กามเทพปีกหัก
เขานำความสูญเสียและโชคร้ายสู่ชีวิตเธอทุกครั้งที่พบ
กามเทพควรจะอุ้มสมรัก..แต่เมื่อกามเทพปีกหักรักของเขาและเธอจึงกลับตาลปัตรกว่าจะลงเอย

Tags: กามเทพ

ตอน: 1

สวัสดีค่ะ ท่านผู้อ่านที่รัก

นับเป็นครั้งแรกที่แตม (นภาสรร) ได้มีโอกาสนำนิยายที่เขียนมาลงในเวบให้ลองอ่านกันค่ะ กามเทพปีกหักเป็นผลงานเล่มสามที่ได้รวมเล่มกับพิมพ์คำ สำนักพิมพ์ หลังจากออกผลงานเรื่อง สอดสร้อยมาลา และ แวมไพร์บราเทอร์ส ตอนเจ้ามหาสมุทร (เป็นซีรีย์ที่เขียนร่วมกับพี่ซ่อนกลิ่น และพี่แพรณัฐ) ครั้งนี้แตมเลยลองนำเรื่องนี้มาให้ทุกท่านลองอ่านกันดูก่อนค่ะ

นิยายเรื่อง 'กามเทพปีกหัก' มีกำหนดวางแผงปลายเดือนมิ.ย.-ต้น ก.ค. 55 นี้ แตมจะลงเรื่องให้อ่านเป็นประจำทุกวันจันทร์ พุธ และศุกร์ จนกระทั่งหนังสือวางจำหน่ายนะคะ

สำหรับผู้ที่อยากพูดคุยหรือติดตามผลงานของแตม ขอเชิญกดไลท์เป็นแฟนเพจกันได้ที่ http://www.facebook.com/pages/Vichaya-Tam-นภาสรร ค่ะ

ขอขอบคุณล่วงหน้าสำหรับแรงใจแรงเชียร์ รวมทั้งขอบคุณน้องโจ้ นาถลดา น้องผู้น่ารักซึ่งเป็นที่ปรึกษาให้คำแนะนำในการโพสต์นิยายที่เวบสิรินดานี้ค่ะ ^__^

แตม (นภาสรร)
--------------------------------------------

ตอนที่ 1

“ผู้ที่ชนะการแข่งขันและได้เป็นตัวแทนมหาวิทยาลัยไปคัดเลือกเป็นนักกีฬายิมนาสติกหญิงทีมชาติญี่ปุ่นในปีนี้ได้แก่...ไอลดา มิยาซากิ”

เสียงปรบมือที่ดังกึกก้องไปทั่วทั้งสนามในเวลานี้ไม่อาจเทียบได้กับเสียงหัวใจเต้นของไอลดาที่ดังก้องราวกับมีใครสักคนมาตีกลองรัวๆ ในอก

ความเป็นจริงกับความฝัน บางครั้งมันก็ใกล้กันเสียจนยากที่จะเชื่อว่าชัยชนะในวันนี้จะเป็นของเธอจริงๆ ไอลดาไม่เพียงอยากร้องตะโกนด้วยความดีใจหรือกระโดดอย่างลิงโลด แต่อยากจะวิ่งออกจากสนามแข่งยิมนาสติกเสียตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อแจ้งข่าวดีให้พ่อและแม่ได้รู้ว่าเส้นทางสู่การเป็นนักกีฬายิมนาสติกทีมชาติญี่ปุ่นของเธอนั้นใกล้จะเป็นจริงแล้ว

ไอลดาเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นไทย ดังนั้นถึงผิวพรรณของเธอจะขาวเนียนราวกับนมสด รูปร่างกะทัดรัดสมส่วน แต่ก็ไม่ได้เตี้ยขนาดที่จะจัดเข้าประเภทผู้หญิงตัวจิ๋วฉบับกระเป๋าเหมือนสาวญี่ปุ่นทั่วไป ใบหน้าเรียวได้รูปรับกับเครื่องหน้าที่คมเข้ม โดยเฉพาะคิ้วที่โก่งสวยและมีดวงตากลมโตโดยไม่ต้องสวมใส่คอนแทกต์เลนส์บิ๊กอายเพื่อเพิ่มขนาดดวงตาเหมือนกับสาวญี่ปุ่นทั่วไปที่มีดวงตาเรียวเล็ก ส่วนปากและจมูกแลดูละม้ายสาวแดนอาทิตย์อุทัย คือ มีปากนิดจมูกหน่อยน่าเอ็นดู แต่รวมความแล้วไอลดาก็จัดได้ว่าเป็นหญิงสาวเลือดผสมที่หน้าตาดีมากคนหนึ่ง ทว่าจุดเด่นบนใบหน้าของเธอหาใช่เครื่องหน้าที่งดงามเหล่านั้นไม่ แต่มันคือแววตาที่เต็มเปี่ยมด้วยพลังและความกระตือร้นอย่างที่เราเรียกดวงตาแบบนี้ว่าคนที่มีประกายไฟในดวงตา ซึ่งสิ่งนี้เป็นเสน่ห์ที่ใครๆ สัมผัสได้ตั้งแต่แรกพบ

