กรรมสิทธิ์หัวใจ
“แล้วทำไมหนูถึงต้องทำตามที่คุณพีต้องการทุกอย่างด้วยเล่า!”

วริณสิตาตะโกนก้อง ราวกับจะร้องเพื่อปลดปล่อยอารมณ์ร้อนที่สุมในใจ สาวน้อยหารู้ไม่ ว่าการกระทำนั้นทำให้ดวงตาคมปลาบเบิกขึ้นสว่างวาบ

พีรพัฒน์ตวัดต้นแขนเล็กที่จับไว้ในมือให้ถลาเข้ามา กระซิบเย็นเยียบ หน้าเกือบประชิดหน้า

“เพราะเธอ คือ ‘กรรมสิทธิ์’ ของฉันไงล่ะวริณสิตา!”

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 25

ตอนที่ ๒๕

การนนท์คลี่ยิ้มมุมปากเมื่อหมุนตัวมาเผชิญหน้ากับพีรพัฒน์ ด้วยอารมณ์อย่างผู้ชาย แม้จะอายุน้อยกว่ามาก แต่เด็กหนุ่มไม่รู้สึกกริ่งเกรงอะไรเลย

“มีอะไรหรือครับ?” การนนท์ถาม จงใจจ้องหน้า เลิกคิ้วขึ้นมานิดๆ “ต้องการอะไรรึเปล่า?”

แน่ละ กับสัญญาณท้าทายเล็กๆแบบนั้น ผู้ชายด้วยกันมีหรือจะอ่านไม่ออก

แต่พีรพัฒน์ก็ตระหนัก บอกตนเองว่าเขาเป็นผู้ใหญ่เกินกว่าจะมาคิดใส่ใจท่าทียียวนของเด็กแล้ว เขาเหลือบตามองเฉพาะเด็กในปกครองของตน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างช่วยไม่ได้ แม้ใจจริงจะไม่ชอบเลยเหมือนกันที่คุณอมรให้วริณสิตาต้องมาเดินบริการเครื่องดื่มเช่นนี้

แต่ถ้ามันสุดวิสัย ตกในที่นั่งว่าจำเป็นต้องทำแล้ว พีรพัฒน์ก็หวังว่าเด็กในปกครองของเขาจะรู้เหมาะรู้สมบ้าง

ทว่าจากที่เฝ้าดูมาสักพัก พีรพัฒน์ไม่เห็นว่าจะเป็นอย่างคาดหวังเลย นาทีนี้แม่สาวน้อยนั่นจะคิดอะไร เขาไม่รู้ เขารู้แต่ ถึงแม้จะเป็นเพื่อนสนิทกัน แต่การอยู่ติดเป็นแพ็คคู่กับหลานชายเจ้าของงานโดยแต่งตัวผิดกันอย่างฟ้ากับเหว เป็นสิ่งไม่เหมาะสักเท่าไหร่!

พีรพัฒน์ค่อนข้างเครียด คิดอยู่ว่าคงจะต้องเตือนให้ระวังเรื่องนี้บ้าง แต่ไม่ทันที่เขาจะได้เอ่ยเรียกชื่อวริณสิตาด้วยซ้ำ การนนท์ก็เข้าขวาง

“อ้อ! หรือว่าคุณต้องการเครื่องดื่มสักแก้วล่ะครับ?”
พร้อมกันกับคำพูด หนุ่มน้อยดันถาดแก้วน้ำที่ถือในมือเสือกพรวดเข้ามาเสียเกือบจะชนหน้าอกเขา พีรพัฒน์ชะงักทันที

แน่ละสิ! หนนี้ตาจ้องตา สัญญาณท้าทายที่ส่งมา ชัดเจนนัก!

