อาทิตย์พรางดาว
เมื่อความเคียดแค้นชิงชังที่มีมาระหว่างพี่น้องต่างมารดา ทำให้เกิดเรื่องราวต่างที่นำมาซึ่งความสุข เศร้า และโศกนาฏกรรม! ดาวเหนือจะทำอย่างไรเมื่อตะวันฉายผู้เป็นเกลียดเธอจนไม่อยากจะอยู่ร่วมโลก และตฤณจะทำอย่างไรเพื่อปกป้องคนรักไม่ให้โดนทำร้าย ต้องติดตามใน 'อาทิตย์พรางดาว'
Tags: ดราม่า

ตอน: ตอนที่ 34

ตอนที่ 34

ร่างสองร่างเดินเกี่ยวก้อยหยอกเย้ากันมาตามชายหาดที่ทอดยาวของหัวหินยามเช้า พลางชี้ชวนให้ดูเล่าคู่รักคนอื่นๆที่กำลังนั่งเล่นบ้างนอนเล่นบ้างอย่างมีความสุข บางคนก็มากันเป็นครอบครัว พี่น้องเล่นน้ำทะเลบ้างก็เล่นวอลเล่ย์บอลชายหาดกันอย่างสนุกสนาน ลมทะเลพัดเอาความเย็นสบายมาให้คลายร้อน ตฤณสูดเอากลิ่นอายของท้องทะเลเข้าปอดรู้สึกได้ว่าจิตใจของตัวเองสงบลงเมื่อได้เจอกับคนข้างกาย

เมื่อคืนหลังจากที่ปรับความเข้าใจและแสดงความคิดถึงกันพอสมควรแล้ว ตฤณก็พาคนรักเดินกลับไปยังโรงแรมซึ่งพอไปถึงดาวเหนือก็ได้รู้ว่าอีกฝ่ายพักที่เดียวกับตน อีกทั้งห้องของเธอและเขาก็อยู่ชั้นเดียวกันอีกต่างหาก นอกจากนั้นชายหนุ่มไม่ได้มาเพียงคนเดียวแต่มีวีกิจกับตรีทิพย์ตามมาด้วย พอเจอหน้ากันวีกิจก็จัดการ ‘ฟ้อง’ เธอทันทีว่าตฤณอาการหนักแค่ไหนตอนที่เธอไม่อยู่ โดยมีสายตาของตฤณมองมาอย่างคาดโทษ

หญิงสาวโผเข้ากอดเพื่อนรักพร้อมขอโทษขอโพยที่ไม่ได้ไปเยี่ยมเลยเพราะกลัวว่าหากเห็นหน้าคนรักแล้วจะทำใจให้ถอยห่างไม่ได้ ตรีทิพย์ส่งยิ้มมาให้บอกกับเธอว่าไม่โกรธเข้าใจดีว่าช่วงเวลาที่กำลังสับสนใครๆก็อยากอยู่คนเดียวเพื่อคิดอะไรบ้าง ทั้งยังบอกว่าตัวของเธอเองในตอนแรกที่ฟื้นขึ้นมาแล้วพบว่ามีผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้มาอ้างเป็นแฟนยังต้องขอตั้งสติสักพักเหมือนกัน ทั้งสี่คนคุยถามสารทุกข์กันไปอีกพักก่อนที่ตฤณจะชวนให้ลงมาหาอะไรทานเพราะยังไม่มีใครได้ทานอะไรกันเลย

ระหว่างที่ทานอาหารอยู่ที่ห้องอาหารของโรงแรมตฤณถามว่าเธอได้ไปเที่ยวที่ไหนมาบ้างหรือยัง พอได้รับคำตอบว่ายังเขาก็ทำหน้าตูมบอกมาพักผ่อนทั้งทีทำไมไม่ออกไปเที่ยวนั่งเศร้าทำไม หลังจากนั้นก็ช่วยกันวางแผนเที่ยวกับวีกิจทันทีปล่อยให้เธอและตรีทิพย์ได้แต่นั่งตาปริบๆ ฟังแผนการของพวกเขาแล้วก็อดไม่ได้ต้องถามว่าจะมาเที่ยวกันกี่วัน และคำตอบที่ได้ก็ทำให้เธอรู้สึกสงสารเหล่าบรรดาลูกค้าสี่ขาที่กรุงเทพของเขาขึ้นมาทันควัน

‘ก็...จนกว่าพี่จะสบายใจ’

ย้อนกลับมาที่ปัจจุบัน ดาวเหนือกำลังยิ้มกว้างหัวเราะลั่นเมื่อตฤณส่งสัญญาณให้ดูคู่รักคู่หนึ่งที่ฝ่ายชายโดนฝังทรายโผล่มาแค่หัว แล้วฝ่ายหญิงก็กำลังแกว่งปูตัวน้อยไปมาเป็นเชิงขู่อยู่ตรงหน้า แถมหัวเราะอย่างขบขันกับเสียงร้องโหยหวนของคนรัก ตฤณปาดน้ำตาหันมาหาเธอ บอกเสียงกลั้วหัวเราะ

“หากพี่ทำให้น้องดาวโกรธ ไม่ต้องเอาคืนรุนแรงขนาดนี้นะครับ เดี๋ยวพี่เสียโฉม”

“ไม่ต้องห่วงหรอก ดาวไม่เอาปูมาแกล้งหรอกสงสารมัน แต่ดาวจะเอาแมงกะพรุนวางไว้บนตัวพี่ตฤณแล้วค่อยเอาทรายกลบ สะใจกว่าเยอะ”

