กรรมสิทธิ์หัวใจ
“แล้วทำไมหนูถึงต้องทำตามที่คุณพีต้องการทุกอย่างด้วยเล่า!”

วริณสิตาตะโกนก้อง ราวกับจะร้องเพื่อปลดปล่อยอารมณ์ร้อนที่สุมในใจ สาวน้อยหารู้ไม่ ว่าการกระทำนั้นทำให้ดวงตาคมปลาบเบิกขึ้นสว่างวาบ

พีรพัฒน์ตวัดต้นแขนเล็กที่จับไว้ในมือให้ถลาเข้ามา กระซิบเย็นเยียบ หน้าเกือบประชิดหน้า

“เพราะเธอ คือ ‘กรรมสิทธิ์’ ของฉันไงล่ะวริณสิตา!”

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 24

ตอนที่ ๒๔

เมื่อถึงวันเสาร์ คุณอมรก็ส่งรถมารับคนจากบ้านสุริยะธาดาไปช่วยงานตั้งแต่เช้า พีรพัฒน์ไม่ได้ไปด้วยเพราะเขามีงานของพีแอลเอสที่ต้องสะสางก่อน กว่าจะเสร็จก็บ่ายสี่โมงเย็นเขาถึงจะได้ขับรถตามไป

บ้านของคุณอมร วรโชติก็ไม่ต่างจากบ้านสุริยะธาดาสักนิดในเรื่องของความใหญ่โตหรูหราที่สามารถเรียกอย่างเต็มปากเต็มคำได้ว่าเป็น ‘คฤหาสน์หลังงาม’ อาคารใหญ่สไตล์ยุโรปสีขาวสะอาดตาที่ตั้งโด่ดเด่นอยู่ด้านหน้าคือตึกใหญ่ที่เป็นส่วนอาศัยของเจ้าของบ้าน บริเวณรอบข้างรายรอบด้วยสนามหญ้าสีเขียวในสวนสวยที่ได้รับการจัดและดูแลรักษาอย่างดี และงานวันนี้ก็จะจัดขึ้นในสวนนั้นด้วย

พีรพัฒน์เลี้ยวรถเข้าจอดที่โรงจอดด้านปีกซ้ายของตึกใหญ่ก่อนจะเปิดประตูรรถออกมา เขาเห็นแล้วว่าเด็กรับใช้ ๔-๕ ของคุณอมรกำลังจัดแต่งสถานที่จัดงานอยู่ อาจเพราะจำนวนแรงงานมีน้อย แถมใกล้เวลาเริ่มงานแล้ว ทุกคนจึงดูวุ่นวายเร่งรีบมหาศาล โดยเฉพาะกับการจัดเตรียมที่นั่งสำหรับแขกและโต๊ะบุฟเฟ่ต์ตัวยาวที่ต้องลำเลียงแจกันดอกไม้ ชุดจาน ช้อน ส้อม รวมถึงอาหารที่จะจัดมาขึ้นโต๊ะ

พีรพัฒน์หรี่ตาเพ่งมอง

ยุ่งกันขนาดนั้น บางทีเด็กในปกครองเขาอาจอยู่แถวนั้นด้วยก็ได้

ไวเท่าความคิด ชายหนุ่มสาวเท้ายาวๆจะเข้าไปในสนามมากกว่าจะเข้าไปหาเจ้าของบ้านที่อาจจะอยู่ด้านในคฤหาสน์ แต่ไม่ทันที่เขาจะเดินผ่านหน้าตึกใหญ่ เสียงแหลมๆก็ดังขัด

“พีคะ!”

