ซีรีย์เมีย-อัพ-เมียราคี
“เธอรู้หรือเปล่าว่าเธอทำให้ฉันเป็นทุกข์ขนาดไหน”
“เธอคงสะใจแล้วสินะ ที่เห็นฉันเป็นแบบนี้”
ร่างบางส่ายหน้าปฏิเสธ
“ฮึ่ม...งั้นเธอคงอยากให้ฉันมีความสุข”
“งั้นก็ถอดเสื้อผ้าของเธอออกให้หมดสิ ฉันจะได้เชื่อว่าเธออยากให้ฉันมีความสุข”
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ซีรีย์เมีย-เมียสุดสวาท-ตอนที่๘ ความเจ็บที่ไร้เงา

ตอนที่๘ ความเจ็บที่ไร้เงา





หลังจากที่สามีไปแล้ว คาร่าก็ไม่รู้จะไปไหนต่อ เพราะเพิ่งจะเที่ยงเอง เธอจึงตัดสินใจกลับมาทำงาน พาลูกมานอนที่โซฟาในห้องทำงาน แล้วตัวเองก็กลับมานั่งทำงานต่อ ทำไปเรื่อยๆ จนตกค่ำแล้วก็หารถพาลูกกลับบ้าน บ้านที่ยามนี้ดูช่างเงียบเหงา เพราะไม่มีเขาอยู่ด้วย

หากเธอก็พยายามปลอบใจตัวเองว่า เขาไปไม่นาน เขาจะกลับมา แค่พรุ่งนี้เอง เขาก็จะกลับมา มาอยู่กับเธอ มาอยู่กับลูก แต่แม้จะกระนั้นน้ำตาก็ยังไหล เพราะความกลัวในหัวใจ มันกระซิบบอกเบาๆ ว่า เขาอาจจะไม่กลับมา มันอาจจะนานเป็นปี เธอจึงอดไม่ได้ที่จะร้องไห้ พลอยทำให้ลูกน้อยร้องไห้ตาม

“ฮือ...” เสียงน้อยสะอื้นออกมาเบาๆ เมื่อเห็นมารดาทานข้าวไป แต่ก็เช็ดน้ำตาไปด้วย

“นึงนึกเป็นอะไรคะ ร้องไห้ทำไมคะ” คาร่าตกใจที่อยู่ดีๆ ลูกก็ร้องไห้ เธอจึงต้องหยุดสะอื้นแล้วรีบหันไปสนใจลูก ขยับเก้าอี้ตัวเองไปชิดลูกแล้วถามทันควันอย่างห่วงใย

“คุณแม่ร้องไห้” แกตอบมาเบาๆ แล้วรีบหันมากอด ซบหน้าสะอื้นหนักๆ กับอกมารดา

“คุณแม่ขอโทษค่ะ” ยิ่งได้ฟังลูกพูดแบบนั้น ก็ยิ่งทำให้เธอกลั้นน้ำตาไม่อยู่ จึงต้องปล่อยเสียงโฮออกมาพร้อมๆ กับแก แล้วสองแม่ลูกก็กอดกันกลมร้องไห้ ปล่อยให้อาหารบนโต๊ะเย็นโดยไม่คิดแตะอีกเลย

นานโขกระทั่งลูกร้องไห้จนเผลอหลับไป คาร่าจึงต้องหยุดสะอื้นแล้วพาแกไปอาบน้ำเข้านอน แต่ตัวเธอเองกลับยังนั่งรอโทรศัพท์จากสามี รอแล้วรอเล่า นาทีผ่านไปเป็นชั่วโมง หากก็ไม่มีวี่แววสายโทรเข้า

“ฮือ...อย่าหลอกคาร่าให้ต้องรออีกได้ไหม” เธอสะอื้นออกมา ร้องไห้มองโทรศัพท์บ้าน แต่กลับมีเพียงความว่างเปล่าของค่ำคืน สายลมข้างนอกบ้านพัดแรงๆ แต่ความเงียบงันภายในบ้านกลับช่างเงียบเหงา...