ตฤณรีบปล่อยมือคนรักสาว ทิ้งตัวทรุดเข่าลงกระแทกทรายอย่างแรงจนเธอตกใจ มือหนาคว้ามือเธอไปกุมทั้งสองข้างเงยหน้าขึ้นมองร้องเสียงดังจนคนทั้งหาดหันมามองพวกเธอ

“ไม่นะดาว ดาวอย่าทารุณพี่เลยนะ พี่ยอมดาวทุกอย่างแล้ว โกรธที่พี่ไม่นอนกอดใช่ไหม เดี๋ยวคืนนี้พี่จะไถ่โทษให้ จะนอนกอดดาวทั้งคืนเลย ดาวอย่าจับแมงกะพรุนโยนใส่พี่เลยนะครับ...คนดี” ดาวเหนือหันซ้ายหันขวา แก้มนวลแดงระเรื่อเพราะคนที่เห็นเหตุการณ์ต่างพากันซุบซิบ ส่วนตัวต้นเรื่องก็ยังคงคุกเข่าอยู่ มองเธออย่างน่าสงสารในสายตาคนนอก แต่หากพวกนั้นมาเห็นแววตาเจ้าเล่ห์ของคุณหมอหมาตัวดีนี่จะรู้ว่าเขาไม่น่าสงสารเลยสักนิด!

“ลุกเดี๋ยวนี้เลยนะพี่ตฤณ เล่นบ้าอะไร คนเขามองเรากันหมดแล้ว” หญิงสาวดุเขา หน้ายังคงแดงอยู่ ตฤณอมยิ้มดวงตาพราวพราย ค่อยๆลุกขึ้นยืน มือหนึ่งปัดเศษทรายออกจากเข่า อีกข้างยังกุมมือเธอไว้ หันหน้าไปแจกจ่ายยิ้มให้กับเหล่าหัวหินมุง

“แฟนผมเขาขี้งอนน่ะครับ เลยต้องง้อเสียหน่อย ตอนนี้ดีกันแล้วครับ” หลายเสียงแสดงความยินดีมาให้พวกเธอที่ดีกันได้ อีกหลายคนก็ปรบมือให้ แม่ค้าแถวนั้นคนหนึ่งทำใจกล้าตะโกนแซว ทำเอาตฤณถึงกับยิ้มกว้าง ในขณะที่เธอได้แต่หยิกเอวเขาหน้าแดงก่ำ

“นี่...พ่อหนุ่มเชื่อป้าซี...มีแฟนขี้งอนน่ะเราต้องขยันง้อ...” ร่างท้วมโบกมือไม้ให้วุ่น หน้าตาจริงจังประหนึ่งกำลังให้คำปรึกษาเรื่องการแก้ปัญหาน้ำมันขึ้นราคา “...เดี๋ยวเถอะไม่นานได้ลูกหัวปีท้ายปีแน่นอน ป้าฟันธง!” ตบท้ายด้วยการทำมือฟันฉับลงไปกับอากาศคล้ายหมอดูคนดังเจ้าของท่าที่แท้จริง

“ขอบคุณครับป้า เดี๋ยวผมต้องขยันง้ออย่างที่ป้าว่าแล้ว ว่าแต่ซื้อสายไหมสองถุงครับ” เขาจูงมือคนรักสาวที่เดินตามมาอย่างไม่เต็มใจ ยื่นมือรับสายไหมสีฟ้าและชมพูอย่างละถุงจากป้าคนขาย ก่อนจะยกมือไหว้ขอบคุณเนื่องจากอีกฝ่ายให้เขามาฟรีๆเพราะชอบใจ

ทั้งคู่โบกมือลาป้าคนขายสายไหม ออกเดินเลียบชายหาดอีกครั้งเพื่อมุ่งหน้าไปยังจุดที่นัดกับวีกิจและตรีทิพย์เอาไว้ว่าจะไปนั่งปิกนิกกัน โดยที่สองคนนั้นออกเดินทางไปก่อนเพราะตฤณขอไว้ว่าอยากจะเดินเล่นกับคนรักสองต่อสอง วีกิจเลยจัดการลากตัวตรีทิพย์นำหน้ามาแต่เช้า

“แล้วตกลงเย็นนี้พี่ตฤณจะย่างอาหารทะเลเองจริงๆเหรอ” ดาวเหนือละสายตาจากขนมหวานสีสวยในมือไปหาชายหนุ่มที่กำลังหยิบสายไหมเข้าปาก ตฤณพยักหน้าหงึกหงักตอบรับ

“พี่จองเตาของโรงแรมไว้แล้ว เขามีที่ให้แขกที่มาเที่ยวปิ้งอาหารทะเลทานเองได้ มีของสดไว้ให้ด้วยแต่พี่ว่าคงไม่พอหรอกเดี๋ยวตอนเย็นไปซื้อมาเพิ่มอีกหน่อย กินกันให้พุงกางไปเลย...”เขากางมือประกอบก่อนจะเหล่มาทางเธอ บอกเสียงเข้ม

“...โดยเฉพาะดาว ต้องกินให้เยอะนะ ดูสิไม่เจอกันแค่ไม่กี่วันผอมลงไปตั้งมาก เมื่อวานตอนกอดเราพี่นึกว่ากอดไม้กระดานอยู่นะนั่น”

หญิงสาวยิ้มบางๆ ไม่เถียง ก็จริงอย่างที่เขาพูด หลังจากวันนั้นเธอก็ไม่ค่อยอยากจะทานอะไร เห็นอะไรก็ไม่อร่อยไปซะหมด กระทั่งของโปรดที่เคยชอบกินอย่างแกงเขียวหวานลูกชิ้นปลากรายกับขนมจีนเธอยังไม่อยากจะมอง แล้วอย่างนี้จะไม่ให้น้ำหนักเธอลดลงฮวบฮาบได้อย่างไร

