กามเทพปีกหัก
เขานำความสูญเสียและโชคร้ายสู่ชีวิตเธอทุกครั้งที่พบ
กามเทพควรจะอุ้มสมรัก..แต่เมื่อกามเทพปีกหักรักของเขาและเธอจึงกลับตาลปัตรกว่าจะลงเอย

Tags: กามเทพ

ตอน: :: 2

หลังจากทำบุญกระดูกให้พ่อแม่ของเธอเสร็จสิ้นไปแล้วสองสามวัน ดรุณีได้เรียกไอลดาให้มาคุยกันตามลำพังในครัว

“ไอ คุยกับน้าหน่อยสิ” ผู้เป็นน้าสาวร่อนแป้งลงอ่างผสมก่อนจะเริ่มเรื่อง

“หนูวางแผนจะทำยังไงต่อจากนี้ บอกตรงๆ ว่าน้าเห็นใจอยากจะช่วย แต่น้าเองก็มีภาระค่าใช้จ่ายเยอะ ไหนจะค่าเช่าร้านที่แพงขึ้นทุกวัน เรื่องที่อยู่ น้าเห็นว่าพี่พรเคยมีบุญคุณกับน้ามาก่อน ก็เลยปรึกษากับยามาดะว่าเราเต็มใจที่จะให้หนูและริวอยู่ที่นี่ต่อ แต่ว่าน้าคงต้องขอให้หนูลาออกจากมหาวิทยาลัยมาช่วยทำขนม เพื่อแบ่งเบาภาระเรื่องค่ากินอยู่ แต่ถ้าไม่สะดวกอยากจะย้ายไปอยู่ที่อื่นก็ได้ น้าไม่ว่าอะไร” ดรุณีพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ราวกับคิดมาดีแล้ว ไอลดานิ่งอึ้งแม้จะแอบได้ยินบทสนทนาของน้าสาวที่กำลังถกกับสามีเรื่องนี้มาก่อน

สองสามวันที่ผ่านมานี้ไอลดาพยายามหาทางออกว่าจะทำอย่างไรดีเพื่อที่จะได้ไม่ต้องลาออกจากมหาวิทยาลัย ไอลดาหวังไว้ว่าพ่อแม่น่าจะพอมีเงินเก็บสักก้อนพอเป็นค่าใช้จ่ายในการเรียนในปีการศึกษาสุดท้ายได้ แต่แล้วเงินก้อนนั้นก็ถูกนำไปใช้จ่ายเป็นค่าทำบุญกระดูกส่วนหนึ่ง ส่วนที่เหลือนั้นจะถูกนำไปจ่ายหนี้สินให้กับเจ้าหนี้ที่พ่อแม่เคยกู้เงินมาเพื่อเป็นค่ารักษาของริวเมื่อปีที่แล้วจนหมด เมื่อไม่สามารถพึ่งเงินก้อนสุดท้ายจากพ่อแม่ได้ ไอลดาจึงลองไปติดต่อขอทุนการศึกษาจากมหาวิทยาลัย

แต่ดูเหมือนโชคจะไม่เข้าข้างไอลดานัก เพราะไม่มีทุนการศึกษาใดที่ตรงกับคุณสมบัติของเธอเลย หนำซ้ำผลการเรียนของไอลดาก็ไม่ได้ดีพอที่จะสมัครทุนสำหรับนักศึกษาที่มีผลการเรียนโดดเด่น ซ้ำร้ายทุนการศึกษาสำหรับนักศึกษาที่มีความสามารถทางกีฬาก็หมดแล้วด้วย

ไอลดาถอนใจอย่างสิ้นหวัง ภายในไม่กี่สัปดาห์นี้นอกจากเธอจะต้องจ่ายค่าเรียนของตัวเองแล้ว ยังจะต้องจ่ายค่าเรียนและค่ารักษาของริวพร้อมกันอีกด้วย ไอลดาจึงไม่มีทางเลือก เพราะเธอไม่สามารถที่จะรับภาระค่าเรียนของเธอและค่าใช้จ่ายของริวได้ในเวลาเดียวกัน ไอลดาจึงยอมเสียสละที่จะลาออกจากมหาวิทยาลัย เพื่อให้ริวได้มีโอกาสเรียนหนังสือและได้รับการรักษาอาการออทิสติก

