าวเสียงเย็นเยือกจนคาร่าหวั่นใจ แต่ก็ไม่อาจขัด เพราะกลัวเขาจะรู้ จึงต้องเนียนเอาไว้ ก่อนจะหันไปมองกฤตยชญ์

หนุ่มหล่อ คาสโนว่าตัวฉกาจยิ้มหวานให้เธอ เมื่อเห็นสายตาคู่งามมองถาม เขาจึงไม่คิดที่จะร่ำไรอยู่ แต่รีบตอบให้ทันใจเธอ “ส่วนผมมาตามนัดของเราครับ แต่เห็นแบบนี้แล้ว ผมว่าพวกเราทุกคนไปทานมื้อเที่ยงด้วยกันเลยดีไหมครับ คุณณีด้วย” เขาไม่ทิ้งลาย ตอบเธอไม่ทันไร ก็หันไปแจกขนมจีบกับเลขาสาวคนสวยของเธอเสียแล้วจนสาวเจ้าหน้าแดงก่ำ

“ขอบคุณค่ะ แต่ณีมีนัดแล้ว คงไปด้วยไม่ได้” หญิงสาวเอ่ยเสียงเบาตอบไปอย่างขวยเขิน หันมองหน้าเจ้านายสาวของตัวเองไปพลางๆ ด้วย เกรงเจ้านายจะว่า เพราะเธอต้องทำงานของเธอในส่วนที่ยังทำไม่เสร็จ

“น่าเสียดายจังนะครับ...” เขาคลี่ยิ้มหล่อให้หญิงสาวอีก ก่อนจะหันกลับมามองคนทุกคนที่ยืนหน้าเครียดจ้องกัน แล้วค่อยเอ่ยชวนอีกครั้งอย่างอารมณ์ดี “แล้วทุกคนละครับ ตกลงไปด้วยกันไหมครับ” เขาทวนเสียงร่าเริง ทำเหมือนไม่รับรู้ว่า ทุกคนกำลังเครียดกับอะไรบางอย่าง แต่ก็เหมือนเก่า พวกเขายังไม่มีใครคิดตอบ กระทั่งเสียงฝีเท้าของคนสองสามคนดังแว่วๆ เข้ามาสมทบ

“จะไปไหนกันคะ” เสียงนุ่มนวลแว่วมาทำให้ทุกคนต้องหันกลับไปมองตามเสียงนั้น แต่ก็ต้องเบิกตากว้าง เมื่อบุคคลเหล่านั้นที่มาล้วนแต่คือเจ้าชีวิตของแต่ละหนุ่ม

“ไงคะ จะไปไหนกัน” คคนางค์ ทวนมาอีกครั้ง เมื่อเดินนำมาหยุดอยู่ตรงหน้าของพี่ชาย พี่สะใภ้ ลูกผู้พี่ และชายหนุ่มอีกสองคน โดยที่มีเกวลิน และจริยาวดีเดินตามหลังเธอมา

“อ้อ ผมชวนทุกคนไปทานมื้อเที่ยงด้วยกันน่ะครับ คุณนางจะไปด้วยกันไหมครับ” กฤตยชญ์ ยิ้มหน้าบานหันกลับมาตอบคนที่ซักถามตัวเองอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว ไม่ได้สนว่า ณ ขณะนี้สถานการณ์จะแย่ลงเรื่อยๆ

“น่าสนดีนะคะคุณกฤตย์ แต่คงไม่ค่ะ เพราะนางติดธุระนิดหน่อย ไว้เป็นคราวหน้านะคะ” เรียวปากน้อยตอบชายหนุ่มอย่างนุ่มนวล น้ำเสียงคล้ายจะให้เกียรติ แต่สายตากลับมองหยามๆ ไม่ได้เป็นดั่งคำที่พูดเลย ก่อนจะเหลือบตาเฉยชาไปยังพี่สะใภ้ “เธอคงไม่ว่าอะไรนะ ถ้าฉันจะพาพี่ริดไป อ้อ...และอีกอย่าง ฉันกับคุณแม่ไปพานึงนึกมาแล้วนะ ตอนนี้อยู่ข้างล่างกับคุณแม่”

