แรกรักแต่ปางบรรพ์
เรื่องราวยุคก่อนสุโขทัย เป้เนนิยายจินตนาการทั้งสิ้น มิอาจนำไปอ้างอิงประวัติศาสตร์ใดๆได้
Tags: จงรัก ภักดี

ตอน: หนึ่งเดียวที่ต้องรอ


พ่อเจ้าทีฆายุ เสด็จประพาสเมืองคราม โดยมีภีมเจ้าตามเสด็จด้วย
บัดนี้เมืองครามพลัดแผ่นดินใหม่เจ้าอินทรามาตย์ พระราชอนุชาของเจ้านางอมรา ขึ้นครองต่อจากพ่อเจ้าซึ่งทิวงคตไป
เมื่อข่าวพ่อเจ้าทีฆายุเสด็จมาเยือนเมืองคราม เจ้าอินทรามาตย์รีบเตรียมการต้อนรับอย่างใหญ่โต ยิ่งใกล้เข้ามาถึงเมืองยิ่งสั่งการโดยใกล้ชิด ทั้งนี้ด้วยพระราชอำนาจและพระบารมีแผ่ไปทั่วแผ่นดินใกล้ไกลว่า ไม่ควรที่จะทำให้เคืองพระทัยแม้สักปลายก้อย หาไม่ คำร่ำลือที่ว่า กริ้วเพียงเส้นเกศา ทีฆายุ พ่อเจ้าหาเรื่องตีเมืองให้ราบเป็นหน้ากลองได้
ขบวนเสด็จของพ่อเจ้าเข้าประตูชัยโดยมีพ่อเจ้าอินทรามาตย์ออกรับเสด็จ พ่อเจ้าทีฆายุให้ความเอ็นดูพระอนุชาของเจ้านางอมราผู้ล่วงลับ ประหนึ่งว่าอยากไถ่ความผิดให้เบาบางลง
ภีมเจ้าบังคมไหว้พระมาตุฉา ซึ่งรับไหว้แล้วโอบกอด พลางตรัส
“ช่างละม้ายพี่นางอมราเหลือเกินพระหน่อเจ้า”
“ท่านน้าตรัสไม่ผิดชาววังธารปุระเทียว บุญข้าน้อยไม่มี จึงไม่ได้เห็นหน้าแม่เจ้า”
คำตรัสอย่างไม่คิดอะไรของพระหน่อเจ้า กลับกระทบพระทัยพ่อเจ้าอย่างแรง
ซึ่งลูกไม่ได้เห็นแม่ เพราะพ่อเป็นสาเหตุ หากรักไม่ปรวนแปรไป หากไม่มีพระราชโองการตัดขาดจากอมรา ลางที แม่ลูกจะได้ฟูมฟักกันจนเติบใหญ่
กรรม สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม
เสียงมานพน้อยที่โดนบูชายัญยังกึกก้องในโสตประสาท พ่อเจ้าทอดพระเนตรไปที่พระราชโอรส ซึ่งยังมีปฏิภาค(พูดคุย ตอบโต้)กับน้าชาย ทรงเห็นปานแดงเป็นอักขระติดพระองค์ขอพระหน่อเจ้ามาแต่กำเนิด รอยสักยันต์ของมานพหนุ่มนั้นกับปานแดงของพระราชโอรสเป็นที่เดียวกัน
จึงทรงเชื่อมาตลอดว่า มานพหนุ่มนั้นมาเกิดเป็นพระราชโอรส(คติ พราหมณ์ และของชาวพุทธ มีความเชื่อเรื่องการกลับชาติมาเกิดเช่นเดียวกัน)
พ่อเจ้าทีฆายุจึงได้มีพระเมตตาให้มากเกินธรรมดา
การเสด็จเยือนเมืองคราม ครั้งนี้พ่อเจ้าหวังให้พระหน่อเจ้าได้เรียนรู้การใกล้ชิดสตรี ดังนั้น พ่อเจ้าเมืองคราม จึงได้จัดสตรีน้อยๆมาให้เข้าเฝ้าภีมเจ้าถึงร้อยนาง
หากว่า ภีมเจ้ากลับมองสตรีโสภานั้นด้วยดวงหฤทัยว่างเปล่า ในขณะที่ความว่างนั้นพระองค์กลับมีความคิดมืดดำเป็นเงาเข้าเคลือบงำพระทัยเสียงดังมาจากส่วนลึกในพระทัยแผ่วเบา
“หรือความสุขของเราจักสิ้นเพียงนี้แล้วหรือพี่ข้า”
เสียงใครหรือ จึงเว้าวอนน่าเห็นใจเพียงนี้ ใครหนอที่เปล่งวาจาที่ทำร้ายใจข้าได้ทุกครั้งไป ใครกัน!