คนถูกเรียกชะงัก ก่อนจะหันไปทางต้นเสียง

“กำลังจะไปไหนหรือคะ?” หทัยรักถาม สาวสวยเดินฉับๆออกมา เรียกได้ว่าหน้าบึ้งจัด พีรพัฒน์คลี่ยิ้มบางๆ เพราะเข้าใจหรอกว่าเจ้าหล่อนอารมณ์ขุ่นเพราะอะไรเลยพยายามจะชวนคุย

“ผมจะไปดูทางโน้นน่ะ เห็นทำงานกันอยู่ ตกลงคุณอาอมรจัดงานในสวนหรือ”

“ฮึ!” หทัยรักเชิดหน้า กระแทกเสียงเหยียดทันทีว่า “ไม่รู้หรอกค่ะ จะไปจัดที่ไหน หลังตึก ท้ายครัวหรือหน้าห้องคนใช้ รักไม่สนใจหรอก!”
เจอแบบนั้นเข้าไปพีรพัฒน์ก็ได้แต่ลอบถอนใจ หลังจากที่ถูกลากเข้ามาเกี่ยวในปัญหานี้ได้สักพัก เขาเองก็ยอมรับละว่ามันไม่ได้สนุกนักเวลาที่ต้องเสวนากับหทัยรักในสภาพ คุณหนูเอาแต่ใจ เพราะงั้น...

“งั้นผมขอตัวทางโน้นก่อนแล้วกันนะ เผื่อคุณอาอยู่ที่นั่น”
“พี!” สาวสวยกรีดเสียงเรียกเขาอย่างขัดใจ แต่หนนี้พีรพัฒน์ไม่หยุดแล้ว ชายหนุ่มสาวเท้ายาวๆเข้าไปในสนามหญ้า แม้จะเอ่ยว่าคุณอมรอาจอยู่ตรงนั้น ทว่าจริงๆพีรพัฒน์กลับมองหาคนอื่น ทว่าในบรรดาเด็กรับใช้ ๔-๕ คนก็ไม่ปรากฏใครที่คุ้นหน้าคุ้นตา ซ้ำร้ายกว่าคือคนที่รพัฒน์อ้างชื่อก็ดันอยู่ตรงนั้นจริงๆ

“อ้าว! ว่ายังไง” คุณอมรยิ้มร่า เดินอาดๆมาหาชายหนุ่มทันที “มาเสียแต่หัววันเชียวนะ อยากมาช่วยอาดูแลความเรียบร้อยใช่รึเปล่า”

กับคำถามนั้น ถ้าบอกไปตามตรงว่า ‘ไม่ใช่’ ก็คงจะกระไรอยู่ พีรพัฒน์เลยได้แต่ยิ้มเฝื่อน ไม่ตอบรับอะไร อีกฝ่ายเลยว่าต่อ

“แต่ทุกอย่างเกือบเรียบร้อยแล้วล่ะ นี่ก็ได้เวลา อาว่าจะขึ้นไปเตรียมตัวแล้ว เดี๋ยวจะลงมาต้อนรับแขกเหรื่อไม่ทัน พีเองก็เข้าไปข้างในด้วยกันกับอาสิ ช่วยไปคุยกับยายรักให้อาหน่อย วันนี้น่ะเขางอน ขังตัวเองอยู่ในห้องตั้งแต่เช้า ไม่พูดไม่จา อาเข้าไปหาก็ไม่มองหน้าอาเลย เฮ้อ! บอกตรงๆ อาเห็นแล้วก็ไม่สบายใจจริงๆ”

แล้วคุณอมรก็ตรงเข้าโอบไหล่ชายหนุ่มทันที แต่ว่า...

“เอ่อ แล้วคนของผมล่ะครับ” พีรพัฒน์ถามขึ้น ซึ่งคำถามนั้นก็ทำเอาคนถูกถามชะงักทันควัน ก่อนหันมองหน้าเขา
“อ่อ! คนของพีน่ะรึ” คุณอมรว่า คลายมือออกมาจากไหล่ของพีรพัฒน์ “ก็ช่วยคุณช้อยแม่ครัวอานั่นแหละ อยู่ในครัวด้านเรือนคนใช้ ทั้งยายบัวศรี นายก้าน แล้วก็...”