พีรพัฒน์หรี่ตา ดูท่าปัญหาเรื่อง ‘เพื่อนกัน ตัวติดกัน’ คงไม่ได้เกิดจากเด็กในปกครองของเขาเท่านั้นหรอก! ชายหนุ่มแค่นยิ้มเมื่อตัดสินใจหยิบค็อกเทลสีสวยจากถาดตรงหน้าขึ้นมาหนึ่งแก้ว

“ขอบใจ” เขากล่าวเรียบๆเท่านั้นก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปทางเดิม หนุ่มน้อยหัวเราะเบาๆในคอกับชัยชนะก่อนหันกลับมาหาวริณสิตา

“เงยหน้าขึ้นมาแล้วยิ้มได้แล้ว” การนนท์พูด ดวงหน้ายิ้มแป้น
“เห็นเปล่า เราพูดน่ะ ผู้ปกครองจิ๊บว่าอะไรซะที่ไหน” หนุ่มน้อยว่าอีก ยักคิ้วให้เมื่อคุยคล้ายจะอวด แต่วริณสิตาได้แต่ยิ้มเจื่อนจืด ความจริงแม้จะก้มหน้า แต่สาวน้อยก็แอบๆมองเหมือนกัน เพราะอย่างนั้นวริณสิตาก็เห็นตลอด ตั้งแต่ตอนที่คุณพีเดินเข้ามา กระทั่งว่าตอนที่เขาไปและ...เขาไม่ได้แม้แต่จะชายหางตามาแลเธอเสียด้วยซ้ำ

แล้วมันก็ประหลาดนัก

เพราะเห็นมองมาหน้าบึ้งๆว่านึกกลัวแล้ว แต่การไม่มองเลยกลับทำให้รู้สึกแย่กว่า!

“เอ่อ...การนนท์” วริณสิตาเอ่ยเรียกค่อยๆ สาวน้อยเอื้อมมือไปดึงถาดคืนจากหนุ่มน้อยอย่างเบาๆ “คืนถาดให้เราเถอะ”

แต่แน่ล่ะ การนนท์ไม่ปล่อยหรอก หนุ่มน้อยเสียงเครียด

“จิ๊บ”

แต่คนถูกเรียกก็เงยหน้าขึ้น สบตาจริงจัง

“นะ อย่าทำให้เรารู้สึกลำบากใจเลย”

เท่านั้นก็ชัด ความหวังดี อยากช่วยเหลือ อยากอยู่ใกล้ของเขาอาจทำให้วริณสิตาต้องรู้สึกลำบากใจ! การนนท์รู้สึกเหมือนถูกฟาดด้วยท่อนไม้หนักๆไม่มีผิด!

“ขอโทษนะ แต่เราหวังว่าการนนท์คงเข้าใจเรา” แล้ววริณสิตาก็ออกแรงดึงถาดเบาๆอีกครั้งก่อนจะก้มหน้าแล้วเดินดุ่มเลี่ยงไปอีกด้านโดยที่ไม่รู้เลยว่า การนนท์โยนความขุ่นใจในสถานการณ์นี้ใส่ให้ผู้ปกครองเธอไปเต็มๆ



“ฉันไม่กิน! เอาออกไปให้พ้นนะ ออกไป๊!”
ด้วยเสียงแหลมๆที่แผดลั่น พร้อมๆกับกระปุกเครื่องสำอางอีกสามอย่างที่ลอยหวือก็ทำเอาสองสาวใช้ที่ช่วยกันจัดอาหารเย็นขึ้นมาให้ ‘คุณหนู’ ถึงในห้องต้องร้อง “ว้าย!” แล้วเกิดอาการกระเจิงกันออกไปจากห้องแทบไม่ทัน

“อ๊าย!” หทัยรักกรี๊ดแล้วหายใจหอบถี่ ช่วยไม่ได้เลยที่วันนี้หงุดหงิดเต็มขั้น!

ใช่! ก็เพราะมันเป็นวันบ้าๆ! เป็นบ้ามากที่สุด! ทุกคนทำอย่างนี้กับเธอได้ยังไง ในเมื่อเธอเล่นบทประท้วงด้วยการขังตัวเองในห้องหวังเรียกร้องความสนใจ แล้วทำไมผู้ชายสองคนถึงไม่มีใครคิดจะดูดำดูดีเธอสักนิด!