“ก็นี่ไง ดาวยอมให้พี่ตฤณเลี้ยงแล้ว จะไม่ไปไหนแล้ว พี่ตฤณอย่างเพิ่งเบื่อเด็กขี้งอแงอย่างดาวแล้วกัน”

ตฤณหมุนตัวดาวเหนือให้หันมาเผชิญหน้าจ้องเข้าไปในดวงตากลมโตที่มักจะดูโดดเดี่ยว บอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยทว่ามั่นคง “ดาววางใจได้ พี่ไม่มีวันเบื่อดาว ต่อให้ดาวจะขาดความมั่นใจในความรักของเราอีกสักกี่ครั้ง พี่ก็จะตามไปเติมความมั่นใจให้ดาวจนเต็มร้อยทุกครั้ง”

ดาวเหนือยิ้มอย่างตื้นตันใจ เธอช่างโชคดีจริงๆที่มีคนรักที่พร้อมจะเข้าใจในสิ่งที่เธอเป็นเสมอมา ตฤณมองสายตาหวานช่ำของคนรักแล้วรู้สึกอย่างจะ ‘รัก’ เธอขึ้นมา ชายหนุ่มยกมือขึ้นสัมผัสแก้มนวลแผ่วเบาก่อนจะค่อยๆก้มหน้าลงเตรียมลิ้มรสความหวานจากริมฝีปากอวบอิ่มอมชมพู...

“เอ่อ ก็ไม่ได้อยากจะขัดจังหวะหรอกนะครับ คุณพี่แฟน แต่...แบบว่า...พวกผมหิวแล้วอ่ะ”

ตฤณชะงักกึก ใบหน้าคมคายอยู่ห่างจากอีกฝ่ายเพียงไม่กี่เซนต์ เขาหันขวับไปมองหนุ่มรุ่นน้องที่ควบตำแหน่งว่าที่น้องเขยซึ่งกำลังเอามือลูบท้องทำตาละห้อยอยู่อย่างอาฆาต ก่อนจะยอมผละออกมาจากคนรักสาวอย่างเสียไม่ได้ ใบหน้าแสดงออกถึงความเสียดายอย่างเห็นได้ชัดจนเธอออกอาการขัดเขิน ดาวเหนือดึงมือออกจากมือของเขาเดินเลี่ยงไปหาเพื่อนรักที่นั่งอยู่ข้างตะกร้าใส่ของกินบนผ้าบาติกผืนใหญ่ที่นำมาปูไว้บนทรายใต้ร่มไม้

ตฤณเดินรั้งท้ายตามคนรักมาช้า สองแขนโน้มคอหนุ่มรุ่นน้องมาใกล้แล้วกระซิบขู่ “ถ้ามีคราวหน้าอีกจะห้ามไม่ให้เข้าบ้านสองอาทิตย์!” แล้วเดินไปนั่งเคียงข้างดาวเหนือ รับเอาแซนวิชที่อีกฝ่ายส่งให้มากัดกินอย่างเอร็ดอร่อย ปล่อยให้วีกิจยืนหน้าซีดก่นด่ากระเพาะตัวเองอยู่ในใจโทษฐานที่ไม่มีความอดทน เกิดหิวไม่ดูเวล่ำเวลา ก่อนจะเดินเข้าไปร่วมวงทีหลัง โธ่เอ๊ย...คนหล่อเซ็ง!

เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือดังขึ้นขัดการสนทนาของสี่หนุ่มสาว ดาวเหนือหยิบเอาเครื่องมือสื่อสารของตนขึ้นมาดูชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอ นิ้วเรียวกดรับแล้วกรอกเสียงลงไป

“ว่าไงพี่จันทร์”

“ดาวอยู่ที่ไหนจ๊ะ ตอนนี้ อยู่ที่โรงแรมหรือเปล่า” พรายจันทร์ถามน้องสาวคนเล็กเสียงหวาน ดาวเหนือส่งสัญญาณให้ตฤณที่เงี่ยหูมาฟังใกล้ๆรู้ว่าใครโทรมา ตอบพี่สาวเสียงเรียบตามแบบฉบับ “เปล่า ดาวออกมาเดินเล่น พี่จันทร์มีอะไร”

“คือตอนนี้ ทุกคนมาพักผ่อนกันที่หัวหินน่ะ”

“ทุกคนนี่ใครบ้าง”

“ก็...คุณพ่อ คุณแม่พี่ คุณย่า พี่กับพี่พัด ป้าชื่น ลุงมิ่ง” พรายจันทร์ร่ายรายชื่อของสมาชิกทริปนี้ ดาวเหนือขมวดคิ้วอย่างสงสัยทำไมแม่ของเธอไม่มาด้วย เกิดอะไรขึ้น

“แล้วแม่ไม่ได้มาเหรอพี่จันทร์”

“อ๋อ...น้าบุษบอกว่าไม่ค่อยสบายเลยขออยู่เฝ้าบ้านให้ แต่ไม่ต้องห่วงนะแววก็อยู่ด้วย”
“แล้วคุณตะวันไม่มาด้วยเหรอ” หญิงสาวถามไปถึงพี่สาวคนโตที่ไม่มีรายชื่อร่วมมาด้วย

