เรือนกุหลาบ
กุหลาบแสนสวยดอกนั้น ช่างแสนดี เป็นที่รักเทิดทูนบูชาของหล่อนสุดหัวใจตั้งแต่เล็กจนโต..หญิงสาวไม่รู้เลย ว่าเบื้องหลังกุหลาบสีสวยนั้นซ่อนคมหนามไว้มิดชิด..เพื่อเป็นอุปสรรคขัดขวางความรักของหล่อนทุกวิถีทาง!

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: บทที่ ๑๓ ฝันสมจริง

น้ำในลำธารแห่งนั้นใสเสียจนสะท้อนเงาสีเขียวแก่ของร่มไม้ริมสองฝั่ง วงกระเพื่อมแผ่ออกรอบข้อเท้าขาวเนียน มุกดาเห็นตัวเองนั่งอยู่บนพื้นศาลาไม้ทรงแปดเหลี่ยม ก้มลงมองเท้าจุ่มในน้ำวาดขึ้นลงเบาๆ เหมือนกำลังทอดอารมณ์คิดอะไรคนเดียวอยู่นานแล้ว

บรรยากาศรอบกายดูแปลกไป ทั้งที่หล่อนมั่นใจว่าพื้นที่ตรงนั้นคือมุมหนึ่งของเรือนกุหลาบ ทว่าแปลงกุหลาบตัดดอกหลากสีตรงระแนงไม้ล้อเกวียนนั่นกลับมีแต่กุหลาบพวงสีขาว ระแนงไม้ดังกล่าวก็กลับกลายเป็นโต๊ะไม้กลมๆ มีเก้าอี้แบบตอไม้ผุดขึ้นมาดูกระจุ๋มกระจิ๋ม ถัดออกไปตรงใจกลางที่ดินกลายเป็นบ้านเรือนไทยทรงหกเหลี่ยม ยกใต้ถุนสูง แทนที่บ้านไม้หลังคาปั้นหยามีหน้าจั่ว ย้อนมามองทัศนียภาพริมน้ำก็เห็นผู้คนแต่งกายย้อนยุคสักสมัยรัชกาลที่ ๗ พายเรือผ่านไปมาพร้อมส่งรอยยิ้มไมตรีให้

ที่ว่าย้อนยุคไปประมาณนั้น เพราะมุกดาเพิ่งสังเกตว่าเสื้อผ้าที่หล่อนใส่ก็ดูแปลกตากว่าปกติ หล่อนจำได้ว่าไม่เคยมีเสื้อแพรแขนกุดตัวหลวมยาวคลุมสะโพก ตบแต่งตรงเอวด้านซ้ายเป็นเหมือนโบว์ผูกทิ้งชายยาว อยู่ในตู้เสื้อผ้า และมั่นใจอย่างยิ่งว่าไม่เคยนุ่งซิ่นสีพื้นปราศจากลวดลาย ชายยาวปรกเข่าแบบนี้ แถมยังทรงผมสุดเชยดัดเป็นคลื่นมันเงายาวเคลียบ่านี่อีก

อะไรก็ไม่แปลกเท่า..ความรู้สึกว่านี่ไม่ใช่ตัวหล่อน เหมือนฝาแฝดอีกคนยืนมองภาพเคลื่อนไหว สมจริง อยู่เบื้องหน้า..จะว่าเบื้องหน้าก็ไม่เชิงอีกนั่นแหละ หล่อนไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวตนที่แท้จริงยืนมองจากมุมไหน เหมือนกำลังมองเรื่องราวผ่านกล้องชนิดพิเศษที่เห็นได้คมชัดทุกมิติ..และนี่ไม่ใช่ครั้งแรก ถ้ามันคือมโนภาพแห่งความฟุ้งซ่าน หล่อนก็คงฟุ้งซ่านเข้าขั้นสาหัส ทำให้มองเห็นแต่เรื่องราวที่ไม่เคยปะติดปะต่อกันได้ ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มุกดาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมถึงต้องมีเจ้านายของหล่อนเข้ามารวมอยู่ในความฟุ้งซ่านชนิดนี้ทุกครั้งไป

หญิงสาวเพิ่งสังเกตอีกว่า ฝาแฝดของหล่อนกำกุหลาบสีขาวดอกหนึ่งไว้ในมือข้างขวา แววตาเหม่อลอยเมื่อครู่เลื่อนลงมาจับอยู่ที่ข้อมือข้างนั้น ภาพซูมชัดลงไปให้เห็นรอยช้ำเลือดช้ำหนองวงใหญ่สีเขียวคล้ำปรากฏเด่นบนพื้นผิวเนียนละเอียดสีเดียวกับดอกกุหลาบ