โยชิ พ่อของไอลดาเป็นนายช่างชาวญี่ปุ่นของบริษัทก่อสร้างที่ถูกส่งให้มาควบคุมการก่อสร้างโรงงานประกอบรถยนต์ยี่ห้อดังของญี่ปุ่นที่นิคมอุตสาหกรรมแห่งหนึ่งในเมืองไทย ทำให้ได้พบกับดวงพร แม่ของเธอซึ่งทำงานเป็นช่างทำผมร้านที่พ่อมักไปใช้บริการบ่อยๆ เมื่อเริ่มคุยกันถูกคอ ความสัมพันธ์ฉันลูกค้าก็พัฒนาเป็นความถูกตาต้องใจจนเกิดเป็นความรักและตัดสินใจใช้ชีวิตคู่ร่วมกันในที่สุด

พ่อพาแม่ของไอลดาซึ่งในขณะนั้นกำลังตั้งครรภ์เธอได้อ่อนๆ กลับมาตั้งหลักปักฐานที่โตเกียวตามคำสั่งโยกย้ายของบริษัทเมื่องานของพ่อที่เมืองไทยครบวาระ แม่ได้ชวนดรุณีผู้เป็นน้องสาวมาอยู่ที่ญี่ปุ่นด้วย หลังจากนั้นไม่นานความสวยคมเข้มแบบสาวไทยอย่างดรุณีก็เกิดเตะตายามาดะ หนุ่มญี่ปุ่นคนหนึ่งตอนที่ไปทำงานเสิร์ฟที่ร้านอาหารเล็กๆ แห่งหนึ่ง ทำให้ดรุณีอาศัยอยู่ร่วมบ้านกับครอบครัวของเธอได้เพียงสองสามปีก็แต่งงานและย้ายไปอยู่กับยามาดะที่บ้านอีกหลังหนึ่ง

ไอลดาอาศัยอยู่กับพ่อและแม่อย่างมีความสุขแบบสมถะ ถึงจะไม่สบายนักแต่ก็ไม่ถึงกับลำบาก จนเวลาล่วงเลยหลังจากนั้นไปอีกราวสิบปี แม่ดวงพรของเธอก็เกิดตั้งท้องขึ้นอีกครั้งโดยไม่คาดคิด ไอลดาจึงมีริว เป็นน้องชายคนเล็กที่อายุห่างกันมาก ริวเติบโตขึ้นมาเป็นเด็กที่น่ารักและเลี้ยงง่ายจนกระทั่งอายุครบห้าขวบจึงเริ่มปราฎความผิดปกติทางพัฒนาการ เมื่อพาไปพบแพทย์ก็ได้รู้ผลการรักษาว่าริวเป็นเด็กออทิสติก ซึ่งสร้างความกังวลและเป็นทุกข์ใจให้กับพ่อแม่ของเธอยิ่งนัก เพราะการรักษาโรคออทิสซึมนั้นต้องใช้เงินจำนวนมหาศาล ดังนั้นคนที่มีฐานะแค่พอเลี้ยงปากเลี้ยท้องอย่างครอบครัวของเธออาจต้องทำงานจนเลือดตาแทบกระเด็นถึงจะมีเงินพอเป็นค่ารักษา

คำกล่าวที่ว่าความทุกข์มักไม่มาเยือนเพียงแค่หนเดียวเห็นจะจริง เพราะเวลาเดียวกันเป็นจังหวะที่บริษัทที่พ่อของเธอเคยทำงานประจำมั่นคงมาเป็นเวลานานนับสิบปีประสบภาวะขาดทุนอย่างหนัก จนต้องมีนโยบายให้พนักงานออกอย่างกะทันหัน และโยชิก็เป็นหนึ่งในพนักงานกลุ่มที่ถูกหางเลขจากผลพวงนั้น ถึงพ่อจะมีประสบการณ์งานช่างมาหลายสิบปี แต่ด้วยวุฒิการศึกษาที่ไม่สูงนัก ทำให้พ่อของเธอได้งานที่บริษัทรับเหมาก่อสร้างขนาดเล็กที่ให้เงินเดือนน้อยลงกว่าเดิมถึงหนึ่งในสาม ส่วนแม่เองก็มีรายได้ไม่มากนักจากการเป็นลูกจ้างร้านทำผม แต่ละเดือนจะได้เงินมากหรือน้อยก็ขึ้นอยู่กับทิปของลูกค้า

ลำพังค่าครองชีพในโตเกียวที่ดีดตัวขึ้นสูงโด่งในแต่ละปี ครอบครัวของเธอกินอยู่อย่างกระเบียดกระเสียรมากพอแล้ว ยิ่งมีค่าใช้จ่ายจิปาถะอย่างค่าเรียนของเธอและค่ารักษาของริวเพิ่มขึ้นมาอีก ทำให้รายได้ของครอบครัวนั้นไม่เพียงพอต่อรายจ่าย แม้พ่อและแม่จะเป็นห่วงเธอและน้องมากเพียงไร หากปัญหาการเงินของครอบครัวทำให้พ่อและแม่จำใจต้องย้ายทำงานที่นาโงยาซึ่งมีค่าครองชีพต่ำกว่า ถ้าไม่ย้ายไปก็จะไม่มีเงินพอที่จะส่งมาเป็นค่าใช้จ่ายของเธอและน้องที่ยังต้องเรียนและอาศัยอยู่ในโตเกียว