“จิ๊บ!” เสียงเรียกที่ดังขึ้นดึงความสนใจพีรพัฒน์ให้หันไปมอง แล้วเขาก็ได้เห็นเด็กในปกครองของตัวเองกำลังยกจานเปล่าสูงเป็นตั้งๆเดินออกมาจากด้านหลังตึก ข้างๆมีร่างสูงชะลูดของเด็กหนุ่มเดินตาม ส่งเสียงโหวกเหวกอยู่ไม่ห่าง

“จิ๊บ เราว่าจานนั่นมันหนักนะ แบ่งมาให้เราช่วยยกให้อีกหน่อยดีกว่ามั้ย”
“ไม่ดีจ้ะ การนนท์เองก็ถือไว้ตั้งเยอะแล้ว ไม่ต้องช่วยเราอีกหรอก แค่นี้เราถือได้” วริณสิตาว่า รอยยิ้มกรุ่นกำจาย แต่ดูเหมือนเด็กหนุ่มอีกฝ่ายไม่ยอม

“โธ่! พูดอย่างงี้ได้ไง เราเป็นผู้ชายนะ”
ว่าแล้วการนนท์ก็สาวเท้ายาวๆก้าวนำขึ้นไปแล้วเอาตัวขวางทางวริณสิตาไว้ ก่อนหันกลับไป เอ่ยด้วยสีหน้าสุดแสนจริงจังว่า

“เราเป็นเพศที่บึกบึนกว่านะ เพราะงั้นเราต้องถือได้มากกว่าสิ จริงมั้ย”

และนั่นแหละ เจอคำถามนั้นเข้าไปคนถูกถามก็ได้แต่กะพริบตา มองหนุ่มน้อยหน้าตี๋ร่างสูงชะลูดตรงหน้าอยู่นานอึดใจก่อนที่จะปล่อยหัวเราะกิ๊กออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่!

“หึๆ นี่! อย่างงี้เนี่ยนะเรียกว่าบึกบึน” วริณสิตาแกล้งแซวขำๆส่งผลให้คนอีกฝ่ายต้องแกล้งกลบเกลือนเสียงดังด้วยเหมือนกัน
“ใช่! ไม่รู้แหละ แต่แบ่งมาให้เราช่วยถืออีกซะดีๆ”

สาวน้อยอมยิ้มจนแก้มตุ่ย ก่อนที่จะยอมแบ่งจานให้ตามความต้องการของอีกฝ่ายในที่สุด

“อ่ะ ก็ได้”

การนนท์ยิ้มกว้างทันที “นี่! ต้องอย่างนี้สิ ว่าง่ายๆจะได้น่ารัก!”

“เหอ บ๊องแล้ว!” แล้วสาวน้อยก็หัวเราะคิกเพราะไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่าแซวกันขำๆประสาเพื่อน แต่สำหรับพีรพัฒน์ เขากลับมองภาพนั้นด้วยความรู้สึกไม่ค่อยชอบใจอย่างประหลาด!

และในนาทีที่เงยหน้าแล้วหันมานั้น วริณสิตาก็ได้ปะเข้ากับนัยน์ตาคมปลาบที่กำลังจับจ้อง รอยยิ้มต้องเฝื่อนไป เสียงหัวเราะใสๆก็อันตรธานหายด้วย เด็กสาวหลุบตาลงต่ำ อากัปกิริยานั้นทำให้หนุ่มน้อยอีกคนต้องหันมองมาทางเขาบ้าง และทันทีที่เห็นพีรพัฒน์ ซึ่งอาจเพราะอยู่ไกลแถมยังถือจานไว้การนนท์เลยไม่ได้แสดงทีท่าอะไรนอกจากยิ้มมุมปากนิดๆ แล้วผงกศีรษะให้เป็นการทักทายเท่านั้น

พีรพัฒน์ได้แต่มองนิ่งๆ เขาไม่ได้ยิ้มตอบหรือผงกหัวรับการทักทายของเด็กหนุ่มกระทั่งเสียงทุ้มๆของคนที่ยืนอยู่ข้างๆเอ่ย

“นั่นน่ะเจ้านนท์หลานชายอา ไม่รู้ว่าพีเคยเจอหรือยัง แต่ยายรักคงเคยพูดถึงให้ฟังแล้วมั้ง นี่อาก็เพิ่งจะรู้ ว่าเขารู้จักกับเด็กรับใช้ใหม่ของพี”