ประโยคสุดท้ายของน้องสามี ทำให้คาร่ากับสามีสะดุ้ง มือใหญ่ของเขาดึงเธอให้หลบไปอยู่ทางด้านหลังของเขาทันที ก่อนที่จะพูดกับน้องสาวของตัวเอง

“คุณแม่อยู่ข้างล่างเหรอ” คำถามสั้นๆ แต่มันได้ใจความ คคนางค์จึงอมยิ้ม พยักหน้าให้พี่ชาย

“ค่ะ และคุณแม่ก็อยากให้พี่ริดลงไปหาเดี๋ยวนี้”

“อืม พี่จะไป” เขาตอบแล้วก็หันกลับมามองภรรยากับคนอื่นๆ ก่อนจะยื่นเอกสารที่ช่วยภรรยาถือกลับคืนให้เธอ แล้วเดินหน้าตาเฉยนำหน้าน้องสาวไป โดยไม่คิดบอกอะไรกับภรรยา

“คุณริด...” คาร่าก้าวตามไปสองสามก้าว อยากเรียกสามีไว้ เพื่อที่จะถามว่ามีเรื่องอะไร แต่ก็ต้องหยุดตัวเองไว้แค่นั้น เพราะจำขึ้นมาได้ว่า เธอยังมีนัดคุยงานกับคุณกฤตยชญ์ ทายาทหุ้นส่วนใหญ่ของคุณหญิง จึงต้องฝืนใจหันกลับมายิ้มให้คนทั้งห้าที่ยืนอยู่ทางด้านหลังของเธอ พยายามทำตัวเป็นปกติ เพื่อปกปิดความกังวลที่สุมแน่นในใจ หากว่าคนทั้งห้ากลับไม่ยิ้มตอบ ตรงข้ามหนึ่งในสองสาวที่ยืนข้างๆ สามหนุ่มก้าวตรงมาหาเธอ

“ตามพี่ริดไปสิ ทางนี้เดี๋ยวฉันจะช่วยจัดการแทนให้” เกวลิน บอกภรรยาของลูกผู้พี่ แล้วยิ้มให้หญิงสาวนิดๆ แสดงถึงความมีน้ำใจ แต่คาร่ายังลังเล เพราะเธอไม่อยากละเลยหน้าที่ของตัวเอง แม้อีกใจจะอยากตามสามีไปมากๆ แต่หน้าที่ก็สำคัญไม่น้อยเช่นกัน จึงอ้ำอึ้งอยู่จนกฤตยชญ์ต้องเป็นคนออกปากเลื่อนนัดเอง เพราะเขารู้ดีว่า เรื่องครอบครัว มันสำคัญขนาดไหน แม้จะเป็นหนุ่มเจ้าสำราญ และควงสาวครั้งละสิบกว่าคน แต่ก็ใช่ว่าคนเช่นเขาไม่มีหัวใจ

“ไปเถอะครับ ไว้เราค่อยหาเวลาเหมาะๆ คุยกันใหม่” รอยยิ้มหล่อเหลาโปรยเสน่ห์ไปทั่ว หากความมีน้ำใจนั้นช่างน่านับถือ จึงทำให้คนที่กำลังร้อนรนยิ้มแป้นให้อย่างขอบคุณ

“ค่ะ งั้นคาร่าจะให้ณีโทรไปนัดใหม่นะคะ” เธอบอกเขาไปพลางก็จะรีบจากไป แทบรอไม่ไหวให้ชายหนุ่มขานรับ

“ครับ” และเมื่อเขาเอ่ยมันออกมา เธอก็รีบหันไปบอกเลขาทันที

“ณี จัดการให้ฉันด้วยนะ ส่วนกับข้าวที่ฉันสั่งมา ฉันยกให้ และก็เอกสารที่ฉันต้องดู เอาไปไว้ในห้องนะ เย็นๆ ฉันจะกลับมาเอา” คาร่าบอกกล่าวเลขาไปแล้วก็ไม่คิดรออะไรอีก เดินจากไปทันทีที่พูดจบ