พ่อเจ้าเมืองครามรับรองทีฆายุพ่อเจ้า จนกระทั่งนางในนับร้อยออกมากราบทูลลาออกไปจนสิ้น พ่อเจ้าทีฆายุจึงส่ายพระพักตร์ ด้วยแผนการที่ได้คิดมากับท่านสิงห์มิได้มีประโยชน์อันใดเลยแม้แต่นิดเดียว ทั้งที่หญิงเมืองครามนี้ นับได้ว่า มีความงามเลิศล้ำไม่น้อยหน้าไปกว่าหญิงชาวหริวงศ์ เมืองที่ไม่เป็นมิตร และศัตรู หากเป็นเมืองที่จ้องหาโอกาสที่ธารปุระเพลี่ยงพล้ำ หรือหริวงศ์เพลี่ยงพล้ำ สองอาณาจักรคิดเฉกเดียวกันคือ จักฉวยเข้าโจมตี
เมื่อพระหน่อเจ้าไม่พึงประสงค์สตรี พ่อเจ้าจึงพาประพาสล่าสัตว์ในป่าดงดิบของเมืองคราม ทั้งนี้เพื่อเปิดโอกาสให้พระหน่อเจ้าได้รู้จักชัยภูมิของเมืองคราม พ่อเจ้ารู้ทั้งรู้แต่ไม่อาจขัดพระทัยได้
ยามล่าสัตว์นั้น ภีมเจ้ามีความสุข สำราญกว่าได้เห็นหน้านางในจนสังเกตได้
พ่อเจ้าจึงได้แต่ดำริว่า ยังไม่ถึงเวลา ดังเช่นพระองค์ที่ไม่พึงใจในอิสตรีจนกระทั่งพบเจ้านางอมรา หากว่า บั้นปลายความรักของพระองค์ช่างทุกข์พระทัยอย่างหาสิ่งใดเปรียบปรานไม่ได้…แล้วนี่พระองค์ยังคิดให้พระหน่อเจ้าริรักได้ลงคอเชียวหรือ ทรงดำริแล้วตัดพระทัยทันที
“เราได้สำราญกับการล่าสัตว์มากแล้วภีมมะลูกพ่อ พวกเรากลับเมืองธารปุระกันเสียที”
“ เจ้า พ่อเจ้า ลูกจะเอาเขากวางอ่อนนี้ไปให้ท่านสิงห์ด้วย เจ้า พ่อเจ้า”
“ดี”
พ่อเจ้าดำรัสอย่างทรงพอพระทัยในเรื่องภีมเจ้านึกถึงคนสำคัญ แม้ว่าจะทรงผิดหวัง ที่พระหน่อเจ้าไม่สนใจสตรีเพศก็ตามที!!
ที่เมืองธารปุระ
นางเขือสางเส้นพระเกศาให้เจ้านางขวัญหล้า เจ้านางนั่งหน้าคันฉ่องทองเหลืองขัดมันวาว พระรูปโฉมยังงดงาม วัยยังมิได้ร่วงโรย หากกำลังขัดพระทัยเมื่อเอ่ยออกมาว่า
“พ่อเจ้าเสด็จประพาสไปครึ่งปีแล้วหากไปตามลำพัง ข้าคงไม่เปล่าเปลี่ยวและเหงาเช่นนี้”
“นั่นสิเจ้านาง มิน่าให้พระหน่อเจ้าตามเสด็จด้วย”
ข้า และจ้าวกล่าวอย่างรู้ใจต่อกัน ภีมเจ้าสง่างามสมชายชาตรี พระพักตร์งามละม้ายคล้ายเจ้านางอมรา หากมีพระวรกายสูงใหญ่น่าหลงใหล ยามแย้มสรวล ไม่มีใครเลยที่จะไม่พอใจ
ใครไหนเล่าจะได้อยู่ในอ้อมอุระแห่งพระองค์
“ข้าไม่พอใจเลยเมื่อคิดว่าสักวันต้องมีนางคนใดคนหนึ่งเข้ามาปรนนิบัติพัดวีพระหน่อเจ้าจนได้ แม้ไม่พึงใจ แต่โดยหน้าที่พระหน่อเจ้าต้องมีนางห้ามสักวัน ข้าบอกตามจริงว่าข้าอยากกำจัดสิ่งนี้โดยไม่ให้เกิดขึ้น”
นางเขือมีประกายตาวาววาม ก่อนกระซิบ
“ปลงพระชนม์พ่อเจ้าสิเจ้า เจ้านาง”
“หือ ”
“อุปสรรคใหญ่หลวงเห็นจะมีเพียงพ่อเจ้า เมื่อสิ้นพ่อเจ้าแล้ว องค์ภีมย่อมผ่านบ้านผ่านเมือง เจ้านางจะทำประการใดเห็นทีจะสมพระทัย เช่นครั้งหนึ่งเคยทำให้พ่อเจ้าพึงพอพระทัยมาแล้ว”
