บ่วงร้อยรัก
ชีวิตที่ถูกร้อยรัดไว้ด้วยหนี้บุญคุณและความแค้น หญิงสาวจะทำอย่างไร เมื่อบ่วงรักที่หล่อนเข้าใจ กลับกลายเป็นบ่วงมารที่ฆ่าหล่อนให้ตายทั้งเป็น
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: บ่วงร้อยรัก ตอนที่ 9
คราวนี้มาเร็วเพื่อชดเชยจากที่ลงข้ามาหลายรอบค่ะ
ช่วยติดตามอ่านด้วยนะคะ
--------------------------
คุณ Edelweiss -- ขอบคุณที่ชอบนายอุ่นค่ะ ^^ ส่วนอรรถนี่...ต้องติดตามค่ะว่าทำไมถึงเปลี่ยนไป
คุณ siita -- คราวนี้มาเร็วค่ะ เรื่องค่อย ๆ คลี่คลายแล้ว ^^
ยังมีบางจุดที่ผิดพลาดบ้าง โปรดให้อภัยคนเขียนด้วยนะคะ
ยินดีน้อมรับทุกคำติชมค่ะ ><
--------------------------
ตอนที่ 9
ตรีประดับรู้ข่าวผู้เป็นบิดาเป็นคนสุดท้าย หญิงสาวมาถึงโรงพยาบาลพร้อมหยาดน้ำตาในเช้าวันรุ่งขึ้น มิ่งโมรีกอดอกมองภาพคนสูงวัยกว่าก้มกราบแทบเท้าคนที่ยังนอนหลับอยู่บนเตียงด้วยแววตาครุ่นคิด ข้างกันคือนางละอองที่ยืนรอคำสั่งของผู้เป็นนายด้วยอาการสงบ อาการของอรรถไม่มีอะไรผิดปกติ แต่อาจต้องใช้เวลาในการทำกายภาพบำบัดเพื่อให้ลุกเดินได้อย่างคล่องแคล่วเช่นเดิมอีกเล็กน้อย เพราะเป็นการฟื้นจากการเป็นเจ้าชายนิทราครั้งแรกในช่วงเวลาสี่เดือนที่ผ่านมา
“ มิ่งติดต่อคุณสองไม่ได้ ”
หญิงสาวที่วิ่งวุ่นตั้งเมื่อเย็นวาน เอ่ยเสียงขรึมหล่อนและนางละอองพยายามต่อสายหาตรีประดับหลายครั้งโดยมีนวลอนงค์มองเฉย ไม่ทุกข์ร้อนว่าอรรถจะอยู่หรือตาย คนสูงวัยกว่าได้รับข่าวเป็นคนแรกแต่มาปรากฏตัวแค่พอเป็นพิธีเกือบท้ายสุด แถมยังมาอย่างไม่เต็มใจ ถ้ามิ่งโมรีจะไม่ขู่ว่าทนายประจำตระกูลที่คอยดูแลทรัพย์สินต่าง ๆ ถามถึง อรรถเลยลืมตาเห็นผู้เป็นภรรยานั่งหน้าบึ้งอยู่ข้างเตียง มีนางละอองคอยดูแลรับใช้ ขณะที่มิ่งโมรียืนคอยอยู่นอกห้อง คุยเคร่งเครียดกับชายกลางคนที่ให้ความดูแลทรัพย์สินภายในกุลชาติ ในขณะที่คนมาหาเพราะเป็นห่วงมีเอกสารบางอย่างที่เพิ่งได้รับส่งให้เป็นเครื่องยืนยันความสบายใจ
“ แบตมือถือพี่หมด พี่ไม่สบายใจที่จะกลับบ้าน เลยไปนอนค้างบ้านเพื่อน”
“ เพื่อนคนไหนคะ ”
มิ่งโมรีถามโดยไม่ทันคิด หญิงสาวคิดว่าตัวเองอาจจะลาบล้วงอยู่บ้างแต่ความเป็นพี่น้อง คงทำให้ตรีประดับไม่คิดอะไรมากไปกว่าเข้าใจว่าน้องสาวอย่างหล่อนนั้นรู้จักห่วงพี่สาว หญิงสาวที่พลาดมหันต์ตรงไม่สามารถหาเบอร์ติดต่อเทียนสรวงได้ เพราะมัวแต่เอาตัวเข้าไปใกล้กับอุดร คนสวนหนุ่มเพราะกลัว ‘ แผน ’ ที่วางไว้ไม่สำเร็จ จนลืมรอบคอบเรื่องใกล้ตัวยิ่งกว่า พอรู้ตัวอีกที เหตุการณ์ก็ผ่านไปจนหล่อนเกือบตั้งตัวไม่ทัน ไม่รู้ว่าถ้า ‘ เริ่มต้น ’ ใหม่เสียตั้งแต่ตอนนี้จะยังทันหรือเปล่า
“ มิ่ง พี่โตแล้วนะ ”
“ มิ่งก็แค่...”
“ ไม่ใช่คุณเทียนแน่ๆ ไม่ต้องระแวง ”
คนหายไปทั้งคืนตอบเสียงเย็น ดวงตาจดจ่อยังร่างผอมบนเตียงนอน ใบหน้าของคนเพิ่งฟื้นค่อนข้างแจ่มใส ไม่มีเค้าเจ็บหนักอย่างเช่นในตอนแรก
“ มิ่งไม่ได้คิดถึงคุณเทียนเลยค่ะ ”
มิ่งโมรีขมวดคิ้วมุ่น ทำเอาดวงหน้าหวานของคนฟังเป็นสีเข้ม ความที่กลัวว่าคนอ่อนวัยกว่าจะคิดว่าหล่อนร้อนตัว ตรีประดับเลยเอ่ยเสียงสะบัดดักคอไปว่า
“ ที่พี่บอกไว้ก่อน เพราะรู้ว่ามิ่งต้องถาม ”
“ ไม่ถามค่ะ มิ่งคิดว่าตัวเองไว้ใจคนของมิ่งได้ ”
แม้คำตอบค่อนข้างเรียบ หากแค่เท่านั้น...คำว่า ‘ คนของมิ่ง ’ ก็ทำเอาตรีประดับที่อยู่ในอารมณ์ไม่ปกติ ขึ้นเสียงใส่น้องสาวเป็นครั้งแรก
“ มิ่งนี่แปลก พี่อุตส่าห์แสดงความบริสุทธิ์ใจกลับไม่ชอบ คุณเทียน อ้อ...ไม่ใช่สิ คนของมิ่ง ใช่ไหม อย่าห่วงเลย พี่ไม่คิดอะไรด้วยทั้งนั้น ”
“ ถ้าคุณสองจะคิด มิ่งก็ไม่ห้าม ” คนไม่ได้เริ่มเรื่องก่อนเหมือนทุกคราเอ่ยเสียงเข้ม มองดูท่าทีเยาะหยันเหมือนไม่ใช่ตรีประดับด้วยสายตาแปลกใจ “ คุณสองเป็นอะไร ทำไมต้องโมโห ”
“ พี่ไม่ได้โมโห แต่พูดความจริง พี่รู้ว่ามิ่งคิดอะไร มิ่งต่างหากเป็นอะไร ทุกทีก็เห็นรับได้ แล้วทำไมคราวนี้ถึงรับไม่ได้ ”
ฟังคำย้อนแล้ว มิ่งโมรีต้องสูดลมหายใจเข้าปอดลึก หญิงสาวยิ้มเย็นเมื่อเอ่ย “ คุณสองไม่รู้หรอกค่ะ ว่ามิ่งคิดอะไร อะไรที่รู้ไม่จริง เงียบไว้จะดีกว่า ”
ดวงหน้าแต่งแต้มสีจัดซูบซีดผิดเคย หากตรีประดับไม่ทันสังเกตเห็น หญิงสาวมองคนอ่อนวัยกว่าด้วยสายตาเหยียดหยาม
“ ขอบใจนะที่เตือน มันคงจะดีถ้ามิ่งหัดเตือนตัวเองไว้บ้าง ”
“ คุณมิ่งรีบกลับไม่ใช่เหรอคะ ”
นางละอองแทรกเสียงขรึม ยุติรอยบาดหมางของพี่น้องไว้แค่นั้น นางเดินมาแตะแขนคนที่ยืนอยู่ไปอีกทาง แต่ปลายตามองคนนั่งข้างเตียงด้วยแววตาตำหนิ ตรีประดับหน้าร้อนวูบ เมื่อรู้ว่าหล่อนเผลอทำอะไรลงไปบ้าง
“ คุณสองกับดิฉันจะอยู่เฝ้าคุณพ่อให้ ใช่ไหมคะ ? ”
“ ค่ะ สองจะอยู่เฝ้าคุณพ่อ ” ตรีประดับเอ่ยเสียงเบา ก้มหน้างุดคล้ายละอายแก่ใจที่ทำอะไรไม่ดีลงไป มิ่งโมรีคว้ากระเป๋าขึ้นสะพาย เอ่ยเรียบๆ ไร้วี่แววขุ่นใจ
“ งั้นเดี๋ยวมิ่งจะให้นายอุ่นเอาเสื้อผ้ามาให้นะคะ ”
“ ดิฉันไปส่งนะคะ ”
นางละอองขยับตาม แต่คนขอตัวกลับบ้านปฏิเสธ ตรีประดับที่เห็นว่ามิ่งโมรีคงไม่ยอมแน่เลยช่วยพูดเสริม บอกว่าหล่อนอยู่ที่นี่ คนเดียวได้
“ งั้นมิ่งฝากคุณพ่อด้วยนะคะ ”
ท้ายประโยคมิ่งโมรีไม่รอคำตอบ หญิงสาวก้าวออกจากห้องรวดเร็วเหมือนพายุ นางละอองมองอรรถอยู่อึดใจ ก่อนจะแง้มประตูปิดเพื่อตามคนอ่อนวัยกว่าออกไป
“ คุณอรรถฟื้นแล้ว คุณจะทำยังไงต่อไปคะ ”
คนตามมาถามเสียงเบา ดวงหน้าเรียบสนิท หากดวงตาฉายรอยกังวลให้เห็นเป็นครั้งแรก มิ่งโมรีหยุดเดิน รอจนคนสูงวัยกว่าไล่มาทันแล้วถึงเอ่ยเสียงขรึม
“ เก็บของค่ะ ” นางละอองนิ่งอึ้ง มองคนที่ตามติดอย่างไม่เห็นด้วย
“ จดหมายฉบับล่าสุด ยังส่งมาไม่ถึง...ไม่แน่ว่าอาจยังไม่รู้ข่าว แล้วคุณจะรีบไปทำไม ”
“ ต้องรีบค่ะ คุณลุงฟื้นขึ้นมาแล้ว ฝั่งนั้นก็คงไม่รอเหมือนกัน ”
“ แล้วเรื่องที่คุณหนึ่งขอไว้ คุณจะผิดสัญญาหรือคะ ”
คนสูงวัยกว่าเตือนเรียบ ๆ ข่าวการฟื้นตัวของอรรถไม่มีทางได้รับการแจ้งบอกผ่านมิ่งโมรีเป็นแน่ คนอ่อนวัยกว่าไม่มีความคิดจะให้ข่าวคราวใด ๆ ส่งผ่านไปถึงชายหนุ่มที่ศึกษาต่ออยู่ในต่างประเทศนอกเหนือจากที่ตรีนนท์ขอร้องไว้ มิ่งโมรีทำตามสัญญา แต่ทุกอย่างก็อยู่ในขอบเขตที่หล่อนให้ได้ นวลอนงค์นั้นไม่สนใจอยู่แล้วว่าใครจะอยู่หรือไป ความโกรธที่มีต่ออรรถ และความไม่ได้ดั่งใจตนของลูกชายคนเดียวทำให้นางถืออคติไม่เหลียวแล ส่วนตรีประดับจะแจ้งข่าวบอกผู้เป็นพี่ชายหรือไม่นั้น มิ่งโมรีไม่ห้าม เพราะกว่าตรีนนท์จะกลับมาเรื่องราวทุกอย่างคงเรียบร้อยหมดแล้ว
