แรกรักแต่ปางบรรพ์
เรื่องราวยุคก่อนสุโขทัย เป้เนนิยายจินตนาการทั้งสิ้น มิอาจนำไปอ้างอิงประวัติศาสตร์ใดๆได้
Tags: จงรัก ภักดี

ตอน: เป็นข้ารองบาททุกชาติไป


นางแสงและทาสหญิงเข้าไปรับ ศิขรินน้อยลงมาจากโต๊ะไม้ แม่นายกาสารับมาโอบกอดเพียงได้รับสัมผัสกันและกันทั้งสองโอบกอดกันแน่น นางรับศิขรินขึ้นเสลี่ยงหามไปด้วยกัน
“โธ่เอ๊ยเจ้า ลำบากแท้อายุเพียงนิดต้องพลัดพรากจากบ้านจากเมือง แม่คุณ เจ้าชื่ออะไร บอกแม่ ได้มั้ย”
หญิงเงยดวงหน้าละมุนละไม หากเวลานี้มีคราบน้ำตาจับทั้งสองดวงแก้ม ดวงตากลมโตคมงามเอ่อทันน้ำตาขังขอบ ริมฝีปากแดงระเรื่อขยับตอบเครือสะอื้น
“ท่านน้าคำเรียกศิขริน หนีภัยจากเจ้าอนุวงศ์ไปโขยมลำพง แม่ของข้าน้อยชื่อเจ้านางดารกา”
“อุแม่เจ้า เจ้าไม่ใช่คนเมืองโขยมลำพงหรือ”
“ข้าน้อย หนีภัยจากหริวงศ์”
แม่นายกาสารั้งร่างน้อยมาโอบรัดแน่น เวลานั้นศิขรินได้รับความอบอุ่นจากอ้อมกอดของแม่นายมิต่างจากแม่ผู้ให้กำเนิด เด็กหญิงซุกร่างในอ้อมแขนนั้นแน่น
“ศิขรินของแม่ แม่จะเลี้ยงดูประดุจเลือดในอกให้เหนือข้าทาสของแม่ทุกคน
“ท่านแม่เจ้าขา”
แม่นายกาสาหลงรักศิขรินนับแต่เวลานั้น เมื่อถึงคุ้มสั่งนางแสงนำศิขรินไปอาบน้ำให้เตรียมแพรพรรณเนื้อดีไว้พร้อม
“ข้าได้ลูกข้ามาแล้ว พวกเจ้าเรียกลูกข้าว่า แม่หญิงศิขรินนับแต่เวลานี้”
ศิขรินเดินเข้ามานั่งพื้นต่ำกว่า แม่นายกาสา แม่นายเรียกไปนั่งใกล้พิศเพ่งมองด้วยความรักเสน่หาเป็นที่ยิ่ง นางหับเผยก็เห่อน้องใหม่ซึ่งดูจิ้มลิ้มพริ้มเพรายิ่งนัก
ท่านสิงห์กลับมาจากเข้าเฝ้า แม่นายกาสาจับจูงมือศิขรินไปรอรับ ท่านสิงห์ก้มมองดูศิขรินแม่นายกาสา กระซิบ ลูกรัก
“ท่านพ่อสิงห์ ศิขริน”
ศิขรินกราบแทบเท้า ท่านสิงห์
“ข้าน้อยมีเรื่องจะบอกเจ้าค่ะท่านพี่”
ท่านสิงห์เดินนำขึ้นไปบนหอนั่ง แม่นายกาสานั่งข้างห่างพอควรเรียกศิขรินไปนั่งแอบแนบข้างกัน บ่าวไพร่นั่งไกลออกไปฟังได้ไม่ถนัดนัก
“ข้าน้อยได้ศิขรินจากตลาดทาส”
“ทาสโขยมลำพงหรือ” ท่านสิงห์จับตามองศิขรินสำรวจอีกครา ดวงหน้าน้อยงามกระจ่างแต่เยาว์ ผิวพรรณเนียนละเอียดดังเนื้อแก้ว
“ศิขรินไม่มีเค้าชาวโขยมลำพง”
“นางบอกว่าหนีภัยจากหริวงศ์ เอ่ยถึงเจ้าอนุวงศ์และเจ้านางดารกาว่าเป็นมารดา”