“ไม่ได้มาหรอก เมื่อวานก็ไม่ได้กลับบ้าน พอตอนเช้าก่อนออกจากบ้านพี่ไปเคาะประตูจะถามว่ามาด้วยกันไหมก็ตวาดพี่เสียลั่น พี่เลยออกมาเลย เดี๋ยวแววก็คงบอกกันเองแหละ ที่พี่โทรมานี่ก็จะชวนเรามาทานข้าวเย็นด้วยกัน คุณย่าท่านจะให้ปิ้งอาหารทะเลกินกันน่ะ มานะดาวเดี๋ยวตอนเย็นพี่กับพี่พัดจะไปรับ” พรายจันทร์ชวนน้องสาวด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน เธอไม่อยากให้น้องสาวอยู่คนเดียวเดี๋ยวจะเครียดมากไปเสียเปล่า แค่สองวันที่ผ่านมาปล่อยให้คิดอะไรเองก็น่าจะพอแล้ว

ดาวเหนือยิ้มบางๆกับโทรศัพท์ รับรู้ได้ถึงความห่วงใยที่พี่สาวคนรองมีให้ แม้จะไม่ได้พูดออกมาก็ตามที ตฤณเลิกคิ้วมองท่าทีของคนรักอย่างประหลาดใจ ส่วนวีกิจนั้นชวนตรีทิพย์ไปนั่งดูตนเล่นน้ำทะเลอยู่

“ขอบคุณพี่จันทร์นะ แต่ดาวคงไม่ไป”

“ดาวอยู่กับพี่ตฤณน่ะ”

พรายจันทร์ชะงัก หันไปทำตาโตใส่คู่หมั้นหนุ่มที่กำลังนอนเล่นอยู่ที่ริมชายหาดหน้าบ้านพักตากอากาศส่วนตัว ส่วนคุณหญิงผกามาศ คุณมินตราและคุณชนะชัยนั้นเลือกที่จะพักผ่อนอยู่ภายในตัวบ้านมากกว่า พัดยศยันตัวขึ้นมาจากเก้าอี้ชายหาดเอียงคอมองอีกฝ่ายที่กำลังทำปากพะงาบๆบอกอะไรบางอย่าง ชายหนุ่มพยายามอ่านปากของคู่หมั้นสาวอย่างยากลำบากจนสุดท้ายก็ได้ความว่าดาวเหนือกำลังอยู่กับตฤณ เขารู้สึกโล่งใจที่ทุกอย่างกลับมาเป็นอย่างเดิมเสียที

“แสดงว่าตอนนี้ดาวกับคุณตฤณปรับความเข้าใจกันแล้วใช่ไหม”

“อืม... ฝากบอกทุกคนด้วยนะว่าขอโทษที่ไปไม่ได้ พี่ตฤณเขาก็จองเตาปิ้งที่โรงแรมไว้เหมือนกัน ไว้พรุ่งนี้จะเข้าไปหา”

“ได้อยู่หรอกนะ แต่...แบบว่า...”พรายจันทร์อึกอักไม่กล้าถามว่าอยู่กันแค่สองคนหรือเปล่า หญิงสาวได้แต่อ้ำอึ้งหน้าแดงอยู่ปลายสายจนพัดยศที่นั่งดูหน้าแดงๆของคู่หมั้นเพลินเกิดอาการทนไม่ได้ต้องลุกขึ้นมาแล้วทำตัวเป็นว่าที่พี่เขยที่แสนดีทันที

“ดาวอยู่กับคุณตฤณแค่สองคนหรือเปล่าครับ”

“เปล่าพี่พัด ยายตาลกับคุณวีกิจก็มา”

พัดยศเอามือปิดโทรศัพท์หันมาบอกให้พรายจันทร์วางใจ หญิงสาวทำท่าโล่งใจก่อนจะขอโทรศัพท์คืน สั่งน้องสาวอักเล็กน้อย ”งั้นก็ตกลงจ้ะ เดี๋ยวพี่บอกทุกคนให้ แต่ยังไงพรุ่งนี้ต้องมานะ พาคุณตฤณมาด้วย คุณย่าท่านกังวลมากเลย เนี่ยวางสายจากเราแล้วพี่ต้องไปบอกให้ท่านสบายใจ”

“ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวดาวไปทานข้าวเที่ยงแล้วก็ข้าวเย็นด้วยเลย พี่ตฤณเขาอยากเจอพ่ออยู่พอดี” ดาวเหนือพูดแหย่คนรักที่ทำหน้าตื่น ลอบกลืนน้ำลายเมื่อนึกภาพว่าต้องไปเผชิญหน้ากับว่าที่พ่อตาหน้าดุ ‘เห็นทีคงต้องขอเคล็ดลับพิชิตใจพ่อตาจากคุณพัดเสียแล้วสิ จะได้แคล้วคลาดจากลูกปืนบ้าง’

พรายจันทร์หัวเราะ ก่อนจะย้ำอีกทีแล้ววางสาย หญิงสาวเอนตัวลงบนเก้าอี้ชายหาดของตนยิ้มไม่ยอมหุบจนคนข้างๆต้องเอ่ยปากแซว “หน้าบานเป็นจานดาวเทียมเลยนะน้องจันทร์”

“พี่พัดก็...” คุณครูคนสวยเขวี้ยงค้อนมาให้ เอ่ยแก้ตัว “...มาแซวจันทร์ ก็มันน่าดีใจจริงหรือเปล่าล่ะ พวกเขากลับมาดีกันได้นี่แสดงว่าคุณตฤณไม่มีใจให้พี่ตะวันแน่นอน แบบนี้ถ้าพี่ตะวันรู้คงจะยอมตัดใจ”