“ ไม่มีความจำเป็นต้องบอกนี่คะ ”
“ ดิฉันแค่กลัวว่า เราอาจจะพลาด ถ้ายังไงปรึกษาคุณทนายก่อนไม่ดีหรือคะ ”
“ ขืนปรึกษาก็คงห้ามอีกเหมือนเคย ”
“ ก็นั่นแหละค่ะ ”
“ คุณละอองคะ ” มิ่งโมรีเรียกหญิงกลางคนเสียงหนัก “ แค้นนะคะ แค้นมาก อติราชเดินมาไกลเกินกว่าจะหันหลังกลับแล้วค่ะ ”
ดวงตาสีดำจัดวาววับ ขณะที่แม่บ้านเก่าแก่ซึ่งเคยสุขุมตลอดเวลาถอนหายใจปลดปลง มองคนยืนอยู่ด้วยสายตาครุ่นคิด มิ่งโมรีเลยเรียกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงอ่อนลง
“ คุณละอองคะ ”
“ ดิฉันอยากรู้ค่ะ จิตใจคุณอรรถทำด้วยอะไร ” คำพูดตรงไปตรงมา ทำเอาคนฟังนิ่งอึ้ง มิ่งโมรีพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติเมื่อเอ่ยต่อว่า
“ มิ่งไม่อยากรู้หรอกค่ะว่าทำด้วยอะไร ที่มิ่งรู้ก็คือเราจะรออีกไม่ได้ ”
“ คุณจะทำได้ยังไงคนเดียว เรื่องออกใหญ่ ”
คนสูงวัยกว่าติง มองดูร่างผอมหลังเหยียดตรงก้าวออกสู่แสงสว่างจ้า เสื้อผ้าสีสันฉูดฉาด ด้านหลังเปิดโล่งเห็นผิวสีน้ำผึ้งเนียน ดวงหน้าสะอาดที่แต่งแต้มจนกลบความอ่อนเยาว์ของวัย ปรากฏรอยยิ้มเย็น
“ ทำได้ค่ะ เมื่อวานนี้คุณปรีชา ทนายของเราส่งเอกสารมาให้แล้ว หนอนบ่อนไส้เค้าทำหน้าที่ดีนะคะ ”
“ มันเรื่องอะไรกันคะนั่น ”
“ บอกแล้วคุณละอองอย่าตกใจนะคะ ” มิ่งโมรีหยุดเดิน เอ่ยชื่อที่คุณแม่บ้านรู้จักดี แถมยังสงสัยมาตลอดหากยังไม่ปักใจเชื่อด้วยสีหน้าขรึมเคร่ง “ นายอุ่น คือทายาทที่รอดชีวิตของอติราช จริง ๆ ค่ะ ”
***
ตรีประดับก้าวออกจากห้องเหมือนมีปีศาจไล่หลัง ท่าทางหญิงสาวร้อนรนจนไม่ทันเห็นด้วยซ้ำว่านางละอองเดินกลับเข้ามา คนสูงวัยกว่านิ่งไปนิด แปลกใจกับท่าทีไม่เหมือนเคยของหญิงสาว นางยืนลังเลใจอยู่อึดใจ ก่อนตัดสินใจเคาะประตูเพื่อขออนุญาตเข้าในห้อง อรรถตื่นแล้วและกำลังจ้องมองมาที่ประตูด้วยกิริยาเศร้าสร้อย
“ ไปแล้วเหรอ ยัยสอง ”
“ ค่ะ ไปแล้ว ”
นางละอองตอบเสียงเรียบ ร่างผอมเกร็งเดินเลี่ยงไปยังส่วนที่จัดไว้สำหรับเก็บล้างจานชาม ข้างกันคือตู้เย็น และชั้นวางของสำหรับใส่เครื่องใช้ที่ภายในเต็มไปด้วยอาหารอย่างอ่อนที่มิ่งโมรีพยายามหามาเตรียมไว้เพื่อเอาใจคนเพิ่งฟื้น
“ ลูกคงเกลียดฉันแล้วล่ะ ” เสียงแหบพร่าเอ่ยอย่างทดท้อ นางละอองปรายหางตามอง ก่อนเริ่มลงมือจัดเก็บข้าวของที่เตรียมมาให้เป็นระเบียบ
“ ลูก...คนไหนละคะ ”
“ เอ๊ะ ! ละออง นี่ละอองตั้งใจรวนฉันเหรอ ”
“ ดิฉันถามจริง ๆ ค่ะ ”
ท่าทีเยือกเย็นบวกกับอาการไม่เป็นทุกข์ต่ออารมณ์ของตน ทำให้อรรถได้แต่เก็บความหงุดหงิดไว้ในใจ ตอบคำถามของนางละอองด้วยน้ำเสียงติดเย็นชา
“ แกรู้ว่าฉันหมายถึงใคร ”
“ งั้นก็คงเกลียดมั้งคะ ”
“ นี่ละออง ! ถ้าแกไม่คิดจะให้กำลังใจฉันก็อย่าพูดอะไรที่มันแย่ ๆ หรือว่านิสัยเหมือนกันทั้งนายทั้งบ่าว อย่าลืมนะว่าแกมันก็แค่ป้าข้างบ้านที่แม่ฉันรับมาอยู่ด้วย อย่าคิดกำเริบให้มันมากนัก ”
คนนอนอยู่บนเตียงมองเขม็ง หัวเสียเล็กน้อยที่ตื่นขึ้นมาก็พบแต่คนที่เขาไม่ต้องการพบ ยิ่งถูกแม่บ้านเก่าแก่ยอกย้อนเข้าใส่ อรรถก็ยิ่งรู้สึกเหมือนโชคชะตาซ้ำเติมให้เขาไม่เป็นสุข
“ ถ้าสอนให้นิสัยเหมือนดิฉันได้ก็คงดีสิคะ ” คนพูดทอดเสียงเสียดายเป็นครั้งแรก “ ดิฉันดีใจค่ะ ที่คุณฟื้น แต่เสียใจที่ทุกอย่างจะเป็นไปตามที่คุณหวัง ”
“ ฉันทำเพื่อปกป้องครอบครัวฉันนะละออง เข้าใจฉันบ้างสิ ”
อรรถอ้อนวอนเสียงอ่อน ความฝันยังติดตาเหมือนเกิดขึ้นเมื่อวาน แต่จะให้ทำอย่างไร ในเมื่อเรื่องราวผ่านพ้นมานานเสียจนอรรถแทบลืมเลือนไปแล้วด้วยซ้ำ กระทั่ง อนภมาหาด้วยท่าทางซึมเศร้าพร้อมหลักฐานที่อรรถคิดมาตลอดว่าไม่มีอยู่จริง กว่าจะรู้ว่าเป็นการเข้าใจผิด ข้อมูลที่อนภได้ชี้ชัดไปยังลูกหนี้รายอื่นและฝากฝังให้เขาช่วยตามหาคนที่อยู่ในหลักฐานเพื่อส่งคนที่ตายไปแล้วให้ไปสู่สุคติ อรรถก็ลงมือเผาทั้งเป็นรุ้งระวีไปแล้ว แถมอีกไม่กี่เดือนให้หลังอนภยังจบชีวิตลงตามภรรยาพร้อมลูกชาย ฆนาคม... เด็กชายที่เขาจำแววตาคู่คมได้ดี ทุกอย่างเป็นสิ่งที่อรรถไม่เคยคิดอยากให้เกิดขึ้น และในเมื่อมันสายเกินกว่าจะแก้ไข เขาจำต้องปล่อยเลยตามเลยอย่างกล้ำกลืนด้วยซ้ำ
ไม่นึกเลยว่ายี่สิบปีให้หลัง คนที่คิดว่าตายจาก จะกลับมาทวงคืนทุกอย่าง เริ่มสงครามประสาทด้วยการส่งจดหมายผ่านเข้ามาในบ้านเพื่อบอกตัวตนและกระตุ้นเตือนให้อรรถรับรู้ถึงสิ่งที่ทำลงไป จากที่ตั้งใจเก็บความลับครั้งนั้นให้ตายไปกับตัว อรรถจึงมีปากเสียงกับนวลอนงค์ ที่ระแวงสงสัยมาตลอดเป็นครั้งแรก คู่ชีวิตที่รู้จักกันดีทุกฝีก้าว การหายไปในคืนวันเกิดเหตุ ก่อเกิดเป็นความสงสัยที่ถูกเก็บเอาไว้ รอเวลาปะทุ นวลอนงค์ที่โกหกคำโตเพื่อช่วยเหลือสามีอย่างเขา เป็นพยานรู้เห็นว่าเขาอยู่กับหล่อนตลอดเวลาพยายามค้นหาความจริง ทั้งที่ทุกอย่างควรจบลงด้วยดีตั้งแต่วันนั้น ถ้าคำว่า ‘ อติราช ’ จะไม่ตามมาหลอกหลอนให้ต้องหวาดระแวง เขาเองก็คงไม่ต้องทะเลาะด้วยเรื่องของคนที่ตายไปแล้วกับผู้หญิงที่เขาเลือกแล้วว่าจะให้หล่อนนำทางชีวิตจนต้องตกบันไดลงมา ให้นอนเป็นเจ้าชายนิทราทำอะไรไม่ได้อยู่หลายเดือน
“ ดิฉันไม่ได้บอกว่าไม่เข้าใจนี่คะ ”
นางละอองเอ่ยเสียงเรียบ สีหน้าชาเฉยยามสบตาคนที่ยังนอนอยู่บนเตียง อรรถพยายามขยับกายลุกขึ้นหากจนแล้วจนรอดก็ทำได้เพียงเอนตัวพิงหมอนด้วยอาการเหนื่อยหอบ คนมองอยู่นานเลยขยับตัวเข้าช่วยอย่างเสียไม่ได้
“ ทำไม...ไม่มีใครเข้าใจฉันเลย ฉันก็แค่อยากปกป้องคนที่ฉันรักเท่านั้น ”
“ คุณพูดจริงหรือพูดเล่นคะ ”
คนสูงวัยกว่าทวนคำเสียงเรียบ ผละไปจัดที่นอนซึ่งต้องเตรียมไว้ให้ตรีประดับเฝ้าไข้ผู้เป็นบิดา
“ แกถามฉันอย่างนี้ทำไมละออง ”
“ ถามให้คุณรู้ตัวสิคะ ”
“ แล้วฉันทำอะไรผิด ไหนแกบอกซิว่าฉันทำอะไรผิด ก็แค่รัก...รักมาก ”
“ ครั้งที่แล้วคุณก็พูดอย่างนี้ ไม่ได้ทำผิด ทั้งที่ความจริงแล้วมันผิด คุณทำเพราะรัก ทั้งที่นั่นใช่รักหรือเปล่าก็ไม่รู้ ”
“ ละออง ! ”
อรรถมองคนเก่าแก่ของบ้านอย่างโมโห ฮึดฮัดขัดใจแต่ทำอะไรไม่ถนัดเมื่ออีกฝ่ายยืนอยู่ห่างเกินเอื้อมถึง นางละอองมองคนที่หายใจติดขัดเพราะแรงโทสะด้วยแววตาเฉยเมย นี่อาจเป็นบาปกรรมที่ทำไว้ตามมาย้อนรอยคืน กุลชาติ ไม่เคยสงบสุข หากร้าวฉานและเต็มไปด้วยบาดแผล
“ คนที่เขารู้จักรัก เขาไม่ทำแบบคุณหรอกค่ะ คุณมีตัวอย่างให้เห็นนะคะ ทำไมไม่ดู ”
“ อย่ามาสอนฉัน ! ”
แม้จะถูกตะคอก หากนางละอองไม่สนใจ คนสูงวัยกว่ายังเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงมั่นคง แววตาที่ทอดมองอ่อนแสงลงอย่างต้องการปลอบปละโลมมากกว่าจะจงใจเยาะหยัน