ท่านสิงห์ไหวในทรวงวาบ ท่านเป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่มีหรือจะไม่ทราบความเป็นไปของอาณาจักร
“เจ้าอนุวงศ์ปราบดาภิเษกขึ้นครองหริวงศ์ ศิขรินคงเป็นเจ้านายฝ่ายในกลัวภัยจึงหนีมา ศิขรินมาหาพ่อทางนี้” ท่านเรียกใกล้
ศิขรินคลานเข่าเข้าหา เป็นกิริยาชาววังที่ได้รับการฝึกฝนกันมาอย่างดี นางนั่งพับเพียบตรงหน้าท่านสิงห์ สายเลือดกษัตริย์มีเต็มจึงมิได้รู้สึกหวาดกลัวผู้ใด
“พ่อจะเลี้ยงดูเจ้าดังเลือดในอก พ่อเองก็ไม่มีลูก สืบสกุล เจ้าลืมชาติกำเนิดของตัวเองนับแต่นี้ไป” ศิขรินก้มกราบท่านสิงห์ ซึ่งท่านก็ได้มีน้ำพระทัยเมตตาเลี้ยงดูอุ้มชูศิขรินดังเลือดในอก
กาลเวลาหมุนผ่านไปไม่รู้หยุดทุกเมื่อเชื่อวันศิขรินอายุได้สิบปีสองปี
นางหับเผยเป็นเพื่อนเล่นกันมาในฐานะพี่เลี้ยง
“แม่หญิงเจ้าขาว่ายน้ำเล่นกันมั้ยเจ้าคะ”
“ข้าว่ายน้ำไม่เป็นพี่ก็รู้ดี”
“ข้าน้อยจะ สอนให้เจ้าค่ะ”
“ไม่ล่ะ นายแม่ไม่อนุญาต น้ำในสระก็ลึกนัก ฉวยพลาดพลั้งเห็นทีข้าจักเอาตัวไม่รอด”
ในพระราชวัง
พระหน่อเจ้าทรงพระเจริญยิ่งนัก พระพักตร์งาม งามรับกันทุกส่วน วรกายแข็งแรงเยี่ยงนักรบ เป็นที่ใฝ่ฝันของสตรีสาวเกือบทุกคนที่ได้พบเห็น แม้แต่นางผู้มีตำแหน่งสูงศักดิ์ เจ้านางขวัญหล้า
สายธนูเหยียดตึง ปลายลูกศรเล็งไปตามเป้าซึ่งเคลื่อนที่รวดเร็ว ด้วยเป็นชาติอสรพิษ ฉับพลันเมื่อแผ่แม่เบี้ยชูชั้น ศรนั้นถูกปล่อยจากแหล่งทันกัน พักกลางเป้าดิ้นพราดๆ ทหารมหาดเล็กตรงเข้าไปดู อสรพิษตัวเขื่อง บิดเป็นเกลียวด้วยความเจ็บปวด ชั่วครู่ก็ขาดใจตาย
พวกเขาเชือดลำคออสรพิษชะตาขาด ให้เลือดตกใส่ภาชนะที่รีบหามารองรับ จากนั้นจึงรินผสมกับน้ำจันทร์ นำถวายพระหน่อเจ้า
ภีมเจ้าสรวลร่วนชอบพระทัย ตามวิถีแห่งชายชาตรี ทรงรับมาดื่มจนหมด ครู่เดียวพระพักตร์แดงระเรื่อ หยอกหัว กับ..จาคะ ผู้เป็นพระพี่เลี้ยงอย่างสนุกสนาน
นางเขือผู้เป็นนางกำนัลเจ้านางขวัญหล้า สรรเสริญภีมเจ้า ให้เจ้านายของนางฟังอย่างคนสอพลอ เพราะนางรู้ว่าเจ้านางขวัญหล้ามีพระทัยปฏิพัทธ์ผูกพันในพระหน่อเจ้า นับแต่พระหน่อเจ้าแตกเนื้อหนุ่มขึ้นมาสิ่งใดที่จักเป็นความดีเข้าตัว นางเขือจึงเลือกทำสิ่งนั้น