เจ้านางขวัญหล้าแย้มพระโอษฐ์ออกมานิดหนึ่ง ก่อนสลดลง
“ข้ากำจัดเจ้านางอมราออกไปได้ เพราะเจ้านางเอง หาใช่ความสามารถของข้าไม่ เจ้าก็เห็นว่ายามนั้นพ่อเจ้ากำลังหน่ายต่อความเอาแต่ใจของเจ้านางอมรา แต่เมื่อทรงคืนกลับไปหากัน ข้าก็โดนทิ้งขว้างอย่างนี้”
“พระหน่อเจ้าไม่เคยด้วยสตรี มีหรือจะไม่พอพระทัยหากได้พบพานผู้ชำนาญการอย่างแม่เจ้า”
“นางคนปากดี เห็นข้าเป็นไก่แก่แม่ปลาช่อนแล้วหรือ”
เจ้านางขวัญหล้าทุบนางข้าไท ซึ่งนางยอมให้ทุบ จากนั้นพากันหัวเราะขบขันเมื่อคิดว่า ภีมเจ้าไม่เคยใกล้ชิด หลับนอนด้วยสตรี หากว่าได้ลิ้มลองกามตัณหาจากผู้ชำนาญการแล้ว พระหน่อเจ้าต้องลุ่มหลงอย่างไม่มีที่น่าสงสัยเลยเป็นแน่แท้
“พ่อเจ้าเสด็จกลับมาแล้วเจ้า เจ้านาง”เสียงนางกำนัลทูลเข้ามาในห้องที่ประทับ
เจ้านางขวัญหล้ารีบเสด็จออกไปรับเสด็จทันที
ขบวนช้างของพ่อเจ้าหยุดอยู่ที่หน้าประตูวัง พ่อเจ้า และ ภีมเจ้า ได้ลงจากกูบคอช้าง เจ้านางขวัญหล้าเข้าถวายบังคม พ่อเจ้าไม่ตรัสว่าประการใด ทรงนำเสด็จเข้าไปในพระราชฐานทันที
เจ้านางขวัญหล้ามองการเปลี่ยนแปลงของพระหน่อเจ้า ซึ่งดูคมคายผิดตาไปมากทีเดียว พระวรกายสูงขึ้น และดูล่ำสันไม่บอบบางดั่งก่อนหน้าเสด็จจากนครไป
ยิ่งเจ้านางเห็นความคมคายสง่างามครบถ้วนเช่นนี้ยิ่งทำให้เจ้านางร้อนลุ่มกลุ้มใจในความกำหนัดรักพระหน่อเจ้า แทบระงับกิริยาเอาไว้ไม่อยู่นางเขือทูลให้เก็บกิริยาไว้ให้เงียบ หาไม่กฎมนเทียรบานจักนำคอเจ้านางผู้มีความกำเริบรักพระหน่อเจ้าให้ต้องคมดาบจากราชมัลได้
ท่านสิงห์เข้าเฝ้าพ่อเจ้า จากนั้นจึงได้ติดตามพระหน่อเจ้า ไปยังอุทยาน ภีมเจ้าตรัสออกมาเมื่อทอดพระเนตรไปยังท้ายอุทยานว่า
“ข้ามีความสงสัยมานานแล้วท่านสิงห์ พ่อเจ้าดูเงียบเหงานักเมื่อมองตำหนักเล็กท้ายอุทยานที่นั่นมีเรื่องอะไรน่าเศร้าหรือ”
คำถามนี้ทำให้รู้ว่าภีมเจ้าไม่ใช่เด็ก ๆ อีกแล้ว เพราะทรงล่วงรู้ความในพระทัยส่วนลึกของพ่อเจ้าทีฆายุ
“ข้าทูลถามพ่อเจ้าหลายครั้ง แต่ไม่ทรงตอบ ข้าจึงอดคิดไม่ได้ว่า หากที่นั่นทำให้พ่อเจ้าไม่สบายพระทัย ข้าจักรื้อทิ้งไปเสีย”
“ไม่ได้พระหน่อเจ้าอย่าดำริเช่นนี้หาไม่จะทำให้พ่อเจ้าทรงกริ้วหนัก”
“เช่นนั้นตำหนักร้างแห่งนั้นต้องเป็นสิ่งสำคัญ ท่านสิงห์บอกข้าได้หรือไม่”
“ทูลถามพ่อเจ้า หรือข้าน้อยจะกราบทูลก็ล้วนแต่จะเป็นสิ่งที่จะทำให้พ่อเจ้าทุกข์พระทัยมากขึ้น”
ภีมเจ้าถอนพระทัยยาว ความลับอะไรหรือที่ทุกคนรู้แต่พระองค์เองไม่อาจรู้ได้ พ่อเจ้ามีความทุกข์ยิ่งใหญ่ด้วยเหตุใดกัน!