“ คุณอรรถ...คุณหยุดตอนนี้ยังทันนะคะ อะไรที่มันแก้ไขไม่ได้คุณก็ไม่ควรเข้าไปเพิ่มเติมให้มันยิ่งยุ่งยาก เรื่องนี้จะไม่มีทางสานต่อถ้าคุณยอมรับความจริง ”
“ ความจริงก็คือมันเป็นอุบัติเหตุ เข้าใจไหมว่ามันเป็นอุบัติเหตุ ! ”
“ ใช่ค่ะ อุบัติเหตุ อุบัติเหตุที่ทำให้ลูกชายคนเดียวของคุณอนภ ตามมาล้างแค้นเรา ”
“ ฝ่ายนั้นเริ่มก่อน ”
“ ถูกค่ะ เริ่มก่อน แต่คุณจบก่อนได้นี่คะ เว้นเสียแต่ว่าคุณกลัวเกินไป ขี้ขลาดเกินไป ”
“ อย่ามาทำเสียงอย่างนี้กับฉันนะละออง อย่ามาทำท่าทางดูถูกกันแบบนี้ แกมันก็แค่ขี้ข้า คิดว่าอยู่มานานเข้าหน่อยก็ตั้งตัวสั่งสอนฉันได้งั้นเหรอ ”
“ ดิฉันไม่เคยคิดยกตัวเองขึ้นมาเทียบกับคุณ ก็แค่นึก...ว่าสองมือที่เลี้ยงคุณมาแทนคุณแม่คุณจะยังพอสำคัญ ให้คุณฟังสิ่งที่ดิฉันพูดบ้าง ”
“ จะขุดคุ้ยอดีตฉันขึ้นมาเหรอละออง คิดว่าจะเล่นงานฉันได้ด้วยเรื่องแค่นี้เหรอ ”
อรรถถามเสียงเย็น แววตากร้าวกระด้าง นางละอองส่ายหน้า ดวงหน้าขาวสงบเฉย กิริยานี้ทำให้แม้แต่คนที่คิดว่าตนเหนือกว่าก็ยังเกรง
“ ไม่คิดค่ะ ”
คนสูงวัยกว่าตอบเสียงเรียบ มองอรรถซึ่งนอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงเพราะทำอะไรไม่ได้อย่างใจด้วยความเวทนา
“ แล้วฉันไม่มีสิทธิ์จะปกป้องครอบครัวตัวเองหรือไง เมียฉัน ลูกฉัน นั่นเป็นความรักของฉัน แกอาจคิดว่าฉันใจดำ แต่ถ้าฉันไม่เลว กุลชาติคงไม่เหลือเป็นกุลชาติอย่างทุกวันนี้ ”
อรรถกระแทกเสียงตอบ คับแค้นจนสองมือเกร็งแน่น
“ แล้วกุลชาติในตอนนี้ดีกว่าตอนนั้นไหมคะ ไม่ค่ะ ไม่เลย เรากำลังล่มจม ถ้าไม่ได้เงินกองกลางจากเด็กผู้หญิงที่คุณรังเกียจ ช่วยพยุงไว้ ต่อให้ขายบ้านทั้งหลังก็ไม่พอกินแน่ ไหนจะต้องส่งเสียคุณหนึ่ง ดูแลค่าใช้จ่ายจิปาถะ คุณนวลก็เบิกจ่ายประจำไม้เว้นสัปดาห์ เด็กคนนั้นต้องทำงานเท่าไหร่คะถึงจะพอยาไส้คนในกุลชาติที่คุณออกปากว่ารักมาก ”
นางละอองเตือนสติ เจ็บปวดแทนคนที่ถูกเอ่ยถึง ทว่า ถ้อยคำหวังดีของนางกลับทำให้คนที่นอนอยู่หัวเราะเสียงดัง
“ ก็ถูกแล้วนี่ เป็นหน้าที่ของมันที่ต้องทำตามคำสั่งฉัน ฉันอุตส่าห์ยอมให้มันเรียกว่า พ่อ เชียวนะ ถ้ายังคิดอกตัญญูก็ให้มันรู้ไป ”
“ แล้วคุณจะเสียใจค่ะคุณอรรถ ”
“ ฉันอยู่กับความเสียใจมามากพอแล้วละออง อยู่กับมันจนรู้จักมันดี ”
“ งั้นดิฉันจะบอกคุณไว้ ถ้าลูกจะไม่รักคุณนั่นก็เพราะตัวคุณ ถ้าคุณนวลจะทิ้งคุณ นั่นก็เพราะตัวคุณอีกนั่นแหละค่ะ ”
“ ออกไปเลยนะละออง ! ออกไปเลย แล้วไม่ต้องกลับมาให้ฉันเห็นหน้าอีก ออกไป ! ”
ร่างผอมกลิ้งลงจากเตียงทันทีที่พยายามโผนเข้าหาแม่บ้านเก่าแก่ นางละอองมองอรรถที่กระเสือกกระสนจะลุกขึ้นยืนด้วยสายตาว่างเปล่า นางไม่ได้ขยับตัวเข้าช่วยแต่ยืนมองอีกฝ่ายพยายามด้วยตัวเองจนชายหนุ่มซึ่งเรี่ยวแรงไม่เป็นใจหน้าแดงก่ำด้วยโทสะที่พุ่งพรวดขึ้น ตวาดด่าเสียงดัง
“ อีละออง ! มึงจะเหยียบซ้ำกูหรือยังไง ! ”
คนถูกว่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย สงบใจได้อย่างประหลาด นางละอองวางงานในมือลง เอ่ยช้าชัดกับคนที่ยัง ‘ พยายาม ’ เพียงลำพังด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“ ดิฉันจะตามพยาบาลให้นะคะ ”
ร่างผอมก้าวออกจากห้องด้วยอาการสงบ เพียงครู่เดียวพยาบาลที่ถูกตามตัวก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาด้วยสีหน้าประหลาดใจ เหลียวมองร่างผอมที่ถอยหลบจากห้องอย่างงุนงง
คนสูงวัยกว่าทรุดตัวนั่งลงยังเก้าอี้ที่ทางโรงพยาบาลจัดไว้รับรองแขก สีหน้าที่เคยเย็นสนิทเสมอต้นเสมอปลายแปรเปลี่ยนเป็นเศร้าหมอง ใจประหวัดถึงคนที่ตั้งใจและเชื่อมั่นว่าตนจะหยุดความแค้นที่กำลังเกิดขึ้นได้ด้วยใจสงสาร พึมพำบอกตัวเองอย่างเสียใจแทนคนที่อยู่ในห้องว่า
“ คุณไม่รู้จักความเสียใจหรอกค่ะคุณอรรถ ไม่รู้จักมันสักนิดเดียว ”
***
เทียนสรวงดีดบุหรี่ลงพื้นอย่างเบื่อหน่าย ชายหนุ่มขยับเนคไทที่ผูกไว้อย่างดีเพื่อคลายความอึดอัด นวลอนงค์สั่งให้เขาซุ่มรอมิ่งโมรี ทำตัวเหมือนว่าบังเอิญเจอหล่อนในทุกที่ที่หล่อนไป การพบกันเพื่อต่อล้อต่อเถียง แสดงว่าเขาไม่สนใจทั้งที่อีกฝ่ายหยิบยื่นทั้งตัว ทั้งเงินมากมายวางกองลงตรงหน้า แต่ชายหนุ่มก็ยังรักมั่นคงต่อตรีประดับไม่ใช่เรื่องน่าสนุกนัก เขาเลยพยายามหาอะไรทำแก้เบื่อ
อย่างเช่น... ตีสนิทกับประณีต เด็กสาวซึ่งดูเหมือนจะรับใช้ตรีประดับด้วยความจงรักมากกว่าเจ้านายคนอื่นในกุลชาติ ฟังหล่อนเล่าเรื่องมิ่งโมรี ที่แทบจะรวมข้อเสียบนโลกนี้มาไว้ที่คนเพียงคนเดียวแล้วเออออตาม หรือไม่บางวันก็แวะไปทำตัวติดดิน เป็นเพื่อนคุยที่เข้ากันได้ดีกับคนสวนหนุ่มซึ่งดูแลงานทุกอย่างในบ้านหลังใหญ่เพื่อเฝ้าดูความสัมพันธ์ใกล้ชิดแปลก ๆ ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างตามที่นวลอนงค์หยันแกมเยาะให้ฟังหลายครั้ง นี่ยังไม่นับรวมถึงข่าวคาวส่วนใหญ่ของหล่อนอันเป็นที่ซุบซิบถึงความ ‘ง่าย ’ ในวงสังคมอีก ตอนนี้มิ่งโมรีในสายตาเค้าเลยเหมือนกองขยะในกุลชาติ ไม่ใช่แค่ชิ้นขยะที่ถูกเขี่ยทิ้งไว้ให้เกะกะนัยน์ตาเฉย ๆ หลายครั้งทีเดียวที่ชายหนุ่มอดคิดในใจไม่ได้ว่า ถ้าการเกิดมาเพื่อเป็นมิ่งโมรีเลวร้ายมากขนาดนี้ สู้ตายไปเสียตั้งแต่เริ่มต้นเลยคงดีกว่า
แต่ก็นั่นล่ะ แรกเริ่มเทียนสรวงก็สนุกดีกับบทบาทที่จู่ ๆ ก็ได้รับ แต่พอต้องทำอะไรซ้ำ ๆ นานวันเข้าความเบื่อหน่ายก็มาเยือน การต้องตามเทียวไล้เทียวขื่อคนที่ออกจากบ้านแทบนับครั้งได้ไม่สนุกเลย ชายหนุ่มไม่ใช่คนที่ใส่ใจอะไรได้นาน ชีวิตค่อนข้างฉาบฉวยด้วยซ้ำ ใคร...จะเป็นตายร้ายดีในบ้านหลังใหญ่ยิ่งไม่ใช่เรื่องที่เขาอยากรู้ สิ่งที่เทียนสรวงต้องการมีเพียงเงินค่าจ้างมหาศาล ที่จำเป็นต้องเอาไปใช้หนี้การพนัน ที่เหลือแบ่งไว้กิน เที่ยว มั่ว ตามประสาหนุ่มโสดไร้พันธะ ถ้าเขาไม่ต้องเป็นเทียนสรวงหลานชายคนโปรดของเจ้าสัวใหญ่ที่นวลอนงค์หมายมั่นปั้นมือให้พิชิตใจมิ่งโมรี ป่านนี้ชายหนุ่มคงเป็นสุขอยู่กับเนื้อหนังนุ่มนิ่มของผู้หญิงในคลับ ที่แค่โยนเงินให้ก็แทบจะจับตัวเองใส่พานถวาย กกกอดปรนเปรอรสรักกันทั้งคืนอยู่ในบ้านเช่าหลังเล็กแถบฝั่งคลอง และเพราะอยากกลับไปอยู่ในสภาพแวดล้อมเดิม ๆ สุดหัวใจ ตอนนี้ชายหนุ่มเลยนับวันรอเวลาทำตัวเป็นคนดีที่เหลืออีกไม่นานด้วยใจจดจ่อ จากนั้นเขาจะ ‘รุก’ เพื่อจัดการกับหญิงสาวตามคำว่าจ้าง ก่อนยื่นข้อเสนอให้กับเจ้านายคนใหม่ที่เลือกไว้แล้ว
...มิ่งโมรีต้องอยากแก้แค้นแน่ ถ้ารู้ว่าใครเป็นคนคิดทำลายหล่อน !