คริษฐ์นั่งเงียบๆ คนเดียวที่มุมโต๊ะสุดของงาน เขาทอดสายตามองทุกคนเฮฮากับงานเลี้ยงต้อนรับเขาที่มารดาจัดให้อย่างเบื่อหน่าย ไม่รู้เมื่อไรมันจะเลิก เขาจะได้ไปโทรศัพท์หาเมีย

หัวใจของเขาบ่น แต่กลับไม่กล้าลุกไปไหน เพราะมารดาจ้องมองมาไม่วางตา เขาจึงต้องนั่งนิ่งๆ รอให้งานเลิกแล้วค่อยหาข้ออ้างไปนอน เพื่อที่จะได้ไปโทรศัพท์หาเมีย

หากผ่านไปเป็นชั่วโมงจนเที่ยงคืน งานก็ไม่เลิก คริษฐ์แทบไม่เหลือความอดทน จึงต้องหันหาไวน์ มาย้อมใจให้มีความอดทนรอต่อไป...

เขาเรียกเด็กให้เอาไวน์มาเสิร์ฟเพียงแค่สามครั้ง และใช่ว่าเขาจะเป็นคนอ่อนหัดต่อเรื่องพวกนี้ แต่ทำไมเขากลับรู้สึกมึนๆ คล้ายกำลังจะเมา จึงต้องหยุด

“เป็นอะไรวะ” เสียงแหลมบ่นพึมพำ พร้อมส่ายหน้าไปพลางอย่างหงุดหงิด หากเพียงแค่ครู่เดียว กลับรู้สึกว่าเริ่มจะมองไม่เห็นสิ่งรอบข้าง และยิ่งเลือนลางมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเขาพยายามกะพริบตาเพื่อปรับสายตา

“เป็นบ้าอะไรวะเนี่ย” เขาบ่นอีก พร้อมส่ายหน้าอีกครา แต่นั่นกลับเป็นประโยคสุดท้ายก่อนที่ความเลือนลางจะจางหายไป แล้วแทนที่ด้วยความมืดมิดของค่ำคืน...

“อือ...” เวลาผ่านไปนับชั่วโมงได้ กว่าร่างสูงจะขยับเขยื้อนตัวอีกครั้ง ด้วยรู้สึกถึงความอบอ้าวของสิ่งรอบข้าง แต่ก็ต้องตกใจเมื่อตื่นขึ้นมาพบร่างกายตัวเองเปล่าเปลือย พร้อมกับมีสาวงามผู้หนึ่งนั่งสะอึกสะอื้นอยู่ข้างๆ หากนั่นไม่ใช่ประเด็น ถ้าเขาไม่ดันเหลือบตาไปเห็นบุพการียืนจ้องมองอยู่ที่ปลายเตียง

“นี่มัน...เรื่องอะไรกันครับ” คริษฐ์ขมวดคิ้วชนกันอย่างไม่เข้าใจ ก่อนที่จะรีบลุกขึ้นมานั่ง มองบุพการีที่ปลายเตียงอย่างต้องการคำตอบให้คำถามของตัวเอง หากคนวัยกลางคนสองคน ไม่สนใจตอบเขา ตรงข้ามย้อนเขาให้เขาต้องใช้สมองคิด

“แล้วริดทำอะไรลงไปล่ะ” นั่นคือมารดาของเขาตอบ หากสายตามองเขาอย่างกล่าวโทษจนคริษฐ์ต้องหันไปมองหญิงสาวผู้นั้นที่นั่งร้องไห้ข้างๆ ตัวเองอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร และไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น

“ฮือ...พี่ริดไม่ต้องรับผิดชอบใหมนะคะ ใหมผิดเอง” ผู้หญิงแปลกหน้าที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน มานับเขาเป็นพี่เป็นน้อง หนำซ้ำยังกล่าวออกมาทั้งยังสะอื้น ทำให้เขายิ่งงงเข้าไปใหญ่ ว่าเธอเป็นใคร มาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร และทำไม...เธอต้องเปลือยเหมือนๆ กับเขา