“อิสตรีทั่วหล้าล้วนยอมสยบเบื้องพระบาทของพระหน่อเจ้านางเพียงใคร่ได้สยายผมลงเช็ดบาทก็นับก็สมใจแล้ว ยิ่งพระองค์แย้มพระโอษฐ์งดงามราวกับได้เปิดให้เห็นถึงสรวงสวรรค์ด้วยแล้ว ต่อให้มีกองไฟอยู่ตรงหน้า เหล่านางผู้หลงใหลคงใคร่กระโดดลงไปเพื่อแลกให้ได้ชมรอยสรวลด้วยความยินดีนั้นเพียงสักครั้งเดียว”
“อุระเจ้าผายสง่างามยิ่ง นางเขือข้าใคร่ได้ซบลงไปสักครา
“ทอดพระเนตรเถิดแม่เจ้า มหาบุรุษนั้นมองหาใครสักคนแล้วเพคะ”
เจ้านางประทับยืนกลางพระแกล เมื่อนั่นได้เห็นภีมเจ้าเงยขึ้นมาสบพระเนตรกันนิ่งนาน
“นางเขือ มิใช่ข้ามีใจปฏิพัทธ์เท่านั้นเจ้าดูเถิด พระหน่อเจ้าต้องมีใจให้ข้า จึงยิ้มมาให้ข้าเห็นหรือไม่”
ไกลออกไปท่านสิงห์เสนาบดีชั้นผู้ใหญ่ลอบเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ท่านเริ่มจับสังเกตมานานปีแล้ว ด้วยความรักและภักดีต่อพ่อเจ้าทีฆายุและพระหน่อเจ้า
ท่านสิงห์คิดหาหนทางป้องกันโดยตลอด มิให้พระหน่อเจ้าพลาดพลั้งด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และไม่ทันต่อเล่ห์อิสตรีซึ่งต้องมีเชิงชั้นมา หาไม่คงไม่อาจแยกพ่อเจ้า จากเจ้านางอมราแม่ยั่วหัวไปได้
ที่พระตำหนักส่วนพระองค์ของพ่อเจ้า ภีมเข้าเฝ้าใกล้ชิด ความคมคายสง่างามด้วยพระรูปโฉมต้องใจแก่สตรีทุกนางที่พบเห็น แต่ภีมเจ้ากลับโปรดปรานการตามเสด็จพ่อเจ้าเสียมากกว่า
เพลานี้ภีมเจ้านั่งชมเครื่องบรรณาการอยู่กับพี่เลี้ยงที่ตำหนักของพ่อเจ้าของบรรณาการที่ทรงชม เป็นเครื่องประดับงดงามแปลกตา แต่ที่ทรงโปรดมาก คือพระขรรค์ด้ามทองคำฝังพลอย ซึ่งมีแต่พ่อเจ้าผู้ยิ่งยศเท่านั้นจึงสมควรติดพระวรกาย
“พระขรรค์นี้มาจากเมืองแคง ใช่หรือไม่เจ้าคะ”
“เจ้า พระหน่อเจ้า เมืองแคงมีสมบัติมาก แต่การทหารไม่กล้าแกร่ง ถูกรุกรานจากหัวเมืองใกล้เคียง จนต้องมาพึ่งพระบารมีของพ่อเจ้า เมืองแคงได้รอดพ้นต่อสงครามเพราะหัวเมืองเกรงต่อเมืองธารปุระ ดังนั้นของบรรณาการจากเมืองแคงจึงมากค่ากว่าเมืองอื่น”
“พ่อเจ้าเป็นมหาบุรุษ”ภีมเจ้าชื่นชมพระบารมี และชมพระขรรค์