คนนั่งรออยู่ในรถนานกว่าชั่วโมงเปิดปากหาวหวอด ชายหนุ่มไม่จำเป็นต้องมาแต่เช้าถ้านายจ้างอย่างนวลอนงค์จะไม่ตามขู่เข็ญโทรศัพท์จิกทุกชั่วโมง หลังจากบ้านทั้งหลังวุ่นวายด้วยการฟื้นคืนของอรรถ ดังนั้น ชายหนุ่มที่ต้องทำตัวให้เสมือนคนรักของตรีประดับเลยต้องทำหน้าที่อย่างแข็งขันจากแค่ไปส่ง ยังต้องอยู่รอรับคล้ายห่วงใยหญิงสาวเสียเต็มประดา ตรงนี้แหละที่น่าสนุก เทียนสรวงชอบมองท่าทีกระอักกระอ่วนใจอยากลงไม้ลงมือของผู้ประกาศข่าวสาว ก่อนกลับมาเจอเรื่องน่าเบื่อหน่ายตรงที่เขาต้องมานั่งรอ ‘ ดู ’ มิ่งโมรี แถมยังต้องเปลี่ยนจากรถยี่ห้อดังที่เช่ายืมมาเป็นรถแท็กซี่เพื่อให้ง่ายต่อการติดตามซึ่งเป็นเรื่องค่อนข้างยุ่งยาก ซึ่งจนแล้วจนรอดเขาก็ยังไม่ได้ไปไหน ได้แต่รอคอยผู้หญิงที่มีประวัติด่างพร้อยจากคำบอกเล่าอย่างไม่รู้เวลา
“ โอย...เบื่อโว้ย ! ”
ชายหนุ่มตบมือลงบนพวงมาลัยรถแรง ๆ ก่อนรีบหยุดเมื่ออุดรก้าวออกจากบ้านหลังใหญ่ตามปกติ ทว่า คราวนี้เมื่อคนสวนหนุ่มปิดประตูเดินลับหายไปทางหน้าปากซอยได้ไม่ถึงสิบนาที ร่างผอมในชุดเสื้อผ้าสีสันฉูดฉาด เปิดหน้าเว้าหลัง ก็หอบหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่เหมือนจะไปที่ไหนสักแห่งก็ออกมา เทียนสรวงผิวปากหวือตามคำบอกเล่าลับหลังของนวลอนงค์ที่ว่ามิ่งโมรีคงไปถึงไหนต่อไหนกับคนสวนหนุ่มเรียบร้อยแล้วดูท่าน่าจะเป็นจริง คนที่เกิดมาจากที่ต่ำ ต่อให้ถูกยกวางไว้สูงแค่ไหนย่อมไหลลงสู่ที่ต่ำอยู่ดี ชายโฉดหญิงชั่วที่นวลอนงค์ให้เกียรติออกปากเอ่ยถึง ถ้าเขามีหลักฐานจับคนทั้งคู่ได้คาหนังคาเขา ชายหนุ่มจะได้เงินอีกก้อนโตเป็นรางวัลตอบแทน
“ หอบเสื้อผ้าเต็มมือแบบนี้ จะไปไหนของเขา ? หรือคิดหนีตามกันไป ”
เทียนสรวงค่อย ๆ เคลื่อนรถแท็กซี่ตามร่างผอมที่เดินแกมวิ่งไปยังหน้าปากซอย เมื่อถึงทางเลี้ยวเพื่อออกสู่ถนนใหญ่ ชายหนุ่มก็ขับรถแซงขึ้นช้า ๆ กะจังหวะให้หล่อนโบกมือเรียกอย่างตั้งใจ แต่หญิงสาวกลับทำสิ่งตรงกันข้าม มิ่งโมรีเบี่ยงตัวหลบโดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีใครตามหล่อนออกมา หญิงสาวหยุดรอรถโดยสารประจำทางที่เขาเพิ่งรู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายขึ้นลงคล่องแคล่ว เทียนสรวงต้องขับรถคอยหยุดรอเป็นระยะ จวบจนกระมั่งมิ่งโมรีก้าวลงจากรถหน้าโรงแรมกลางเก่ากลางใหม่ไกลออกมานอกตัวเมือง ร่างผอมก็เหลียวซ้ายแลขวา ระมัดระวังตัวเองขึ้นมาทันทีจนเทียนสรวงต้องก้มหลบอย่างตกใจ ก่อนอีกฝ่ายจะพาตัวเองหายเข้าไปในโรงแรมที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า
“ สวัสดีค่ะ โรงแรมบุรีวาดยินดีต้อนรับค่ะ ”
เทียนสรวงที่เสียเวลาจอดรถมองสำรวจโถงกว้างของโรงแรมอย่างสนใจ ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้กลิ่นหอมหวานที่ทำให้ต้องเหลียวหาที่มา
“ ครับ เอ่อ…ผมมาพบคุณมิ่งโมรีครับ ? คือ…เรานัดกันไว้ ”
ชายหนุ่มยิ้มสุภาพ ดวงตาคมจับลายละเอียดโรงแรมเก่าที่การตกแต่งร่วมสมัยกลมกลืนไปกับสีสันที่พยายามจัดวางใหม่ กุญแจห้องด้านหลังถูกแขวนไว้เกือบครบ แสดงว่าแขกที่เข้าพักยังมีจำนวนน้อยพอให้เขาตามหามิ่งโมรีและอาจหมายรวมถึงคนสวนหนุ่มได้ไม่ยากเย็นนัก
“ ขอโทษด้วยค่ะ ไม่มีชื่อคุณมิ่งโมรีเป็นแขกของทางโรงแรมเราค่ะ ”
ประชาสัมพันธ์สาวที่เข้ามารับหน้าตอบช้าชัด คนรอคำตอบเลยขมวดคิ้วมุ่น เขาแน่ใจว่าเห็นมิ่งโมรีเดินเข้าโรงแรมมากับตา แม้จะคนเดียวก็เถอะ หากเมื่อมองความมั่นใจของประชาสัมพันธ์สาวที่ยืนยันคำเดิม ชายหนุ่มเลยได้แต่ถามย้ำไปตามน้ำ
“ ไม่มีเหรอครับ แต่ เอ…เธอนัดผมไว้ที่นี่จริงๆ เป็นนัดสำคัญด้วย ช่วยตรวจสอบให้อีกครั้งได้ไหมครับ ”
น้ำเสียงแสดงความกังวล ทำให้ประชาสัมพันธ์สาวพลอยวิตกไปด้วย ดังนั้น เมื่อชายหนุ่มขอร้องให้ช่วยค้นรายชื่ออีกครั้ง หญิงสาวเลยเต็มใจให้บริการเต็มที่
“ ดิฉันลองตรวจดูรายชื่อแล้ว ไม่มีจริง ๆ ค่ะ ”
ประชาสัมพันธ์สาวที่ก้มหน้า เพื่อค้นหารายชื่ออีกครั้ง เงยหน้าขึ้นตอบพร้อมรอยยิ้มหวาน มองท่าทางกระวนกระวายใจของชายหนุ่มด้วยแววตาเห็นใจ
“ ดิฉันคิดว่าอาจเป็นการเข้าใจผิด หรือเธออาจยังมาไม่ถึง ถ้ายังไงคุณลองโทร. ถามเธออีกครั้งดีไหมคะ ส่วนเรื่องห้องพักทางโรงแรมยินดีจัดเตรียมให้ใหม่ค่ะ ”
“ ขอบคุณครับ เดี๋ยวผมจะลองโทร. หาเธอดู ”
เทียนสรวงหยิบมือถือขึ้นกดบอกผ่านท่าทางว่าเขาจะทำตามคำแนะนำของอีกฝ่าย และไม่ใช่แค่เขา หากประชาสัมพันธ์สาวก็ทำเช่นเดียวกันเพื่อช่วยตรวจสอบรายละเอียด ร่างสูงเดินแยกตัวออกมา ทิ้งระยะห่าง เพื่อกดวางสายที่ไม่ได้ติดต่อใคร หยุดรอจังหวะแล้วจึงหันกลับไปยังเค้าเตอร์ประชาสัมพันธ์อีกครั้งเพื่อยืนยันว่าเขาอาจเข้าใจผิดไปเอง
“ เธอบอกว่าให้คนของเธอจองไว้ ผมจำชื่อไม่ได้ รู้แต่ว่าเป็นผู้ชายคนสนิทของเธอ ”
ชายหนุ่มเอ่ยมั่นใจ หากแล้วก็ชะงัก เมื่อมองเห็นกลุ่มคนที่ก้าวเข้ามาภายในโรงแรมด้วยท่าทางคล้ายกำลังค้นหาใครสักคน เทียนสรวงรีบหันตัวเองไปทางอื่น สบถในใจอย่างเคืองขุ่น คิดเค้นอยู่นานว่าทำอย่างไรถึงจะหลบออกไปจากสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานที่กำลังเผชิญอยู่ได้ นี่แสดงว่าเขาถูกตามตลอด โดยอีกฝ่ายรอจังหวะเวลาอยู่แล้วเช่นกัน เจ้าหนี้ในวงพนันที่เทียนสรวงติดเงินไว้เป็นจำนวนมหาศาล ไล่กัดไม่ยอมปล่อยเหมือนหมาบ้า เขาเองในตอนนี้แทบไม่ต่างจากมิ่งโมรี ถูกจับตาดูทุกฝีก้าว เพียงแต่หล่อนหนีออกจากสายตาเขาได้ แต่เทียนสรวงยังไม่แน่ใจ ชายหนุ่มจะมีชีวิตรอดพ้นวันนี้ไปได้หรือไม่
“ ขอโทษอีกครั้งนะคะ คุณอุดรไม่อยู่ในรายชื่อแขกของเราเช่นกันค่ะ ถ้ายังไง...”
“ ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณ คิดว่าคงมีการเข้าใจผิดกันเล็กน้อย ”
“ ไม่เป็นไรค่ะ โรงแรมบุรีวาด ยินดีรับใช้ค่ะ ”
ชายหนุ่มยิ้มตัดบท กลั้นหายใจหยิบแว่นตากันแดดที่สอดเก็บไว้ขึ้นสวมเพื่อพรางใบหน้า ร่างสูงผละพยายามทำตัวตามปกติ เดินไปตามทางออกด้านหน้าเฉกเช่นแขกผู้มาพักรายอื่น ๆ ก่อนจะเปลี่ยนจากเดินเป็นวิ่ง เมื่อหนึ่งในกลุ่มคนที่สวนผ่าน ร้องเอะอะเพราะจำได้
“ มันอยู่นั่น ! ”
“ บ้าชิบ ! ” เทียนสรวงตะโกนก้อง เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นตรงไปยังลานจอดรถ ขณะที่คนที่ตามหาวิ่งไล่ตามเหมือนวิ่งไล่จับท่ามกลางสายตาตื่นตระหนกของพนักงานในโรงแรม
“ เดี๋ยวค่ะคุณ ! คุณวิ่งในนี้ไม่ได้นะคะ รปภ. ! รปภ. ! ”