ถึงการเรียนไม่จบมหาวิทยาลัยจะทำให้ไอลดามีชีวิตที่ลำบาก ทว่าเธอก็มั่นใจว่าเอาตัวรอดได้ แต่ริวซึ่งเป็นเด็กออทิสติกนี่สิ หากไม่ได้รับการศึกษาที่ดีและได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง คงจะเอาตัวไม่รอดอย่างแน่นอน

เมื่อตัดสินใจเรื่องเรียนได้แล้ว อีกเรื่องที่ไอลดาต้องคิดหนักก็คือเรื่องที่พักและค่ากินอยู่ต่างๆ ที่เมื่อลองบวกลบคูณหารแล้ว ถึงจะใช้จ่ายอย่างจำกัดจำเขี่ยแต่ก็ยังไม่พออยู่ดี ดังนั้นหนทางเดียวที่จะทำให้เธอและริวอยู่รอดได้คือการอาศัยอยู่กับดรุณีต่อไป หลังจากใคร่ครวญไตร่ตรองดีแล้วไอลดาจึงบอกถึงการตัดสินใจของเธอให้ดรุณีรู้

“หนูกับริวคงต้องรบกวนอาศัยอยู่กับน้าณีสักระยะหนึ่งค่ะ พรุ่งนี้หนูจะลาออกจากมหาวิทยาลัยเพื่อมาช่วยงานที่ร้านช่วงกลางวัน แต่ช่วงเช้าและช่วงค่ำหนูคงต้องหางานพิเศษทำ หวังว่าคงจะไม่ขัดข้องนะคะ” ไอลดาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเกรงใจ

“ไม่มีปัญหาหรอกจ้ะ งั้นอาทิตย์นี้หนูก็ไปจัดการธุระให้เรียบร้อย แล้ววันจันทร์หน้าค่อยเริ่มงาน อ้อ เรื่องริว หนูควรจะจัดการดูแลให้ดีด้วย ขืนปล่อยให้ร้องไห้โยเยแบบนี้ทั้งวัน ลูกค้าเป็นได้หนีกันหมดพอดี”ดรุณีพูดด้วยน้ำเสียงรำคาญระคนขุ่นเคือง

แต่ก่อนตอนที่พ่อแม่ของไอลดายังมีชีวิตอยู่ และส่งเงินค่ากินอยู่และค่าที่พักมาให้ น้าสาวของเธอไม่เคยออกปากว่าเวลาริวร้องไห้โยเย แต่เมื่อตอนนี้ฐานะของเธอและน้องเปลี่ยนไปเป็นผู้อาศัย ดรุณีจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเกรงใจหล่อนและน้องชายอีกต่อไป ทุกอย่างผันแปรไปตามอำนาจของเงิน

อาการของริวแย่ลงทุกวันนับตั้งแต่พ่อแม่จากไป เด็กชายมักจะร้องไห้หลังจากตื่นขึ้นมาพร้อมกับฝันร้าย แต่นับว่าโชคดีที่ริวไม่อาละวาดขว้างปาข้าวของเสียหาย ไม่อย่างนั้นแล้วไอลดาคงจะต้องมีปัญหากับน้าสาวมากกว่านี้แน่ๆ

“ริว ฟังพี่เล่านิทานดีไหม จะเอาเรื่องหมูสามตัวหรือแจ็คผู้ฆ่ายักษ์ดี” ไอลดาพยายามปลอบน้องชายให้หยุดร้องไห้ แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล เพราะริวกลับร้องไห้หนักกว่าเดิม

และนี่ก็ใกล้เวลานัดที่เธอจะต้องไปพบมากิโกะ เพื่อนชาวญี่ปุ่นที่จะช่วยฝากงานที่ร้านราเมนของลุงให้ แต่ถ้าปล่อยให้ริวร้องไห้อยู่แบบนี้ ดรุณีคงจะโมโหมาก ไอลดาจึงตัดสินใจพาริวไปด้วย

“ริว ออกไปเที่ยวกันดีไหม เดี๋ยวพี่จะซื้อไอศกรีมให้ หยุดร้องไห้แล้วแต่งตัวหล่อๆ ดีกว่านะ” ไอลดาพูดกับริวด้วยน้ำเสียงร่าเริง ดูเหมือนริวเองก็พอใจกับการที่จะได้ออกไปเดินเล่นนอกบ้านแทนที่จะนั่งอุดอู้อยู่แต่ในห้องเล็กๆ มืดๆ แบบนี้