สีหน้าของหญิงคนนั้นแสดงความเจ็บปวดขึ้นมาพักหนึ่งเมื่อมือบางข้างซ้ายเผลอลูบไล้หนักแรงไปหน่อย หล่อนเบ้ปากทั้งกัดฟันอย่างสุดทน

เกือบตะโกนถามเสียงดังออกไปว่าโดนใครทำร้าย เสียงห้าวลึกคุ้นหูของชายคนหนึ่งก็ดังแทรกเข้ามาเสียก่อน

“ชื่อมะลิ..แต่ท่าทางจะชอบกุหลาบมากกว่า”

หญิงสาวละสายตาจากดอกไม้ในมือ เงยหน้าขึ้นมามองตามเสียงห้าวนั้น มุกดาเห็นสีแดงปลั่งกระจายเต็มสองแก้มชัดเจน และเจ้าของเสียงก็ปรากฏตัวขึ้นตรงริมตลิ่ง ชายหนุ่มสวมเสื้อป่านคอกลมสีไข่ไก่ กับกางเกงแพรสีขาว ถึงอย่างนั้นก็ไม่ทำให้เสี้ยวหน้าคมสันกับรูปร่างผึ่งผายดูงดงามจับตาน้อยลงไปเลย มุกดาจำได้ว่าหน้าตาแบบนี้คือพิมพ์เดียวกับใครตั้งแต่เขาหันหน้าแค่เพียงครึ่งเดียวให้หล่อนได้เห็น

ฝาแฝดของกวินวางไม้พายทิ้งลงในเรือลำเล็กก่อนจะถือวิสาสะก้าวขึ้นมานั่งเกือบประชิดตัวหญิงสาวนาม “มะลิ” คนนั้น

“อย่าทำแบบนี้เลยค่ะ ประเดี๋ยวใครมาเห็นเข้าจะไม่งาม”
มะลิทำสีหน้าเหมือนกระดากอายเล็กน้อย ก่อนขยับตัวออกห่างชายหนุ่ม

มุกดาได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอ ไม่แน่ว่าเป็นรอยขำขัน หรือเอ็นดู

“พี่เอายาฝรั่งมาให้ตามสัญญาไงจ๊ะ มันไม่งามที่ตรงไหน”

หญิงสาวมองผ่านกล้องไร้ตัวตนเข้าไปก็เห็นเขายื่นตลับกลมๆ มีตัวอักษรภาษาอังกฤษบนป้ายฉลากประทับอยู่ หล่อนเดาว่าน่าจะเป็นยาอะไรสักอย่างที่บรรเทาอาการฟกช้ำดำเขียวตรงข้อมือขาวผ่อง..และคำอธิบายต่อมาก็ยืนยันว่าหล่อนเดาไม่ผิด

“รอยช้ำจะได้หายเร็วๆ ปล่อยไว้แบบนี้ต่อไปจะถูกตัดมือทิ้ง”
ชายหนุ่มยิ้มกว้างเห็นฟันขาวเรียงชิดกัน นัยน์ตาเป็นประกายอย่างชายที่หมายปองหญิงสาว

“ไม่กลัวรึ?”
คำถามนั้นฟังเหมือนต้องการเย้าแหย่มากกว่าต้องการคำตอบ

มะลิเบิกตากว้าง รีบกุมข้อมือข้างขวาของตัวเองไว้ ราวกับกลัวใครจะมาตัดมือหล่อนจริงๆ
“ถึงขนาดนั้นเลยหรือคะ?”

ฝาแฝดกวินหัวเราะร่วนเป็นครั้งที่สอง
“น้องกลัวหรือ..” ระหว่างที่มะลิกำลังทำหน้าตื่นกลัวกับคำขู่ จึงไม่ทันระวังมือหนาที่เอื้อมมาคว้าข้อมือหล่อนออกไปอย่างทะนุถนอม “ไม่ต้องกลัวนะ พี่จะทายาให้ ประเดี๋ยวก็หาย”

น้ำเสียงของเขาอ่อนโยน นุ่มนวล อย่างที่หล่อนเคยได้ยินจากปากของกวินเวลาเขาอารมณ์ดีและทอดมองหล่อนด้วยแววตาลึกซึ้ง

“อย่าค่ะคุณพี่..”