ประชาสัมพันธ์สาวร้องเสียงดัง มองกลุ่มคนที่วิ่งตามชายหนุ่มที่หนีหายไปนอกโรงแรมด้วยสีหน้าตกใจ โชคดีที่ช่วงเช้า แขกส่วนใหญ่ยังเก็บตัวอยู่บนห้อง เหตุการณ์ตรงหน้าเลยสงบลงอย่างรวดเร็วไม่มีเรื่องราวร้ายแรงเกิดขึ้นให้ต้องแก้ไข ดังนั้น เมื่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนของโรงแรมวิ่งกลับเข้ามาเพื่อรายงานความวุ่นวาย ว่าไม่มีอะไรนอกจากชายหนุ่มคนนั้นหนีไปได้ คนรอคำตอบเลยถอนหายใจโล่งอก ยกโทรศัพท์รายงานความคืบหน้าให้กับคนที่รอฟังข่าวอยู่ด้วยใจจดจ่ออย่างรู้หน้าที่
“ ค่ะ ตามมาจริงๆ ค่ะ หลังคุณมิ่งออกไปได้ไม่นาน ” คนปลายสายเงียบไปนาน จนประชาสัมพันธ์สาวต้องเริ่มต้นคำถามใหม่ด้วยน้ำเสียงกังวล “ แล้วจะให้ดิฉันรายงานกับทางนั้นด้วยไหมคะ ค่ะ ได้ค่ะ ดิฉันจะบอกให้คุณมิ่งระวังตัวเพิ่มขึ้น ”
ประชาสัมพันธ์สาววางสายลง รอจนประชาสัมพันธ์รุ่นน้องที่หายไปดูแลความเรียบร้อยกลับเข้ามาแล้วจึงสั่ง
“ เดี๋ยวจะไปด้านหลัง ฝากทางนี้ด้วยนะ แล้วก็…ถ้ามีคนมาถามหาคุณมิ่งอีก… ”
“ ให้บอก อย่างที่สั่งไว้ใช่ไหมคะ ? ”
คนได้รับคำสั่งมาอีกทียิ้มพอใจ เดินออกไปยังด้านหลังที่มีประตูบานเล็กปิดตายไว้ ด้วยท่าทีเคยคุ้น
***
โปรดติดตามตอนต่อไป
ช่วยติดตามอ่านด้วยนะคะ
--------------------------
คุณ Edelweiss -- ขอบคุณที่ชอบนายอุ่นค่ะ ^^ ส่วนอรรถนี่...ต้องติดตามค่ะว่าทำไมถึงเปลี่ยนไป
คุณ siita -- คราวนี้มาเร็วค่ะ เรื่องค่อย ๆ คลี่คลายแล้ว ^^
ยังมีบางจุดที่ผิดพลาดบ้าง โปรดให้อภัยคนเขียนด้วยนะคะ
ยินดีน้อมรับทุกคำติชมค่ะ ><
--------------------------
ตอนที่ 9
ตรีประดับรู้ข่าวผู้เป็นบิดาเป็นคนสุดท้าย หญิงสาวมาถึงโรงพยาบาลพร้อมหยาดน้ำตาในเช้าวันรุ่งขึ้น มิ่งโมรีกอดอกมองภาพคนสูงวัยกว่าก้มกราบแทบเท้าคนที่ยังนอนหลับอยู่บนเตียงด้วยแววตาครุ่นคิด ข้างกันคือนางละอองที่ยืนรอคำสั่งของผู้เป็นนายด้วยอาการสงบ อาการของอรรถไม่มีอะไรผิดปกติ แต่อาจต้องใช้เวลาในการทำกายภาพบำบัดเพื่อให้ลุกเดินได้อย่างคล่องแคล่วเช่นเดิมอีกเล็กน้อย เพราะเป็นการฟื้นจากการเป็นเจ้าชายนิทราครั้งแรกในช่วงเวลาสี่เดือนที่ผ่านมา
“ มิ่งติดต่อคุณสองไม่ได้ ”
หญิงสาวที่วิ่งวุ่นตั้งเมื่อเย็นวาน เอ่ยเสียงขรึมหล่อนและนางละอองพยายามต่อสายหาตรีประดับหลายครั้งโดยมีนวลอนงค์มองเฉย ไม่ทุกข์ร้อนว่าอรรถจะอยู่หรือตาย คนสูงวัยกว่าได้รับข่าวเป็นคนแรกแต่มาปรากฏตัวแค่พอเป็นพิธีเกือบท้ายสุด แถมยังมาอย่างไม่เต็มใจ ถ้ามิ่งโมรีจะไม่ขู่ว่าทนายประจำตระกูลที่คอยดูแลทรัพย์สินต่าง ๆ ถามถึง อรรถเลยลืมตาเห็นผู้เป็นภรรยานั่งหน้าบึ้งอยู่ข้างเตียง มีนางละอองคอยดูแลรับใช้ ขณะที่มิ่งโมรียืนคอยอยู่นอกห้อง คุยเคร่งเครียดกับชายกลางคนที่ให้ความดูแลทรัพย์สินภายในกุลชาติ ในขณะที่คนมาหาเพราะเป็นห่วงมีเอกสารบางอย่างที่เพิ่งได้รับส่งให้เป็นเครื่องยืนยันความสบายใจ
“ แบตมือถือพี่หมด พี่ไม่สบายใจที่จะกลับบ้าน เลยไปนอนค้างบ้านเพื่อน”
“ เพื่อนคนไหนคะ ”
มิ่งโมรีถามโดยไม่ทันคิด หญิงสาวคิดว่าตัวเองอาจจะลาบล้วงอยู่บ้างแต่ความเป็นพี่น้อง คงทำให้ตรีประดับไม่คิดอะไรมากไปกว่าเข้าใจว่าน้องสาวอย่างหล่อนนั้นรู้จักห่วงพี่สาว หญิงสาวที่พลาดมหันต์ตรงไม่สามารถหาเบอร์ติดต่อเทียนสรวงได้ เพราะมัวแต่เอาตัวเข้าไปใกล้กับอุดร คนสวนหนุ่มเพราะกลัว ‘ แผน ’ ที่วางไว้ไม่สำเร็จ จนลืมรอบคอบเรื่องใกล้ตัวยิ่งกว่า พอรู้ตัวอีกที เหตุการณ์ก็ผ่านไปจนหล่อนเกือบตั้งตัวไม่ทัน ไม่รู้ว่าถ้า ‘ เริ่มต้น ’ ใหม่เสียตั้งแต่ตอนนี้จะยังทันหรือเปล่า
“ มิ่ง พี่โตแล้วนะ ”
“ มิ่งก็แค่...”
“ ไม่ใช่คุณเทียนแน่ๆ ไม่ต้องระแวง ”
คนหายไปทั้งคืนตอบเสียงเย็น ดวงตาจดจ่อยังร่างผอมบนเตียงนอน ใบหน้าของคนเพิ่งฟื้นค่อนข้างแจ่มใส ไม่มีเค้าเจ็บหนักอย่างเช่นในตอนแรก
“ มิ่งไม่ได้คิดถึงคุณเทียนเลยค่ะ ”
มิ่งโมรีขมวดคิ้วมุ่น ทำเอาดวงหน้าหวานของคนฟังเป็นสีเข้ม ความที่กลัวว่าคนอ่อนวัยกว่าจะคิดว่าหล่อนร้อนตัว ตรีประดับเลยเอ่ยเสียงสะบัดดักคอไปว่า
“ ที่พี่บอกไว้ก่อน เพราะรู้ว่ามิ่งต้องถาม ”
“ ไม่ถามค่ะ มิ่งคิดว่าตัวเองไว้ใจคนของมิ่งได้ ”
แม้คำตอบค่อนข้างเรียบ หากแค่เท่านั้น...คำว่า ‘ คนของมิ่ง ’ ก็ทำเอาตรีประดับที่อยู่ในอารมณ์ไม่ปกติ ขึ้นเสียงใส่น้องสาวเป็นครั้งแรก
“ มิ่งนี่แปลก พี่อุตส่าห์แสดงความบริสุทธิ์ใจกลับไม่ชอบ คุณเทียน อ้อ...ไม่ใช่สิ คนของมิ่ง ใช่ไหม อย่าห่วงเลย พี่ไม่คิดอะไรด้วยทั้งนั้น ”
“ ถ้าคุณสองจะคิด มิ่งก็ไม่ห้าม ” คนไม่ได้เริ่มเรื่องก่อนเหมือนทุกคราเอ่ยเสียงเข้ม มองดูท่าทีเยาะหยันเหมือนไม่ใช่ตรีประดับด้วยสายตาแปลกใจ “ คุณสองเป็นอะไร ทำไมต้องโมโห ”
“ พี่ไม่ได้โมโห แต่พูดความจริง พี่รู้ว่ามิ่งคิดอะไร มิ่งต่างหากเป็นอะไร ทุกทีก็เห็นรับได้ แล้วทำไมคราวนี้ถึงรับไม่ได้ ”
ฟังคำย้อนแล้ว มิ่งโมรีต้องสูดลมหายใจเข้าปอดลึก หญิงสาวยิ้มเย็นเมื่อเอ่ย “ คุณสองไม่รู้หรอกค่ะ ว่ามิ่งคิดอะไร อะไรที่รู้ไม่จริง เงียบไว้จะดีกว่า ”
ดวงหน้าแต่งแต้มสีจัดซูบซีดผิดเคย หากตรีประดับไม่ทันสังเกตเห็น หญิงสาวมองคนอ่อนวัยกว่าด้วยสายตาเหยียดหยาม
“ ขอบใจนะที่เตือน มันคงจะดีถ้ามิ่งหัดเตือนตัวเองไว้บ้าง ”
“ คุณมิ่งรีบกลับไม่ใช่เหรอคะ ”
นางละอองแทรกเสียงขรึม ยุติรอยบาดหมางของพี่น้องไว้แค่นั้น นางเดินมาแตะแขนคนที่ยืนอยู่ไปอีกทาง แต่ปลายตามองคนนั่งข้างเตียงด้วยแววตาตำหนิ ตรีประดับหน้าร้อนวูบ เมื่อรู้ว่าหล่อนเผลอทำอะไรลงไปบ้าง
“ คุณสองกับดิฉันจะอยู่เฝ้าคุณพ่อให้ ใช่ไหมคะ ? ”
“ ค่ะ สองจะอยู่เฝ้าคุณพ่อ ” ตรีประดับเอ่ยเสียงเบา ก้มหน้างุดคล้ายละอายแก่ใจที่ทำอะไรไม่ดีลงไป มิ่งโมรีคว้ากระเป๋าขึ้นสะพาย เอ่ยเรียบๆ ไร้วี่แววขุ่นใจ
“ งั้นเดี๋ยวมิ่งจะให้นายอุ่นเอาเสื้อผ้ามาให้นะคะ ”
“ ดิฉันไปส่งนะคะ ”
นางละอองขยับตาม แต่คนขอตัวกลับบ้านปฏิเสธ ตรีประดับที่เห็นว่ามิ่งโมรีคงไม่ยอมแน่เลยช่วยพูดเสริม บอกว่าหล่อนอยู่ที่นี่ คนเดียวได้
“ งั้นมิ่งฝากคุณพ่อด้วยนะคะ ”
ท้ายประโยคมิ่งโมรีไม่รอคำตอบ หญิงสาวก้าวออกจากห้องรวดเร็วเหมือนพายุ นางละอองมองอรรถอยู่อึดใจ ก่อนจะแง้มประตูปิดเพื่อตามคนอ่อนวัยกว่าออกไป
“ คุณอรรถฟื้นแล้ว คุณจะทำยังไงต่อไปคะ ”
คนตามมาถามเสียงเบา ดวงหน้าเรียบสนิท หากดวงตาฉายรอยกังวลให้เห็นเป็นครั้งแรก มิ่งโมรีหยุดเดิน รอจนคนสูงวัยกว่าไล่มาทันแล้วถึงเอ่ยเสียงขรึม
“ เก็บของค่ะ ” นางละอองนิ่งอึ้ง มองคนที่ตามติดอย่างไม่เห็นด้วย
“ จดหมายฉบับล่าสุด ยังส่งมาไม่ถึง...ไม่แน่ว่าอาจยังไม่รู้ข่าว แล้วคุณจะรีบไปทำไม ”
“ ต้องรีบค่ะ คุณลุงฟื้นขึ้นมาแล้ว ฝั่งนั้นก็คงไม่รอเหมือนกัน ”
“ แล้วเรื่องที่คุณหนึ่งขอไว้ คุณจะผิดสัญญาหรือคะ ”