“ริวไปด้วยครับ ริวอยากจะไปหาพ่อกับแม่” เด็กชายมีน้ำเสียงกระตือรือร้น ใจของริวคิดจะหาแต่พ่อและแม่ ไอลดาน้ำซึม ริวยังคงเชื่อเสมอว่าเขาจะได้พบกับพ่อแม่ ในโลกของเด็กชายยังมีมุมหนึ่งในหัวใจที่มีแสงแห่งความหวังหล่อเลี้ยงอยู่เสมอ

ไอลดาพาริวขึ้นรถไฟใต้ดินมุ่งหน้าไปยังย่านชินจูกุ (Shinjuku) ซึ่งเป็นที่ตั้งของร้านกันโกะราเมน (Ganko Ramen) และเป็นสถานที่นัดหมายกับเพื่อนสาวชาวญี่ปุ่น เธอมาสายสิบนาทีเพราะริวร้องไห้โยเยขอให้ซื้อไอศกรีมให้ก่อน ทำให้พลาดรถไฟในชั่วโมงเร่งด่วนที่มีผู้โดยสารยืนรอต่อคิวยาวเป็นหางว่าว

“ขอโทษนะจ๊ะ ที่มาสาย พอดีฉันต้องพาริวมาด้วยเพราะไม่มีใครดูแล” ไอลดาเอ่ยขอโทษด้วยน้ำเสียงเจื่อนๆ ชาวญี่ปุ่นเป็นคนตรงต่อเวลา ดังนั้นการมาสายจึงถือว่าเป็นเรื่องที่เสียมารยาทมาก

“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ฉันเข้าใจ ทางร้านเองลูกค้าก็เพิ่งซา งั้นเข้ามานั่งรอแป๊บนึง เดี๋ยวฉันจะตามลุงมาพบเธอ”

มากิโกะให้ไอลดาและริวนั่งรอที่โต๊ะอาหาร ร้านราเมนแห่งนี้ไม่ใหญ่โตนัก มีโต๊ะรับรองลูกค้าอยู่ราวสิบกว่าโต๊ะ แต่เพื่อให้สามารถรับรองลูกค้าได้มากขึ้นจึงมีส่วนเคาน์เตอร์ที่ติดกับบริเวณครัวให้นั่งรับประทานได้ด้วย ถึงตอนนี้จะเป็นเวลาบ่ายโมงครึ่งแล้ว แต่ภายในร้านก็ยังมีลูกค้าอยู่หลายโต๊ะ กลิ่นหอมของน้ำซุปราเมนจึงฟุ้งกระจายไปทั่วร้าน เสียงซดน้ำซุปกับเส้นบะหมี่อย่างเอร็ดอร่อย และเสียงหัวเราะสรวลเสเฮฮาของลูกค้าในร้าน ช่วยสร้างบรรยากาศให้ที่นี่มีชีวิตชีวา ไอลดากวาดตามองรอบร้านอย่างสนใจ ดูท่าทางงานที่ร้านราเมนจะไม่ใช่งานสบายๆ เพราะต้องผจญกับหม้อน้ำซุปที่เดือดควันขโมงตลอดเวลา ส่วนงานเสิร์ฟก็ต้องยกชามราเมนชามโตและหนักพร้อมกันทีละหลายชาม แต่ต่อให้งานหนักแค่ไหนไอลดาก็ไม่หวั่น ขอเพียงให้เป็นอาชีพเลี้ยงปากเลี้ยงท้องได้เธอก็ไม่เกี่ยงทั้งนั้น

ความคิดของไอลดาสะดุดลงเมื่อชายอายุราวห้าสิบเศษคาดผ้ากันเหงื่อที่ศีรษะ ใส่เสื้อยืดสีขาวพับแขนสวมผ้ากันเปื้อนดำคาดเอว ท่าทางทะมัดทะแมงเดินมาหาเธอพร้อมกับมากิโกะ