“ค่ะ” อุษณีย์ รับคำนายสาวของตัวเอง และเมื่อเห็นนายสาวจากไปแล้ว เธอก็ไม่รอช้าที่จะรีบไปจัดตารางงานใหม่ให้นายสาว โดยปล่อยให้ผู้บริหารทั้งหลายยืนหน้าเคร่งเครียดกันต่อไป เพราะมันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเธอ ที่จะต้องไปยืนดูพวกเขาทำหน้ายักษ์ใส่กัน

“เฮ้อ...” และหลังจากที่คาร่าคล้อยหลังไปแล้ว พร้อมกับเลขาของคาร่ากลับไปทำงาน เกวลินก็ถอนหายใจเบาๆ ออกมาทันทีอย่างรู้สึกกังวลแทน จ้องตามหลังคาร่าไปอย่างเป็นห่วง เพราะเธอรู้ดีว่าสุวีณา คุณป้าของเธอ ไม่ชอบคาร่า ไม่เคยชอบมาแต่ไหนแต่ไร และถ้าหากท่านมาถึงที่นี่เช่นนี้ มันต้องมีเรื่องไม่ดีแน่ๆ ซึ่งบางที อาจจะถึงขั้นร้ายแรงก็เป็นได้

เกวลินคิดพลอยถอนหายใจอีกครั้งอย่างหนักอกหนักใจแทนมากมาย ก่อนที่จะหันกลับมามองคนอื่นๆ ที่ยืนอยู่ทางด้านหลังของเธอ หากก็ต้องเม้มปากแน่นด้วยความขัดใจเมื่อเห็นคนสองคนที่ชอบทำปัญหาให้คาร่า ทั้งที่รู้ว่าปัญหาพวกนั้นจะทำให้ชีวิตของคาร่ายุ่งเหยิง

“เที่ยงแล้วพี่พิชญ์น่าจะไปทานข้าวกับจ๋านะคะ ห้องคาร่าไม่ใช่ทางผ่าน” กลีบปากน้อยปริตักเตือนลูกผู้พี่คนโตของตัวเอง ทว่าสายตาเรียวกลับมองตำหนิลูกชายทนายความของครอบครัวอย่างไม่พอใจ เพราะเขาก็อีกคนที่ไม่ยอมตัดใจจากคาร่า ทั้งที่รู้ว่าคาร่าแต่งงาน มีครอบครัวไปแล้ว แต่ก็ยังดึงดันที่จะตามตอแยไม่เลิก

“ผมขอตัวครับ” ภูผาไม่เคยชอบสายตาของคุณหนูใหญ่ของตัวเองเลย และทุกครั้งที่ถูกจ้องด้วยสายตาแบบนี้ เขาจะเลี่ยงไปทันที ไม่อยากอยู่นานให้เธอได้เทศน์อะไร

“ดะ—” เกวลินอ้าปากขึ้น อยากจะเรียกฉุด ให้ภูผารู้กาลเทศะ ให้รู้ว่าเธอกำลังจะพูดด้วย แต่ก็ต้องหยุด เมื่อคู่หมั้นของลูกผู้พี่คนโตของตัวเองยื่นมือมาดึงแขนบางของเธอเบาๆ

“ลิน...” ดวงหน้าหวานสวยใสส่ายนิดๆ ปรามไม่ให้เธอพูดอะไรต่อ เกวลินจึงต้องปล่อยให้ภูผาจากไปอย่างจำใจ

“ลินรู้นะจ๋า จ๋าไม่ต้องพูดหรอก” เธอหันกลับมาบอกเพื่อนรักของตัวเองที่เป็นคู่หมั้นของลูกผู้พี่คนโตอย่างรู้สึกเคืองเล็กน้อย หากใช่จะเคืองสาวเจ้า แต่เป็นคนที่จากไปนั้นต่างหากที่เธอเคือง

