กรรมสิทธิ์หัวใจ
“แล้วทำไมหนูถึงต้องทำตามที่คุณพีต้องการทุกอย่างด้วยเล่า!”

วริณสิตาตะโกนก้อง ราวกับจะร้องเพื่อปลดปล่อยอารมณ์ร้อนที่สุมในใจ สาวน้อยหารู้ไม่ ว่าการกระทำนั้นทำให้ดวงตาคมปลาบเบิกขึ้นสว่างวาบ

พีรพัฒน์ตวัดต้นแขนเล็กที่จับไว้ในมือให้ถลาเข้ามา กระซิบเย็นเยียบ หน้าเกือบประชิดหน้า

“เพราะเธอ คือ ‘กรรมสิทธิ์’ ของฉันไงล่ะวริณสิตา!”

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ตอนที่ 27

ตอนที่ ๒๗

พีรพัฒน์ได้แต่ขมวดคิ้วนิ่วหน้าจ้องมองรอยแผลที่แทบจะเรียกได้ว่าถูกบาดยับบนฝ่ามือน้อยๆที่อยู่ในมือเขา ยิ่งเห็น ยิ่งดู ก็ยิ่งนึกว่ามันน่าโมโห ก็แผลหนักขนาดนี้ยังจะมาอวดเก่งอวดดีกับเขาอีก ชายหนุ่มจรดปลายแหนบลงไปตรงที่สะกิดเมื่อกี้แล้วแม่เด็กอวดเก่งนี่สะดุ้งเป็นกุ้งดีด แต่ไม่ทันที่เขาจะคีบเศษแก้วที่เห็นแล้วว่าอยู่ตรงไหนออกมา เสียงสูดน้ำมูกเบาๆก็ทำให้เขาต้องเงยหน้า เงยขึ้นเพียงเพื่อจะได้พบว่า...

น้ำตา...กำลังไหลลงมาอาบแก้มสาวน้อย

ผู้ปกครองหนุ่มนิ่งอั้นทันใด ขณะที่อีกฝ่ายก็รีบใช้มืออีกข้างป้ายน้ำตาทิ้งทันที

“อะไร แค่นี้ ร้องไห้ทำไมฮึ?” พีรพัฒน์ว่า เสก้มหน้าประหนึ่งว่ากลับไปสนใจคีบเศษแก้วในแผลทั้งที่จริงๆข้างใน ใจยวบหล่นไปไหนแล้วไม่รู้ เพราะขึ้นชื่อว่า ‘คน’ ยิ่งเมื่อเจ็บตัว ต่อให้ปากแข็งแค่ไหน ก็ต้องการกำลังใจทั้งนั้น! แล้วที่สำคัญ ตั้งแต่วันที่พบหน้ากันครั้งแรก เขาก็รู้แล้วไม่ใช่หรือว่าวริณสิตาเป็นคนแบบไหน

เข้มแข็ง...มุ่งมั่นจนบางครั้งเหมือนกับเด็กดื้อ

ใช่ สาวน้อยคนนี้เป็นแบบนั้น แต่ปัญหาคือเขาปลอบใจใครด้วยถ้อยคำหวานๆเป็นที่ไหน โดยเฉพาะกับคนที่เพิ่งจะแสร้งเย็นชาใส่เพราะความโมโห ผู้ปกครองหนุ่มเลยลอบผ่อนลมหายใจแผ่วๆ

“ถ้าอยากจะเป็นคนเก่ง เธอก็ต้องเก่งให้ตลอดซี ทีตอนนั่งเลือดอาบ ฉันยังไม่เห็นน้ำตาเธอสักหยดเลยนะ แล้วนี่อะไร แค่เศษแก้วเล็กนิดเดียวเอง ร้องทำไมหืม?”

นั่นสิ คนถูกถามได้แต่นั่งปาดน้ำตา เพราะแม้แต่ตัวเองก็ยังไม่เข้าใจว่าน้ำตามากมายนี่มาจากไหน ทีตอนแก้วบาดใหม่ๆที่เลือดงี้ไหลพลั่กๆยังทนได้ แล้วนี่ทำไม...ทำไมก็ไม่รู้...