“ไอ นี่คือลุงวาตานาเบ้ ท่านเป็นลุงของฉันและเป็นเจ้าของร้านราเมนแห่งนี้” มากิโกะแนะนำไอลดาให้รู้จักกับลุงผู้เป็นว่าที่นายจ้าง วาตานาเบ้ยิ้มให้อย่างใจดี ก่อนจะเริ่มสัมภาษณ์เธอเล็กน้อยและบอกรายละเอียดเกี่ยวกับงานเสิร์ฟคร่าวๆ

“งานเสิร์ฟช่วงค่ำจะเริ่มตอนห้าโมงเย็นถึงราวเที่ยงคืน ร้านเราเปิดดึกเพราะแถวนี้เป็นย่านราตรี ยิ่งดึกคนจะยิ่งคึกคัก งานนี้ไม่มีอะไรยากนอกจากจดจำชื่อเมนูให้ได้ รับออร์เดอร์และเสิร์ฟให้ไวเพราะเราต้องทำงานแข่งกับเวลา โดยเฉพาะช่วงสองสามทุ่มลูกค้าจะแน่นร้านจนต้องยืนต่อแถว เธอรู้ใช่ไหมว่าร้านราเมนของเราเป็นร้านดัง เคยออกรายการทีวีแชมป์เปี้ยนด้วย” วาตานาเบ้บอกด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจ ไอลดาพยักหน้ารับ หญิงสาวรู้จักร้านราเมนแห่งนี้ดี ครั้งหนึ่งเธอเคยมาต่อคิวรับประทานเหมือนกัน เส้นราเมนที่นี่จะเหนียวนุ่ม น้ำซุปจะเป็นกระดูกหมูที่เสิร์ฟพร้อมกับหมูสันนอกสไลซ์บางๆ ด้านบนโรยด้วยข้าวโพด หมูสับและงา อีกเมนูที่ขายดีไม่แพ้กันคือ เกี๊ยวซ่าทอดราดพริกที่รสชาติจัดจ้านเมื่อแกล้มกับเบียร์จะให้รสชาตินุ่มลิ้นกำลังดี จึงไม่น่าแปลกที่ร้านราเมนแห่งนี้จะมีลูกค้าแน่นขนัดมากที่สุดร้านหนึ่งในย่านชินจูกุ

วาตานาเบ้บอกตัวเลขค่าจ้างที่ไม่สูงนักให้ไอลดาทราบ แต่ก็เสริมว่าเธอจะได้เงินเพิ่มเติมค่อนข้างมากจากค่าทิปในแต่ละวัน เมื่อคุยเรื่องรายละเอียดของการจ้างงาน และตกลงวันเริ่มงานกันเรียบร้อยแล้ว ไอลดาก็ขอตัวพาริวกลับบ้าน

ระหว่างทางที่จะเดินไปยังสถานีรถไฟใต้ดิน ท่ามกลางผู้คนที่เดินเบียดเสียดและเร่งรีบ สายตาของไอลดาก็จับจ้องไปที่แผ่นป้ายโฆษณามือถือที่ติดอยู่บนอาคารสูง ภาพนายแบบที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าและส่งสายตาเจ้าเสน่ห์สะกดให้เธอหยุดมอง นายแบบผู้นั้นคือชิน หรือรติกานต์ผู้มีใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตรนั่นเอง ไอลดาเชื่อว่าสาวๆ ที่เดินผ่านบริเวณนี้คงจะถูกใบหน้าและสายตาของชินสะกดไว้เช่นกัน
จะมีสักกี่คนที่สนใจมือถือในมือของชิน...ในเมื่อนายแบบน่ามองกว่ามาก

เมื่อฝูงชนเบื้องหน้าค่อยๆ ขยับตัว ไอลดาจึงเห็นภาพของชินเต็มตา ชายหนุ่มดูสง่าในเสื้อสูทเข้ารูปสีดำที่แหวกให้เห็นแผ่นอกกำยำ ด้านหลังของชายหนุ่มมีปีกสีขาวแผ่สยายแลดูคล้ายปีกของเทวดา ไม่มีใครรู้หรอกว่าเทวดาจริงๆ หน้าตาเป็นอย่างไร แต่ถ้านิยามของเทวดาคือความหล่อเหลาและสง่างาม รูปลักษณ์ของชินก็คงจัดว่าเป็นเทวดาได้