“อ๊าย! ทุเรศ! ทั้งคุณพ่อทั้งพี! ทุเรศที่สุด! อ๊ายๆๆๆ!” เมื่อทำอะไรไม่ได้หทัยรักก็กรีดร้องแล้วขว้างปาสิ่งของต่อไปด้วยความขัดเคือง กระทั่งโสตประสาทสัมผัสเสียงเพลงคลาสสิคแผ่วๆ สาวสวยก็ชะงัก หยุดอาละวาดขว้างของทันที

หากมิใช่เย็นลงด้วยอิทธิพลของดนตรีสักนิด!
แต่หทัยรักหยุดฟัง ฟังให้แน่ใจ ว่าคุณอมรฉีกข้อห้ามของเธอด้วยการจ้างวงดนตรีมาบรรเลงในงานใช่หรือไม่!

“อ๊ายยยยย!” หทัยรักกรี๊ดปิดท้าย เมื่อตัดสินใจว่าพอกันที ถ้าไม่มีใครเห็นความสำคัญของเธอแบบนี้ เธอก็จะลงไปข้างล่าง แล้วอาละวาดให้งานมันพังไปเลย!

ทว่าเมื่อลงมาหทัยรักก็ต้องพบกับความจริงที่โหดร้ายว่าทุกอย่างไม่ง่ายอย่างที่คิด งานเลี้ยงถูกจัดขึ้นกลางสนามหญ้าในรูปแบบบรรยากาศที่สุดแสนจะเรียบง่ายเป็นกันเอง และงานนี้น่ะ ‘เล็ก’ จริง

เพราะสถานที่ไม่ได้กว้างนักด้วยมันคืออาณาเขตของสนามหญ้าด้านข้างอาคาร กินพื้นที่เข้าไปถึงสวนหย่อมสไตล์เก๋ริมสระน้ำเท่านั้น มีโต๊ะสำหรับแขกจะนั่งพัก รับประทานอาหารหรือของว่างจัดไว้อย่างสวยงามเหมาะเจาะ พวกเด็กเสิร์ฟเล่า ก็หน้าตาคุ้นเคยทั้งนั้น! และซุ้มดอกไม้นั่นก็ไม่มีชนิดไหนเป็นดอกไม้ฝรั่งที่จะเข้าข่าย ‘ดอกไม้หรูหรา’ ของเธอสักนิด หากเป็นดอกไม้ไทย ทั้งช่อลีลาวดี มะลิ ดอกรักซึ่งล้วนถูกถักถูกร้อยจนกลายเป็นม่านดอกไม้อ่อนหวานงดงามชวนมอง!

ส่วนเสียงเพลงที่คลอเบาๆ ก็ดังมาจากเครื่องเล่นแผ่นเสียงรุ่นเก่าที่เป็นของสะสมของคุณอมรเอง! มิหนำซ้ำทุกเพลงที่ถูกคัดสรรมาเปิด คือพวกเพลงลูกกรุงแบบเก่า เนื้อหากล่าวถึงความรักหวานซึ้งชวนฝัน!

หทัยรักโกรธ...โกรธจนตัวสั่นทีเดียวเมื่อสำเหนียกได้ว่า

เธอพลาด! พลาดแท้ๆที่ไม่คิดใส่ใจงานนี้เพราะคิดว่าตัวเอง ‘ปิด’ หนทางการจัดงานหรูๆไว้ดีแล้ว และทำให้คนเป็นพ่อซิกแซ็กข้อห้ามเธอของได้แสบนัก!

หทัยรักแทบอยากกรี๊ดให้โลกแตก! แต่แน่แหละ เธอทำไม่ได้ เพราะตอนนี้ในงาน พวกแขกเหรื่อผู้ใหญ่ในวงธุรกิจที่เห็นอยู่มีหลายคนเสียจนต้องคิดว่า ไอ้การจะใช้วิธีกรีดร้องทำลายข้าวของอย่างคนบ้าคงไม่เหมาะ!