“มันไม่งาม..ใช่ไหม”
หนุ่มมือไวชิงพูดตัดหน้าด้วยรอยยิ้มทั้งปากและตา

แม่หญิงแสนหวานจึงได้แต่อ้าปากเก้ออยู่อย่างนั้น พอตั้งสติทันก็พยายามจะดันมือหนาอุ่นนั้นออกไป ทว่าไม่เป็นผล ชายหนุ่มรั้งข้อมือหล่อนไว้ โดยเลื่อนขึ้นไปยึดตรงส่วนที่ไม่บอบช้ำ หญิงสาวหน้าแดงก่ำยิ่งกว่าเดิม ก้มหน้างุดหลบไปอีกทาง มุกดาไม่แน่ใจว่า “แม่มะลิ” โกรธ อาย..หรือว่าเขิน กันแน่

“งามหรือไม่ พี่ไม่รู้ แต่ตอนนี้น้องควรรีบทายา แผลจะได้หายไวๆ” ฝาแฝดกวินไม่รีรอความยินยอมจากอีกฝ่าย เขาหมุนฝาออก ก่อนจะแตะปลายนิ้วชี้แต้มยาในตลับ ลักษณะคล้ายครีมเจลทาแก้ยอกที่หล่อนเคยเห็น แล้วค่อยบรรจงนวดลงบนข้อมือที่มีรอยเขียวช้ำอย่างระมัดระวัง มะลิทำหน้าเหยเกขึ้นมาด้วยความเจ็บปวด ชายหนุ่มฝนยาจนครอบคลุมทั่วแผลแล้วรีบถอนมือออก

“ทนหน่อยนะจ๊ะ..สองสามวันก็หาย”

มุกดาไม่ได้ยินเสียงใสจากริมฝีปากแดงจิ้มลิ้มนั้นตอบอะไร นอกจากจะก้มหน้าหลบตาเขา แต่ก็ไม่พยายามถอนข้อมือออกอย่างในตอนแรก..หล่อนมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความสงสัย นึกอยากรู้ขึ้นมาติดหมัดว่า แม่มะลิไปทำท่าไหนถึงได้แผลบวมช้ำกลับมาขนาดนี้ แล้วทำไมฝาแฝดเจ้านายหล่อนจึงต้องตามมาทายาให้ถึงบ้าน

เสมือนความข้องใจนั้นมีพลังแหวกม่านบังตาออกจากความมืด ความสงสัยนั้นค่อยๆมลายไปเมื่อฉากตรงหน้าเปลี่ยนเป็นตลาดน้ำในที่ใดที่หนึ่ง ซึ่งหล่อนไม่คุ้นตามาก่อน

“แม่ค้าจ๊ะ ฉันขอชมพู่สักโลนึงนะ”

เสียงใสบอกแม่ค้าผลไม้หลากชนิดในเรือลำหนึ่ง มะลิยืนอยู่ตรงขอบตลิ่งนั้นเอง แม่ค้าคนที่หล่อนขอซื้อผลไม้นั้นเป็นหญิงชรามีผมหงอกเต็มศีรษะ ท่าทางเงอะงะไม่ค่อยคล่องตัวตามความอ่อนล้าของสังขาร กำลังจะยื่นมือไปรับตะกร้าชมพู่ที่หญิงสาวเลือกไว้มาชั่งกิโล แต่ประสาทสัมผัสของคุณยายคนนั้นไวพอๆกับมุกดา ที่ยังเป็นสาวแรกรุ่น เจ้าของเรือส่งเสียงโวยวายร้องเรียกให้คนช่วย พอดีกับที่กระเป๋าถือลายดอกไม้สีชมพูหวานที่มะลิพักไว้ในข้อมือข้างขวาถูกกระชากออกโดยชายหนุ่มไว้เคราแต่งตัวมอซอคนหนึ่ง

มุกดาเห็นเขามายืนอยู่ข้างหลังมะลินานแล้ว ตอนแรกไม่ได้ผิดสังเกตอะไร เพราะหนุ่มจรจัดคนนั้นทำทีเป็นสั่งก๋วยเตี๋ยวในเรือสินค้าใกล้ๆกัน แต่เขาก็มีพิรุธตรงที่คอยเหลือบมามองกระเป๋าของฝาแฝดหล่อนอยู่เรื่อย ก่อนจะตัดสินใจกระชากมันออกไปจากเจ้าของ ซ้ำร้าย ผู้คนที่แห่กันวิ่งเข้ามาตามเสียงร้องของคุณยายแม่ค้า กลับไม่ทันไม้กระบองที่ฟาดลงบนข้อมือข้างขวาของหญิงสาว เมื่อหล่อนออกแรงยื้อแย่งกระเป๋าคืนจากคนร้าย