“อืม” จริยาวดี ขานรับเบาๆ ในลำคอ เมื่อเห็นว่าเพื่อนยังควบคุมตัวเองได้ จึงไม่คิดพูดอะไรต่อ แต่ตรงกันข้าม เธออยากขอเพื่อนให้รีบพาเธอไปจากตรงนี้เสียมากกว่า ไม่อยากอยู่นาน เพราะเกรงใจจะต้องเจ็บที่จะต้องเห็นสายตาเฉยเมยของคู่หมั้น แต่ก็ไม่กล้าบอกเพื่อน จึงได้แต่อดทนไว้เท่านั้น

“งั้นไปกันดีกว่า” แม้เพื่อนจะพยายามปิด แต่เกวลินก็พอดูออก จึงไม่รอให้เพื่อนบอก แต่รีบดึงแขนเพื่อนให้ไปกับตัวเองทันที “คุณกฤตย์จะให้เกียรติทานข้าวเที่ยงกับเราไหมคะ” เธอพาเพื่อนเดินมาสองสามก้าวจนมายืนอยู่ตรงหน้ากฤตยชญ์ แล้วเอ่ยชวนเขาไปทันควัน ไม่ได้สนใจลูกผู้พี่คนโตที่ยืนมองอยู่ทางด้านหลัง

“แน่นอนครับ ผมจะปฏิเสธสาวสวยอย่างคุณลินกับคุณจ๋าได้ยังไง” เสียงอบอุ่นนุ่มนวลเอ่ยออกมารับ พร้อมกับใบหน้าคมเข้มหล่อเหลาที่ยิ้มปริ่ม ทำให้เกวลินอยากจะดึงผู้ชายเพอร์เฟคท์คนนี้มาเป็นหมากในเกมของตัวเองจริงๆ แต่เธอก็รู้ว่าเขาคือไฟ เขาร้อนขนาดไหน จึงไม่คิดเล่นด้วย แต่วันนี้เธอจะขอใช้เขาเป็นใบผ่าน

“ขอบคุณค่ะ งั้นเราไปกันเลย ดีไหมคะ” เธอเร่งรีบอีก เพราะอยากรีบพาเพื่อนสาวไปจากที่ตรงนี้ แต่กฤตยชญ์กลับยืดยาด เพราะเขาคิดว่าน่าจะชวนรัฏฐพิชญ์ไปด้วย

“ครับ แต่...เอ่อ คุณลินกับคุณจ๋าจะไม่ชวนคุณพิชญ์ไปด้วยเหรอครับ” เขาเปล่งความแคลงใจของตัวเองออกมา ทำให้เกวลินเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องหันกลับไปเรียกชวนลูกผู้พี่คนโตของเธอ

“พี่พิชญ์ไปด้วยกันไหมคะ” เธอไม่ตอบกฤตยชญ์ แต่หันไปเรียกรัฏฐพิชญ์แทน แกล้งชวนไปด้วยความฝืนใจปนเปกับความหมั่นไส้

“พี่คงไม่ไปด้วย ลินกับจ๋าไปเถอะ”

ความนิ่งของเขาไม่เคยมีใครอ่านออก แม้จะอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็กๆ แต่เกวลินก็ไม่เคยรู้เลยว่า ลูกผู้พี่ของตัวเองคิดอะไรอยู่ และยิ่งเธอตำหนิเขาเช่นเมื่อครู่ ก็ยิ่งทำให้เขาเงียบและขรึมมากขึ้น จนตอนนี้เธอไม่รู้ว่าเขาโกรธหรืออะไร แต่มีเหรอคนอย่างเกวลินจะสน ในเมื่อเขาไม่สน เธอก็ไม่สนเช่นกัน

“ค่ะ” เสียงหวานขานรับคำลูกผู้พี่คนโตของตัวเองห้วนๆ แล้วรีบหันกลับมาดึงแขนเพื่อน “ไปกันเถอะจ๋า” เธอฉุดแขนเพื่อนแล้วลากไปทันที โดยลืมที่จะเรียกกฤตยชญ์ให้ไปด้วย แต่ชายหนุ่มก็ไม่รอช้า เมื่อเห็นสองสาวเดินจากไป เขาก็รีบเร่งฝีเท้าตาม