ใบหน้าอ่อนเยาว์ขี้เล่นของชินทำให้ไอลดานึกเผลอไผลไปถึงกามเทพหนุ่มที่ทำหน้าที่สื่อรักเล็งศรให้มนุษย์ตกหลุมรักกัน แต่ถ้ากามเทพรูปร่างหน้าตาแบบชิน เธอก็คิดว่าสาวๆ คงอยากจะตกหลุมรักกามเทพหนุ่มเสียมากกว่ากระมัง “พ่อครับ แม่ครับ รอริวด้วย” ริวตะโกนลั่นขึ้นที่ฟุตพาทริมถนน สายตาของเด็กชายพุ่งมองตรงไปยังสามีภรรยาคู่หนึ่งที่กำลังเดินอยู่ฝั่งตรงข้าม ไอลดาไม่ทันได้ร้องห้ามหรือจับตัวริวไว้ทัน ชั่วเวลาแป๊บเดียวริวก็วิ่งพรวดไปยังทางม้าลายที่สี่แยกถนนใหญ่ เพื่อวิ่งข้ามไปหาสามีภรรยาคู่นั้นที่เด็กชายคิดว่าเป็นพ่อและแม่

โชคดีที่สัญญาณไฟจราจรเริ่มเปลี่ยนเป็นไฟเหลือง ทำให้รถสปอร์ตที่วิ่งมาด้วยความเร็วเบรกจนล้อเบียดกับพื้นถนนเกิดเสียงดังเอี๊ยด รถที่ตามมาทางด้านหลังแทบจะชนรถด้านหน้าที่เบรกกะทันหันมาเป็นทอดๆ เสียงบีบแตรดังสนั่น

“ปล่อยให้เด็กวิ่งมาได้ยังไง อยากตายนักหรือไง” ชายหนุ่มที่ขับรถสปอร์ตยื่นหน้ามาตวาดอย่างโกรธเกรี้ยว ไอลดารีบกล่าวขอโทษ หากเมื่อกี้เป็นไฟแดง ริวอาจถูกรถสปอร์ตคันนั้นชนแล้วก็ได้ และแน่นอนชายหนุ่มก็อาจจะได้รับโทษหรือไม่ก็เสียเวลาขึ้นโรงพักโดยที่ตัวเขาเองไม่ได้มีเจตนาให้เกิดอุบัติเหตุเลยแม้แต่น้อย ในระหว่างที่ไอลดาก้มหน้ารับคำด่าทอ ริวที่ร้องไห้ด้วยความตกใจก็สะบัดตัวออกจากการเกาะกุมของไอลดาแล้วรีบวิ่งไปหาสามีภรรยาคู่นั้น

ในใจของริวตอนนี้มีเพียงแค่ความต้องการที่จะตามหาพ่อและแม่ให้พบ น้องชายของเธอคงจะคิดถึงท่านทั้งสองจับใจ ไอลดาเข้าใจความรู้สึกของริวดี เพราะเธอเองก็รู้สึกแบบนั้นเช่นกัน

ไอลดารีบวิ่งตามริวไปจนพบว่ากำลังเกาะแขนของหญิงวัยกลางคนผู้หนึ่งซึ่งดูละม้ายกับดวงพร แม่ของเธอไม่น้อย หญิงผู้นั้นมีท่าทางตกใจทำอะไรไม่ถูก เช่นเดียวกับสามีของนางที่ยืนนิ่งเช่นกัน

“ขอโทษจริงๆ นะคะ น้องชายของฉันคงจะจำคนผิด” ไอลดาโค้งกายพลางขอโทษสามีภรรยาคู่นั้น ก่อนจะค่อยๆ แกะมือของริวที่เกาะแขนหญิงผู้นั้นไว้แน่น แล้วรีบจูงออกไป

มือของไอลดาที่เกาะกุมริวอยู่นั้นยังสั่นเทา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ทำให้เธอตกใจจนแทบเสียสติ ความประมาทใจลอยของเธอเกือบทำให้ริวถูกรถชนตายไปแล้ว
เมื่อเดินมาได้สักพักและเริ่มปลอดจากฝูงชน สิ่งแรกที่ประจันหน้ากับหญิงสาวในเวลานี้คือ รูปภาพโฆษณาของรติกานต์อันเดิมที่เห็นจากระยะไกล ทว่าในเวลานี้มันช่างใกล้ราวกับว่าตัวจริงของรติกานต์ปรากฏอยู่ตรงหน้า ความรู้สึกของไอลดายามที่มองชายหนุ่มนั้นเปลี่ยนไปจากครั้งแรกโดยสิ้นเชิง