“ผมไม่ได้อุปการะใครในฐานะเด็กรับใช้ครับ”

ดูเหมือนประโยคที่เอ่ยออกมาทันทีทันใดนั้นจะทำให้คนฟังต้องชะงัก

“อ่อ!” คุณอมรขยับตัวนิดๆ “งั้นอาต้องขอโทษทีที่ใช้คำผิดไป จริงๆยายรักก็เคยบอกอาแล้วเหมือนกันล่ะ ว่าพีอุปการะเด็กนั่นในฐานะ ‘น้องสาว’ ใช่มั้ย”

ชายหนุ่มไม่ได้ตอบอะไร แต่ที่จริงอีกฝ่ายก็มิได้คิดจะให้เขาตอบเหมือนกัน อมร วรโชติส่งเสียงหัวเราะหึๆในลำคอก่อนเอ่ยต่อด้วยวาจาคล้ายผู้ใหญ่ใจดีปราศัยกับลูกหลาน

“อย่างนั้นน่ะก็ดีแล้ว เพราะดูเจ้านนท์มันจะชอบๆแม่หนูนั่นอยู่ ถ้าไม่ใช่คนใช้ ฐาน้งฐานะอะไรมันจะได้สมกันสักนิด”

พีรพัฒน์หันมองคู่สนทนาทันที แต่มีหรือที่อีกฝ่ายจะสนใจ คุณอมรยังคงแสร้งทอดสายตามองตามสาวน้อยกับเด็กหนุ่มต่อไปคล้ายคนใหญ่ๆเอ็นดูเด็กน้อย

“อันที่จริงอาไม่ได้คิดรังเกียจรังงอนอะไรหรอกนะ เข้าใจว่าคนเรา ดีไม่ดีมันไม่ได้วัดกันที่ฐานะ แต่ว่าถึงยังไงเจ้านนท์มันก็มีศักดิ์เป็นหลานอา เป็นน้องของยายรัก เขาใช้นามสกุลเดียวกันอยู่ ถ้ามันไปคบคนใช้เป็นแฟนก็คงจะไม่เหมาะ ยายรักอาจจะรับไม่ได้อีกก็ได้ แต่ถ้า...”

เกือบอึดใจเต็มๆที่คนสูงวัยกว่าอย่างอมร วรโชติเว้นวรรคไป ก่อนจะหันมาสบตาพีรพัฒน์ และดวงตาที่ไม่เคยสื่อแววใดเด่นชัด หนนี้กลับมีประกายมุ่งมาดชัดแจ้ง

“แต่ถ้าพี เป็นคนรับรองกับอาว่าอุปการะแม่หนูนั่นในฐานะ ‘น้องสาวของทายาทสุริยะธาดา’ ก็คงจะว่าไปอีกเรื่อง ไอ้ผู้ปกครองกับผู้ใหญ่อย่างเราจะได้สนับสนุนให้เด็กๆเขารักกันได้โดยไม่ตะขิดตะขวงใจ จริงไหมพี!”


เมื่อแสงสุดท้ายของพระอาทิตย์ค่อยลับหายและแสงไฟสีนวลจากดวงโคมกับราวไฟประดับถูกเปิดสว่างแทนที่ ก็เป็นเวลาที่แขกเหรื่อเริ่มทยอยมากัน แม้จะพูดปาวๆว่านี่เป็นงานเลี้ยงเล็กๆ เน้นจัดอย่างเป็นกันเองไม่เอิกเกริก

แต่อย่างไรเสียพวกเศรษฐีที่จัดตัวเองเป็น ‘ไฮโซ’ ก็ต้องเป็น ‘ไฮโซ’ วันยังค่ำ เพราะทุกคนในงานแต่งตัวหรูหราสวยงามเหมือนจงใจจะแต่งมาประกวดประขันกันให้ชัดแจ้ง ทำเอาสาวน้อยที่ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนอย่างวริณสิตาตื่นตาตื่นใจน่าดู