คาร่าละจากทุกๆ คน แล้วเดินตรงตามสามีลงมาข้างล่าง หากยามเห็นสามีอุ้มลูกที่หลับไปแล้วยืนคุยอยู่กับมารดาของเขาที่มุมห้องรับแขกของบริษัท เธอกลับต้องชะงักฝีเท้า ชะลอการเดินลง เพราะใจมันเริ่มโหวงๆ รู้สึกกลัวที่จะต้องเจอสายตาไม่เป็นมิตรของคนมากวัย

หากสุดท้ายก็เดินมาถึง และไม่อาจจะเลี่ยงได้ จึงต้องเข้าไปยกมือขึ้นไหว้ทักทายคนอายุมากกว่าตามมารยาท แม้จะถูกจ้องด้วยสายตาเดียดฉันท์ก็ตามที

“สวัสดีค่ะคุณสุ” ใช่ว่าเธอไม่อยากเรียกผู้มากวัยกว่าตรงหน้าว่าแม่ ตามสามี แต่เพราะคนมากวัยนั้นต่างหาก ที่เคยห้ามไม่ให้เธอไปนับญาติด้วย คาร่าจึงไม่กล้าเรียกอีก เพราะกลัวท่านจะไม่พอใจ

และก็ไม่ต่างไปจากทุกครั้ง ท่านไม่รับไหว้เธอเช่นเคย แต่กลับทำเฉยๆ ก่อนจะหันไปมองลูกชายของท่านแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ เหมือนเหนื่อยใจอะไรสักอย่าง

“แม่ผิดหวังในตัวริดมาก ริดรู้ไหม” นาง สุวีณา บอกลูกชาย แต่ไม่ได้หันไปมองหน้าลูกสะใภ้อีกเลย แสดงออกชัดเจนว่านางไม่ปลื้ม และไม่ชอบใจเป็นอย่างมากที่ลูกสะใภ้ตามมาแบบนี้

“ผมขอโทษครับที่ทำให้คุณแม่ผิดหวัง” แม้ความหมายของมารดาจะชัดเจนว่าไม่ชอบเมียเขา ผิดหวังมากมายที่เขาเอาคนไม่มีหัวนอนปลายเท้ามาทำเมีย แต่คริษฐ์ก็ยังตอบเสียงเรียบเฉย สีหน้านิ่งขรึม ไม่แสดงกิริยาใดๆ ที่จะทำให้ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งรู้สึกน้อยใจเขาได้

“ช่างเถอะ ยังไงก็กลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้อีก แต่ริดไม่อายบ้างเหรอ ที่ต้องตกเป็นเป้าตาใครๆ เพราะมีเมียแบบนี้”

น้ำเสียงเย็นชาจิกแทงหัวใจของเธอ ใบหน้างามหรูสูงวัยเชิดสูงอย่างเย่อหยิ่งหันมองทางอื่น กิริยารังเกียจบ่งบอกชัดเจน มันทำให้หัวใจของเธอจี๊ด แต่คาร่าก็ยังต้องฝืนปริยิ้มนิดๆ เพราะบุคคลคนนั้นคือมารดาของสามี ผู้ให้กำเนิดผู้ชายคนนี้ที่เธอรัก ฉะนั้นไม่ว่าอย่างไร เธอก็จะอดทนให้ได้

คาร่าบอกตัวเอง แล้วพยายามฝืนยิ้ม ทำเหมือนไม่ได้ยินอะไร แต่มือหนาที่เธอคิดมาตลอดว่าไม่เคยอยู่ข้างเธอ กลับค่อยๆ ผละจากการอุ้มลูกมาจับมือเธอข้างหนึ่งไว้แล้วบีบแรงๆ ก่อนที่เธอจะเห็นเขาปริปากตอบมารดาของเขา

