ลิลลี่สีเพลิง

Tags: โรแมนติก-ดราม่า

ตอน: เราพบกันแล้วนะคะ...3

“พระเจ้าช่วย...แผลคุณใหญ่มากค่ะ มิสเตอร์ ฉันว่าคุณไปหาโรงบาลดีกว่านะคะ เดี๋ยวฉันจะขับรถพาคุณไปเอง ส่วนรถมอเตอร์ไซค์ของคุณก็ทิ้งไว้ที่นี่ พรุ่งนี้เช้าฉันจะให้คนไปส่ง ถ้าคุณยอมบอกว่าบ้านคุณอยู่ที่ไหน” หญิงสาวบอกอย่างร้อนรน นัยน์ตาสีม่วงสวยเต็มไปด้วยความห่วงใย หวั่นวิตก
“ทำแผลเถอะ...แผลแค่นี้เอง” เจซาเร็ตบอกอย่างไม่ยี่หระ เขาเห็นแผลแล้วแต่คิดว่าไม่น่าจะมีอะไร เขาเคยเจ็บตัวหนักมากกว่านี้ แผลถลอกเลือดออกแบบนี้...ถือว่าธรรมดา
“ไม่ได้หรอกค่ะ มิสเตอร์ คุณต้องไปหาหมอ”
“ฉันจะไม่ไปหาหมอเพราะแผลจิ๊บจ๊อยแค่นี้หรอกนะ...เอากล่องยามานี่ ฉันทำแผลเองก็ได้” เจซาเร็ตแย่งกล่องยาออกจากมือบาง แต่สาวเจ้ายื้อเอาไว้
“ตกลงค่ะ ฉันจะทำแผลให้คุณ แต่พรุ่งนี้มิสเตอร์ต้องไปให้หมอตรวจดูแผลนะคะ”
“โอเค” เจซาเร็ตตกลง วงหน้ากลัดกลุ้มของอิศราวดีจึงกระจ่างด้วยรอยยิ้มแจ่มใสอีกครั้ง
หญิงสาวลงมือทำแผลให้เขาอย่างเบามือ ล้างแผลที่หน้าแข้งและหัวเข่า ทายา ก่อนจะพันแผลด้วยผ้าสีขาวอย่างเรียบร้อยบรรจง
“เสร็จแล้วค่ะ มิสเตอร์...เพราะฉันแท้ๆเทียว คุณถึงต้องเจ็บตัวแบบนี้” อิศราวดียกมือปิดปากไม่ทัน เมื่อรู้ตัวว่าเผลอพูดอะไรออกไป ความห่วงใยแกมสำนึกผิดทำให้มิทันระวังตัว รอยยิ้มร้ายกาจผุดขึ้นที่มุมปากได้รูปสมชายของเจซาเร็ต เรียวตาสีทองดูเรืองรองเปล่งประกายของความรู้ทันอีกหน
“ในที่สุดก็ยอมรับว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเธอจงใจ” อิศราวดีเม้มเรียวปากแน่น เบือนหน้าหนีด้วยความอับอาย จะผุดลุกขึ้นยืนแต่ข้อมือเล็กถูกจับตรึง จึงต้องนั่งนิ่งข้างเขา
“คุณจะกล่าวหาว่าฉันเป็นผู้หญิงหน้าด้านก็ได้ แต่ฉันอยากรู้จักคุณจริงๆค่ะ จึงใช้วิธีนี้” เสียงของหญิงสาวสั่นเล็กน้อย อดสูใจมากทีเดียว
“และอยากเป็นคนรักของฉันด้วย” เจซาเร็ตเสริมด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม มองยัยเพี้ยนของเขาที่ก้มหน้างุดด้วยความสนใจมากขึ้นกว่าเดิม ไม่เคยเจอการทอดสะพานด้วยวิธีประหลาดแบบนี้มาก่อน แต่การยอมรับอย่างตรงไปตรงมา ซื่อบริสุทธิ์ของเจ้าตัว มันกลับทำให้เขาประทับใจอย่างเหลือเชื่อ
อิศราวดีรู้สึกว่าใบหน้าร้อนซ่านจนแทบไหม้ ขายหน้าเกินจะทน ไม่กล้าสบตาเขาอีกเหมือนในคราแรกที่เขาถามประโยคเดียวกันนี้ แม้ในครั้งแรกเธอจะกล้าหาญยอมบอกความตั้งใจว่าจะเป็นคนรักที่ดีของเขา แต่การที่ทำให้เขาจับได้ว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นคือแผนการก๋ากั๋นของเธอ และการที่ไม่สามารถปฏิเสธอย่างสุดโต่งได้อีกต่อไป มันทำให้เธออยากร้องไห้ออกมา แต่ไม่ใช่เพื่ออ้อนหรือทำให้ชายตรงหน้าเห็นใจ เพราะการร้องไห้ของเธอมันออกมาจากการที่เธอขาดความนับถือตัวเอง
เธอทำเรื่องงี่เง่าอย่างนี้ลงไปได้ยังไงนะ...เอลย่า!