แล้วความเจ็บปวดลึกถึงกระดูกทำให้หล่อนต้องยอมปล่อยของรักออกไปอย่างไม่เต็มใจสักนิด


หนึ่งในพลเมืองดีคนหนึ่งแหวกกลุ่มไทยมุงเข้ามา..ฝาแฝดของกวินนั่นเอง เขาวิ่งกระหืดกระหอบมาถึงตัวหล่อน หน้าตามีแววทุกข์ร้อนยิ่งกว่าคนบาดเจ็บเสียอีก

“เจ็บมากไหมจ๊ะ?”

หลังคำถามแสดงความห่วงใย ไม่มีใครคาดคิดว่าเขาจะยื่นสิ่งของในมือให้แก่หญิงสาว มันคือกระเป๋าลายสวยใบเดิมที่ใครๆ ก็คิดว่าหล่อนไม่มีทางได้คืนอีกแล้ว

“พี่เอามาคืนให้..เสียดาย คนร้ายมันหนีไปได้!”

เขาเอ่ยอย่างเป็นเดือดเป็นแค้น ตาแดงก่ำ เหงื่อเม็ดเกาะพราวเต็มหน้าผาก มุกดานึกไม่ออกจริงๆ ว่าคนร้ายนั่นวิ่งหายไปทางไหน เมื่อไหร่ และเขา..ไปแย่งของคืนมาได้อย่างไร ทั้งเงียบกริบ และปราศจากร่องรอยการต่อสู้แย่งชิง!

ความเจ็บปวดที่เคยมีในสีหน้า กับน้ำใสวาววามปริ่มขอบตากลมโตทั้งสองข้าง แทบจะเหือดหายไปทันทีที่เห็นของรัก มะลิรับกระเป๋าใบนั้นคืนมาด้วยมือสั่นเทา หล่อนยิ้มสวยที่สุด อย่างที่มุกดาไม่เคยเห็นตัวเองยิ้มได้แบบนี้มาก่อน มันเป็นยิ้มแทนคำขอบคุณ ความเป็นมิตร และความดีใจ เกินคำบรรยาย

“คงอักเสบแค่กล้ามเนื้อ กระดูกไม่น่าหัก” ชายหนุ่มประคองข้อมือบางขึ้นมาดูใกล้ๆ โดยที่หญิงสาวไม่ทันรู้ตัว “ประเดี๋ยวพี่ไปซื้อยาแก้ฟกช้ำมาให้นะจ๊ะ..น้อง..”


แววตาของชายหนุ่มมองเหมือนจะถามหล่อนด้วยสายตา มะลิยิ้มรับเหมือนเข้าใจคำถามที่ปราศจากคำพูดนั้นดี

“มะลิค่ะ..”

“รออยู่ตรงนี้ก่อน อย่าเพิ่งไปไหน พี่ปรัชจะเอายามาให้”

มุกดาเพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เอง ว่าหนุ่มสมัยนั้นเขาจีบสาวกันง่ายๆแบบนี้ ไม่อยากเชื่อว่าฝาแฝดของเจ้านายจะแนะนำตัวได้แนบเนียน เสมือนรู้จักกับหญิงสาวมานาน สรรพนามที่เรียกแทนตัวเอง กับฝ่ายหญิงก็ช่างน่าหมั่นไส้ เสียงทอดอ่อนหวาน แล้วยังประกายตาแพรวพราวนั่นอีก มุกดารู้สึกว่า..ผู้ชายคนนี้อันตราย ไม่ควรเข้าใกล้นานเกินจำเป็น

ส่วนฝ่ายหญิงก็ช่างสงบปากสงบคำ แถมยังเข้าใจยาก ไม่รู้เป็นแบบนี้ทุกคนหรือเปล่า..ทั้งที่ทำเหมือนไม่ปฏิเสธไมตรีชายหนุ่ม แต่พอเขาเดินหายลับ สาวเจ้าก็รีบเผ่นลงเรือ หนีเขาเสียอย่างนั้น ไม่รู้ว่าหล่อนเล่นตัว..หรือกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่