คริษฐ์ขมวดคิ้วคิดอีก แล้วก็พอเข้าใจว่าทุกอย่างในตอนนี้หมายความว่าอย่างไร แต่ด้วยที่ตัวเองมีประสบการณ์มาก่อน และมีลูกมีเมียแล้ว เรื่องแบบนี้จึงจิ๊บๆ เขารู้ว่าเขายังไม่มีอะไรกับผู้หญิงคนนี้แน่นอน เพราะมันไม่เหมือนทุกครั้งที่เขามีกับเมียของเขา แต่ทำไม...เขาไม่รู้ตัว ทำไมจำอะไรไม่ได้ จะว่าเขาเมา ก็ไม่ใช่ เพราะเท่าที่จำได้ เขาฟุบหลับ ฟุบหลับไป...

เมื่อทวนถึงจุดนี้ คริษฐ์ก็ตาลุกวาวขึ้นมา ก่อนจะรีบหันไปมองมารดาด้วยความคับแค้นสุดๆ แบบที่ไม่เคยมองและรู้สึกมาก่อน เพราะเขาไม่เคยคิดว่ามารดาจะกล้าทำเช่นนี้กับเขา ไม่คิดว่าท่านจะไม่ชอบเมียเขามากถึงขนาดต้องหาเมียใหม่ให้เขา

“แน่นอน มันคือความผิดของเธอเอง และฉันไม่มีทางรับผิดชอบ เพราะฉันไม่ได้ทำอะไรเธอ” น้ำเสียงของเขาเย็นเยือก สบถมาทำให้ทั้งมารดาและหญิงสาวหน้าหวานผู้นั้นต้องหน้าชาไปตามๆ กัน ก่อนที่เขาจะรีบลุกออกจากเตียง แล้วตรงไปหาเสื้อผ้าของตัวเองมาสวมใส่

“ผมจะกลับกรุงเทพฯ ตอนนี้เลย ขอยืมรถไปที่สนามบินด้วย” น้ำคำคล้ายคำสั่งเปล่งออกมา ไม่ได้คิดที่จะสนใจใครอีก เขาเพียงแค่เหลือบตามองบิดาเล็กน้อยเท่านั้น ก่อนที่จะก้าวเดินออกจากห้อง หลังจากที่แต่งตัวเสร็จ โดยไม่ปริปากพูดด้วยสักคำ เพราะเขาเชื่อว่า บิดาคงเห็นดีเห็นงามกับมารดา มารดาถึงสามารถทำเช่นนี้กับเขาได้ ทำกับเขาได้ ทั้งที่รู้ดี รู้ทุกอย่างว่าเขามีลูกมีเมียแล้ว และเขา...รักคาร่ามากแค่ไหน!

คริษฐ์ไม่รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ได้พูดและได้ทำไป แต่กลับรู้สึกผิดหวังมากกว่า ที่พ่อแม่ร่วมใจกันทำลายชีวิตครอบครัวของเขา โดยไม่คิดถึงลูกน้อยของเขาเลยว่า หลานอาจจะขาดพ่อไร้แม่ และอาจจะเป็นเด็กมีปมด้อย พวกท่านทำกันอย่างไม่นึกสนสิ่งใด ทำตามแต่ที่ตัวเองคิดว่าดี จนลืมคิดไปว่า สิ่งที่ดีที่สุด น่าจะคือการช่วยเหลือค้ำจุนให้ชีวิตครอบครัวของเขาราบรื่นและมีความสุข มากกว่าจะคอยทำลายแบบนี้

ร่างสูงคิด ขณะที่เดินรวดเร็วมาหาคนรถของบ้าน แล้วขอกุญแจรถทันที โดยไม่แยแสว่านี่มันจะล่วงตีสามไปแล้ว และตัวเองก็ไม่มีตั๋วกลับกรุงเทพฯ หากเวลาเช่นนี้หรือเขาจะสน มันไม่สำคัญอีกแล้ว ในเมื่ออารมณ์อยู่เหนือทุกเหตุผล ก็ไม่มีสิ่งใดๆ ที่จะมาขวางเขาได้