วริณสิตาสูดหายใจเข้าปอดยาวๆ พยายามแข็งใจหยุดสะอื้นให้ได้ แต่มันไม่ง่ายเลย

“เออ! แล้วนี่เธอถูกแก้วบาดขนาดนี้ได้ยังไง ไหน ลองเล่าให้ฉันฟังหน่อยได้มั้ย หืม?”
จู่ๆผู้ปกครองก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาจากเรื่องเก่งไม่เก่งไป แต่เพราะถ้อยคำและน้ำเสียงที่ใช้ซึ่งอ่อนโยนลงไปจนสัมผัสได้นั่นแหละที่ส่งผลให้น้ำตาที่เกือบจะแห้งได้แล้วต้องกลับรื้นขึ้นมาใหม่

ก็เขาเห็นเธอเป็นอะไร ตบหัวแล้วถึงจะมาลูบหลัง! เพราะงั้นสาวน้อยจึงเบือนหน้า ก่อนส่ายขวับๆซ้ายขวาจนผมกระจาย

“อ้าว...” ผู้ปกครองเลยลากเสียงยาวขณะบรรจงคีบเศษแก้วออกให้อย่างเบาที่สุด “ทำไมล่ะ อย่าลืมซี ฉันเป็นผู้ปกครองของเธอนะ แล้วเด็กในปกครองเจ็บขนาดนี้ จะไม่ให้ฉันได้รู้ต้นสายปลายเหตุเลยได้ยังไง ใช่มั้ย” ประหลาดแท้ที่หนนี้ผู้ปกครองดันเผลอทำเสียงเล็กเสียงน้อยเสียจนคนถูกถามยังนึกอัศจรรย์ แล้วไหนจะใบหน้า ที่ตอนนี้คลี่ยิ้มแป้นแร้นต่างจากเมื่อนาทีที่แล้วเป็นหน้ากับหลังอีก แต่...

แต่ถึงยังไงก็ยังไม่ใช่อะไรที่จะสลายอารมณ์เคืองได้ง่ายๆสักหน่อย เพราะงั้นสาวน้อยจึงยังส่ายหน้า ทว่าไม่สบตาเขาหรอก!

“โธ่! อะไร ดื้อกับผู้ปกครองได้รึ”

ได้ไม่ได้ไม่รู้แหละ แต่ไม่ตอบแล้วกัน!

“เฮ้อ!” ท้ายสุดผู้ปกครองหนุ่มก็ผ่อนลมหายใจออกไปเฮือกใหญ่ เขาก้มหน้าและเริ่มแตะยาใส่แผลให้วริณสิตาเบาๆ

“นี่ รู้อะไรมั้ย” เสียงเขาว่า “ถ้าเธอไม่บอกน่ะ ฉันก็คงรู้ไม่ได้หรอกว่าเรื่องจริงมันเป็นยังไง เพราะไอ้เหตุผลที่เขาอ้าง ว่าเด็กของฉันซุ่มซ่ามหกล้มแล้วทำแก้วทั้งถาดตกแตกบาดมือตัวเอง ฉันไม่ค่อยอยากเชื่อ”

อะไรนะ? วริณสิตาเบิกตากว้าง สะบัดหน้ากลับมามองทันที

ก็เมื่อกี้...เขาบอกว่า...ไม่อยากเชื่อเหตุผล...ของคนบ้านนั้นหรือ?...

“ว่าไง?” พีรพัฒน์เงยหน้า จ้องตาสาวน้อยจริงจัง “จะเล่าให้ฉันฟังได้มั้ย?”

“เอ่อ...” วริณสิตาอึ้งไปเล็กๆ เพราะเมื่อเอาเข้าจริง จะให้บอกได้ยังไงว่าเพราะหทัยรักตั้งใจจะสาดน้ำใส่คุณสายสุนีย์ เธอเลยถลันไปขวางไว้จึงโดนหางเลขเข้าไปเต็มเหนี่ยว

นั่นละ! เมื่อเรื่องจริงเป็นอย่างนั้น แล้วเขาจะเชื่อหรือ?

ระหว่างเด็กที่มาขอความอุปการะเลี้ยงกับสาวสวยคนสำคัญ แล้ว...เขาจะเชื่อเธอหรือ?