หลังจากแม่มะลิลงเรือ ซึ่งมีหญิงวัยกำดัดนั่งประกบคอยพัดวีอีกสองคน กิริยาท่าทางของหล่อน เรียบร้อยแต่มีสง่าในตัว พอเดาได้ว่าคงเป็นลูกเต้าผู้ดีมีตระกูลคนหนึ่งในละแวกนี้ อีกพักใหญ่ๆ ชายหนุ่มหน้าคมสันคนเดิมก็วิ่งกระหืดกระหอบกลับมาพร้อมตลับยาในมือ พอถึงริมตลิ่งหันรีหันขวางแล้วก็หน้าเสีย คงผิดหวังที่ไม่เจอสาวน้อยคอยอยู่..มุกดาเห็นเขาหันไปถามอะไรแม่ค้าขายผลไม้พักใหญ่ หล่อนไม่ได้ยินอะไรเลย เห็นแต่ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมาหลังจากได้คำตอบที่ต้องการ รอยยิ้มสมใจผุดขึ้นที่มุมปากสองข้าง แล้วหลังจากนั้น กล้องพิเศษก็พาหล่อนกลับมายืนอยู่ที่เดิม..

ฉากเบื้องหลังสองหนุ่มสาวที่นั่งชิดกันบนศาลา ภาพคนที่มุกดาไม่คาดคิดว่าจะได้พบเจอ คือหญิงสาวหน้าตาสวยจัด แต่งตัวโก้ ตามแบบฉบับสตรีชาวตะวันตก ซึ่งหล่อนต้องขยี้ตาอยู่หลายครั้งกว่าจะทำใจให้ยอมรับได้ ว่านั่นคือ แพรวา..พี่สาวคนสวยของหล่อน

หญิงสาวเดินตามหลังสตรีสูงวัยคนหนึ่ง ท่าทางภูมิฐาน ไว้ผมดัดเหมือนฝาแฝดหล่อน แต่ตัดสั้นคล้ายผมบ๊อบ มุกดาเดาว่าคงจะเป็นมารดา ของ คนหน้าเหมือน “แพรวา” และ “ตัวหล่อน”

คนหน้าเหมือน พี่สาวแสนสวย ของมุกดา ค่อยๆเดินเข้ามาในศาลาอย่างใจเย็นและเงียบกริบ รวมถึงหญิงสูงวัยผู้นั้นด้วย ฝาแฝดแพรวาแต่งชุดแขนพองสีชมพูสดเข้ารูป สวมกระโปรงยาวแบบฝรั่งในยุคนั้น ช่วงขาเรียวที่เลยพ้นขอบกระโปรงสวมทับด้วยถุงน่องสีเข้ากัน รองเท้าส้นสูงที่หล่อนใส่ยิ่งทำให้ร่างระหงเฉิดฉาย โดดเด่นจับตากว่าแม่มะลิยิ่งนัก

ทรงผมของหล่อนก็ตัดตามสาวทันสมัยในยุคนั้น ซึ่งน้อยคนจะกล้าทำ เพราะหากใบหน้าไม่เรียวยาว ผมทรง “ซิงเกิล” ที่ตัดผม ” บ๊อบ ” เดิมให้สั้นเข้าที่ท้ายทอยจนเห็นเชิงผมสูง คล้ายผมผู้ชาย จะทำให้หน้าตาดูไม่จืดไปเลย

ทุกท่วงท่าดูสวยสง่า มีเอกลักษณ์ คล้ายคลึงกับ “แพรวา” พี่สาวหล่อนก็จริง ทว่าสิ่งที่ต่างไปคือแววตาที่มองมายังเบื้องหลังของร่างแม่มะลิ..มุกดาแน่ใจว่าไม่เคยเห็นสายตาชนิดนั้นจากพี่สาว

สายตาที่แฝงความเคืองแค้น ริษยา และมุ่งทำลาย..หล่อนสาบานได้ว่าแพรวาไม่เคยมี!
“มานั่งทำอะไรกันตรงนี้จ๊ะ”

เสียงกังวานใสนั้นถอดพิมพ์เดียวมาจากพี่สาวหล่อนอีกเช่นกัน

สองหนุ่มสาวแทบจะหันขวับมาพร้อมกัน และเมื่อเห็นร่างของสตรีต่างวัยสองคน หนุ่มสาวก็ทำหน้าพะอืดพะอมไปคนละแบบ สตรีสูงวัยเอ่ยทักชายหนุ่มขึ้นมาก่อน หล่อนทำเหมือนไม่เห็นภาพเมื่อครู่ที่สองคนนั่งแนบชิดกัน