และเมื่อได้กุญแจรถ เขาก็ขับรถออกจากบ้านไปทันที ไม่รีรออะไรให้พ่อแม่ทันมารั้งเขาเอาไว้ ขับรถเร่งตรงไปที่สนามบิน ถี่ความเร็วสูงตามอารมณ์ขุ่นมัวของตัวเอง แล้วเพียงไม่นานนัก ก็มาถึง เขาจึงฝากรถทิ้งไว้ที่สนามบิน ก่อนจะไปซื้อตั๋วแล้วกลับกรุงเทพฯ ภายในไม่กี่ชั่วโมงให้หลัง



แสงอรุณช่างงดงามในยามรุ่ง หากความเหนื่อยอ่อนที่ไม่ได้พักผ่อนมาตลอดคืนกลับทำให้เธอนอนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน นอนจมกับน้ำตาที่เปียกชุ่มสองข้างแก้มอย่างไม่นึกนำพาถึงเวลาที่ล่วงเลยไป หนำซ้ำยังละเมอสะอื้นเบาๆ ให้ได้ยิน ร่างสูงและร่างเล็กที่มานั่งเฝ้ามองดูเธอเงียบๆ จึงต้องรีบลุกขึ้นมาหา

“คุณแม่...” เสียงน้อยๆ เรียก แต่ผู้เป็นพ่อรีบเอามืออุดปากแกไว้ เพราะเกรงว่าเสียงแก จะปลุกเธอให้ตื่นขึ้นมา

“อย่าค่ะนึงนึก ให้คุณแม่นอนนะคะ คุณแม่ไม่สบาย” คุณพ่อรีบอธิบาย ทำให้ลูกน้อยเข้าใจ แกจึงยอมพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง

“แล้วคุณแม่ไม่สบายนานไหม” แกย้อนมาถาม แต่เสียงน้อยเริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ คุณพ่อจึงต้องรีบอุ้มแกออกจากห้อง แล้วค่อยตอบคำถามของแก

“ไม่นานค่ะ เดี๋ยวคุณแม่ก็หาย” เขาตอบลูกน้อย หลังจากที่พาออกมายืนข้างนอกหน้าห้องนอนของคุณแม่ของแก แต่กลับได้เห็นดวงหน้าน้อยๆ หงิกงออย่างขัดใจ

“คุณแม่ร้องไห้ นึงนึกร้องไห้ คุณพ่อไม่กลับบ้าน” แกเงยหน้าขึ้นมองคุณพ่อ สลับกับหันกลับไปมองคุณแม่ที่นอนในห้อง ก่อนจะตำหนิคุณพ่อด้วยเสียงจิ๋วๆ ที่ขุ่นเคืองและโทษคุณพ่อว่าเป็นสาเหตุให้คุณแม่ไม่สบาย ทำให้คุณพ่อต้องถอนหายใจเบาๆ ออกมาอย่างรู้สึกผิด ที่ตัวเองผิดสัญญา ไม่โทรหาเมื่อคืน คุณแม่ของเด็กน้อยจึงต้องร้องไห้เช่นนี้

“คุณพ่อขอโทษค่ะ คุณพ่อสัญญาจะไม่ทำอีก” เขากอดรัดร่างน้อยในอ้อมกอดแน่น พูดคล้ายปฏิญาณกับแก หากแต่คำมั่นนั้น เขาให้แด่คนที่นอนสะอื้นในห้อง

“อืม” เด็กน้อยยอมพยักหน้าเข้าใจ แต่แกก็ยกมือขึ้นกอดรอบลำคอคุณพ่อ มองหน้าเขาอีก อย่างยังข้องใจอะไรสักอย่าง จ้องอยู่ครู่ใหญ่กว่าจะตัดสินใจได้แล้วค่อยซักถามขึ้นอีกครั้ง “นึกนึงรักคุณพ่อ คุณแม่รักคุณพ่อ คุณพ่อรักเราไหม”