“ว่าไง? ไหนเล่ามาหน่อยซิ”
“เอ่อ...” วริณสิตาก้มหน้ามองพื้นทันที “คือ...คือหนู...หนูซุ่มซ่ามเองจริงๆค่ะ”

เกิดความเงียบเข้าครอบคลุมทันใดเมื่อสาวน้อยตัดสินใจบอกไปแบบนั้น

ซุ่มซ่ามเองงั้นรึ...พีรพัฒน์มองคราบน้ำสีส้มที่เปรอะเสื้อคนใส่แค่ช่วงคอ อกและก็ไหล่แค่นั้น มิหนำซ้ำน้ำส้มแท้ๆอย่างดีที่คุณอมรเลือกใช้เสิร์ฟแขกยังทิ้งเกล็ดส้มไว้ให้ดูต่างหน้าอีกต่างหาก ผู้ปกครองหนุ่มผ่อนลมหายใจออกไปหนักๆ

“อืม! ถ้าเธอยืนยันอย่างนั้น ทีหลังก็ระวังหน่อยแล้วกัน” เขาบอกก่อนหันลงไปใส่ใจกับการเริ่มต้นค่อยๆพันผ้าพันแผลกลับให้สาวน้อย

“เดี๋ยวพันแผลให้เสร็จก็เสร็จแล้ว เธอก็ไปพักผ่อนได้ แต่เวลาอาบน้ำก็ต้องระวังหน่อย อย่าให้แผลเปียกล่ะ เอาละ เสร็จแล้ว”

“ขอบคุณค่ะ” วริณสิตาเอ่ย

“ไม่เป็นไร” เสียงเขาบอก วริณสิตาค่อยๆเงยหน้าแล้วก็ได้พบว่าผู้ปกครองนั้นกำลังจ้องเธออยู่ และมันก็เป็นความอึดอัดแสนลำบากของคนที่มีชนักปักหลัง ด้วยอยู่กับยายก็ไม่เคยจะปดใครมาก่อนในชีวิต เพราะงั้นสายตาคมๆที่มอง เลยเหมือนกับจะรู้ทันเพราะสายตานั้นอย่างกับจะคาดคั้นแทงทะลุ!

วริณสิตาจำต้องหลบ

“เอ่อ...ถ้าไม่มีอะไรแล้ว หนู...ขออนุญาตไปพักก่อนได้ไหมคะ”
กลั้นใจขอไปแล้วก็ได้แต่ตุ๊มๆต่อมๆว่าผู้ปกครองจะอนุญาตไหม และเมื่อได้ยินเสียง ‘อืม’ ในทำนองว่าได้ เมื่อนั้นใจก็กระโดด สาวน้อยรีบลุกทันที ก้าวยาวๆไปทางบันไดให้ไวที่สุด แต่ก็ไม่ทันที่จะได้ขึ้นหรอก เสียงทุ้มๆก็เอ่ย...

“เดี๋ยวก่อนซิวริณสิตา”

คนถูกเรียกชะงักขา แทบจะหลับตาปี๋

“คะ?” สาวน้อยค่อยๆหันกลับมา พยายามทำตาใสๆ ทั้งที่ใจหวั่นๆ ยายจ๋า จิ๊บขอโทษนะจ๊ะ ความจริงจิ๊บไม่ได้อยากโกหกคุณพีเลย แต่ว่าเรื่องนี้ จิ๊บไม่รู้จะพูดยังไงจริงๆ ช่วยจิ๊บด้วยเถอะ!

ผู้ปกครองหนุ่มลุกขึ้นช้าๆก่อนเดินมาทางบันไดด้วย ดูท่าเขาเองก็คงต้องการจะขึ้นห้องของตนเหมือนกัน แต่ยิ่งเขาเดินมาใกล้ ใจวริณสิตาก็ยิ่งหวั่น กระทั่งเขามาหยุดอยู่ตรงหน้า ให้ตายวริณสิตาก็ไม่กล้ามอง!

“ในฐานะผู้ปกครอง” เสียงเขาว่า “ฉันอยากให้เธอดูแลตัวเองให้ดีนะวริณสิตา เพราะไม่มีใคร จะปกป้องใครได้ดีที่สุดเท่ากับตัวของตัวเอง จำเอาไว้”

“เอ่อ...ค่ะ” วริณสิตาพยักหน้ารับคำ ผู้ปกครองหนุ่มคลี่ยิ้มบางๆก่อนก้าวขึ้นบันไดต่อ ทว่าไปไม่เกินสามขั้นเขาก็หันกลับมาอีก คิ้วเข้มๆนั้นกระดกองศาขึ้นเมื่อพูดเหมือนประหนึ่งจะเปรยกับลมกับฟ้า

“อืม! แต่ฉันก็ยังสงสัยนะว่าเธอล้มท่าไหนกันมันถึงได้มีเกล็ดส้มติดอยู่ที่ผมเธอด้วย คงพิสดารอยู่ ว่ามั้ย”
กล่าวจบเขาก็เดินไป ทิ้งให้ใครบางคนต้องอ้าปากค้าง หน้าร้อนเห่อ เพราะ...