ร่างบอบบางสั่นสะท้านน้อยๆแต่ทำให้คนที่กุมข้อมือเล็กรู้สึก เจซาเร็ตตกใจ รีบเชยคางมนขึ้นจึงเห็นดวงตาคู่สวยวาววับไปด้วยหยาดน้ำตาที่ร่วงพรูราวสายฝน
“ไม่เอาน่า...ที่ร้องไห้เนี่ย เพื่ออ้อนไม่ให้ฉันเอาผิดเธอใช่ไหม?” อิศราวดีรู้สึกเหมือนถูกดูหมิ่นอย่างแรง หญิงสาวปัดมือเขาออกจากคาง เชิดหน้ามองเจซาเร็ตอย่างน้อยเนื้อต่ำใจระคนโกรธกรุ่น
“ฉันไม่เคยคิดจะอ้อนคุณ ฉันร้องไห้เพราะฉันเกลียดตัวเองต่างหากล่ะคะ มิสเตอร์...ฉันเกลียดที่ตัวเองขี้ขลาดถึงขนาดต้องใช้วิธีบ้าๆแบบนี้เพื่อขอผู้ชายมาเป็นคนรัก”
เจซาเร็ตมองใบหน้าสวยที่เริ่มมอมแมมไปด้วยคราบน้ำตาอย่างทึ่งจัด นึกว่าจะสวยใสไร้สมองเพียงอย่างเดียว แต่เจ้าตัวก็หยิ่งในศักดิ์ศรีเหมือนกัน อีกครั้ง...ที่เขารู้สึกประทับใจ
“นั่นสิ...เธอขี้ขลาดมาก แต่ทำไมฉันกลับรู้สึกว่าเธอกล้าหาญเป็นบ้า!” เจซาเร็ตยิ้มทั้งเรียวปากและเรียวตา รอยยิ้มที่เหมือนเครื่องอัดลมให้ลูกโป่งหัวใจดวงน้อยๆของอิศราวดีพองโต หยดน้ำตาหยุดหลั่งรินและเริ่มเหือดแห้งทีละเล็กละน้อย
“มิสเตอร์พูดเล่นเพื่อให้ฉันเลิกเศร้าใช่ไหมคะ?”