นับจากวันนั้นถึงวันนี้ก็เกือบสามปีแล้วที่เธอและน้องต้องแยกอาศัยอยู่คนละที่กับพ่อแม่ ถึงไอลดาจะคิดถึงท่านทั้งสองเพียงใด แต่ก็เข้าใจเหตุผลและความเสียสละอันยิ่งใหญ่ของบุพการี แต่ถึงอย่างนั้นชีวิตของไอลดาและริวในโตเกียวก็ไม่โดดเดี่ยวนักเพราะแม่ได้ฝากฝังให้เธอและน้องอาศัยอยู่กับดรุณี ซึ่งภายหลังแต่งงานกับยามาดะแล้วได้เปิดร้านเบเกอรีเล็กๆ ที่ย่านกินซ่า ไอลดาและริวจึงได้อาศัยพักพิงอยู่ที่ชั้นบนของร้านนั้น สองสามเดือนครั้งพ่อกับแม่ถึงจะแวะมาเยี่ยม

อย่างวันนี้ที่พ่อแม่กลับมาจากการเดินทางไปเยี่ยมป้าของเธอที่เมืองไทย ท่านทั้งสองก็สัญญาว่าจะมาเยี่ยมเธอและน้องที่โตเกียวก่อนจะกลับไปนาโงย่า

ไม่ใช่เพียงแค่คิดถึง...แต่ไอลดาอยากจะบอกข่าวดีที่เธอได้รับชัยชนะในการแข่งขันวันนี้เพื่อให้ท่านทั้งสองดีใจ เพราะพ่อแม่คอยเชียร์และสนับสนุนให้เธอก้าวไกลในสายอาชีพนักกีฬายิมนาสติกทีมชาติมาโดยตลอด แต่แล้วห้วงคำนึงของไอลดาก็เป็นอันต้องสะดุดลง เมื่อได้ยินคำพูดเย้ยหยันของโซระ หนึ่งในผู้แข่งขันที่ยืนอยู่ข้างๆ เธอกลางสนามแข่งฯ

“คนอย่างเธอมาได้ไกลสุดก็แค่นี้แหละ อย่าหวังอะไรเกินตัวนักเลย วันนี้เธออาจจะชนะ แต่พรุ่งนี้อาจจะแพ้ก็ได้ เตรียมใจไว้บ้างก็ดีนะ”

ไอลดารู้จักกับโซระมาตั้งแต่เด็ก เพราะเริ่มเรียนยิมนาสติกกับโคชคนเดียวกัน ไอลดามีพรสวรรค์กว่าโซระ แต่โซระมีฐานะที่เอื้ออำนวยและพร้อมกว่าทำให้ได้มีโอกาสเรียนยิมนาสติกกับโคชรัสเซียที่มีชื่อเสียง เส้นทางการเดินไปสู่อาชีพนักยิมนาสติกของโซระจึงโรยด้วยกลีบกุหลาบ ต่างจากไอลดาที่มีเงินทุนไม่มากนักจึงต้องอาศัยการฝึกซ้อมด้วยตัวเองเป็นส่วนใหญ่ แต่ถึงอย่างนั้นพื้นฐานความพร้อมและต้นทุนชีวิตที่ด้อยกว่าก็หาได้เป็นอุปสรรคสำหรับไอลดาที่มีความฝันอันยิ่งใหญ่ไม่ เพราะหากวัดด้วยใจที่พร้อมจะสู้อย่างไม่ท้อถอย ไอลดาก็เชื่อว่าเธอไม่มีอะไรที่ด้อยกว่าโซระเลยแม้แต่นิดเดียว

อันที่จริงการตัดสินเมื่อครู่นี้ คณะกรรมการคงจะตัดสินลำบาก เพราะฝีมือในการแสดงยิมนาสติกลีลาของไอลดาและโซระสูสีกันมาก

ไอลดาลงประกวดการแสดงยิมนาสติกลีลาในชื่อชุด “ซากุระ” เธอแต่งกายชุดแนบเนื้อแขนยาวสีชมพูอ่อนเหมือนสีกลีบดอกซากุระ เปลือยแผ่นหลัง เผยให้เห็นเรือนร่างผอมเพรียวแต่กระชับไปด้วยกล้ามเนื้อที่แข็งแรง ทันทีที่เสียงแหลมกังวานของซามิเซ็ง (Shamisen ) สอดประสานกับเสียงหวานใสของโคโตะ (Koto) ไอลดาก็ย่อตัวลงก่อนจะสะบัดข้อมือวาดริบบิ้นสีชมพูขึ้นลงอย่างพลิ้วไหวเป็นริ้วระบายอย่างชดช้อย ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเธอคือดอกซากุระที่กำลังถูกลมพัดให้ลอยละล่อง