เพราะเขารู้แน่ๆว่าเธอพูดปด!

โอ๊ย! ยายจ๋า วริณสิตาร่ำๆในใจ ยกมือขึ้นหวังจะคว้าล็อกเก็ตอันน้อยที่ใส่รูปยายห้อยคอติดตัวไว้ แต่แล้วก็ต้องชาวาบไปทั้งใจเมื่อพบว่า บนคอเธอน่ะว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย

สร้อยที่แขวนล็อกเก็ตรูปยาย หลุดหายไปไหนแล้วไม่รู้!



“นีย์...สุนีย์...สายสุนีย์!”
เจ้าของชื่อถึงกับสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงทุ้มเอ่ยเรียกเต็มยศ สายสุนีย์หันมาขานรับ สีหน้าตื่นๆ

“คะ? อะ...อะไรหรือคะ?”

“เป็นอะไร เหม่อจริง ฉันเรียกตั้งนานแล้ว เธอไม่ได้ยินเลยหรือ” คุณอมรเอ่ยถาม ยกแก้วน้ำขึ้นจิบ
“เอ่อ...”

“แล้วทำไมถึงยังไม่ทานล่ะนั่น” แล้วก็ถามอีกเมื่อไม่เห็นอีกฝ่ายแตะต้องอาหารตรงหน้าสักที

คนถูกถามคลี่ยิ้มเฝื่อน เสก้มมองมื้อเช้าแรกของตัวเองในฐานะคุณผู้หญิงแห่งบ้านวรโชติ มันคือข้าวต้มทะเลที่เสิร์ฟในถ้วยเซรามิกเนื้อดีเขียนลายสุดหรูและจัดอยู่บนโต๊ะรับประทานอาหารไม้สักแท้ราคาเฉียดแสน เห็นแล้วก็ได้แต่กะพริบตา เพราะนี่แหละมันต่างเหลือเกิน

ใช่! นี่มันช่างแตกต่างจากกับข้าวค้างคืนในชามสังกะสีบนพื้นห้องเช่าสุดโทรมที่เคยจมปลักอยู่มาครึ่งค่อนชีวิตเสียเหลือเกิน!

สายสุนีย์พยายามปัดเรื่องวิตกในใจทิ้งก่อนส่งยิ้มนิดๆให้สามี

“ทำไมล่ะ รึรสชาติอาหารคุณช้อยไม่อร่อยถูกปากเธอรึ” คุณอมรพยายามเดาอีก ด้วยความที่งานซึ่งอุตส่าห์ตั้งใจจัดให้เมื่อคืนก็มีแต่เรื่องไม่ดีเท่าไหร่ เช้านี้คุณอมรจึงอยากจะเอาใจภรรยาคนใหม่เต็มที่ เพราะงั้นเมื่อสายสุนีย์แสดงท่าประหนึ่งจะอ้ำอึ้งเล็กๆ เมื่อนั้นคุณอมรจึงหันไปสั่งคนที่ยืนประจำอยู่ด้านข้างโต๊ะอาหารทันที

“คุณช้อย เปลี่ยนของเช้าเป็นขนมปังปิ้งกับไข่ดาวให้คุณผู้หญิงหน่อยสิ”

แม่บ้านใหญ่ของตระกูลวรโชติหน้าบึ้งทันใด ส่วนสาวใช้ที่เป็นลูกมือช่วยคุณช้อยเสิร์ฟก็ยืนนิ่งตัวเกร็ง

“อิฉันทำอาหารให้คุณท่านกับคุณหนูรักทานมายี่สิบกว่าปี ไม่เคยมีที่ไม่ถูกปาก!” คุณช้อยบอก

แต่แน่ละ แค่แม่บ้านใหญ่ที่อยู่รับใช้ตะกูลวรโชติมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าหรือจะสู้ภรรยาใหม่ที่เพิ่งแต่งออกหน้าหมาดๆ