แต่ใครจะไปยอม มันต้องไม่มีคำว่าแพ้ในพจนานุกรมของเธอ!

หทัยรักเดินผ่าเข้าไปกลางงานอย่างมาดมั่น และทันทีที่ทุกคนเห็นเธอนั้น ความเคลื่อนไหวทุกอย่างก็เหมือนจะหยุดนิ่ง

เพราะความอึ้ง! เพราะความตะลึง!
แน่ล่ะ! เธอรู้ว่าเธอสวย เฉพาะอย่างยิ่ง ในชุดราตรีเปลือยไหล่สีดำสนิทตัวนี้!

หทัยรักเชิดหน้า คลี่ยิ้มมุมปากออกมาท้าสายตาทุกคู่อย่างเย้ยเยาะ สาวสวยไม่ปล่อยเวลาให้ผันผ่าน ก้าวยาวๆเข้าไปยืนประจัญหน้ากับผู้เป็นพ่อทันที นาทีนี้ไม่สนใจสีหน้าของบิดาบังเกิดเกล้าหรอก

“รักลงมาร่วมงานด้วยชุดนี้ หวังว่าคงจะไม่ว่าอะไรนะคะ ยินดีด้วยค่ะ คุณพ่อ!”

คุณอมรถึงกับพูดอะไรไม่ออก พอๆกับสายสุนีย์ที่ยืนอยู่เคียงข้างก็หน้าซีดไร้รอยยิ้ม!

ดี! สมน้ำหน้า แต่แค่นี้ยังไม่สาสมกับความขัดเคืองในหัวใจของหทัยรักแน่ สาวสวยยิ้มเหยียดอย่างจงใจอีกครั้งก่อนจะหันไปทักทายแขกคนอื่นราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น!

“ต๊าย! คุณหญิงสุลีพรกับคุณหญิงดาริกาใช่มั้ยคะ สวัสดีค่ะ” หทัยรักกระชดกระช้อย “แหม! นี่อุตส่าห์มาแสดงความยินดีในงานแต่งงานของคุณพ่อกับพนักงานทำความสะอาดด้วยหรือคะ! โถๆ! คนละระดับกันขนาดนี้ยังอุตส่าห์มา รักต้องกราบขอบพระคุณคุณหญิงแทนคุณพ่อด้วยนะคะ” แล้วสาวสวยก็หัวเราะต่อกระซิกด้วยทีท่าร่าเริงสดใส และทำราวกับสายสุนีย์เป็นอากาศธาตุไปก็ไม่ปาน!

ทุกคนในงานกร่อยสนิท แต่หทัยรักไม่รู้สึกรู้สาอะไรสักนิด นาทีนี้เรียกได้ว่า แม้แต่หน้าของบิดาบังเกิดเกล้าก็ไม่คิดจะเอาไว้! กระทั่ง...

“รัก” เสียงทุ้มๆเอื้อนเอ่ย สาวสวยเลยหันมาและครั้นเมื่อเห็นว่าคนเรียกเป็นใคร หทัยรักก็คลี่ยิ้ม
“อ้าว! พี นี่พีก็”
“มากับผมทางนี้เถอะ”

ไวเท่าคำพูด ชายหนุ่มวางมือเหนือศอกของหญิงสาวแล้วดึงเบาๆให้ตามเขามา หทัยรักหน้าบึ้งทันที อยากสะบัดมือพีรพัฒน์ให้หลุดนัก แต่ข้อจำกัดคือแขกเต็มงานและการอาละวาดแบบบ้าพลังก็ดูจะไม่งามกับภาพลักษณ์ไฮโซ! หทัยรักจึงได้แต่เค้นเสียงลอดไรฟัน

“พี! นี่ ปล่อยรักนะ” แต่ว่าพีรพัฒน์ไม่ได้ปล่อย กระทั่งดึงหทัยรักให้ห่างออกมาได้ สาวสวยจ้องหน้าเขาดวงตากร้าว แน่แหละ! เขารู้หทัยรักโกรธ แต่เขาก็รู้อีกเหมือนกัน ว่างานนี้คงไม่มีใครกล้าหรือสามารถพอจะหยุดหทัยรักได้ถ้าเขาไม่ทำ!