“น้องจ๊ะ” เสียงเล็กแหลมเอ่ยเรียกพร้อมมือที่ยื่นมาสะกิดทำให้วริณสิตาต้องหันมา “ขอน้ำส้มให้คุณพี่กับคุณหญิงดาริกาสักแก้วสิจ๊ะ”

“ค่ะๆ ได้ค่ะ” วริณสิตารีบรับคำและค้อมตัวลงน้อยๆอย่างสุภาพเมื่อเจ้าของเสียงเล็กแหลมที่แทนตัวเองว่าคุณพี่ทั้งที่อายุน่าจะระดับคุณป้าแล้วยื่นมือมาหยิบแก้วน้ำทรงสูงจากถาดที่เธอถืออยู่ไปสองแก้ว

“ขอบใจนะจ๊ะ”

วริณสิตายิ้มรับพร้อมค้อมตัวน้อยๆอีกครั้งให้กับร่างท้วมๆสองร่างที่อยู่ในชุดราตรียาวเฟื้อยแสนสวย แถมระยิบระยับด้วยเครื่องเพชรที่ต่างคนต่างใส่ประดับประดา อย่างนี้แม้จะต้องใส่ชุดฟอร์มอย่างสาวใช้บ้านวรโชติแล้วช่วยเสิร์ฟน้ำอย่างคนรับใช้อื่นๆวริณสิตาก็ไม่ได้รู้สึกแย่อะไรเลย เพราะสิ่งที่เห็นตรงหน้าดูเพลินตามากกว่า

เจ้าภาพของงานอย่างคุณอมรเองก็อยู่ในชุดสูทสีเทาเงินดูหรูหรา เดินทักทายแขกเหรื่อเคียงคู่กับคุณผู้หญิงคนสำคัญของงาน...

คุณผู้หญิง...ที่วริณสิตาได้รู้ว่าเธอชื่อ...คุณสายสุนีย์

สาวน้อยเผลอตัวคลี่ยิ้มแล้วมองตาม วันนี้คุณสายสุนีย์อยู่ในชุดงานกลางคืนแบบยาวสีเบจ แม้รูปแบบการตัดเย็บจะเป็นแบบเรียบง่าย ไม่ได้อู้ฟู่อลังการอย่างแขกไฮโซบางราย แต่อาจเพราะตัวผู้สวมใส่จัดเป็นหญิงวัยกลางคนที่สวยมากๆ จึงทำให้ดูงามสง่าสมกับฐานะภรรยาของนักธุรกิจใหญ่ แต่ทว่า...

“อุ๊ย! นี่ รู้อะไรไหมล่ะคะ” จู่ๆเสียงกระซิบของคุณพี่ระดับป้าคนที่ขอน้ำส้มไปเมื่อครู่ก็ดังขึ้งมา และเพราะไม่มีไฮโซคนไหนเห็นถึงความสำคัญของเด็กเสิร์ฟน้ำอย่างวริณสิตา คุณพี่ระดับป้าจึงกระซิบต่อไปอีกโดยไม่สนใจใครว่า

“เขาว่าคุณสายสุนีย์เนี่ย จริงๆเป็นแค่พนักงานทำความสะอาดนะคะคุณหญิงดา”
และเท่านั้นแหละคุณหญิงดาก็ตาโตทันที
“วุ๊ย! จริงหรือคะ ข่าวกรองรึเปล่าคะคุณหญิงสุ”
“แหม! กรองสิคะ เรื่องนี้เขาว่ากันให้แซ่ดไปค่ะว่าคุณอมรน่ะเกิดไปถูกใจความสวย เลยเก็บมาเชิดชู นี่มีข่าวขนาดว่าลูกสาวคุณอมรไม่พอใจมากถึงขนาดตามไปตบล้างน้ำเลยนะคะ”
“ต๊าย! พูดเป็นเล่นหรือเปล่าคะ ยังกะแม่ค้าตลาดสด”
“อุ๊ย!” คนเล่าส่งเสียงร้อง มองค้อนคนถามขวับๆ “เล่นหรือเปล่าไม่รู้หรอกค่ะ แต่เขาว่ากันมาแบบนี้ แต่มันก็น่าคิดนะคะคุณหญิงดา ดูซิ เรามากันตั้งนานแล้วเห็นลูกสาวคุณอมรในงานนี่เสียที่ไหน แสดงว่าเรื่องนี้มันต้องมีมูลค่ะ!”