คนสูงวัยกว่าเตือนเรียบ ๆ ข่าวการฟื้นตัวของอรรถไม่มีทางได้รับการแจ้งบอกผ่านมิ่งโมรีเป็นแน่ คนอ่อนวัยกว่าไม่มีความคิดจะให้ข่าวคราวใด ๆ ส่งผ่านไปถึงชายหนุ่มที่ศึกษาต่ออยู่ในต่างประเทศนอกเหนือจากที่ตรีนนท์ขอร้องไว้ มิ่งโมรีทำตามสัญญา แต่ทุกอย่างก็อยู่ในขอบเขตที่หล่อนให้ได้ นวลอนงค์นั้นไม่สนใจอยู่แล้วว่าใครจะอยู่หรือไป ความโกรธที่มีต่ออรรถ และความไม่ได้ดั่งใจตนของลูกชายคนเดียวทำให้นางถืออคติไม่เหลียวแล ส่วนตรีประดับจะแจ้งข่าวบอกผู้เป็นพี่ชายหรือไม่นั้น มิ่งโมรีไม่ห้าม เพราะกว่าตรีนนท์จะกลับมาเรื่องราวทุกอย่างคงเรียบร้อยหมดแล้ว
“ ไม่มีความจำเป็นต้องบอกนี่คะ ”
“ ดิฉันแค่กลัวว่า เราอาจจะพลาด ถ้ายังไงปรึกษาคุณทนายก่อนไม่ดีหรือคะ ”
“ ขืนปรึกษาก็คงห้ามอีกเหมือนเคย ”
“ ก็นั่นแหละค่ะ ”
“ คุณละอองคะ ” มิ่งโมรีเรียกหญิงกลางคนเสียงหนัก “ แค้นนะคะ แค้นมาก อติราชเดินมาไกลเกินกว่าจะหันหลังกลับแล้วค่ะ ”
ดวงตาสีดำจัดวาววับ ขณะที่แม่บ้านเก่าแก่ซึ่งเคยสุขุมตลอดเวลาถอนหายใจปลดปลง มองคนยืนอยู่ด้วยสายตาครุ่นคิด มิ่งโมรีเลยเรียกอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงอ่อนลง
“ คุณละอองคะ ”
“ ดิฉันอยากรู้ค่ะ จิตใจคุณอรรถทำด้วยอะไร ” คำพูดตรงไปตรงมา ทำเอาคนฟังนิ่งอึ้ง มิ่งโมรีพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติเมื่อเอ่ยต่อว่า
“ มิ่งไม่อยากรู้หรอกค่ะว่าทำด้วยอะไร ที่มิ่งรู้ก็คือเราจะรออีกไม่ได้ ”
“ คุณจะทำได้ยังไงคนเดียว เรื่องออกใหญ่ ”
คนสูงวัยกว่าติง มองดูร่างผอมหลังเหยียดตรงก้าวออกสู่แสงสว่างจ้า เสื้อผ้าสีสันฉูดฉาด ด้านหลังเปิดโล่งเห็นผิวสีน้ำผึ้งเนียน ดวงหน้าสะอาดที่แต่งแต้มจนกลบความอ่อนเยาว์ของวัย ปรากฏรอยยิ้มเย็น
“ ทำได้ค่ะ เมื่อวานนี้คุณปรีชา ทนายของเราส่งเอกสารมาให้แล้ว หนอนบ่อนไส้เค้าทำหน้าที่ดีนะคะ ”
“ มันเรื่องอะไรกันคะนั่น ”
“ บอกแล้วคุณละอองอย่าตกใจนะคะ ” มิ่งโมรีหยุดเดิน เอ่ยชื่อที่คุณแม่บ้านรู้จักดี แถมยังสงสัยมาตลอดหากยังไม่ปักใจเชื่อด้วยสีหน้าขรึมเคร่ง “ นายอุ่น คือทายาทที่รอดชีวิตของอติราช จริง ๆ ค่ะ ”
***
ตรีประดับก้าวออกจากห้องเหมือนมีปีศาจไล่หลัง ท่าทางหญิงสาวร้อนรนจนไม่ทันเห็นด้วยซ้ำว่านางละอองเดินกลับเข้ามา คนสูงวัยกว่านิ่งไปนิด แปลกใจกับท่าทีไม่เหมือนเคยของหญิงสาว นางยืนลังเลใจอยู่อึดใจ ก่อนตัดสินใจเคาะประตูเพื่อขออนุญาตเข้าในห้อง อรรถตื่นแล้วและกำลังจ้องมองมาที่ประตูด้วยกิริยาเศร้าสร้อย
“ ไปแล้วเหรอ ยัยสอง ”
“ ค่ะ ไปแล้ว ”
นางละอองตอบเสียงเรียบ ร่างผอมเกร็งเดินเลี่ยงไปยังส่วนที่จัดไว้สำหรับเก็บล้างจานชาม ข้างกันคือตู้เย็น และชั้นวางของสำหรับใส่เครื่องใช้ที่ภายในเต็มไปด้วยอาหารอย่างอ่อนที่มิ่งโมรีพยายามหามาเตรียมไว้เพื่อเอาใจคนเพิ่งฟื้น
“ ลูกคงเกลียดฉันแล้วล่ะ ” เสียงแหบพร่าเอ่ยอย่างทดท้อ นางละอองปรายหางตามอง ก่อนเริ่มลงมือจัดเก็บข้าวของที่เตรียมมาให้เป็นระเบียบ
“ ลูก...คนไหนละคะ ”
“ เอ๊ะ ! ละออง นี่ละอองตั้งใจรวนฉันเหรอ ”
“ ดิฉันถามจริง ๆ ค่ะ ”
ท่าทีเยือกเย็นบวกกับอาการไม่เป็นทุกข์ต่ออารมณ์ของตน ทำให้อรรถได้แต่เก็บความหงุดหงิดไว้ในใจ ตอบคำถามของนางละอองด้วยน้ำเสียงติดเย็นชา
“ แกรู้ว่าฉันหมายถึงใคร ”
“ งั้นก็คงเกลียดมั้งคะ ”
“ นี่ละออง ! ถ้าแกไม่คิดจะให้กำลังใจฉันก็อย่าพูดอะไรที่มันแย่ ๆ หรือว่านิสัยเหมือนกันทั้งนายทั้งบ่าว อย่าลืมนะว่าแกมันก็แค่ป้าข้างบ้านที่แม่ฉันรับมาอยู่ด้วย อย่าคิดกำเริบให้มันมากนัก ”
คนนอนอยู่บนเตียงมองเขม็ง หัวเสียเล็กน้อยที่ตื่นขึ้นมาก็พบแต่คนที่เขาไม่ต้องการพบ ยิ่งถูกแม่บ้านเก่าแก่ยอกย้อนเข้าใส่ อรรถก็ยิ่งรู้สึกเหมือนโชคชะตาซ้ำเติมให้เขาไม่เป็นสุข
“ ถ้าสอนให้นิสัยเหมือนดิฉันได้ก็คงดีสิคะ ” คนพูดทอดเสียงเสียดายเป็นครั้งแรก “ ดิฉันดีใจค่ะ ที่คุณฟื้น แต่เสียใจที่ทุกอย่างจะเป็นไปตามที่คุณหวัง ”
“ ฉันทำเพื่อปกป้องครอบครัวฉันนะละออง เข้าใจฉันบ้างสิ ”
อรรถอ้อนวอนเสียงอ่อน ความฝันยังติดตาเหมือนเกิดขึ้นเมื่อวาน แต่จะให้ทำอย่างไร ในเมื่อเรื่องราวผ่านพ้นมานานเสียจนอรรถแทบลืมเลือนไปแล้วด้วยซ้ำ กระทั่ง อนภมาหาด้วยท่าทางซึมเศร้าพร้อมหลักฐานที่อรรถคิดมาตลอดว่าไม่มีอยู่จริง กว่าจะรู้ว่าเป็นการเข้าใจผิด ข้อมูลที่อนภได้ชี้ชัดไปยังลูกหนี้รายอื่นและฝากฝังให้เขาช่วยตามหาคนที่อยู่ในหลักฐานเพื่อส่งคนที่ตายไปแล้วให้ไปสู่สุคติ อรรถก็ลงมือเผาทั้งเป็นรุ้งระวีไปแล้ว แถมอีกไม่กี่เดือนให้หลังอนภยังจบชีวิตลงตามภรรยาพร้อมลูกชาย ฆนาคม... เด็กชายที่เขาจำแววตาคู่คมได้ดี ทุกอย่างเป็นสิ่งที่อรรถไม่เคยคิดอยากให้เกิดขึ้น และในเมื่อมันสายเกินกว่าจะแก้ไข เขาจำต้องปล่อยเลยตามเลยอย่างกล้ำกลืนด้วยซ้ำ
ไม่นึกเลยว่ายี่สิบปีให้หลัง คนที่คิดว่าตายจาก จะกลับมาทวงคืนทุกอย่าง เริ่มสงครามประสาทด้วยการส่งจดหมายผ่านเข้ามาในบ้านเพื่อบอกตัวตนและกระตุ้นเตือนให้อรรถรับรู้ถึงสิ่งที่ทำลงไป จากที่ตั้งใจเก็บความลับครั้งนั้นให้ตายไปกับตัว อรรถจึงมีปากเสียงกับนวลอนงค์ ที่ระแวงสงสัยมาตลอดเป็นครั้งแรก คู่ชีวิตที่รู้จักกันดีทุกฝีก้าว การหายไปในคืนวันเกิดเหตุ ก่อเกิดเป็นความสงสัยที่ถูกเก็บเอาไว้ รอเวลาปะทุ นวลอนงค์ที่โกหกคำโตเพื่อช่วยเหลือสามีอย่างเขา เป็นพยานรู้เห็นว่าเขาอยู่กับหล่อนตลอดเวลาพยายามค้นหาความจริง ทั้งที่ทุกอย่างควรจบลงด้วยดีตั้งแต่วันนั้น ถ้าคำว่า ‘ อติราช ’ จะไม่ตามมาหลอกหลอนให้ต้องหวาดระแวง เขาเองก็คงไม่ต้องทะเลาะด้วยเรื่องของคนที่ตายไปแล้วกับผู้หญิงที่เขาเลือกแล้วว่าจะให้หล่อนนำทางชีวิตจนต้องตกบันไดลงมา ให้นอนเป็นเจ้าชายนิทราทำอะไรไม่ได้อยู่หลายเดือน
“ ดิฉันไม่ได้บอกว่าไม่เข้าใจนี่คะ ”
นางละอองเอ่ยเสียงเรียบ สีหน้าชาเฉยยามสบตาคนที่ยังนอนอยู่บนเตียง อรรถพยายามขยับกายลุกขึ้นหากจนแล้วจนรอดก็ทำได้เพียงเอนตัวพิงหมอนด้วยอาการเหนื่อยหอบ คนมองอยู่นานเลยขยับตัวเข้าช่วยอย่างเสียไม่ได้
“ ทำไม...ไม่มีใครเข้าใจฉันเลย ฉันก็แค่อยากปกป้องคนที่ฉันรักเท่านั้น ”
“ คุณพูดจริงหรือพูดเล่นคะ ”
คนสูงวัยกว่าทวนคำเสียงเรียบ ผละไปจัดที่นอนซึ่งต้องเตรียมไว้ให้ตรีประดับเฝ้าไข้ผู้เป็นบิดา
“ แกถามฉันอย่างนี้ทำไมละออง ”
“ ถามให้คุณรู้ตัวสิคะ ”
“ แล้วฉันทำอะไรผิด ไหนแกบอกซิว่าฉันทำอะไรผิด ก็แค่รัก...รักมาก ”
“ ครั้งที่แล้วคุณก็พูดอย่างนี้ ไม่ได้ทำผิด ทั้งที่ความจริงแล้วมันผิด คุณทำเพราะรัก ทั้งที่นั่นใช่รักหรือเปล่าก็ไม่รู้ ”
“ ละออง ! ”
อรรถมองคนเก่าแก่ของบ้านอย่างโมโห ฮึดฮัดขัดใจแต่ทำอะไรไม่ถนัดเมื่ออีกฝ่ายยืนอยู่ห่างเกินเอื้อมถึง นางละอองมองคนที่หายใจติดขัดเพราะแรงโทสะด้วยแววตาเฉยเมย นี่อาจเป็นบาปกรรมที่ทำไว้ตามมาย้อนรอยคืน กุลชาติ ไม่เคยสงบสุข หากร้าวฉานและเต็มไปด้วยบาดแผล