คนฟังลอบถอนหายใจ จะอย่างไรคู่หมั้นของเขาก็ยังคงเห็นกงจักรเป็นดอกบัว จะไปเปลี่ยนความคิดคงไม่ได้ คนในครอบครัวก็ย่อมต้องมองคนของตัวเองในแง่ดีไว้ก่อน ต่างจากคนนอกอย่างเขาหรือตฤณที่อ่านทางของตะวันฉายออก นี่ถ้าเกิดรู้ขึ้นมาคงต้องรีบหาทางอื่นมาเล่นงานดาวเหนือแน่นอน ดีไม่ดีจากการก่อกวนจะกลายเป็นอะไรที่รุนแรงกว่าจนคนในตระกูลรัชดารักษ์คาดไม่ถึงกันเชียวล่ะ

‘ทางที่ดีอย่าเพิ่งให้แม่เสือสาวนั่นรู้ดีกว่า’ ชายหนุ่มคิดก่อนจะรีบบอกกับพรายจันทร์ที่ยังคงนอนยิ้มมองทะเลอยู่

“พี่ว่าเราอย่าเพิ่งบอกให้ตะวันฉายรู้เลยดีกว่า ค่อยให้รู้ตอนกลับบ้านกันแล้ว”

“ทำไมละคะ ถ้าบอกไปจะได้จบเรื่อง จันทร์เชื่อว่าพี่ตะวันต้องเข้าใจแล้วก็ถอยไปเอง พวกเราเป็นพี่น้องกันถึงพี่ตะวันจะไม่ค่อย เอ่อ ชอบดาว แต่ก็ไม่น่าจะดื้อดึงอะไรนัก...มั้งคะ” หญิงสาวยังคงมองโลกในแง่ดีแม้เสียงจะอ่อยลงไปบ้างตอนท้ายประโยคเพราะเห็นท่าทางมองมาอย่างไม่เชื่อถือของพัดยศ ประกอบกับเรื่องที่เธอเจอมากับตัวเมื่อตอนนั้นก็ยิ่งทำให้ความมั่นใจหดหาย

“พี่เข้าใจจันทร์นะว่าอยากจะเชื่อพี่สาว แต่พี่ขอไม่เชื่อคนล่ะ บอกกันตรงๆคงไม่โกรธกันนะครับ เพื่อนพี่เจอฤทธิ์ของตะวันฉายมากับตัวจนเกือบจะฆ่าตัวตาย ดีที่พวกพี่ตามไปที่บ้านมันทันเลยห้ามเอาไว้ ถามไปถามมาเลยรู้ว่าไปบอกรักตะวันฉายแล้วโดนเขาตอกกลับมาซะเสียไปถึงต้นตระกูลเลย” เขายอมเปิดปากเล่าถึงความร้ายกาจของอีกฝ่ายให้เธอฟัง ก่อนจะสำทับอีกครั้ง

“ทำตามที่พี่บอกเถอะน้องจันทร์ ถ้าน้องจันทร์อยากให้คู่นั้นเขาอยู่กันอย่างสงบสุข”

พรายจันทร์หน้าซีด ไม่อยากจะเชื่อเท่าไหร่แต่เมื่อเขายืนยันอย่างหนักแน่น อีกทั้งเรื่องเก่าๆที่ตะวันฉายเคยทำกับดาวเหนือหรือแม้กระทั่งเธอก็พอจะเป็นตัวช่วยให้ยอมพยักหน้าทำตามที่เขาบอกได้ง่ายขึ้น

“ตกลงค่ะ ไม่บอกก็ไม่บอก รู้กันแค่คนที่อยู่ที่นี่นะคะ” พัดยศยิ้มบางยกมือหนาขยี้เส้นผมดำยาวของคนรักไปมาจนยุ่งเหยิงอย่างเอ็นดู ก่อนจะลุกขึ้นวิ่งหนีเมื่อเจ้าหล่อนลุกขึ้นไล่เพราะโกรธที่โดนแกล้ง

หลังจากวางสายแล้วดาวเหนือยังคงมองโทรศัพท์มือถือในมือนิ่งจนตฤณแปลกใจ ชายหนุ่มสะกิดคนรักสาวก่อนจะถาม “เป็นอะไรไปครับ ที่บ้านไม่พอใจเหรอ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวพี่ไปส่งที่บ้านพักก็ได้”

“ไม่ใช่หรอก แค่ดาวกำลังสงสัยว่าพี่ตฤณรู้ได้ไงว่าดาวอยู่ที่นี่ จำได้ว่าสั่งพี่จันทร์ไว้ไม่ให้บอก แล้วดาวก็มั่นใจว่าต้องไม่ใช่พี่จันทร์ ฟังจากที่พูดกันเมื่อกี้พี่จันทร์ต้องไม่รู้มาก่อนจริงๆ พี่พัดเองก็ด้วย....” หญิงสาวจ้องเข้าไปในดวงตาของชายหนุ่มนิ่ง หรี่ตามองอย่างคาดคั้น ตฤณแสร้งถอนหายใจราวกับว่าหนักใจที่จะบอก อันที่จริงมันก็ไม่ได้เป็นความลับอะไรนี่นา แต่ตอนนี้ขอเล่นตัวนิดหนึ่งบอกง่ายๆเดี๋ยวได้ใจ เขาอมยิ้มเมื่อเธอยื่นมือมาเขย่าที่แขนแรงๆ หน้ามุ่ยเหมือนเด็กที่ถูกขัดใจ

“บอกมานะพี่ตฤณ ใครเป็นคนบอก”

“โอ๊ย...เบาๆครับสาวน้อย แขนพี่จะหลุดออกมาอยู่แล้ว พี่บอกแล้วครับ” เขาประท้วงเมื่อแรงที่เขย่าเพิ่มมากขึ้นจนรู้สึกได้ว่ามันกำลังจะหลุด ตฤณรีบนวดไหล่เมื่อได้รับอิสระ สะบัดหน้าใส่อย่างงอนๆแต่ยอมตอบ