“แต่คุณสายสุนีย์เขาไม่กิน เห็นรึเปล่าเล่า ฉันบอกให้ไปเปลี่ยนก็ไปเปลี่ยนมาเถอะน่า”
“ฮึ!” คุณช้อยเชิดหน้าขึ้นน้อยๆ “ขนมปังไข่ดาว จะถูกปากรึ ดูท่าจะเคยกินแต่พวกน้ำพริกปลาร้า!”
“คุณช้อย!” คุณอมรตวาดลั่นส่งผลให้แม่บ้านใหญ่ถึงกับนิ่งอั้น ส่วนเด็กรับใช้ที่กำลังหัวเราะคิกกับวาจากระแทกแดกดันก็หยุดกึก แม่บ้านใหญ่จ้องหน้าผู้เป็นเจ้านายอย่างขัดเคืองน้อยใจ

“ไป นังจอย พวกขี้ข้าอย่างเอ็งกับข้าน่ะ ไปทำอาหารฝรั่งมาบริการคุณผู้หญิงท่านหน่อย!” ว่าแล้วแม่บ้านใหญ่ของตระกูลก็เดินคอแข็งจากไป ทิ้งให้คุณอมรกระแทกลมหายใจด้วยความหัวเสีย

“เฮ้อ! เห็นว่าอยู่กันมาจนเก่าจนแก่ ชักจะเอาใหญ่!”
“โธ่! ใจเย็นๆเถอะค่ะ” สายสุนีย์ห้ามปรามตามหน้าที่ภรรยาแสนดี แม้ตอนแรกหน้าจะร้อนเห่อ นึกอยู่ในใจว่านี่ถ้าเจอกันสมัยที่ยังเป็นแค่ ‘อีสายสุนีย์’ ล่ะก็ อาจมีข่มอารมณ์ไม่ไหวได้ แต่แน่ละ ตอนนี้ไม่ใช่ มันก็ต้องลองทน!

“เฮ้อ!” คุณอมรลากเสียงยาว “เธอก็อ่อนอย่างนี้ ทั้งหัวหงอกหัวดำในบ้านมันถึงไม่เคารพยำเกรงไง”

สายสุนีย์คลี่ยิ้มบางๆ

“โธ่! ก็คนต่ำต้อยอย่างนีย์จะบังอาจไปสู้รบปรบมือกับใครเขาได้คะ”

ด้วยประโยคแบบเจียมเนื้อเจียมตัวสุดๆอย่างนั้น คุณอมรก็ถึงกับยิ้ม ยื่นมือไปกุมมือสายสุนีย์ไว้

“ก็เพราะเธอดีอย่างนี้นี่แหละ เย็นเป็นน้ำ ฉันถึงได้เลือกเธอมาเป็นคู่ชีวิต คิดว่าเธอคงจะเข้ากับยายรักได้แน่”

สายสุนีย์ยิ้มเฝื่อน พยายามสุดแสนที่จะเค้นคำตอบรับ ‘ค่ะ’ ออกมาทั้งที่ในใจนึกถึงว่า งานเลี้ยงเมื่อคืนที่วาดฝันไว้สวยหรู มันทั้งกร่อยและอัปมงคลได้ขนาดไหนเพราะนังผู้หญิงร้ายกาจที่ถูกเอ่ยชื่อนั่น! และดูเหมือนดวงก็คงจะไม่ค่อยถูกโฉลกกันจริงๆเพราะพูดยังไม่ทันขาดคำนังผู้หญิงร้ายกาจก็มา

“อ้าว! ยายรัก” คุณอมรเอ่ยทักเมื่อเห็นหทัยรักกำลังเดินลิ่วผ่านหน้าห้องอาหาร “จะไปไหนล่ะลูก มา มาทานข้าวกับพ่อสิ”

หทัยรักหันกลับมา เบ้หน้าอย่างไม่คิดจะปิดบังสักนิด

“ไม่เอาหรอกค่ะ ต้องนั่งร่วมโต๊ะกับพวกคนระดับล่างน่ะ รักทานไม่ลง!” ว่าจบสาวสวยก็สวมแว่นกันแดดเข้ากับใบหน้า แล้วก้าวยาวๆออกประตูไปโดยไม่สนใครทั้งสิ้น

คุณอมรนั้นได้แต่อึ้ง เพราะนี่ล่ะ! เอาใหญ่ตัวแม่! แต่แน่นอน ใครจะทำอะไรได้ ประมุขใหญ่บ้านวรโชติเลยเสก้มหน้า ตักอาหารเช้าเข้าปากและไม่พูดอะไรสักนิด!