คำถามของแกทำให้คุณพ่ออึ้ง นิ่งเงียบอยู่พักหนึ่งก่อนจะหันมาจ้องแกจะๆ พร้อมกับดึงมือใหญ่ข้างหนึ่งที่ใช้อุ้มแกอยู่มาลูบท้ายทอยของแกเบาๆ ยื่นหน้าหอมแก้มแกนิดๆ แล้วค่อยตอบออกไป “คุณพ่อรักนึงนึก และรักคุณแม่ที่สุดในโลกค่ะ ไม่มีอะไรที่คุณพ่อจะรักเท่าคุณแม่กับนึงนึกอีกแล้ว”

“จริงๆ” รอยยิ้มน้อยปริกว้างพึงพอใจ แต่แกก็ยังถามซ้ำเพื่อความมั่นใจ

“ค่ะ จริงๆ” คุณพ่อขานคำแก ยิ้มแป้นตอบ แต่จู่ๆ ก็ต้องสะดุ้ง เมื่อรู้สึกถึงมืออุ่นๆ ของใครอีกคนที่ยื่นมากอดรัดจากทางด้านหลัง เขาไม่รู้ว่าคนนั้นมาอยู่ตรงนั้นนานเท่าไร และไม่รู้ว่าเธอได้ยินอะไรบ้าง เพราะเขาจ้องแต่ลูก และสนใจแต่คำถามของแกจนไม่ได้รู้สึกอะไร กระทั่งตอนนี้ที่เธอยื่นมือมากอด เลยรับรู้ว่าเธอมายืนฟังอยู่ ทำให้เขาไม่กล้าที่จะหันกลับไปมอง หรือแม้แต่จะเหลียวหน้าไปดูชัดๆ ว่าเป็นเธอจริงๆ เอาแต่นิ่งอั้น ยืดยาดจนเธอต้องสะอื้นออกมา พร้อมกับกอดรัดเอวแกร่งเขาแน่นขึ้น

“คาร่าก็รักคุณ...ที่...สุดในโลก” คาร่ารู้สึกตัวตั้งแต่ที่เขาห้ามลูกไม่ให้เรียกเสียงดัง แต่ก็ยังคิดว่าคงฝันไปเท่านั้น จึงยังไม่ตื่นกระทั่งได้ยินสองพ่อลูกคุยกันมากๆ เข้า เธอจึงต้องลุกมาดู ตามออกมาเงียบๆ จนได้ยินสิ่งที่เขาตอบลูก และนั่นก็ทำให้เธอกลั้นไว้ไม่ไหว ไม่อาจฝืนได้อีก จึงต้องพยายามเค้นเสียง สั่นสะอื้นปนติดๆ ขัดๆ ของตัวเองออกมา เพราะเธอกลัว กลัวมากไปว่า หากเธอยังช้า หากเธอยังร่ำไร เขาอาจจะทิ้งเธอไปอีก และเธอก็คงต้องรอไปอีกหลายปี หรืออาจจะทั้งชีวิตเพื่อพูดเพียงแค่คำนี้กับเขา...คำที่เธอรักเขาที่สุด—ที่สุดในจักรวาล

คริษฐ์อึ้งกว่าเก่า ไม่รู้ว่าตัวเองฟังผิดไปหรือเปล่า แต่เขาก็รีบอุ้มลูกหันกลับไปหา ไปประจันหน้ากับน้ำตา และความรักอันเอ่อล้นของเธอ

“คาร่ารักคุณ...รักคุณที่สุด” คาร่ารีบปล่อยมือจากการกอดรัดเอวของสามี เมื่อรู้ว่าเขาอุ้มลูกหมุนตัวหันมาหา แต่เธอก็ยังไม่หยุดสะอื้น พร้อมย้ำซ้ำความรู้สึกของตัวเองกับเขาอีกครั้ง ทำยังกับว่า กลัวเขาไม่ได้ยิน ขณะที่เขาได้ยินเต็มสองรูหู และกำลังค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมาอย่างดีใจ จนเธอต้องยิ้มทั้งน้ำตาให้อย่างดีใจเช่นกัน