“ท่านสิงห์ ข้าถามสักคำ”
“เจ้าพระหน่อเจ้า มีเหตุอันใดให้ข้าน้อยได้รับเกล้าสนองพระบาทหรือเจ้า”
“เหตุใดท้าวกาสาจึงไม่เข้าวังมาเลยเล่าท่านสิงห์”
“เอ่อ ท้าวกาสา เป็นคนหวงลูกจนคล้ายดังเสียจริตไป”
ภีมเจ้าตกพระทัยรีบตรัสออกมาทันทีด้วยเป็นห่วง
“ท้าวกาสาวิปลาสไปเสียแล้วหรือ เอ่อเมื่อครู่ข้าได้ฟังผิดไปหรือไม่ เรื่องท้าวกาสามีลูก”
“เป็นเพียงลูกบุญธรรมเจ้า พระหน่อเจ้า แต่ว่า เมื่อได้เลี้ยงดูนางมา ท้าวกาสามีแต่ความวิตกห่วงใยในลูกสาว จนไม่ยอมให้ลูกอยู่ห่างกาย ข้าน้อยจึงได้ทูลว่านางดังคนวิปลาสไปเจ้า พระหน่อเจ้า”
“อ้อทีแท้เพราะรักมากจึงห่วงมาก เป็นดังนี้ดอกหรือ”พระหน่อเจ้ารำพึง ก่อนสรวลบาง ส่งให้ความคมคายของบุรุษอ่อนโยนเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม
“ท่านสิงห์เองก็ปิดเงียบ คงหวงน้องสาวไม่แผกกันกับท้าวกาสาดอก”
“เอ่อหามิได้เจ้า”
“ข้าจะเอากำไลให้น้องใส่เล่น”ตรัสพลางถอดเกยูรในจากข้อพระกร ส่งให้ท่านสิงห์ ท่านสิงห์รับไว้ด้วยความปีติยินดีแทนศิขรินธิดาบุญธรรม
หลังจากชมอุทยานเป็นที่ชื่นพระทัยแล้ว พระหน่อเจ้าจึงได้กลับเข้าเฝ้าพ่อเจ้าที่เขตพระราชฐานส่วนพระองค์ ซึ่งที่แห่งนั้น พ่อเจ้าโปรดประทับเพียงลำพังเท่านั้น
ภีมเจ้าเข้าไปจับบาทพ่อเจ้าเป็นการเคารพนอบน้อมพ่อเจ้าแย้มโอษฐ์ยินดีเมื่อพระโอรสองค์เดียวเข้าเฝ้า
“ธุระของเจ้าเรียบร้อยแล้วหรือภีม”
“เจ้าพ่อเจ้า ลูกให้ของกำนัลให้ท้าวกาสา พ่อเจ้าทรงทราบหรือไม่ว่าท่านสิงห์และท้าวกาสามีลูกสาว”
“รู้ แต่เมื่อเขาหวงเก็บไว้แต่ในเรือนจึงไม่เคยเอ่ยถาม”
ตรัสแล้วปรายพระเนตรมองเสนาบดีผู้รู้พระทัย เสนาฯสิงห์ก้มหน้ามองพระบาทพ่อเจ้าไม่ทูลตอบประการใด ภีมเจ้านั่งลงพื้นใกล้แท่นที่ประทับนั่งของพ่อเจ้าทีฆายุ
“ลูกอยากรู้จักน้อง ได้หรือไม่พ่อเจ้า”
“เขาหวังไว้ในเรือนก็ไม่ต้องอยากเห็นหรอกภีมน้องสาวเจ้าก็มีหลายคนแล้ว”
เสนาบดีสิงห์รู้ตัวว่าถูกตำหนิก็ฝืนทูลตอบ
“ท้าวกาสาแหนหวงด้วยมีลูกเพียงคนเดียวอีกทั้งชาติกำเนิดเดิมก็เป็นทาสที่ถูกกวาดต้อนมาจากเมืองโขนลำพัง ดังนั้นท้าวกาสาจึงฟูมฟักไว้แต่เพียงในเรือนจะนำเข้าเฝ้าเห็นว่าไม่สมควรที่จะนำเข้าเฝ้า”
“น่าสงสารศิขรินน้อยที่พ่อแม่บุญธรรมยังยึดถือชาติกำเนิดของนางเป็นทาส”
“พ่อเจ้า ข้าน้อยทั้งสองเลี้ยงศิขรินเป็นลูกยกย่องให้เหนือทาสในเรือนแต่ที่ไม่เข้าเฝ้าก็ด้วยเหตุผลที่กราบทูลไปแล้ว”
“ท่านสิงห์หวงน้องไว้เช่นนั้นดีแล้วนะเจ้า พ่อเจ้า”ภีมเจ้าทูลพ่อเจ้าทีฆายุ
“ของประทานจากพระหน่อเจ้าข้าน้อยจะนำไปให้ศิขริน หากพระหน่อเจ้ามีพระประสงค์จะให้ศิขรินเข้าเฝ้าก็จะนำมาเข้าเฝ้าเสียในวันนี้”
“อายุเท่าไหร่แล้วท่านสิงห์”
“สิบห้าเจ้าพระหน่อเจ้า”
“เช่นนั้นก็คงเห็นสาวแล้วท่านสิงห์ไม่ต้องนำมาหรอก ข้าเข้าใจว่าน้องยังเป็นเด็กอยู่”