วริณสิตาที่ได้ฟังด้วยก็ได้แต่กะพริบตา เรื่องหทัยรักตามไปทำร้ายคุณสายสุนีย์อย่างเขาว่าจะมีมูลหรือไม่สาวน้อยไม่รู้หรอก รู้แต่นาทีนี้นึกสงสารคุณสายสุนีย์ขึ้นมาในใจ ยิ่งตอนคุณอมรพาเดินมาทักทายสองคุณหญิงนี่ เขาก็แสดงหน้าตาชื่นมื่นให้ โดยไม่รู้สักนิดว่าตนเองเพิ่งถูกนินทาไป เสียๆหายๆไม่มีชิ้นดี!

ทำไมนะ...วริณสิตาไม่เข้าใจเลย ทำไมสังคมของคนรวยๆนี่ถึงได้หน้าไหว้หลังหลอกนัก

“ไง" จู่ๆเสียงห้าวก็ดังมา "เหนื่อยมั้ย โทษทีที่หายไปนานนะ เรากลับมาช่วยจิ๊บแล้ว” แล้วก็ไวเสียยิ่งกว่าเสียงพูดในประโยคนั้นเมื่อจู่ๆถาดแก้วน้ำที่ถือไว้โดนฉกไปจากมือเฉย!

“อ๊ะ!” วริณสิตาร้องได้แค่นั้นเมื่อหันไปเห็นชัด ว่ามือดีที่แย่งถาดเสิร์ฟน้ำไปจากเธอนั้นใช่ใครที่ไหน
“การนนท์!”

เจ้าของชื่อฉีกยิ้มกว้าง

“ช่าย กลับมาช่วยแล้วจ้า โทษทีนะที่หายไปนาน มาๆต้องไปเดินเสิร์ฟตรงไหนบ้าง ไหนดูซิ” หนุ่มน้อยว่า แล้วก็ตั้งท่าจะเดินไป ทว่าวริณสิตากลับตกใจ รีบคว้าแขนการนนท์ไว้เกือบไม่ทัน

“นี่ๆ เดี๋ยวๆ ไม่ได้นะ ไม่ได้ การนนท์จะไปเดินเสิร์ฟน้ำได้ยังไง!”

“หืม?” เด็กหนุ่มที่ถูกยึดแขนไว้ยิ้มขำๆ “ก็ทำไมจะไม่ได้ล่ะ” การนนท์แสร้งว่า “เรามีขาคอยเดินนะ มีแขนมีมือคอยถือถาด แล้วก็มีปากคอยถาม รับน้ำสักแก้วมั้ยครับ!”

แต่วริณสิตาไม่ตลกเลย สาวน้อยทำหน้าเหมือนโลกกำลังจะแตก เพราะหลังจากหายไปประมาณสามสิบนาที ตอนนี้การนนท์ก็อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตเนื้อดีสีชมพูอ่อน กับสูทเทียมสีน้ำตาล มิหนำซ้ำทรงผมยังหวีเท่ หน้าตาเรี่ยมเร้หล่อไม่แพ้ดาราเกาหลีในซีรี่ย์บางเรื่องเสียอีก แล้วอย่างนี้จะปล่อยให้ไปเดินเสิร์ฟน้ำเนี่ยนะ เธอคงต้องถูกคนบ้านวรโชติจับแขวนคอแน่!

เมื่อเห็นวริณสิตาหน้าจ๋อยไป การนนท์ก็ผ่อนลมหายใจแรงๆ ความจริงหนุ่มน้อยเข้าใจความหมายที่วริณสิตาต้องห้ามเขาดี แต่แหงแหละ การนนท์ไม่เห็นด้วย และจริงๆหนุ่มน้อยก็นึกเคืองคุณอมรที่เข้ามาขอให้เขาและวริณสิตาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนงานเริ่ม ซึ่งการนนท์ไม่รู้เลยว่าชุดของเขากับของเธอมันจะคนละเรื่องกันแบบนี้!