“ฮือ...” เสียงหวานยังสะอื้น แต่ ณ บัดนี้หัวใจของคริษฐ์ละลายลงกองเป็นของเหลวนุ่มๆ ที่ไหลเวียนทั่วเรือนกาย เขาจึงไม่รับรู้สิ่งใด นอกจากแรงเต้นถี่ๆ ตามทุกเส้นเลือดที่ร้องก้อง และย้ำซ้ำซากว่า เธอรักเขา รักเขาที่สุดในโลก ความรู้สึกมันเกินจะบรรยาย สิ่งที่เขาทำได้จึงเป็นแค่ รีบดึงเธอมาเบียดกับลูกที่อยู่ในอ้อมกอดเขา แล้วกอดรัดสองแม่ลูกไว้ด้วยความรักทั้งหมดที่เขามี

“อืม” สองแขนใหญ่กระชับรัดเธอสองแม่ลูกชิด แล้วครางรับเสียงต่ำในลำคอ พร้อมกับรอยยิ้มระรื่น ทำให้โลกทั้งใบของคาร่าเปล่งประกายเป็นสีชมพู ไม่มีอะไรที่จะทำให้เธอสุขใจได้มากกว่า รู้ว่าเขารักเธอ และเธอได้บอกเขาว่าเธอรักเขา

คาร่าอมยิ้ม ซบหน้าชิดกับอกล่ำของสามี กอดรัดหลังแกร่งเขาแน่น ไม่ยอมผละจากไปไหน ปฏิญาณในหัวใจ จะไม่ยอมปล่อยผู้ชายคนนี้ไปจากชีวิตของตัวเอง กอดกันแน่นแบบนั้นกับเขาสักระยะ กระทั่งเสียงสะอื้นของเธอเหือดหาย จึงค่อยผละห่างมาดูลูกที่เบียดอยู่ในอ้อมกอดของเขากับเธอ

“นึงนึกทำไมไม่ไปเรียนคะ” คาร่าซักถาม แต่ก็ยังสะอื้น น้ำตายังนองแก้มอยู่ มือของสามีจึงยื่นมาช่วยเช็ดให้เบาๆ ทำให้เธอยิ้มกริ่มทั้งน้ำตาอีกครั้ง อยากจะถลากอดเขาอีกหน แต่ก็รู้ว่าไม่ควรมากนัก เพราะลูกอยู่ด้วย และเธอก็แก่แล้ว ไม่ใช่สาวน้อยตัวเล็กๆ ที่จะต้องแสดงอาการอ่อนไหวออกมาตลอดเวลา เธอต้องสำรวม

คาร่าบอกตัวเอง จึงยืนนิ่งๆ รอคำตอบลูก ก่อนที่เด็กน้อยจะผละมือจากคุณพ่อ แล้วหันมากอดคอคุณแม่ของแก

“ก็คุณแม่ป่วย” เสียงน้อยๆ ตอบ ทำให้คาร่าอยากจะสะอื้นอีก เธอจึงต้องรีบรับลูกมาจากสามี แล้วกอดแกไว้แน่น รู้สึกผิดที่ตัวเองทำให้ลูกลำบากไปด้วยเช่นนี้

“คุณแม่หายแล้วค่ะ จะไม่ป่วยอีกแล้ว” เธอฝืนกลั้นไม่ยอมสะอื้น แล้วตอบแกไปด้วยน้ำเสียงสั่นคลอน โอบศีรษะแกให้แนบลงบนบ่าตัวเอง พร้อมลูบหลังเบาๆ ให้แก