“แม่บุษไงครับ แม่โทรมาบอกพี่ตอนเที่ยงคืน หลังจากรู้ว่าน้องดาวพักอยู่ที่ไหนแล้ว”
หญิงสาวถึงกับอึ้ง ความรู้สึกผิดพุ่งขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่ วันนั้นเธอมัวแต่คิดถึงแต่ความรู้สึกของตัวเองไม่ได้อยู่ดูแลความรู้สึกของมารดาที่โดนตะวันฉายว่าเข้าให้จังๆ พลุนพลันออกมาโดยไม่แม้แต่จะบอกให้ท่านได้รู้ว่าจะไปที่ไหนนอกจากจะฝากพรายจันทร์ไปบอก ป่านนี้ท่านคงนั่งน้อยใจอยู่ ‘เอ๊ะเมื่อกี้พี่จันทร์บอกว่าแม่ไม่สบายด้วยนี่นา’

หญิงสาวกดโทรศัพท์ในมืออีกครั้ง แนบหูเข้ากับมันรอสัญญาณ ตฤณลอบยิ้มกับตัวเองก่อนจะลุกขึ้นบิดขี้เกียจแล้วเดินออกไปร่วมวงกับวีกิจและตรีทิพย์ที่กำลังปักหลักก่อกองทรายกันอยู่ โดยจงใจไปนั่งขวางกลางว่าที่น้องเขยตัวดีที่พยายามทำเนียนมานั่งเบียดแนบชิดน้องของเขา ‘เปิดโอกาสให้นานแล้ว ขอหวงบ้างแล้วกันนะนายวี’
ดาวเหนือรอสายอยู่ไม่นาน เสียงแหบแห้งคล้ายคนเจ็บคอก็ดังขึ้นให้ได้ยิน หญิงสาวรู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรบางอย่างจุกอยู่ที่คอ กระบอกตาร้อนผ่าวแต่ก็พยายามที่จะส่งเสียงออกไป

“แม่...ดาวเองนะ”

“ดาวเหรอลูก เป็นยังไงบ้าง หายเงียบไปเลย หลังจากโทรมาบอกคุณจันทร์ว่าอยู่ที่ไหนแล้วก็ไม่มีโทรมาอีก แม่เป็นห่วงหนูนะ” ทันทีที่รู้ว่าเป็นลูกสาว คุณบุษบาก็รีบพูดราวกับกลัวว่าเธอจะวางสายหนี ดาวเหนือยิ่งสะท้อนใจ...นี่ไงอีกคนที่รักเธอ รักมากกว่าใครในโลกนี้ แต่เธอก็มองข้ามความรักของเขาทั้งที่เคยโหยหามันแล้วมานั่งซึมอยู่คนเดียว

“ดาวดีขึ้นแล้ว แม่ล่ะเป็นยังไงบ้าง ทานข้าวทานยาหรือยัง” หญิงสาวรีบถามไถ่อาการอย่างเป็นห่วง

“เรียบร้อยแล้วลูก นี่เจอคุณจันทร์แล้วล่ะสิ ถึงรู้ว่าแม่ไม่สบาย” คุณบุษบายิ้มอ่อนๆ รู้สึกดีใจแกมตื้นตันกับความห่วงใยจากอีกฝ่าย นานแล้วที่ไม่ได้คุยกับลูกสาวคนเดียวกันดีๆอย่างเช่นวันนี้ มันทำให้อาการป่วยที่เป็นทุเลาลง ไม่มีใครที่จะเป็นกำลังใจให้พ่อแม่ได้ดีไปกว่าลูกของตน

“อืม...พี่จันทร์บอกว่าแม่ไม่ได้มาด้วย ดาวเลยเป็นห่วง แม่เป็นอะไรมากไหม”

“ก็แค่ปวดหัวนิดหน่อยเองลูก เมื่อวานฝนมันตกแล้วแม่เผลอไปโดนละอองมันเข้า คนแก่แล้วมันก็งี้แหละ โดนอะไรนิดหน่อยมันก็พาลไม่สบายไปเสียหมด เฮ้อ...ไม่รู้ว่าจะได้อยู่ดูวันแต่งงานของดาวไหม” คุณบุษบาพูดออกไปตามที่ใจคิด ก่อนจะส่ายหัวเบาๆเมื่อโดนลูกสาวดุใส่

“แม่อย่าพูดแบบนี้ แค่ไข้หวัดเองเดี๋ยวก็หาย งั้นเดี๋ยวดาวกลับเลยดีกว่า อาการมันมากกว่าที่บอกใช่ไหม จะได้พาแม่ไปหาหมอ” หญิงสาวตัดสินใจทันที นาทีนี้แม่เธอสำคัญที่สุด คุณบุษบาได้ฟังแล้วก็เป็นปลื้มแต่อยากให้ลูกได้พักผ่อนให้สบายใจมากกว่านี้ก่อนเลยต้องรีบบอกปัด

“ไม่ต้องหรอกดาว แม่ไม่เป็นอะไรจริงๆ เที่ยวให้สนุกเถอะ หมู่นี้แม่ไม่เห็นดาวออกไปเที่ยวเลย”

“ทุกคนงานยุ่งกัน แล้วยายตาลก็ไม่สบาย ดาวไม่เลยไม่ค่อยอยากไปไหน นี่ถ้าไม่เครียดจริงก็คงไม่มา”