“ฉันปลอบใจใครไม่เป็นหรอกนะ”
“แต่คุณก็ปลอบฉัน...ขอบคุณนะคะ เอ่อ...ช่วยปล่อยข้อมือด้วยค่ะ” อิศราวดีพยายามดึงข้อมือออกอย่างนุ่มนวล เจซาเร็ตเพิ่งรู้สึกตัว เขายินยอมแต่โดยดี ก่อนคนทั้งสองจะนั่งนิ่งเงียบเป็นเวลานาน กระแสลมยามค่ำพัดเอื่อยเฉื่อยแต่เย็นสบาย วงหน้าหล่อเหลาคมคายแหงนมองท้องฟ้ากว้างสีดำกำมะหยี่ที่มีจุดสว่างเล็กๆไม่กี่จุด ส่วนวงหน้างดงามหมดจดเอาแต่ก้มลงมองมือทั้งสองที่บีบเข้าหากันแน่น ราวกับเป็นอวัยวะแปลกประหลาดที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน
“เธอเรียนที่ไหน มิส...” เจซาเร็ตเอ่ยทำลายความเงียบ แปลกใจตัวเองที่ยังคงนั่งทอดอารมณ์อยู่เคียงข้างร่างเพรียวบางอวลกรุ่นไปด้วยกลิ่นดอกไม้
“คุณเรียกฉันว่าเอลย่าก็ได้ค่ะ มิสเตอร์... ฉันเรียนอยู่ที่...” อิศราวดีเอ่ยชื่อมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงของอเมริกา ติดหนึ่งในแปดของกลุ่มไอวีลีก
“ฉันชื่อเจซาเร็ต...แสดงว่าเธอต้องมีบ้านพักอยู่ใกล้มหาลัยใช่ไหม ฉันไม่คิดว่าเธอจะขับรถไปกลับจากบ้านไปมหาลัยหรอกนะ”
“ค่ะ...ฉันมีบ้านพักที่นั่น จะกลับมาพักที่บ้านคุณตาที่นี่ทุกสุดสัปดาห์เท่านั้น แล้วคุณล่ะคะ...เจซาเร็ต คงไม่ได้อยู่ที่แมคคลีนหรอกใช่ไหม” อิศราวดีหันมาถามเขา
“เพื่อนสนิทฉันอยู่ที่นี่...ส่วนฉันทำงานแล้ว เป็นพนักงานล้างรถอยู่ที่อู่ในบรู๊คลิน” เขาบอก แล้วลอบสังเกตอากัปกิริยาสาวสวย ทว่า...เธอยังคงมองเขาด้วยดวงตากระจ่างใสซื่อบริสุทธิ์ ไม่มีความผิดหวังหรือความรังเกียจให้เห็น
“คุณต้องชอบรถมากแน่ๆเลย” อิศราวดีเดาเสียงใส เจซาเร็ตเพียงยิ้ม แล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
“ฉันรู้แล้วว่าจะให้เธอรับผิดชอบอุบัติเหตุครั้งนี้ยังไง วันอังคารตอนเย็นฉันจะไปหาเธอที่มหาลัย แล้วเธอต้องเลี้ยงข้าวเย็นฉันเป็นการไถ่โทษ”
“คะ...คุณจะไปหาฉันที่มหาลัย เย็นวันอังคาร” อิศราวดีถามเสียงสูง แทบไม่เชื่อหูตัวเอง นึกภาพตัวเองนัดแนะออกเดตกับผู้ชายที่หน้ามหาวิทยาลัยไม่ออก เพราะตื่นเต้นและตกใจเกินระงับ หากทว่า...เจซาเร็ตตีอาการของหญิงสาวไปว่าเธออับอายที่จะต้องนัดเจอผู้ชายธรรมดาอย่างเขาที่มหาวิทยาลัยซึ่งส่วนมากมีแต่คนชั้นสูงเข้าเรียน ใบหน้าจึงบึ้งตึง ถามตรงๆเสียงห้วนกระด้าง
“หรืออาย ที่จะมีไอ้หนุ่มจนๆอย่างฉันไปรับลูกคุณหนูอย่างเธอที่มหาลัยผู้ดีเพื่อทานข้าวด้วยกัน” อิศราวดีส่ายศีรษะโดยพลัน