ภีมเจ้ายังไม่โปรดให้ดรุณีน้อยใหญ่ได้ใกล้ชิดเช่นเดิมพ่อเจ้าทีฆายุสรวลดังอย่างขบขันยิ่งนัก ทรงตรัสจริงจังว่า
“ภีมเจ้า เจ้าก็เป็นผู้ใหญ่แล้วน่าที่จะมีนางห้ามไว้เรียนรู้ได้แล้ว”
“เรียนรู้สิ่งใดพ่อเจ้า”ตรัสซื่อเสนาฯสิงห์ลอบยิ้มพ่อเจ้าทีฆายุตรัสพร้อมสรวลลั่น
“ก็ให้รู้ว่าแผ่นดินนี้มีหญิงชายไว้เพื่ออะไรสิงห์พี่ชายแห่งข้าให้ท้าวกาสาเข้าวังมาคัดเลือกนางห้ามจากนางกำนัลในวันพรุ่งนี้”
ท่านสิงห์แจ้งคนสนิทให้กลับไปบอกท้าวกาสาล่วงหน้าข่าวการเลือกนางห้ามขจรไปทั่ววัง นางกำนัลระริกระรี้กันจนตัวสั่นบางพวกไร้ยางอายจนกระทั่งรีบหาโอกาสไปฝากตัวต่อท้าวกาสาก็มี
ศิขรินน้อยเปิดม่านออกดูจากห้องนอนของตน นางหับเผยพี่เลี้ยงเข้ามาใกล้ไต่ถาม
“แม่นายดูสิ่งไรอยู่หรือเจ้าบ่าวเห็นข้าน้อยเห็นแม่นายมองดูอยู่นานแล้ว”
“พี่หับเผยดูนั่นเถิด วันนี้มีหญิงแต่งกายผิดพวกไพร่เดินถือถาดของเข้ามาทางเรือนนายแม่มิได้ขาดสายเลย ข้ารู้สึกสงสัยเรือนนายแม่ไม่ค่อยมีหญิงข้างนอกเข้ามามากดั่งวันนี้”
“ข้าน้อยจะไปถามทาสเรือนโน้นนะแม่นาย”
นางหับเผยรีบจากไปในทันทีตัวเองสงสัยยิ่งกว่านายตัวเสียด้วยซ้ำไปถึงเรือนใหญ่ก็สะกิดทาสในเรือนที่สนิทกันถามไถ่ถึงการมาของหญิงสาวทั้งหลายพ่อรู้เรื่องก็รีบวิ่งกลับไปรายงานศิขริน แต่ท้าวกาสาให้บ่าวเรียกไว้เสียก่อน
“นั่นอะไรกันนางเนย นั่นใช่นางหับเผยหรือไม่”แม่นายถามบ่าวใกล้ชิดแล้ว จำได้ว่าเป็นหับเผย จึงเกิดความขุ่นใจ
“หน็อย นางนี่กล้าทิ้งลูกข้าเชียวหรือ”
“นางหับเผยมาตามคำสั่งแม่นายน้อยเจ้านายแม่ มาถามไถ่ว่าทำไมแม่หญิงสวย ๆพวกนี้จึงพากันมาหานายแม่กันนัก”
“อ้อจริงสิ ลูกข้ายังเด็กคงไม่รู้เรื่อง”ท้าวกาสา กล่าวเอง เออเอง “เออดีแล้วข้าจะไปบอกลูกข้าเองเดี๋ยวนางหับเผยไปพูดไม่ดีลูกข้าจะไม่เข้าใจอ้อแล้วเจ้าก็ไปบอกนายประตูว่าข้าไม่ให้ใครพบแล้ว ข้ารำคาญ”
ศิขรินออกจากห้องมารับท้าวกาสา เมื่อเห็นท่านมาทางเรือนตน ท้าวกาสาดึงลูกเข้าไปกอดด้วยความเสน่หา พิศดูทั่วทั้งหน้าและเรือนกาย เจ้าอมราที่ว่างาม เจ้าขวัญหล้า ที่ว่าเย้ายวนยังไม่เท่าศิขรินที่ มีครบทั้งสองสิ่ง มีความงามล้ำเหนือสตรี มีความยั่วยวนด้วยเรือนกาย เป็นสิ่งที่ท้าวกาสาเชื่อโดยสุจริตใจว่าศิขรินมิได้มีชาติกำเนิดสามัญชนเป็นแน่แท้
ทั้งสองขึ้นเรือนไปนั่งกลางเรือนเป็นหอนั่ง
“สิ่งที่ข้าน้อยสงสัยนายแม่คงมาบอกกล่าวให้ได้รู้แล้ว”
“ใช่แล้วศิขรินน้อย มีราชโองการจากพ่อเจ้าทีฆายุให้แม่เข้าวังไปเลือกนางห้ามถวายภีมเจ้า”
“นางห้ามคือใครเจ้าคะนายแม่”
“คือนางสนมของภีมเจ้า นางจะถูกเลือกรับใช้ที่แท่นพระที่สี่คน นางห้ามเป็นที่บำเรอจะไม่มีตำแหน่งเป็นเด็ดขาด ถึงมีโอรสธิดาถวายก็ไม่มีตำแหน่งเป็นเทวี”
“แล้วทำไมหญิงเหล่านั้นจึงมาที่นี่เล่าเจ้าคะนายแม่”
“พวกนาง ล้วนมาขอให้แม่ได้ช่วยให้เป็นนางห้ามให้ได้”