“ คนที่เขารู้จักรัก เขาไม่ทำแบบคุณหรอกค่ะ คุณมีตัวอย่างให้เห็นนะคะ ทำไมไม่ดู ”
“ อย่ามาสอนฉัน ! ”
แม้จะถูกตะคอก หากนางละอองไม่สนใจ คนสูงวัยกว่ายังเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงมั่นคง แววตาที่ทอดมองอ่อนแสงลงอย่างต้องการปลอบปละโลมมากกว่าจะจงใจเยาะหยัน
“ คุณอรรถ...คุณหยุดตอนนี้ยังทันนะคะ อะไรที่มันแก้ไขไม่ได้คุณก็ไม่ควรเข้าไปเพิ่มเติมให้มันยิ่งยุ่งยาก เรื่องนี้จะไม่มีทางสานต่อถ้าคุณยอมรับความจริง ”
“ ความจริงก็คือมันเป็นอุบัติเหตุ เข้าใจไหมว่ามันเป็นอุบัติเหตุ ! ”
“ ใช่ค่ะ อุบัติเหตุ อุบัติเหตุที่ทำให้ลูกชายคนเดียวของคุณอนภ ตามมาล้างแค้นเรา ”
“ ฝ่ายนั้นเริ่มก่อน ”
“ ถูกค่ะ เริ่มก่อน แต่คุณจบก่อนได้นี่คะ เว้นเสียแต่ว่าคุณกลัวเกินไป ขี้ขลาดเกินไป ”
“ อย่ามาทำเสียงอย่างนี้กับฉันนะละออง อย่ามาทำท่าทางดูถูกกันแบบนี้ แกมันก็แค่ขี้ข้า คิดว่าอยู่มานานเข้าหน่อยก็ตั้งตัวสั่งสอนฉันได้งั้นเหรอ ”
“ ดิฉันไม่เคยคิดยกตัวเองขึ้นมาเทียบกับคุณ ก็แค่นึก...ว่าสองมือที่เลี้ยงคุณมาแทนคุณแม่คุณจะยังพอสำคัญ ให้คุณฟังสิ่งที่ดิฉันพูดบ้าง ”
“ จะขุดคุ้ยอดีตฉันขึ้นมาเหรอละออง คิดว่าจะเล่นงานฉันได้ด้วยเรื่องแค่นี้เหรอ ”
อรรถถามเสียงเย็น แววตากร้าวกระด้าง นางละอองส่ายหน้า ดวงหน้าขาวสงบเฉย กิริยานี้ทำให้แม้แต่คนที่คิดว่าตนเหนือกว่าก็ยังเกรง
“ ไม่คิดค่ะ ”
คนสูงวัยกว่าตอบเสียงเรียบ มองอรรถซึ่งนอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงเพราะทำอะไรไม่ได้อย่างใจด้วยความเวทนา
“ แล้วฉันไม่มีสิทธิ์จะปกป้องครอบครัวตัวเองหรือไง เมียฉัน ลูกฉัน นั่นเป็นความรักของฉัน แกอาจคิดว่าฉันใจดำ แต่ถ้าฉันไม่เลว กุลชาติคงไม่เหลือเป็นกุลชาติอย่างทุกวันนี้ ”
อรรถกระแทกเสียงตอบ คับแค้นจนสองมือเกร็งแน่น
“ แล้วกุลชาติในตอนนี้ดีกว่าตอนนั้นไหมคะ ไม่ค่ะ ไม่เลย เรากำลังล่มจม ถ้าไม่ได้เงินกองกลางจากเด็กผู้หญิงที่คุณรังเกียจ ช่วยพยุงไว้ ต่อให้ขายบ้านทั้งหลังก็ไม่พอกินแน่ ไหนจะต้องส่งเสียคุณหนึ่ง ดูแลค่าใช้จ่ายจิปาถะ คุณนวลก็เบิกจ่ายประจำไม้เว้นสัปดาห์ เด็กคนนั้นต้องทำงานเท่าไหร่คะถึงจะพอยาไส้คนในกุลชาติที่คุณออกปากว่ารักมาก ”
นางละอองเตือนสติ เจ็บปวดแทนคนที่ถูกเอ่ยถึง ทว่า ถ้อยคำหวังดีของนางกลับทำให้คนที่นอนอยู่หัวเราะเสียงดัง
“ ก็ถูกแล้วนี่ เป็นหน้าที่ของมันที่ต้องทำตามคำสั่งฉัน ฉันอุตส่าห์ยอมให้มันเรียกว่า พ่อ เชียวนะ ถ้ายังคิดอกตัญญูก็ให้มันรู้ไป ”
“ แล้วคุณจะเสียใจค่ะคุณอรรถ ”
“ ฉันอยู่กับความเสียใจมามากพอแล้วละออง อยู่กับมันจนรู้จักมันดี ”
“ งั้นดิฉันจะบอกคุณไว้ ถ้าลูกจะไม่รักคุณนั่นก็เพราะตัวคุณ ถ้าคุณนวลจะทิ้งคุณ นั่นก็เพราะตัวคุณอีกนั่นแหละค่ะ ”
“ ออกไปเลยนะละออง ! ออกไปเลย แล้วไม่ต้องกลับมาให้ฉันเห็นหน้าอีก ออกไป ! ”
ร่างผอมกลิ้งลงจากเตียงทันทีที่พยายามโผนเข้าหาแม่บ้านเก่าแก่ นางละอองมองอรรถที่กระเสือกกระสนจะลุกขึ้นยืนด้วยสายตาว่างเปล่า นางไม่ได้ขยับตัวเข้าช่วยแต่ยืนมองอีกฝ่ายพยายามด้วยตัวเองจนชายหนุ่มซึ่งเรี่ยวแรงไม่เป็นใจหน้าแดงก่ำด้วยโทสะที่พุ่งพรวดขึ้น ตวาดด่าเสียงดัง
“ อีละออง ! มึงจะเหยียบซ้ำกูหรือยังไง ! ”
คนถูกว่าด้วยถ้อยคำหยาบคาย สงบใจได้อย่างประหลาด นางละอองวางงานในมือลง เอ่ยช้าชัดกับคนที่ยัง ‘ พยายาม ’ เพียงลำพังด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“ ดิฉันจะตามพยาบาลให้นะคะ ”
ร่างผอมก้าวออกจากห้องด้วยอาการสงบ เพียงครู่เดียวพยาบาลที่ถูกตามตัวก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาด้วยสีหน้าประหลาดใจ เหลียวมองร่างผอมที่ถอยหลบจากห้องอย่างงุนงง
คนสูงวัยกว่าทรุดตัวนั่งลงยังเก้าอี้ที่ทางโรงพยาบาลจัดไว้รับรองแขก สีหน้าที่เคยเย็นสนิทเสมอต้นเสมอปลายแปรเปลี่ยนเป็นเศร้าหมอง ใจประหวัดถึงคนที่ตั้งใจและเชื่อมั่นว่าตนจะหยุดความแค้นที่กำลังเกิดขึ้นได้ด้วยใจสงสาร พึมพำบอกตัวเองอย่างเสียใจแทนคนที่อยู่ในห้องว่า
“ คุณไม่รู้จักความเสียใจหรอกค่ะคุณอรรถ ไม่รู้จักมันสักนิดเดียว ”
***
เทียนสรวงดีดบุหรี่ลงพื้นอย่างเบื่อหน่าย ชายหนุ่มขยับเนคไทที่ผูกไว้อย่างดีเพื่อคลายความอึดอัด นวลอนงค์สั่งให้เขาซุ่มรอมิ่งโมรี ทำตัวเหมือนว่าบังเอิญเจอหล่อนในทุกที่ที่หล่อนไป การพบกันเพื่อต่อล้อต่อเถียง แสดงว่าเขาไม่สนใจทั้งที่อีกฝ่ายหยิบยื่นทั้งตัว ทั้งเงินมากมายวางกองลงตรงหน้า แต่ชายหนุ่มก็ยังรักมั่นคงต่อตรีประดับไม่ใช่เรื่องน่าสนุกนัก เขาเลยพยายามหาอะไรทำแก้เบื่อ
อย่างเช่น... ตีสนิทกับประณีต เด็กสาวซึ่งดูเหมือนจะรับใช้ตรีประดับด้วยความจงรักมากกว่าเจ้านายคนอื่นในกุลชาติ ฟังหล่อนเล่าเรื่องมิ่งโมรี ที่แทบจะรวมข้อเสียบนโลกนี้มาไว้ที่คนเพียงคนเดียวแล้วเออออตาม หรือไม่บางวันก็แวะไปทำตัวติดดิน เป็นเพื่อนคุยที่เข้ากันได้ดีกับคนสวนหนุ่มซึ่งดูแลงานทุกอย่างในบ้านหลังใหญ่เพื่อเฝ้าดูความสัมพันธ์ใกล้ชิดแปลก ๆ ระหว่างนายจ้างกับลูกจ้างตามที่นวลอนงค์หยันแกมเยาะให้ฟังหลายครั้ง นี่ยังไม่นับรวมถึงข่าวคาวส่วนใหญ่ของหล่อนอันเป็นที่ซุบซิบถึงความ ‘ง่าย ’ ในวงสังคมอีก ตอนนี้มิ่งโมรีในสายตาเค้าเลยเหมือนกองขยะในกุลชาติ ไม่ใช่แค่ชิ้นขยะที่ถูกเขี่ยทิ้งไว้ให้เกะกะนัยน์ตาเฉย ๆ หลายครั้งทีเดียวที่ชายหนุ่มอดคิดในใจไม่ได้ว่า ถ้าการเกิดมาเพื่อเป็นมิ่งโมรีเลวร้ายมากขนาดนี้ สู้ตายไปเสียตั้งแต่เริ่มต้นเลยคงดีกว่า
แต่ก็นั่นล่ะ แรกเริ่มเทียนสรวงก็สนุกดีกับบทบาทที่จู่ ๆ ก็ได้รับ แต่พอต้องทำอะไรซ้ำ ๆ นานวันเข้าความเบื่อหน่ายก็มาเยือน การต้องตามเทียวไล้เทียวขื่อคนที่ออกจากบ้านแทบนับครั้งได้ไม่สนุกเลย ชายหนุ่มไม่ใช่คนที่ใส่ใจอะไรได้นาน ชีวิตค่อนข้างฉาบฉวยด้วยซ้ำ ใคร...จะเป็นตายร้ายดีในบ้านหลังใหญ่ยิ่งไม่ใช่เรื่องที่เขาอยากรู้ สิ่งที่เทียนสรวงต้องการมีเพียงเงินค่าจ้างมหาศาล ที่จำเป็นต้องเอาไปใช้หนี้การพนัน ที่เหลือแบ่งไว้กิน เที่ยว มั่ว ตามประสาหนุ่มโสดไร้พันธะ ถ้าเขาไม่ต้องเป็นเทียนสรวงหลานชายคนโปรดของเจ้าสัวใหญ่ที่นวลอนงค์หมายมั่นปั้นมือให้พิชิตใจมิ่งโมรี ป่านนี้ชายหนุ่มคงเป็นสุขอยู่กับเนื้อหนังนุ่มนิ่มของผู้หญิงในคลับ ที่แค่โยนเงินให้ก็แทบจะจับตัวเองใส่พานถวาย กกกอดปรนเปรอรสรักกันทั้งคืนอยู่ในบ้านเช่าหลังเล็กแถบฝั่งคลอง และเพราะอยากกลับไปอยู่ในสภาพแวดล้อมเดิม ๆ สุดหัวใจ ตอนนี้ชายหนุ่มเลยนับวันรอเวลาทำตัวเป็นคนดีที่เหลืออีกไม่นานด้วยใจจดจ่อ จากนั้นเขาจะ ‘รุก’ เพื่อจัดการกับหญิงสาวตามคำว่าจ้าง ก่อนยื่นข้อเสนอให้กับเจ้านายคนใหม่ที่เลือกไว้แล้ว
...มิ่งโมรีต้องอยากแก้แค้นแน่ ถ้ารู้ว่าใครเป็นคนคิดทำลายหล่อน !