สายสุนีย์ได้แต่พยายามสะกดความรู้สึก แต่นั่นไม่ใช่เรื่องง่าย

“เอ่อ...ถ้าคุณไม่ว่าอะไร นีย์...ขอออกไปเดินเล่นข้างนอกหน่อยได้ไหมคะ”

“อืม! ก็ได้ ตามใจเธอเถอะ” คนถูกขออนุญาตง่ายดาย เพราะความจริงก็หน้าม้านอยู่หน่อยๆที่ท้ายสุดคนอย่าง อมร วรโชติ ดันกล้าด่าโชว์แค่คนใช้!

ด้วยเหตุนั้นสายสุนีย์จึงได้ออกมาเดินในสวนสวยของบ้านวรโชติเพื่อสงบจิตสงบใจ และถึงแม้งานเลี้ยงฉลองเมื่อคืนจะผ่านไปแล้ว แต่ในสวนที่ถูกใช้เป็นสถานที่จัดก็ยังเหลือร่องรอย เพราะของประเภทซุ้มและม่านดอกไม้ต่างๆที่จัดประดับก็ยังไม่ได้ถูกรื้อเก็บไป ความสวยงามในการตกแต่งสถานที่จึงยังอยู่ ซึ่งเห็นแล้วก็อดจะทำให้นึกไม่ได้

สายสุนีย์ยังจำความรู้สึกตอนที่ได้ใส่ชุดราตรีเฉิดฉาย เดินทักทายคนโน้นคนนี้กับคุณอมรมันมีความสุขขนาดไหน

ความสุข...ที่เหมือนตัวเองได้กลายเป็นคนในชนชั้นมีเงินไปแล้ว มันราวตัวเองอยู่ในฝัน กระทั่งยายหทัยรักตัวแสบนั่นโผล่เข้ามาสร้างความวุ่นวาย!

นึกถึงเหตุการณ์ต่อจากนั้นแล้วก็ยังจำความตระหนกได้ดี ความตระหนกที่แทบจะทำให้เลือดในกายเย็นเยียบกลายเป็นน้ำแข็ง

กับแว่บนั้น แว่บที่ประจันหน้ากับคน ที่รู้อดีตซึ่งอาจส่งผลต่ออนาคต!

นึกแล้วก็เครียดขึ้นไปอีกขั้น สายสุนีย์สูดหายใจเข้าปอดลึกๆ พยายามสงบสติเมื่อพยายามคิดในแง่ดีว่าอย่าตระหนก เรื่องหน้าสิ่วหน้าขวานมันผ่านไปแล้ว ใช่! วินาทีนั้นมันผ่านไปแล้ว! ตอนนี้เธอได้มายืนอยู่ในฐานะคุณผู้หญิงของบ้านแล้ว

แล้วจะวิตกอะไร?

สายสุนีย์กวาดสายตามองอาณาจักของวรโชติอีกครั้ง ทั้งอาณาบริเวณที่กว้างขวาง มีสวนหย่อมสวยรายล้อม มีศาลารับแขกกลางแจ้ง สระว่ายน้ำ โรงรถที่มีรถเก๋งคันใหญ่จอดเรียงรายเกือบสิบคัน และที่สำคัญคฤหาสน์หลังใหญ่ที่โอ่อาสวยงามยังกับวัง

แล้วสถานที่แบบนี้ ความเป็นอยู่สุขสบายแบบนี้ไม่ใช่หรือไร ที่คนอย่างสายสุนีย์คนนี้ดิ้นรนขวนขวายเพื่อให้ได้มาตลอด!

ถ้าหากวันหนึ่งเกิดมีบางเรื่องที่ทำให้ต้องเสียมันไป?

ไม่มีทาง! สายสุนีย์บอกตัวเอง เธอจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นเด็ดขาด!

คุณผู้หญิงคนใหม่แห่งบ้านวรโชติเชิดหน้า คิดเพียงว่าต่อไปนี้จะต้องวางตัวให้เหมาะ อย่าไปเกี่ยวข้องอะไรกับหญิงรับใช้คนนั้น แล้วทุกอย่างก็ต้องเงียบไปเอง

ใช่! มันต้องเงียบไป เพราะตอนนี้คุณสายสุนีย์คนนี้คนละชนชั้นกับหญิงรับใช้คนนั้นแล้ว!