“ทำไมหญิงนั้นจึงมี ความพอใจที่จะบำเรอเล่า”
ท้าวกาสาจูบลูกรักอย่างเอ็นดูเมื่อฟังถ้อยวาจาคล้ายดังไร้เดียงสาของศิขริน
“ภีมเจ้ามีความสง่างามทั้งน้ำพระทัยก็ดีนักอย่าว่าแต่ให้เป็นที่บำเรอเลยศิขริน ต่อให้เอาชีวิตเข้าแลกเพียงเพื่อได้ลูบพระบาท พวกนางยังยอมแลก”
ฟังแล้วศิขรินก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ขณะนั้นเสลี่ยงหามก็พาเสนาบดีสิงห์กลับมายังเรือนพระราชทาน ท้าวกาสาจูงศิขรินลงไปต้อนรับ
ศิขรินไหว้งามเป็นความเคารพท่านสิงห์ กิริยานี้เป็นที่ประทับใจท้าวกาสาและท่านสิงห์เสนาฯชั้นผู้ใหญ่ยิ่งนักด้วยไม่มีใครในธารปุระรู้จักเลย เมื่อขึ้นเรือนใหญ่เสนาฯสิงห์หยิบถุงเดินเส้นทองออกมาหยิบของกำนัลล้ำค่าให้ท้าวกาสาและยื่นกำไลทองให้ศิขรินท้าวกาสามองอย่างฉงนใจ
“กำไลทองของใครหรือพี่สิงห์”
“ภีมเจ้าประทานมาให้ท้าวกาสา เป็นของท้าวยายประทานมาอีกที”
“พี่สิงห์คงไม่เอ่อ”ท้าวกาสาใจหายวับ คิดว่าท่านสิงห์จะถวายศิขรินเป็นนางห้ามยังไม่ทันรู้ความจริง นางดึงศิขรินเข้ากอดแน่น ออกเสียงปฏิเสธออกลั่น
“ข้าน้อยไม่ถวายให้เป็นนางห้ามเด็จขาดอยากได้ก็เอาหัว กาสาไป”
“กาสา เข้าใจผิดแล้วเมื่อประทานของกำนัลมาให้ก็ยังคิดว่าศิขรินยังเด็กแต่เมื่อรู้ว่าเป็นสาวแล้วก็ไม่ได้ตรัสว่าอยากพบอีกเพราะหลีกหนีสตรีพ่อเจ้าจึงมีโองการให้เข้าไปเลือกนางห้าม เจ้าคงรู้แล้วสินะพี่เห็นนางชาววังมาหาเจ้าหลายสิบนาง
ท้าวกาสาฟังคำอธิบายแล้วค่อยโล่งใจ คลายกอดศิขรินรับธำมรงค์มาสวมไว้ที่นิ้วใส่ได้พอดีก็หันไปอวดนางพี่เลี้ยง นางหับเผยชื่นชมเสียงดังตามนิสัยจนท้าวกาสาหันมาเอ็ดจึงเงียบเสียได้ ศิขรินจับธำมรงค์ไปมาอย่างถูกใจ
“เจ้าไม่เข้าเฝ้าพระหน่อเจ้ามานานนับปีคงไม่รู้ว่าทรงเติบใหญ่มากแล้ว”
“เห็นพระหน่อเจ้าโปรดตามพ่อเจ้าไปเยือนประเทศราชไม่ว่างเว้น ข้าน้อยก็ไม่มีห่วงใด อีกทั้งศิขรินก็แรกรุ่นแล้ว เอ่อข้าน้อยห่วงศิขริน แล้วนี่ภีมเจ้าเจริญวัยขนาดจะมีคู่ได้แล้วหรือนี่”
“พ่อเจ้าทรงวิตกกังวลเป็นอันมาก พระองค์ท่านให้จัดหาสตรีเข้ารับสนองยุคลบาทพระหน่อเจ้า เพียงเพื่อให้เห็นสตรีเป็นของเล่นธรรมดา พระองค์ไม่ต้องการให้พระหน่อเจ้ามีความผูกพันต่อสตรีใดเป็นพิเศษดังเช่นพระองค์ทรงมีต่อเจ้านางอมรา จนต้องพบกับความทุกข์ทรมานหาที่สุดมิได้เช่นนี้”
“ใจคนจะกำหนดได้เช่นไรกันพี่ พ่อเจ้าคงลืมไปเสียแล้วว่าทรงคิดฉุดเจ้านางอมรามาเป็นของเล่น แต่ในที่สุดก็มีรักต่อกันมิใช่หรือ”
เหตุผลที่ท้าวกาสาหยิบยกมาบอกกล่าวสามีเป็นสิ่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้ เพราะใจคนนั้นยากหยั่งลึกได้ว่า จะมีความรักเป็นที่สุดอยู่ที่ใด แม้ยามนี้ไม่มี หากสักวันหนึ่งคงต้องมีเป็นแน่แท้
มนุษย์ผู้ประเสริฐสุดนั้น หากไม่มีรักเสียแล้ว คนผู้นั้นคงหาความทุกข์มิได้เลย!!!