ท่านสิงห์ได้ดาบน้ำพี้เนื้อสีเขียวคมปลาบมาถวายพ่อเจ้า แต่ได้พบภีมมะเจ้า ภีมโปรดอาวุธมากจึงไม่ระวังพระองค์ความชอบทำให้ปรี่เข้าไปจับดาบนั้น ท่านสิงห์ทูลเตือนด้วยความภักดีว่า
“พระหน่อเจ้านี้คือพระแสงดาบของพ่อเจ้า พระหน่อเจ้ามิบังควรแตะต้องก่อนไก้รับพระราชอนุญาตนะเจ้า หาไม่ใครจักว่าพระหน่อเจ้าได้ว่าไม่รู้ที่บังควร”
“ท่านสิงห์ ข้าดีใจเกินไปหน่อย ไม่ทันระวัง ภายหลังจะระวังมากกว่านี้ ข้าขอบใจที่เตือนข้าเสียก่อน”
“พระหน่อเจ้าเจริญพระพรรษามากแล้ว หาไม่พวกที่คิดร้ายจะหาเหตุว่าไม่เคารพในกฎมนเทียรบาล จักนำภัยมาสู่พระหน่อเจ้าได้”
“ข้าเข้าใจดีแล้วท่านสิงห์”ภีมทรงรับปาก เห็นความภักดีของอีกฝ่ายเป็นที่น่าเลื่อมใส“ข้าจะนำไปพบพ่อเจ้า ว่าแต่ขอข้าถามให้หายสงสัยสักคำถามหนึ่งก่อนได้หรือไม่ท่านสิงห์”
“โปรดรับสั่งเถิดพระหน่อเจ้า”
“ท้าวกาสาไม่เข้าวังมาหลายปี ท้าวกาสาสบายดีหรือ”
“ขอบพระทัยแทนที่ กาสา เมียของข้าน้อยด้วยเจ้าพระหน่อเจ้า หลายปีมานี้ กาสาคุมเรือนใหญ่ของข้าน้อยจนหาได้มีเวลาไปที่ใดเลย นอกจากมีรับสั่งให้เข้าเฝ้า แต่นางไม่ได้รับราชโองการนางจึงมิได้เข้ามา อีกทั้งข้าบาทได้นำความไปบอกนางอยู่เสมอว่าพระหน่อเจ้าทรงเข้มแข็ง มีพระพลานามัยสมบูรณ์ดีนางจึงมิได้กังวล”
“แปลกเทียว กับแค่คนในเรือนจะว่าวุ่นวายเห็นจะฟังยากนัก”
ท่านสิงห์สะท้านในอกเล็กน้อยเมื่อโดนจับผิดอย่างจัง ภีมเจ้าหยิบกำไลทองคำสุกปลั่งมาวงหนึ่ง แล้วยื่นประทานให้ท่านสิงห์
“ฝากไปมอบให้ท้าวกาสาผู้ที่วุ่นวายอยู่กับข้าทาสบริวาร”
“ขอบพระทัยเจ้าพระหน่อเจ้า”
“เราไปเฝ้าพ่อเจ้ากันเถอะ”
ตรัสแล้วภีมเจ้านำเสด็จ โดยมีท่านสิงห์ถือพานรองรับดาบน้ำพี้เข้าถวายต่อพ่อเจ้า
พ่อเจ้ากำลังประทับอย่างสำราญอยู่ตามลำพังบนแท่นที่ประทับส่วนพระองค์ ในพลับพลาอุทยานหลัง
ภีมเจ้ารีบเข้าไปทรุดพระองค์ลงกับพื้นกราบทูลตัดหน้าท่านสิงห์ไปว่า
“พ่อเจ้า ท่านสิงห์เชิญดาบน้ำพี้มาถวาย ลูกเห็นงามตานักเจ้าพ่อเจ้า”
“ไหนนำมาให้พ่อที”
ภีมเจ้าแย้มสรวล ซึ่งท่านสิงห์รีบเบือนหน้าหนีไปซ่อนยิ้มกับความเป็นเด็กต่อหน้าพ่อเจ้า ซึ่งตรัสแกมขอไปล่วงหน้า ภีมเจ้าประคองพานวางดาบน้ำพี้ไปถวายพ่อเจ้า พ่อเจ้ารับไปทอดพระเนตร พลางลูบคมดาบ
“ท่านสิงห์ไปได้ดาบเนื้อดีนี้มาจากที่ใดรึ”