“ถ้าอย่างนั้นก็อยู่ต่อเถอะลูก รอกลับพร้อมคนอื่นก็ได้ เอ่อ ว่าแต่ ลูกกับตาตฤณดีกันรึยัง” คุณบุษบาลองเลียบเคียงถามเรื่องของว่าที่ลูกเขย ดาวเหนือรู้ทันทีว่ามารดาไม่อยากให้รู้ว่านางเป็นคนบอกตฤณเรื่องที่อยู่ของเธอคงเพราะกลัวเธอโกรธ ตรงกันข้ามเธอนึกขอบคุณมารดาด้วยซ้ำไปเพราะมันทำให้ทุกอย่างกลับมาดีอย่างเดิม

“พี่ตฤณอยู่กับดาวที่หัวหิน แม่...ดาวขอบคุณนะที่บอกพี่ตฤณว่าดาวอยู่ที่นี่ ขอบคุณที่ทำเพื่อลูกขี้แพ้คนนี้”

คุณบุษบาพยายามกลั้นน้ำตาแห่งความปีติเอาไว้ บอกด้วยรอยยิ้มที่คนเป็นลูกไม่ได้เห็น “ก็ดาวเป็นลูกของแม่นี่นา ไม่ทำเพื่อลูกแล้วจะให้ไปทำเพื่อใครล่ะจ๊ะ งั้นก็แปลว่าดีกันแล้วใช่ไหม”

“ดีกันแล้ว แม่จะคุยกับพี่ตฤณไหมล่ะ” ว่าแล้วก็จัดการส่งมือถือไปให้ชายหนุ่มที่เดินกลับมาหา ตฤณรับโทรศัพท์ไปก่อนจะกล่าวสวัสดีปลายสาย

“สวัสดีครับ แม่บุษ อาการเป็นยังไงบ้างครับ”

“ดีขึ้นแล้วล่ะลูก ตฤณ...แม่ขอบคุณมากนะที่ไม่ทิ้งน้อง แม่ขอฝากยายดาวไว้กับตฤณเลยแล้วกัน”

ชายหนุ่มยิ้มกว้าง ดีใจอย่างน้อยแม่ยายก็ให้บัตรผ่านแล้วล่ะนะ “ไม่ต้องห่วงครับ ผมจะรัก จะดูแลดาวไปตลอดชีวิตของผมเลยครับ แม่วางใจได้”

“จ๊ะ ขอบใจมาก ขอแม่พูดกับดาวหน่อยนะ” ตฤณส่งโทรศัพท์กลับไปให้คนรักสาวที่นั่งรออยู่

“แม่ไม่อยากให้ดาวกลับไปอยู่เป็นเพื่อนจริงๆเหรอ” เธอยังคงถามอย่างกังวล คุณบุษบาเลยต้องรีบย้ำให้เบาใจ

“ไม่ต้องหรอกลูก แม่อยู่ได้ ถ้ายังกังวลนักพรุ่งนี้ค่อยกลับมาก็ได้ แต่วันนี้อยู่เที่ยวให้ฉ่ำไปก่อน อ้อ! อย่าลืมซื้อปูมากฝากแม่บ้างนะ”

“เอางั้นก็ได้ พรุ่งนี้ดาวจะกลับไปหานะแล้วจะซื้อปูไปให้สามโลเลย” บอกอย่างเอาใจเพราะรู้ดีว่าของโปรดมารดาคือปูทะเลนั่นเอง คุณบุษบายิ้มพอใจก่อนจะสั่งสอนลูกสาวปิดท้าย

“ดาวฟังแม่นะลูก คนเราท้อได้แต่อย่าถอย จำคำแม่ไว้นะลูก”

“ค่ะแม่...แม่...ดาวรักแม่นะ”

“แม่ก็รักลูก” คุณบุษบาวางสายก่อนจะเดินกลับขึ้นไปพักผ่อนตามเดิมเพื่อให้แข็งแรงพอที่จะต้อนรับลูกสาวสุดที่รักของเธอซึ่งจะกลับมาในวันพรุ่งนี้


ตะวันฉายกระแทกประตูรถปิดอย่างแรงโดยไม่กลัวว่ารถราคาหลายล้านของตนจะเป็นรอย ก่อนจะเดินกระแทกเท้าเข้าไปในบ้าน ภายในบ้านเงียบกริบราวกับว่าไม่มีใครอยู่ แถมไฟที่ควรจะเปิดสว่างเช่นทุกวันกลับมืดสนิทเหลือเพียงแค่ไฟหน้าบ้านกับตรงห้องโถงเท่านั้นที่ยังเปิดอยู่

‘สงสัยออกไปข้างนอกกัน’ เธอพอจะจำได้ลางๆแล้วว่าเมื่อเช้าน้องสาวคนรองมาปลุกเพื่อบอกอะไรบางอย่างกับเธอ แต่ด้วยความที่แฮ้งค์กลับมาเกือบเช้าเลยไม่มีอารมณ์จะรับรู้อะไรทั้งนั้น ตอนนั้นพรายจันทร์อาจจะบอกเธอว่าจะออกไปข้างนอกกันก็ได้

หญิงสาวก้มลงมองนาฬิกาข้อมือพบว่าเลยสี่ทุ่มไปแล้วทำไมถึงยังไม่มีใครกลับมา ปกติเวลาที่บ้านเธอไปไหนกันจะไม่เคยกลับเกินสี่ทุ่มซักครั้งเนื่องจากมีผู้ใหญ่อย่างคุณหญิงผกามาศไปด้วย แต่คราวนี้กลับต่างออกไป และด้วยความหิวผสมกับความผิดหวังที่วันนี้ไปหาตฤณที่บ้านแล้วไม่เจอตัวชายหนุ่มพบแต่แม่ของเขา