คืนนั้นมีเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้นต่างสถานที่แต่ต้นเหตุมาจากภีมเจ้าเพียงองค์เดียว
ศิขรินน้อยพิศดูกำไลทองทำลายนูนเป็นรูปพญานาครัดข้อมือเรียวใจดวงน้อยนึกไปถึงผู้ประทานมาให้
“สง่างามและน้ำพระทัยดีจนนางในวังพากันหลงใหล ที่ว่างาม งามอย่างไรกันหนอ”
ฝ่ายนางกำนัลน้อยใหญ่ตื่นเต้นจนไม่อาจจะหลับได้บ้างถึงกับนั่งจับตามองขอบฟ้าดูว่าดวงตะวันจะโผล่พ้นขอบฟ้ามาเมื่อใด
นางเดียวที่รุ่มร้อนราวกับถูกไฟประลัยกัลป์เผาผลาญให้มอดเป็นจุล คือเจ้านางขวัญหล้า พระนางกราดเกรี้ยวต่อข่าวภีมเจ้าจะรับนางห้าม พระนางริษยาแทบหยิบยาพิษไปเข่นฆ่าศัตรูหัวใจ แต่มิอาจกระทำได้ ดังนั้นจึงระบายอารมณ์ร้ายด้วยการ กวาดข้าวของเครื่องใช้ทิ้งลงพื้นเกลื่อนกระจาย
ทรงพร่ำอย่างพิโรธจัดว่า
“ข้าชิงชังสิ่งนี้ที่สุด ข้ามาธารปุระเพื่อสิ่งใดกัน ข้ามาที่นี่เพื่อถูกทอดทิ้งไว้ในตำหนักในนี้หรือไร ข้ายังมีความต้องการในเพสรสที่น่ารื่นรมย์นั้น แล้วทำไมเล่า ทำไมข้าต้องมาอยู่เพียงคนเดียว ไม่มีชายที่ข้าต้องการมาเสพสมด้วย ข้าไม่ยอม”
“เจ้านางอย่าเพคะ อย่าเอ็ดอึงไปเพคะ”
“ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นางเขือ”
เจ้านางขวัญหล้าร่ำอาละวาดหนักจนเหนื่อยแรง จากนั้นทรุดลงนั่งกรรแสงกลางห้องบรรทม นางเขือเข้าใจนายเหนือหัวเป็นอันดีถึงความต้องการในสิ่งเร้นลับของธรรมชาติในแต่ละคน นางเองมิใช่ครองตัวเป็นโสดให้สมกับเป็นพระพี่เลี้ยง นางเขือยังเริงสวาทกับทหารผู้ติดตามมาจากเมืองแทงทุกคราที่มีโอกาส แต่เจ้านางขวัญหล้า เป็นแม่ยั่วหัวของพ่อเจ้าทีฆายุ ดังนั้นพระนางมิอาจโดนชายใดแตะต้อง หรือหากจะมีการลักลอบ ก็ยังเป็นเรื่องที่เสี่ยงเหลือคณา
หนทางเดียวที่จะทำให้พระนางสมหวังคือ พ่อเจ้าต้องตาย และภีมเจ้ามีใจพิศวาสในเจ้านาง นางเขือคิดอ่านอย่างสุขุมมากพอ เพราะการลอบปลงพระชนม์พ่อเจ้าไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้โดยง่ายสักนิด ส่วนเรื่องพระหน่อเจ้านั้น นางคิดว่าขอเพียงมีโอกาสให้ทั้งสองได้ร่วมสมรักกันเท่านั้น ความตายจะไม่เกิดขึ้นเพราะพ่อเจ้าทรงรักพระราชโอรสเกินกว่าจะใช้กฎมนเพียรบาล นางจะคิดอ่านประการใดให้ภีมเจ้าเป็นฝ่ายมาหาเจ้านาง!!
ที่วังหน้า
พี่เลี้ยงคนสนิทของภีมเจ้านามว่า จางวาง จาคะเป็นชายร่างสูงโปร่งมีความงามเยี่ยงบุรุษ เขาเป็นทั้งพี่เลี้ยงและที่ปรึกษาชั้นดี เวลานี้นายเหนือหัวของเขามีท่าทีเครียดขรึมอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ทำให้จาคะร้อนใจไปด้วยจึงทูลถามอย่างหาวงใยและคิดหาทางแก้ไข
“มีเรื่องทุกข์ร้อนพระทัยมากหรือเจ้า พระหน่อเจ้า ดึกแล้วไม่บรรทม”
“จาคะพี่ข้า ข้ามีเรื่องไม่สบายใจข่มตาให้หลับไม่ได้”
“เรื่องร้ายแรงนั้นคือเรื่องใดเจ้า ข้าน้อยจะทูลเกล้าแบ่งเบาไปบ้าง”
“นางห้ามที่พ่อเจ้าดำรัสเมื่อกลางวันคืออะไรจาคะ”
เมื่อรู้ข้อกังวลของภีมเจ้า จาคะนึกขันในใจ ภีมเจ้ายังมิเคยแตะต้องอิสตรีย่อมไม่เข้าใจว่ามีนางห้ามคืออะไร จาคะนั้นอายุมากกว่าพึ่งผ่านอิสตรีมาไม่น้อยจึงเล่าวิธีการถวายไม่ปิดบังภีมเจ้าพึงเข้าใจเดี๋ยวนั้นถึงคำดำรัสพ่อเจ้า หญิงชายมีไว้คู่กัน
“ข้าไม่ต้องการหรอกจาคะ”ตรัสจบ แล้ว ทรงผลุนผันเสด็จออกจากตำหนักส่วนพระองค์ทันที
“พระหน่อเจ้า” จาคะขยับตาม แต่โดนตะคอกกลับทันที
“ไม่ต้องตามข้ามา ข้าอยากอยู่คนเดียว”