โซระเองก็ไม่ยอมน้อยหน้า เธอก้าวเข้ามาในสนามด้วยเครื่องแต่งกายที่เลิศหรู ทั้งชุดปักเลื่อมด้วยเม็ดคริสตัลสีเขียวระยิบระยับละม้ายลวดลายของหางนกยูง โซระเปิดฟลอร์ด้วยการเยื้องย่างอย่างมาดมั่นสลับกับโบกสะบัดริบบิ้น ก่อนจะม้วนตัว แล้วตวัดปลายริบบิ้นให้ม้วนเป็นวงกว้างเพื่อผสานท่วงท่าได้อย่างเหมาะเจาะ
ช่วงเวลานั้นไม่มีใครรู้ว่าไอลดาหรือโซระจะเป็นผู้ชนะ เพราะเสียงปรบมือในสนามแข่งดังไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อกรรมการตัดสินให้ไอลดาเป็นผู้ชนะและได้เป็นตัวแทนของมหาวิทยาลัยไปคัดเลือกเป็นนักยิมนาสติกหญิงทีมชาติ

มันก็น่าอยู่หรอกที่โซระจะเจ็บใจเพราะคงจะคาดหวังในการแข่งขันครั้งนี้มาก ไอลดาพยายามไม่ใส่ใจกับคำสบประมาทของโซระ เพราะชัยชนะของเธอในวันนี้ใสสะอาดและชอบธรรม

หลังจากเสร็จสิ้นพิธีการ ไอลดาก็รีบขี่จักรยานมุ่งหน้ากลับบ้านด้วยหัวใจที่ชื่นบาน แต่แล้วก็ต้องเบรกจักรยานอย่างกะทันหัน เมื่อมีนักศึกษาสาวสองสามคนวิ่งกรูมาจากสนามแข่งบาสเกตบอลพร้อมโปสเตอร์ขนาดยักษ์

“ไอ อย่าเพิ่งไป พวกฉันมีเรื่องจะถามเธอหน่อยว่ารู้จักดาราคนนี้ไหม” หญิงสาวหน้าตาจิ้มลิ้มคนหนึ่งถามพลางชูโปสเตอร์รูปนายแบบคนหนึ่งให้ไอลดาดูด้วยท่าทางเหนียมๆ

“รู้จักสิ นี่มัน ชิน รติกานต์ นายแบบคนไทยที่โด่งดังทั่วเอเชีย พวกเธอถามทำไมเหรอ” ไอลดาถามกลับด้วยสีหน้างงๆ

ไม่มีสาวๆ คนไหนที่ไม่รู้จักรติกานต์ นายแบบหนุ่มไทยที่มีชื่อเสียงที่สุดในเอเชียคนหนึ่งในเวลานี้ แทบทุกรันเวย์ที่มีดีไซน์เนอร์ชื่อดังมาจัดแสดงแบบเสื้อในเอเชีย ชายหนุ่มจะเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ ของดีไซน์เนอร์เสมอ เพราะถึงชายหนุ่มจะมีเครื่องหน้าเหมือนคนจีนแต่ก็คมเข้มแบบไทย คิ้วดำหนาได้รูปรับกับตาชั้นเดียวที่เรียวสวยเหมือนเมล็ดอัลมอนด์ จมูกโด่งเป็นสันกำลังพอเหมาะ ซ้ำยังมีโหนกแก้มและสันกรามที่เสริมให้ใบหน้านั้นมีมิติชวนมอง และจุดเด่นที่เสริมให้รติกานต์โดดเด่นกว่านายแบบเอเอเชียคนอื่นๆ ก็คือรูปร่างที่สูงใหญ่และมีกล้ามเนื้อที่ได้รูปสวยแบบหนุ่มตะวันตก

ด้วยกระแสความนิยมและความโด่งดัง ทำให้ช่วงต้นปีรติกานต์ได้รับเลือกเป็นพรีเซนเตอร์โทรศัพท์มือถือยี่ห้อดังของญี่ปุ่น ทำให้มีรูปภาพของเขาที่เป็นแบบสินค้าติดอยู่ทั่วกรุงโตเกียว และนั่นก็ส่งผลให้ชายหนุ่มมีแฟนคลับชาวญี่ปุ่นเป็นจำนวนมาก เพื่อให้เรียกชื่อได้ง่ายขึ้นเหล่าบรรดาแฟนคลับชาวญี่ปุ่นจึงได้ตั้งชื่อให้เขาว่า ‘ ชิน’ แทนรติกานต์ที่ยาวและออกเสียงยาก

“พวกเราได้ยินมาว่าชินจะย้ายมาสังกัดมอเดลลิงที่โตเกียว พวกเราอยากเจอเขา ไอ...เธอเป็นความหวังเดียวของพวกเรา เพราะเธอเป็นลูกครึ่งไทยญี่ปุ่น เธอน่าจะหาทางพบชินได้” หญิงสาวร่างท้วมคนหนึ่งเอ่ยขึ้นมา

“ถึงฉันจะพูดภาษาไทยได้ แต่มันก็ไม่ง่ายหรอกนะ พวกเธอก็รู้นี่นาว่านายแบบดังไม่ใช่คนที่ใครคิดจะพบ ก็ได้เจอง่ายๆ ซะเมื่อไหร่ ไหนจะผู้จัดการส่วนตัว แล้วยังจะบอดีการ์ดอีก ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวก่อนนะจ๊ะ” ไอลดาตัดบทแล้วรีบขี่จักรยานฝ่าฝูงเพื่อนนักศึกษาสาวที่พยายามร้องเรียกให้เธอกลับมา