“นึงนึกรักคุณแม่” มือน้อยเอื้อมขึ้นโอบแก้มนองน้ำตาคุณแม่ไว้หลวมๆ เอ่ยเสียงสลดๆ ก่อนที่จะยื่นหน้าขึ้นหอมแก้มคุณแม่เบาๆ ทำให้คาร่าฝืนไว้ไม่ได้อีก ต้องปล่อยเสียงร้องไห้ดังลั่นออกมาอีกครั้ง กอดรัดลูกแน่นขึ้น ตัวสั่นเทา จนคริษฐ์ต้องดึงกลับมากอดไว้อีกหน

“คุณพ่อก็รักคุณแม่ค่ะ มากๆ ด้วย” เขาเอ่ยมาให้เธอได้ร้องไห้หนักขึ้น แต่เขาก็กอดรัดแน่น ตึงวงแขนกระชับ เพื่อเป็นการปลอบโยนแทนทุกคำพูดที่เขาไม่ถนัดพูด พร้อมกับพรมจูบศีรษะสองแม่ลูกสลับกัน

“ฮือ” เสียงสะอื้นของคาร่าก้องบ้านหลังน้อยของทั้งสาม เธอไม่อายอีกแล้วที่จะทำตัวแบบนี้กับเขา หรือให้ลูกเห็น เพราะวันนี้เธอสุดจะฝืน เกินจะทน จึงขอสักวัน ขอแค่วันนี้ให้เธอได้เผยใจ เผยทุกความรู้สึกให้เขารู้ ให้เขารับรู้ว่า...เธอรักเขามากเพียงใด และดีใจมากแค่ไหน ที่เขาเองก็รักเธอ

คริษฐ์อมยิ้มอีก ไม่รู้จะปลอบยังไงดี เมื่อเห็นคาร่าร้องไห้หนักกว่าเก่า และมันก็ทำให้ลูกน้อยเริ่มสะอื้นแล้วด้วย เขาจึงต้องหาวิธีหยุดเธอ ด้วยการผลักออกจากอ้อมกอด

แล้วมันก็ได้ผล เพียงแค่เขาผละห่าง คาร่าก็ชะงักเสียงสะอื้นทันที พร้อมกับช้อนตาขึ้นมองเขาอย่างประหลาดใจ กลัวขึ้นมาอีกว่าเขาจะจากไป

ปากเรียวสวยอ้าขึ้นนิดๆ จะซักถามเพื่อฉุดรั้งเขา แต่ยังไม่ทันให้ได้พูดอะไร ร่างของเธอที่อุ้มลูกน้อยอยู่ ก็ถูกเขาช้อนขึ้นอุ้ม แล้วพาตรงกลับเข้าไปในห้อง

คาร่าไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไร กระทั่งร่างของเธอกับลูกถูกวางลงในอ่างอาบน้ำ เธอจึงได้เข้าใจ ทว่าอีกครั้งที่ยังไม่ทันพูดหรือทำอะไร เขาก็รีบปฏิบัติก่อน เปิดน้ำจากฝักบัวมาฉีดรดตัวเธอกับลูกเบาๆ ขณะที่ยิ้มกริ่มเปี่ยมสุข

“คุณแม่กับนึงนึกอาบน้ำนะ เดี๋ยวคุณพ่อพาไปเที่ยว” เขาเอ่ยออกมาโดยไม่สนความเห็นของคนที่กำลังงง และเมื่อกล่าวจบ ก็วางฝักบัวไว้ในอ่างน้ำ ก่อนที่จะก้าวออกจากห้องน้ำ แล้วปล่อยให้สองแม่ลูกอาบน้ำกันเอง

คาร่าจึงได้แต่งง แต่ไม่มีโอกาสซักถามว่าเขาจะพาไปเที่ยวไหน...










เทียมทราย
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 ก.ย. 2555, 12:39:42 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ก.ย. 2555, 12:39:42 น.

จำนวนการเข้าชม : 2218





<< ซีรีย์เมีย-เมียสุดสวาท-ตอนที่๗ กระจกมันร้าว    ซีรีย์เมีย-เมียสุดสวาท-ตอนที่๙ เงามารคืบคลาน >>
Zephyr 4 ก.ย. 2555, 22:31:31 น.
ครอบครัวน่ารัก


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account