พระบาทย่ำยอดตฤณชาติชุ่มน้ำค้างจนพระทัยอึดอัดได้คลายลงมาจนหายที่ไม่สบายพระทัยจนสั่น อากาศกลางดึกค่อนข้างเย็นจนภีมรู้สึก อุทยานท้ายวังที่ส่วนพระองค์ของพ่อเจ้าท่ามกลางแสงดารกานวล หญิงแต่งกายด้วยผ้าคล้องผืนเดียวดั่งผ้านอนของหญิงสูงศักดิ์ยืนร้องไห้ใต้ต้นปาริชาติ ภีมประหลาดพระทัยจนต้องดำเนินเข้าไปใกล้
“ใครมีเรื่องทุกข์ใจถึงต้องมาร้องไห้กลางดึกเช่นนี้”
สุรเสียงทุ้มนุ่มทำให้หญิงนางนั้นหันกลับมามอง เพียงพบว่าเป็นภีมเจ้าตรัสสูงศักดิ์องค์นั้นโอบเข้ากอดรัดเบียดเสียดเข้าหาโดยไม่อาจยังใจไว้ได้
“ภีมเจ้า”
ภีมเจ้ากระถดถอยหนีหากแต่ไม่อาจดึงแขนกลมที่กอดรัดโดยแน่นได้เจ้านางขวัญหล้าหลงใหลในองค์ภีมอีกทั้งพ่อเจ้าทีฆายุเริ่มทำให้พระนางไม่สมปรารถนานัก
“รู้หรือไม่ข้าหลงรักภีมเจ้ามานานนักหนาแล้ว”
“เจ้านางขวัญหล้า”ภีมเจ้าครางเรียกอย่างตกพระทัยนัก
และแล้วพระหน่อเจ้า ถูกจู่โจมด้วยเชิงชั้นของสตรีผู้เย้ายวน เรือนกายอวบอัดด้วยเลือดเนื้อ เจ้านางขวัญหล้ารุ่มร้อนด้วยความเสน่หาภีมเจ้าหนุ่มผู้บริสุทธิ์มิเคยได้แตะต้องกายหญิงใดนับแต่เริ่มเข้าสู่วัยหนุ่มเลือดในกายจึงแล่นพล่าน หลวมตัวลงสู่บ่วงขวัญหล้า
“พระหน่อเจ้า”จาคะพระพี่เลี้ยงเรียกรั้งทั้งวิ่งเข้าขัดขวางด้วยจำได้ว่าอิสตรีที่ภีมเจ้ากำลังเผลอไผลลืมสติไปชั่วขณะคือเจ้านางขวัญหล้า
ตามกฎมนเทียรบาลแล้วไซร้หากทรงทราบถึงพระเนตรพระกรรณพระหน่อเจ้ามิอาจรักษาพระศอให้อยู่เบื้อบนพระอังสะได้อีกต่อไป
ภีมเจ้ารู้สึกพระองค์ดันเจ้านางขวัญหล้าออกห่าง จึงได้หันมาเรียกหาพระพี่เลี้ยง
“จาคะพี่ข้า”
เจ้านางขวัญหล้าแค้นพระทัยมิอาจระงับได้ จึงตรัสบริภาษจาคะอย่างรุนแรง
“เจ้าไพร่ชั่ว เข้ามาในสถานที่หวงห้ามนี้ได้อย่างไร”
จางวางพี่เลี้ยงของพระหน่อเจ้ามิได้นำพา ทั้งมิได้ทำความเคารพ เขาทำเหมือนไม่เห็นเจ้านางขวัญหล้า ทั้งนี้เพื่อป้องกันมิให้พระหน่อเจ้าต้องพระราชอาญา รีบฉุดดึงภีมเจ้าให้กลับตำหนัก
“รีบเสด็จกลับเถิดภีมเจ้าทรงละเมอเผลอลืมสติมาไกลเพียงนี้ รู้สึกพระองค์แล้วก็รีบเสด็จเถิดเจ้า”
ภีมเจ้า รีบเสด็จตามคำทูลของพระพี่เลี้ยง อย่างรู้สึกองค์เต็มที่แล้วหากว่าเมื่อทรงประทับบนแท่นพระที่เพียงลำพัง กลับมิอาจลืมความซาบซ่านที่จับขั้วพระหทัยได้ลง



นางแก้ว
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 มิ.ย. 2555, 09:35:29 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 มิ.ย. 2555, 09:35:29 น.

จำนวนการเข้าชม : 1881





<< เป็นข้ารองบาททุกชาติไป   เพราะบุพเพนำมาพบกัน >>
ณจรร 3 มิ.ย. 2555, 10:24:52 น.
มารอๆๆๆๆ


Zephyr 3 มิ.ย. 2555, 10:58:53 น.
ขอร้องอย่าให้องค์ภีมเสร็จแม่นางขวัญหล้าเลย ทำใจรับไม่ได้อย่างมาก
เจอกันซะทีเถอะนะ ลุ้นจะแย่แล้วค่ะ
แม่นายกาสา อย่าหวงจริงจังอย่างน้านสิคะ คนเค้าเกิดมาคู่กันอยู่แล้วนะ


คิมหันตุ์ 3 มิ.ย. 2555, 13:33:36 น.
สงสัยนางห้ามจะได้ทำงานแล้วคราวนี้ คิคิ


zilvermoon 3 มิ.ย. 2555, 14:58:25 น.
พ่อเจ้ามาจัดการเจ้านางขวัญหล้าที ขออย่าให้พ่อเจ้าโดนยาพิษเลย


tookta 3 มิ.ย. 2555, 18:42:03 น.
ไรเตอร์อย่าใจร้ายเลยนะภาคนี้ อย่าให้นางขวัญหล้าได้สมรักกับท่านภีมเลย รับไม่ได้ค่ะ 55


นางแก้ว 3 มิ.ย. 2555, 19:03:11 น.
เขียนจบไปแล้วค่ะ ต้องรอลุ้นนะคะพี่ตา ไม่นานก็จบแล้วค่ะ


tookta 3 มิ.ย. 2555, 20:29:52 น.
จะรอลุ้นจ้า แบบเครียดๆๆค่ะไรเตอร์ 55


Pampam 4 มิ.ย. 2555, 02:53:28 น.
ไม่ชอบขวัญหล้าเอามากๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account