ในเวลานี้...เสียงเรียกร้องใดๆ ก็ไม่สามารถทำให้ไอลดายอมหยุดเสียเวลาแม้แต่เพียงวินาที เพราะใจของเธอนั้นโลดแล่นไปหาพ่อกับแม่เสียแล้ว

******************

เส้นทางจากมหาวิทยาลัยถึงร้านเบเกอรีของดรุณีที่ตั้งอยู่ในย่านกินซ่านั้นไม่ไกลกันนัก กินซ่าได้ชื่อว่าเป็นย่านหนึ่งของโตเกียวที่ไม่เคยเงียบเหงา เพราะเป็นศูนย์กลางแหล่งชอปปิงที่ใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของโตเกียว ตลอดเส้นทางเรียงรายไปด้วยห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ร้านค้าแบรนด์เนม ร้านอาหารและคาเฟ ลูกค้าส่วนใหญ่ที่มาจับจ่ายใช้สอยในย่านนี้มักมีฐานะดี นอกจากกินซ่าจะเป็นแหล่งชอปปิงแล้วยังเป็นที่ตั้งของโรงละครคาบูกิอันขึ้นชื่อซึ่งเปิดการแสดงในช่วงค่ำของทุกวัน จึงมีทั้งชาวโตเกียวและนักท่องเที่ยวเดินกันขวักไขว่ไปมาตลอดทั้งวัน

ไอลดาเดินจูงจักรยานฝ่าฝูงชนมาจนถึงตึกแถวขนาดเล็กหนึ่งคูหาที่ติดป้ายเขียนด้วยอักษรเป็นภาษาอังกฤษว่า “Midori” (มิโดริ) น้าสาวของเธอโชคดีที่ได้ทำเลงามอย่างย่านกินซ่าเป็นที่ตั้งร้าน ถึงแม้ตัวร้านจะมีขนาดเล็กและมีโต๊ะรับรองลูกค้าเพียงแค่ห้าโต๊ะ แต่ร้านเบเกอรีแห่งนี้ก็เป็นที่รู้จักของชาวญี่ปุ่นและมีลูกค้าแน่นขนัดตลอดทั้งวัน ทุกพื้นที่ในร้านถูกดัดแปลงให้ใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่เพื่อให้คุ้มค่ากับค่าเช่าร้านที่แพงหูฉี่ ส่วนหนึ่งของด้านหน้าร้านจึงถูกเปิดโล่งเป็นตู้ขนมเพื่อให้ลูกค้าที่เดินผ่านไปมาสามารถแวะซื้อขนมได้อย่างสะดวก ด้านหลังเป็นเตาอบขนมและเครื่องทำกาแฟที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่นเชิญชวนให้ลูกค้าแวะเวียนเข้ามาดังต้องมนตร์สะกด

วันนี้ด้านหน้าร้านดูเงียบเหงาแปลกๆ ทั้งที่ช่วงเวลาหลังเลิกงานอย่างนี้โดยปกติจะมีลูกค้าออแน่นอยู่หน้าร้านเพื่อซื้อขนมกลับบ้าน ไอลดาชะงักในขณะกำลังผลักประตูเข้าไปในร้านเมื่อเห็นป้ายติดไว้ที่ประตูว่า ‘ปิดให้บริการ’ หญิงสาวจึงเริ่มรู้สึกใจคอไม่ดี

จะเป็นไปได้ไหมว่าวันนี้ดรุณีตั้งใจปิดร้านเพื่อพาพ่อแม่ของเธอที่แวะมาเยี่ยมไปกินข้าวฉลองกัน...แต่ก็ไม่น่าเป็นไปได้เพราะคนอย่างดรุณีที่ใช้เงินอย่างกระเหม็ดกระแหม่จนเรียกได้ว่าขี้เหนียวนั้นย่อมไม่มีทางปิดร้านในช่วงเวลาทองของการค้าขายอย่างแน่นอน

ไอลดาฝืนยิ้มและทำใจให้ปลอดโปร่ง แล้วผลักประตูเข้าไปในร้าน

“หนูกลับมาแล้วค่ะ” ไอลดาส่งเสียงบอกออกไปด้วยน้ำเสียงสดใส แต่แล้วความเบิกบานในใจก็เริ่มมลายหายไป เมื่อเห็นว่าภายในร้านตอนนี้ว่างเปล่าไม่มีใครอยู่ ชะโงกเข้าไปดูในครัวก็ไม่มีใครอยู่ ทั้งๆ ที่ปกติแล้วหลังจากปิดร้าน ดรุณียังคงง่วนอยู่ในครัวเพื่อเตรียมส่วนผสมในการอบขนมวันถัดไป

ไอลดารู้สึกโหวงในอกอย่างบอกไม่ถูก สัญชาตญาณของเธอไม่ผิดแน่ ต้องมีเรื่องร้ายบางอย่างเกิดขึ้น สิ่งที่สงสัยในลำดับถัดมาคือ เรื่องราวที่เกิดขึ้นนั้นคือเรื่องอะไร แล้วทุกคนหายไปไหนกันหมด ที่สำคัญตอนนี้พ่อกับแม่ของเธอหายไปด้วย ทำไมไม่รีบมาหาและสวมกอดเธอดังเช่นทุกครั้งนะ