พีรพัฒน์จ้องหน้าหญิงสาวตอบ เขาเชื่อ ว่าต่างคนต่างเป็นผู้ใหญ่แล้ว ย่อมรู้แก่ใจดีว่าที่ต้องทำแบบนี้เพราะอะไร หทัยรักเม้มริมฝีปากเข้าหากันจนบางเฉียบ ก่อนจะสะบัดหน้าและทำท่าว่าจะกลับไปกลางงานอีก เดือดร้อนให้พีรพัฒน์ต้องคว้าหมับเข้าให้ที่ต้นแขน

“รัก คุณจะทำอะไร พอเถอะ ผมขอร้อง”

สาวสวยสะบัดหน้ากลับมา ย้อนถามเสียงสูง

“พอเหรอคะ แล้วพีเห็นมั้ยล่ะคะ ว่าคุณพ่อทำกับรักยังไงบ้าง!”

พีรพัฒน์รู้ว่าหทัยรักโกรธแค้นเรื่องงานเลี้ยงนี่ที่มันออกมาดี สมบูรณ์แบบอย่างที่เจ้าหล่อนไม่นึกปรารถนา แต่ว่านั่นมันเป็นเรื่องไหวพริบที่คนผ่านโลกมามากกว่าอย่างคุณอมรจะหาทางเอาชนะ ทว่าก็ไม่ใช่เรื่องที่หทัยรักจะจัดการหักหน้าบุพการีชนิดไม่ให้เหลือชิ้นดีเลยเป็นการแก้แค้น ชายหนุ่มผ่อนลมหายใจออกไปเฮือกใหญ่

“แต่ที่คุณแสดงออกนี่ มากเกินพอแล้วนะ”

หทัยรักเบิกตากว้าง “มากเกินหรือคะ?!”

“รัก” พีรพัฒน์คว้าไหล่สาวสวยไว้ทั้งสองข้าง “เท่านี้น่าก็จะพอแล้ว ถือว่าผมขอล่ะ กรุณาให้เกียรติ อยู่กับผมตรงนี้เถอะ!”

อาจเพราะทั้งสีหน้า แววตา และคำพูดที่ขึงขังจริงจังทำให้หทัยรักต้องนิ่งอั้น หญิงสาวเม้มปากเข้าหากันอย่างขัดใจก่อนจะยอมสะบัดตัวเดินไปนั่งโต๊ะซึ่งจัดอยู่ใกล้ๆแถวนั้นมากที่สุด พีรพัฒน์ตามไปนั่งกับเจ้าหล่อนด้วย ดวงหน้าของสาวสวยยังคงบูดบึ้งไม่พอใจ แต่ไม่เป็นไร สำหรับเขา แค่หทัยรักหยุดเดินเพ่นพ่าน เท่านี้ก็พอ

เสียงเพลงจากเครื่องเล่นแผ่นเสียงที่เปิดไว้ดูราวกับเงียบหายไปเมื่อเทียบกับเสียงซุบซิบและการจับกลุ่มนินทา ลำพังแค่พื้นหลังซึ่งเป็นคนทำงานระดับล่างก็ทำให้คุณสายสุนีย์ถูกซุบซิบจนสนุกปากแล้ว แล้วนี่ยิ่งมาเจอชุดดำของหทัยรักเข้าไปอีก

น่าสงสาร...วริณสิตาได้แต่กะพริบตามองหญิงวัยกลางคนที่ยืนหน้าซีด เกาะแขนคุณอมรไว้คล้ายคนจะหมดแรง เพราะความรู้สึกสงสารเห็นใจทำให้วริณสิตาอดที่จะเดินเข้าไปใกล้ๆคุณสายสุนีย์สักนิดไม่ได้

ใช่...วริณสิตาคิด อย่างน้อยถ้าคุณสายสุนีย์เกิดจะหันมองมาทางนี้บ้าง เธอก็ตั้งใจว่าจะยิ้มให้เขา ยิ้มจากหัวใจเลย