“ไม่นะคะ ฉันไม่เคยคิดเช่นนี้ ฉันเพียงแต่...ไม่เคยออกเดตกับใครมาก่อนน่ะค่ะ” พูดแล้วก็หน้าแดงก่ำ รีบผุดลุกขึ้นยืนบ้าง ได้ยินเสียงหัวเราะอารมณ์ดีเบาๆก็ยิ่งเขินจัด หันหลังหนีเจ้าของร่างสูง เพื่อปิดบังสีหน้าตื่นเต้นดีใจที่คงฟ้องชัด
“ฉันจะทำให้เดตในวันนั้นเป็นเดตที่เธอจะจดจำไปชั่วชีวิตที่เดียวล่ะ” เจซาเร็ตบอกเสียงนุ่ม
“พรุ่งนี้อย่าลืมไปหาหมอตรวจแผลด้วยนะคะ” อิศราวดีเลี่ยงที่จะตอบรับ รีบก้มลงหิ้วกล่องยาขึ้นมาแล้วออกเดิน แต่เพราะความประหม่า ตื่นเต้น ขัดเขิน อีกทั้งใจสั่นหวิวๆทำให้เธอเดินขาไขว้พันกัน จึงสะดุด ซวนเซจะล้ม หากท่อนแขนกำยำก็ตวัดรัดรอบเอวคอดอย่างทันท่วงที แล้วดึงเข้ามาประชิดลำตัวแข็งแกร่ง กระไออุ่นร้อนผ่าวแผ่ซ่านผ่านแผ่นหลังบอบบาง ก่อนจะลามไปทั่วทั้งตัว อิศราวดีร้อนวูบวาบไปทั่ว หน้าแดงจัด เอี้ยวศีรษะไปด้านหลังเพื่อจะขอบคุณเขา เผลอวางมือข้างที่ว่างบนลำแขนแกร่งโดยไม่รู้สึกตัว
บางอย่าง...บางอย่างในดวงตาสีทองสุกปลั่งที่คมปลาบฉุดดึงลมหายใจของเธอไปจนหมด เขาก้มหน้าลงมาใกล้มาก สัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นซ่านที่รวยรินเหนือหน้าผากเกลี้ยงนูน ตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยเข้าใกล้ผู้ชายคนใดสนิทแนบชิดขนาดนี้มาก่อน มิหนำซ้ำยังเป็นชายที่เฝ้าฝันถึง ผู้มีใบหน้าคมสันสมชายชาตรี รังสีของบุรุษเพศแผ่กำจายรุนแรงเหมือนการระเบิดของปรมาณู มันอบอวลทั่วทั้งบรรยากาศ ณ เวลานี้ กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆเจือกลิ่นชายชาญทำให้เลือดในกายเดือดพล่าน ความรู้สึกแปลกๆและชวนตระหนกที่อิศราวดีไม่เคยคิดว่าตัวเองจะต้องประสบ
เจซาเร็ตมีใบหน้าที่ชวนฝันมากเหลือเกิน เรือนผมสีดำสนิทเหมือนขนกาน้ำตัดซอยสั้นเข้ากับรูปหน้าของเขาที่สมบูรณ์แบบ กรามเป็นสันเหลี่ยมเข้ารูป หน้าผากกว้างแบบคนโหงวเฮ้งดี คิ้วหนาเข้มยาวพาดเฉียงเหนือดวงตายาวรีสีสวยที่หวานเหมือนอิสตรี มีขนตางอนยาวมากกว่าบุรุษทั่วไป จมูกโด่งเป็นสันตรง ปีกจมูกงองุ้มเหมือนจงอยปากนกอินทรีบ่งบอกว่าเก็บเงินเป็น ริมฝีปากหนาได้รูปเข้ากันกับคางบึกบึน เวลาเขายิ้มจะแลเห็นลักยิ้มข้างหนึ่ง เหนือเรียวปากและทั่วสันกรามเขียวครึ้มด้วยหนวดเคราตัดสั้น บ่งบอกถึงความหล่อเหลาแบบดิบเถื่อนที่เร้าใจผู้หญิงส่วนใหญ่
ยิ่งได้มาเห็นชัดๆอย่างแนบชิด ยิ่งมีแต่จะทำให้อิศราวดีปลาบปลื้มแทนเจ้าตัว แต่ยังไม่ถึงขั้นหลงเขาหัวปักหัวปำหรอกนะ!