“พวกครูล้อมดาบน้ำพี้*ได้หลอมมาตีเหล็กแล้วนำมาให้ข้าน้อย แต่ข้าน้อยเห็นว่าบุญไม่ถึงดาบนี้จึงนำมาถวายเจ้าพ่อเจ้า”
“ข้าพอใจมาก แต่ข้าคงไม่เที่ยวพกดาบเนื้อดีไปบั่นคอใครเล่นดังแต่ก่อน ดาบนี้ข้าให้ภีมลูกข้าก็แล้วกัน”
“ขอบพระทัยเจ้าพ่อเจ้า”ภีมเจ้ารับมาชม ความงามของดาบน้ำพี้ อย่างต้องพระทัย
“จะลองดาบกับพ่อสักเพลงหรือไม่เล่าภีม”
“แล้วแต่จะทรงโปรดเจ้าพ่อเจ้า ลุกเองใคร่ลองคมดาบนี้ว่าจะแกร่งดั่งชื่อหรือไม่เจ้า”
“เช่นนั้นเราไปข้างนอกกันเถิด ไปสิงห์ ไปดูฝีมือลูกข้าว่าโตได้สมตัวหรือไม่”
“เจ้า พ่อเจ้า”
พ่อเจ้านำเสด็จออกจากพลับพลา
ทรงชักพระแสงดาบส่วนพระองค์ออกมาพลางมีรับสั่ง
“จับดาบที่เจ้าพึงใจให้มั่นคงแล้วเร่งเข้ามาปะดาบกับพ่อภีมอย่าได้ยั้งมือ”
“เจ้าพ่อเจ้า”
ภีมเจ้าเร่งรุดเข้าฟาดฟันเพลงดาบกับพ่อเจ้าทีฆายุ ฝีมือรุดหน้าไปมากจนเกือบเทียบชั้นต่อพ่อเจ้า ทำให้ท่านสิงห์ชื่นชมยินดีในพระหน่อเจ้าที่คาดว่าจะรักษาบัลลังก์ธารายุทธให้สืบไพศาลได้กว้างไกลดังคำทำนายก่อนประสูติว่า ภีมเจ้าจะมีชื่อเสียงระบือไกลเสียยิ่งกว่าพ่อเจ้าซึ่งเป็นที่เลื่องลือและครั่นคร้ามทั้งแผ่นดิน
หากว่ายังไม่อาจหักร้างต่อหริวงศ์ หรือพระหน่อเจ้าจะสามารถบุกเข้าโจมตีหริวงศ์ได้ราบคาบเล่า หริวงศ์พึ่งผลัดแผ่นดิน สายเลือดส่วนหนึ่งอยู่ในปกครองของท่านสิงห์
ศิขริน ผู้ที่มีประวัติอันลึกลับ หรือนี่คือบุพเพของพระหน่อเจ้าและองค์ศิขรินที่ทำให้ต้องผลัดถิ่นมาถึงบ้านเมืองนี้ บ้านเมืองที่ไม่ใช่ศัตรูและไม่ใช่มิตร
พ่อเจ้าซับพระพักตร์ด้วยพระองค์เอง พระองค์ท่านไม่ทรงโปรดนางสนมกำนัลคนใดมานานหลายปี และเหตุนี้ที่ทำให้เจ้านางขวัญหล้าซึ่งอยู่ในวัยกำดัด มีความว้าเหว่และเงียบเหงายิ่งนัก
ส่วนพระหน่อเจ้าเป็นที่ร่ำลือว่าเหมือนพ่อเจ้าทางด้านอุปนิสัยที่ชื่นชอบการรบมากกว่า
ในเวลานี้ สองพระบิดาและราชบุตร พักผ่อนอิริยาบถโดย ภีมเจ้ายังทรงโปรดดาบน้ำพี้อยู่จึงนำติดพระองค์ ไปขอเล่นเพลงดาบกับเหล่าองครักษ์
ส่วนพ่อเจ้าตรัสกับท่านสิงห์แม่ทัพคนสนิทว่า
“ลูกข้าไม่โปรดนางใดเลย ทั้งที่บรรณาการสตรีโฉมงามส่งมามากล้วนโสภาน่ารัก ข้าอยากให้ภีมเรียนรู้เรื่องผู้หญิงไว้บ้างอย่างไม่ให้เสียเชิงชาย”