ในขณะที่ไอลดากำลังยืนเคว้งด้วยความสับสนในใจ ก็มีเสียงร้องไห้จ้าของริวดังขึ้นจากชั้นบน ไอลดารีบวิ่งขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของตัวร้านทันที และพบว่าริวกำลังนั่งกอดเข่าร้องไห้จนตัวโยน

“ริว เป็นอะไรหรือเปล่า” ไอลดาไม่เพียงแต่พูดแต่ดึงร่างของน้องชายที่ตัวสั่นเทามากอดไว้แนบอกอย่างปลอบประโลม ไม่มีเสียงตอบจากริวนอกจากเสียงสะอื้นอย่างแรง

เกิดอะไรขึ้นกับน้องชายของเธอ ทำไมริวถึงได้ตกอยู่ในภาวะที่ตื่นตระหนกเช่นนี้ ก่อนที่ร้อยแปดคำถามจะไหลบาเข้ามา ดรุณีก็ปรากฏกายขึ้นที่หน้าห้องด้วยชุดสีดำ ใบหน้าของน้าสาวซีดเผือด ดวงตาแดงช้ำและบวมเป่งราวกับผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก

ด้วยสัญชาตญาน ทำให้ไอลดาโพล่งขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นเทา น้ำเสียงของเธอแฝงแววเคลือบแคลงไม่แน่ใจ และแผ่วเบาราวกับเสียงกระซิบ

“ตอนนี้พ่อแม่ของหนูอยู่ที่ไหนคะ” สายตาของไอลดาจับจ้องที่ดรุณีอย่างคาดคั้น

“ไอ ทำใจดีๆ นะ พ่อแม่ของเธอตายแล้ว ถูกโจรชิงทรัพย์ทำร้ายที่เมืองไทย...” คำบอกเล่าของดรุณีทำให้ไอลดารู้สึกเหมือนกับหยุดหายใจไปชั่วขณะ หญิงสาวแทบไม่ได้ยินและจับใจความไม่ได้ว่าดรุณีเล่ารายละเอียดเหตุการณ์การเสียชีวิตของพ่อแม่ไว้อย่างไร ไอลดารู้เพียงแค่ว่าในเวลานี้โลกของหล่อนได้แตกสลายล้มครืนลงตรงหน้า

มันช่างยากเย็นเกินกว่าจะทำใจได้ ทั้งๆ ที่วันนี้ชีวิตของเธอเริ่มจะประสบความสำเร็จ ก็ต้องมาพบกับข่าวร้ายที่สุดในชีวิตที่ไม่เคยคาดคิดและเตรียมใจมาก่อน

“แม่ ผมจะหาแม่” เสียงของริวแผดร้องอย่างร้าวรานใจพลางพยายามไขว่คว้าหาแม่

ไอลดาโอบร่างของน้องชายไว้แนบอก ตอนนี้ชีวิตของเธอและน้องชายไม่เหลือใครอีกแล้ว หญิงสาวอยากจะร้องไห้ออกมาดังๆ แต่เธอก็รู้ว่าทำแบบนั้นไม่ได้ ถึงชีวิตของเธอตอนนี้จะไม่ต่างอะไรกับปราสาททรายที่พังทลาย เธอก็ต้องเป็นผืนทรายที่แข็งแรงให้กับริว ถึงจะเจ็บปวดรวดร้าวเพียงใดก็ต้องฝืนเก็บเสียงสะอื้นไห้นั้นไว้ในอก
ดรุณีบอกกำหนดการทำบุญกระดูกของพ่อและแม่ให้ไอลดารู้อย่างคร่าวๆ ว่า พรุ่งนี้ป้าจะเดินจากกรุงเทพฯ พร้อมนำกระดูกของพ่อแม่เพื่อมาทำบุญที่วัดพุทธรังษี กรุงโตเกียว ผู้เป็นน้าสาวบอกสั้นๆ ก่อนจะเดินจากไป ปล่อยให้เธอกับริวอยู่กันตามลำพัง
ริวร้องไห้จนหลับไป

ไอลดาอุ้มร่างที่หลับสนิทของน้องชายวางลงบนฟูกและห่มผ้าให้ ใบหน้าของริวยังคงเปื้อนคราบน้ำตา ตอนนี้เวลาล่วงเลยมาถึงตีสองแล้วแต่ไอลดาก็ไม่สามารถข่มตาหลับได้ จึงเดินลงไปชั้นล่างด้วยอาการเหม่อลอย แต่แล้วหญิงสาวก็ต้องชะงักงันนิ่งราวกับถูกตรึงไว้ที่ฝ่าเท้าเมื่อได้ยินบทสนทนาของดรุณีและยามาดะ สามีชาวญี่ปุ่นถกเถียงกันอยู่เกี่ยวกับเรื่องอนาคตของเธอกับริว