ให้ตายเถอะ...พระผู้เป็นเจ้า ร่างบอบบางในอ้อมแขนช่างนุ่มนิ่มอะไรอย่างนี้ ไหนจะกลิ่นดอกไม้หอมกรุ่นที่ออกมาจากเรือนร่างของเจ้าหล่อน ผสมกับกลิ่นหอมของแชมพูจากเรือนผมนุ่มสลวยดุจแพรไหม นำพาความร้อนเร่าอันไม่น่าพึงปรารถนาบังเกิดขึ้นในเรือนกายแข็งแกร่งของเขารวดเร็วเสียยิ่งกว่าปรอท เขารู้ว่าผู้หญิงที่ชื่อ เอลย่า มีอิทธิพลต่ออุณหภูมิในร่างกายเขาตั้งแต่วินาทีแรกที่ประสานสายตา แต่เขากดมันลึกด้วยความโมโหกับอาการบาดเจ็บเป็นระลอก ถึงกระนั้น...อารมณ์เร่าร้อนก็เต้นเร่าๆไม่ดับลงง่ายๆ แม้กระทั่งได้เปิดปากสนทนาจนตระหนักได้ว่าเทพธิดาของเขาเป็นเพียงยัยเพี้ยนไร้เดียงสา แต่เขาก็กระหายใคร่ให้เธอมาเติมเต็มยิ่งกว่าสาวสวยใดๆที่ผ่านเข้ามาในชีวิตซึ่งมีการตกลงกันอย่างแน่นอน และเขาก็ไม่อยากยุ่งกับสาวไร้เดียงสาคนไหนให้วงจรชีวิตของเขาวุ่นวายระส่ำระส่าย
แต่เขาอยากเขมือบสาวน้อยไร้เดียงสาคนนี้เป็นบ้า!
ยิ่งดวงตาสีม่วงเข้มที่จดจ้องเขาอย่างตื่นตกใจ หวาดหวั่น ยิ่งชวนค้นหาว่าอะไรในตัวเขาที่ทำให้เธอตื่นกลัว และยิ่งไปกว่านั้น...ผู้ชายเจนโลกอย่างเขาก็แลเห็นแววโหยหาที่เร้นลึกอันปิดไม่มิดของหล่อนด้วย โอ...ให้ตายสิ เอลย่าอ่านง่ายเหมือนหนังสือเรียนของเด็กอนุบาล
เจซาเร็ตลดสายตาลงไปที่กลีบปากบางสีกุหลาบที่เผยอค้างน้อยๆ จะให้ความรู้สึกดีเพียงใดถ้าเขาลองลิ้มชิมรสชาติของเธอ อยากรู้ว่ามันจะให้ความหอมหวานราวไวน์ชั้นเลิศที่บ่มมาเนิ่นนานกว่าห้าสิบปีหรือไม่ เจซาเร็ตค่อยๆโน้มหน้าลงมาตามแรงปรารถนาอันแรงกล้า รัดวงแขนกระชับเอวคอดแน่นขึ้นโดยไม่รู้ตัว เหลืออีกเพียงนิดเขาก็จะได้ครอบครองความนุ่มละมุนแล้ว แต่เจ้าของกลีบปากสีสวยกลับเบี่ยงหน้าหนี พร้อมออกแรงดึงลำแขนเขาออกจากเอวเล็ก ผละออกไปยืนตั้งหลักห่างออกไปสามก้าว วงหน้าหวานคมแดงจัด หายใจหอบลึกหนักหน่วง
“คุณกำลังจะทำให้ฉันเป็นผู้หญิงหน้าด้านจริงๆ” อิศราวดีตัดพ้อ แถมย่นจมูกใส่อย่างน่ารัก ก่อนรีบหมุนกายเดินหายเข้าไปหลังรั้วเหล็กทันที เจซาเร็ตอึ้งไปก่อนจะหัวเราะขำออกมา เอลย่า...ไม่ใช่สาวไร้เดียงสาไปซะทุกเรื่อง!?



อิลวลาอิลตาร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 มิ.ย. 2555, 18:06:28 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 มิ.ย. 2555, 18:06:28 น.

จำนวนการเข้าชม : 1210





<< เราพบกันแล้วนะคะ...2   การเริ่มต้นของสายสัมพันธ์...1 >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account