“พระหน่อเจ้าพระชนม์พึ่งสิบหก”
“สิบหกกว่ากึ่งหนึ่งซึ่งต้องมีนางห้ามแล้ว คงต้องให้ฝ่ายในจัดการเสียที”พ่อเจ้ามีพระดำรัส
“เอ่อ กับท้าวจันทร์น้อยร่วมน้ำนมเดียวกันกับพระหน่อเจ้า พระหน่อเจ้าไม่ทรงโปรดเลยหรือเจ้า”
“ไม่สักนิด ไม่ให้แม้แต่ชายตามองพระญาติพระวงศ์ใกล้ชิดด้วยซ้ำ”
ท่านสิงห์แปลกใจนัก จะว่าพ่อเจ้าไม่ทรงโปรดเรื่องอิสตรี แต่ยามหนุ่มคะนองนั้นมีบ้างที่ทรงมีพระสนมนับร้อย และเมื่ออภิเษกกับเจ้านางอมรา ทรงมีความสนิทเสน่หาต่อกันเป็นอันมาก กระทั่งเกิดเรื่องเจ้านางขวัญหล้า และจบลงด้วยความพลัดพรากจากสิ่งที่รัก ทำให้พ่อเจ้าเย็นชาต่อเรื่องสตรีไป
พ่อเจ้าถอนพระทัยออกมายาวอย่างหนัก ก่อนตรัสเปิดเผย
“ภีมยังชอบที่จะไปนอนเล่นที่ตำหนักของข้าอยู่ ซึ่งอายุของภีมไม่ใช่เด็กที่ควรติดพ่อแล้ว เจ้ารู้หรือไม่ ลางทีภีมกอดข้าทั้งคืน แม้ข้าจะพอใจที่เห็นความรักของลูก แต่ข้าก็หนักใจยิ่งนัก เกรงว่าภีมจะติดอยู่กับข้าจนไม่ยอมห่างอันเป็นที่ผิดวิสัยชายชาตรีนัก”
พระหน่อเจ้าแปลกไปกว่า ที่ไม่พอพระทัยหญิงใดตามประสาชายเสียอย่างนี้ จะว่านิยมบัณเฑาะว์(กะเทย) ก็ใช่ที่เพราะพระองค์ยิ่งรังเกียจเดียดฉันเป็นอันมาก
“อาจเป็นด้วยว่า ยามพระหน่อเจ้าอยู่ในครรภ์พระแม่เจ้านั้น ทั้งสองจะทนทุกข์ด้วยคิดถึงพ่อเจ้า อีกทั้งทรงเป็นกำพร้า”
พระทัยที่ลืมความทุกข์ได้ถูกรื้อขึ้นมาอีกครั้ง พ่อเจ้านึกถึงอดีตครั้งเจ้านางอมราทรงพระครรภ์ และถูกถอดยศ ขังตัวเองอยู่แต่ในตำหนักไม่ให้ใครพบหน้า กระทั่งราตรีแห่งความทุกข์ และความสุขได้มาถึง กลับเป็นราตรีสุดท้ายที่พ่อเจ้าได้กอดหญิงผู้เป็นที่รัก ก่อนจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ราตรีที่มีสุขกำซาบเพียงน้อยนิด หากความสูญเสียติดตามมาชั่วกาล
ภีมเกิดมาจากการที่พ่อเจ้าฆ่าเจ้านางอมราเพื่อต่อลมหายใจให้ภีมเจ้า หรือสิ่งนี้คือสายใย หรือว่าภีมจะเป็นเช่นพระองค์ที่จะต้องรอ
รอที่จะพบคู่ที่แท้จริง คู่ที่เป็นเพียงหนึ่งเดียวในดวงพระหฤทัย
ดำริแล้วพ่อเจ้ามิได้ทรงปรารถนาให้เป็นเช่นนั้นแม่เพียงเสี้ยวแห่งปลายก้อย ทรงมีดำรัสกับเสนาบดีคู่พระทัย