“ไม่มีเหตุผลอะไรที่ผมต้องอายนี่ครับ ในเมื่อคาร่าคือเมียผมและคือแม่ของลูกผม ผมว่าถ้าเราไม่สนใจคำคนให้มากนัก ชีวิตเราจะมีความสุขมากขึ้นครับ” คำพูดของเขาเหมือนกำลังเสี้ยมสอนมารดา ทำให้คนมากวัยกว่าตวัดตากลับมามองอย่างไม่พอใจ แต่ก็ไม่คิดพูดอะไร เพราะนางรู้ว่าต่อให้พูดไปอย่างไร ลูกชายของนางก็ยังรักยังหลงเมียอยู่ดี ซึ่งมันไม่มีประโยชน์ นางจึงเปลี่ยนเรื่องเพื่อบอกข่าวร้ายกับเขาแทน

“แล้วนี่เก็บของหรือยัง แม่จองตั๋วไว้แล้วนะ จะให้ริดกลับไปกับแม่ตอนนี้เลย” คำสวนมาของมารดา ไม่ได้ทำให้คริษฐ์ตกใจ เพราะเขารู้อยู่แล้วว่ามารดาต้องมาไม้นี้ ซึ่งตรงข้ามกับภรรยาที่รีบเอื้อมมือขึ้นจับแขนเขา

“คุณริด...” เธอเรียกชื่อเขาเบาๆ พร้อมกับมองหน้าเขาสลับกับมารดาของเขาอย่างอยากจะบอกว่า ไม่อยากให้เขาไป แต่ก็ไม่กล้า จึงได้แต่เงียบ แล้วเม้มปาก รอให้เขาเอ่ยความต้องการของเขาออกมา

“ฉันไป พรุ่งนี้เย็นๆ ฉันจะกลับมา” นั่นคือสิ่งที่เขาตัดสิน แม้หัวใจของเธอจะรู้สึกจี๊ด เพราะอยากให้เขาอยู่ ไม่อยากให้ไป กลัวว่าเขาจะหายไปอีก แต่ในเมื่อมันคือสิ่งที่เขาต้องการ สิ่งที่เธอทำได้จึงเป็นแค่...ยอมพยักหน้ารับอย่างจำใจ

“จะโทรหา” และนั่นคือสิ่งสุดท้ายที่เขาจะพูด ก่อนที่น้องสาวของเขาจะกลับเข้ามาพร้อมกับการรายงานว่ารถที่เธอไปเตรียม มันพร้อมให้ออกเดินทางไปยังสนามบินได้แล้ว ร่างสูงจึงยื่นลูกที่ยังหลับอยู่มาให้คาร่า แล้วค่อยหันเดินจากไปพร้อมกับมารดาและน้องสาวของเขา

คาร่ากัดริมฝีปาก จ้องตามหลังสูงที่จากไปโดยไม่เหลียวกลับมามองนั้นด้วยความรู้สึกเจ็บโหวงๆ เธอไม่สบายใจให้เขาไปแบบนี้เลย รู้สึกกลัวยังไงไม่รู้ แต่จะให้ทำอย่างไรได้ ในเมื่อนั่นคือมารดาของเขา ท่านคงคิดถึงเขาไม่ต่างไปจากเธอ ซึ่งเธอเองก็เป็นแม่คน เธอรู้ดีว่าความรู้สึกแบบนั้นมันเป็นยังไง จึงไม่คิดห้ามใดๆ แต่ก็ห้ามใจไม่ให้กังวลไม่ได้เช่นกัน...

“คาร่าจะรอค่ะ” เธอกระซิบกับตัวเองเบาๆ แล้วพยายามฝืนใจมองเขาจนลับหายไปจากสายตา...





เทียมทราย
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 มิ.ย. 2555, 10:08:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ก.ย. 2555, 12:38:33 น.

จำนวนการเข้าชม : 1773





<< ซีรีย์เมีย-เมียสุดสวาท-ตอนที่๖ เงาที่เปล่งแสง   ซีรีย์เมีย-เมียสุดสวาท-ตอนที่๘ ความเจ็บที่ไร้เงา >>
Zephyr 4 มิ.ย. 2555, 18:14:08 น.
หือออ เดี๋ยวเลขาเข้ามาหัวใจวายพอดีอ่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account