คุณตรีเนตรบอกหล่อนว่าเขาไปต่างจังหวัดไม่รู้ด้วยว่าจะกลับเมื่อไหร่ ตอนแรกก็นึกว่าอีกฝ่ายแค่ช่วยลูกชายโกหก เธอจึงนั่งรอในรถคอยสังเกตการณ์จนกระทั่งเย็นก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเขา เลยเปลี่ยนใจไปเดินเล่นที่ห้างแทนจนถึงตอนนี้ ด้วยเหตุนั้นเองเลยทำให้เธอหงุดหงิดมากในเวลานี้ ตะวันฉายตะโกนเรียกคนสนิทดังลั่นบ้านเผื่อว่าจะยังไม่นอน

“นังแวว! นังแวว อยู่ไหนเนี่ย...” ไม่นานนัก แววก็วิ่งรี่มาจากห้องนอนของตนหลังบ้าน ร่างท้วมของสาวใช้คนสนิทหยุดยืนหอบตรงหน้าเจ้านายสาว ก่อนที่ตะวันฉายจะออกคำสั่ง “หาอะไรมาให้ฉันกินหน่อยสิ”

“ได้ค่ะ คุณตะวัน”

“เดี๋ยว!” ตะวันฉายเรียกอีกฝ่ายไว้ก่อนที่จะได้ทันเข้าครัวไป “แล้วนี่เขาไปไหนกันหมด”

“คุณๆพากันไปเที่ยวหัวหินหมดเลยค่ะ คุณหญิงท่านบอกว่าไม่ได้ไปพักผ่อนกันนานแล้ว คุณพัดเลยเอารถตู้มารับไปกันตั้งแต่เช้า”

“บ้าที่สุด! จะไปไหนมาไหนไม่คิดจะบอกฉันกันเลยสินะ อ๊าย! โมโห”หญิงสาวฟาดกระเป๋าลงไปบนตัวสาวใช้อย่างแรงหลายๆครั้ง เป็นการระบายอารมณ์โกรธและผิดหวังที่เกิดขึ้นในวันนี้ ก่อนจะสะบัดหน้าเดินออกจากบ้านไปทั้งที่เพิ่งเข้ามา

“อูย...” แววลูบแขนตัวเองป้อยๆ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าลืมบอกบางอย่างกับเจ้านายสาวไป “...ลืมบอกเลยว่ายายบุษบาไม่ได้ไปด้วย แต่ช่างเถอะ คุณตะวันออกไปข้างนอกนี่ คงไม่เดินไปแถวนั้นล่ะมั้ง” ร่างท้วมเดินกลับไปยังห้องตัวเองอย่างไม่ใครจะสนใจเรื่องอื่นเพราะกำลังติดพันอยู่กับละครเรื่องโปรด ตอนที่ต้องออกมารับหน้าตะวันฉายเมื่อกี้เผอิญว่าโฆษณาพอดี

ตะวันฉายเดินกระแทกกระทั้นไปยังรถของตน สตาร์ทเครื่องแล้วขับออกไป ตั้งใจจะไปหาอาริตาที่คอนโดเพื่อชวนไปหาอะไรทำแก้เซ็งคืนนี้เสียหน่อย ร่างเพรียวเหยียบเบรกกะทันหันเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นแสงไฟส่องสว่างออกมาภายในบ้านของสองแม่ลูกมารความสุขของเธอ

‘แปลกจริง นังแววบอกว่าไปเที่ยวกันหมดนี่นา ทำไมในบ้านถึงยังมีไฟอยู่’ แล้วคนอย่างตะวันฉายก็ไม่เคยปล่อยให้อะไรคาใจ รีบดับเครื่องทันทีก่อนจะลงไปดู

“หรือนังดาวอุบาทว์มันจะกลับมาแล้ว ไม่น่าเป็นไปได้ ถ้ามันกลับมานังแววก็ต้องรายงานแล้วสิ เอ๊ะ! หรือว่าจะเป็นขโมย ดีเลย...จะได้ไปบอกให้ขโมยไปให้หมดทั้งบ้าน” ตะวันฉายยิ้มย่อง ตาลุกวาว เดินฉับๆเข้าไปทันที แต่พอก้าวเข้าไปแล้วก็ต้องเบ้ปากเมื่อเห็นว่าคนที่กำลังนั่งดูโทรทัศน์นั้นไม่ใช่ขโมยอย่างที่หวัง

-------------------------------------------------------------------------------------
มาต่อแล้วค่า อาจจะมาไม่ตรงวันที่เคยลงไว้แต่ก็จะพยายามมาอัพทุกอาทิตย์ทั้งสอง

เรื่องนะ ช่วงนี้ลงมาอยู่บ้านที่ต่้างจังหวัดต้องช่วยงานด้วยเลยค่อยกระดื้บๆพิมพ์นิยาย

เอา แต่วันนี้ข้าพเจ้าจะลงอีกตอนตอนบ่ายสามนะ ตอนหน้านี่แหละ พกผ้าเช็ดหน้ากัน

ไว้ให้ดีดี ข้าพเจ้าจะทำการฆาตกรรมแล้ว ติชมได้ค่า เจอกันตอนบ่ายสาม




ไอจันทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 มิ.ย. 2555, 13:11:37 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 มิ.ย. 2555, 13:11:37 น.

จำนวนการเข้าชม : 1676





<< ตอนที่ 33   ตอนที่ 35 >>
sai 5 มิ.ย. 2555, 13:42:15 น.
ยายตะวันคงไม่ทำอะไรแม่บุษนะ รู้สึกสังหรณ์แปลกๆอ่ะอ่านตอนนี้


anOO 5 มิ.ย. 2555, 15:25:02 น.
ยัยตะวันรอโอกาสทองนี้อยู่พอดีเลย แม่บุษจะเป็นอะไรมากไหมเนี้ย
รู้สึกว่ามันต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นแ่น่ๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account