หนุ่มน้อยมองหน้าวริณสิตา แววตาจริงจัง

“ไม่เป็นไรหรอก เราเป็นเพื่อนกันนะ ต่อให้แต่งตัวแบบไหน เราก็มีใจพร้อมช่วยจิ๊บเสมอ”

“กะ...การนนท์!” แต่หนนี้ไม่ทันแล้ว การนนท์เดินลิ่วๆเข้าไปในสนามโดยไม่สนใจเสียงทัดทานของเด็กสาวสักนิด พอผ่านพวกแขกเหรื่อที่เป็นบรรดาคุณหญิงคุณนายหนุ่มน้อยก็คลี่ยิ้ม เอ่ยถามสุภาพ

“รับน้ำสักแก้วไหมครับ?”
“ต๊าย! หน้าตาแบบนี้ หลานชายคุณอมรหรือเปล่าจ๊ะ ทำไมเสิร์ฟน้ำเองอย่างนี้ล่ะคะ”

คนถูกถามคลี่ยิ้มเก๋ไก๋

“ก็คุณลุงอมรท่านอยากได้งานเลี้ยงที่บรรยากาศสบายๆเป็นกันเองน่ะครับ ผมก็เลยลงมาช่วย”
“แหม! นอกจากหน้าตาดีแล้วยังน้ำใจดีอีกนะคะ” แล้วบรรดาแขกเหรื่อโดยเฉพาะพวกป้าๆ คุณหญิงคุณนายต่างก็ชื่นชมกรี๊ดกร๊าดการนนท์กันยกใหญ่ หนุ่มน้อยเดินยิ้มแต้กลับมาหาสาวน้อย

“เห็นมั้ย ไม่มีอะไรน่ากลัวเลย มีคนเสิร์ฟน้ำกิตติมศักดิ์แต่งตัวเท่ยังกะพระเอกเกาหลีแบบเราอ่ะ ใครที่ไหนก็ชอบ”

“หึๆ ขี้โม้!” วริณสิตาหัวเราะคิกเพราะการนนท์ก็เป็นแบบนี้เสมอ ชอบปล่อยมุขให้เธออารมณ์ดีได้ตลอด แต่ทว่า...

“ขอโทษนะ” ทันทีที่มีเสียงทุ้มๆเอ่ยขึ้นจากเบื้องหลัง ทั้งรอยยิ้มและเสียงหัวเราะของวริณสิตาก็หายไปทันควัน การนนท์เองก็หุบยิ้มเหมือนกัน เด็กหนุ่มรู้ คนที่มีอิทธิพลต่อความร่าเริงสดใสของสาวน้อยขนาดนี้เป็นใครคงไม่ต้องเดา!

หนุ่มน้อยหันกลับมา สัญชาตญาณบอกชัดว่า

ไม่ชอบเลย! ไม่ชอบเลยกับคนที่มาทำให้เพื่อนสาวที่สดใสของเขาต้องจ๋อยไป แม้ไอ้คนที่ว่า จะมีศักดิ์เป็นผู้ปกครองวริณสิตาก็เถอะ!
...........................

คุณปูและคนอ่านที่น่ารักทุกๆท่าน เดี๋ยวปารินจะพยายามอัพให้ทันกะตอนปัจจุบันนะ จะพยายาม



ปาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 พ.ค. 2554, 08:50:15 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 พ.ค. 2554, 10:37:17 น.

จำนวนการเข้าชม : 3034





<< ตอนที่ 23   ตอนที่ 25 >>
bloomberg 16 ม.ค. 2555, 21:53:58 น.
อีตาพ่อนี่พูดเอาแต่ได้ทุกที คุณพีต้องแสดงความรู้สึกให้โจ่งแจ้งกว่านี้หน่อยนะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account