หากเธอจะโทษว่าสาเหตุที่ทำให้ริวเกือบจะประสบอุบัติเหตุ ส่วนหนึ่งก็ต้องเป็นเพราะผู้ชายคนนี้ หากไอลดาไม่เผลอไผลจ้องมองรูปของเขา ริวก็คงไม่พรวดพราดวิ่งไปกลางถนนอย่างนี้

รติกานต์จะต้องเป็นปีศาจในคราบเทวดาแน่ๆ เขาเกือบจะคร่าชีวิตของริวไปจากเธอ และมันต้องไม่ใช่เรื่องบังเอิญ เพราะก่อนที่จะได้รับข่าวร้ายว่าพ่อแม่ของเธอเสียชีวิต เธอก็เห็นรูปภาพของรติกานต์เหมือนกัน

ไอลดาจึงมองดูป้ายโฆษณาที่มีรูปรติกานต์ยืนตระหง่านอยู่เบื้องหน้าด้วยความรู้สึกเกลียดชังและหวาดกลัว ดวงตาขี้เล่นทรงเสน่ห์ของชินที่ไอลดาเคยมองด้วยความเคลิบเคลิ้มแปรเปลี่ยนเป็นดวงตาที่ฉายแววเย้ยหยัน มุมปากของชายหนุ่มเผยอยิ้มน้อยๆ แลดูเหมือนเขากำลังสาแก่ใจที่ได้เห็นโชคชะตาเล่นงานเธอและน้องจนซวนเซ
ไอลดาได้แต่สะอื้นในอก เธอไม่รู้ว่าเบื้องบนพยายามทดสอบหรือเล่นตลกกับชีวิตของเธอกันแน่

การสูญเสียครั้งใหญ่ในชีวิตครั้งนี้เป็นแค่เพียงจุดเริ่มต้น ม่านแห่งโศกนาฏกรรมชีวิตของเธอเพิ่งเริ่มเปิดฉาก ไอลดาจ้องมองรูปของรติกานต์อย่างท้าทายพลางรำพึงในใจราวกับว่ารูปภาพนั้นมีชีวิตจริงๆ

“คราวหน้าที่ฉันพบคุณ ฉันจะเจออะไรอีก อย่าคิดว่าคนอย่างฉันจะยอมแพ้กับอะไรง่ายๆ นะ”

ใกล้ถึงเวลาเลิกงานแล้ว อีกไม่นานถนนแทบทุกสายจะแน่นขนัด พนักงานออฟฟิซจะเดินกันขวักไขว่เหมือนฝูงนกเพนกวิน และแน่นอนว่าผู้คนในรถไฟใต้ดินจะเบียดกันเป็นปลากระป๋องจนแทบไม่มีอากาศหายใจ ไอลดาจูงมือริวที่ตอนนี้สิ้นฤทธิ์แต่ใบหน้าเศร้าหมองเดินตรงไปยังสถานีรถไฟใต้ดินอย่างเร่งรีบ ถึงชีวิตของเธอจะหยุดนิ่ง แต่ชีวิตในโตเกียวนั้นไม่เคยรีรอสำหรับคนที่ย่อท้อหรือปล่อยชีวิตไปอย่างไร้ค่า

จบตอนที่ 2



นภาสรร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 8 มิ.ย. 2555, 08:53:37 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 8 มิ.ย. 2555, 08:54:43 น.

จำนวนการเข้าชม : 1518





<< 1   ตอนที่ 3 >>
นาถลดา 8 มิ.ย. 2555, 09:21:08 น.
T-T หนูริวของพี่


นภาสรร 8 มิ.ย. 2555, 09:26:12 น.
หนูริวของโจ้ยังเพิ่มเริ่มต้นเท่าน้านนนน T_T


นาถลดา 8 มิ.ย. 2555, 10:31:14 น.
ถ้าจะต้องเสียน้ำตาอีกหลายถังกับหนูริว ไม่เป็นไร เพื่อหนูริวน้องยอมได้


นภาสรร 8 มิ.ย. 2555, 10:51:11 น.
อยากกด like ให้หนูจังโจ้ ขอบคุณที่รักน้องริวนะจ้ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account