“อ้าว..พ่อปรัช วันนี้แต่งตัวแปลกเสียจนป้าจำไม่ได้”

พ่อปรัช..ยิ้มเจื่อน ไม่มีคำพูดใดหลุดรอดออกจากริมฝีปากหยักหนา

“วันนั้นยังแต่ชุดโก้มากับท่านเจ้าคุณอยู่เลยค่ะ”

สาวไทยมาดฝรั่งคนนั้นสำทับ เสียงกังวานของหล่อนเพิ่มความคมชัดเหมือนตั้งใจจะบอกให้หญิงสาวอีกคนได้ยินดังๆ

“คุณแม่รู้จักคุณปรัชด้วยหรือคะ”

หลังจากตั้งสติ และสำรวมท่าทีไว้ได้ มะลิก็เอ่ยถามหญิงสูงวัยผู้นั้นอย่างอดสงสัยไม่ได้ ทั้งพี่สาวและมารดา ทำเหมือนรู้จักเขามานาน หล่อนเสียอีกเพิ่งรู้จักหนุ่มข้างกายวันนี้

“คุณแม่รู้จักดีทีเดียวจ้ะ..มะลิ”
ฝาแฝดแพรวาชิงตอบแทนมารดาของหล่อน หางเสียงลากยาวเจือความขุ่นเคืองอยู่ในทีก่อนเอ่ยอย่างชัดเจนทั้งน้ำเสียง และแววตา

“คุณปรัชคือว่าที่คู่หมั้นของพี่!”

ทั้งมะลิ และมุกดา เกือบจะอ้าปากค้างไปพร้อมๆกัน หญิงสาวไม่รู้ว่าแม่มะลิรู้สึกอย่างไร คิดอะไรอยู่บ้าง..แต่ที่แน่ๆ คือหล่อนกำลังโกรธ “คุณปรัช” คนนี้เข้าขั้นรุนแรง ไม่รู้ทำไมต้องรู้สึกรุนแรงด้วยทั้งที่ บุคคลเหล่านี้ ไม่มีส่วนใดเกี่ยวข้องกับหล่อนเลยสักนิด

ระหว่างที่หญิงสาวกำลังเลือดขึ้นหน้าโดยไม่มีสาเหตุ เสียงกังวานใสของแพรวาก็ดังก้องเข้ามาในโสตประสาท เหมือนทะลุกำแพงมาจากที่ไกล

“ตื่นได้แล้ว ไข่มุกน้อย..”
มุกดาลืมตาขึ้นมาอย่างยังงัวเงีย เหยียดแขนขาบิดขี้เกียจทั้งที่ยังนอนแหม็บอยู่บนเตียงนุ่ม หล่อนพยายามสลัดความคิดฟุ้งซ่านออกจากหัว กระพริบตาถี่ๆปรับโฟกัสจนเห็นดวงหน้าเรียวสีน้ำผึ้งคมชัดยื่นเข้ามาใกล้

เมื่อพบความจริงในอีกโลกหนึ่ง..หล่อนก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ความฟุ้งซ่านครั้งนี้เรียงร้อยเป็นเรื่องราวได้มากกว่าครั้งไหน ให้อารมณ์สมจริงเสมือนเหตุการณ์ทั้งหลายบังเกิดขึ้นกับตัวเอง!











ศิลาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 มิ.ย. 2555, 21:53:54 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 มิ.ย. 2555, 23:59:27 น.

จำนวนการเข้าชม : 1802





<< บทที่ ๑๒ ผู้ไม่ประสงค์ดี   บทที่๑๔ แปลงโฉม ๑/๒ >>
เดิมเดิม 7 มิ.ย. 2555, 22:53:55 น.
ฝันทั้งตอนเลยไข่มุก แล้วจะรู้มั๊ยเนี่ยว่าตัวจริงยัยแพรแอบร้าย


ศิลาริน 7 มิ.ย. 2555, 22:56:51 น.
เดี๋ยวก็รู้ค่ะ ^__^


แล่นแต๊ 8 มิ.ย. 2555, 14:48:23 น.
ไข่มุกน้อยจะโดนยายแพรวาทำอะไรอีกเนี่ย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account