คนนั่งรออยู่ในรถนานกว่าชั่วโมงเปิดปากหาวหวอด ชายหนุ่มไม่จำเป็นต้องมาแต่เช้าถ้านายจ้างอย่างนวลอนงค์จะไม่ตามขู่เข็ญโทรศัพท์จิกทุกชั่วโมง หลังจากบ้านทั้งหลังวุ่นวายด้วยการฟื้นคืนของอรรถ ดังนั้น ชายหนุ่มที่ต้องทำตัวให้เสมือนคนรักของตรีประดับเลยต้องทำหน้าที่อย่างแข็งขันจากแค่ไปส่ง ยังต้องอยู่รอรับคล้ายห่วงใยหญิงสาวเสียเต็มประดา ตรงนี้แหละที่น่าสนุก เทียนสรวงชอบมองท่าทีกระอักกระอ่วนใจอยากลงไม้ลงมือของผู้ประกาศข่าวสาว ก่อนกลับมาเจอเรื่องน่าเบื่อหน่ายตรงที่เขาต้องมานั่งรอ ‘ ดู ’ มิ่งโมรี แถมยังต้องเปลี่ยนจากรถยี่ห้อดังที่เช่ายืมมาเป็นรถแท็กซี่เพื่อให้ง่ายต่อการติดตามซึ่งเป็นเรื่องค่อนข้างยุ่งยาก ซึ่งจนแล้วจนรอดเขาก็ยังไม่ได้ไปไหน ได้แต่รอคอยผู้หญิงที่มีประวัติด่างพร้อยจากคำบอกเล่าอย่างไม่รู้เวลา
“ โอย...เบื่อโว้ย ! ”
ชายหนุ่มตบมือลงบนพวงมาลัยรถแรง ๆ ก่อนรีบหยุดเมื่ออุดรก้าวออกจากบ้านหลังใหญ่ตามปกติ ทว่า คราวนี้เมื่อคนสวนหนุ่มปิดประตูเดินลับหายไปทางหน้าปากซอยได้ไม่ถึงสิบนาที ร่างผอมในชุดเสื้อผ้าสีสันฉูดฉาด เปิดหน้าเว้าหลัง ก็หอบหิ้วกระเป๋าเสื้อผ้าใบใหญ่เหมือนจะไปที่ไหนสักแห่งก็ออกมา เทียนสรวงผิวปากหวือตามคำบอกเล่าลับหลังของนวลอนงค์ที่ว่ามิ่งโมรีคงไปถึงไหนต่อไหนกับคนสวนหนุ่มเรียบร้อยแล้วดูท่าน่าจะเป็นจริง คนที่เกิดมาจากที่ต่ำ ต่อให้ถูกยกวางไว้สูงแค่ไหนย่อมไหลลงสู่ที่ต่ำอยู่ดี ชายโฉดหญิงชั่วที่นวลอนงค์ให้เกียรติออกปากเอ่ยถึง ถ้าเขามีหลักฐานจับคนทั้งคู่ได้คาหนังคาเขา ชายหนุ่มจะได้เงินอีกก้อนโตเป็นรางวัลตอบแทน
“ หอบเสื้อผ้าเต็มมือแบบนี้ จะไปไหนของเขา ? หรือคิดหนีตามกันไป ”
เทียนสรวงค่อย ๆ เคลื่อนรถแท็กซี่ตามร่างผอมที่เดินแกมวิ่งไปยังหน้าปากซอย เมื่อถึงทางเลี้ยวเพื่อออกสู่ถนนใหญ่ ชายหนุ่มก็ขับรถแซงขึ้นช้า ๆ กะจังหวะให้หล่อนโบกมือเรียกอย่างตั้งใจ แต่หญิงสาวกลับทำสิ่งตรงกันข้าม มิ่งโมรีเบี่ยงตัวหลบโดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีใครตามหล่อนออกมา หญิงสาวหยุดรอรถโดยสารประจำทางที่เขาเพิ่งรู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายขึ้นลงคล่องแคล่ว เทียนสรวงต้องขับรถคอยหยุดรอเป็นระยะ จวบจนกระมั่งมิ่งโมรีก้าวลงจากรถหน้าโรงแรมกลางเก่ากลางใหม่ไกลออกมานอกตัวเมือง ร่างผอมก็เหลียวซ้ายแลขวา ระมัดระวังตัวเองขึ้นมาทันทีจนเทียนสรวงต้องก้มหลบอย่างตกใจ ก่อนอีกฝ่ายจะพาตัวเองหายเข้าไปในโรงแรมที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า
“ สวัสดีค่ะ โรงแรมบุรีวาดยินดีต้อนรับค่ะ ”
เทียนสรวงที่เสียเวลาจอดรถมองสำรวจโถงกว้างของโรงแรมอย่างสนใจ ขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อได้กลิ่นหอมหวานที่ทำให้ต้องเหลียวหาที่มา
“ ครับ เอ่อ…ผมมาพบคุณมิ่งโมรีครับ ? คือ…เรานัดกันไว้ ”
ชายหนุ่มยิ้มสุภาพ ดวงตาคมจับลายละเอียดโรงแรมเก่าที่การตกแต่งร่วมสมัยกลมกลืนไปกับสีสันที่พยายามจัดวางใหม่ กุญแจห้องด้านหลังถูกแขวนไว้เกือบครบ แสดงว่าแขกที่เข้าพักยังมีจำนวนน้อยพอให้เขาตามหามิ่งโมรีและอาจหมายรวมถึงคนสวนหนุ่มได้ไม่ยากเย็นนัก
“ ขอโทษด้วยค่ะ ไม่มีชื่อคุณมิ่งโมรีเป็นแขกของทางโรงแรมเราค่ะ ”
ประชาสัมพันธ์สาวที่เข้ามารับหน้าตอบช้าชัด คนรอคำตอบเลยขมวดคิ้วมุ่น เขาแน่ใจว่าเห็นมิ่งโมรีเดินเข้าโรงแรมมากับตา แม้จะคนเดียวก็เถอะ หากเมื่อมองความมั่นใจของประชาสัมพันธ์สาวที่ยืนยันคำเดิม ชายหนุ่มเลยได้แต่ถามย้ำไปตามน้ำ
“ ไม่มีเหรอครับ แต่ เอ…เธอนัดผมไว้ที่นี่จริงๆ เป็นนัดสำคัญด้วย ช่วยตรวจสอบให้อีกครั้งได้ไหมครับ ”
น้ำเสียงแสดงความกังวล ทำให้ประชาสัมพันธ์สาวพลอยวิตกไปด้วย ดังนั้น เมื่อชายหนุ่มขอร้องให้ช่วยค้นรายชื่ออีกครั้ง หญิงสาวเลยเต็มใจให้บริการเต็มที่
“ ดิฉันลองตรวจดูรายชื่อแล้ว ไม่มีจริง ๆ ค่ะ ”
ประชาสัมพันธ์สาวที่ก้มหน้า เพื่อค้นหารายชื่ออีกครั้ง เงยหน้าขึ้นตอบพร้อมรอยยิ้มหวาน มองท่าทางกระวนกระวายใจของชายหนุ่มด้วยแววตาเห็นใจ
“ ดิฉันคิดว่าอาจเป็นการเข้าใจผิด หรือเธออาจยังมาไม่ถึง ถ้ายังไงคุณลองโทร. ถามเธออีกครั้งดีไหมคะ ส่วนเรื่องห้องพักทางโรงแรมยินดีจัดเตรียมให้ใหม่ค่ะ ”
“ ขอบคุณครับ เดี๋ยวผมจะลองโทร. หาเธอดู ”
เทียนสรวงหยิบมือถือขึ้นกดบอกผ่านท่าทางว่าเขาจะทำตามคำแนะนำของอีกฝ่าย และไม่ใช่แค่เขา หากประชาสัมพันธ์สาวก็ทำเช่นเดียวกันเพื่อช่วยตรวจสอบรายละเอียด ร่างสูงเดินแยกตัวออกมา ทิ้งระยะห่าง เพื่อกดวางสายที่ไม่ได้ติดต่อใคร หยุดรอจังหวะแล้วจึงหันกลับไปยังเค้าเตอร์ประชาสัมพันธ์อีกครั้งเพื่อยืนยันว่าเขาอาจเข้าใจผิดไปเอง
“ เธอบอกว่าให้คนของเธอจองไว้ ผมจำชื่อไม่ได้ รู้แต่ว่าเป็นผู้ชายคนสนิทของเธอ ”
ชายหนุ่มเอ่ยมั่นใจ หากแล้วก็ชะงัก เมื่อมองเห็นกลุ่มคนที่ก้าวเข้ามาภายในโรงแรมด้วยท่าทางคล้ายกำลังค้นหาใครสักคน เทียนสรวงรีบหันตัวเองไปทางอื่น สบถในใจอย่างเคืองขุ่น คิดเค้นอยู่นานว่าทำอย่างไรถึงจะหลบออกไปจากสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานที่กำลังเผชิญอยู่ได้ นี่แสดงว่าเขาถูกตามตลอด โดยอีกฝ่ายรอจังหวะเวลาอยู่แล้วเช่นกัน เจ้าหนี้ในวงพนันที่เทียนสรวงติดเงินไว้เป็นจำนวนมหาศาล ไล่กัดไม่ยอมปล่อยเหมือนหมาบ้า เขาเองในตอนนี้แทบไม่ต่างจากมิ่งโมรี ถูกจับตาดูทุกฝีก้าว เพียงแต่หล่อนหนีออกจากสายตาเขาได้ แต่เทียนสรวงยังไม่แน่ใจ ชายหนุ่มจะมีชีวิตรอดพ้นวันนี้ไปได้หรือไม่
“ ขอโทษอีกครั้งนะคะ คุณอุดรไม่อยู่ในรายชื่อแขกของเราเช่นกันค่ะ ถ้ายังไง...”
“ ไม่เป็นไรครับ ขอบคุณ คิดว่าคงมีการเข้าใจผิดกันเล็กน้อย ”
“ ไม่เป็นไรค่ะ โรงแรมบุรีวาด ยินดีรับใช้ค่ะ ”
ชายหนุ่มยิ้มตัดบท กลั้นหายใจหยิบแว่นตากันแดดที่สอดเก็บไว้ขึ้นสวมเพื่อพรางใบหน้า ร่างสูงผละพยายามทำตัวตามปกติ เดินไปตามทางออกด้านหน้าเฉกเช่นแขกผู้มาพักรายอื่น ๆ ก่อนจะเปลี่ยนจากเดินเป็นวิ่ง เมื่อหนึ่งในกลุ่มคนที่สวนผ่าน ร้องเอะอะเพราะจำได้
“ มันอยู่นั่น ! ”
“ บ้าชิบ ! ” เทียนสรวงตะโกนก้อง เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นตรงไปยังลานจอดรถ ขณะที่คนที่ตามหาวิ่งไล่ตามเหมือนวิ่งไล่จับท่ามกลางสายตาตื่นตระหนกของพนักงานในโรงแรม
“ เดี๋ยวค่ะคุณ ! คุณวิ่งในนี้ไม่ได้นะคะ รปภ. ! รปภ. ! ”
ประชาสัมพันธ์สาวร้องเสียงดัง มองกลุ่มคนที่วิ่งตามชายหนุ่มที่หนีหายไปนอกโรงแรมด้วยสีหน้าตกใจ โชคดีที่ช่วงเช้า แขกส่วนใหญ่ยังเก็บตัวอยู่บนห้อง เหตุการณ์ตรงหน้าเลยสงบลงอย่างรวดเร็วไม่มีเรื่องราวร้ายแรงเกิดขึ้นให้ต้องแก้ไข ดังนั้น เมื่อเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนของโรงแรมวิ่งกลับเข้ามาเพื่อรายงานความวุ่นวาย ว่าไม่มีอะไรนอกจากชายหนุ่มคนนั้นหนีไปได้ คนรอคำตอบเลยถอนหายใจโล่งอก ยกโทรศัพท์รายงานความคืบหน้าให้กับคนที่รอฟังข่าวอยู่ด้วยใจจดจ่ออย่างรู้หน้าที่
“ ค่ะ ตามมาจริงๆ ค่ะ หลังคุณมิ่งออกไปได้ไม่นาน ” คนปลายสายเงียบไปนาน จนประชาสัมพันธ์สาวต้องเริ่มต้นคำถามใหม่ด้วยน้ำเสียงกังวล “ แล้วจะให้ดิฉันรายงานกับทางนั้นด้วยไหมคะ ค่ะ ได้ค่ะ ดิฉันจะบอกให้คุณมิ่งระวังตัวเพิ่มขึ้น ”
ประชาสัมพันธ์สาววางสายลง รอจนประชาสัมพันธ์รุ่นน้องที่หายไปดูแลความเรียบร้อยกลับเข้ามาแล้วจึงสั่ง
“ เดี๋ยวจะไปด้านหลัง ฝากทางนี้ด้วยนะ แล้วก็…ถ้ามีคนมาถามหาคุณมิ่งอีก… ”
“ ให้บอก อย่างที่สั่งไว้ใช่ไหมคะ ? ”
คนได้รับคำสั่งมาอีกทียิ้มพอใจ เดินออกไปยังด้านหลังที่มีประตูบานเล็กปิดตายไว้ ด้วยท่าทีเคยคุ้น
***
โปรดติดตามตอนต่อไป

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 มิ.ย. 2555, 02:58:41 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 มิ.ย. 2555, 02:58:41 น.
จำนวนการเข้าชม : 1634
<< บ่วงร้อยรัก ตอนที่ 8 | บ่วงร้อยรัก ตอนที่ 10 >> |

หมูอ้วน 4 มิ.ย. 2555, 11:41:05 น.
ลึกลับ ซับซ้อนจังเลยค่ะ
ลึกลับ ซับซ้อนจังเลยค่ะ

มารชมพู 7 มิ.ย. 2555, 10:22:45 น.
มิ่งเป็นนางเอกแน่เลยไม่ใช่ตรีประดับ
มิ่งเป็นนางเอกแน่เลยไม่ใช่ตรีประดับ