เมื่อคิดว่าได้ทางออกให้ตัวเองคุณผู้หญิงคนใหม่ของบ้านวรโชติก็ผ่อนคลายขึ้น สายสุนีย์ตั้งใจจะกลับเข้าไปในบ้านเพื่อทานอาหารกับคุณอมรต่อ แต่ทว่า...

อย่าค่ะ! เพล้ง!!

วูบหนึ่งที่เสียงเล็กๆนั่นดังขึ้นในมโนสำนึก สายสุนีย์ชะงัก ภาพสาวน้อยที่ถูกหทัยรักสาดน้ำเข้าหน้าจนเสียหลักล้มถูกแก้วบาดเลือดโชกปรากฎขึ้น ไวเท่ากับความคิด เมื่อคุณผู้หญิงคนใหม่ของบ้านวรโชติพาตัวเองไปยังที่เกิดเหตุ รอยเลือดหยดสองหยดที่เล็ดรอดสายตาสาวใช้ซึ่งมาทำความสะอาดอย่างเร่งรีบในงานเมื่อคืนยังทิ้งร่องรอยไว้

ไม่รู้ป่านนี้เด็กคนนั้นจะเป็นยังไง

สายสุนีย์ได้แต่ผ่อนลมหายใจ แม้จะนึกขอบใจและห่วงใยเล็กๆที่เด็กคนนั้นต้องมาเจ็บเพราะช่วยเธอ แต่น่าเสียดาย ที่เด็กนั่นดันเป็นคนรับใช้ของบ้านนั้น มันทำให้ตัดสินใจได้ทันทีว่าเธอไม่มีวันไปเยี่ยมเด็ดๆ!

“ขอโทษนะ แต่อนาคตฉันสำคัญกว่า”

พึมพำกับลมฟ้าแล้วคุณผู้หญิงคนใหม่ของบ้านวรโชติก็ตั้งท่าจะกลับเข้าบ้าน แต่จังหวะนั้นสายตาก็พลันเห็นแสงสะท้อนวับๆจากอะไรบางอย่างที่ตกอยู่ข้างพุ่มแพงพวยฝรั่ง คุณผู้หญิงคนใหม่ของบ้านวรโชติเดินไปเก็บขึ้นมาจึงพบว่ามันเป็นสายสร้อยเงินเส้นเล็กๆหนึ่งเส้น

สายสุนีย์นิ่วหน้า

ของใคร? เด็กคนนั้นหรือเปล่า? คนคิดสันนิษฐาน เพราะมันตกอยู่ใกล้กับที่ๆเกิดเรื่อง อีกอย่างเท่าที่สังเกต คนบ้านนี้ก็ไม่มีใครใส่สายสร้อยเงินราคาถูกๆแม้แต่พวกคนใช้ ยิ่งประเภทที่มีอะไรห้อยคล้ายจะเป็นสร้อยพระอย่างนี้ด้วย พวกคนรับใช้สาวๆท่าทางรักสวยรักงามคงไม่แขวน

งั้นก็คงจะเป็นของเด็กคนนั้นนั่นล่ะ สายสุนีย์สรุปก่อนพลิกส่วนที่คิดว่าเป็นกรอบเลี่ยมพระมาดู แต่แล้วก็พบว่าจริงๆแล้วมันเป็นล็อกเก็ตอันเล็กๆต่างหาก

“อ้าว! เป็นตลับหรอกรึ ซับซ้อนจริง”

และด้วยความอยากรู้ คุณผู้หญิงคนใหม่ของบ้านวรโชติก็ถือโอกาสเปิดฝาล็อกเก็ตออกดูโดยไม่ได้รู้สึกเอะใจเลยว่า

สิ่งที่จะได้เห็นข้างใน จะทำให้เลือดในกาย เย็นเยียบจนกลายเป็นน้ำแข็งไปได้จริงๆ!
...............................




ปาริน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 4 พ.ค. 2554, 09:27:22 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 4 พ.ค. 2554, 10:43:41 น.

จำนวนการเข้าชม : 3169





<< ตอนที่ 26   ตอนที่ 28 >>
lovemuay 4 พ.ค. 2554, 10:29:20 น.
มาต่อเยอะดีจังค่ะ ขอบคุณนะคะ ^^
ขอเดาว่า ยับจิ๊บเป็นลูกสาวของสายสุนีย์แน่เลย อิอิ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account