“ข้าไม่อยากเห็นลูกข้าพลาดดังที่ข้าพลาดไปมีขวัญหล้าจนเกิดเรื่องใหญ่ ข้าอยากให้ภีมเห็นสตรีเป็นเพียงที่ชื่นชมเท่านั้น ไม่ต้องการเห็นลูกข้าได้ทุกข์ร้อนเพราะความมีรักเดียวเช่นข้าอีก”
“พ่อเจ้า”
“แม้จะรักอมราเพียงคนเดียว แต่ข้าก็ได้ทำผิดต่อนาง ผิดจนต่างสูญเสีย ข้าไม่ต้องการให้ลูกข้าเจริญรอยดังนี้”
“เช่นนี้แล้วข้าน้อยคิดได้ประการหนึ่งว่า พ่อเจ้ามีราชโองการให้พระหน่อเจ้าเสด็จประพาสหัวเมืองต่างๆโดยเฉพาะเมืองคราม ซึ่งเป็นที่ลือกันว่ามีสาวงามมากนัก อาจจะได้มีบุพเพสันนิวาสกับหญิงผู้รอคอยอยู่ก็เป็นได้ ถึงไม่โปรดใคร แต่การได้ประพาส เพื่อเปิดพระเนตรพระกรรณ ย่อมดีมากกว่าเสีย”
“คิดมาอย่างนี้ก็ดี ข้าจะนำลูกข้าไปเที่ยวเล่นดู บ้านเมืองทางนี้เจ้าทำหน้าที่เป็นผู้สำเร็จราชการไปก่อนก็แล้วกันสิงห์”
“เอ่อ ข้าบาทมิได้โดยเสด็จด้วยหรือเจ้าพ่อเจ้า”
“ข้าจะวางใจให้ใครดูแลบัลลังก์ได้ไปเสียยิ่งกว่าเจ้ากันเล่าพี่ข้า”
“ข้าน้อยคงมิอาจขัดราชโองการ ขอรับใส่เกศา หากมีการสำคัญของพ่อเจ้าทรงพระกรุณาชำระราชการให้เสร็จสิ้นก่อนเถิดเจ้า ข้าน้อยจะเพียงรักษาเมืองให้มั่นคงรอพ่อเจ้าอยู่เท่านั้นเจ้า พ่อเจ้า”
“การที่คิดกันนี้คงไม่สูญเปล่านะสิงห์”พ่อเจ้าตรัสพลางสรวลอกมาเล็กน้อย
ท่านสิงห์ก้มหน้าหัวเราะออกมาเบาๆเช่นกันเมื่อคิดว่าพระหน่อเจ้าคงจะได้หาสาวงามมาได้




นางแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 มิ.ย. 2555, 09:34:16 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 มิ.ย. 2555, 09:34:16 น.

จำนวนการเข้าชม : 1918





<< ชีวิตใหม่กาสา (ภาค เจ้านางศิขริน)   หนึ่งเดียวที่ต้องรอ >>
Zephyr 3 มิ.ย. 2555, 10:45:20 น.
ก็องค์ภีมรอศิขรินอยู่ไง ท่านสิงห์ก็นำมาถวายสิเจ้าคะ
เจ้านางขวัญหล้าจะโลลิหรือนี่ ช่างไม่ละอายใจเลยนะ เด็กกว่าตั้งเกือบยี่สิบปีได้มั้ยน่ะ


นางแก้ว 3 มิ.ย. 2555, 11:05:51 น.
แก่กว่าสิบหกปีเองค่ะ


คิมหันตุ์ 3 มิ.ย. 2555, 13:15:46 น.
โอววววพระเจ้า...สิบหกปี..ลูกได้เลยนะนั่น


tookta 3 มิ.ย. 2555, 18:43:29 น.
แย่งพ่อไปแล้วยังจะมาคว้าลูกอีกหรือ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account