“เราจะทำยังไงดี ขืนปล่อยให้ไอกับริวอยู่ต่อ เราอาจจะต้องรับภาระเลี้ยงดูเด็กสองคนนั่น ถ้าไม่ใช่เพราะพี่พรเคยมีบุญคุณเคยเลี้ยงดูฉันมาก่อน คงจะเอ่ยปากไล่เด็กสองคนไปอยู่ที่อื่นได้ง่ายกว่านี้” ดรุณีพูดด้วยสีหน้าหนักใจ

“คุณก็อย่าให้หลานของคุณอาศัยอยู่ฟรีๆ สิ ถ้าไม่มีเงินจ่ายค่ากินอยู่ ก็ต้องให้ลาออกจากมหาวิทยาลัยมาช่วยคุณทำขนม ตอนนี้คุณเองก็ไม่มีลูกมือ จะได้มีคนช่วยงานไงล่ะ” ยามาดะเสนอความคิดเห็นที่ทำให้ไอลดาอึ้งเพราะตัวเธอเองไม่มีความคิดที่จะลาออกจากมหาวิทยาลัยเลยแม้แต่น้อย

“คุณพูดแบบนี้เพราะเป็นห่วงฉัน หรือหวังอยากจะเคลมยายไอกันแน่ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าคุณจ้องมองหลานชั้นตาเป็นมันน่ะ” ดรุณีพูดดักคอขึ้นมา ไอลดาที่แอบฟังอยู่ถึงกับขนลุกด้วยความรังเกียจที่แม้แต่น้าสาวของเธอก็รู้เท่าทันความคิดสกปรกของผู้เป็นสามี

“บ้าหรือเปล่า ผมจะคิดแบบนั้นได้ยังไง ผมแค่คิดจะช่วยหาลูกมือให้คุณก็เท่านั้นเอง แล้วอีกอย่าง ผมก็ไม่อยากให้ใครนินทาว่าคุณใจจืดใจดำทิ้งหลานได้ลงคอ” ยามาดะพูดพลางหลบตาด้วยน้ำเสียงอ้อมแอ้ม แต่ดูเหมือนน้าสาวของเธอจะเริ่มคิดตามแต่ก็ยังออกอาการลังเล

“แล้วริวล่ะ ใครจะรับผิดชอบค่าเล่าเรียนค่ารักษา หรือว่าคุณจะมีเมตตาช่วยอนุเคราะห์หลานฉัน” ดรุณีพูดด้วยน้ำเสียงแดกดัน การที่น้าสาวยอมให้ไอลดาและน้องชายอาศัยอยู่ในบ้านต่อย่อมทำให้นางอดกังวลใจไม่ได้ว่าภาระหนักอึ้งเรื่องค่าเลี้ยงดูและค่ารักษาอาการออทิสติกของริวจะตกอยู่ที่นาง

“ทั้งคุณและผมไม่มีใครต้องจ่ายเงินทั้งนั้นแหละ หลานสาวคุณโตแล้วก็ให้เธอรับผิดชอบเลี้ยงดูริวเองสิ เธออยู่ในฐานะผู้อาศัย ไม่มีทางกล้าต่อรองคุณหรอก” ยามาดะรีบปฏิเสธทันทีเมื่อเอ่ยถึงเรื่องเงิน การที่เขาจะต้องสละเงินสักเยนเพื่อคนอื่นเป็นเรื่องยากยิ่ง แต่หากเพื่อปรนเปรอความสุขของตัวเองนั้นเท่าไรก็เท่ากัน ตั้งแต่อยู่ร่วมบ้านกันมายามาดะไม่เคยหยิบยื่นน้ำใจใดๆ ให้ไอลดาและน้องชายเลย ซ้ำยังคอยฉวยโอกาสลวนลามเธอยามทีเผลอ แต่ที่ร้ายกว่านั้นคือเม้มเงินส่วนที่พ่อแม่ส่งมาเป็นค่ารักษาริวไปยามที่เงินขาดมือบ่อยๆ เมื่อไอลดาท้วงเรื่องนี้กับน้าสาว ดรุณีก็เข้าข้างสามี ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ยืนกรานเสียงแข็งว่าเธอหาเรื่องใส่ความสามีของนาง

ไอลดาไม่อยากทนฟังต่อไปว่าดรุณีจะตัดสินใจอย่างไร จะให้เธอและน้องอาศัยอยู่ที่นี่ต่อหรือไม่ ไอลดายังไม่พร้อมจะรับฟังเรื่องร้ายๆ ที่ชวนให้รู้สึกผิดหวังอีกแล้ว จึงสาวเท้ากลับไปยังห้องนอนเล็กๆ ที่มืดสนิท ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นก่อนจะหยิบกรอบรูปที่วางอยู่บนโต๊ะตัวเล็กๆ มาประคองไว้

กรอบรูปนี้ใส่รูปได้สองด้าน ด้านหนึ่งเป็นรูปคู่ของพ่อกับแม่ที่ถ่ายคู่กันสมัยที่ยังเป็นหนุ่มสาว อีกด้านหนึ่งเป็นรูปครอบครัวพ่อแม่ลูกที่มีเธอและริวยืนจับมือกับพ่อและแม่อยู่คนละข้าง ไอลดาพลิกด้านที่เป็นรูปคู่ของพ่อแม่เข้ามาแนบอก พลางรำพึงออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้าระทมและอับจนหนทาง