สาวน้อยเลยพยายามขยับเข้ามาอีกนิด ทว่าก็ไม่มีใครที่ไหนให้ความสนใจคนเสิร์ฟน้ำ วริณสิตาเลยได้แต่ยืนมองคุณอมรปลอบใจภรรยาที่น่าสงสารไป

“เธอไม่เป็นไรนะ” เสียงคุณอมรเอ่ย วริณสิตาเห็นคนถูกถามได้แต่ฝืนยิ้ม พยักหน้าแผ่วๆ
“ค่ะ ฉันไม่เป็นไร”
“ยายรักก็เป็นอย่างนี้แหละ เธอต้องพยายามเอาใจเขาหน่อย เดี๋ยวเขาก็ดีกับเธอเอง เอาอย่างนี้สิ เห็นเด็กๆบอกว่ายายรักยังไม่ได้ทานอะไรเลย ยังไงเธอลองตักอาหารไปให้เขาหน่อยก็แล้วกัน” แล้วคนฟังก็ได้แต่ฝืนยิ้มฝืดๆอีกครั้ง เมื่อต้องตอบรับคำเบาๆและเดินไปยังโต๊ะบุฟเฟ่ต์เพื่อเลือกตักอาหาร วริณสิตาถือโอกาสนั้นเดินตามไปด้วย

“ไส้กรอกอบซอสนี่อร่อยมากเลยนะคะ” สาวน้อยบอก กล้าการันตีเพราะอาหารจานนี้เธอรู้ว่านางบัวศรีเป็นคนทำ และนั่นก็เป็นครั้งแรกที่ว่าที่คุณผู้หญิงของบ้านวรโชติหันมองเธอ วริณสิตาเลยรีบคลี่ยิ้มส่งให้อย่างที่ตั้งใจไว้ แต่ทว่า…

“อ่อ งั้นหรือ” สายสุนีย์เอ่ยพร้อมเบนสายตาจากใบหน้าสาวน้อยกลับมาใส่ใจกับการพินิจอาหารบนโต๊ะอีกครั้ง ก่อนบอกเนือยๆอย่างคนไม่ใคร่สนใจนักว่า “ฉันไม่ได้ทานเองหรอก ตักไปให้คนอื่น”

“คุณผู้หญิงจะตักไปให้คุณหทัยรักใช่ไหมคะ ถ้าอย่างนั้นเลือกเป็นขนมปังหน้าหมูหรือเต้าหู้ปลาทอดกรอบดีไหมคะ เป็นของทานเล่นง่ายๆ แล้วก็อร่อยด้วยค่ะ”

สายสุนีย์หันกลับไปมองสาวน้อยอีกครั้งทันทีด้วยความงุนงงระคนสงสัย เด็กนี่ดูจะรู้สถานการณ์ดีเหลือหลาย

“หรือเป็นสลัดผลไม้ก็น่าจะดีนะคะ ดูไม่อ้วน คุณรักเธออาจจะชอบก็ได้นะคะ” ว่าแล้วสาวน้อยก็ยิ้มอีก ยิ้ม...อย่างบริสุทธิ์จริงใจและมันก็ทำให้คนมองรู้สึกแปลกๆไม่ได้ แต่มันก็เป็นความรู้สึกแปลกๆที่ดีนัก! สายสุนีย์จึงยิ้มบางๆคืนให้บ้าง

“ขอบใจนะจ๊ะ”

...สวยจัง...