“ทำไมพ่อกับแม่ถึงได้ด่วนจากหนูไปแบบนี้คะ ไหนสัญญาว่าจะกลับมาฟังข่าวดีจากหนูไงคะ วันนี้หนูได้รับเลือกเป็นตัวแทนมหาวิทยาลัยไปคัดเลือกเป็นนักกีฬายิมนาสติกทีมชาติแล้วนะคะ หนูทำสำเร็จแล้ว แต่ว่าตอนนี้มันคงเป็นไม่ได้แล้ว หนูคงจะต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อหาเงินเลี้ยงน้อง พ่อคะ แม่คะ ถ้าน้าณีให้หนูย้ายออกจากที่นี่จริงๆ หนูจะทำยังไง เพราะตอนนี้ก็มีเงินเหลืออยู่เพียงไม่กี่เยนเอง”

ยิ่งพูดน้ำตาของไอลดาก็ไหลพรูออกมาเป็นสายอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่ ทั้งที่หญิงสาวสัญญากับตัวเองว่าจะต้องเข้มแข็งและไม่ร้องไห้อีก แต่พอเอาเข้าจริงก็ทำไม่ได้
ไอลดากอดรูปของพ่อแม่แน่นราวกับต้องการให้รูปของท่านทั้งสองแทนอ้อมกอดที่ปลอบประโลมเธอไว้ ชีวิตที่ไร้ซึ่งพ่อและแม่ก็เหมือนเรือที่ไร้หางเสือ ไอลดาไม่รู้จริงๆ ว่ากระแสนาวาแห่งชีวิตจะพัดพาเธอและน้องไปทิศทางไหน แล้วจะรับมือกับมันอย่างไร...ไม่อาจรู้เลยจริงๆ

ไอลดานั่งกอดเข่านิ่งท่ามกลางบรรยากาศมืดมิดของยามราตรีที่ไร้แสงแห่งความหวัง ทุกอย่างเงียบสงัดมีแต่เพียงเสียงลมหายใจของริวที่ทำให้เตือนตัวเองว่า เธอและน้องชายยังต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป หลังจากคืนนี้ผ่านพ้นไป ทุกอย่างที่เกิดขึ้นคืออดีต พรุ่งนี้จะไม่มีพ่อแม่ที่คอยประคับประคองช่วยเหลือเธอและน้องอีกต่อไปแล้ว ไอลดายกมือขึ้นปาดน้ำตา ริวที่นอนขดตัวอยู่เบียดเข้าหาเธอราวกับต้องการที่พึ่งพิง
เธอจะต้องสู้ จะต้องอยู่ให้ได้ อย่างน้อยก็เพื่อความอยู่รอดของตัวเอง และเพื่อริว น้องชายผู้เป็นสายเลือดเพียงคนเดียวในครอบครัวที่เหลืออยู่

-จบบทที่ 1-





นภาสรร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 มิ.ย. 2555, 13:39:31 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 มิ.ย. 2555, 13:39:31 น.

จำนวนการเข้าชม : 1778





   :: 2 >>
พู่ไหมบุรามฉัตร 6 มิ.ย. 2555, 14:45:12 น.
ส่งกำลังใจจร้่าสุดสวย


นภาสรร 6 มิ.ย. 2555, 15:26:29 น.
ขอบใจจ้า กอล์ฟ เดี๋ยวเค้าไปเยี่ยมบ้านตัวเองบ้าง


นาถลดา 6 มิ.ย. 2555, 15:45:42 น.
มาส่งกำลังใจครับพี่แตม ไอลดาน่ารัก ^^


ดาริยา 6 มิ.ย. 2555, 17:40:26 น.
ขอส่งกำลังใจอีกคนค่าา ^^


พู่ไหมบุรามฉัตร 6 มิ.ย. 2555, 17:57:29 น.
รวมก๊วน


เทียนจันทร์ 6 มิ.ย. 2555, 18:05:44 น.
เศร้ารึเปล่าคะ


ริญจน์ธร 6 มิ.ย. 2555, 18:28:14 น.
ว้าว เรื่องนี้ใกล้ออกแล้วนี่คะพี่แตม ยินดีด้วยๆ


อสิตา 6 มิ.ย. 2555, 19:04:23 น.
เคยไปฟังคุณนภาสรรพูดที่สถาพรพร้อมสาวข้างบน พูดได้ดีมากเลย ฟังเพลิน
หุหุ ตามมาให้กำลังใจกับการโพสต์ในนี้ครั้งแรก ที่นี่อบอุ่นนะคะ


นาถลดา 7 มิ.ย. 2555, 00:25:50 น.
จริงด้วยคุณพู่ ขาดไป 1 เท่านั้น อิอิอิ


นภาสรร 7 มิ.ย. 2555, 08:47:17 น.
ขอบคุณค่ะทุกคน ^___^ ดีใจที่มีเพื่อนๆมาช่วยเชียร์ @คุณเทียนจันทร์ จบ happy แต่เรื่องจะเป็นแนว drama หน่อยๆค่า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account