วริณสิตาได้แต่กะพริบตาปริบๆ ประหลาดนักที่หัวใจเธอช่างเต้นถี่กับถ้อยคำเพราะๆที่คุณผู้หญิงของบ้านวรโชติเอื้อนเอ่ย อาจเพราะฐานะอันแตกต่าง ดวงหน้า แววตา รวมถึงอิริยาบถงดงามกับความสงสารที่มีให้ล่ะมั้ง ถึงทำให้วริณสิตารู้สึกเต็มตื้นแบบนี้เมื่อคุณสายสุนีย์พูดดีด้วย แล้ววริณสิตาก็เผลอมองคุณผู้หญิงบ้านวรโชติตักอาหารเสียเพลิน กระทั่งคนถูกมองตักเสร็จจนหันมาอีกครั้ง วริณสิตาจึงสะดุ้งน้อยๆแล้วหลบตา คล้ายจะรู้สึกตัวแล้วว่าจ้องเสียเสียมารยาท แต่คุณผู้หญิงของบ้านก็ดูจะไม่ได้นึกโกรธ

“หนูนี่...ทำหน้าที่เสิร์ฟน้ำใช่มั้ยจ๊ะ” เสียงนุ่มๆเพราะๆเอ่ยถาม สาวน้อยเลยรีบพยักหน้า ตอบรับ ‘ค่ะ’เบาๆ
“ถ้างั้นตามฉันมาทางนี้หน่อยนะ” แล้วคนพูดก็เดินนำไป จุดหมายก็คือโต๊ะที่หทัยรักนั่ง แต่ทว่า...

“หนูรักคะ”
ทว่าแค่เรียกคำแรก หทัยรักก็เกิดปฏิกิริยาแล้ว หญิงสาวดีดตัวลุกพรวด เบิกตาวาวโรจน์ ตวาดถามเสียงก้อง

“ใครอนุญาตให้เธอเรียกฉันว่าหนูกันฮะ!?” หทัยรักตวาด เล่นเอาคนถูกตวาดหน้าซีด อ้าปากพะงาบอยากอธิบาย

“เอ่อ...ฉัน...ฉัน”

แต่หทัยรักสะบัดหน้าพรืดอย่างหงุดหงิดก่อนเดินหนีไปอีกด้านทันที อากัปกิริยาเช่นนี้บ่งชัดว่าสาวสวยไม่ต้องการปฏิสัมพันธ์กับแม่เลี้ยงสักนิด! เจอแบบนั้นเข้าไปสายสุนีย์ก็ยิ่งหน้าเสีย แต่ถึงอย่างไรเธอก็ยังไม่ละความพยายาม

“คุณรักคะ” สายสุนีย์เดินตามไป กระทั่งถึงบริเวณที่เชื่อมระหว่างสนามกับทางเดินไปเรือนครัวซึ่งค่อนข้างปลอดแขกหทัยรักก็หยุด หันกลับมาประจันหน้า มองคนที่เดินตามมาด้วยดวงตาวาววาบ

วาบ...เสียจนขนาดคนที่ตามอยู่ข้างหลังอย่างวริณสิตา ยังรู้สึกได้เลยว่าแววตาหทัยรักดูเอาเรื่องจนน่าหวั่น!

แต่สำหรับคนที่ต้องมาเป็นคุณผู้หญิงของบ้านคงไม่มีสิทธิ์หวั่นเป็นแน่!

“เอ่อ เห็นเด็กๆบอกว่าคุณยังไม่ได้ทานอะไรเลย ฉัน”

นาทีนั้น ทุกอย่างมันไวกว่าใครจะคิดเมื่อหทัยรักปัดมือสายสุนีย์ที่ยื่นจานมาให้จนกระเด็นหลุดไปกระแทกพื้นเสียงดังเพล้ง! ก่อนจะฉวยแก้วน้ำส้มในถาดที่วริณสิตาถือ และแม้จะแค่เสี้ยววินาที แต่สาวน้อยก็รู้ทันทีว่าหทัยรักจะทำอะไร

“อย่าค่ะ!”
......................



ปาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 พ.ค. 2554, 09:16:41 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 พ.ค. 2554, 09:16:41 น.

จำนวนการเข้าชม : 2946





<< ตอนที่ 24   ตอนที่ 26 >>
ยี้ก้อยแม้วน้อยกลอยใจ 25 มี.ค. 2555, 03:03:23 น.
พระเอกช่างดี เลิศ และแสนดีจริง ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ อ๊ายย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account